ขณะกำลังเดินไปฝักบัว สายตาเจ้ากรรมของเธอก็สบกับเงาที่ฉายบนกระจก มีรอยแดงทั่วผิวเนื้อขาว ใบหน้าหญิงสาวร้อนซ่านเมื่อย้อนนึกถึงกิจกรรมที่ทำให้เกิดรอยนี้สรวิชญ์แม้หน้าโหดดุปานใด เขายังล่อหลอกให้เธอเคลิ้ม สมยอมจนมีอะไรด้วย ก่อนจะระลึกได้ทีหลังว่านี่คือการแก้แค้น ตาต่อตา ฟันต่อฟันอย่างที่เขาว่าไว้หญิงสาวกะพริบตาตนถี่ ๆ ไล่ความโศกที่กำลังจะเอ่อล้นขึ้นมา อย่าเสียใจให้เขาเห็น อย่าอ่อนแอ สรวิชญ์ชอบใจนักแล เมื่อเห็นเธอเจ็บ เพราะมันหมายถึงเขาแก้แค้นสำเร็จปุณิกาบอกตัวเองว่าตนจะไม่ยอมทำตัวเป็นเหยื่อ หัวหดอยู่ในกระดอง เธอต้องเป็นตัวของตัวเอง อะไรที่เสียแล้วก็ปล่อยให้เสียไป คิดในแง่ดี...ตอนทำก็สุขทั้งสองฝ่าย วินวินกันทั้งคู่ แล้วไฉนเธอจึงต้องมาเศร้าเสียน้ำตาคนเดียวไม่เอาล่ะ... หญิงสาวเชิดหน้าใส่เงาในกระจก บอกตนให้เข้มแข็งไว้ แล้วในเวลาแบบนี้คนแบบนั้นเขาทำอะไรกัน ก่อนอื่นต้องจัดการตัวเองให้อยู่ในสภาพดีที่สุดเธอผละจากกระจก ไปยืนใต้ฝักบัว เปิดน้ำเย็น ๆ ให้ไหลผ่านศีรษะ เรียกสติสตังที่ควรมีให้กลับมาสรวิชญ์เอาหูแนบประตู ได้ยินเสียงน้ำไหล ค่อยโล่งใจหน่อย เขาไม่ได้ห่วงเธอ แค่เห็นเงียบไป กลัวลื่นล้มแข้ง
ปุณิกาตื่นมาอีกครั้งเป็นวันใหม่ เวลาก็สายมากแล้ว มีแสงแดดส่องลอดผ้าม่านมากระทบเตียง เธองัวเงียยกมือขยี้ตา นิ่งสักครู่ก่อนเบิกตาโพลงเมื่อคิดได้ว่าตนอยู่ในสถานการณ์ไหนเธอถูกลักพาตัวโดยผู้ชายแปลกหน้า เธอมีอะไรกับเขาบนเตียงนี้ ตาโตกวาดไปทั่วบริเวณ พบตนอยู่เพียงลำพัง เธอค่อย ๆ ย่องลงบันไดไปข้างล่าง“อรุณสวัสดิ์ครับคุณมิ้ม”แสนดียิ้มแป้นอยู่ปลายบันได มือถือไม้ถูพื้น ข้าง ๆ ขามีถังน้ำ“หิวหรือเปล่าครับ”เธอยกนิ้วคีบปอยผมมาทัดหู ...แสนดีจะรู้ไหมว่าเมื่อคืนเธอกับเจ้านายเขาทำอะไรกัน คงจะรู้อยู่หรอกน่า เพราะเจ้าตัวเป็นคนเตรียมสำรับมื้อดึกไว้ให้“ผมทำข้าวผัดไส้กรอกไว้ จะไปอุ่นให้”เขาวางไม้ถูพื้นลง“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ว่าแต่...” หญิงสาวส่งสายตาหลุกหลิก“คุณเต้ยอยู่ในไร่ วันนี้ไปดูลำธารที่โดนน้ำท่วม เวลาน้ำหลากมานี่น่ากลัวนะคุณมิ้ม วัวทั้งตัวมันก็พัดมาแล้ว ผมเคยเห็น แต่คุณเต้ยเก่ง เหวี่ยงบ่วงบาศช่วยมันไว้ได้”ลูกน้องยังมิวายขายความเก่งของเจ้านาย“อืม...”เธอพยักหน้า ท่าทางสรวิชญ์แข็งแรงออกอย่างนั้น ต้องทำอย่างที่ว่าได้แน่ เธอเชื่อที่แสนดีเล่าอย่างสนิทใจ“จะทำงานบ้านเหรอ เดี๋ยวกินข้
สรวิชญ์เตะประตูห้องที่แสนดีเคยบอกว่าต้องห้าม มันไม่มีอะไรนอกจากแฟ้มสูงเป็นตั้ง คอมพิวเตอร์จอบาง มีกลิ่นกระดาษเก่าเจือกลิ่นยาสูบ ปุณิกาใจเต้นระรัวนี่สินะ อาณาเขตของเขา ทั้งตู้ใส่หนังสือสันหนา โต๊ะไม้สักตัวใหญ่ ม่านสีแดงเลือดนกที่ปิดบังแสงอาทิตย์ ห้องนี้ดูลึกลับ น่าเกรงขาม เหมือนกับตัวคนที่กำลังอุ้มเธออยู่ชายหนุ่มวางร่างในอ้อมแขนลงบนโต๊ะ สะโพกกลมกลึงพิงขอบโต๊ะหมิ่นเหม่ ริมฝีปากเข้มฉกจุมพิตเธอปุณิกาที่กำลังต่อว่าในการกระทำแสนห่ามของเขาตัวแข็ง เมื่อลิ้นร้อนไล่สำรวจหาความหวานในโพรงปาก ปากที่ยังพอขยับได้ส่งเสียงประท้วงอือออ...มือผลักไสคนร้ายที่เข้ามาจวบจ้วงซึ่งสรวิชญ์มีวิธีการดึงความสนใจเธอโดยการสอดมือหยาบกร้านเข้าใต้เสื้อ สัมผัสผิวเนื้ออ่อน ปุณิการู้สึกราวมีไฟฟ้าช็อตตามจุดเขาสัมผัส แต่กระนั้นเธอยังสู้ ปัดมือเขาออกจากตัวสรวิชญ์เลิกคิ้วพึงใจ เขาไม่ชอบผู้หญิงดื้อ แต่พวกสมยอมตัวอ่อนให้ทันทีก็ไม่เร้าใจ ปุณิกาอยู่ระหว่างกึ่งกลาง เธอฤทธิ์เยอะ แต่ไม่ใช่เขาจะรับมือไม่ได้ ...ก็เมื่อคืนเล่นกันเสียหลายยก เธอขัดขืนหน่อย ๆ แค่นี้จิ๊บ ๆเขาใช้ส่วนอ่อนนุ่มแต่ทรงพลังที่สุดในกายมนุษย์หยอกเย้า รัดตรึงส่
ปุณิกาตื่นเช้ามาบนเตียงเพียงลำพัง ห้องนอนนั้นยังเป็นห้องเดิมเหมือนเมื่อเช้าวาน ...ห้องสรวิชญ์เมื่อลุกขึ้นก็พบว่าตนเปลือยเปล่า เข้าไปสำรวจตัวเองในห้องน้ำก็พบรอยแดงบนผิว หญิงสาวเม้มปากแล้วถอนหายใจยาว ...ทั้งโกรธปนหงุดหงิดสรวิชญ์นั้นเป็นตัวต้นเหตุใหญ่อยู่แล้ว แต่ที่เพิ่มเติมคือโกรธตัวเอง ยังโง่ซ้ำสอง ไม่เข็ดเสียที โดนเขากินฟรีเสียหลายรอบ...เอ คิดอย่างนั้นฟังเหมือนเธอเสียเปรียบอย่างไรชอบกล ในสมองมีภาพสรวิชญ์หัวเราะเยาะหึ ๆ เรื่องอะไรจะต้องไปเศร้าตามเกมเขา สรวิชญ์ชอบแน่หากรู้ว่าเธออัปยศอดสู ปุณิกาไม่ยอมหรอกมันก็แค่หญิงชายมีเซ็กซ์กัน ผู้ใหญ่ค่อนโลกเคยทำมาแล้วทั้งนั้น ไม่มีใครตาย ไม่มีใครได้ ไม่มีใครเสีย ต่างปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศของตน ปุณิกาบอกให้ตนคิดเช่นนี้เสีย จะได้สบายใจ มีหน้าไปเผชิญกับเขาหน่อยมีผ้าขนหนูพับเรียบร้อยบนชั้นเหนือชักโครก ปุณิกาถือวิสาสะเอามาใช้เสีย หลังอาบน้ำชำระคราบไคล เธอก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นเสื้อผ้าชุดใหม่พับเรียบร้อยวางอยู่ที่ปลายเตียง ...หรือจะเป็นแสนดีเอามาให้ เธอหน้าแดง หนุ่มน้อยคงมาเห็นสภาพเธอกับเจ้านายเขาแล้ว อยากแทรกแผ่นดินหนี แต่ในเมื่อทำไม่ได้ก็มีแต่ต้องเชิดหน
สรวิชญ์ยอมปล่อยปุณิกาเป็นอิสระในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ตอนที่เขาจัดการโจ้กเป็นชามที่สอง“มึงทำกับข้าวแบบหนัก ๆ ท้องหน่อยสิวะ มีแต่ข้าวต้ม มีแต่โจ้ก กูกินสองชามแทบไม่อิ่ม”แสนดีที่เข้ามาเก็บชามยิ้มแห้ง“เติมชามที่สามได้นะจ๊ะคุณเต้ย”“พอเลยมึง ให้กูกินแต่น้ำ เดี๋ยวก็ได้เอาแต่เยี่ยวทั้งวัน”หรือนี่จะเป็นการพูดคุยปรกติในไร่ พูดเรื่องของเสียกลางโต๊ะกินข้าว ไม่เกรงใจแขกอย่างปุณิกาเลย...เออ จริงสิ เธอมาในฐานะตัวประกัน ไม่ใช่แขกเสียหน่อย เจ้าบ้านหน้าดุเลยย่ามใจ นึกจะพูดอะไรก็พูด นึกจะทำอะไรกับเธอก็ทำ ปุณิกาแกล้งทำหูทวนลม ปรับหน้าให้นิ่ง...ให้เขารู้ว่าเรื่องแค่นี้ทำอะไรเธอไม่ได้หรอก“งั้นกลางวันจะลาบวัวให้กินดีไหมจ๊ะ มื้อเย็นก็สเต็ก”“พอเลยมึง เปลืองตายห่า เอาแค่ข้าวกับแกงก็พอ” เจ้านายบอก ก่อนเดินปึง ๆ ออกไป“เอาใจย๊าก...ยากนะคุณเต้ย ปรกติแค่ข้าวไข่เจียวก็กินได้แล้ว”แสนดีเปรยแบบขำ ๆ พอจะรู้ว่าที่เจ้าตัวเกิดอาการเรื่องมากเช่นนี้เป็นเพราะใคร ปุณิการีบเก็บของบนโต๊ะตามพ่อบ้านไปในครัว“วันนี้แสนดีมีอะไรให้ฉันช่วยไหม”เธอทำได้แค่ยืนเกาะเคาน์เตอร์ครัว เพราะหนุ่มน้อยยึดอ่างไว้ล้างจานแล้ว“คุณมิ้มขยันม
“ไอ้แสนโว้ย! มึงอยู่ไหน”ปุณิกากับพ่อบ้านชะงักมือจากทิชชูที่กำลังซับหัวตา หนังเกาหลีของสิริยานั้นแน่จริง เศร้า หม่นหมองประคองอารมณ์จนน้ำตาหยดแหมะ การมีความรักของคนเรามันเศร้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ ถ้าอย่างนั้นปุณิกาก็ไม่อยากมีแล้วล่ะความรัก“ไอ้แสน!”เสียงดังปานฟ้าผ่าบ่งบอกความไม่สบอารมณ์ของเจ้าตัว ทำให้แสนดีลนลาน รีบเขยกขาออกมาจากห้องแห่งความบันเทิง“จ้ะคุณเต้ย แสนดีมาแล้ว”ลูกน้องรีบยิ้มให้เจ้านายที่ยืนจังก้า กำหมัดอยู่กลางห้องโถง คิ้วขมวด ตาวาวดุ ราวกำลังจะไปฆ่าใคร“เฮ้ย! มือไปโดนอะไรมาคุณเต้ย”สีแดงที่ข้อนิ้วนั้นเด่นเหลือเกิน“ช่างกู! เอาเหล้ามาให้แดกหน่อย ที่ห้องทำงาน อย่าให้หมาที่ไหนมากวน ไม่งั้นพ่อจะเชือดรายตัว”รัศมีดำมืดที่แผ่มาจากร่างสูงใหญ่ ทำให้แสนดีรู้ว่าคราวนี้เจ้านายเอาจริง“กับแกล้มด้วยไหมจ๊ะ”“ไม่ต้อง”เขาตัดบทเสียงห้วน เดินปึงปังไปทางห้องทำงาน ได้ยินเสียงปิดประตูแรงดังปัง“แสนดีให้ช่วยอะไรไหม เขาอารมณ์เสียเวลากลับมาบ้านอย่างนี้บ่อยเหรอ”ปุณิกาย่องเข้ามาในครัว“นาน ๆ ทีก็มีบ้างครับ”แสนดีเปิดตู้หยิบถังใส่น้ำแข็งมาวางในถาด แล้วไปทางตู้เย็น จัดการเอาน้ำแข็งมาเทใส่ถัง วางแ
ณ ห้องทำงานที่แสงสลัว เจ้าบ้านนอนซบหน้าฟุบอยู่กับโต๊ะ ข้าง ๆ กันมีแก้วเปล่า ถังน้ำแข็งที่มีหยดน้ำเกาะเต็ม และขวดบรั่นดีที่ไร้น้ำสีอำพัน“คุณเต้ยเนี่ยน้า...รู้ว่าคอแข็ง แต่ดื่มไปขนาดนี้เดี๋ยวก็ได้ไปเฝ้ายมบาลหรอก”แสนดีเดินไปหิ้วปีกซ้ายสรวิชญ์ขึ้นจากโต๊ะ เอาต้นแขนสีทองแดงมาคล้อง“บ่นมากจริงไอ้แสน อย่ายุ่งกับกู ไปหาเหล้ามาให้อีกสิวะ”ปุณิกาย่นจมูก จำต้องสอดตัวไปพยุงปีกซ้าย ผมดำยาวของหนุ่มชาวไร่ตกระหน้าตา ยามเข้าใกล้ได้กลิ่นลมหายใจเจือเหล้าคลุ้ง“จะเอากูไปไหน ไม่ไปเว้ย”คนเมาพาลโวยวาย ดิ้นตัวให้หลุดจากผู้มาช่วยเหลือ ซึ่งตัวบางกันทั้งนั้น ปุณิกาเม้มปากข่มอารมณ์ขุ่นข้างใน แต่กระนั้นยังปิดไม่มิดแสดงออกผ่านสายตาวาว“ทำตาแบบนี้หมายความว่ายังไง มองฉันผิดเหรอ น้องเธอต่างหากที่ทำสตางค์ท้อง มันเลวจริง ๆ” แสนดีห่อปากเป็นรูปตัวโอกับความจริงที่ได้รับรู้“น้องเธอทำลายอนาคตสตางค์”ปุณิกาอึ้งไปครู่ ...เหตุการณ์แย่ที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว ผิดจากคาดไว้เสียที่ไหน“ฉันจะฆ่ามัน!”คนเมาคำราม ภายในดวงตาสีรัตติกาลมีแสงไฟแล่นแปลบ“คุณเมาแล้วนะ ไปพักก่อน ไว้มีสติค่อยคิดหาทางออกกันว่าจะเอายังไง”เธอเลือกจะรับมือกับสถ
“ฉันไม่มีวันปล่อยสตางค์อยู่คนเดียวอีกแล้ว”ในสายตาคู่ดำสนิทนั้นมุ่งมั่นเหมือนวาจาที่เอ่ย“แล้วคุณจะทำยังไงกับเธอ ทำปั้นปึ่ง ทำหน้าดุโกรธ เหมือนที่ทำกับฉันแบบนี้เหรอ”สรวิชญ์ไม่ทันคิด โทษว่าเป็นฤทธิ์น้ำเมาที่กดประสาทอยู่ ทำให้เชื่องช้า“น้องคุณ...คุณสตางค์จะรู้สึกยังไง ไม่อึดอัดแย่เหรอ”ปุณิกาอาศัยจังหวะที่เขานิ่ง เอ่ยหว่านล้อม ตีขลุมเรียกชื่อเล่นสิริยาเพื่อความสนิทสนม“ฉันไม่ยอมยกคนของฉันให้เธอ ทั้งน้อง ทั้งหลาน” สรวิชญ์กัดฟันกรอด โทสะเริ่มกลับมาแล้ว“ถ้าอย่างนั้นคุณจะทำยังไงถ้าพวกเขากลับมา เรื่องแม้ว คุณจะอัดเขาก็ได้”ใช่ว่าไม่ห่วงน้อง...แต่จากการได้อยู่ด้วยกันมา รู้ว่ามิอาจห้ามอีกฝ่ายได้“แต่คุณสตางค์กับหลานล่ะ จะเอายังไง จะปล่อยให้เป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้เหรอ”“ไม่รู้โว้ย! ฉันปวดหัว”ชายหนุ่มคำราม เธอสะดุ้งนิด ๆ แล้วกลับร้องถามเมื่อเขาทำท่าจะลงจากเตียง“คุณจะไปไหน”“หาเหล้ากิน”“พอแล้ว...”ด้วยอะไรก็ไม่อาจทราบได้ ปุณิกากลับเป็นฝ่ายดึงแขนเขาไว้“ฉันกับแสนดีอุตส่าห์หิ้วคุณขึ้นมานอนนะ จะลงไปกินอีกทำไม มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น”มือเล็ก แรงแค่นี้ สรวิชญ์สะบัดออกสบายมาก แต่เ