Share

Chapter 6 ตัวประกัน

ณ ที่แห่งนั้นเย็นสบายลมพัดระเรื่อย ท้องฟ้าสีสดใสจนเหมือนภาพวาด พระอาทิตย์สาดแสงส่อง แต่แปลกที่เธอไม่รู้สึกร้อน เท้าปุณิกาก้าวลงในผืนหญ้าเขียวนุ่มละมุนราวกำมะหยี่

เธอไม่รู้เมื่อกันว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน ในตอนนั้นยังก้าวไม่หยุด พลันสายตาเห็นต้นไม้ใหญ่แตกกิ่งเป็นพุ่มใหญ่ห้อยลงเกือบระพื้น ยกมือขึ้นหยีตาสู้แสงอาทิตย์ ในอกรัวแรงเป็นตีกลอง เมื่อเห็นร่างคู่หนึ่งยืนอยู่ที่โคนต้นไม้

“พ่อคะ...แม่คะ”

หญิงสาววิ่งตัวปลิวเข้าไปโผกอด ซบไซร้ในอกมารดาอุ่นที่เคยพึ่งมาแต่เยาว์วัย

“มิ้มคิดถึงพ่อกับแม่ที่สุด”

เธอบอกเล่าความรู้สึกด้วยเสียงอันสั่นเครือ รู้สึกราวกับกลายเป็นเด็กอนุบาลกลับบ้านวันแรกหลังเลิกเรียน โลกภายนอกน่าตื่นเต้นก็จริง แต่เธอรักบ้านที่มีพวกท่านทั้งสองอยู่ด้วยเป็นที่สุด

“พ่อกับแม่มารับมิ้มไปอยู่ด้วยใช่ไหมคะ”

ปุณิกาจำได้ว่าตนถูกงูกัด ถูกพามาโรงพยาบาล มีมือคนไม่รู้จักมาสาละวนจับทั่วร่างเธอ บางมือยังสอดโน่น เสียบนี่เข้าร่างกาย เธอรู้ตัวขยับไม่ได้ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง ด้วยไม่อาจจ้องแผงหลอดไฟจ้าบนเพดานห้องฉุกเฉินได้ ...บางทีพิษงูอาจทำให้ปุณิกาตายเสียแล้วกระมัง

แม่เป็นผู้ให้คำตอบโดยการสั่นศีรษะ

“ยังไม่ถึงเวลาจ้ะ มิ้มต้องอยู่ดูแม้ว”

ดวงตาที่เป็นต้นแบบของเธอมองข้ามไหล่ไปด้านหลัง เป็นผลให้ปุณิกามองตาม น้องชายในสภาพสวมผมยุ่งสวมเสื้อช็อปยับ ๆ ยืนอยู่ข้างหลัง มีอีกร่างหนึ่งผมยาวให้กายเขาเป็นที่กำบัง เร้นหน้าไว้ให้ไกลจากโลก

“ฝากน้องด้วย”

พ่อแตะที่ไหล่เธอ แล้วร่างคนที่รักสุดชีวิตทั้งสองก็สลายไปกับสายลม

“พ่อคะ...แม่คะ”

ปุณิกาตะโกนโหยหวน มือไขว่คว้าธุลีอากาศ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นพ่อแม่ น้ำตาไหลรินรด

เธอตายแล้วมิใช่หรือ เพราะเหตุใดจึงไม่ได้ไปอยู่กับพ่อแม่ หรือปุณิกาทำบาปเสียจนต้องตกนรกหมกไหม้ ...ไม่ยุติธรรมเลย

“พี่มิ้ม...”

น้องชายเรียกเสียงโหย แล้วใบหน้าก็บิดเบี้ยวเปลี่ยนไป ตากลายเป็นสีแดง ใบหน้ายาวสีดำทะมึน ลิ้นแล่บออกมาเป็นสองแฉก

“แม้ว!”

ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตที่จำแลงว่าเป็นปุณณภพก็ฉกวูบเข้ามาหาร่างเธอ ปุณิกาตัวแข็งทื่อ ตะลึงจนร้องไม่ออก ลืมตาโพลงตื่นขึ้นในทันใด

หญิงสาวหอบหายใจกระชั้น ภาพท้องฟ้าสวย พื้นหญ้าเขียวหายไป เหลือเพียงแผงไฟจ้าบนเพดานขาว

เธอเหลียวมองข้างตัว มีสายให้น้ำเกลือเสียบแขนอยู่ กวาดตามองอีกครั้งก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่เฟอร์นิเจอร์โดยมากเป็นสีขาว มีเพียงโทรทัศน์ติดผนังที่เป็นสีดำ และเบาะโซฟาตัวยาวสีน้ำตาล มีเสียงน้ำไหลดังมาจากห้องน้ำ เธอยันกายลุกขึ้นพลางจ้องเขม็งไปที่นั่น

ไม่กี่อึดใจสรวิชญ์ในชุดเมื่อคืนก็ออกมา ตาโตสบดวงตาสีดำลึกดังห้วงรัตติกาล

“ตื่นเร็วดีนี่ ฉันคิดว่าจะหลับไปเป็นวัน แสดงว่างูที่กัดเธอพิษน้อย”

ดูสิ! เพิ่งผ่านคืนแห่งความเป็นความตายมา เขากลับยังกวนไม่เลิก

“ฝันร้ายเหรอ น้ำตาเธอเปรอะหน้าไปหมดแล้ว”

มือใหญ่ดึงทิชชูจากกล่องหัวเตียงให้ ปุณิกาไม่ยอมรับ ใช้หลังมือป้ายน้ำตาตัวเองลวก ๆ ชายหนุ่มเห็นแล้วก็ยักไหล่ เดินไปนั่งที่โซฟา หยิบรีโมตมากดดูข่าวรุ่งอรุณ

ต่างคนต่างไม่พูด ในห้องจึงมีแต่เสียงผู้ประกาศข่าว ปุณิกาชะเง้อไปทางประตู หวังอยากให้พยาบาลเข้ามา เธออยากขอความช่วยเหลือ ...อยากกลับบ้าน

“ฉันอุตส่าห์หอบเธอมาโรงพยาบาล ไม่คิดจะขอบคุณกันหน่อยเหรอ”

“คงมีแต่สติไม่เต็มเท่านั้นที่จะขอบคุณคนที่ลักพาตัวเองมา”

“ปากเก่ง”

สรวิชญ์หัวเราะหึ ใจชื้นเมื่อปุณิกากลับมามีฤทธิ์เหมือนเดิม เมื่อคืนนอนหายใจรวยรินจนคิดว่าจะตายเสียแล้ว ...เขาไม่ได้ห่วง แค่ไม่อยากติดร่างแหคดีฆ่าคนตายโดยประมาท

“ทรมานฉันทดแทนสาสมกับ ที่น้องฉันพาน้องคุณหนีแล้วหรือยัง”

เธอเกือบชดใช้ด้วยชีวิตเชียวนะ น่าจะเจ๊ากันไปได้แล้ว

“ฉันอยากกลับบ้าน”

“ยังไม่ได้ ฉันต้องเอาเธอไว้เป็นตัวประกัน ยื่นหมูยื่นแมวกับไอ้เด็กนั่น”

“ฉันขอแค่กลับไปอยู่บ้านไม่ได้หรือไง ถ้าแม้วติดต่อมาจริง ๆ ฉันจะรีบบอกคุณ ช่วยกล่อมให้เขาพาน้องสาวคุณกลับมา ดูสภาพฉันสิ เดี้ยงออกอย่างนี้ ไม่รู้พิษงูส่งผลต่ออวัยวะภายในหรือเปล่า”

เคยเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ตอนเด็ก ๆ ครูสอนว่างูบางชนิดมีพิษต่อระบบประสาท บางทีฝันเมื่อใกล้รุ่งอาจเป็นผลมาจากมันก็ได้

“ฉันไม่ไว้ใจเธอ ขนาดจับมัดไว้ยังหนี ยังเล่นตุกติก ทำพวกฉันวุ่นวายทั้งคืน เธอต้องไปอยู่ที่ไร่”

เขากดรีโมทปิดโทรทัศน์เสีย เมื่อรู้สึกว่าข่าวสารบ้านเมืองช่างน่าเบื่อ การปะทะคารมกับปุณิกาน่าสนุกกว่าเยอะ

หญิงถอนหายใจแล้วกลอกตาขึ้นบน ...แม้เกือบจะทำเธอตาย แต่เขายังไม่คลายความคิดที่จะขัง หรือรอให้เธอตายเป็นผีมาหลอกหรืออย่างไร

มีเสียงเคาะที่ประตู สรวิชญ์บอกอนุญาตราวเป็นเจ้าของห้อง ทั้ง ๆ ที่เธอขมวดคิ้ว ...ใครกันนะที่มาในเช้าอย่างนี้ หนุ่ม ๆ หน้าโหดลูกน้องเขาทยอยกันเข้ามา ขาดเพียงนายหน้าเสี้ยม หนึ่งในนั้นถือกระเป๋าสะพายคุ้น ๆ มาด้วย

“อ่ะ...ของเธอ”

สรวิชญ์โยนมันลงที่ปลายเตียง ปุณิการีบลนลานเปิดดูข้างใน มีมือถือพร้อมสายชาร์ต และของใช้จำเป็นยามเธอไปทำงาน ทุกอย่างอยู่ครบ เปิดดูมือถือ มีข้อความส่งมาจากปุณณภพที่ยังไม่ได้อ่าน เขาจับสังเกตได้เมื่อเห็นเธอเลียริมฝีปากจึงแย่งมือถือมาเปิดไลน์ดู

ปุณณภพส่งข้อความถามว่าเป็นยังไงบ้าง เขาขอไม่กลับบ้านสักสองสามวัน มีเรื่องใหญ่ต้องตัดสินใจ

ข้อความส่งมากลางดึก หลังจากสรวิชญ์จับตัวเธอมา ชายหนุ่มเคลื่อนนิ้วไปจิ้มที่โปรแกรมสมุดโทรศัพท์ พิมพ์ชื่อเล่นปุณณภพ แล้วเบอร์ก็ปรากฏทันที เขากโทรออก ส่งสายตาดุมายังตาโตที่ส่งแววไม่ยินยอมพร้อมใจให้เขาให้ของส่วนตัว

ปลายสายไม่รับ โอนเข้าสู่ระบบฝากข้อความ

“พี่มึงอยู่กับกูที่ไร่ ถ้าอยากได้คืนก็พาตัวสตางค์มา ยื่นหมูยื่นแมว ไม่งั้นกูไม่รับรองความปลอดภัยของพี่มึง”

ปุณิกาเม้มริมฝีปาก รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ กลัวอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงของเขา

“ถ้ามึงไม่มา กูจะทำกับพี่สาวมึงแบบที่มึงทำกับสตางค์”

เขากดตัดสาย โยนมือถือลงบนเตียง เธอรีบลนลานไปไขว่คว้ามาไว้แนบตัวทันที

“พยาบาล! ผมจะพาคนไข้กลับไร่แล้ว จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย”

สรวิชญ์กดปุ่มจากหัวเตียงบอกหน้าเคาน์เตอร์

“แต่คุณหมอจะราวน์วอร์ดตอนแปดโมงครึ่งนะคะ” เสียงพยาบาลตอบผ่านลำโพงที่ฝังอยู่ข้างปุ่มเรียก

“ผมไม่สน คนของผมหายแล้ว ถ้าไม่ดีขึ้นจะให้หมอวิโรจน์ตรวจเอง”

“พวกมึงลงไปเตรียมรถ”

ลูกน้องกรูไปที่ประตูโดยพลัน

“เธอน่ะ เดินไหวไหม”

เขาเท้าสะเอวในท่าที่เดาได้ว่าไม่สบอารมณ์นัก

“ไม่ไหว ไปหารถเข็นให้หน่อย”

เธอเชิดหน้า แสดงความเป็นต่ออย่างไม่ยอมให้เขาข่ม อ้อมแขนแข็งแรงกวาดมาอุ้มร่างอรชรลอยขึ้นจากเตียง

ปุณิกาผวาเฮือก รีบคล้องวงแขนกับคอหนาด้วยกลัวตก เขาดึงสายน้ำเกลือออกจากแขนเธอ แบบไม่กลัวคนป่วยเจ็บสักนิด

“บอกว่าขอรถเข็นไงล่ะ”

ปุณิกาท้วง พิษงูมีผลข้างเคียงต่อหัวใจด้วยกระมัง ใจเธอจึงเต้นแรงนัก ยามสัมผัสผิวเนื้อแกร่ง

“ยุ่งยาก ฉันอุ้มไปเร็วกว่า หรือจะให้ลากไปทั้งเตียงล่ะ”

หญิงสาวอ้าปากค้างในความหยาบคาย แต่แล้วก็ต้องกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นเมื่อเขาเริ่มก้าวเดิน นี่น่าเป็นฉากโรแมนติกในนิยายรัก ถ้าคนที่อุ้มเธอเป็นพระเอกละก็...นะ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status