ราชาวดีที่ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ทานอาหารตามที่ร่างหนาสั่ง โดยที่ชายหนุ่มนั้นก็ยังคงทำงานตรวจเอกสารเพื่อทำการเซ็นต์เอกสาร สายตาของทิติเอกยังคงมองราชาวดีอย่างเป็นระยะ จนตอนนี้เธอได้ทานอาหารมาจนเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ทิติเอกก็ได้สั่งให้บดินทร์เข้ามาเก็บของทันที
"กินน้อยไม่อร่อย"
"คิดเองอีกแล้วนะคะ"ราชาวดีเอ่ยออกมาก่อนที่จะมองไปยังทิติเอกที่ยังคงส่งสายตามองที่เอกสารอย่างไม่ได้มองมาที่คนตัวเล็กเลยสักนิด
"มานี้ซิ"ชายหนุ่มที่เซ้นต์เอกสารเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้ขยับตัวเองพิงที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองพร้อมสายตามที่มองมายังราชาวดีที่ยั่งนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ได้ไม่นานนัก ร่างบางก็ได้เดินเข้าไปหาคนตัวโต
"มีอะไรคะ"
"เมื่อวานไม่ได้ ไปหาพาใครมานอนด้วยหรือเปล่า"ทิติเอกเอ่ยออกมาอย่างยอกคนตัวเล็กที่ตอนนี้เธอหน้าเรียบตรึงใส่คนตัวโต ในชนิดที่เรียกว่าทันทีเลยก็ว่าได้
“คุณเอกพูดเหมือนกับว่าเมื่อวานนี้คุณเอกไม่ได้ส่งคนไปดูวดีที่บ้าน”หญิงสาวที่อยู่ภายในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่เดินเคยพิงที่เก้าอี้ทำงานของตัวเอง แต่ตอนนี้เขานั้นกลับซบอยู่ที่อกของเธอแทน
“ก็คิดถึงไง…แล้วเย็นนี้จะให้บดินทร์ไปส่งไหม”ทิติเอกเอ่ยออกมาพร้อมกับการที่เขาใช้ใบหน้าของตัวเองถูไปมาที่อกของหญิงสาว
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ วดียังไม่อยากให้ใครเขารู้เรื่องของคุณเอกกับวดีค่ะ”ราชาวดีเอ่ยออกมาพร้อมกับการที่หญิงสาวยิ้มให้กับทิติเอกที่เงยใบหน้าขึ้นมามองตัวเอง เธอไม่อยากให้เขาไม่สบายใจเรื่องพวกนี้ อีกอย่างสถานะของเธอไม่มีสิทธิ์อะไรเลยก็ว่าได้
“ก็ได้”ทิติเอกที่ไม่ได้คิดเห็นต่างไปากหญิงสาวก็เอ่ยออกมาอย่าเงข้าใจเธอ เพราะเขานั้นก็ยังไม่อยากให้แพรไพลินรู้เรื่องของราชาวดีมากกว่าที่เป็นอยู่
“คุณเอกปล่อยวดีไปทำงานได้แล้วนะคะ เลยเวลาพักแล้ว”คำพูดหญิงสาวที่เอ่ยออกมาทำให้ทิติเอกที่ได้ยินแบบนั้นก็ยอมปล่อยหญิงสาวอย่างง่ายได้
“พรุ่งนี้ท่านประธานมีประชุม 8 โมงถึงเที่ยงนะคะ และก็ ช่วงบ่ายมีนัดเจอกับลูกค้าข้างนอกค่ะ ไม่ได้ระบุว่าใคร แต่บอกเพียงแค่ว่ามาจากภูเก็ตค่ะ”ราชาวดีที่เดินเลยโซนโต๊ะทำงานของทิติเอกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเธอก็เอ่ยออกมา
“พรุ่งนี้คุณเลขาช่วยแต่งตัวสวยๆด้วยนะคะ เดี๋ยวต้องออกไปเจอลูกค้า”ชายหนุ่มที่ได้ยินคำพูดที่ดูเป็นทางการของหญิงสาว เขาก็ไม่คิดที่จะติเตียนเธอเลยแม้แต่น้อย แต่เขานั้นกลับชอบเสียอีก
“ค่ะ…และก็มีลูกค้าของนัดพบตอนเย็นวันนี้ค่ะ”
“เลื่อนไปสามวัน ถ้าได้ก็ให้นัด แต่ถ้าไม่ก็ปฏิเสธไป”
“แล้วเวลานัดล่ะคะ”
“แล้วแต่คุณเลขาเห็นสะดวกเลยครับ…เอกสารละครับ”ทิติเอกเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าราชาวดียังไม่เลิกพูดแบบเดิมอยู่
“เอกสารการประชุมเสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอามาให้ค่ะ”
“เอกสารนี้เซ็นต์เสร็จแล้วเอาออกไปได้เลย”
“ค่ะ…งั้นขอตัวนะคะ”หญิสาวเอ่ยออกมาก่อนที่เธอนั้นจะหยิบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของทิติเอกก่อนที่จะเดินออกไป
สายตาของชายหนุ่มยังคงจับจ้องมองร่างบางที่เดินออกไปจากห้องทำงานของตัวเองจนประตูห้องไปปิดลง ยังไม่ทันที่เขาจะได้ละสายตาจากประตู การสั่นของโทศัพท์ที่ทิติเอกได้ตั้งสั่นเอาไว้เพื่อไม่ให้รบกวนตัวเองและคนอื่นเวลาคุยงานก้ได้ส่งการสั่นออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ครับ คุณแม่”
“เอกกลับบ้านไหมลูก วันนี้จะมาทานข้าวบ้านไหม”น้ำเสียงและคำพูดที่แปลกไปของผู้เป็นแม่ที่เอ่ยออกมา ทำให้ทิติเอกอดที่จะถอนหายใจออกมาอย่างไม่ชอบใจไม่ได้
“ใครอยู่กับคุณแม่ แพรไพลิน หรือแพรพรรณลาย”ทิติเอกเอ่ยถามออกมาอย่างรู้ทันผู้เป็นแม่ของตัวเอง
“ไพลิน…น้องบอกแม่ว่าไม่เจอเราเลย แล้วคืนวันเข้าหาคืออะไรที่เราทิ้งน้องให้นอนคนเดียว บ้านก็ไม่กลับ”
“ผมไปนอนที่คอนโด ใครใช่ให้เธอวางยาผม อีกอย่างนะครับ คุณแม่ช่วยไปบอกคนดีของคุณแม่ด้วยที่ทำงานเป็นพื้นที่ส่วนตัว คนนอกไม่มีสิทธิเดินเข้ามาอย่างไม่ได้รับอนุญาต”ทิติเอกเอ่ยออกมาอย่างไม่ชอบใจที่แพรไพลินชอบทำอะไรที่เกินสิทธิ์ของเธอเสมอ
“คนดีของแม่ เธอก็ดีกว่าของเอกทุกเรื่องนั้นแหละ อีกอย่างนะ ลูกกับหนูแพรแต่งงานจดทะเบียนกันแล้ว แต่อีกคนเป็นแค่อีตัว”
“คุณแม่…”
“อย่าให้มันมากจนแม่ต้องทำอะไรเลยตาเอก”
“เธอมีสิทธิ์ทุกอย่างเท่าคนของคุณแม่นะครับ”
“แต่เธอไม่คู่ควรไง”
“เดี๋ยวคุณแม่ก็รู้”
“ตกลงไม่กลับ”
“ครับ”ทิติเอกเอ่ยออกมาก่อนที่จะตัดสายของผู้เป็นแม่ทิ้ง
ทิติเอกที่ได้ตัดสายโทรศัพท์ของผู้เป็นแม่แล้วก็เริ่มเกิดอาการที่เรียกว่าทั้งหงุดหงิดทั้งหัวเสีย จนอดที่จะปัดของบนโต๊ะลงที่พื้นไม่ได้
แต่ยังไม่ทันทีชายหนุ่มจะได้คิดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเคาะก่อนที่จะถูกเปิดออกมาด้วยฝีมือของราชาวดีที่ถือแฟ้มเอกสารมาพร้อม
“เอกสารการประชุมเมื่อวานค่ะ และเอกสารของโครงการที่เขาส่งมาให้ค่ะ”ราชาวดีเอ่ยออกมาพร้อมสายตาของเธอที่มองไปยังพื้นของห้อง โดยที่เธอไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอะไรออกมา
“อืมม์ ออกไปได้แล้ว”ทิติเอกเอ่ยออกมาเมื่อหญิงสาวว่างเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของเขาเป็นทีเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยววดีเก็บให้ก่อนนะคะ”ราชาวดีไม่เพียงแต่พูดเท่านั้น แต่เธอก็เริ่มทำการเก็บของให้กับชายหนุ่มทันที โดยที่ทิติเอกก็ไม่เอ่ยอะไรออกมานอกจากสนใจแค่เอกสารที่หญิงสาวนำมาให้เขาเมื่อไม่นานมานี้เอง
“เสียดายจัง แตกแล้ว"ราชาวดีเอ่ยออกมาเมื่อเธอได้หยิบที่ทับหนังสือที่คนแถวนี้น่าจะแอบหยิบมาจากห้องของเธอ ซึ่งเธอจำได้ว่าหายมาเกือบปีแล้ว
“ฉันขอโทษ”ทิติเอกเอ่ยออกมาเมื่อเขาได้เห็นว่าที่ทับกระดาษรูปปั้นของหมูน้อยแตกเพราะเขาและมันเป็นของราชาวดีที่เขาแอบหยิบมาอย่างไม่ได้บอกเธอ
“ก็แค่แตกค่ะ”แต่ภายในใจของหญิงสาวอดที่จะเสียดายอย่างซ้ำๆไม่ได้ เพราะที่ทับกระดาษอันนี้เป็นของแม่ครู
“ถ้าเป็นโจรก็คงโง่ที่สุด”ทิติเอกเอ่ยออกมาอย่างขำตัวเองกับเรื่องที่เกิดขึ้น จนหญิงสาวที่เห็นแบบนั้นอดที่จะขำเขาไม่ได้
“สบายใจแล้วใช่ไหมคะ”ทิติเอกพยักหน้าให้กับราชาวดี ก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากห้องทำงานของเขา ชายหนุ่มยอมรับว่าเธอเป็นความสบายใจเขาแทบทุกเรื่อง แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเพื่อเธอได้สักอย่าง แม้แต่ตอนนี้
ช่วงบ่ายของวันถัดไป ราชาวดีที่ทานอาหารเสร็จเธอก็ได้เดินกลับขึ้นมาที่ชั้นเดิมที่เธอทำงานอยู่ แต่เมื่อหญิงสาวได้เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานก็พบว่าทิติเอกกับบดินทร์มายืนรอเธออยู่ก่อนแล้ว“ลืมนัดลูกค้าหรอ”“ท่านประธานไม่ได้ บอกให้วดีรอที่หน้าบริษัทนิคะ”ราชาวดีเอ่ยออกมาทันทีเมื่อเธอรู้สิ่งที่คนตัวโตต้องการ หญิงสาวไม่เพียงแต่เอ่ยอย่างแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่ยังคงก้มใบหน้าของตัวเองลงเพื่อรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ“แล้วไปไหนมา”“ทานข้าวค่ะ”“คุณบดินทร์รถพร้อมยัง”ทิติเอกที่ได้คำตอบจากหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็เอ่ยออกมาอย่างต้องการเปลี่ยนเรื่องทันที“พร้อมแล้วครับ”ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรต่อเพียงแต่เดินออกไปเพื่อตรงไปที่ลิฟต์ ส่วนทางด้านของราชาวดีที่เห็นแบบนั้นเธอก็รีบตรงไป หยิบเอกสารก่อนที่จะเดินตามชายหนุ่มไปทันทีทิติเอกได้นัดลูกค้าของตัวเองไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ได้ใกล้จากที่บริษัทมาก โดยที่ราชาวดีไม่ได้ทราบลายละเอียดของลูกค้าคนนี้เหมือนคนอื่นเลยสักคน“ขอโทษที่ให้รอนะครับคุณหญิงรัตนา”ทิติเอกเดินเข้าไปนั่งลงตรงหน้าผู้หญิงที่อายุเธอน่าจะเลยเลขสี่มาแล้ว แต่เธอกลับดูดีจนทิติเอกอดที่จะชื่นช
ราชาวดีที่เพิ่งเริ่มรู้สึกตัวเองหลังจากที่ภาพในหัวของเธอได้ตัดไป หลังจากที่เธออยู่ที่ร้านอาหาร ดวงตาใสของคนตัวเล็กพยายามกระพริบตาหลายต่อหลยครั้งเพื่อทำการปรับโฟกัส“คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ”เสียงของพยาบาลที่กำลังทำการเช็คค่าความดันของหญิงสาวอยู่เอ่ยดังออกมา ทำให้หมอที่อยู่ภายในห้องฉุกเฉินเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กในทันที“ปวดหัวไหมครับ”ราชาวดีส่ายใบหน้าไปมาเพื่อเป็นคำตอบของหมอ ก่อนที่เธอจะได้มองไปรอบๆห้อง“คุณเป็นลมแล้วมีคนพามาส่ง…ครั้งนี้โชคดีที่ล้มแล้วไม่กระแทกที่พื้นทำให้เด็กในครรภ์ไม่เป็นอะไร”“เด็ก….”ราชาวดีที่ได้ยินคำพูดของหมอที่ดังออกมาทำให้หญิงสาวมีใบหน้าซีดลงเพราะความตกใจกับสิ่งที่หมอเอ่ยออกมา“ติดต่อญาติคนไข้ได้ยัง”หมอเอ่ยถามพยาบาลออกมาทำให้ราชาวดีหันไปมองที่หมอหนุ่มทันที“ไม่ต้องติดต่อนะคะ มีคนอยู่ข้างนอกไหมคะ”ราชาวดีที่ตั้งสติได้เธอก็เลือกที่จะเอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตกใจไม่น้อย“ไม่ครับ ใจเย็น…เกิดอะไรขึ้น”หมอเอ่ยออกมาเพื่อที่จะให้ราชาวดีตั้งสติก่อน เพราะจากสีหน้าและท่าทางของเธอทำห้เขาสามารถเดาได้ง่ายดายว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะท้องแบบไม่พร้อมแน่นอน“มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของคุณผู้
หลังจากเวลาเลิกงานแล้วราชาวดียังคงทำงานชดเวลาอยู่เหมือนเดิม ไม่มีที่าว่าจะกลับแต่อย่างไร ไม่ได้ต่างไปจากทิติเอกในตอนนี้ที่เขายังคงทำงานเหมือนเดิมไม่ได้จะขยับตัวเองออกจากเก้าอี้ทำงานเลยแต่ทิติเอกที่เหมือนคนขยัน แต่เปล่าเลยเขาแค่คิดว่าการนั่งทำงานเพื่อที่จะเลิกจดจ่อเรื่องงานของตัวเองมันจะดีกว่าการที่เขานั้นคิดเรื่องของคนตัวเล็ก แต่ยิ่งพยายามไม่คิดเท่าไหร่เขากลับยิ่งคิดมากเท่านั้น“โธ่เว้ย”ทิติเอกที่หงุดหงิดจนเหลือจะควบคุม เขาก็ได้ขยับตัวเองออกมาจากที่โต๊ะทำงานทันที ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องทำงาน แต่เมื่เขาได้เห็นว่าราชาวดียังนั่งทำงานอยู่เขากับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างส่งสัยในตัวของคนตัวเล็กทันที“ลุก…”“คะ”“ฉันบอกให้ลุกแล้วก็กลับบ้านเดี๋ยวนี้”คำพูดของทิติเอกที่เคยใช้ได้ผลกับคนตัวเล็กมาตลอดตอนนี้กลับไม่เป็นผลกับเธอเมื่อหญิงสาวเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ยอมพูดจาเอาแต่นั่งทำงานเท่านั้น“วดี เธอจะเอายังไงพูดออกมาเลย”“ได้หรอคะ…แล้วถ้าวดีอยากไปจากที่นี่ล่ะคะ”“ฉันอยากจะรู้จริงๆ มันเป็นใคร”ทิติเอกเอ่ยออกมาพร้อมกับกัดฟันของตัวเองอย่างพยายามควบคุมอารมณ์“ถ้าวดีบอกว่ามันไม่มีอะไรและไม่มีใครทั้งนั้น คุณเ
ทิติเอกไม่เพียงแต่เอ่ยออกมา แต่เขาได้ทำการจูบลงที่ริมฝีปาของหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างของตัวเอง ราชาวดีที่ได้รับการจูบจากชายหนุ่มตรงหน้าของตัวเอง เธอไม่เพียงแต่รับสัมผัสจากเขาเท่านั้น แต่หญิงสาวกลับตอบสนองสัมผัสของชายหนุ่ที่ส่งมาให้กับตัวเอง การจูบที่เรียกว่าทั้งดูดดื่มและเร้าร้อนในเวลาเดียวกัน แทบจะดูวิญญาณของกันและกันในทันทีทิติเอกที่เพียงแต่จูบคนตัวเล็กในคราวแรก ตอนนี้เขานั้นกลับได้ทำการส่งมือของตัวเองเข้าไปสัมผัสที่ทรวงอกของหญิง การกอบกุมที่ทรวงอกพร้อมทั้งเริ่มทำการบีบเค้นที่ทรวงอกของหญิงสาวที่ตอนนี้ได้อยู่ภายใต้บาร์เซียร์ที่บางที่เธอได้สวมใส่อยู่"คุณเอกหายโกธรวดีหรือยังคะ"หญิงสาวที่เคยถูกจูบก่อนได้ ได้เอ่ยถามออกมาเมื่อเธอได้รับอิสระจากชายหนุ่ม ซึ่งตอนนี้ได้ขยับตัวเองลุกขึ้นถอยห่างจากหญิงสาว แต่เพียงไม่มากนัก"จะโกรธเรื่องอะไร ฉันไม่มีเหตุผลมากกว่า"ทิติเอกที่ตอนนี้ไม่ได้สนใจบทสนทนาของหญิงสาว นอกจากการได้เฉยชมคนตัวเล็กในตอนนี้มือหนาได้ทำการเอื้อมไปถอดเสื้อของหญิงสาว ก่อนท่จะเริ่มทำการสัมผัสลงที่เอวคอดพร้อมกับการที่มืออีกข้างได้เอื้อมไปปลดตะข้อบาร์เซียร์ที่หญิงสาวได้สวมใส่อยู่"มันเล็
ทิติเอกที่ขยับตัวเองอยู่ที่ระหว่างขาของคนตัวเล็กแล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มทำการจับลงที่ท่อนเอ็นของตัวเองก่อนที่จะเริ่มจับมันถูไปมาที่ร่องสวาทของหญิงสาว แต่เพียงไม่นานเท่านั้น ทิติเอกก็เริ่มทำการดันท่อนเอ็นของตัวเองเข้าไปภายในรูรักของหญิงสาว แต่เมื่อปลายหยักเข้าไปได้เพียงครึ่งทางทิติเอกก็เริ่มรับรู้ถึงความคดเกร็งของหญิงสาว มือหนาก็เริ่มได้ทำการกอบกุมที่ทรวงอกของหญิงสาวเพื่อเบียงเบนความสนใจของหญิงสาว และมันก็ได้ผลเมื่อชายหนุ่มได้ทำการดันท่อนเอ็นของตัวเองเข้าไปภายในรูรักของหญิงสาวได้จนสุดทางเป็นที่เรียบร้อนแล้วเมื่อท่อนเอ็นของชายหนุ่มได้ดันเข้าไปภายในรูรักของหญิงสาว จนสุดทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทิติเอกก็เริ่มทำการขยับสะโพกสอบของตัวเองเข้าหาร่างบางในทันที การขยับตัวเองของร่างหนาที่เป็นจังหวะที่เรียกว่าไม่เร็วมากแล้วไม่ช้าการกระทำของร่างหนาที่ทำนั้นสร้างความรู้สึกที่เรียกว่าเสียวซ่านได้กลับมาเกิดขึ้นกับคนตัวเล็กมากกว่าเดิม การขยับสะโพกของร่างหนานั้นได้ทำการขยับเร็วเป็นเท่าตัว“ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ”เสียงของเนื้อที่ดังกระทบกันดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นจังหวะเดียวกั
ในวันนี้ราชาวดีที่นอนพักจนพอใจแล้วหญิงสาวก็ได้เดินทางมาที่ห้องเพื่อเดินเล่นดีกว่าทิ้งตัวเองนอนซมอยู่ที่บ้านอย่างที่เกิดขึ้น"อ้าว....ราชาวดี"หญิงสาวที่ได้ยินเสียงที่เธอจำได้ว่าเป็นของใครหญิงสาวก็ได้หันกลับไปมองก่อนที่จะยกมือไหว้ผู้หญิงต่งหน้าทันที"สวัสดีค่ะคุณหญิงรัตนา"ราชาวดีเอ่ยออกมาพร้อมยิ้มให้กับผู้หญิงที่ยังคงความสวยเอาได้อย่างไเปลี่ยน เช่นเดียวกับที่รัตนาได้ยิ้มให้กับหญิงสาว แต่รอยยิ้มที่รัตนาส่งมาให้กับคนตัวเล็กมันเป็นรอยยิ้มที่เรียกว่าอบอุ่นจนราชาวดีอดที่จะนิ่งลงไปไม่ได้"เหมือน...เหมือนอย่างกับคนๆเดียวกัน"เสียงที่ดังออกมาเรียกสติของราชาวดีได้เป็นอย่างดี จนเธออดที่จะหันไปมองที่คนข้างกายของรัตนาไม่ได้"ตาสิง...หนูวดีมาธุระหรอลูก ป้าไม่คิดว่าจะได้กันแบบบังเอิญอีก""เปล่าค่ะ พอดีหนูไม่สบายก็เลยได้หยุดงานนะคะ""ผมว่าเราหาที่นั่งคุยกันดีกว่านะครับ"สิงหราชเอ่ยออกมาทำให้ผู้เป็นแม่เห็นชอบกับสิ่งที่ลูกชายของเธอเอ่ยออกมา"สะดวกไหม ป้ารบกวนหรือเปล่า""เปล่าค่ะ""ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับวดีหรือเปล่าคะ"ราชาวดีเอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าทั้งรัตนาและสิงหราชลูกชายของเธอเอาแต่จับจ้องมองมาที่เธออย
ทางด้านของทิติเอกที่ควรจะได้ไปภูเก็ตวันพรุ่งนี้ เขาถูกกลับผู้เป็นแม่สั่งอย่างยืนคำขาดให้เขาเดินทางไปภูเก็ตในวันนี้“เจอหรือยัง”ทิติเอกที่ได้รับรายงานจากบดินทร์หลังจากที่เขาได้เดินทางขึ้นเครื่องมาแล้ว ว่าราชาวดีได้หายตัวไป“ยังครับ แต่ตอนนี้ผมให้คนไปดูที่บ้านเพียงรักเพื่อเธอกับไปที่นั้น”“ตามจนกว่าจะเจอถ้าเธอเป็นอะไรไปรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดะไรขึ้น”ทิติเอกมองบดินทร์ด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ยากว่าภายในใจของทิติเอกคิดอะไรอยู่“ครับ”“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”สายตาคู่คมมองไปยังผู้ที่เดินเข้ามาหาเขาพร้อมคำถามที่เธอเหมือนจะสนใจเป็นพิเศษ“เปล่า…”สายตาคู่คมที่เเคยมองแพรไพลินในตอนแรกได้หันกลับมาสนใจหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงสายเรียกเข้าซึ่งเป็นชื่อของคนที่เขาสั่งให้คนตามหา ทั้งๆที่ก่อนหน้าเขาพยายามโทรหาเธอหลาย่อหลายสาย แต่ก็ไร้การตอบกลับ“ไม่มีอะไรทำ”ทิติเอกปิดหน้าจอโทรศัพท์ลงก่อนที่จะเอ่ยถามคนที่ตอนนี้ให้ความสนใจของเขามากกว่าที่จะสนใจขาเสียอีก“คุณเอกคะ แพรว่าคุณควรรู้ไว้นะคะว่าคุณแต่งงานแล้ว ซึ่งนั้นก็หมายความว่าคุณเป็นสามีของแพร จะทำอะไรก็ให้เกียรติแพรบ้างนะคะ”“แล้ว….เป็นสามีเธอแค่ในนามเท่านั้น”ทิติเอกเอ่ยออก
อาทิตย์ต่อมาราชาวดีก็ยังคงมาทำงานเหมือนเดิมในทุกวัน ต่างไปจากทิตเอกที่ตอนนี้เขาได้ไปๆมาๆแถมเขายังไม่ยอมไปหาคนตัวเล็กที่บ้านความรู้สึกของคนตัวเล็กในตอนนี้เธอเริ่มรักคนที่อยู่กับตัวเองมากกว่าผู้ชายที่เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะครอบครองเขาเลยแม้แต่น้อย“คุณราชาวดีครับ”“คะ”หญิงสาวที่ไม่รู้ว่าบดินทร์มาตั้งแต่ตอนไหนเงยใบหน้าขึ้นอย่างตั้งคำถามเมื่อเขาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมเอ่ยเรียกหญิงสาว“คุณทิติเอกให้คุณเข้าไปหาครับ”“ค่ะ”ราชาวดีที่ไม่รู้ว่าทิติเอกได้เดินเข้าไปภายในห้องทำงานตั้งแต่ตอนไหนก็อดที่จะขมวดคิ้วตัวเองอย่างสงสัยไม่ได้“มาได้สักพักแล้วครับกำลังคิดอะไรอยู่หรอครับ”“อ๋อเหรอคะ เปล่าค่ะ วดีไม่ได้คิดอะไร”หญิงสาวเอ่ยออกมาก่อนที่จะขยับตัวเองเพื่อที่จะเดินเข้าไปภายในห้องทำงานของทิติเอก“คุณเอกเรียกวดีมีอะไรหรือเปล่าคะ”ราชาวดีมองทิติเอกที่ยืนมองวิวอยู่หลังโต๊ะทำงานของตัวเอง แต่เมื่อเธอเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาหยิงสาวจึงได้ตัดสินใจเอ่ยถามออกมา“ซองเอกสารอยู่บนโต๊ะ”“ค่ะราชาวดีเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานของชายหนุ่มแต่เมื่อเธอได้เห็นซองสีน้ำตาลที่วางอยู่ หญิงสาวอดที่จะหยิบขึ้นมาเดดูไม่ได้ แต่เม
สามปีผ่านมา"อคิณ...มาหาแม่มาลูก"ราชาวดีเอ่ยเรียกเด็กชายที่ยังคงวิ่งเข้าไปภายในบริษัทของผู้เป็นพ่ออย่างสนุกสนานต่างจากผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้หมดแรงแม้แต่จะเดินแล้ว"คุณแม่ตามสิครับ เร็วๆตามมา"เด็กน้อยวัยสองขวบกว่าเรียกแม่ของตัวเองด้วยเสียงที่สนุกสนาน"ว้า...จับได้แล้ว"ราชาวดีที่เห็นลูกชายถูกยกลอยขึ้นจากพื้นก็อดที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจไม่ได้เพราะถ้าให้เธอวิ่งตามอีกคงได้เป็นลมแน่ๆ"คุณพ่อ" เสียงของเด็กชายเอ่ยออกมาก่อนที่จะโอบคอของทิติเอกพร้อมหอมลงที่ใบหน้าของเขาอย่างคิดถึง"ทำไมแกล้งแม่แบบนี้ครับ" ทิติเอกใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้กับลูกชายก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาอย่างเอ็นดูแม่ลูกคู่นี้ ที่ลูกชายเขาไม่รู้ไปได้นิสัยขี้แกล้งมาจากใคร วันๆเอาแต่แกล้งผู้เป็นแม่ให้วิ่งตาม แต่ด้วยนิสัยของราชาวดีไม่เคยจับลูกชายของเธอทันเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ไม่ได้แกล้งเลย....คุณแม่" อคิณเอ่ยออกมาก่อนที่จะมองไปยังราชาวดีที่ยิ้มให้กับสองพ่อลูกอยู่"แม่น่าจะอุ้มเราไม่ไหวแล้วนะคะครับ" ทิติเอกเอื้อมมือไปหาผู้เป็นแม่เพื่อที่จะให้อุ้มตัวเอง"ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ""ครับ...อคิณครับเดี๋ยวไปกับลุงบดินทร์นะครับ""ไปไหนคะ" รา
"มันจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะคะคุณอรวี ทิติเอกเป็นทายาทหมื่นล้าน ราชาวดีไม่มีอะไรเลย การที่นายหัวพูดแบบนั้นมันก็ทำให้คุรนักใจที่จะรับเธอมาเป็นสะใภ้ ดิฉันจะยกทรัพย์สินของฉันส่วนหนึ่งให้กับราชาวดี แต่เป็นทั้งหมดที่อยู่ภายในกรุงเทพและบริเวณใกล้เคียงเราคำนวณแล้วก็เทียบเท่ากับทรัพสินย์ของคุณตอนนี้เลย แบบนี้เหมาะสมกันหรือยังคะ"รัตนาเอ่ยออกมาอย่างพยายามจับทางของอรวี"มันไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ ทิติเอกเก็บราชาวดีไว้ ไม่ได้เปิดเผย เธอเสียชื่อเสียงกับทางเราไปมากแล้วนะคะ"อรวีเอ่ยออกมาอย่างพยายามที่จะอธิบาย ด้วยเธอกลัวทิติเอกจะไม่เห็นด้วยเพราะเธอเคยผิดพลาดกับลูกชายของเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง"งั้นยิ่งต้องตกลงเลย เพราะผมจะรับผิดชอบเธอ"ทิติเอกเอ่ยออกมาทำให้ผู้เป็นแม่ที่เดิมหนักใจไม่น้อย กลัวลูกชายเธอจะไม่เห็นด้วยถ้าเธอรับทางโน่นเลย แต่กลับกัน ทิติเอกอยากจะรับผิดชอบราชาวดีมากจนเธอคาดไม่ถึง"ว่ายังไงครับ"สิงหราชเอ่ยถามออกมาอย่าต้องการคำตอบเช่นเดียวกับทุกคนที่นี่"ค่ะ เห็นสมควรกันขนาดนี้ วีไม่กล้าขัดแล้วค่ะ"คำพูดของอรวีที่เอ่ยออกมาทำให้ทิติเอกดีใจไม่น้อย ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือของตัวเองไปจับลงที่มือของคนตัวเล็กที่น
หลังจากการเดินทางมาที่บ้านของทิติเอกอีกครั้ง หลังจากที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมา เขาก็ไม่เคยคิดที่จะเดินทางกลับมาที่นี่อีก จนแม่ของเขาให้เข้ามาคุยธุระอย่างวันนี้และพ่อของราชาวดีและรัตนาก็เลือกที่จะเข้ามาคุยกับแม่ของเขาในวันนี้ ชายหนุ่มก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยอะไรออกมาได้นอกจากทำตามที่อรวีต้องการเท่านั้น"เอกมาแล้วหรอลูก"อรวีที่อยากจะเอ่ยคำขอโทษลูกชายของเธออย่างนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องขึ้นมาจนถึงตอนนี้สายตาของอรวีประทะเข้ากับร่างของคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอย่างไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาแต่เมื่อเธอได้เห็นว่าอรวีได้หันมามองที่เธอ"สวัสดีค่ะคุณหญิงอรวี"ราชาวดีเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ไม่เต็มสักเท่าไหร่ แต่เธอก็เลือกที่จะเอ่ยออกไป เพราะถ้าไม่เอ่ย ก็เท่ากับว่าเธอเสียมารยาท"เข้าบ้านก่อน"อรวีเอ่ยออกมาก่อนที่จะเดินนำทั้งสองเข้าไป ราชาวดีที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มเกร็งตัวเองมากกว่าเดิม ด้วยที่เธอไม่รู้ว่าควรทำยังไงดีในตอนนี้ แต่มือหนาของชายข้างกายเธอกลับบีบที่ข้อมือของเธอย้ำๆทำให้หญิงสาวทำได้เพียงแค่พยักให้กับเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในบ้านของทิติเอกตามที่ชายหนุ่มได้จับมือเธอเดินเข้าไปภายในบ้าน"เดี๋
ราชาวดีที่เพิ่งทานอาหารจากที่ทิติเอกเป็นคนค่อยป้อนให้เธอเสร็จ หญิงสาวก็ได้มานั่งจับจ้องที่ทีวี และเธอก็คงต้องอยู่ที่นี่ 1 อาทิตย์เพื่อที่หมอจะได้แน่ใจว่าเธอจะไม่กลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง"ดูอะไร"ทิติเอกที่เดินเข้ามานั่งข้างเตียงนอนก็เอ่ยถามออกมาเมื่อหญิงสาวยังคงจับจ้องที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่คิดที่จะสนใจอย่างอื่น"ข่าวทั่วไปค่ะ แล้วไปไหนมาคะไม่ไปทำงานหรอ"ราชาวดีอดที่จะเอ่ยถามออกมาพร้อมความสงสัยไม่ได้ เพราะเธอเห็นว่าทิติเอกแต่งตัวด้วยชุกลำรองนั้นก็เท่ากับว่าเขาจะไม่ไปทำงาน"ไม่อ่ะ...นักข่าวเยอะรำคาญ....ปวดหัวมากเลยเป็นอะไรไม่รู้"ทิตเอกเอ่ยออกมาอย่างอ้อนๆก่อนที่จะซบแขนของคนตัวเล็ก เขาเพิ่งรู้ว่าการอยู่ใกล้ราชาวดีมันทำให้เขานั้นรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก"ให้วดีเรียกหมอให้ไหมคะ...""ไม่เอา อยู่แค่นี้ก็หายแล้ว"คนตัวโตเอ่ยออกมาพร้มจับมือของเธอมาซบเอาไว้ โดยที่คนตัวเล็กไม่ได้ว่าอะไรพร้อมกับขยับตัวเองเพื่อที่จะเข้ามาหาทิติเอก"ข่าววันนี้เป็นข่าวที่น่าตกใจมากเลยนะคะ ไฮโซสาวอย่างคุณแพรไพลินที่เป็นลูกสาวของรัฐมนตรีมีข่าวออกมาว่าเธอท้อง แต่ฝ่ายชายไม่รับ คุณแพรพรรณลายเลยจับให้เธอแต่งงานกับคุณทิติเอกเม
"คุณเอกไม่รักวดี วดีไม่ว่านะคะ ไม่ว่าเรืื่องลูกหรือเรื่องอะไรก็ตาม แต่อย่าผลักวดีให้กับคนอื่นได้ไหม วดีของแค่นี้ได้ไหม"ราชาวดีเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตา ทิติเอกตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยออกมาเขาขยับตัวเองเข้าไปหาคนตัวเล็กด้วยความเร็วพร้อมกับการดึงเธอเข้ามาภายในอ้อมกอด"หมอบอกว่าอย่าเครียดไงวดี....ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไปฉันจะไม่แต่งงานกลับเธอ"หญิงสาวที่อยู่ภายในอ้อมกอดของชายหนุ่มนิ่งลงพร้อมกับการขยับตัวเองออกมาจากอกแกร่งของอีกคน"หมายความว่าไงคะ""เธอต้องแต่งงาน แล้วคนที่ต้องแต่งด้วยคือฉัน""แล้วคุณแพรละคะ""แพรไพลินท้องนั้นก็เท่ากับว่าเธอคบกับคนอื่นเพียงแค่จะให้ฉันรับผิดชอบแต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะเราไม่เคยมีความสัมผัสกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ทิติเอกเอ่ยออกมาพยายามที่จะอธิบายให้กับคนตัวเล้กได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น"อ๋อค่ะ...""แค่นี่หรอ""ค่ะ....ต้องให้วดีพูดอะไรคะ"ท่าทางที่ไร้เดียงสาของหญิงสาวทำให้ทิติเอกนักใจมากกว่าจะรู้สึกดีที่เธอไม่ทันคน"บดินทร์บอกว่าเธอทะเลาะกับแพรไพลินหรอ""ก็เขาว่าวดีก่อนทำไม"หญิงสาวเอ่ยออกมาพร้อมท่าทางที่เรียกว่าทั้งโกระแค้นทั้งไม่พอใจ จนคนท่เ
"ไม่ทราบว่าคุณหญิงอรวีมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ"ทิติเอกเอ่ยออกมายังประชดประชันผู้เป็นมารดา"เรื่องที่ลูกพูดหมายความว่ายังไง ผู้หญิงของลูกเป็นลูกสาวคนหญิงรัตนา"อรวีไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูกชายตัวเองเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้ เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินตามมาถามความให้รู้เรื่อง"ลูกสาวคุณหญิงรัตนาที่เธอตามหา มาตลอดนะครับ"น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วปกติ แต่แววตาตากับเจ็บปวดของที่ทิติเอก อดทำให้ผู้เป็นแม่ของเขาเป็นห่วงไม่ได้"ลูกรู้เรื่องนานหรือยัง""ทำไม ถ้ารู้ว่าก่อนหน้านี้เธอเป็นลูกสาวของคุณหญิงรัตนา คุณแม่จะจับเธอให้ผมหรอครับ ทั้งๆที่ปากพร่ำบอกว่าเธอไม่คู่ควรอะไรกับผมเลย""แม่จะให้ลูกอยู่ห่างเธอมากกว่านี้ต่างหาก""ทำไมผมไม่เข้าใจ"ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยกับสิ่งที่แม่ของเขาเอ่ยออกมา ทำให้ชายหนุ่มกับหนักใจในเรื่องนี้มากกว่าเดิม"คุณหญิงรัตนา เธอไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเข้าไปเอื้อมถึงลูกสาวหรือลูกชายของเธอ ต่อให้เป็นเราก็ตามเธอ ไม่มีทาง ที่เธอจะยอมยกลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอให้ แล้วยิ่งพ่อนะ ถ้ารู้ว่าเอกกับลูกสาวเขาคบกันในที่ลับแบบนี้ แม่ไม่อยากจะคิดเลย""เรื่องนี้ผมรู้ว่าผมผิด ที่ไม่เคยให้ความชัดเจนเธอตั้งแต่แร
"ต่อให้วดีต้องตาย วดีก็ไม่มีทางเอาเข้าออก"เสียงที่ดังขึ้นมาของราชาวดี ที่เธอฟื้นขึ้นมาหลังจากหลับไปได้เกือบสามวัน และเมื่อเธอตื่นขึ้นมากลับต้องพบเจอกับความจริงที่เจ็บปวดหญิงสาวยังคงมองไปที่ผู้เป็นแม่ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดภายในใจของเธอ"หมอคิดว่าการตัดสินใจนี้ ขึ้นอยู่กับคนไข้ แต่ถ้าเป็นไปได้หมอก็อยากให้เอาออก"หมอหนุ่มเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบ"ไม่ค่ะ ยังไงวดีก็ไม่ยอม ใครเขาไม่ต้องการก็ชั่งเขา ลูกวดีๆดูแลเขาได้"หญิงสาวยังคงยืนกรานในคำเดิม แต่เหมือนคำยืนกรานของเธอจะถูกกลืนลงในลำคอ ในสายตาของเธอได้ปะทะเข้ากับร่างหนาของคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี"ผมขอคุยกับเธอก่อนได้ไหม"ที่ทิติเอกที่ได้รับรู้เรื่องการฟื้นของราชาวดี เขาก็ไม่รีรอที่จะมาหาเธอในทันที ใบหน้าสวยหันไปอีกทางเพื่อจะหลบสายตาของชายหนุ่มที่มองมาที่เธอ"ราชาวดี หันกลับมาเดี๋ยวนี้ ฉันไม่รู้นะว่าเธอไปได้นิสัยดื้อดึงขนาดนี้มาจากใคร"ทิติเอกเอ่ยออกมาอย่างนึกต่อว่าหญิงสาว แต่เหมือนเธอจะไม่สนใจในคำพูดของเขาเลย ร่างหนาเดินเข้ามาหาหญิงสาว เขาจับที่ใบหน้าของเธอให้หันกลับมาหาเขา"ดูทำหน้าเข้า"ทิติเอกอดที่จะเอ่ยออกมาเมื่อเห็นใบหน้าข
"คุณเอกนั่งก่อนเถอะครับ"บดินทร์เอ่ยออกมาเมื่อทิติเอกเอาแต่เดินไปเดินมาที่หน้าห้อง ฉุกเฉินต้องแต่เขาได้ส่งแพรไพลินเข้าไปด้านไหนแล้ว"ฉันหวังว่าเด็กในท้องของแพรจะยังอยู่""คุณเอกหมายความว่ายังไงครับ"บดินทร์ไม่เข้าใจในสิ่งที่ทิติเอกเอ่ยออกมาจึงได้ถามออกมาเพราะเจ้านายของเขาไม่ได้ต้องการมีลูกไม่ว่ากับใคร"ก็เพราะเด็กนั้นไม่ใช่ลูกฉัน ถ้าแท้งเรื่องก็จบ แต่ถ้าไม่คุณแม่จะพูดออกอีกไหม"ทิติเอกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่า ทิติเอกโกรธมากแค่ไหน"ญาติคนไข้ที่ท้องล่ะมายัง...หมอให้ตาม""เกิดอะไรขึ้น..."พยาบาลสาวเอ่ยถามเพื่อนรวมแผนกที่ดูสีหน้าไม่ดีเลย"แม่เสียเลือดเยอะเลย ตอนนี้ต้องการเลือกโอกาสรอดทั้งแม่ทั้งลูกน้อยมากเลย"คำพูดของพยาบาลทำให้ทิติเอกตกใจไม่น้อย"คนไข้ชื่ออะไร....ฉันเป็นคนส่งคนไข้ทั้งสองคนนั้น""ราชาวดี แต่เดี๋ยวนะคะคุณเป็นพามาส่ง แต่ไม่ใช่ญาติ""ญาติหรอครับ"บดินทร์ตกใจในคำพูดของพยาบาลไม่น้อยก่อนที่จะมองไปยังทิติเอกที่ตอนนี้ก็สงสัยไม่ต่างไปจากตัวเอง"ผมเป็นพี่ชายของราชาวดีครับ""ค่ะ...ตามพยาบาลไปเลยค่ะ"ทิติเอกมองสิงหราชเพื่อนสนิทของตัวเองที่เดินเข้ามาพร้อมคุณหญิงรัตนาและมันทำให้เ
อาทิตย์ต่อมาราชาวดีก็ยังคงมาทำงานเหมือนเดิมในทุกวัน ต่างไปจากทิตเอกที่ตอนนี้เขาได้ไปๆมาๆแถมเขายังไม่ยอมไปหาคนตัวเล็กที่บ้านความรู้สึกของคนตัวเล็กในตอนนี้เธอเริ่มรักคนที่อยู่กับตัวเองมากกว่าผู้ชายที่เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะครอบครองเขาเลยแม้แต่น้อย“คุณราชาวดีครับ”“คะ”หญิงสาวที่ไม่รู้ว่าบดินทร์มาตั้งแต่ตอนไหนเงยใบหน้าขึ้นอย่างตั้งคำถามเมื่อเขาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมเอ่ยเรียกหญิงสาว“คุณทิติเอกให้คุณเข้าไปหาครับ”“ค่ะ”ราชาวดีที่ไม่รู้ว่าทิติเอกได้เดินเข้าไปภายในห้องทำงานตั้งแต่ตอนไหนก็อดที่จะขมวดคิ้วตัวเองอย่างสงสัยไม่ได้“มาได้สักพักแล้วครับกำลังคิดอะไรอยู่หรอครับ”“อ๋อเหรอคะ เปล่าค่ะ วดีไม่ได้คิดอะไร”หญิงสาวเอ่ยออกมาก่อนที่จะขยับตัวเองเพื่อที่จะเดินเข้าไปภายในห้องทำงานของทิติเอก“คุณเอกเรียกวดีมีอะไรหรือเปล่าคะ”ราชาวดีมองทิติเอกที่ยืนมองวิวอยู่หลังโต๊ะทำงานของตัวเอง แต่เมื่อเธอเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาหยิงสาวจึงได้ตัดสินใจเอ่ยถามออกมา“ซองเอกสารอยู่บนโต๊ะ”“ค่ะราชาวดีเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานของชายหนุ่มแต่เมื่อเธอได้เห็นซองสีน้ำตาลที่วางอยู่ หญิงสาวอดที่จะหยิบขึ้นมาเดดูไม่ได้ แต่เม