ณ ที่แห่งนั้นเย็นสบายลมพัดระเรื่อย ท้องฟ้าสีสดใสจนเหมือนภาพวาด พระอาทิตย์สาดแสงส่อง แต่แปลกที่เธอไม่รู้สึกร้อน เท้าปุณิกาก้าวลงในผืนหญ้าเขียวนุ่มละมุนราวกำมะหยี่
เธอไม่รู้เมื่อกันว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน ในตอนนั้นยังก้าวไม่หยุด พลันสายตาเห็นต้นไม้ใหญ่แตกกิ่งเป็นพุ่มใหญ่ห้อยลงเกือบระพื้น ยกมือขึ้นหยีตาสู้แสงอาทิตย์ ในอกรัวแรงเป็นตีกลอง เมื่อเห็นร่างคู่หนึ่งยืนอยู่ที่โคนต้นไม้
“พ่อคะ...แม่คะ”
หญิงสาววิ่งตัวปลิวเข้าไปโผกอด ซบไซร้ในอกมารดาอุ่นที่เคยพึ่งมาแต่เยาว์วัย
“มิ้มคิดถึงพ่อกับแม่ที่สุด”
เธอบอกเล่าความรู้สึกด้วยเสียงอันสั่นเครือ รู้สึกราวกับกลายเป็นเด็กอนุบาลกลับบ้านวันแรกหลังเลิกเรียน โลกภายนอกน่าตื่นเต้นก็จริง แต่เธอรักบ้านที่มีพวกท่านทั้งสองอยู่ด้วยเป็นที่สุด
“พ่อกับแม่มารับมิ้มไปอยู่ด้วยใช่ไหมคะ”
ปุณิกาจำได้ว่าตนถูกงูกัด ถูกพามาโรงพยาบาล มีมือคนไม่รู้จักมาสาละวนจับทั่วร่างเธอ บางมือยังสอดโน่น เสียบนี่เข้าร่างกาย เธอรู้ตัวขยับไม่ได้ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง ด้วยไม่อาจจ้องแผงหลอดไฟจ้าบนเพดานห้องฉุกเฉินได้ ...บางทีพิษงูอาจทำให้ปุณิกาตายเสียแล้วกระมัง
แม่เป็นผู้ให้คำตอบโดยการสั่นศีรษะ
“ยังไม่ถึงเวลาจ้ะ มิ้มต้องอยู่ดูแม้ว”
ดวงตาที่เป็นต้นแบบของเธอมองข้ามไหล่ไปด้านหลัง เป็นผลให้ปุณิกามองตาม น้องชายในสภาพสวมผมยุ่งสวมเสื้อช็อปยับ ๆ ยืนอยู่ข้างหลัง มีอีกร่างหนึ่งผมยาวให้กายเขาเป็นที่กำบัง เร้นหน้าไว้ให้ไกลจากโลก
“ฝากน้องด้วย”
พ่อแตะที่ไหล่เธอ แล้วร่างคนที่รักสุดชีวิตทั้งสองก็สลายไปกับสายลม
“พ่อคะ...แม่คะ”
ปุณิกาตะโกนโหยหวน มือไขว่คว้าธุลีอากาศ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นพ่อแม่ น้ำตาไหลรินรด
เธอตายแล้วมิใช่หรือ เพราะเหตุใดจึงไม่ได้ไปอยู่กับพ่อแม่ หรือปุณิกาทำบาปเสียจนต้องตกนรกหมกไหม้ ...ไม่ยุติธรรมเลย
“พี่มิ้ม...”
น้องชายเรียกเสียงโหย แล้วใบหน้าก็บิดเบี้ยวเปลี่ยนไป ตากลายเป็นสีแดง ใบหน้ายาวสีดำทะมึน ลิ้นแล่บออกมาเป็นสองแฉก
“แม้ว!”
ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตที่จำแลงว่าเป็นปุณณภพก็ฉกวูบเข้ามาหาร่างเธอ ปุณิกาตัวแข็งทื่อ ตะลึงจนร้องไม่ออก ลืมตาโพลงตื่นขึ้นในทันใด
หญิงสาวหอบหายใจกระชั้น ภาพท้องฟ้าสวย พื้นหญ้าเขียวหายไป เหลือเพียงแผงไฟจ้าบนเพดานขาว
เธอเหลียวมองข้างตัว มีสายให้น้ำเกลือเสียบแขนอยู่ กวาดตามองอีกครั้งก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่เฟอร์นิเจอร์โดยมากเป็นสีขาว มีเพียงโทรทัศน์ติดผนังที่เป็นสีดำ และเบาะโซฟาตัวยาวสีน้ำตาล มีเสียงน้ำไหลดังมาจากห้องน้ำ เธอยันกายลุกขึ้นพลางจ้องเขม็งไปที่นั่น
ไม่กี่อึดใจสรวิชญ์ในชุดเมื่อคืนก็ออกมา ตาโตสบดวงตาสีดำลึกดังห้วงรัตติกาล
“ตื่นเร็วดีนี่ ฉันคิดว่าจะหลับไปเป็นวัน แสดงว่างูที่กัดเธอพิษน้อย”
ดูสิ! เพิ่งผ่านคืนแห่งความเป็นความตายมา เขากลับยังกวนไม่เลิก
“ฝันร้ายเหรอ น้ำตาเธอเปรอะหน้าไปหมดแล้ว”
มือใหญ่ดึงทิชชูจากกล่องหัวเตียงให้ ปุณิกาไม่ยอมรับ ใช้หลังมือป้ายน้ำตาตัวเองลวก ๆ ชายหนุ่มเห็นแล้วก็ยักไหล่ เดินไปนั่งที่โซฟา หยิบรีโมตมากดดูข่าวรุ่งอรุณ
ต่างคนต่างไม่พูด ในห้องจึงมีแต่เสียงผู้ประกาศข่าว ปุณิกาชะเง้อไปทางประตู หวังอยากให้พยาบาลเข้ามา เธออยากขอความช่วยเหลือ ...อยากกลับบ้าน
“ฉันอุตส่าห์หอบเธอมาโรงพยาบาล ไม่คิดจะขอบคุณกันหน่อยเหรอ”
“คงมีแต่สติไม่เต็มเท่านั้นที่จะขอบคุณคนที่ลักพาตัวเองมา”
“ปากเก่ง”
สรวิชญ์หัวเราะหึ ใจชื้นเมื่อปุณิกากลับมามีฤทธิ์เหมือนเดิม เมื่อคืนนอนหายใจรวยรินจนคิดว่าจะตายเสียแล้ว ...เขาไม่ได้ห่วง แค่ไม่อยากติดร่างแหคดีฆ่าคนตายโดยประมาท
“ทรมานฉันทดแทนสาสมกับ ที่น้องฉันพาน้องคุณหนีแล้วหรือยัง”
เธอเกือบชดใช้ด้วยชีวิตเชียวนะ น่าจะเจ๊ากันไปได้แล้ว
“ฉันอยากกลับบ้าน”
“ยังไม่ได้ ฉันต้องเอาเธอไว้เป็นตัวประกัน ยื่นหมูยื่นแมวกับไอ้เด็กนั่น”
“ฉันขอแค่กลับไปอยู่บ้านไม่ได้หรือไง ถ้าแม้วติดต่อมาจริง ๆ ฉันจะรีบบอกคุณ ช่วยกล่อมให้เขาพาน้องสาวคุณกลับมา ดูสภาพฉันสิ เดี้ยงออกอย่างนี้ ไม่รู้พิษงูส่งผลต่ออวัยวะภายในหรือเปล่า”
เคยเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตอนเด็ก ๆ ครูสอนว่างูบางชนิดมีพิษต่อระบบประสาท บางทีฝันเมื่อใกล้รุ่งอาจเป็นผลมาจากมันก็ได้
“ฉันไม่ไว้ใจเธอ ขนาดจับมัดไว้ยังหนี ยังเล่นตุกติก ทำพวกฉันวุ่นวายทั้งคืน เธอต้องไปอยู่ที่ไร่”
เขากดรีโมทปิดโทรทัศน์เสีย เมื่อรู้สึกว่าข่าวสารบ้านเมืองช่างน่าเบื่อ การปะทะคารมกับปุณิกาน่าสนุกกว่าเยอะ
หญิงถอนหายใจแล้วกลอกตาขึ้นบน ...แม้เกือบจะทำเธอตาย แต่เขายังไม่คลายความคิดที่จะขัง หรือรอให้เธอตายเป็นผีมาหลอกหรืออย่างไร
มีเสียงเคาะที่ประตู สรวิชญ์บอกอนุญาตราวเป็นเจ้าของห้อง ทั้ง ๆ ที่เธอขมวดคิ้ว ...ใครกันนะที่มาในเช้าอย่างนี้ หนุ่ม ๆ หน้าโหดลูกน้องเขาทยอยกันเข้ามา ขาดเพียงนายหน้าเสี้ยม หนึ่งในนั้นถือกระเป๋าสะพายคุ้น ๆ มาด้วย
“อ่ะ...ของเธอ”
สรวิชญ์โยนมันลงที่ปลายเตียง ปุณิการีบลนลานเปิดดูข้างใน มีมือถือพร้อมสายชาร์ต และของใช้จำเป็นยามเธอไปทำงาน ทุกอย่างอยู่ครบ เปิดดูมือถือ มีข้อความส่งมาจากปุณณภพที่ยังไม่ได้อ่าน เขาจับสังเกตได้เมื่อเห็นเธอเลียริมฝีปากจึงแย่งมือถือมาเปิดไลน์ดู
ปุณณภพส่งข้อความถามว่าเป็นยังไงบ้าง เขาขอไม่กลับบ้านสักสองสามวัน มีเรื่องใหญ่ต้องตัดสินใจ
ข้อความส่งมากลางดึก หลังจากสรวิชญ์จับตัวเธอมา ชายหนุ่มเคลื่อนนิ้วไปจิ้มที่โปรแกรมสมุดโทรศัพท์ พิมพ์ชื่อเล่นปุณณภพ แล้วเบอร์ก็ปรากฏทันที เขากโทรออก ส่งสายตาดุมายังตาโตที่ส่งแววไม่ยินยอมพร้อมใจให้เขาให้ของส่วนตัว
ปลายสายไม่รับ โอนเข้าสู่ระบบฝากข้อความ
“พี่มึงอยู่กับกูที่ไร่ ถ้าอยากได้คืนก็พาตัวสตางค์มา ยื่นหมูยื่นแมว ไม่งั้นกูไม่รับรองความปลอดภัยของพี่มึง”
ปุณิกาเม้มริมฝีปาก รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ กลัวอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงของเขา
“ถ้ามึงไม่มา กูจะทำกับพี่สาวมึงแบบที่มึงทำกับสตางค์”
เขากดตัดสาย โยนมือถือลงบนเตียง เธอรีบลนลานไปไขว่คว้ามาไว้แนบตัวทันที
“พยาบาล! ผมจะพาคนไข้กลับไร่แล้ว จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย”
สรวิชญ์กดปุ่มจากหัวเตียงบอกหน้าเคาน์เตอร์
“แต่คุณหมอจะราวน์วอร์ดตอนแปดโมงครึ่งนะคะ” เสียงพยาบาลตอบผ่านลำโพงที่ฝังอยู่ข้างปุ่มเรียก
“ผมไม่สน คนของผมหายแล้ว ถ้าไม่ดีขึ้นจะให้หมอวิโรจน์ตรวจเอง”
“พวกมึงลงไปเตรียมรถ”
ลูกน้องกรูไปที่ประตูโดยพลัน
“เธอน่ะ เดินไหวไหม”
เขาเท้าสะเอวในท่าที่เดาได้ว่าไม่สบอารมณ์นัก
“ไม่ไหว ไปหารถเข็นให้หน่อย”
เธอเชิดหน้า แสดงความเป็นต่ออย่างไม่ยอมให้เขาข่ม อ้อมแขนแข็งแรงกวาดมาอุ้มร่างอรชรลอยขึ้นจากเตียง
ปุณิกาผวาเฮือก รีบคล้องวงแขนกับคอหนาด้วยกลัวตก เขาดึงสายน้ำเกลือออกจากแขนเธอ แบบไม่กลัวคนป่วยเจ็บสักนิด
“บอกว่าขอรถเข็นไงล่ะ”
ปุณิกาท้วง พิษงูมีผลข้างเคียงต่อหัวใจด้วยกระมัง ใจเธอจึงเต้นแรงนัก ยามสัมผัสผิวเนื้อแกร่ง
“ยุ่งยาก ฉันอุ้มไปเร็วกว่า หรือจะให้ลากไปทั้งเตียงล่ะ”
หญิงสาวอ้าปากค้างในความหยาบคาย แต่แล้วก็ต้องกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นเมื่อเขาเริ่มก้าวเดิน นี่น่าเป็นฉากโรแมนติกในนิยายรัก ถ้าคนที่อุ้มเธอเป็นพระเอกละก็...นะ
สรวิชญ์พาเธอนั่งกลับรถตู้คันเดิม เพิ่มเติมคือเขาซื้อชุดคนป่วยให้เธอด้วย ปุณิกาอยู่ในสภาพหัวสั่นหัวคลอนเพราะรถวิ่งตามทางลูกรัง จนมาถึงสะพานเมื่อคืน น้ำลดลงแล้วรถจึงแล่นผ่านอย่างง่ายดายเธอมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีทิวทัศน์ข้างนอกเห็นภูเขาอยู่ลิบ ๆ บนฟ้ามีเมฆอุ้มน้ำสีเทา เดาว่าฝนต้องตกอีกในไม่ช้า ข้างทางเต็มไปด้วยป่า ต้นไม้ใบหญ้าเมื่อได้น้ำเมื่อคืนดูสดชื่น เปล่งประกายเขียวสดหากเป็นเวลาปรกติเธอคงอดไม่ได้ที่จะต้องถ่ายภาพ แต่เวลานี้ไม่มีอารมณ์ กังวลถึงไร่ที่เขาจะพาไปมากกว่า จะเป็นไร่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี มีวัวลายจุดเล็มหญ้าอยู่หรือเปล่าท่าทางคนลักตัวเธอมาไม่ใจดีขนาดนั้น บางทีเขาอาจขังเธอไว้ที่กระท่อมปลายไร่โกโรโกโส แล้วที่เขาบอกว่าจะทำกับเธอเหมือนที่ปุณณภพทำกับน้องเขาอีกล่ะปุณิกาทำตัวลีบติดกระจก การขืนใจผู้หญิงเป็นการกระทำไร้อารยะ ผิดกฎหมาย ไร้ศีลธรรม แต่ท่ามกลางป่า ท่ามกลางไร่ไกลหูตาคนแบบนี้ เธอไม่แน่ใจในอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคนพามานัก หวังแต่ขอให้เขาปรานีเหมือนตอนที่พาเธอมาโรงพยาบาลบ้างด้วยเถิดรถเริ่มเข้าสู่รั้วที่ขึงด้วยลวดหนาม แล่นไปอีกไม่ถึงสิบนาทีก็เห็นป้าย “ไร่
ปรกติมื้อเช้าปุณิกาดื่มน้ำเต้าหู้ หรือแค่หมูปิ้งสองไม้ข้าวเหนียวหนึ่งห่อ การกินมื้อเช้าที่พร้อมพรั่งแบบนี้ทำกระเพาะตื้อ แสนดีถามว่าจะเอากาแฟไหม เธอส่ายหน้าปฏิเสธ“นี่มึงจะไม่ถามหน่อยเหรอว่ากูอยากได้กาแฟไหม ไอ้แสน!”สรวิชญ์ว่าตอนที่พ่อครัวกำลังจะเดินจากไป“ไหนว่าเหนื่อย ไม่ได้นอนทั้งคืนไงนาย พักผ่อนเถอะ อย่ากินกาแฟเลย ผมหวังดีนะเนี่ย”“กูจะกินอะไรก็เรื่องของกู แสนรู้นักนะมึง ไปเอากาแฟมา”เจอหน้ากันแค่ไม่กี่สิบนาทีปุณิกาสงสารแสนดีเหลือเกิน ที่ต้องรับใช้คนเจ้าอารมณ์“มองฉันทำไม หรือวางแผนจะหนีอีก”เขาขึงตาดุ ไม่ล่ะ...ปุณิกาไม่ทำแล้ว สองครั้งที่ผ่านมาล้มเหลว ไปนอนโรงพยาบาล เกือบเอาชีวิตไม่รอด ตอนนี้เธออยากเก็บแรงไว้มากกว่า“เอามือถือมานี่ เผื่อน้องเธอโทรมา”เขาแย่งกระเป๋าสะพายที่หญิงสาววางไว้บนโต๊ะข้างตัว ค้นหามือถือเธอเอามายัดใส่กางเกง“นี่คุณ! นั่นมันของฉันนะ”สรวิชญ์แทบจะโยนกระเป๋าสะพายให้“ฉันต้องเก็บไว้ก่อน ถ้าไอ้เด็กนั่นโทรมาแล้วเธอเล่นตุกติกไม่บอกล่ะ”เขาวางระเบิดด้วยการฝากข้อความเสียง หากมันมีใจห่วงพี่เหมือนที่เธอห่วงมัน ปุณณภพต้องติดต่อมาแน่“เธอน่ะ เชื่อไม่ได้ หนีจากฉันสองครั้งแ
“คุณมิ้มดี๊...ดีจ้ะ นอกจากสวยเหมือนนางเอกในทีวียังช่วยผมทำความสะอาดบ้านด้วย”สรวิชญ์มองเธอแล้วเหยียดยิ้ม ปุณิกาเชิดหน้าขึ้นสูง“เอ...ดีกว่าสาว ๆ ที่เพื่อนคุณเต้ยพามาอีก พวกนั้นดีแต่ทำตัวสำรวย สวยไปวัน ๆ”เธอเห็นจะต้องมองแสนดีเสียใหม่ หนุ่มพ่อบ้านปากร้ายพอตัว“ใครได้มาเป็นเมียต้องคิดหนัก จ่ายค่าคนใช้บาน”“บ้านฉันไม่ใช่คนรวยหรอกนะแสนดี เลยต้องสลับกันกับน้องทำงานบ้าน”“แค่นี้คุณมิ้มก็เหนือกว่าสาวกรุงเทพฯพวกนั้นเยอะ”หนุ่มรุ่นน้องยังยอไม่เลิก“พอแล้ว ไปทำกับข้าวให้กูกินไป หิว!”เขาสั่ง ก่อนหันหลังจากห้องไป“โอ้...โมโหหิวนี่เอง”แสนดีปล่อยลมหายใจออกพรืด“ให้ฉันช่วยทำข้าวกลางวันไหม”“ไม่ต้องหรอกครับ คุณมิ้มไปอาบน้ำ มารอกินข้าวเถอะ”แล้วแสนดีก็ออกจากห้องไปอีกคน เธอจึงเก็บอัลบั้มรูปเข้าชั้นเหมือนเดิม เดินขึ้นห้องไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว ล้วนมีแต่เสื้อยืดกับผ้าถุงหลวม ๆ แสนดีเล่าว่ากางเกงขายหมดแล้ว ต้องรออีกสองสามวันของถึงจะมาใหม่เธอพันผ้าถุง แนบลำตัว เหลือส่วนเกินเป็นคืบ ต้องเหน็บแล้วม้วนไว้ที่เอว กระนั้นยังเห็นส่วนเว้าโค้งชัด ปุณิการู้สึกไม่มั่นใจเลยในการสวมชุดไม่คุ้นเคยแบบนี้ ได้แต่ปลอบตนเอ
“ไอ้บ้ากาม ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”พอเจ้าของร่างสูงวางตัวเธอลงบนพื้น ปุณิกาก็รีบวิ่งแจ้นหนีเขาไปมุมเหนือเตียง เมื่อเขาย่างเท้ามา เธอรีบคว้าของใกล้มือ ขว้างใส่ หวังจะหยุดเขาได้ แต่อนิจจา เขาหลบสิ่งของได้อย่างว่องไว“ฉันจะเรียกตำรวจ”“เรียกมาเลย ฉันจะได้ให้มาจับน้องเธอ ข้อหาพรากผู้เยาว์”“แต่คุณก็ลักพาตัวฉันมาแล้วนี่ แถมยังจะข่มขืนฉันอีก บ้านเมืองมีกฎหมาย หัดคิดเสียบ้าง คนมีสติดี ๆ เขาไม่ทำกันหรอก”“ที่นี่คือถิ่นฉัน ...ฉันคือกฎ!”ปุณิกาบูชากฎโดยการขว้างโคมไฟใส่ เขาเบี่ยงตัวหลบทันตามเคย แต่ไม่นึกว่าเธอจะเปิดลิ้นชัก หยิบกรอบรูปโลหะมาขว้างซ้ำ สรวิชญ์ที่ไม่ทันระหว่างจึงโดนขอบมุมโลหะเข้าที่ปลายคิ้ว เขานิ่วหน้าเพราะปวดแปลบ ยกมือขึ้นคลำ สัมผัสได้ถึงน้ำสีแดงซึมออกมา“ฤทธิ์มากนักนะเธอ มา! พ่อจะเอาให้ยับนอนจมเตียง”ห้องนอนไม่กว้างนัก เจ้าของก้าวไม่กี่ก้าวก็ถึงคนตัวบาง จับกระชากข้อมือ จนตัวเธอถลาลงบนเตียงปุณิกาใช้กำลังเฮือกสุดท้าย กางเล็บหมายข่วนหน้าเขา สรวิชญ์ไม่ยอมเสียท่าซ้ำสอง มือใหญ่รวบข้อมือคนพยศไว้เหนือศีรษะเจ้าตัว เมื่อส่วนบนถูกพันธนาการ แต่ส่วนล่างยังว่าง ปุณิกาจึงทั้งตีเข่า ทั้งพยายามแตะผ่า
ปุณิกาคิดว่าสักวันหนึ่งต้องมีผู้ชายมาสนใจเธอแบบจริง ๆ จังแน่ ผู้ชายที่ไม่ต้องหล่อรวย แบบผู้ชายในฝันตามนิยาย ขอแค่เขารักจริง อยากมีอนาคตร่วมสร้างฝันกับเธอ ปุณิกาคิดว่าต้องรักก่อน ความใคร่ถึงตามมาจนกระทั่งวินาทีนี้...เธอกำลังตัวเอนอ่อนให้คนแปลกหน้าสัมผัส เขามีความตะกรุมตะกราม ไม่ถนอมเนื้ออ่อน แต่หญิงสาวกลับรู้สึกใจเต้น อยากให้เขาสัมผัสแรงขึ้นอีก“อาห์...”เธอบดเบียดร่างเกือบเปลือยของตนเข้าหาเขา นิ้วมือสอดใต้เรือนผม ลูบไล้ท้ายทอยของศีรษะได้รูป อีกมือเลื่อนมาจิกนิ้วบนบ่ากว้าง เคลื่อนเต้าตูมอำนวยความสะดวกให้เขาดื่มกิน ใจรัญจวนอยู่ในห้วงความกระสัน จนต้องอุทานเมื่อถูกรุกรานอีกที่มืออีกข้างของเขาไม่ได้ประคองเต้าทรวงแล้ว กลับไล้ลงต่ำ สู่เนินสาว นิ้วชี้กรีดไปตามรอยแยกของกลีบผกาแห่งชีวิต เธอลืมตาจ้องมองเขา ตาฉ่ำเยิ้มเต็มไปด้วยแรงปรารถนา“คุณเต้ย...”“หือ...”เสียงเรียกชื่อเขาที่แหบพร่าจากแรงราคะช่างไพเราะเสียนี่กระไร เขาถอนริมปากออกจากปลายถันอย่างแสนเสียดาย มันกำลังเป็นสีแดงเต่งตึง น่าฟัดอีกซักยก“อุ๊ย!”ปุณิกาสะดุ้งเฮือก เมื่อนิ้วชี้ออกแรงกด จนเกือบสัมผัสติ่งหวาบหวาม“ไวไฟเชียวนะเธอ แค่นี้ก็เ
“เธอเรียนรู้ไวมากมิ้ม”สรวิชญ์จูบเปลือกตาชื้นเหงื่ออย่างเอาใจ...อย่างที่ไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน“ฉันควรภูมิใจกับคำชมนี้ไหมเนี่ย”ปุณิกาเปรยมากกว่าจะขอคำตอบจริงจัง ตาที่ตาโตอยู่แล้วเบิกโพลงมากขึ้นตอนเห็นเขาเปลื้องผ้า อกแน่นหนั่นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อทำเธอกลืนน้ำลาย เคยเห็นแต่ซิกซ์แพ็คในรูปภาพบ้าง ในอินเทอร์เน็ตบ้าง เพิ่งจะเห็นชัด ๆ กระจ่างตาวันนี้เองผิวสรวิชญ์คล้ำแดด ร่างกายเขาจึงไม่ต่างจากรูปสลักเทพบุตรหนุ่มหล่อจากทองแดง ...สมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ สิ่งที่ต่างจากรูปปั้นคือขนสีดำกลางอก ไล่เรื่อยมาถึงช่วงเอว ลงใต้สะดือ เชื่อมกับกลุ่มไหมดำเหนือแก่นกายแข็งแรงของเขา“คุณเต้ย...อื้อ”คำพูดเธอหยุดลงพร้อมริมฝีปากที่บดเบียด เขาดันตัวเธอลงบนที่นอน ค่อยสอดความแกร่งกร้าวสู่โพรงอันชื่นฉ่ำอ่อนนุ่ม“...”สรวิชญ์ถอนริมฝีปากจากเธอ กัดฟันกรอด มีสัมผัสได้ถึงแรงบีบรัด เนื้อสาวเต้นตุบตับรอบลำ“อย่าเกร็งสิมิ้ม”เขาจูบที่เปลือกตาหญิงสาวที่กำลังหลับปี๋“มันแน่นอ่ะ”ผู้หญิงคนอื่นมีบ่นแบบนี้กับคู่นอนตัวเองไหมหนอ ปุณิกาเลือกจะซื่อสัตย์กับตัวเอง“ปล่อยตัวตามสบาย เชื่อใจฉัน”ริมฝีปากเขาคลอเคลียอยู่บริเวณหน้าผาก“
ขณะกำลังเดินไปฝักบัว สายตาเจ้ากรรมของเธอก็สบกับเงาที่ฉายบนกระจก มีรอยแดงทั่วผิวเนื้อขาว ใบหน้าหญิงสาวร้อนซ่านเมื่อย้อนนึกถึงกิจกรรมที่ทำให้เกิดรอยนี้สรวิชญ์แม้หน้าโหดดุปานใด เขายังล่อหลอกให้เธอเคลิ้ม สมยอมจนมีอะไรด้วย ก่อนจะระลึกได้ทีหลังว่านี่คือการแก้แค้น ตาต่อตา ฟันต่อฟันอย่างที่เขาว่าไว้หญิงสาวกะพริบตาตนถี่ ๆ ไล่ความโศกที่กำลังจะเอ่อล้นขึ้นมา อย่าเสียใจให้เขาเห็น อย่าอ่อนแอ สรวิชญ์ชอบใจนักแล เมื่อเห็นเธอเจ็บ เพราะมันหมายถึงเขาแก้แค้นสำเร็จปุณิกาบอกตัวเองว่าตนจะไม่ยอมทำตัวเป็นเหยื่อ หัวหดอยู่ในกระดอง เธอต้องเป็นตัวของตัวเอง อะไรที่เสียแล้วก็ปล่อยให้เสียไป คิดในแง่ดี...ตอนทำก็สุขทั้งสองฝ่าย วินวินกันทั้งคู่ แล้วไฉนเธอจึงต้องมาเศร้าเสียน้ำตาคนเดียวไม่เอาล่ะ... หญิงสาวเชิดหน้าใส่เงาในกระจก บอกตนให้เข้มแข็งไว้ แล้วในเวลาแบบนี้คนแบบนั้นเขาทำอะไรกัน ก่อนอื่นต้องจัดการตัวเองให้อยู่ในสภาพดีที่สุดเธอผละจากกระจก ไปยืนใต้ฝักบัว เปิดน้ำเย็น ๆ ให้ไหลผ่านศีรษะ เรียกสติสตังที่ควรมีให้กลับมาสรวิชญ์เอาหูแนบประตู ได้ยินเสียงน้ำไหล ค่อยโล่งใจหน่อย เขาไม่ได้ห่วงเธอ แค่เห็นเงียบไป กลัวลื่นล้มแข้ง
ปุณิกาตื่นมาอีกครั้งเป็นวันใหม่ เวลาก็สายมากแล้ว มีแสงแดดส่องลอดผ้าม่านมากระทบเตียง เธองัวเงียยกมือขยี้ตา นิ่งสักครู่ก่อนเบิกตาโพลงเมื่อคิดได้ว่าตนอยู่ในสถานการณ์ไหนเธอถูกลักพาตัวโดยผู้ชายแปลกหน้า เธอมีอะไรกับเขาบนเตียงนี้ ตาโตกวาดไปทั่วบริเวณ พบตนอยู่เพียงลำพัง เธอค่อย ๆ ย่องลงบันไดไปข้างล่าง“อรุณสวัสดิ์ครับคุณมิ้ม”แสนดียิ้มแป้นอยู่ปลายบันได มือถือไม้ถูพื้น ข้าง ๆ ขามีถังน้ำ“หิวหรือเปล่าครับ”เธอยกนิ้วคีบปอยผมมาทัดหู ...แสนดีจะรู้ไหมว่าเมื่อคืนเธอกับเจ้านายเขาทำอะไรกัน คงจะรู้อยู่หรอกน่า เพราะเจ้าตัวเป็นคนเตรียมสำรับมื้อดึกไว้ให้“ผมทำข้าวผัดไส้กรอกไว้ จะไปอุ่นให้”เขาวางไม้ถูพื้นลง“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ว่าแต่...” หญิงสาวส่งสายตาหลุกหลิก“คุณเต้ยอยู่ในไร่ วันนี้ไปดูลำธารที่โดนน้ำท่วม เวลาน้ำหลากมานี่น่ากลัวนะคุณมิ้ม วัวทั้งตัวมันก็พัดมาแล้ว ผมเคยเห็น แต่คุณเต้ยเก่ง เหวี่ยงบ่วงบาศช่วยมันไว้ได้”ลูกน้องยังมิวายขายความเก่งของเจ้านาย“อืม...”เธอพยักหน้า ท่าทางสรวิชญ์แข็งแรงออกอย่างนั้น ต้องทำอย่างที่ว่าได้แน่ เธอเชื่อที่แสนดีเล่าอย่างสนิทใจ“จะทำงานบ้านเหรอ เดี๋ยวกินข้