ปุณิกาตื่นเช้ามาบนเตียงเพียงลำพัง ห้องนอนนั้นยังเป็นห้องเดิมเหมือนเมื่อเช้าวาน ...ห้องสรวิชญ์เมื่อลุกขึ้นก็พบว่าตนเปลือยเปล่า เข้าไปสำรวจตัวเองในห้องน้ำก็พบรอยแดงบนผิว หญิงสาวเม้มปากแล้วถอนหายใจยาว ...ทั้งโกรธปนหงุดหงิดสรวิชญ์นั้นเป็นตัวต้นเหตุใหญ่อยู่แล้ว แต่ที่เพิ่มเติมคือโกรธตัวเอง ยังโง่ซ้ำสอง ไม่เข็ดเสียที โดนเขากินฟรีเสียหลายรอบ...เอ คิดอย่างนั้นฟังเหมือนเธอเสียเปรียบอย่างไรชอบกล ในสมองมีภาพสรวิชญ์หัวเราะเยาะหึ ๆ เรื่องอะไรจะต้องไปเศร้าตามเกมเขา สรวิชญ์ชอบแน่หากรู้ว่าเธออัปยศอดสู ปุณิกาไม่ยอมหรอกมันก็แค่หญิงชายมีเซ็กซ์กัน ผู้ใหญ่ค่อนโลกเคยทำมาแล้วทั้งนั้น ไม่มีใครตาย ไม่มีใครได้ ไม่มีใครเสีย ต่างปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศของตน ปุณิกาบอกให้ตนคิดเช่นนี้เสีย จะได้สบายใจ มีหน้าไปเผชิญกับเขาหน่อยมีผ้าขนหนูพับเรียบร้อยบนชั้นเหนือชักโครก ปุณิกาถือวิสาสะเอามาใช้เสีย หลังอาบน้ำชำระคราบไคล เธอก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นเสื้อผ้าชุดใหม่พับเรียบร้อยวางอยู่ที่ปลายเตียง ...หรือจะเป็นแสนดีเอามาให้ เธอหน้าแดง หนุ่มน้อยคงมาเห็นสภาพเธอกับเจ้านายเขาแล้ว อยากแทรกแผ่นดินหนี แต่ในเมื่อทำไม่ได้ก็มีแต่ต้องเชิดหน
สรวิชญ์ยอมปล่อยปุณิกาเป็นอิสระในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ตอนที่เขาจัดการโจ้กเป็นชามที่สอง“มึงทำกับข้าวแบบหนัก ๆ ท้องหน่อยสิวะ มีแต่ข้าวต้ม มีแต่โจ้ก กูกินสองชามแทบไม่อิ่ม”แสนดีที่เข้ามาเก็บชามยิ้มแห้ง“เติมชามที่สามได้นะจ๊ะคุณเต้ย”“พอเลยมึง ให้กูกินแต่น้ำ เดี๋ยวก็ได้เอาแต่เยี่ยวทั้งวัน”หรือนี่จะเป็นการพูดคุยปรกติในไร่ พูดเรื่องของเสียกลางโต๊ะกินข้าว ไม่เกรงใจแขกอย่างปุณิกาเลย...เออ จริงสิ เธอมาในฐานะตัวประกัน ไม่ใช่แขกเสียหน่อย เจ้าบ้านหน้าดุเลยย่ามใจ นึกจะพูดอะไรก็พูด นึกจะทำอะไรกับเธอก็ทำ ปุณิกาแกล้งทำหูทวนลม ปรับหน้าให้นิ่ง...ให้เขารู้ว่าเรื่องแค่นี้ทำอะไรเธอไม่ได้หรอก“งั้นกลางวันจะลาบวัวให้กินดีไหมจ๊ะ มื้อเย็นก็สเต็ก”“พอเลยมึง เปลืองตายห่า เอาแค่ข้าวกับแกงก็พอ” เจ้านายบอก ก่อนเดินปึง ๆ ออกไป“เอาใจย๊าก...ยากนะคุณเต้ย ปรกติแค่ข้าวไข่เจียวก็กินได้แล้ว”แสนดีเปรยแบบขำ ๆ พอจะรู้ว่าที่เจ้าตัวเกิดอาการเรื่องมากเช่นนี้เป็นเพราะใคร ปุณิการีบเก็บของบนโต๊ะตามพ่อบ้านไปในครัว“วันนี้แสนดีมีอะไรให้ฉันช่วยไหม”เธอทำได้แค่ยืนเกาะเคาน์เตอร์ครัว เพราะหนุ่มน้อยยึดอ่างไว้ล้างจานแล้ว“คุณมิ้มขยันม
“ไอ้แสนโว้ย! มึงอยู่ไหน”ปุณิกากับพ่อบ้านชะงักมือจากทิชชูที่กำลังซับหัวตา หนังเกาหลีของสิริยานั้นแน่จริง เศร้า หม่นหมองประคองอารมณ์จนน้ำตาหยดแหมะ การมีความรักของคนเรามันเศร้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ ถ้าอย่างนั้นปุณิกาก็ไม่อยากมีแล้วล่ะความรัก“ไอ้แสน!”เสียงดังปานฟ้าผ่าบ่งบอกความไม่สบอารมณ์ของเจ้าตัว ทำให้แสนดีลนลาน รีบเขยกขาออกมาจากห้องแห่งความบันเทิง“จ้ะคุณเต้ย แสนดีมาแล้ว”ลูกน้องรีบยิ้มให้เจ้านายที่ยืนจังก้า กำหมัดอยู่กลางห้องโถง คิ้วขมวด ตาวาวดุ ราวกำลังจะไปฆ่าใคร“เฮ้ย! มือไปโดนอะไรมาคุณเต้ย”สีแดงที่ข้อนิ้วนั้นเด่นเหลือเกิน“ช่างกู! เอาเหล้ามาให้แดกหน่อย ที่ห้องทำงาน อย่าให้หมาที่ไหนมากวน ไม่งั้นพ่อจะเชือดรายตัว”รัศมีดำมืดที่แผ่มาจากร่างสูงใหญ่ ทำให้แสนดีรู้ว่าคราวนี้เจ้านายเอาจริง“กับแกล้มด้วยไหมจ๊ะ”“ไม่ต้อง”เขาตัดบทเสียงห้วน เดินปึงปังไปทางห้องทำงาน ได้ยินเสียงปิดประตูแรงดังปัง“แสนดีให้ช่วยอะไรไหม เขาอารมณ์เสียเวลากลับมาบ้านอย่างนี้บ่อยเหรอ”ปุณิกาย่องเข้ามาในครัว“นาน ๆ ทีก็มีบ้างครับ”แสนดีเปิดตู้หยิบถังใส่น้ำแข็งมาวางในถาด แล้วไปทางตู้เย็น จัดการเอาน้ำแข็งมาเทใส่ถัง วางแ
ณ ห้องทำงานที่แสงสลัว เจ้าบ้านนอนซบหน้าฟุบอยู่กับโต๊ะ ข้าง ๆ กันมีแก้วเปล่า ถังน้ำแข็งที่มีหยดน้ำเกาะเต็ม และขวดบรั่นดีที่ไร้น้ำสีอำพัน“คุณเต้ยเนี่ยน้า...รู้ว่าคอแข็ง แต่ดื่มไปขนาดนี้เดี๋ยวก็ได้ไปเฝ้ายมบาลหรอก”แสนดีเดินไปหิ้วปีกซ้ายสรวิชญ์ขึ้นจากโต๊ะ เอาต้นแขนสีทองแดงมาคล้อง“บ่นมากจริงไอ้แสน อย่ายุ่งกับกู ไปหาเหล้ามาให้อีกสิวะ”ปุณิกาย่นจมูก จำต้องสอดตัวไปพยุงปีกซ้าย ผมดำยาวของหนุ่มชาวไร่ตกระหน้าตา ยามเข้าใกล้ได้กลิ่นลมหายใจเจือเหล้าคลุ้ง“จะเอากูไปไหน ไม่ไปเว้ย”คนเมาพาลโวยวาย ดิ้นตัวให้หลุดจากผู้มาช่วยเหลือ ซึ่งตัวบางกันทั้งนั้น ปุณิกาเม้มปากข่มอารมณ์ขุ่นข้างใน แต่กระนั้นยังปิดไม่มิดแสดงออกผ่านสายตาวาว“ทำตาแบบนี้หมายความว่ายังไง มองฉันผิดเหรอ น้องเธอต่างหากที่ทำสตางค์ท้อง มันเลวจริง ๆ” แสนดีห่อปากเป็นรูปตัวโอกับความจริงที่ได้รับรู้“น้องเธอทำลายอนาคตสตางค์”ปุณิกาอึ้งไปครู่ ...เหตุการณ์แย่ที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว ผิดจากคาดไว้เสียที่ไหน“ฉันจะฆ่ามัน!”คนเมาคำราม ภายในดวงตาสีรัตติกาลมีแสงไฟแล่นแปลบ“คุณเมาแล้วนะ ไปพักก่อน ไว้มีสติค่อยคิดหาทางออกกันว่าจะเอายังไง”เธอเลือกจะรับมือกับสถ
“ฉันไม่มีวันปล่อยสตางค์อยู่คนเดียวอีกแล้ว”ในสายตาคู่ดำสนิทนั้นมุ่งมั่นเหมือนวาจาที่เอ่ย“แล้วคุณจะทำยังไงกับเธอ ทำปั้นปึ่ง ทำหน้าดุโกรธ เหมือนที่ทำกับฉันแบบนี้เหรอ”สรวิชญ์ไม่ทันคิด โทษว่าเป็นฤทธิ์น้ำเมาที่กดประสาทอยู่ ทำให้เชื่องช้า“น้องคุณ...คุณสตางค์จะรู้สึกยังไง ไม่อึดอัดแย่เหรอ”ปุณิกาอาศัยจังหวะที่เขานิ่ง เอ่ยหว่านล้อม ตีขลุมเรียกชื่อเล่นสิริยาเพื่อความสนิทสนม“ฉันไม่ยอมยกคนของฉันให้เธอ ทั้งน้อง ทั้งหลาน” สรวิชญ์กัดฟันกรอด โทสะเริ่มกลับมาแล้ว“ถ้าอย่างนั้นคุณจะทำยังไงถ้าพวกเขากลับมา เรื่องแม้ว คุณจะอัดเขาก็ได้”ใช่ว่าไม่ห่วงน้อง...แต่จากการได้อยู่ด้วยกันมา รู้ว่ามิอาจห้ามอีกฝ่ายได้“แต่คุณสตางค์กับหลานล่ะ จะเอายังไง จะปล่อยให้เป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้เหรอ”“ไม่รู้โว้ย! ฉันปวดหัว”ชายหนุ่มคำราม เธอสะดุ้งนิด ๆ แล้วกลับร้องถามเมื่อเขาทำท่าจะลงจากเตียง“คุณจะไปไหน”“หาเหล้ากิน”“พอแล้ว...”ด้วยอะไรก็ไม่อาจทราบได้ ปุณิกากลับเป็นฝ่ายดึงแขนเขาไว้“ฉันกับแสนดีอุตส่าห์หิ้วคุณขึ้นมานอนนะ จะลงไปกินอีกทำไม มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น”มือเล็ก แรงแค่นี้ สรวิชญ์สะบัดออกสบายมาก แต่เ
ดวงอาทิตย์ที่ปรกติต้องราแสงอ่อนในตอนเย็น ขณะนี้ถูกบดบังด้วยเมฆฝนครึ้ม ลมพัดกรูเข้ามาดังคนเกรี้ยวกราดแสนดีเปิดประตูหลังบ้านติดกับครัวแล้วมองฟ้า คะเนได้เลยว่าฝนจะตกแน่ในอีกไม่ถึงชั่วโมง เขาเขยกขาไปเก็บผ้าผ่อน รีบเอามาไว้ในห้องนั่งเล่น ยังไม่กล้าขึ้นข้างบน ด้วยคิดว่าเจ้านายกับปุณิกากำลังทำกิจกันอยู่เคยได้ยินพวกคนสนิทที่ออกไปไหนต่อไหนกับสรวิชญ์ เล่าลือว่าเขา “กินดุ” แสนดีเพิ่งประจักษ์สายตาในวันสองวันนี้นี่เองเจ้านายลากปุณิกาไปทำกิจสองต่อสอง สองวันซ้อนและไม่เลือกเวลา ท่าทางเธอก็ดูอ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่แสนดีเห็นรอยแดงที่คอวับแวมระหว่างเนื้อผ้าแหวกปุณิกาเองก็ไม่ได้ร้องไห้ตีโพยตีพายแบบนางเอกผู้ใสซื่อในละคร แสนดีจึงคิดในแง่ดี...เธออาจไม่เป็นไร อาจรับมือกับแรงอารมณ์เจ้านายได้ดีกว่าเขาเสียด้วยซ้ำแสนดีพับผ้าไปพลางถอนหายใจ แม้สรวิชญ์จะให้ความสนิทสนมกับเขา พูดคุยเล่นหัวได้ แต่เรื่องบางเรื่องเขาบอกเจ้านายไม่ได้ พูดไปเขาก็ไม่ฟัง อย่างเรื่องปุณิกา หรือเรื่องสิริยากับคุณหนูตัวน้อย ๆ ที่จะเกิดมาในอนาคตเขาเข้าใจสรวิชญ์ดี เป็นใครก็โกรธที่น้องกำลังกลายเป็นคุณแม่วัยใส มีลูกในเวลาไม่ควร แต่เหตุเกิดขึ้น
ไอ้เด็กนั่น...ปุณณภพกวนอารมณ์สรวิชญ์นัก มันไม่มีท่าทางหงอ หรือกลัวเขาเลย ฟาดสายตากับเขาเปรี๊ยะ ๆ แถมสิริยากับมัน จับมือกันไว้ เบียดกระแซะราวจะเป็นเนื้อเดียวกันดวงตาคนอายุอ่อนกว่ากระตุกวูบเมื่อเห็นปุณิกาจำต้องนั่งข้างสรวิชญ์ เธอปล่อยแขนเขา แล้วพยายามเบี่ยงตัวหนี แต่สรวิชญ์คว้าเอวบางนั้นไว้“จะไปไหน”เจ้าบ้านคำราม เห็นน้องชายจ้องเธอและเขาตาไม่กะพริบเช่นกัน“ไปนั่งเก้าอี้ตัวโน่นไงคะ”ความจริงเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ รองรับผู้นั่งได้ถึงสองคน แต่ไม่ล่ะ...ปุณิกาไม่อยากนั่งใกล้ ในใจบอกว่าไม่เหมาะ แต่กะระยะห่างระหว่างเก้าอี้เขาอยู่ หากสรวิชญ์โมโหจนขาดสติ เธอยังมีเวลาเข้ามาห้ามเขาทัน“นั่งตัวนี้แหละ อยู่ใกล้ ๆ ฉัน”เขาออกแรงไม่มากก็กดร่างอรชร ให้นั่งใกล้ วสันต์เลิกคิ้วกับท่าทีที่แปลกไปของเจ้านายเพียงนิด แล้วปรับมาให้เรียบเฉยดังเดิม เขายืนเยื้อง ๆ สองหนุ่มสาวในห้องเกิดเกมจ้องตากันอีกครั้ง สรวิชญ์กับปุณณภพดูเชิงกัน ดังไก่ชนได้ลงสนาม ขณะสาว ๆ เหลือบมองตากัน ต่างฝ่ายต่างเห็นใจกันทันที แม้นี่จะเป็นการพบครั้งแรก“มึงกล้ามากนะที่พาน้องกูหนี”เสือตัวใหญ่คำรามก่อน พายุเพลิงฉายในดวงตา“เรื่องนั้นผมผิด ผม
แสนดีเป็นคนเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ สิริยายกมือไหว้ปุณิกา“สตางค์ขอโทษค่ะ ที่ทำให้พี่มิ้มต้องมารับเคราะห์ไปด้วย”ไหนพี่ชายตัวเองจะพาหญิงสาวมาอย่างไม่เต็มใจ แถมยังพานโดนหมัดลูกหลงเข้าไปเต็ม ๆ“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่เข้าใจว่าคุณเต้ยห่วงคุณสตางค์”ปุณิกาถือถุงใส่น้ำแข็งประคบแก้มที่กำลังบวม...ซึ่งจัดหามาให้โดยแสนดีตามเคย“มันทำร้ายรังแกพี่หรือเปล่า ตอนผมไม่อยู่”ปุณณภพใบหน้าฟกช้ำดำเขียวพอกัน เขานั่งบนเก้าอี้ตัวไม่ห่างนัก ส่วนโซฟายาวร่างเจ้าบ้านนอนทอดตัวยาวอยู่ ส่วนปุณิกากับสิริยานั่งอยู่ใกล้กัน“เขาไม่ได้ทำอะไรพี่มาก”เธอหลุบสายตาหลบผู้เป็นน้อง“อยู่ในขอบเขตที่พี่รับได้”ว่าที่พ่อแม่วัยใสคิดตรงกันเรื่องที่สรวิชญ์ทำกับปุณิกา เพราะเจ้าตัวย้ำให้ฟังเต็มหู“มันจะฟันพี่แล้วทิ้งไม่ได้”ปุณณภพเข่นเขี้ยวส่งสายตาวับแวว เสือแม้อายุเท่าไรก็ยังเป็นเสือ ไม่ยอมให้อะไรมากระตุกหนวดง่าย ๆ“เรื่องพี่กับคุณเต้ยนั่นช่างเถอะ เราเป็นผู้ใหญ่ มีวิธีจัดการกันเอง ว่าแต่เรื่องของพวกเธอล่ะ”คราวนี้เป็นหนุ่มสาวอ่อนเองที่หลุบหลบไม่กล้าสบตา“คุณสตางค์ท้องเดือนแล้ว”“พี่มิ้มเรียกสตางค์ก็พอ ต่อไปพี่มิ้มจะเป็นพี่ของสตางค์อีกคน”สา