"คุณเอกไม่รักวดี วดีไม่ว่านะคะ ไม่ว่าเรืื่องลูกหรือเรื่องอะไรก็ตาม แต่อย่าผลักวดีให้กับคนอื่นได้ไหม วดีของแค่นี้ได้ไหม"ราชาวดีเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตา ทิติเอกตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยออกมา
เขาขยับตัวเองเข้าไปหาคนตัวเล็กด้วยความเร็วพร้อมกับการดึงเธอเข้ามาภายในอ้อมกอด
"หมอบอกว่าอย่าเครียดไงวดี....ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไปฉันจะไม่แต่งงานกลับเธอ"หญิงสาวที่อยู่ภายในอ้อมกอดของชายหนุ่มนิ่งลงพร้อมกับการขยับตัวเองออกมาจากอกแกร่งของอีกคน
"หมายความว่าไงคะ"
"เธอต้องแต่งงาน แล้วคนที่ต้องแต่งด้วยคือฉัน"
"แล้วคุณแพรละคะ"
"แพรไพลินท้องนั้นก็เท่ากับว่าเธอคบกับคนอื่นเพียงแค่จะให้ฉันรับผิดชอบแต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะเราไม่เคยมีความสัมผัสกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ทิติเอกเอ่ยออกมาพยายามที่จะอธิบายให้กับคนตัวเล้กได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น
"อ๋อค่ะ..."
"แค่นี่หรอ"
"ค่ะ....ต้องให้วดีพูดอะไรคะ"ท่าทางที่ไร้เดียงสาของหญิงสาวทำให้ทิติเอกนักใจมากกว่าจะรู้สึกดีที่เธอไม่ทันคน
"บดินทร์บอกว่าเธอทะเลาะกับแพรไพลินหรอ"
"ก็เขาว่าวดีก่อนทำไม"หญิงสาวเอ่ยออกมาพร้อมท่าทางที่เรียกว่าทั้งโกระแค้นทั้งไม่พอใจ จนคนท่เห็นท่าทางของเธออยากจะจัดการผู้หญิงคนนั้นให้ไม่เหลือที่ยืนเลยก็ว่าได้
"รอดูข่าวดีเลย แต่ตอนนี้เธอต้องพักแล้ววดี"ทิตเอกเอ่ยออกมาพร้อมกับการที่เขาได้ประคองคนตัวเล็กลงนอน
"คุณไปทำงานเถอะค่ะ วดีอยู่ได้"หญิงสาวเห็นว่ามีโทรศัพท์โทรเข้ามาหลายสายแล้ว แต่ชายหนุ่มก็เมินเฉยไม่แม้แต่จะสนใจอะไรมันเลย จนราชาวดีอดที่จะเอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วงว่าทิติเอกจะเสียงานมากกว่าอย่างอื่น
"ไม่อยากให้อยู่ด้วยแล้วหรือไง"
"เปล่าค่ะ วดีแค่อยากให้คุณสนใจงานก่อน ไหนๆวดีก็มีคนค่อยดูแลเยอะขนาดนี้แล้ว
"ก็ได้"ทิตเอกเอ่ยออกมาก่อนที่จะก้มลงไปหอมที่หน้าผากของคนตัวเล็ก รอยยิ้มที่หญิงสาวส่งมาให้เขาเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ทิติเอกหลงรักมันตั้งแต่แรกจนถึงทุกวันนี้เลยก็ว่าได้
"นอนได้แล้ว หลับแล้วฉันจะได้ไปทำงาน"ร่างหนาขยับตัวเองเดินออกไปจากห้องพักของราชาวดีในขณะที่เขาแน่ใจแล้วว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้ว
รัตนาที่ยืนรออยู่หน้าห้องพร้อมกับสิงหราชาที่ยังคงยืนรอเพื่อนของตัวเองที่อยู่ภายในห้องพักของหญิงสาว ได้จับจ้องมองทิติเอกที่เดินออกมาด้วยสีหน้าที่เหมือนเดิมไม่มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
"เป็นไงบางตาเอก"
"หลับไปแล้วครับ ยังไงผมต้องฝากคุณหญิงดูให้หน่อยนะครับ"คำพูดของทิติเอกที่เอ่ยออกมาทำให้ทั้งสองถอนหาใจออกมาอย่างโล่งใจพอๆกับสงสัยในคำพูดของทิติเอก
"จะไปไหน ไม่อยู่กับน้องหรือไง"
"เธอไล่ให้ผมไปทำงานครับ แต่ยังไงตอนเย็นผมจะรีบเข้ามานะครับ"
"ได้จร้า..."ทิติเอกได้ทำการยกมือไหว้แม่ของสิงหราชก่อนที่จะเดินตรงไปที่ลิฟท์โดยที่สิงหราชตามเขามาด้วย เหตุผลที่ว่าต้องการจะคุยเรื่องโครงการต่อ
"เห็นข่าวนี้ยัง"สิงหราชส่งโทรศัพท์ให้กับทิติเอก เขาไม่คิดว่าอรวีผู้เป็นแม่ของทิติเอกจะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นได้รวดเร็วมาขนาดนี้
"ปากก็บอกให้ฉันเลิกยุ่ง แต่การกระทำอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้"ทิติเอกเอ่ยออกมาอย่างประชดผู้เป็นแม่ของตัวเอง
"พ่อฉันรู้เรื่องก็โกรธเป็นฟื้นเป็นแต่พอรู้ว่าเป็นแก ท่านก็เอ่ยออกมาแค่คำเดียวว่าแกต้องแต่งไม่แต่งไม่ได้"
"เอก"ทันทีที่รถที่ทั้งสองหนุ่มได้นั่งอยู่เคลื่อนตัวเองเข้ามาที่บริษัทของทิติเอกแล้ว สิงหราชก็เอ่ยเรียกเพื่อนของตัวเองให้ทำการหันไปมองที่หน้าตัวบริษัททันที ด้วยตอนนี้นักข่าวหลากหลายสำนักได้พากันเข้ามารอทิติเอกเพื่อรอสัมภาษณ์ในสิ่งที่เกิดขึ้น
"มาแล้วคุณเอกมาแล้ว"นักข่าวสาวเอ่ยเรียกเพื่อนของตัวเองทันทีเมื่อเห็นว่ารถของทิติเอกได้เคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบริษัท พร้อมทั้งเขาได้เดินลงมาจากรถ พร้อมกับเพื่อนสนิทที่มีข่าวว่าจะร่วมกันทำโครงการใหญ่
"ไม่ทราบว่าเรื่องของคุณแพรไพรลินคุณเอกคิดเห็นยังไงคะ"
"ต้องคิดเห็นด้วยหรอ เธอมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นจนท้องแล้วพยายามยัดเหยียดตัวเองมาให้ฉันแบบนี้ต้องคิดเห็นด้วยหรอ"
"อ้าวแล้วแบบนี้เรื่องของผู้หญิงที่เป็นเมียเก็บคุณเอก ที่คุณแม่ของคุณไม่ยอมรับมันจริงหรือเปล่า"
"เธอไม่ใช่เมียเก็บ เธอเป็นเมียที่ถูกคนอื่นเดินมาสวมทะเบียน"
"แล้วคุณหญิงอวรีจะรับได้หรอคะ"ทิติเอกมองไปยังนักข่าวสาวที่เอ่ยถามออกมาอย่างพยายามจี้จุดเหมือนเธอมาอย่างมีเจตนา
"เรื่องยอมรับไม่ยอมรับต้องถามฝ่ายหญิงมันถึงจะถูกนะครับ ผู้หญิงที่พวกคุณกำลังเรียกว่าเมียเก็บเนี่ยทเป็นลูกสาวของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสื่อในประเทศ ถ้าจะทำอะไรก็คิดๆหน่อยนะครับเดี๋ยวได้ตกงาน"สิงหราชเอ่ยออกมาพร้อมมองนักข่าวสาวอย่างเพ็งเล็ง
"ขอตัวนะครับ อยากรู้อะไรไปถามฝ่ายหญิงเลย แล้วเดี๋ยวถ้าฉันจะให้ข่าวเดี๋ยวติดต่อไปเอง"ทิติเอกเอ่ยออกมาอย่างตัดบทก่อนจะเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปภายในบริษัทพร้อมเพื่อนของตัวเอง
"บดินทร์..."ชายหนุ่มเอ่ยเรียกรลูกน้องคนสนิทเข้ามาภายในห้องทำงานที่ตอนนี้เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองแล้ว และสิงหราชได้นั่งอยู่ที่โซฟา
"ครับคุณเอก"
"ทำไมข่าวไปไวจัง"ทิติเอกที่คิดว่าข่าวน่าจะมาพรุ่งนี้ แต่กลับมาไวเกินกว่าที่เขาได้ควาดการณ์เอาไว้เสียอีก
"คุณหญิงแกล้งโทรไปปรึกษาเพื่อนสนิทนะครับเลยได้เรื่องเลย"บดินทร์เอ่ยตอบทิติเอกออกมาอย่างตรงไปตรงมา
"สองแม่ลูกนั้นไม่อกแตกตายเลยหรือไง"สิงหราชที่รู้เรื่องขอเพื่อนมาตั้งแต่แรกก็อดที่จะเอ่ยออกมาอย่างสงสัยไม่ได้
"คงบ้ากินไปแล้วแหละ และเดียวพรุ่งนี้ก็จะออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด พรุ่งนี้ส่งเอกสารให้กับแพรพรรณลายที่งานสัมภาษณ์ด้วยนะ"
"ครับ"บดินทร์เอ่ยอกมาก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องทำงานของผู้เป็นเจ้านายของตัวเอง
"เอกสารอะไร...สิงหราชอดที่จะเอ่ยออกมาอย่างสงสัยไม่ได้
"ทุจริตตั้งแต่โคตรยันตอนนี้เลย"
ราชาวดีที่เพิ่งทานอาหารจากที่ทิติเอกเป็นคนค่อยป้อนให้เธอเสร็จ หญิงสาวก็ได้มานั่งจับจ้องที่ทีวี และเธอก็คงต้องอยู่ที่นี่ 1 อาทิตย์เพื่อที่หมอจะได้แน่ใจว่าเธอจะไม่กลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง"ดูอะไร"ทิติเอกที่เดินเข้ามานั่งข้างเตียงนอนก็เอ่ยถามออกมาเมื่อหญิงสาวยังคงจับจ้องที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่คิดที่จะสนใจอย่างอื่น"ข่าวทั่วไปค่ะ แล้วไปไหนมาคะไม่ไปทำงานหรอ"ราชาวดีอดที่จะเอ่ยถามออกมาพร้อมความสงสัยไม่ได้ เพราะเธอเห็นว่าทิติเอกแต่งตัวด้วยชุกลำรองนั้นก็เท่ากับว่าเขาจะไม่ไปทำงาน"ไม่อ่ะ...นักข่าวเยอะรำคาญ....ปวดหัวมากเลยเป็นอะไรไม่รู้"ทิตเอกเอ่ยออกมาอย่างอ้อนๆก่อนที่จะซบแขนของคนตัวเล็ก เขาเพิ่งรู้ว่าการอยู่ใกล้ราชาวดีมันทำให้เขานั้นรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก"ให้วดีเรียกหมอให้ไหมคะ...""ไม่เอา อยู่แค่นี้ก็หายแล้ว"คนตัวโตเอ่ยออกมาพร้มจับมือของเธอมาซบเอาไว้ โดยที่คนตัวเล็กไม่ได้ว่าอะไรพร้อมกับขยับตัวเองเพื่อที่จะเข้ามาหาทิติเอก"ข่าววันนี้เป็นข่าวที่น่าตกใจมากเลยนะคะ ไฮโซสาวอย่างคุณแพรไพลินที่เป็นลูกสาวของรัฐมนตรีมีข่าวออกมาว่าเธอท้อง แต่ฝ่ายชายไม่รับ คุณแพรพรรณลายเลยจับให้เธอแต่งงานกับคุณทิติเอกเม
หลังจากการเดินทางมาที่บ้านของทิติเอกอีกครั้ง หลังจากที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมา เขาก็ไม่เคยคิดที่จะเดินทางกลับมาที่นี่อีก จนแม่ของเขาให้เข้ามาคุยธุระอย่างวันนี้และพ่อของราชาวดีและรัตนาก็เลือกที่จะเข้ามาคุยกับแม่ของเขาในวันนี้ ชายหนุ่มก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยอะไรออกมาได้นอกจากทำตามที่อรวีต้องการเท่านั้น"เอกมาแล้วหรอลูก"อรวีที่อยากจะเอ่ยคำขอโทษลูกชายของเธออย่างนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องขึ้นมาจนถึงตอนนี้สายตาของอรวีประทะเข้ากับร่างของคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอย่างไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาแต่เมื่อเธอได้เห็นว่าอรวีได้หันมามองที่เธอ"สวัสดีค่ะคุณหญิงอรวี"ราชาวดีเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ไม่เต็มสักเท่าไหร่ แต่เธอก็เลือกที่จะเอ่ยออกไป เพราะถ้าไม่เอ่ย ก็เท่ากับว่าเธอเสียมารยาท"เข้าบ้านก่อน"อรวีเอ่ยออกมาก่อนที่จะเดินนำทั้งสองเข้าไป ราชาวดีที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มเกร็งตัวเองมากกว่าเดิม ด้วยที่เธอไม่รู้ว่าควรทำยังไงดีในตอนนี้ แต่มือหนาของชายข้างกายเธอกลับบีบที่ข้อมือของเธอย้ำๆทำให้หญิงสาวทำได้เพียงแค่พยักให้กับเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในบ้านของทิติเอกตามที่ชายหนุ่มได้จับมือเธอเดินเข้าไปภายในบ้าน"เดี๋
"มันจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะคะคุณอรวี ทิติเอกเป็นทายาทหมื่นล้าน ราชาวดีไม่มีอะไรเลย การที่นายหัวพูดแบบนั้นมันก็ทำให้คุรนักใจที่จะรับเธอมาเป็นสะใภ้ ดิฉันจะยกทรัพย์สินของฉันส่วนหนึ่งให้กับราชาวดี แต่เป็นทั้งหมดที่อยู่ภายในกรุงเทพและบริเวณใกล้เคียงเราคำนวณแล้วก็เทียบเท่ากับทรัพสินย์ของคุณตอนนี้เลย แบบนี้เหมาะสมกันหรือยังคะ"รัตนาเอ่ยออกมาอย่างพยายามจับทางของอรวี"มันไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ ทิติเอกเก็บราชาวดีไว้ ไม่ได้เปิดเผย เธอเสียชื่อเสียงกับทางเราไปมากแล้วนะคะ"อรวีเอ่ยออกมาอย่างพยายามที่จะอธิบาย ด้วยเธอกลัวทิติเอกจะไม่เห็นด้วยเพราะเธอเคยผิดพลาดกับลูกชายของเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง"งั้นยิ่งต้องตกลงเลย เพราะผมจะรับผิดชอบเธอ"ทิติเอกเอ่ยออกมาทำให้ผู้เป็นแม่ที่เดิมหนักใจไม่น้อย กลัวลูกชายเธอจะไม่เห็นด้วยถ้าเธอรับทางโน่นเลย แต่กลับกัน ทิติเอกอยากจะรับผิดชอบราชาวดีมากจนเธอคาดไม่ถึง"ว่ายังไงครับ"สิงหราชเอ่ยถามออกมาอย่าต้องการคำตอบเช่นเดียวกับทุกคนที่นี่"ค่ะ เห็นสมควรกันขนาดนี้ วีไม่กล้าขัดแล้วค่ะ"คำพูดของอรวีที่เอ่ยออกมาทำให้ทิติเอกดีใจไม่น้อย ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือของตัวเองไปจับลงที่มือของคนตัวเล็กที่น
สามปีผ่านมา"อคิณ...มาหาแม่มาลูก"ราชาวดีเอ่ยเรียกเด็กชายที่ยังคงวิ่งเข้าไปภายในบริษัทของผู้เป็นพ่ออย่างสนุกสนานต่างจากผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้หมดแรงแม้แต่จะเดินแล้ว"คุณแม่ตามสิครับ เร็วๆตามมา"เด็กน้อยวัยสองขวบกว่าเรียกแม่ของตัวเองด้วยเสียงที่สนุกสนาน"ว้า...จับได้แล้ว"ราชาวดีที่เห็นลูกชายถูกยกลอยขึ้นจากพื้นก็อดที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจไม่ได้เพราะถ้าให้เธอวิ่งตามอีกคงได้เป็นลมแน่ๆ"คุณพ่อ" เสียงของเด็กชายเอ่ยออกมาก่อนที่จะโอบคอของทิติเอกพร้อมหอมลงที่ใบหน้าของเขาอย่างคิดถึง"ทำไมแกล้งแม่แบบนี้ครับ" ทิติเอกใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้กับลูกชายก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาอย่างเอ็นดูแม่ลูกคู่นี้ ที่ลูกชายเขาไม่รู้ไปได้นิสัยขี้แกล้งมาจากใคร วันๆเอาแต่แกล้งผู้เป็นแม่ให้วิ่งตาม แต่ด้วยนิสัยของราชาวดีไม่เคยจับลูกชายของเธอทันเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ไม่ได้แกล้งเลย....คุณแม่" อคิณเอ่ยออกมาก่อนที่จะมองไปยังราชาวดีที่ยิ้มให้กับสองพ่อลูกอยู่"แม่น่าจะอุ้มเราไม่ไหวแล้วนะคะครับ" ทิติเอกเอื้อมมือไปหาผู้เป็นแม่เพื่อที่จะให้อุ้มตัวเอง"ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ""ครับ...อคิณครับเดี๋ยวไปกับลุงบดินทร์นะครับ""ไปไหนคะ" รา
บทนำ“สวัสดีเราชื่อราชาวดี ผู้หญิงที่จะเรียกว่าโง่ก็ได้นะ ที่กลับไปหลงรักคนๆหนึ่ง ซึ่งเราเคยคิดว่าเขารักเรามาตลอด จนวันนี้เราได้รู้แล้วว่าทั้งหมดที่เขาทำ เพราะคำว่าความใคร่มากกว่าเรื่องอื่น เราจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง จะด่าเราก็ได้นะ โดยที่อย่าลืมไปว่าถ้าเป็นเราจะตัดสินใจทำแบบนี้หรือเปล่า”“ที่คุณเอกพูดทั้งหมดหมายความว่ายังไงคะ” เสียงของหญิงสาวเอ่ยถามอย่างสงสัยต่อผู้ชายตรงหน้าของเธอ เขาคือ ทิติเอก กรวลัยลักษณ์ เป็นลูกชายเพียงของตระกูล กรวลัยลักษณ์“ฉันบอกว่าจะให้เธอ ย้ายเข้าไปอยู่บ้านที่ฉันซื้อให้แทนที่นี่” สายตาของชายหนุ่มมองไปยังห้องพักของหญิงสาว ที่เขาให้การดูแลเธอมาตลอดตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยปีสอง จนตอนนี้เธอเรียนจบมาได้เกือบจะครบเดือนแล้ว“แต่วดีว่า…วดีอยู่ที่นี่ดีกว่านะคะ อีกอย่างการที่คุณจะให้วดีย้ายเข้าไปอยู่ที่นั้น เข้าไปในฐานะอะไรคะ” ราชาวดี หญิงสาวที่มาจากบ้านเด็กกำพร้า เธอเติบโตมาโดยไม่เคยรู้ว่าพ่อกับแม่ของเธอเป็นใครมาจากไหน ไม่รู้ว่าตัวเองมาจากที่ไหนเธอใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า จนเข้าเรียนมหาลัย เธอก็ได้ย้ายมาอยู่ที่หอ แต่ชีวิตของเด็กสาวที่เรียกว่าไม่มีต้นท
หลังจากที่ชายหนุ่มได้พาหญิงสาวออกมาจากที่ห้องพักแล้ว เขานั้นก็ได้พาราชาวดีกลับมาที่คอนโดมิเนียมของตัวเอง ที่เรียกว่าคนรวยอย่างเดียวคงจับจ้องไม่ได้ ในชั้นบนสุดแบบนี้ เพราะการแข่งขันเพื่อที่จะได้มาครอบครอง เป็นเรื่องที่เรียกว่ายากพอสมควร แต่สำหรับทิติเอกเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับเขาไม่น้อย"วันนี้คุณเอกไม่ไปทำงานเหรอคะ" ราชาวดีเอ่ยถามขึ้น เมื่อชายหนุ่มที่พาเธอเดินเข้ามาภายในลิฟต์ เริ่มคลอเคลียที่ซอกคอขาวของเธอ ซึ่งราชาวดีรู้ดีว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เธอจึงอดที่จะเอ่ยถามออกมาไม่ได้ ด้วยที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุด"มีช่วงบ่าย เธอรู้ไหม ทำไมฉันถึงให้เธอทำงานเป็นเลขา""ไม่ทราบค่ะ " ราชาวดีเอ่ยออกมาเพราะเธอไม่ทราบถึงเหตุผลของผู้ชายตรงหน้าเธอเลยสักนิด"ก็เพราะเธอชอบถามฉันแบบนี้ไง ฉันเลยให้เธอเป็นคนจัดตารางงานฉันเลย จะได้รู้เวลางานฉัน" ทิติเอกเอ่ยออกมา ก่อนที่จะจูบลงที่ริมฝีปากของคนตัวเล็ก เพราะเขาไม่ได้อยากได้ยินคำพูดเดิมของราชาวดี ที่ทุกครั้งเมื่อเขาได้ติเตียนเธอ หญิงสาวก็จะเอ่ยคำขอโทษออกมา และจะไม่ถามเรื่องนั้นซ้ำอีก ซึ่งเขาไม่ได้ต้องการแบบนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียวมือของชายหนุ่มได้ถู
ทิติเอกที่ตอนนี้จับจ้องมองมายังราชาวดีจนพอใจจนพอใจแล้ว เขาก็ได้ถอดป้อมปราการสุดท้ายของคนตัวเล็กออก ก่อนที่เขาจะจับขาของราชาวดีพาดลงที่ไหล่ของตัวเองทิติเอกใช้มือของตัวเองลูปไล่ที่ร่องสวาทของคนตัวเล็ก แต่เพียงไม่นานเขาก็ได้ขยับใบหน้าของตัวเองเข้าไปหาร่องสวาทของราชาวดี ชายหนุ่มใช้ปลายลิ้นร้อนของตัวเองสัมผัสไปที่ร่องสวาทที่มีน้ำรักไหลออกมา การขบเม้นและดูดดึงที่กลีบรักสลับกับการใช้ปลายลิ้นเขี่ยไปมาที่เม็ดทับทิม สร้างสัมผัสที่หวาบหวิวให้กับราชวดีจนเธอแทบจะยืนไมาไหว อีกทั้งตอนนี้ชายหนุ่มยังส่งนิ้วร้ายของตัวเองเข้าไปที่ร่องสวาทของเธอทิติเองขยับนิ้วร้ายของตัวเองเข้าออกเป็นจังหวะที่ค่อยข้างเร็ว และเป็นการกระทำที่สอดคล้องกับสัมผัสด้วยลิ้นร้ายที่เขาส่งไปให้กับหญิงสาว จนตอนนี้น้ำรักที่เคยไหลออกมาได้ไหลเพิ่มจนเริ่มเลอะไปตามง้ามนิ้วของทิติเอก"อืมม์ คุณเอก วดี ไม่ไหวแล้วค่ะ" หญิงสาวส่งสียงครางกระเซ่าออกมา เมื่อสัมผัสที่ได้รับทำให้เธอแทบจะกักเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ไม่ได้เสียงครางหวานและการตอดรัดที่แน่นขึ้นของร่องสวาท มันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้ราชาวเีเข้าใกล้ปลายทางแค่ไหนแล้ว และเมื่อเจ้าข
หยดน้ำตาที่ราชาวดีพยายามเก็บมันไว้ในตั้งแต่แรก จนตอนนี้เธอนั้นเริ่มกักเก็บมันเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ได้ไหลออกมาอาบแก้มเนียน สุดท้ายความพยายามของราชาวดีก้ล้มเหลวอีกครั้ง เมื่อเธอที่พยายามเก็บไม่ให้น้ำตาไหล ไม่สามารถทำต่อไปได้อีกเธอรู้และเข้าใจดีเสมอว่าเธอยืนอยู่ที่นี่ เพราะคำว่ามีพระคุณของอีกคน ซึ่งเขาไม่ได้มีเพียงแค่กับเธอเท่านั้น เขายังคงมีกับบ้านกำพร้าที่เธอเติบโตมาด้วย เมื่อคนที่เคยอุปถัมภ์ได้เสียชีวิตแล้ว ที่บ้านเด็กกำพร้าก็เริ่มมีปัญหา เรื่องเงิน จนทำให้เด็ก ๆ ที่นั้นเริ่มที่จะอยู่ไม่ได้ บ้างคนก็เริ่มออกขโมยของ เพื่อที่จะนำมาให้กับน้อง ๆ คนอื่นได้ต่อลมหายใจ จนวันที่เด็ก ๆ เหล่านั้นถูกจับ ทิติเอกก็ได้เข้ามาประกันตัว พร้อมกับรับอุปถัมภ์ที่นั้น โดยมีข้อเสนอในการให้เธออยู่กับเข้าในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่เขานั้นเลี้ยงเอาไว้เท่านั้นราชาวดีที่นั่งสงบสติของตัวเองมาได้สักพัก หญิงสาวก็เก็บอาหารตรงหน้าอย่งเงียบ ก่อนที่จะกลับขึ้นไปยังชั้นบนที่เป็นห้องพักของตัวเองเพื่อที่จะอาบน้ำนอน แต่เมื่อหญิงสาวอาบน้ำเสร็จโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนหญิงสาวไม่รีรอที่จะเดินเข้ามากดรับ"เกดว่าไง""พี่
สามปีผ่านมา"อคิณ...มาหาแม่มาลูก"ราชาวดีเอ่ยเรียกเด็กชายที่ยังคงวิ่งเข้าไปภายในบริษัทของผู้เป็นพ่ออย่างสนุกสนานต่างจากผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้หมดแรงแม้แต่จะเดินแล้ว"คุณแม่ตามสิครับ เร็วๆตามมา"เด็กน้อยวัยสองขวบกว่าเรียกแม่ของตัวเองด้วยเสียงที่สนุกสนาน"ว้า...จับได้แล้ว"ราชาวดีที่เห็นลูกชายถูกยกลอยขึ้นจากพื้นก็อดที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจไม่ได้เพราะถ้าให้เธอวิ่งตามอีกคงได้เป็นลมแน่ๆ"คุณพ่อ" เสียงของเด็กชายเอ่ยออกมาก่อนที่จะโอบคอของทิติเอกพร้อมหอมลงที่ใบหน้าของเขาอย่างคิดถึง"ทำไมแกล้งแม่แบบนี้ครับ" ทิติเอกใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้กับลูกชายก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาอย่างเอ็นดูแม่ลูกคู่นี้ ที่ลูกชายเขาไม่รู้ไปได้นิสัยขี้แกล้งมาจากใคร วันๆเอาแต่แกล้งผู้เป็นแม่ให้วิ่งตาม แต่ด้วยนิสัยของราชาวดีไม่เคยจับลูกชายของเธอทันเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ไม่ได้แกล้งเลย....คุณแม่" อคิณเอ่ยออกมาก่อนที่จะมองไปยังราชาวดีที่ยิ้มให้กับสองพ่อลูกอยู่"แม่น่าจะอุ้มเราไม่ไหวแล้วนะคะครับ" ทิติเอกเอื้อมมือไปหาผู้เป็นแม่เพื่อที่จะให้อุ้มตัวเอง"ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ""ครับ...อคิณครับเดี๋ยวไปกับลุงบดินทร์นะครับ""ไปไหนคะ" รา
"มันจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะคะคุณอรวี ทิติเอกเป็นทายาทหมื่นล้าน ราชาวดีไม่มีอะไรเลย การที่นายหัวพูดแบบนั้นมันก็ทำให้คุรนักใจที่จะรับเธอมาเป็นสะใภ้ ดิฉันจะยกทรัพย์สินของฉันส่วนหนึ่งให้กับราชาวดี แต่เป็นทั้งหมดที่อยู่ภายในกรุงเทพและบริเวณใกล้เคียงเราคำนวณแล้วก็เทียบเท่ากับทรัพสินย์ของคุณตอนนี้เลย แบบนี้เหมาะสมกันหรือยังคะ"รัตนาเอ่ยออกมาอย่างพยายามจับทางของอรวี"มันไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ ทิติเอกเก็บราชาวดีไว้ ไม่ได้เปิดเผย เธอเสียชื่อเสียงกับทางเราไปมากแล้วนะคะ"อรวีเอ่ยออกมาอย่างพยายามที่จะอธิบาย ด้วยเธอกลัวทิติเอกจะไม่เห็นด้วยเพราะเธอเคยผิดพลาดกับลูกชายของเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง"งั้นยิ่งต้องตกลงเลย เพราะผมจะรับผิดชอบเธอ"ทิติเอกเอ่ยออกมาทำให้ผู้เป็นแม่ที่เดิมหนักใจไม่น้อย กลัวลูกชายเธอจะไม่เห็นด้วยถ้าเธอรับทางโน่นเลย แต่กลับกัน ทิติเอกอยากจะรับผิดชอบราชาวดีมากจนเธอคาดไม่ถึง"ว่ายังไงครับ"สิงหราชเอ่ยถามออกมาอย่าต้องการคำตอบเช่นเดียวกับทุกคนที่นี่"ค่ะ เห็นสมควรกันขนาดนี้ วีไม่กล้าขัดแล้วค่ะ"คำพูดของอรวีที่เอ่ยออกมาทำให้ทิติเอกดีใจไม่น้อย ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือของตัวเองไปจับลงที่มือของคนตัวเล็กที่น
หลังจากการเดินทางมาที่บ้านของทิติเอกอีกครั้ง หลังจากที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมา เขาก็ไม่เคยคิดที่จะเดินทางกลับมาที่นี่อีก จนแม่ของเขาให้เข้ามาคุยธุระอย่างวันนี้และพ่อของราชาวดีและรัตนาก็เลือกที่จะเข้ามาคุยกับแม่ของเขาในวันนี้ ชายหนุ่มก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยอะไรออกมาได้นอกจากทำตามที่อรวีต้องการเท่านั้น"เอกมาแล้วหรอลูก"อรวีที่อยากจะเอ่ยคำขอโทษลูกชายของเธออย่างนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องขึ้นมาจนถึงตอนนี้สายตาของอรวีประทะเข้ากับร่างของคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอย่างไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาแต่เมื่อเธอได้เห็นว่าอรวีได้หันมามองที่เธอ"สวัสดีค่ะคุณหญิงอรวี"ราชาวดีเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ไม่เต็มสักเท่าไหร่ แต่เธอก็เลือกที่จะเอ่ยออกไป เพราะถ้าไม่เอ่ย ก็เท่ากับว่าเธอเสียมารยาท"เข้าบ้านก่อน"อรวีเอ่ยออกมาก่อนที่จะเดินนำทั้งสองเข้าไป ราชาวดีที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มเกร็งตัวเองมากกว่าเดิม ด้วยที่เธอไม่รู้ว่าควรทำยังไงดีในตอนนี้ แต่มือหนาของชายข้างกายเธอกลับบีบที่ข้อมือของเธอย้ำๆทำให้หญิงสาวทำได้เพียงแค่พยักให้กับเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในบ้านของทิติเอกตามที่ชายหนุ่มได้จับมือเธอเดินเข้าไปภายในบ้าน"เดี๋
ราชาวดีที่เพิ่งทานอาหารจากที่ทิติเอกเป็นคนค่อยป้อนให้เธอเสร็จ หญิงสาวก็ได้มานั่งจับจ้องที่ทีวี และเธอก็คงต้องอยู่ที่นี่ 1 อาทิตย์เพื่อที่หมอจะได้แน่ใจว่าเธอจะไม่กลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง"ดูอะไร"ทิติเอกที่เดินเข้ามานั่งข้างเตียงนอนก็เอ่ยถามออกมาเมื่อหญิงสาวยังคงจับจ้องที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่คิดที่จะสนใจอย่างอื่น"ข่าวทั่วไปค่ะ แล้วไปไหนมาคะไม่ไปทำงานหรอ"ราชาวดีอดที่จะเอ่ยถามออกมาพร้อมความสงสัยไม่ได้ เพราะเธอเห็นว่าทิติเอกแต่งตัวด้วยชุกลำรองนั้นก็เท่ากับว่าเขาจะไม่ไปทำงาน"ไม่อ่ะ...นักข่าวเยอะรำคาญ....ปวดหัวมากเลยเป็นอะไรไม่รู้"ทิตเอกเอ่ยออกมาอย่างอ้อนๆก่อนที่จะซบแขนของคนตัวเล็ก เขาเพิ่งรู้ว่าการอยู่ใกล้ราชาวดีมันทำให้เขานั้นรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก"ให้วดีเรียกหมอให้ไหมคะ...""ไม่เอา อยู่แค่นี้ก็หายแล้ว"คนตัวโตเอ่ยออกมาพร้มจับมือของเธอมาซบเอาไว้ โดยที่คนตัวเล็กไม่ได้ว่าอะไรพร้อมกับขยับตัวเองเพื่อที่จะเข้ามาหาทิติเอก"ข่าววันนี้เป็นข่าวที่น่าตกใจมากเลยนะคะ ไฮโซสาวอย่างคุณแพรไพลินที่เป็นลูกสาวของรัฐมนตรีมีข่าวออกมาว่าเธอท้อง แต่ฝ่ายชายไม่รับ คุณแพรพรรณลายเลยจับให้เธอแต่งงานกับคุณทิติเอกเม
"คุณเอกไม่รักวดี วดีไม่ว่านะคะ ไม่ว่าเรืื่องลูกหรือเรื่องอะไรก็ตาม แต่อย่าผลักวดีให้กับคนอื่นได้ไหม วดีของแค่นี้ได้ไหม"ราชาวดีเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตา ทิติเอกตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยออกมาเขาขยับตัวเองเข้าไปหาคนตัวเล็กด้วยความเร็วพร้อมกับการดึงเธอเข้ามาภายในอ้อมกอด"หมอบอกว่าอย่าเครียดไงวดี....ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไปฉันจะไม่แต่งงานกลับเธอ"หญิงสาวที่อยู่ภายในอ้อมกอดของชายหนุ่มนิ่งลงพร้อมกับการขยับตัวเองออกมาจากอกแกร่งของอีกคน"หมายความว่าไงคะ""เธอต้องแต่งงาน แล้วคนที่ต้องแต่งด้วยคือฉัน""แล้วคุณแพรละคะ""แพรไพลินท้องนั้นก็เท่ากับว่าเธอคบกับคนอื่นเพียงแค่จะให้ฉันรับผิดชอบแต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะเราไม่เคยมีความสัมผัสกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ทิติเอกเอ่ยออกมาพยายามที่จะอธิบายให้กับคนตัวเล้กได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น"อ๋อค่ะ...""แค่นี่หรอ""ค่ะ....ต้องให้วดีพูดอะไรคะ"ท่าทางที่ไร้เดียงสาของหญิงสาวทำให้ทิติเอกนักใจมากกว่าจะรู้สึกดีที่เธอไม่ทันคน"บดินทร์บอกว่าเธอทะเลาะกับแพรไพลินหรอ""ก็เขาว่าวดีก่อนทำไม"หญิงสาวเอ่ยออกมาพร้อมท่าทางที่เรียกว่าทั้งโกระแค้นทั้งไม่พอใจ จนคนท่เ
"ไม่ทราบว่าคุณหญิงอรวีมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ"ทิติเอกเอ่ยออกมายังประชดประชันผู้เป็นมารดา"เรื่องที่ลูกพูดหมายความว่ายังไง ผู้หญิงของลูกเป็นลูกสาวคนหญิงรัตนา"อรวีไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูกชายตัวเองเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้ เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินตามมาถามความให้รู้เรื่อง"ลูกสาวคุณหญิงรัตนาที่เธอตามหา มาตลอดนะครับ"น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วปกติ แต่แววตาตากับเจ็บปวดของที่ทิติเอก อดทำให้ผู้เป็นแม่ของเขาเป็นห่วงไม่ได้"ลูกรู้เรื่องนานหรือยัง""ทำไม ถ้ารู้ว่าก่อนหน้านี้เธอเป็นลูกสาวของคุณหญิงรัตนา คุณแม่จะจับเธอให้ผมหรอครับ ทั้งๆที่ปากพร่ำบอกว่าเธอไม่คู่ควรอะไรกับผมเลย""แม่จะให้ลูกอยู่ห่างเธอมากกว่านี้ต่างหาก""ทำไมผมไม่เข้าใจ"ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยกับสิ่งที่แม่ของเขาเอ่ยออกมา ทำให้ชายหนุ่มกับหนักใจในเรื่องนี้มากกว่าเดิม"คุณหญิงรัตนา เธอไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเข้าไปเอื้อมถึงลูกสาวหรือลูกชายของเธอ ต่อให้เป็นเราก็ตามเธอ ไม่มีทาง ที่เธอจะยอมยกลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอให้ แล้วยิ่งพ่อนะ ถ้ารู้ว่าเอกกับลูกสาวเขาคบกันในที่ลับแบบนี้ แม่ไม่อยากจะคิดเลย""เรื่องนี้ผมรู้ว่าผมผิด ที่ไม่เคยให้ความชัดเจนเธอตั้งแต่แร
"ต่อให้วดีต้องตาย วดีก็ไม่มีทางเอาเข้าออก"เสียงที่ดังขึ้นมาของราชาวดี ที่เธอฟื้นขึ้นมาหลังจากหลับไปได้เกือบสามวัน และเมื่อเธอตื่นขึ้นมากลับต้องพบเจอกับความจริงที่เจ็บปวดหญิงสาวยังคงมองไปที่ผู้เป็นแม่ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดภายในใจของเธอ"หมอคิดว่าการตัดสินใจนี้ ขึ้นอยู่กับคนไข้ แต่ถ้าเป็นไปได้หมอก็อยากให้เอาออก"หมอหนุ่มเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบ"ไม่ค่ะ ยังไงวดีก็ไม่ยอม ใครเขาไม่ต้องการก็ชั่งเขา ลูกวดีๆดูแลเขาได้"หญิงสาวยังคงยืนกรานในคำเดิม แต่เหมือนคำยืนกรานของเธอจะถูกกลืนลงในลำคอ ในสายตาของเธอได้ปะทะเข้ากับร่างหนาของคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี"ผมขอคุยกับเธอก่อนได้ไหม"ที่ทิติเอกที่ได้รับรู้เรื่องการฟื้นของราชาวดี เขาก็ไม่รีรอที่จะมาหาเธอในทันที ใบหน้าสวยหันไปอีกทางเพื่อจะหลบสายตาของชายหนุ่มที่มองมาที่เธอ"ราชาวดี หันกลับมาเดี๋ยวนี้ ฉันไม่รู้นะว่าเธอไปได้นิสัยดื้อดึงขนาดนี้มาจากใคร"ทิติเอกเอ่ยออกมาอย่างนึกต่อว่าหญิงสาว แต่เหมือนเธอจะไม่สนใจในคำพูดของเขาเลย ร่างหนาเดินเข้ามาหาหญิงสาว เขาจับที่ใบหน้าของเธอให้หันกลับมาหาเขา"ดูทำหน้าเข้า"ทิติเอกอดที่จะเอ่ยออกมาเมื่อเห็นใบหน้าข
"คุณเอกนั่งก่อนเถอะครับ"บดินทร์เอ่ยออกมาเมื่อทิติเอกเอาแต่เดินไปเดินมาที่หน้าห้อง ฉุกเฉินต้องแต่เขาได้ส่งแพรไพลินเข้าไปด้านไหนแล้ว"ฉันหวังว่าเด็กในท้องของแพรจะยังอยู่""คุณเอกหมายความว่ายังไงครับ"บดินทร์ไม่เข้าใจในสิ่งที่ทิติเอกเอ่ยออกมาจึงได้ถามออกมาเพราะเจ้านายของเขาไม่ได้ต้องการมีลูกไม่ว่ากับใคร"ก็เพราะเด็กนั้นไม่ใช่ลูกฉัน ถ้าแท้งเรื่องก็จบ แต่ถ้าไม่คุณแม่จะพูดออกอีกไหม"ทิติเอกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่า ทิติเอกโกรธมากแค่ไหน"ญาติคนไข้ที่ท้องล่ะมายัง...หมอให้ตาม""เกิดอะไรขึ้น..."พยาบาลสาวเอ่ยถามเพื่อนรวมแผนกที่ดูสีหน้าไม่ดีเลย"แม่เสียเลือดเยอะเลย ตอนนี้ต้องการเลือกโอกาสรอดทั้งแม่ทั้งลูกน้อยมากเลย"คำพูดของพยาบาลทำให้ทิติเอกตกใจไม่น้อย"คนไข้ชื่ออะไร....ฉันเป็นคนส่งคนไข้ทั้งสองคนนั้น""ราชาวดี แต่เดี๋ยวนะคะคุณเป็นพามาส่ง แต่ไม่ใช่ญาติ""ญาติหรอครับ"บดินทร์ตกใจในคำพูดของพยาบาลไม่น้อยก่อนที่จะมองไปยังทิติเอกที่ตอนนี้ก็สงสัยไม่ต่างไปจากตัวเอง"ผมเป็นพี่ชายของราชาวดีครับ""ค่ะ...ตามพยาบาลไปเลยค่ะ"ทิติเอกมองสิงหราชเพื่อนสนิทของตัวเองที่เดินเข้ามาพร้อมคุณหญิงรัตนาและมันทำให้เ
อาทิตย์ต่อมาราชาวดีก็ยังคงมาทำงานเหมือนเดิมในทุกวัน ต่างไปจากทิตเอกที่ตอนนี้เขาได้ไปๆมาๆแถมเขายังไม่ยอมไปหาคนตัวเล็กที่บ้านความรู้สึกของคนตัวเล็กในตอนนี้เธอเริ่มรักคนที่อยู่กับตัวเองมากกว่าผู้ชายที่เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะครอบครองเขาเลยแม้แต่น้อย“คุณราชาวดีครับ”“คะ”หญิงสาวที่ไม่รู้ว่าบดินทร์มาตั้งแต่ตอนไหนเงยใบหน้าขึ้นอย่างตั้งคำถามเมื่อเขาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมเอ่ยเรียกหญิงสาว“คุณทิติเอกให้คุณเข้าไปหาครับ”“ค่ะ”ราชาวดีที่ไม่รู้ว่าทิติเอกได้เดินเข้าไปภายในห้องทำงานตั้งแต่ตอนไหนก็อดที่จะขมวดคิ้วตัวเองอย่างสงสัยไม่ได้“มาได้สักพักแล้วครับกำลังคิดอะไรอยู่หรอครับ”“อ๋อเหรอคะ เปล่าค่ะ วดีไม่ได้คิดอะไร”หญิงสาวเอ่ยออกมาก่อนที่จะขยับตัวเองเพื่อที่จะเดินเข้าไปภายในห้องทำงานของทิติเอก“คุณเอกเรียกวดีมีอะไรหรือเปล่าคะ”ราชาวดีมองทิติเอกที่ยืนมองวิวอยู่หลังโต๊ะทำงานของตัวเอง แต่เมื่อเธอเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาหยิงสาวจึงได้ตัดสินใจเอ่ยถามออกมา“ซองเอกสารอยู่บนโต๊ะ”“ค่ะราชาวดีเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานของชายหนุ่มแต่เมื่อเธอได้เห็นซองสีน้ำตาลที่วางอยู่ หญิงสาวอดที่จะหยิบขึ้นมาเดดูไม่ได้ แต่เม