เพียงไม่นานเท่านั้นคนตัวโตก็ได้ถอดถอนนิ้วร้ายของตัวเองออกมาจากร่องสวาทของคนตัวเล็ก การจับให้คนตัวเล็กหันเข้าไปหากำแพงอีกครั้ง พร้อมกับการดันที่แผ่นหลังของคนตัวเล็กเพื่อทำการให้เธอได้ขยับตัวเอง อย่าก้มโค้งลงไป
ทิติเอกได้จับลงที่ท่อนเอ็นของตัวเอง ทำการถูไปมาที่ร่องสวาทของคนตัวเล็ก เพียงไม่นานเท่านั้น ปลายหยักก็ได้ทำการดันเข้าไปภายในรูรักของหญิงสาว ชายหนุ่มเริ่มทำการขยับสะโพกเพื่อที่จะดันท่อนเอ็นของตัวเองเข้าไปภายในรูรักของหญิงสาวจนสุดทาง
“เธอวางยาคุณเอกหรอคะ”หญิงสาวที่รับรู้การดันเข้ามาของท่อนเอ็น หญิงสาวที่ไม่เคยถามเรื่องที่เป็นส่วนตัวของทิติเอกเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้เธอกลับเลือกที่จะถามออกมา
“อืมม์…อย่าพูดถึงคนอื่นเลย”ทิติเอกเอ่ยออกมา พร้อมกับการที่เขาได้เริ่มทำการขยับสะโพกของตัวเองเข้าออกมาภายในรูรักของหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง
โดนที่จากเดิมชายหนุ่มทำการขยับสะโพกอย่างที่เรียกว่าช้าเนิบ แต่ก็ยังคงทำการเน้นการกระแทกเหมือนเดิม เปลี่ยนมาเป็นการระรั่วท่อนเอ็นเข้าหาร่องสวาทของหญิงสาวอย่างไม่กระการขยับ
“ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ”
การขยับของทิติเอกเพิ่มขึ้นตามอารมณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นของเขา พร้อมกับเสียงของเนื้อที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ได้ต่างไป
“อู้ยยยยย เสียว มันเสียวจังคะ อ่ะๆๆๆ”หญิงสาวอดที่จะส่งเสียงครางออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมือของทิติเอกที่เคยใช้ในการจับสะโพกของหญิงสาวในตอนแรกได้ขยับเข้ามาถูไถ่ที่ร่องสวาทของหญิงสาวไปมาอย่างเป็นจังหวะระรั่ว เพื่อทำการเรียกความเสียวซ่านให้กับหญิงสาวเป็นเท่าตัว
การกระทำของคนตัวโตที่กระทำมาอย่างต่อเนื่องอย่างไม่คิดที่จะลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย มีแต่ยิ่งจะเพิ่มขึ้นตามอารมณ์ของเขา
“ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ”การขยับสะโพกสอบเข้าหาร่างบางที่เกิดขึ้นมาอย่างระรั่วในคราวแรก ตอนนี้ได้ลดแรงในการขยับลงเมื่อร่างหนาเข้าใกล้ปลายทางมากกว่าเดิมแล้ว เช่นเดียวกับหญิงสาวที่ตอนนี้เธอนั้นก็เข้าใกล้ปลายทางไม่ได้ต่างไปจากเขาเลย
“อืมม์ เสียว อู้ยยยย ซีดส์ เสียว อ่ะๆๆๆๆ จะไม่ไหวแล้ว”
“พร้อมกับนะอืมม์”เสียงแหบพร่าของร่างหนาได้เอ่ยออกมา อย่างทันทวงทีเมื่อทิติเอกได้เข้าใกล้ปลายทางไม่ได้ต่างไปจากราชาวดีเลยสักนิดในตอนนี้
การขยับสะโพกของร่างหนานั้นได้เกิดขึ้นมาเพียงไม่นานเท่านั้น แต่เป็นการขยับสะโพกที่เน้นการกระแทกอย่างเป็นจังหวะ
เช้าวันต่อมา
คนตัวเล็กเริ่มรู้สึกตัวในช่วงสายของวันด้วยอาการที่ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวของเธอ และต้นเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นก็คงไม่พ้นคนที่นอนกอดเธออยู่ในตอนนี้
“วันนี้ไม่ต้องเข้างานหรอก”
“แต่คุณเอกมีประชุมนะคะ”หญิงสาวเอ่ยออกมาเมื่อร่างหนาเอ่ยออกมาก่อนที่จะขยับใบหน้าซุกเข้าไปในผมของเธออีกครั้ง
“ประชุมบ่าย เขาคงไม่ให้เจ้าบ่าวต้องไปทำงานหลังแต่งงาน”ทิติเอกก็ยังคงหาเหตุผลให้ตัวเองได้นอน ต่างไปจากร่างบางที่ตอนนี้นิ่งไปเพราะคำย้ำที่ทิติเอกพูดออกมาเมื่อครู่
“วดี…ทำไมเงียบอ่ะ”
“เปล่าค่ะวดีแค่คิดว่า ถ้าคุณเอกไม่ให้วดีลุกไปอาบน้ำ งั้นวันนี้วดีไม่เข้าไปทำงานนะคะ”
“ได้ซิ…ยังไงบดินทร์คงจัดการเรื่องงานเสร็จหมดแล้ว อีกอย่างเธอควรได้พัก นอนต่ออีหน่อยเถอะ”
“ค่ะ”หลังจากที่ร่างบางได้นอนคิดอะไรอยู่ครู่ใหญ่ภายใต้อ้อมกอดของใครอีกคน หญิงสาวก็ได้หลับลงไปไปอย่างไม่รู้ตัว
ราชาวดีรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็เป็นช่วงเที่ยงของวัน ที่ตอนนี้ไม่มีทิติเอกอยู่บนเตียงแล้ว และเธอก็คิดว่าเขาก็ไม่น่าจะอยู่ที่บ้านแล้ว
ราชาวดีลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะเดินลงมายังชั้นล่าง หญิงสาวเดินสำรวจของภายในบ้านอยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็พบว่าของที่ขาดในที่แรกก็ได้เติมเข้าทีหมดแล้ว และเธอก็ไม่คิดว่าเป็นฝีมือของใครนอกจากคนตัวโตคงสั่งให้ลูกน้องมาเตรียมไว้ให้เธอ
หญิงสาวเลือกที่จะออกไปหาอะไรทานที่ห้างแทนการทำอะไรทานอยู่บ้าน เพราะวันนี้เธออยากจะมาถามเรื่องสร้อยคอของเธอกับร้านเครื่องประดับแถวนี้ด้วย อย่างน้อยที่สุดเธอก็ควรจะรู้ว่าเธอมาจากที่ไหน แม้ว่าพ่อกับแม่จะไม่ต้องการเธอก็ตาม
“ขอโทษนะคะ”หญิงสาวในวัยเลข5เดินเข้ามาทักราชาวดีก่อนที่เธอจะยิ้มให้
“ค่ะ”
“พอดีหนูพอจะรู้จักบ้านเด็กกำพร้าแถวนี้บ้างไหม”
“บ้านเด็กกำพร้าหรอคะ”ราชาวดีเอ่ยออกมาอย่างย้ำคำของผู้หญิงตรงหนาที่เธอสวยจนราชาวดีอดที่จะชมไม่ได้
“ใช่ คือฉันอยากจะไปเลี้ยงข้าวเด็ก แต่ฉันเคยมาที่นี่นานแล้วจำทางไม่ได้”
“จะไปที่ใกล้ที่สุดหรือที่ไหนดีค่ะ”
“ที่ใกล้ที่สุดก่อนก็ได้”
“ได้ค่ะ…….”ราชาวดีเอ่ยออกทางผู้หญิงใจบุญตรงหน้าเธออย่างละเอียด ก่อนที่เธอทั้งสองจะได้แยกทางกัน ราชาวดีที่แยกตัวออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอก็ได้เดินเข้าไปที่ร้านขายสร้อยมุกที่อยู่ไม่ห่างมากนะ โดยที่การกระทำของหญิงสาวอยู่ภายใต้สายตาของผู้หญิงที่เธอแยกออกมาแล้ว
“เข้าไปดูว่าเธอมาทำอะไรที่ร้านนี้”
“ได้ครับ นายหญิง”ชายชุดดำที่เดินเข้ามาหาผู้หญิงที่ยืนมองราชาวดีอย่างไม่ละสายตา เอ่ยออกมาหลังจากที่เขาเพิ่งเดินกลับเข้ามาหาผู้เป็นเจ้านายของตัวเอง
ทางด้านขอราชาวดีเธอเดินเข้าไปที่ร้านของเครื่องประดับมุกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินเข้าไปหาพนักงานของร้านทันที
“ขอโทษนะคะ พอดีฉันมีเรื่องอยากจะสอบถามหน่อยนะคะ”
“ได้ค่ะ”
“พอจะทราบเรื่องราคาของสร้อยมุกนี้ไหมคะ”
“อ่อค่ะ เดี๋ยวเรียกผู้จัดการให้นะคะ”พนักงานเอ่ยออกมาทันทีเธอได้รับมุกมาไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สีมุกที่เธอได้เห็นนั้นเธอไม่สามารถที่จะให้คำตอบราชาวดีได้
“มุกสีทองเป็นมุกหายาก แล้วยิ่งเป็นมุกเม็ดใหญ่ขนาดนี้ราคาแพงมากเลยนะคะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงได้มาจากไหนคะ”ผู้จัดการร้านที่เดินเข้ามาดูมุกพร้อมพูดคุยกับหญิงสาวได้สักพักแล้วก็ได้เอ่ยออกมา
“มีคนให้ไว้ค่ะ แล้วอย่างนี้คุณพอจะทราบไหมคะว่าที่ไหนมีแบบนี้ตัวเรือนแบบนี้ขายบ้างไหมคะ”
“เรื่องนี้คงยากเลยค่ะ เพราะดูเหมือนมุกเม็ดนี้จะนานแล้วด้วย”
“อ๋อค่ะ งั้นเอาเส้นนี้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”ราชาวดีเลือกที่จะซื้อกำไลมุกสีชมพูเพื่อที่จะเป็นการตอบแทนพนักงานของที่นี่ พร้อมกับการที่เธอรับสร้อยมุกของตัวเองคืนมา
ราชาวดีที่ทำธุระเสร็จเธอก็เลือกที่จะกลับไปที่บ้านเด็กกำพร้า ก่อนที่จะได้กลับมาที่บ้านพักของตัวเองที่ตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะ 5 โมงเย็นแล้วราชาวดีเดินเข้ามาภายในบ้านอย่างปกติของทุกวัน แต่วันนี้คงจะแปลกไปเพราะบดินทร์นั่งรอเธออยู่ภายในบ้าน แทนการโทรไปหาเธอ“มีอะไรหรือเปล่าคะ”ราชาวดีเอ่ยถามออกมาพร้อมกับการที่เธอได้มองหาผู้เป็นเจ้านายของเขา ที่ตอนนี้เหมือนจะไม่ได้มาด้วยกัน“ท่านประธานให้ผมมาบอกว่าคืนนี้ไม่ได้มานะครับ แล้วก็พรุ่งนี้ท่านต้องไปคุยงานช่วงเช้าครับ”“ที่มานั่งรอคือจะบอกกับวดีว่า พรุ่งนี้จะมีคนเข้าไปที่บริษัท ซึ่งถ้าให้วดีเดาคงเป็นคุณแพรไพลินใช่ไหมคะ”ราชาวดีที่ได้เห็นท่าทางที่ลำบากใจของบดินทร์ เธอก็เลือกที่จะเอ่ยออกมาอย่างรู้ทันเขา“ครับ….ยังไงผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ”“ถ้าจะโทษ คงต้องโทษที่รินไม่ยอมเดินออกไปสักทีมากกว่านะคะ”ราชาวดีที่เดินเข้าไปนั่งที่โซฟาเอ่ยออกมา ก่อนที่จะมองใบหน้าของบดินทร์อย่างคนที่ต้องการความช่วยเหลือ“คุณราชาวดีครับ คุณก็น่าจะรู้เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งถ้าคุณเอกมาได้ยินแบบนี้จะเป็นเรื่องเอาได้นะครับ”“วดีไม่เข้าใจเหตุผลเลยค่ะ ไหนคุณบดินทร์ลองคิด
ราชาวดีที่ตอนนี้ทำได้เพียงแค่ทานอาหารตามที่ร่างหนาสั่ง โดยที่ชายหนุ่มนั้นก็ยังคงทำงานตรวจเอกสารเพื่อทำการเซ็นต์เอกสาร สายตาของทิติเอกยังคงมองราชาวดีอย่างเป็นระยะ จนตอนนี้เธอได้ทานอาหารมาจนเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ทิติเอกก็ได้สั่งให้บดินทร์เข้ามาเก็บของทันที"กินน้อยไม่อร่อย""คิดเองอีกแล้วนะคะ"ราชาวดีเอ่ยออกมาก่อนที่จะมองไปยังทิติเอกที่ยังคงส่งสายตามองที่เอกสารอย่างไม่ได้มองมาที่คนตัวเล็กเลยสักนิด"มานี้ซิ"ชายหนุ่มที่เซ้นต์เอกสารเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้ขยับตัวเองพิงที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองพร้อมสายตามที่มองมายังราชาวดีที่ยั่งนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ได้ไม่นานนัก ร่างบางก็ได้เดินเข้าไปหาคนตัวโต"มีอะไรคะ""เมื่อวานไม่ได้ ไปหาพาใครมานอนด้วยหรือเปล่า"ทิติเอกเอ่ยออกมาอย่างยอกคนตัวเล็กที่ตอนนี้เธอหน้าเรียบตรึงใส่คนตัวโต ในชนิดที่เรียกว่าทันทีเลยก็ว่าได้“คุณเอกพูดเหมือนกับว่าเมื่อวานนี้คุณเอกไม่ได้ส่งคนไปดูวดีที่บ้าน”หญิงสาวที่อยู่ภายในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่เดินเคยพิงที่เก้าอี้ทำงานของตัวเอง แต่ตอนนี้เขานั้นกลับซบอยู่ที่อกของเธอแทน“ก็คิดถึงไง…แล้วเย็นนี้จะให้บดินทร์ไปส่งไหม”ทิติเอกเอ่ย
ช่วงบ่ายของวันถัดไป ราชาวดีที่ทานอาหารเสร็จเธอก็ได้เดินกลับขึ้นมาที่ชั้นเดิมที่เธอทำงานอยู่ แต่เมื่อหญิงสาวได้เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานก็พบว่าทิติเอกกับบดินทร์มายืนรอเธออยู่ก่อนแล้ว“ลืมนัดลูกค้าหรอ”“ท่านประธานไม่ได้ บอกให้วดีรอที่หน้าบริษัทนิคะ”ราชาวดีเอ่ยออกมาทันทีเมื่อเธอรู้สิ่งที่คนตัวโตต้องการ หญิงสาวไม่เพียงแต่เอ่ยอย่างแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่ยังคงก้มใบหน้าของตัวเองลงเพื่อรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ“แล้วไปไหนมา”“ทานข้าวค่ะ”“คุณบดินทร์รถพร้อมยัง”ทิติเอกที่ได้คำตอบจากหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็เอ่ยออกมาอย่างต้องการเปลี่ยนเรื่องทันที“พร้อมแล้วครับ”ชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไรต่อเพียงแต่เดินออกไปเพื่อตรงไปที่ลิฟต์ ส่วนทางด้านของราชาวดีที่เห็นแบบนั้นเธอก็รีบตรงไป หยิบเอกสารก่อนที่จะเดินตามชายหนุ่มไปทันทีทิติเอกได้นัดลูกค้าของตัวเองไว้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ได้ใกล้จากที่บริษัทมาก โดยที่ราชาวดีไม่ได้ทราบลายละเอียดของลูกค้าคนนี้เหมือนคนอื่นเลยสักคน“ขอโทษที่ให้รอนะครับคุณหญิงรัตนา”ทิติเอกเดินเข้าไปนั่งลงตรงหน้าผู้หญิงที่อายุเธอน่าจะเลยเลขสี่มาแล้ว แต่เธอกลับดูดีจนทิติเอกอดที่จะชื่นช
ราชาวดีที่เพิ่งเริ่มรู้สึกตัวเองหลังจากที่ภาพในหัวของเธอได้ตัดไป หลังจากที่เธออยู่ที่ร้านอาหาร ดวงตาใสของคนตัวเล็กพยายามกระพริบตาหลายต่อหลยครั้งเพื่อทำการปรับโฟกัส“คนไข้ฟื้นแล้วค่ะ”เสียงของพยาบาลที่กำลังทำการเช็คค่าความดันของหญิงสาวอยู่เอ่ยดังออกมา ทำให้หมอที่อยู่ภายในห้องฉุกเฉินเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กในทันที“ปวดหัวไหมครับ”ราชาวดีส่ายใบหน้าไปมาเพื่อเป็นคำตอบของหมอ ก่อนที่เธอจะได้มองไปรอบๆห้อง“คุณเป็นลมแล้วมีคนพามาส่ง…ครั้งนี้โชคดีที่ล้มแล้วไม่กระแทกที่พื้นทำให้เด็กในครรภ์ไม่เป็นอะไร”“เด็ก….”ราชาวดีที่ได้ยินคำพูดของหมอที่ดังออกมาทำให้หญิงสาวมีใบหน้าซีดลงเพราะความตกใจกับสิ่งที่หมอเอ่ยออกมา“ติดต่อญาติคนไข้ได้ยัง”หมอเอ่ยถามพยาบาลออกมาทำให้ราชาวดีหันไปมองที่หมอหนุ่มทันที“ไม่ต้องติดต่อนะคะ มีคนอยู่ข้างนอกไหมคะ”ราชาวดีที่ตั้งสติได้เธอก็เลือกที่จะเอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตกใจไม่น้อย“ไม่ครับ ใจเย็น…เกิดอะไรขึ้น”หมอเอ่ยออกมาเพื่อที่จะให้ราชาวดีตั้งสติก่อน เพราะจากสีหน้าและท่าทางของเธอทำห้เขาสามารถเดาได้ง่ายดายว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะท้องแบบไม่พร้อมแน่นอน“มีสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของคุณผู้
หลังจากเวลาเลิกงานแล้วราชาวดียังคงทำงานชดเวลาอยู่เหมือนเดิม ไม่มีที่าว่าจะกลับแต่อย่างไร ไม่ได้ต่างไปจากทิติเอกในตอนนี้ที่เขายังคงทำงานเหมือนเดิมไม่ได้จะขยับตัวเองออกจากเก้าอี้ทำงานเลยแต่ทิติเอกที่เหมือนคนขยัน แต่เปล่าเลยเขาแค่คิดว่าการนั่งทำงานเพื่อที่จะเลิกจดจ่อเรื่องงานของตัวเองมันจะดีกว่าการที่เขานั้นคิดเรื่องของคนตัวเล็ก แต่ยิ่งพยายามไม่คิดเท่าไหร่เขากลับยิ่งคิดมากเท่านั้น“โธ่เว้ย”ทิติเอกที่หงุดหงิดจนเหลือจะควบคุม เขาก็ได้ขยับตัวเองออกมาจากที่โต๊ะทำงานทันที ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องทำงาน แต่เมื่เขาได้เห็นว่าราชาวดียังนั่งทำงานอยู่เขากับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างส่งสัยในตัวของคนตัวเล็กทันที“ลุก…”“คะ”“ฉันบอกให้ลุกแล้วก็กลับบ้านเดี๋ยวนี้”คำพูดของทิติเอกที่เคยใช้ได้ผลกับคนตัวเล็กมาตลอดตอนนี้กลับไม่เป็นผลกับเธอเมื่อหญิงสาวเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ยอมพูดจาเอาแต่นั่งทำงานเท่านั้น“วดี เธอจะเอายังไงพูดออกมาเลย”“ได้หรอคะ…แล้วถ้าวดีอยากไปจากที่นี่ล่ะคะ”“ฉันอยากจะรู้จริงๆ มันเป็นใคร”ทิติเอกเอ่ยออกมาพร้อมกับกัดฟันของตัวเองอย่างพยายามควบคุมอารมณ์“ถ้าวดีบอกว่ามันไม่มีอะไรและไม่มีใครทั้งนั้น คุณเ
ทิติเอกไม่เพียงแต่เอ่ยออกมา แต่เขาได้ทำการจูบลงที่ริมฝีปาของหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างของตัวเอง ราชาวดีที่ได้รับการจูบจากชายหนุ่มตรงหน้าของตัวเอง เธอไม่เพียงแต่รับสัมผัสจากเขาเท่านั้น แต่หญิงสาวกลับตอบสนองสัมผัสของชายหนุ่ที่ส่งมาให้กับตัวเอง การจูบที่เรียกว่าทั้งดูดดื่มและเร้าร้อนในเวลาเดียวกัน แทบจะดูวิญญาณของกันและกันในทันทีทิติเอกที่เพียงแต่จูบคนตัวเล็กในคราวแรก ตอนนี้เขานั้นกลับได้ทำการส่งมือของตัวเองเข้าไปสัมผัสที่ทรวงอกของหญิง การกอบกุมที่ทรวงอกพร้อมทั้งเริ่มทำการบีบเค้นที่ทรวงอกของหญิงสาวที่ตอนนี้ได้อยู่ภายใต้บาร์เซียร์ที่บางที่เธอได้สวมใส่อยู่"คุณเอกหายโกธรวดีหรือยังคะ"หญิงสาวที่เคยถูกจูบก่อนได้ ได้เอ่ยถามออกมาเมื่อเธอได้รับอิสระจากชายหนุ่ม ซึ่งตอนนี้ได้ขยับตัวเองลุกขึ้นถอยห่างจากหญิงสาว แต่เพียงไม่มากนัก"จะโกรธเรื่องอะไร ฉันไม่มีเหตุผลมากกว่า"ทิติเอกที่ตอนนี้ไม่ได้สนใจบทสนทนาของหญิงสาว นอกจากการได้เฉยชมคนตัวเล็กในตอนนี้มือหนาได้ทำการเอื้อมไปถอดเสื้อของหญิงสาว ก่อนท่จะเริ่มทำการสัมผัสลงที่เอวคอดพร้อมกับการที่มืออีกข้างได้เอื้อมไปปลดตะข้อบาร์เซียร์ที่หญิงสาวได้สวมใส่อยู่"มันเล็
ทิติเอกที่ขยับตัวเองอยู่ที่ระหว่างขาของคนตัวเล็กแล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มทำการจับลงที่ท่อนเอ็นของตัวเองก่อนที่จะเริ่มจับมันถูไปมาที่ร่องสวาทของหญิงสาว แต่เพียงไม่นานเท่านั้น ทิติเอกก็เริ่มทำการดันท่อนเอ็นของตัวเองเข้าไปภายในรูรักของหญิงสาว แต่เมื่อปลายหยักเข้าไปได้เพียงครึ่งทางทิติเอกก็เริ่มรับรู้ถึงความคดเกร็งของหญิงสาว มือหนาก็เริ่มได้ทำการกอบกุมที่ทรวงอกของหญิงสาวเพื่อเบียงเบนความสนใจของหญิงสาว และมันก็ได้ผลเมื่อชายหนุ่มได้ทำการดันท่อนเอ็นของตัวเองเข้าไปภายในรูรักของหญิงสาวได้จนสุดทางเป็นที่เรียบร้อนแล้วเมื่อท่อนเอ็นของชายหนุ่มได้ดันเข้าไปภายในรูรักของหญิงสาว จนสุดทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทิติเอกก็เริ่มทำการขยับสะโพกสอบของตัวเองเข้าหาร่างบางในทันที การขยับตัวเองของร่างหนาที่เป็นจังหวะที่เรียกว่าไม่เร็วมากแล้วไม่ช้าการกระทำของร่างหนาที่ทำนั้นสร้างความรู้สึกที่เรียกว่าเสียวซ่านได้กลับมาเกิดขึ้นกับคนตัวเล็กมากกว่าเดิม การขยับสะโพกของร่างหนานั้นได้ทำการขยับเร็วเป็นเท่าตัว“ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ”เสียงของเนื้อที่ดังกระทบกันดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นจังหวะเดียวกั
ในวันนี้ราชาวดีที่นอนพักจนพอใจแล้วหญิงสาวก็ได้เดินทางมาที่ห้องเพื่อเดินเล่นดีกว่าทิ้งตัวเองนอนซมอยู่ที่บ้านอย่างที่เกิดขึ้น"อ้าว....ราชาวดี"หญิงสาวที่ได้ยินเสียงที่เธอจำได้ว่าเป็นของใครหญิงสาวก็ได้หันกลับไปมองก่อนที่จะยกมือไหว้ผู้หญิงต่งหน้าทันที"สวัสดีค่ะคุณหญิงรัตนา"ราชาวดีเอ่ยออกมาพร้อมยิ้มให้กับผู้หญิงที่ยังคงความสวยเอาได้อย่างไเปลี่ยน เช่นเดียวกับที่รัตนาได้ยิ้มให้กับหญิงสาว แต่รอยยิ้มที่รัตนาส่งมาให้กับคนตัวเล็กมันเป็นรอยยิ้มที่เรียกว่าอบอุ่นจนราชาวดีอดที่จะนิ่งลงไปไม่ได้"เหมือน...เหมือนอย่างกับคนๆเดียวกัน"เสียงที่ดังออกมาเรียกสติของราชาวดีได้เป็นอย่างดี จนเธออดที่จะหันไปมองที่คนข้างกายของรัตนาไม่ได้"ตาสิง...หนูวดีมาธุระหรอลูก ป้าไม่คิดว่าจะได้กันแบบบังเอิญอีก""เปล่าค่ะ พอดีหนูไม่สบายก็เลยได้หยุดงานนะคะ""ผมว่าเราหาที่นั่งคุยกันดีกว่านะครับ"สิงหราชเอ่ยออกมาทำให้ผู้เป็นแม่เห็นชอบกับสิ่งที่ลูกชายของเธอเอ่ยออกมา"สะดวกไหม ป้ารบกวนหรือเปล่า""เปล่าค่ะ""ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับวดีหรือเปล่าคะ"ราชาวดีเอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าทั้งรัตนาและสิงหราชลูกชายของเธอเอาแต่จับจ้องมองมาที่เธออย
สามปีผ่านมา"อคิณ...มาหาแม่มาลูก"ราชาวดีเอ่ยเรียกเด็กชายที่ยังคงวิ่งเข้าไปภายในบริษัทของผู้เป็นพ่ออย่างสนุกสนานต่างจากผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้หมดแรงแม้แต่จะเดินแล้ว"คุณแม่ตามสิครับ เร็วๆตามมา"เด็กน้อยวัยสองขวบกว่าเรียกแม่ของตัวเองด้วยเสียงที่สนุกสนาน"ว้า...จับได้แล้ว"ราชาวดีที่เห็นลูกชายถูกยกลอยขึ้นจากพื้นก็อดที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจไม่ได้เพราะถ้าให้เธอวิ่งตามอีกคงได้เป็นลมแน่ๆ"คุณพ่อ" เสียงของเด็กชายเอ่ยออกมาก่อนที่จะโอบคอของทิติเอกพร้อมหอมลงที่ใบหน้าของเขาอย่างคิดถึง"ทำไมแกล้งแม่แบบนี้ครับ" ทิติเอกใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้กับลูกชายก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาอย่างเอ็นดูแม่ลูกคู่นี้ ที่ลูกชายเขาไม่รู้ไปได้นิสัยขี้แกล้งมาจากใคร วันๆเอาแต่แกล้งผู้เป็นแม่ให้วิ่งตาม แต่ด้วยนิสัยของราชาวดีไม่เคยจับลูกชายของเธอทันเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ไม่ได้แกล้งเลย....คุณแม่" อคิณเอ่ยออกมาก่อนที่จะมองไปยังราชาวดีที่ยิ้มให้กับสองพ่อลูกอยู่"แม่น่าจะอุ้มเราไม่ไหวแล้วนะคะครับ" ทิติเอกเอื้อมมือไปหาผู้เป็นแม่เพื่อที่จะให้อุ้มตัวเอง"ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ""ครับ...อคิณครับเดี๋ยวไปกับลุงบดินทร์นะครับ""ไปไหนคะ" รา
"มันจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะคะคุณอรวี ทิติเอกเป็นทายาทหมื่นล้าน ราชาวดีไม่มีอะไรเลย การที่นายหัวพูดแบบนั้นมันก็ทำให้คุรนักใจที่จะรับเธอมาเป็นสะใภ้ ดิฉันจะยกทรัพย์สินของฉันส่วนหนึ่งให้กับราชาวดี แต่เป็นทั้งหมดที่อยู่ภายในกรุงเทพและบริเวณใกล้เคียงเราคำนวณแล้วก็เทียบเท่ากับทรัพสินย์ของคุณตอนนี้เลย แบบนี้เหมาะสมกันหรือยังคะ"รัตนาเอ่ยออกมาอย่างพยายามจับทางของอรวี"มันไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ ทิติเอกเก็บราชาวดีไว้ ไม่ได้เปิดเผย เธอเสียชื่อเสียงกับทางเราไปมากแล้วนะคะ"อรวีเอ่ยออกมาอย่างพยายามที่จะอธิบาย ด้วยเธอกลัวทิติเอกจะไม่เห็นด้วยเพราะเธอเคยผิดพลาดกับลูกชายของเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง"งั้นยิ่งต้องตกลงเลย เพราะผมจะรับผิดชอบเธอ"ทิติเอกเอ่ยออกมาทำให้ผู้เป็นแม่ที่เดิมหนักใจไม่น้อย กลัวลูกชายเธอจะไม่เห็นด้วยถ้าเธอรับทางโน่นเลย แต่กลับกัน ทิติเอกอยากจะรับผิดชอบราชาวดีมากจนเธอคาดไม่ถึง"ว่ายังไงครับ"สิงหราชเอ่ยถามออกมาอย่าต้องการคำตอบเช่นเดียวกับทุกคนที่นี่"ค่ะ เห็นสมควรกันขนาดนี้ วีไม่กล้าขัดแล้วค่ะ"คำพูดของอรวีที่เอ่ยออกมาทำให้ทิติเอกดีใจไม่น้อย ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือของตัวเองไปจับลงที่มือของคนตัวเล็กที่น
หลังจากการเดินทางมาที่บ้านของทิติเอกอีกครั้ง หลังจากที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมา เขาก็ไม่เคยคิดที่จะเดินทางกลับมาที่นี่อีก จนแม่ของเขาให้เข้ามาคุยธุระอย่างวันนี้และพ่อของราชาวดีและรัตนาก็เลือกที่จะเข้ามาคุยกับแม่ของเขาในวันนี้ ชายหนุ่มก็ไม่สามารถที่จะเอ่ยอะไรออกมาได้นอกจากทำตามที่อรวีต้องการเท่านั้น"เอกมาแล้วหรอลูก"อรวีที่อยากจะเอ่ยคำขอโทษลูกชายของเธออย่างนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องขึ้นมาจนถึงตอนนี้สายตาของอรวีประทะเข้ากับร่างของคนตัวเล็กที่ยืนนิ่งอย่างไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาแต่เมื่อเธอได้เห็นว่าอรวีได้หันมามองที่เธอ"สวัสดีค่ะคุณหญิงอรวี"ราชาวดีเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ไม่เต็มสักเท่าไหร่ แต่เธอก็เลือกที่จะเอ่ยออกไป เพราะถ้าไม่เอ่ย ก็เท่ากับว่าเธอเสียมารยาท"เข้าบ้านก่อน"อรวีเอ่ยออกมาก่อนที่จะเดินนำทั้งสองเข้าไป ราชาวดีที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มเกร็งตัวเองมากกว่าเดิม ด้วยที่เธอไม่รู้ว่าควรทำยังไงดีในตอนนี้ แต่มือหนาของชายข้างกายเธอกลับบีบที่ข้อมือของเธอย้ำๆทำให้หญิงสาวทำได้เพียงแค่พยักให้กับเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในบ้านของทิติเอกตามที่ชายหนุ่มได้จับมือเธอเดินเข้าไปภายในบ้าน"เดี๋
ราชาวดีที่เพิ่งทานอาหารจากที่ทิติเอกเป็นคนค่อยป้อนให้เธอเสร็จ หญิงสาวก็ได้มานั่งจับจ้องที่ทีวี และเธอก็คงต้องอยู่ที่นี่ 1 อาทิตย์เพื่อที่หมอจะได้แน่ใจว่าเธอจะไม่กลับเข้ามาหาเขาอีกครั้ง"ดูอะไร"ทิติเอกที่เดินเข้ามานั่งข้างเตียงนอนก็เอ่ยถามออกมาเมื่อหญิงสาวยังคงจับจ้องที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่คิดที่จะสนใจอย่างอื่น"ข่าวทั่วไปค่ะ แล้วไปไหนมาคะไม่ไปทำงานหรอ"ราชาวดีอดที่จะเอ่ยถามออกมาพร้อมความสงสัยไม่ได้ เพราะเธอเห็นว่าทิติเอกแต่งตัวด้วยชุกลำรองนั้นก็เท่ากับว่าเขาจะไม่ไปทำงาน"ไม่อ่ะ...นักข่าวเยอะรำคาญ....ปวดหัวมากเลยเป็นอะไรไม่รู้"ทิตเอกเอ่ยออกมาอย่างอ้อนๆก่อนที่จะซบแขนของคนตัวเล็ก เขาเพิ่งรู้ว่าการอยู่ใกล้ราชาวดีมันทำให้เขานั้นรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก"ให้วดีเรียกหมอให้ไหมคะ...""ไม่เอา อยู่แค่นี้ก็หายแล้ว"คนตัวโตเอ่ยออกมาพร้มจับมือของเธอมาซบเอาไว้ โดยที่คนตัวเล็กไม่ได้ว่าอะไรพร้อมกับขยับตัวเองเพื่อที่จะเข้ามาหาทิติเอก"ข่าววันนี้เป็นข่าวที่น่าตกใจมากเลยนะคะ ไฮโซสาวอย่างคุณแพรไพลินที่เป็นลูกสาวของรัฐมนตรีมีข่าวออกมาว่าเธอท้อง แต่ฝ่ายชายไม่รับ คุณแพรพรรณลายเลยจับให้เธอแต่งงานกับคุณทิติเอกเม
"คุณเอกไม่รักวดี วดีไม่ว่านะคะ ไม่ว่าเรืื่องลูกหรือเรื่องอะไรก็ตาม แต่อย่าผลักวดีให้กับคนอื่นได้ไหม วดีของแค่นี้ได้ไหม"ราชาวดีเอ่ยออกมาพร้อมใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตา ทิติเอกตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยออกมาเขาขยับตัวเองเข้าไปหาคนตัวเล็กด้วยความเร็วพร้อมกับการดึงเธอเข้ามาภายในอ้อมกอด"หมอบอกว่าอย่าเครียดไงวดี....ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไปฉันจะไม่แต่งงานกลับเธอ"หญิงสาวที่อยู่ภายในอ้อมกอดของชายหนุ่มนิ่งลงพร้อมกับการขยับตัวเองออกมาจากอกแกร่งของอีกคน"หมายความว่าไงคะ""เธอต้องแต่งงาน แล้วคนที่ต้องแต่งด้วยคือฉัน""แล้วคุณแพรละคะ""แพรไพลินท้องนั้นก็เท่ากับว่าเธอคบกับคนอื่นเพียงแค่จะให้ฉันรับผิดชอบแต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะเราไม่เคยมีความสัมผัสกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว"ทิติเอกเอ่ยออกมาพยายามที่จะอธิบายให้กับคนตัวเล้กได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น"อ๋อค่ะ...""แค่นี่หรอ""ค่ะ....ต้องให้วดีพูดอะไรคะ"ท่าทางที่ไร้เดียงสาของหญิงสาวทำให้ทิติเอกนักใจมากกว่าจะรู้สึกดีที่เธอไม่ทันคน"บดินทร์บอกว่าเธอทะเลาะกับแพรไพลินหรอ""ก็เขาว่าวดีก่อนทำไม"หญิงสาวเอ่ยออกมาพร้อมท่าทางที่เรียกว่าทั้งโกระแค้นทั้งไม่พอใจ จนคนท่เ
"ไม่ทราบว่าคุณหญิงอรวีมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ"ทิติเอกเอ่ยออกมายังประชดประชันผู้เป็นมารดา"เรื่องที่ลูกพูดหมายความว่ายังไง ผู้หญิงของลูกเป็นลูกสาวคนหญิงรัตนา"อรวีไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูกชายตัวเองเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้ เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินตามมาถามความให้รู้เรื่อง"ลูกสาวคุณหญิงรัตนาที่เธอตามหา มาตลอดนะครับ"น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วปกติ แต่แววตาตากับเจ็บปวดของที่ทิติเอก อดทำให้ผู้เป็นแม่ของเขาเป็นห่วงไม่ได้"ลูกรู้เรื่องนานหรือยัง""ทำไม ถ้ารู้ว่าก่อนหน้านี้เธอเป็นลูกสาวของคุณหญิงรัตนา คุณแม่จะจับเธอให้ผมหรอครับ ทั้งๆที่ปากพร่ำบอกว่าเธอไม่คู่ควรอะไรกับผมเลย""แม่จะให้ลูกอยู่ห่างเธอมากกว่านี้ต่างหาก""ทำไมผมไม่เข้าใจ"ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยกับสิ่งที่แม่ของเขาเอ่ยออกมา ทำให้ชายหนุ่มกับหนักใจในเรื่องนี้มากกว่าเดิม"คุณหญิงรัตนา เธอไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเข้าไปเอื้อมถึงลูกสาวหรือลูกชายของเธอ ต่อให้เป็นเราก็ตามเธอ ไม่มีทาง ที่เธอจะยอมยกลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอให้ แล้วยิ่งพ่อนะ ถ้ารู้ว่าเอกกับลูกสาวเขาคบกันในที่ลับแบบนี้ แม่ไม่อยากจะคิดเลย""เรื่องนี้ผมรู้ว่าผมผิด ที่ไม่เคยให้ความชัดเจนเธอตั้งแต่แร
"ต่อให้วดีต้องตาย วดีก็ไม่มีทางเอาเข้าออก"เสียงที่ดังขึ้นมาของราชาวดี ที่เธอฟื้นขึ้นมาหลังจากหลับไปได้เกือบสามวัน และเมื่อเธอตื่นขึ้นมากลับต้องพบเจอกับความจริงที่เจ็บปวดหญิงสาวยังคงมองไปที่ผู้เป็นแม่ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดภายในใจของเธอ"หมอคิดว่าการตัดสินใจนี้ ขึ้นอยู่กับคนไข้ แต่ถ้าเป็นไปได้หมอก็อยากให้เอาออก"หมอหนุ่มเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบ"ไม่ค่ะ ยังไงวดีก็ไม่ยอม ใครเขาไม่ต้องการก็ชั่งเขา ลูกวดีๆดูแลเขาได้"หญิงสาวยังคงยืนกรานในคำเดิม แต่เหมือนคำยืนกรานของเธอจะถูกกลืนลงในลำคอ ในสายตาของเธอได้ปะทะเข้ากับร่างหนาของคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี"ผมขอคุยกับเธอก่อนได้ไหม"ที่ทิติเอกที่ได้รับรู้เรื่องการฟื้นของราชาวดี เขาก็ไม่รีรอที่จะมาหาเธอในทันที ใบหน้าสวยหันไปอีกทางเพื่อจะหลบสายตาของชายหนุ่มที่มองมาที่เธอ"ราชาวดี หันกลับมาเดี๋ยวนี้ ฉันไม่รู้นะว่าเธอไปได้นิสัยดื้อดึงขนาดนี้มาจากใคร"ทิติเอกเอ่ยออกมาอย่างนึกต่อว่าหญิงสาว แต่เหมือนเธอจะไม่สนใจในคำพูดของเขาเลย ร่างหนาเดินเข้ามาหาหญิงสาว เขาจับที่ใบหน้าของเธอให้หันกลับมาหาเขา"ดูทำหน้าเข้า"ทิติเอกอดที่จะเอ่ยออกมาเมื่อเห็นใบหน้าข
"คุณเอกนั่งก่อนเถอะครับ"บดินทร์เอ่ยออกมาเมื่อทิติเอกเอาแต่เดินไปเดินมาที่หน้าห้อง ฉุกเฉินต้องแต่เขาได้ส่งแพรไพลินเข้าไปด้านไหนแล้ว"ฉันหวังว่าเด็กในท้องของแพรจะยังอยู่""คุณเอกหมายความว่ายังไงครับ"บดินทร์ไม่เข้าใจในสิ่งที่ทิติเอกเอ่ยออกมาจึงได้ถามออกมาเพราะเจ้านายของเขาไม่ได้ต้องการมีลูกไม่ว่ากับใคร"ก็เพราะเด็กนั้นไม่ใช่ลูกฉัน ถ้าแท้งเรื่องก็จบ แต่ถ้าไม่คุณแม่จะพูดออกอีกไหม"ทิติเอกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่า ทิติเอกโกรธมากแค่ไหน"ญาติคนไข้ที่ท้องล่ะมายัง...หมอให้ตาม""เกิดอะไรขึ้น..."พยาบาลสาวเอ่ยถามเพื่อนรวมแผนกที่ดูสีหน้าไม่ดีเลย"แม่เสียเลือดเยอะเลย ตอนนี้ต้องการเลือกโอกาสรอดทั้งแม่ทั้งลูกน้อยมากเลย"คำพูดของพยาบาลทำให้ทิติเอกตกใจไม่น้อย"คนไข้ชื่ออะไร....ฉันเป็นคนส่งคนไข้ทั้งสองคนนั้น""ราชาวดี แต่เดี๋ยวนะคะคุณเป็นพามาส่ง แต่ไม่ใช่ญาติ""ญาติหรอครับ"บดินทร์ตกใจในคำพูดของพยาบาลไม่น้อยก่อนที่จะมองไปยังทิติเอกที่ตอนนี้ก็สงสัยไม่ต่างไปจากตัวเอง"ผมเป็นพี่ชายของราชาวดีครับ""ค่ะ...ตามพยาบาลไปเลยค่ะ"ทิติเอกมองสิงหราชเพื่อนสนิทของตัวเองที่เดินเข้ามาพร้อมคุณหญิงรัตนาและมันทำให้เ
อาทิตย์ต่อมาราชาวดีก็ยังคงมาทำงานเหมือนเดิมในทุกวัน ต่างไปจากทิตเอกที่ตอนนี้เขาได้ไปๆมาๆแถมเขายังไม่ยอมไปหาคนตัวเล็กที่บ้านความรู้สึกของคนตัวเล็กในตอนนี้เธอเริ่มรักคนที่อยู่กับตัวเองมากกว่าผู้ชายที่เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะครอบครองเขาเลยแม้แต่น้อย“คุณราชาวดีครับ”“คะ”หญิงสาวที่ไม่รู้ว่าบดินทร์มาตั้งแต่ตอนไหนเงยใบหน้าขึ้นอย่างตั้งคำถามเมื่อเขาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมเอ่ยเรียกหญิงสาว“คุณทิติเอกให้คุณเข้าไปหาครับ”“ค่ะ”ราชาวดีที่ไม่รู้ว่าทิติเอกได้เดินเข้าไปภายในห้องทำงานตั้งแต่ตอนไหนก็อดที่จะขมวดคิ้วตัวเองอย่างสงสัยไม่ได้“มาได้สักพักแล้วครับกำลังคิดอะไรอยู่หรอครับ”“อ๋อเหรอคะ เปล่าค่ะ วดีไม่ได้คิดอะไร”หญิงสาวเอ่ยออกมาก่อนที่จะขยับตัวเองเพื่อที่จะเดินเข้าไปภายในห้องทำงานของทิติเอก“คุณเอกเรียกวดีมีอะไรหรือเปล่าคะ”ราชาวดีมองทิติเอกที่ยืนมองวิวอยู่หลังโต๊ะทำงานของตัวเอง แต่เมื่อเธอเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาหยิงสาวจึงได้ตัดสินใจเอ่ยถามออกมา“ซองเอกสารอยู่บนโต๊ะ”“ค่ะราชาวดีเดินเข้าไปที่โต๊ะทำงานของชายหนุ่มแต่เมื่อเธอได้เห็นซองสีน้ำตาลที่วางอยู่ หญิงสาวอดที่จะหยิบขึ้นมาเดดูไม่ได้ แต่เม