บทที่ 2 มีเรื่อง
บดินทร์กัดฟันกรอด ท่าทางเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก และเมื่อครู่ก็ได้ยินสิ่งที่เธออุทานออกมาชัดเจน บดินทร์วางกีตาร์ตัวโปรดลงแล้วเดินตรงมาหาแป้งปั้น
"ว่าใคร!" เสียงห้วนจัดเอ่ยถามเด็กสาวแต่ไม่ทันจะได้รับคำตอบบอดี้การ์ดของแป้งปั้นก็เข้ามาล็อกแขนเขาไว้ทั้งสองข้าง เหตุการณ์เริ่มบานปลายไปเรื่อยๆ แป้งปั้นหน้าถอดสีกับการกระทำอุกอาจของบอดี้การ์ด "ปล่อยกู!" บดินทร์ตะเบ็งเสียงดังลั่นพร้อมสะบัดตัวจนหลุดออกจากพันธนาการ
"ถอยไป" การ์ดคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยท่าทางเอาจริงในขณะที่บดินทร์เองก็มองด้วยสายตาดุดันเอาเรื่องเหมือนกัน
"อยากให้ถอยก็บอกคนของมึงขอโทษกูก่อนสิ" บดินทร์ใช้คำหยาบแล้วตวัดสายตาดุดันมองแป้งปั้น เขาไม่จำเป็นต้องถอยเพราะไม่ได้ก่อเรื่องก่อนสักหน่อย หากเธอไม่ด่าเขาคนปากหมาก่อน บดินทร์ปรี่เข้าไปหาแป้งปั้นพร้อมกับคว้าแขนเธอไว้แน่น "ขอโทษมาดิ"
"คุณ!" บอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ผลักอกแกร่งออกจนบดินทร์เสียหลักล้มลงกับพื้น เขากัดฟันแน่นแล้วลุกขึ้นมาง้างหมัดต่อยหน้าบอดี้การ์ดแป้งปั้นหนักๆ จนหน้าหันไป แป้งปั้นกรีดร้องเสียงหลงยิ่งทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนที่มาเดินตลาดจับจ่ายซื้อของ
ชายฉกรรจ์สามคนกำลังกอดรัดกันและต่างปล่อยหมัดใส่กันนัว แป้งปั้นวิ่งไปทางซ้ายทีทางขวาทีเพื่อที่จะห้ามปรามแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีคนฟังเธอเลย
"หยุด! หยุดนะ!" เด็กสาวร้องห้ามเสียงหลงเมื่อเห็นบอดี้การ์ดตัวเองกำลังได้เปรียบแต่คนที่เสียเปรียบคือบดินทร์ เขาล้มลงกับพื้น ริมฝีปากเขาเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดแม้จะเสียเปรียบแต่เขาก็ไม่ยอมถอย "ยะ..หยุดนะคะ!" เด็กสาวตัดสินใจวิ่งเข้ามาขวางทางไว้ในจังหวะที่บดินทร์ปล่อยหมัดมาพอดี เขายั้งมือไว้ทันก่อนจะสะบัดมือลงข้างตัวแล้วใช้มืออีกข้างเช็ดเลือดออก
"ถุย! หมาหมู่รึไงวะ" บดินทร์ขบกรามแน่นก่อนจะหมุนตัวกลับไปสะพายเอากระเป๋ากีตาร์ตัวโปรดแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นทันที แป้งปั้นทำตาปริบๆด้วยความรู้สึกผิดอย่างมาก สภาพลูกน้องตัวเองกับบดินทร์ไม่ต่างกันเลย
"เฮ้อ~ ทำไมไม่ฟังกันเลยคะ ทำเรื่องจนได้นะ" เด็กสาวหันมาเอ็ดลูกน้องเสียงหน่ายแล้วเดินตึงตังไปที่รถยนต์คันหรู ในขณะที่ลูกน้องทั้งสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้วพยุงกันเดินตามเจ้านายตัวน้อยไป
สองรุมหนึ่งก็จริงแต่แรงบดินทร์ก็เยอะเหมือนกันเล่นงานพวกเขาสองคนแทบกระอักเลือด "แล้วจะตอบคุณพ่อว่ายังไงดีคะ ปกติไม่มีเรื่องก็ไม่อยากให้แป้งไปไหนคนเดียวอยู่แล้ว แต่นี่..เฮ้อ~" เด็กสาวเบะปากคว่ำพลางทำหน้าหมดอารมณ์
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
แป้งปั้นเดินก้มหน้าเข้ามาในบ้าน เลี่ยงที่จะเจอหน้าพ่อแต่สิ่งที่เธอกลัวก็เกิดขึ้น เบิร์ดเดินอาดๆ เข้ามาหาลูกสาวโดยที่ไม่รู้ว่าแป้งปั่นเพิ่งเจออะไรมา
"ไปเที่ยวไหนมา ทำไมกลับมาป่านนี้หืม" ฝ่ามือหนาวางลงบนศีรษะลูกสาว รอยยิ้มเอ็นดูปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาผู้เป็นพ่อทำให้แป้งปั้นกล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพ่อตรงๆ แล้วเอ่ยตอบ
"ไปเที่ยวตลาดมาค่ะพ่อ"
"ตลาด ที่ไหนทำไมต้องไปที่ที่คนพลุกพล่านแบบนั้นด้วย"
"พี่เบิร์ด.." เสียงหวานใสของป๋อมแป๋มดังขึ้นทางด้านหลังสามี แป้งปั้นที่เห็นแม่กำลังเดินมาก็รีบเดินเข้าไปกอดไว้หลวมๆ ทำตาแป๋วออดอ้อนด้วย "ทำไมทำหน้าอ้อนแบบนี้คะ" เธอถามลูกสาวตัวน้อยขณะที่แป้งปั้นทำหน้าเศร้า ริมฝีปากเธอเบะคว่ำอ้อนเหมือนกำลังจะฟ้องอะไร
"อย่าให้ท้ายกันได้ไหม แป้งปั้นหนูไปเที่ยวตลาดมา พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่อยากให้ไปน่ะ"
"แต่หนูแค่ไปเดินเล่นนะคะ ไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ"
"แล้วลูกน้องพ่อมันไปถูกหมาที่ไหนฟัดมา!" สิ้นเสียงผู้เป็นพ่อลูกน้องที่ติดตามเธอไปที่ตลาดเมื่อครู่ก็ถูกพาตัวเข้ามาในบ้าน แป้งปั้นเสมองไปทางอื่นแล้วซบหน้าลงกับหน้าท้องแม่เป็นการหนีหน้าพ่อ "อธิบายมาก่อน ไม่งั้นพ่อโกรธนะแป้ง"
"คือ…คือเราแค่..มีเรื่องกันนิดหน่อยค่ะ"
"กับใคร!"
"เอ่อ…ไม่รู้ค่ะ ไม่รู้จริงๆนะคะ" เธอหันมาย้ำคำตอบกับพ่อแล้วหันไปมองลูกน้องที่ยืนก้มหน้าสำนึกผิดอยู่ตรงหน้าเบิร์ดแล้วพ่นลมหายใจออกเบาๆ "แป้งขอตัวก่อนนะคะ" ว่าจบเธอก็รีบคลายอ้อมกอดจากแม่แล้ววิ่งขึ้นไปชั้นสอง พอมาถึงหน้าห้องก็รีบย่อเข่านั่งลง คลานไปส่องดูพ่อกับแม่ผ่านช่องราวบันได 'ดีนะที่คุณแม่มาทันเวลา ไม่งั้นคุณพ่อต้องเค้นเอาคำตอบจากเราแน่ๆ' เมื่อคิดแบบนั้นแล้วแป้งปั้นจึงรีบเข้ามาในห้องนอนส่วนตัว แต่ก็มีอีกเรื่องที่เธอคิดไม่ตก..
วันต่อมา
แป้งปั้นยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำภายในโรงเรียน เธอพ่นลมหายใจออกนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะหันไปมองกระเป๋านักเรียนที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ
"นี่!"
"อ๊ะ!" เด็กสาวสะดุ้งตกใจกับที่พริกแกงโผล่มาจ๊ะเอ๋ด้านหลัง "พริกเล่นอะไรเนี่ย แป้งตกใจนะ" เธอเอ็ดเพื่อนเสียงเบาพลางยู่ปากเข้าหากัน
"ก็เห็นใจลอยอยู่อะ ไม่คิดว่าจะตกใจขนาดนี้แล้วนี่คิดอะไรอยู่เหรอ พริกเห็นยืนอยู่หน้ากระจกนานสองนานแล้วนะ"
"คิดว่าควรจะไปขอโทษพี่เขาดีไหม"
"พี่? ใครเหรอ" พริกแกงกระโดดขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์แล้วยื่นหน้ามารอฟังคำตอบจากแป้งปั้น "ใครอะ ไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อนมา" เธอถามเพื่อนอีกครั้งเมื่อแป้งปั้นยังไม่ยอมตอบคำถาม
"ก็..พี่คนนั้น คนที่แป้งว่าให้เขาปากหมาน่ะ เมื่อวานนี้เจอเขาที่ตลาดนัดใกล้บ้าน แล้ว..การ์ดของพ่อก็มีเรื่องกับเขา แป้งรู้สึกผิดที่ทำให้พี่เขาเจ็บตัวเลยอยากไปขอโทษ และซื้อของเล็กๆน้อยๆไปให้น่ะ พริกไปเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม"
"หึ…ไม่ไป" พริกแกงส่ายหน้าไปมาพัลวันกับสิ่งที่เพื่อนขอ "ให้ตายยังไงก็ไม่ไปหรอก พวกนั้นน่ากลัวจะตาย อันธพาลก็เป็นอันธพาลแหละ ดีไม่ดีเราอาจจะซวยถูกพวกมันรุมทำร้ายก็ได้นะ" แป้งปั้นลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่กับคำเตือนของเพื่อนรัก
"แต่แป้งอยากไปขอโทษพี่เขาจริงๆนะ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง อย่างมากก็แค่ถูก.."
"ถูกอะไร?" พริกแกงเอ่ยถาม
"ถูกตีนฟาดหน้า"
"งั้นไม่ต้องไปหรอก พวกนั้นคงไม่ได้คิดอะไร หาเรื่องเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้วนิ"
"ไม่ได้..พี่เขาเจ็บมากจริงๆนะ แป้งเองก็ผิดที่ไปว่าพี่เขาปากหมากลางตลาด"
"ฮะ! แป้งเนี่ยนะ"
"ค่ะ ก็มันหลุดอุทานออกไปแบบนั้นน่ะสิ เลยรู้สึกผิดที่ทำให้พี่เขาเจ็บตัวแถมยังหาเรื่องไปให้อีก" แป้งปั้นก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ เธอเองคิดไม่ตกเรื่องนี้และมันกวนใจทั้งวันจนไม่มีสมาธิเรียน ทั้งยังคิดหาทางไปหารุ่นพี่คนนั้นอีก กลัวว่าจะไม่เจอเขาและ…หวังว่าเขาจะเข้าใจและให้อภัยด้วย
หลายชั่วโมงต่อมา 16:40
แป้งปั้นถือถุงขนมถุงใหญ่เดินเข้ามาในมหาวิทยาลัยที่เธอคาดว่าบดินทร์อยู่ที่นี่ เด็กสาวเดินก้มหน้าไปที่คณะวิศวกรรมศาสตร์แผนกช่างกล เพราะวันนั้นเธอเห็นชื่อคณะฯปักอยู่บนเสื้อเขา พอเดินเข้ามาก็เจอกับสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาเป็นตาเดียวจนรู้สึกประหม่าและเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
"เด็กใครมาวะ!" โอโซนร้องถามเพื่อนทุกคนแต่ก็ได้เพียงความเงียบเป็นคำตอบ เขาจึงเดินมาหาแป้งปั้น "น้องมาหาใคร แต่ทำไมหน้าตาคุ้นๆวะ?" เขาฉงนใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่บดินทร์จะเดินมาชนไหล่อย่างแรงแล้วกระชากคอเสื้อแป้งปั้นทำเอาเพื่อนทุกคนในกลุ่มรีบเข้ามาห้าม
"ใจเย็นๆ" ขุนเขาที่ล็อกตัวบดินทร์ไว้รีบเอ่ยบอกเพื่อนพลางส่งสายตาให้โอโซนพาเด็กสาวออกห่างจากบดินทร์ด้วย
"เกิดอะไรขึ้นวะดิน" ธันวาที่ยืนอยู่ข้างแป้งปั้นเอ่ยถามเพื่อนรักในขณะที่เด็กสาวคนข้างกายยืนตัวสั่นระริก "น้องมันทำอะไรให้มึงโกรธขนาดนี้วะ"
"มึงก็ถามมันดูเองดิ ว่าทำอะไรไว้"
"น้องตุ๊กตาบาร์บี้ครับ พอดีว่าพวกพี่เนี่ยเป็นเพื่อนไอ้ดินมัน อยากทราบว่าเพื่อนพี่กับน้องมีปัญหาอะไรกันรึเปล่าทำไมเพื่อนพี่มันคลั่งขนาดนี้" ธันวาเอ่ยถามอย่างนุ่มนวลแต่แป้งปั้นกลับก้มหน้าหลบสายตาเขา
"น้อง ตอบมาเถอะ" ปรินเอ่ยถามอีกเสียงพร้อมกับวางมือลงบนไหล่บดินทร์ด้วย
"พี่เขา..กับบอดี้การ์ดหนูมีเรื่องกันค่ะ หนูเลยอยากมาขอโทษที่ทำให้พี่เขาเจ็บ เอาขนมมาให้ด้วย" เธอยื่นถุงขนมให้บดินทร์แต่เขากลับปัดมันออกอย่างแรงจนถุงขนมตกพื้น ปกป้องที่ยืนเงียบมานานเห็นท่าไม่ดีจึงเอาตัวมาขวางแล้วพาบดินทร์ถอยออกมาก่อน
"ปล่อยกูดิ! แม่ง"
"ใจเย็นๆก่อนไอ้เสือ น้องเขาตั้งใจมาขอโทษเลยนะเว้ย"
"กูไม่ยกโทษให้ กล้าดียังไงมาว่ากูปากหมา"
พรืด!
"ฮ่าๆ…" เพื่อนทุกคนต่างหลุดขำพรืดใหญ่แล้วหันไปยกนิ้วให้แป้งปั้น "น้องแม่งใจกล้ามากเลยว่ะ พี่ชอบนะ" โอโซนหัวเราะจนน้ำตาไหลส่วนเพื่อนอีกสี่คนก็ขำกันเสียงดังต่างจากบดินทร์ที่หัวร้อนจนหน้าแดงก่ำ
"นะ..หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ ขอโทษค่ะ"
"เธอนี่มัน!!" บดินทร์สะบัดตัวออกจากการจับกุมทำให้ขุนเขากับธันวาเผลอปล่อยตัวเพื่อน แรงเหวี่ยงทำให้บดินทร์ถลาไปหาแป้งปั้นโดยเร็ว เขาเองก็ไม่ตั้งตัวเหมือนกันจนล้มทับเด็กสาว ศีรษะแป้งปั้นกระแทกกับพื้นปูนอย่างแรงในขณะที่บดินทร์ล้มทับเธอเต็มๆ
"อึก..ฮือ~ เจ็บ.." ทุกคนต่างเลิ่กลั่กกันใหญ่ที่จู่ๆสาวน้อยหน้าตาน่ารักก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ปกป้องกับขุนเขาดึงเพื่อนให้ลุกขึ้นแล้วประคองแป้งปั้นลุกขึ้นมา
"ทำไงวะทีนี้ น้องมันร้องแล้วเนี่ย"
"ปล่อยให้ร้องไปสิ โตเป็นควายแล้วยังจะร้องไห้อีก น่ารำคาญ!"
"คะ..คนปากหมา อึก..ฮือ~"
บทที่ 3 เกรี้ยวกราดเสียงร้องไห้ของแป้งปั้นยิ่งทำให้บดินทร์หงุดหงิดใจเข้าไปใหญ่ โอโซนที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้ามาห้ามปรามเพื่อนก่อน แต่ก็แอบแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นเพื่อนโกรธขนาดนี้ เพราะปกติบดินทร์แทบจะไม่สุงสิงกับใครและไม่เคยใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ด้วย"อึก..ฮือ~ แป้งเจ็บ" แป้งปั้นเปล่งเสียงสะอื้นออกมาด้วยความเจ็บ มือเรียวเล็กลูบศีรษะตัวเองเบาๆ จนคนที่เห็นรู้สึกเห็นใจมากๆ ขุนเขาเดินเข้ามายืนตรงหน้าแป้งปั้น เขาทั้งจะยิ้มทั้งจะทำหน้านิ่ง รู้สึกประหม่าไปหมดเพราะไม่เคยปลอบผู้หญิงมาก่อน"อะ..โอ๋ๆ ไม่เจ็บนะ" เขาตัดสินใจยกมือขึ้นมาลูบผมแป้งปั้นเบาๆ เพราะจำได้ว่าตอนเป็นเด็กแม่ก็เคยโอ๋แบบนี้แต่การกระทำของเขากลับทำให้บดินทร์ไม่ชอบใจอย่างมาก"ปัญญาอ่อน แม่ง!" ชายหนุ่มสบถคำหยาบแล้วหันหลังเดินไปเอากระเป๋าสะพายข้างขึ้นมาคล้องบ่าตามด้วยกระเป๋ากีตาร์ตัวโปรดแต่ก่อนจะเดินออกมาก็เหลือบตามองหน้าเพื่อนทุกคนอย่างเบื่อหน่าย"ไปไหนวะ เฮ้ย! ไปไหนโว้ย" ปกป้องทั้งตะโกนเรียกตามหลังทั้งกวักมือเรียกแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากเพื่อนเลย บดินทร์เห็นเขาเป็นธาตุอากาศรึไงกัน "ไอ้นี่ หัวเสียอะไรนักหนาวะเนี่ย" เขาบ่น
บทที่ 4 ลูกชายเดียวบดินทร์เดินอาดๆ ออกมาจากมหาวิทยาลัย เขาตรงไปที่ลานจอดรถ แต่จังหวะนั้นกลับมีรุ่นน้องคนหนึ่งเดินมาชนเขาเต็มๆ จนทำให้กระเป๋ากีต้าร์โปร่งสุดที่รักหล่นลงพื้นอย่างแรง"เดินยังไงวะ ไม่ดูคนเดินสวนมาเลยรึไง""ขะ..ขอโทษค่ะพี่บดินทร์ หนูขอโทษนะคะ""เล่นโทรศัพท์จนไม่มองทาง มันน่า.." เขากำหมัดแน่นแล้วยกกระเป๋ากีต้าร์โปร่งขึ้นมาและได้พบว่าคอกีตาร์หักเสียแล้ว บดินทร์ยืนอึ้งกินกับสิ่งที่เห็น"นะ..หนูจะชดใช้ให้นะคะ""ใสหัวไป ก่อนที่ฉันจะเอากีตาร์ปาดหน้าเธอ" เขากำหมัดแน่นอย่างเดือดดาล หลังจากที่บดินทร์พูดประโยคนั้นออกมารุ่นน้องสาวรีบวิ่งหนีตายทันที"อะ..อ้าวเฮ้ย ทำไมเป็นงี้วะเนี่ย" ขุนเขาที่เดินตามเพื่อนมาเอารถมอเตอร์ไซค์เห็นสภาพกีตาร์ที่บดินทร์ถืออยู่ถึงกับหน้าเหวอไปทันที ในขณะที่บดินทร์ยืนนิ่ง "มึงโอเคไหมวะ""แล้วมึงคิดว่ากูโอเคไหม" บดินทร์ตอบเพื่อนเสียงเรียบก่อนจะพ่นลมหายใจออกหนักๆ "กีตาร์ตัวโปรดที่พ่อกูซื้อให้ก่อนตาย แต่วันนี้มันพังแล้ว" บดินทร์ตัดพ้อเสียงอ่อน เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง"มึงให้กูเอาไปซ้อมให้ไหม ทางผ่านไปบ้านกูพอดีเลยอะ ร้านนั้นซ่อมดีด้วยนะ""ไม่เป
บทที่ 5 เด็กปากดีบดินทร์ขมวดคิ้วเดินเข้ามาหาแม่ที่อยู่ในห้องครัว แต่ก็ต้องคลายสีหน้ากับภาพที่เห็น"มาแล้วเหรอ ไปนั่งรอเลยเดี๋ยวแม่ไปตักข้าวให้" รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่ทำให้เขาหลุดยิ้มตามอย่างลืมตัว สายป่านตักเครื่องเคียงข้าวต้มโบราณใส่ถ้วยเล็กๆ มาวางบนโต๊ะตามด้วยข้าวต้มสองถ้วย เธอเลื่อนเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับลูกชาย "ดินชอบกินกุ้งกับหมูใช่ไหม เอาไปเยอะๆ เลยนะ" รอยยิ้มของแม่ทำให้เช้านี้สดใสขึ้นมาเยอะเลย"แต่แม่ไม่ต้องลำบากทำก็ได้""ให้คนแก่ทำบ้างเถอะ อยู่เฉยๆมันก็เบื่อ ทำแค่กับข้าวไว้รอลูกก็ดีใจแล้ว""ครับ แต่ห้ามทำงานหนักเข้าใจไหม เดี๋ยวผมให้ลุงอเนกมาอยู่ด้วย""ไม่เป็นไรๆ แม่อยู่คนเดียวได้""อย่าดื้อ" บดินทร์ปรายตามองเพียงนิดแล้วตักข้าวต้มใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ สายป่านมองหน้าลูกชายอย่างมีความสุข "อร่อยเหมือนเดิมครับ""กินเยอะๆนะลูก" เธอยิ้มหวานให้ลูกแล้วตักข้าวต้มใส่ปากบ้าง นานๆ ทีจะได้นั่งกินข้าวกับลูกชายสองคน เพราะปกติบดินทร์จะออกไปเรียนแต่เช้าและกลับเข้าบ้านดึก เลยพลาดโอกาสนั่งกินข้าวด้วยกัน"วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่าย เดี๋ยวตอนเย็นจะซื้อขนมตาลร้านที่แม่ชอบมาฝาก""จ้ะ" เธอยิ้มกริ่มแล้วตั
บทที่ 6 ‘พี่ดิน’เสียงรถขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน ห้าหนุ่มที่กำลังนั่งคุยกับแม่บดินทร์อยู่รีบชะเง้อคอมองพร้อมกัน โอโซนยิ้มมุมปากทันทีที่เห็นบดินทร์เดินทำหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาพรึบ!ถุงลูกชิ้นทอดถูกบดินทร์โยนลงบนโต๊ะตรงกลางโซฟาที่มีเพื่อนเขานั่งล้อมอยู่ สายป่านมองหน้าลูกชายพลางย่นหัวคิ้วเข้าหาหัน"เป็นอะไรไหมลูก" เธออดเป็นห่วงบดินทร์ไม่ได้จนต้องเอ่ยถามออกไป พลางมองหน้าเพื่อนลูกทุกคนด้วย "มานั่งก่อน ค่อยเล่าก็ได้" เธอเขยิบที่ให้ว่างแล้วตบมือลงเบาๆ เป็นการบอกให้ลูกชายนั่งลงข้างๆตัวเอง"ไม่เป็นไรครับ นี่ขนมตาลที่แม่ชอบ เดี๋ยวผมไปเปิดร้านก่อน" ว่าจบบดินทร์ก็เดินอาดๆ ออกมาหน้าบ้านตัวเอง เพราะมีร้านรับซ่อมมอเตอร์ไซค์เล็กๆ อยู่ เมื่อเห็นบดินทร์เดินออกมาแล้วทั้งโอโซนและปกป้องก็รีบตามออกมา ธันวากับปรินก็ด้วย ปล่อยให้ขุนเขาพยุงสายป่านออกมาจากบ้านคนเดียวครืด~เสียงประตูหน้าถังร้านซ่อมเล็กๆ เลื่อนขึ้นเปิดร้าน บดินทร์เดินเข้ามาในร้านพร้อมทั้งเอากล่องเครื่องมือออกมาตั้งไว้กลางร้าน ซึ่งขนาดความกว้างภายในร้านเขาทำให้ยืนทั้งหกคนไม่ได้ โอโซนกับปกป้องจึงต้องถอนออกมายืนพิงกรอบประตู ไม่นานปรินก็เข็นรถมอเตอร์ไ
บทที่ 7 เคยชิน (หอมแก้ม)บดินทร์กำหมัดแน่นเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกหลอก เขาเดินเข้ามาในห้องนอนแล้วโยนโทรศัพท์มือถือไปบนเตียงอย่างไม่ใยดีแล้วกำหมัดเดินไปยืนรอโอโซนหน้าห้องน้ำ รอไม่นานเพื่อนก็เปิดประตูออกมา"เหี้ย! มึงมายืนทำอะไรตรงนี้วะ" โอโซนตกใจจนหน้าเหวอแล้วพ่นลมหายใจออกหนักๆ เขาก้าวออกมาจากห้องน้ำหน้าตาเฉยโดยที่ไม่รู้ว่าบดินทร์กำลังโมโหที่ถูกหลอกให้คุยโทรศัพท์กับแป้งปั้น"มึงให้กูคุยกับยัยปัญญาอ่อนนั่นเหรอ""มึงได้คุยแล้วเหรอวะ" โอโซนเอ่ยถามหน้านิ่ง ยิ่งทำให้บดินทร์รู้สึกไม่พอใจเข้าไปใหญ่ โอโซนยกมือขึ้นห้ามในตอนที่นั่งลงบนเตียงนอน "ใจเย็นๆ กูก็แค่เห็นว่าน้องมันใจกล้าดี น่ารักด้วยเลยขอเบอร์มาเฉยๆ ไม่ได้จะแกล้งมึงเลยนะ""มึงเอาเบอร์กูโทรไปหายัยเด็กผมเปียนั่นน่ะนะ!" บดินทร์ขบกรามแน่น"เออๆ กูขอโทษก็ตอนนั้นกูเมานิ อีกอย่างก็กลัวลืมด้วยเลยเอาโทรศัพท์มึงโทรไปหาน้องเขา""มึงนี่แม่ง.." บดินทร์ทำได้เพียงระงับความโกรธไว้ในใจแล้วเดินออกมาสูบบุหรี่เพื่อระบายอารมณ์ โอโซนยิ้มมุมปากแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ เดินออกมายืนข้างบดินทร์"ขอไฟหน่อย""ยุ่งไม่เข้าเรื่อง!" บดินทร์ยังหันมาเอ็ดเพื่อนเสียงเข้มแต่
บทที่ 8 เขินบดินทร์ใช้เสียงเชิงตกใจทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมาสนใจเขา ขณะที่แป้งปั้นยืนก้มหน้าด้วยความเขิน ก่อนจะถือโอกาสที่บดินทร์หันไปมองคนอื่นวิ่งเข้ามาในโรงเรียน เธอยืนพิงเสาพลางยกมือขึ้นมาตีปากตัวเองเป็นการลงโทษอีกต่างหาก"แป้งปั้น เธอมันบ้าไปแล้ว ไปหอมแก้มพี่เขาแบบนั้นได้ยังไงกัน ยัยบ้าๆๆ" เด็กสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วแอบมองบดินทร์ที่ยังไม่ทันได้ไปไหน ไม่นานชายหนุ่มก็ขับรถออกไป เธอเห็นสีหน้าตอนที่เขาตกใจอยู่และก็กลัวว่าบดินทร์จะไม่พอใจหลายนาทีต่อมาบดินทร์เดินอาดๆ เข้ามาในห้องเรียนด้วยสีหน้าบึ้งตึงจนเป็นที่สังเกตของเพื่อน โอโซนที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมามองแล้วเอ่ยถามตรงๆ เป็นการหยอกล้อ"ทำหน้าบึ้งมาแต่ไกลแบบนี้โดนสาวที่ไหนจับไข่มาเหรอครับ""ไข่พ่อมึงสิ""เอ้าไอ้นี่ แล้วไปทำอะไรมา หน้ายับมาแต่เช้าเลย" คำถามของโอโซนทำให้บดินทร์เงียบไป หากตอบไปว่าถูกแป้งปั้นหอมแก้มมาเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ เขาจึงปรายตามองเพื่อนแล้วนั่งลงข้างๆ ขุนเขาที่กำลังจดงานอยู่"ไม่ตอบ แสดงว่าไม่เป็นไร" ปกป้องเปลี่ยนเรื่องคุย "เออ พรุ่งนี้เขามีค่ายอาสานะ อาจารย์บอกว่าให้พวกเราไปกันทุกคนเลย
บทที่ 9 เซอร์ไพรส์โอโซนมองหน้าเพื่อนเลิ่กลั่ก ก่อนจะวิ่งตามแป้งปั้นมา เขารีบยื่นมือไปจับไหล่แป้งปั้นจนเด็กสาวต้องหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าโอโซนอย่างเป็นคำถาม"คือพวกพี่จะออกค่ายอาสาที่จังหวัดน่าน น้องแป้งสนใจไปด้วยกันไหมครับ ไปสี่วัน เอ่อ..พวกพี่ไปซ่อมรถฟรีส่วนน้องแป้ง ถ้าสนใจก็ไปแจกน้ำกับขนมก็ได้" โอโซนเอ่ยชวนแป้งปั้นพลางหันไปมองเพื่อน ปริน ขุนเขา ธันวา ปกป้องต่างยิ้มให้เขาหมด ยกเว้นบดินทร์ที่กำลังถลึงตาใส่และกัดฟันแน่น "ถ้าสนใจยังไงโทรมาหาเพื่อนพี่ได้เลยนะ เบอร์ไอ้ดินครับ มีใช่ไหม?""มีค่ะ ขอแป้งไปขออนุญาตพ่อก่อนนะคะ น่าสนใจอยู่ค่ะ""โอเคเลยครับ เดี๋ยวพวกพี่จะดูแลอย่างดีเลยครับ" โอโซนยิ้มหวานให้แป้งปั้นแล้วโบกมือลาเธอ เขาเดินกลับมาหาเพื่อนก็เจอกับสายตาที่เป็นคำถามจ้องมายกเว้นบดินทร์ที่ส่งสายตาดุดันมาราวกับจะฉีกกระชากเขาออกเป็นชิ้นๆ"มึงไปคุยไรกับน้องวะ" ปรินเอ่ยถามขณะเคี้ยวลูกชิ้นจนแก้มป่อง"ไม่บอก รอเซอร์ไพรส์แล้วกัน""อ่า..มึงนี่นะ ชอบเซอร์ไพรส์อะไรที่ทำให้พวกกูอยากรู้ตลอด""เออ ใจเย็นๆกันหน่อย เดี๋ยวก็ได้รู้เร็วๆนี้""เออ ว่าแต่ไปออกค่าย เราจะเอาไรไปบ้างวะ กูตื่นเต้นฉิบหาย" ปกป้อ
บทที่ 10 ใกล้วันละนิดบดินทร์นิ่งงันไปพักใหญ่จนโอโซนต้องยื่นมือมาตีแขนเขาเบาๆ เพื่อให้เพื่อนได้สติ แต่คนที่ถูกจ้องด้วยสายตาดุดันกลับขนลุกซู่ไปทั้งตัว แป้งปั้นหันหน้ามามองพริกแกงกับหลานชายของเธออย่างรู้กัน ไม่ว่าใครก็รู้สึกแบบเดียวกับเธอ"ขึ้นรถเลยครับ ขึ้นเลยๆ" ปกป้องตะโกนมาจากด้านหลังทำให้ทุกคนทยอยขึ้นไปจับจองที่นั่งของตัวเอง แป้งปั้นก้าวเท้าขึ้นมาได้หนึ่งข้างก็พบว่าตัวเองต้องนั่งเบาะข้างบดินทร์เพราะพริกแกงก็นั่งกับหลานไปแล้ว เธอทำหน้าลำบากใจใส่พริกแกงแล้วจำใจนั่งลงบนเบาะข้างบดินทร์ซึ่งเป็นเบาะริมประตูพอดี"พี่ขออนุญาตนับคนก่อนออกรถนะครับ" ปกป้องนับจำนวนและให้ขานชื่อจนมาถึงแป้งปั้น "น้องตุ๊กตาบาร์บี้""เอ่อ..เรียกแป้งปั้นก็ได้ค่ะ""น้องแป้งปั้น""มาค่ะ" ทันทีที่แป้งปั้นขานรับเสียงหวานทั้งสี่หนุ่มก็หลุดขำในลำคอด้วยความเอ็นดู เด็กสาวทำหน้าเลิ่กลั่กหันกลับไปมองรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ด้านหลังด้วยความอายแล้วก้มหน้า เมื่อเช็กจำนวนคนเสร็จเรียบร้อยรถตู้คันสีขาวก็เคลื่อนตัวออกจากจุดรวมพล บรรยากาศภายในรถไม่ได้ดูน่าอึดอัดเพราะมีโอโซนที่นั่งข้างคนขับเป็นดีเจเปิดเพลงเพราะให้ฟังตลอดทางที่ไปจังหวัดน่าน