บทที่ 4 ลูกชายเดียว
บดินทร์เดินอาดๆ ออกมาจากมหาวิทยาลัย เขาตรงไปที่ลานจอดรถ แต่จังหวะนั้นกลับมีรุ่นน้องคนหนึ่งเดินมาชนเขาเต็มๆ จนทำให้กระเป๋ากีต้าร์โปร่งสุดที่รักหล่นลงพื้นอย่างแรง
"เดินยังไงวะ ไม่ดูคนเดินสวนมาเลยรึไง"
"ขะ..ขอโทษค่ะพี่บดินทร์ หนูขอโทษนะคะ"
"เล่นโทรศัพท์จนไม่มองทาง มันน่า.." เขากำหมัดแน่นแล้วยกกระเป๋ากีต้าร์โปร่งขึ้นมาและได้พบว่าคอกีตาร์หักเสียแล้ว บดินทร์ยืนอึ้งกินกับสิ่งที่เห็น
"นะ..หนูจะชดใช้ให้นะคะ"
"ใสหัวไป ก่อนที่ฉันจะเอากีตาร์ปาดหน้าเธอ" เขากำหมัดแน่นอย่างเดือดดาล หลังจากที่บดินทร์พูดประโยคนั้นออกมารุ่นน้องสาวรีบวิ่งหนีตายทันที
"อะ..อ้าวเฮ้ย ทำไมเป็นงี้วะเนี่ย" ขุนเขาที่เดินตามเพื่อนมาเอารถมอเตอร์ไซค์เห็นสภาพกีตาร์ที่บดินทร์ถืออยู่ถึงกับหน้าเหวอไปทันที ในขณะที่บดินทร์ยืนนิ่ง "มึงโอเคไหมวะ"
"แล้วมึงคิดว่ากูโอเคไหม" บดินทร์ตอบเพื่อนเสียงเรียบก่อนจะพ่นลมหายใจออกหนักๆ "กีตาร์ตัวโปรดที่พ่อกูซื้อให้ก่อนตาย แต่วันนี้มันพังแล้ว" บดินทร์ตัดพ้อเสียงอ่อน เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"มึงให้กูเอาไปซ้อมให้ไหม ทางผ่านไปบ้านกูพอดีเลยอะ ร้านนั้นซ่อมดีด้วยนะ"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูซ่อมเอง" ว่าจบบดินทร์ก็ล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบก์คู่ใจ แล้วขับออกมาจากลานจอดรถ ใบหน้าหล่อเหลาแดงซ่านจากความโกรธ ไอความร้อนจากลมหายใจขึ้นเป็นฝ้าบนหน้ากากบังลมหมวกกันน็อก
รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบก์คันสีดำขับเข้ามาจอดในบ้านทรงไทยที่ทำด้วยไม้ทั้งหมดหลังหนึ่ง ทันทีที่บดินทร์ดับเครื่องยนต์เสียงหวานใสของหญิงสาววัยกลางคนก็ดังแทรกขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงทันที
"วันนี้ทำไมกลับบ้านเร็วจัง ไปมีเรื่องที่ไหนมาอีกรึเปล่าลูก" สายป่านเอ่ยถามลูกชายคนเดียวอย่างเป็นห่วง เธอไม่ได้เอ่ยถามเพียงอย่างเดียวแต่ยังถือโอกาสที่บดินทร์กำลังวุ่นอยู่กับกระเป๋ากีต้าร์โปร่ง สำรวจร่างกายและใบหน้าลูกด้วย
"เปล่า วันนี้ไม่มีเรียนตอนเย็น" บดินทร์ตอบแม่เสียงเรียบแล้วเดินทำหน้านิ่งเข้ามาในบ้าน สายป่านจับแขนลูกชายไว้แน่นจนบดินทร์ต้องหยุดแล้วหันมามอง
"เย็นนี้กินอะไรดีลูก"
"เดี๋ยวผมทำเองก็ได้ ไม่ต้องเหนื่อยทำหรอก" ว่าจบก็ปลีกตัวขึ้นมาบนห้องนอนส่วนตัว บดินทร์ขมวดคิ้วยุ่งกับสภาพห้องที่มันไม่เหมือนเดิม เขาวางกระเป๋าลงแล้วลงมาหาแม่หน้าบ้าน "ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเข้าไปวุ่นวายในห้อง"
"แม่แค่เก็บผ้าปูที่นอนกับผ้าห่มมาซักแค่นั้น และเก็บของนิดหน่อย"
"ผมบอกแล้วไงว่าให้อยู่เฉยๆ เดี๋ยวก็เหนื่อยอีก" บดินทร์กำหมัดแน่น พยายามทำใจให้เย็นลง ที่เขาไม่อยากให้แม่ทำงานหนักเพราะแม่กำลังป่วยเป็นภูมิแพ้ หากทำงานหนักจนเกินไปก็จะหายใจไม่ออก และอากาศข้างนอกก็ไม่ค่อยดีทำให้บดินทร์เกิดความเป็นห่วงแต่เขาไม่เคยจะบอกแม่ตรงๆ เพียงแต่ใช้การกระทำสื่อให้แม่รู้เท่านั้น
"แม่ขอโทษ ก็อยู่บ้านเฉยๆมันเบื่อนิลูก เรื่องเล็กๆ น้อยๆแบบนี้แม่ทำได้"
"…" บดินทร์ปิดปากเงียบ เขาหันหลังเดินตึงตังขึ้นมาบนห้องนอนเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง หางตาก็เหลือบเห็นกระเป๋ากีตาร์ยิ่งทำให้รู้สึกหดหู่ "จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไหมนะ" ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเสียงเบา แล้วเอากีตาร์ออกมาซ่อม
เขานั่งทำอยู่นานสองนานจนถึงตีสามของวันใหม่ บดินทร์อ้าปากหาวหวอดๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปเอนตัวลงนอนบนเตียงขนาดสามจุดห้าฟุต
"เฮ้อ~" เสียงพ่นลมหายใจออกดังขึ้นภายในห้องนอนที่ตอนนี้ปกคลุมด้วยไอความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศบวกด้วยวันนี้ฝนตกเพิ่งหยุด อากาศเลยเย็นลง
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์สั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋ากางเกง บดินทร์ล้วงออกมาจากกระเป๋ากดรับสายพร้อมกรอกเสียงทักทายคนปลายสาย
(รับสายได้ก็แสดงว่ายังไม่นอนใช่ไหม)
"อืม มึงมีไรปิน" บดินทร์ถามปรินเสียงเรียบ ขณะที่ในสายอีกฝ่ายมีคนพูดเสียงดัง สลับกับเสียงเพลง บดินทร์แทบอยากกดวางสายแต่ปรินพูดขึ้นมาก่อน
(ซ่อมกีตาร์เหรอ)
"อืม"
(กูบอกแล้วว่าให้ฝากมาซ่อมร้านก็ไม่เชื่อ ยังจะนั่งหลังขดหลังแข็งทำอีก)
"มีอะไรไหม กูจะนอนแล้ว" บดินทร์เอ่ยบอกคนปลายสายพร้อมกับลุกเดินมานอนบนเตียงที่มีกลิ่นกายเขาติดอยู่
(ไม่มีอะไรแล้วล่ะ กูแค่โทรมาหาเฉยๆ ไม่คิดว่ามึงจะยังไม่ได้นอนนิ) ปรินตอบกลับมาเสียงอ่อน (เออๆ นอนเถอะแค่นี้นะ พรุ่งนี้เจอกัน) ว่าจบปรินก็วางสายทันที เขาพ่นลมหายใจออกหนักๆ พลางยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากตัวเอง
"น่ารำคาญอะไรแบบนี้วะ" บดินทร์พ่นลมหายใจออกอย่างเบื่อหน่ายหลังจากพึมพำเสียงเบา แต่ในตอนที่จะหลับตาลงก็เหลือบเห็นเงาคนอยู่หน้าห้อง เขารีบลุกขึ้นมาเปิดประตู
"อ้าว แม่นึกว่าเรานอนแล้ว"
"ยังครับ แล้วแม่ตื่นมาทำอะไร"
"ก็แม่ลุกมาเข้าห้องน้ำ เห็นไฟในห้องลูกเปิดอยู่เลยเดินมาหา แต่ก็ไม่กล้าเคาะประตู จนลูกเปิดออกมาเองเนี่ยแหละ"
"ครับ ผมทำงานนิดหน่อยกำลังจะนอนแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก" บดินทร์ใช้น้ำเสียงโทนต่ำ สายตาเขาบ่งบอกถึงความจริงจังจนผู้เป็นแม่คลายความเป็นห่วงลงได้
"อืม งั้นแม่กลับห้องนอนก่อน"
"ครับ เดินกลับดีๆ" บดินทร์ยืนส่งแม่อยู่หน้าห้องจนกระทั่งสายป่านเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวเธอแล้วเขาค่อยเข้ามาในห้องนอนและปิดประตูลงกลอนแน่นหนา "ฟู่…จะกลับมาดีดได้เหมือนเดิมไหมนะ" บดินทร์เหลือบตามองกีตาร์ที่ตนเองเพิ่งซ่อมอย่างปลงตก ก่อนที่จะกดปิดเสียงโทรศัพท์แล้วเข้านอนจนถึงเช้าวันใหม่
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นสองครั้งในเวลาแปดโมงเช้า บดินทร์ที่กำลังหลับใหลอยู่ในห้วงความฝันรีบดีดตัวลุกขึ้นมานั่งทำหน้าง่วง
"ครับ.."
"แม่ทำข้าวต้มที่ลูกชอบกิน ลงมากินข้าวด้วยกันนะลูก"
"ครับ.."
"จ้ะ" เสียงเงียบลง บดินทร์ยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติแล้วลงไปกินข้าวเช้ากับแม่ เพราะเขาเป็นลูกคนเดียว กิจวัตรประจำวันที่ทำทุกวันมักจะวนเวียนอยู่ซ้ำไปมาแบบนี้ แต่เขากลับไม่รู้สึกเบื่อหน่ายอะไรเลย
"แม่จุ้นจ้านจริงๆ บอกให้อยู่เฉยๆก็ไม่เชื่อฟังกัน"
บทที่ 5 เด็กปากดีบดินทร์ขมวดคิ้วเดินเข้ามาหาแม่ที่อยู่ในห้องครัว แต่ก็ต้องคลายสีหน้ากับภาพที่เห็น"มาแล้วเหรอ ไปนั่งรอเลยเดี๋ยวแม่ไปตักข้าวให้" รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่ทำให้เขาหลุดยิ้มตามอย่างลืมตัว สายป่านตักเครื่องเคียงข้าวต้มโบราณใส่ถ้วยเล็กๆ มาวางบนโต๊ะตามด้วยข้าวต้มสองถ้วย เธอเลื่อนเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับลูกชาย "ดินชอบกินกุ้งกับหมูใช่ไหม เอาไปเยอะๆ เลยนะ" รอยยิ้มของแม่ทำให้เช้านี้สดใสขึ้นมาเยอะเลย"แต่แม่ไม่ต้องลำบากทำก็ได้""ให้คนแก่ทำบ้างเถอะ อยู่เฉยๆมันก็เบื่อ ทำแค่กับข้าวไว้รอลูกก็ดีใจแล้ว""ครับ แต่ห้ามทำงานหนักเข้าใจไหม เดี๋ยวผมให้ลุงอเนกมาอยู่ด้วย""ไม่เป็นไรๆ แม่อยู่คนเดียวได้""อย่าดื้อ" บดินทร์ปรายตามองเพียงนิดแล้วตักข้าวต้มใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ สายป่านมองหน้าลูกชายอย่างมีความสุข "อร่อยเหมือนเดิมครับ""กินเยอะๆนะลูก" เธอยิ้มหวานให้ลูกแล้วตักข้าวต้มใส่ปากบ้าง นานๆ ทีจะได้นั่งกินข้าวกับลูกชายสองคน เพราะปกติบดินทร์จะออกไปเรียนแต่เช้าและกลับเข้าบ้านดึก เลยพลาดโอกาสนั่งกินข้าวด้วยกัน"วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่าย เดี๋ยวตอนเย็นจะซื้อขนมตาลร้านที่แม่ชอบมาฝาก""จ้ะ" เธอยิ้มกริ่มแล้วตั
บทที่ 6 ‘พี่ดิน’เสียงรถขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ห้าหนุ่มที่กำลังนั่งคุยกับแม่บดินทร์อยู่รีบชะเง้อคอมองพร้อมกัน โอโซนยิ้มมุมปากทันทีที่เห็นบดินทร์เดินทำหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาพรึบ!ถุงลูกชิ้นทอดถูกบดินทร์โยนลงบนโต๊ะตรงกลางโซฟาที่มีเพื่อนเขานั่งล้อมอยู่ สายป่านมองหน้าลูกชายพลางย่นหัวคิ้วเข้าหาหัน"เป็นอะไรไหมลูก" เธออดเป็นห่วงบดินทร์ไม่ได้จนต้องเอ่ยถามออกไป พลางมองหน้าเพื่อนลูกทุกคนด้วย "มานั่งก่อน ค่อยเล่าก็ได้" เธอเขยิบที่ให้ว่างแล้วตบมือลงเบาๆ เป็นการบอกให้ลูกชายนั่งลงข้างๆตัวเอง"ไม่เป็นไรครับ นี่ขนมตาลที่แม่ชอบ เดี๋ยวผมไปเปิดร้านก่อน" ว่าจบบดินทร์ก็เดินอาดๆ ออกมาหน้าบ้านตัวเอง เพราะมีร้านรับซ่อมมอเตอร์ไซค์เล็กๆ อยู่ เมื่อเห็นบดินทร์เดินออกมาแล้วทั้งโอโซนและปกป้องก็รีบตามออกมา ธันวากับปรินก็ด้วย ปล่อยให้ขุนเขาพยุงสายป่านออกมาจากบ้านคนเดียวครืด~เสียงประตูหน้าถังร้านซ่อมเล็กๆ เลื่อนขึ้นเปิดร้าน บดินทร์เดินเข้ามาในร้านพร้อมทั้งเอากล่องเครื่องมือออกมาตั้งไว้กลางร้าน ซึ่งขนาดความกว้างภายในร้านเขาทำให้ยืนทั้งหกคนไม่ได้ โอโซนกับปกป้องจึงต้องถอนออกมายืนพิงกรอบประตู ไม่นานปรินก็เข็นรถมอเตอร์ไ
บทที่ 7 เคยชิน (หอมแก้ม)บดินทร์กำหมัดแน่นเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกหลอก เขาเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วโยนโทรศัพท์มือถือไปบนเตียงอย่างไม่ใยดีแล้วกำหมัดเดินไปยืนรอโอโซนหน้าห้องน้ำ รอไม่นานเพื่อนก็เปิดประตูออกมา"เหี้ย! มึงมายืนทำอะไรตรงนี้วะ" โอโซนตกใจจนหน้าเหวอแล้วพ่นลมหายใจออกหนักๆ เขาก้าวออกมาจากห้องน้ำหน้าตาเฉยโดยที่ไม่รู้ว่าบดินทร์กำลังโมโหที่ถูกหลอกให้คุยโทรศัพท์กับแป้งปั้น"มึงให้กูคุยกับยัยปัญญาอ่อนนั่นเหรอ""มึงได้คุยแล้วเหรอวะ" โอโซนเอ่ยถามหน้านิ่ง ยิ่งทำให้บดินทร์รู้สึกไม่พอใจเข้าไปใหญ่ โอโซนยกมือขึ้นห้ามในตอนที่นั่งลงบนเตียงนอน "ใจเย็นๆ กูก็แค่เห็นว่าน้องมันใจกล้าดี น่ารักด้วยเลยขอเบอร์มาเฉยๆ ไม่ได้จะแกล้งมึงเลยนะ""มึงเอาเบอร์กูโทรไปหายัยเด็กผมเปียนั่นน่ะนะ!" บดินทร์ขบกรามแน่น"เออๆ กูขอโทษก็ตอนนั้นกูเมานิ อีกอย่างก็กลัวลืมด้วยเลยเอาโทรศัพท์มึงโทรไปหาน้องเขา""มึงนี่แม่ง.." บดินทร์ทำได้เพียงระงับความโกรธไว้ในใจแล้วเดินออกมาสูบบุหรี่เพื่อระบายอารมณ์ โอโซนยิ้มมุมปากแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ เดินออกมายืนข้างบดินทร์"ขอไฟหน่อย""ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!" บดินทร์ยังหันมาเอ็ดเพื่อนเสียงเข้มแต่
บทที่ 8 เขินบดินทร์ใช้เสียงเชิงตกใจทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมาสนใจเขา ขณะที่แป้งปั้นยืนก้มหน้าด้วยความเขิน ก่อนจะถือโอกาสที่บดินทร์หันไปมองคนอื่นวิ่งเข้ามาในโรงเรียน เธอยืนพิงเสาพลางยกมือขึ้นมาตีปากตัวเองเป็นการลงโทษอีกต่างหาก"แป้งปั้น เธอมันบ้าไปแล้ว ไปหอมแก้มพี่เขาแบบนั้นได้ยังไงกัน ยัยบ้าๆๆ" เด็กสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วแอบมองบดินทร์ที่ยังไม่ทันได้ไปไหน ไม่นานชายหนุ่มก็ขับรถออกไป เธอเห็นสีหน้าตอนที่เขาตกใจอยู่และก็กลัวว่าบดินทร์จะไม่พอใจหลายนาทีต่อมาบดินทร์เดินอาดๆ เข้ามาในห้องเรียนด้วยสีหน้าบึ้งตึงจนเป็นที่สังเกตของเพื่อน โอโซนที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมามองแล้วเอ่ยถามตรงๆ เป็นการหยอกล้อ"ทำหน้าบึ้งมาแต่ไกลแบบนี้โดนสาวที่ไหนจับไข่มาเหรอครับ""ไข่พ่อมึงสิ""เอ้าไอ้นี่ แล้วไปทำอะไรมา หน้ายับมาแต่เช้าเลย" คำถามของโอโซนทำให้บดินทร์เงียบไป หากตอบไปว่าถูกแป้งปั้นหอมแก้มมาเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ เขาจึงปรายตามองเพื่อนแล้วนั่งลงข้างๆ ขุนเขาที่กำลังจดงานอยู่"ไม่ตอบ แสดงว่าไม่เป็นไร" ปกป้องเปลี่ยนเรื่องคุย "เออ พรุ่งนี้เขามีค่ายอาสานะ อาจารย์บอกว่าให้พวกเราไปกันทุกคนเลย
บทที่ 9 เซอร์ไพรส์โอโซนมองหน้าเพื่อนเลิ่กลั่ก ก่อนจะวิ่งตามแป้งปั้นมา เขารีบยื่นมือไปจับไหล่แป้งปั้นจนเด็กสาวต้องหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าโอโซนอย่างเป็นคำถาม"คือพวกพี่จะออกค่ายอาสาที่จังหวัดน่าน น้องแป้งสนใจไปด้วยกันไหมครับ ไปสี่วัน เอ่อ..พวกพี่ไปซ่อมรถฟรีส่วนน้องแป้ง ถ้าสนใจก็ไปแจกน้ำกับขนมก็ได้" โอโซนเอ่ยชวนแป้งปั้นพลางหันไปมองเพื่อน ปริน ขุนเขา ธันวา ปกป้องต่างยิ้มให้เขาหมด ยกเว้นบดินทร์ที่กำลังถลึงตาใส่และกัดฟันแน่น "ถ้าสนใจยังไงโทรมาหาเพื่อนพี่ได้เลยนะ เบอร์ไอ้ดินครับ มีใช่ไหม?""มีค่ะ ขอแป้งไปขออนุญาตพ่อก่อนนะคะ น่าสนใจอยู่ค่ะ""โอเคเลยครับ เดี๋ยวพวกพี่จะดูแลอย่างดีเลยครับ" โอโซนยิ้มหวานให้แป้งปั้นแล้วโบกมือลาเธอ เขาเดินกลับมาหาเพื่อนก็เจอกับสายตาที่เป็นคำถามจ้องมายกเว้นบดินทร์ที่ส่งสายตาดุดันมาราวกับจะฉีกกระชากเขาออกเป็นชิ้นๆ"มึงไปคุยไรกับน้องวะ" ปรินเอ่ยถามขณะเคี้ยวลูกชิ้นจนแก้มป่อง"ไม่บอก รอเซอร์ไพรส์แล้วกัน""อ่า..มึงนี่นะ ชอบเซอร์ไพรส์อะไรที่ทำให้พวกกูอยากรู้ตลอด""เออ ใจเย็นๆกันหน่อย เดี๋ยวก็ได้รู้เร็วๆนี้""เออ ว่าแต่ไปออกค่าย เราจะเอาไรไปบ้างวะ กูตื่นเต้นฉิบหาย" ปกป้อ
บทที่ 10 ใกล้วันละนิดบดินทร์นิ่งงันไปพักใหญ่จนโอโซนต้องยื่นมือมาตีแขนเขาเบาๆ เพื่อให้เพื่อนได้สติ แต่คนที่ถูกจ้องด้วยสายตาดุดันกลับขนลุกซู่ไปทั้งตัว แป้งปั้นหันหน้ามามองพริกแกงกับหลานชายของเธออย่างรู้กัน ไม่ว่าใครก็รู้สึกแบบเดียวกับเธอ"ขึ้นรถเลยครับ ขึ้นเลยๆ" ปกป้องตะโกนมาจากด้านหลังทำให้ทุกคนทยอยขึ้นไปจับจองที่นั่งของตัวเอง แป้งปั้นก้าวเท้าขึ้นมาได้หนึ่งข้างก็พบว่าตัวเองต้องนั่งเบาะข้างบดินทร์เพราะพริกแกงก็นั่งกับหลานไปแล้ว เธอทำหน้าลำบากใจใส่พริกแกงแล้วจำใจนั่งลงบนเบาะข้างบดินทร์ซึ่งเป็นเบาะริมประตูพอดี"พี่ขออนุญาตนับคนก่อนออกรถนะครับ" ปกป้องนับจำนวนและให้ขานชื่อจนมาถึงแป้งปั้น "น้องตุ๊กตาบาร์บี้""เอ่อ..เรียกแป้งปั้นก็ได้ค่ะ""น้องแป้งปั้น""มาค่ะ" ทันทีที่แป้งปั้นขานรับเสียงหวานทั้งสี่หนุ่มก็หลุดขำในลำคอด้วยความเอ็นดู เด็กสาวทำหน้าเลิ่กลั่กหันกลับไปมองรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ด้านหลังด้วยความอายแล้วก้มหน้า เมื่อเช็กจำนวนคนเสร็จเรียบร้อยรถตู้คันสีขาวก็เคลื่อนตัวออกจากจุดรวมพล บรรยากาศภายในรถไม่ได้ดูน่าอึดอัดเพราะมีโอโซนที่นั่งข้างคนขับเป็นดีเจเปิดเพลงเพราะให้ฟังตลอดทางที่ไปจังหวัดน่าน
บทที่ 11 แก้มแดง"นักศึกษาและ..น้องที่มาค่ายอาสาวันนี้ อาจารย์อยากขอบคุณมากๆ ส่วนวันนี้เราจะพักที่บ้านพ่อผู้ใหญ่ กินข้าวอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยพ่อผู้ใหญ่ค่อยจะพาเราไปดูสถานที่และเตรียมสถานที่นิดหน่อย" อาจารย์หนุ่มเอ่ยบอกนักศึกษาก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปขนกระเป๋าลงมาจากรถ แป้งปั้นกับพริกแกงยิ้มให้กันแล้วเดินเข้ามาในบ้านผู้ใหญ่บ้านเพื่อที่จะเลือกที่นอน เมื่อได้ที่ที่เหมาะแล้วก็ต่างคนต่างเตรียมเสื้อผ้าเพื่อไปอาบน้ำ"บ้านลุงยังเป็นบ้านนอกอยู่ ไม่มีห้องน้ำดีๆ" แป้งปั้นชะงักค้างกับโอ่งมังกรที่เรียงกันอยู่สี่อัน เธอกับเพื่อนมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนที่รุ่นพี่ผู้หญิงจะเดินตามมา"อาบได้ไหม ถ้าไม่ได้เดี๋ยวพี่ให้หนุ่มหาอะไรมากั้นให้""ไม่เป็นไรค่ะ อาบได้แต่พวกหนูไม่ได้เอา..""ผ้าถุง ผ้าถุงใช่ไหมลูก""ใช่ค่ะ ไม่ได้เอามาเลย.." แป้งปั้นยิ้มเจื่อนแล้วมองหน้ารุ่นพี่ ก่อนที่ลุงผู้ใหญ่บ้านจะพูดขึ้น"ไม่ต้องห่วง ของป้ามีเป็นตู้เลยเดี๋ยวลุงให้ป้าแกเอามาให้แล้วกัน""ขอบคุณค่ะ" ทุกคนต่างยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมกัน ไม่นานป้าภรรยาลุงผู้ใหญ่บ้านก็นำผ้าถุงมาแจกสาวๆ พริกแกงรับมาแล้วลองสวมดู ทำเอาทุกคนหัวเราะร่วนกับการใ
บทที่ 12 ติดฝนด้วยกันเช้าวันต่อมาทุกคนกินข้าวและเตรียมพร้อมที่จะออกไปจุดบริการ แป้งปั้นถักผมเปียน่ารักและสวมหมวกสีชมพู เป็นที่สะดุดตาของบรรดาหนุ่มๆ จนละสายตาไปจากใบหน้าจิ้มลิ้มไม่ได้"มีอาหารตาแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าจะไม่มีอะไรให้ดูแล้ว""ดูนมฉันไหม" กาเนสเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกับโอโซนเอ่ยขึ้นอย่างยิ้มๆ แต่โอโซนกลับส่ายหน้าอย่างระอาแล้วยื่นมือไปดันศีรษะเธอเบาๆ"ทุเรศ นมมึงเล็กกว่ากำปั้นกูอีกอีเนส""ชิ! เดี๋ยวไปทำนมมาเมื่อไหร่กูจะเอาฟาดหน้ามึง""เออๆ กูรอแล้วกัน" ทั้งสองหยอกล้อกันเสร็จก็รีบขึ้นรถกระบะผู้ใหญ่บ้าน แป้งปั้นนั่งท้ายกระบะกับรุ่นพี่ทุกคน เธอยิ้มบางๆ มองวิวสองข้างทางอย่างหลงใหล ก่อนที่จะสะดุดตากับฝูงกระบือที่กำลังเดินต่อแถวกันอยู่ข้างทาง เธออมยิ้มแก้มแทบปริแล้วหันมามองหน้าบดินทร์ รอยยิ้มก่อนหน้านี้หายไปทันทีเมื่อเห็นสีหน้าดุดันของฝ่ายตรงข้ามขับรถมาไม่นานก็ถึง ทั้งหกหนุ่มพร้อมกันยิ้มกว้างเมื่อเห็นชาวบ้านเอารถมาใช้บริการเยอะกว่าที่คิด พวกเขารีบขนของบางส่วนลงแล้วรับรถจากชาวบ้านไปซ่อมอย่างตั้งใจ แป้งปั้นอมยิ้มจนตาหยีกับภาพตรงหน้า เธอลืมภาพความโหดร้ายที่พวกเขาเคยยกพวกตีกันไ