Share

Chapter 2 ผู้ชายเลือดร้อน

เลือดในตัวสรวิชญ์กำลังเดือด ชนิดใครอยู่ใกล้เป็นต้องรู้สึกถึงไอร้อน เข็มวินาทีบนนาฬิกาที่ติดผนังทำเอาแทบบ้า

เขาไม่น่าเชื่อคำพูดของสิริยาที่กล่อมขอมาเรียนในกรุงเทพฯเลย ดูเอาเถิด เกิดเรื่องจนได้ แล้วนี่ไอ้หนุ่มเด็กบาร์นั่นจะพาน้องเขาไปตกระกำลำบากที่ไหน แค่คิดเส้นเลือดก็ปูนเกร็งขึ้นขมับ

สรวิชญ์สมควรทำอะไรได้มากกว่าการนั่งรอ ลูกน้องเมื่อเห็นลูกพี่นิ่ง ต่างมองตากันเลิ่กลั่ก รู้ว่าเห็นเงียบแบบนี้พายุใหญ่กำลังจะมาเป็นแน่

“เมี๊ยว...”

ปุณิกาเผลอทำจานที่ตั้งใจมาปิดชามบะหมี่ระหว่างรอสุกตก เธอร้องเสียงแมวตามนิสัยปรกติ ทว่ากลับทำให้ความอดทนของใครบางคนขาดผึง เจ้าของร่างสูงผุดลุกจากโซฟารับแขก เดินดุ่มไปยังเธอที่เอาจานปิดชามบะหมี่สำเร็จแล้ว

“น้องเธอพาน้องฉันหนีไปไหนก็ยังไม่รู้ เธอเป็นพี่ประสาอะไร ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ยังห่วงกินมาม่าอยู่ได้”

เธอเห็นภาพกองไฟลุกในดวงตาสีนิล

“ก็จะให้ทำอะไรได้ล่ะ โทรไปแม้วก็ไม่รับ แถมพวกคุณยังมาเพ่นพ่านเต็มบ้าน ฉันขอแค่กินมาม่าเอง”

เขาช่างเถื่อน ไม่มีเหตุผล ไร้ระเบียบ เหมือนเคราที่ขึ้นรกเต็มใบหน้า

“น้องหายไปทั้งคน รู้จักทุกข์รู้จักร้อนเสียบ้างสิ” ปุณิกาไม่พอใจในคำกล่าวหา แต่ต้องทำละเลยเสีย คุยกับคนอารมณ์ร้อน หากยิ่งร้อนตามพานจะกลายเป็นการฟืนใส่กองไฟให้โหมกระพือวอดวายเสียทั้งสองฝ่าย

“เดี๋ยวเขาก็กลับมากันเองแหละ หน้าที่เราคือต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ใช้เหตุผลคุย”

สรวิชญ์ย่างสุขุมเข้ามาใกล้ เขาสูงจนเธอต้องมองชนิดคอแหงนตั้งบ่า

“เธอก็พูดอย่างนั้นได้นะสิ น้องเธอเป็นผู้ชาย ไม่ต้องเสียอะไรเลย”

“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”

เธอกอดอก แสดงอาการให้รู้ว่าไม่กลัว

“ผู้ชายกับผู้หญิง หนีไปด้วยกันมันจะเป็นไรไปได้...”

คนพูดยื่นหน้าลงมาหาเธอในลักษณะคุกคาม

“คุณคิดสกปรก น้องฉันเป็นสุภาพบุรุษพอ”

อย่างน้อยปุณณภพไม่เคยมีความประพฤติเสียหายเรื่องผู้หญิง

“อย่าคิดว่าผู้ชายทุกคนเหมือนตัวเองหมด”

น่าสงสารน้องสาวเขาเหลือเกิน ที่ตีตรายัดข้อหาว่าเสียความบริสุทธิ์จากผู้เป็นพี่

“เหมือนตัวฉันแล้วยังไง เธอเป็นใคร ทำเป็นพูดเหมือนรู้จักฉันดี”

“ฉันรู้จักคุณแน่ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นพวกป่าเถื่อน ชอบใช้อารมณ์ ชอบใช้กำลัง”

สรวิชญ์ขบฟันแล้วหรี่ตา

“ปากดีจริงนะเธอน่ะ”

คนน่ากลัวนิ่งไปครู่ ก่อนแสยะยิ้มร้าย

“งั้นฉันจะใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน เมื่อน้องเธอเอาน้องฉันไป ฉันก็จะเอาตัวเธอไปเหมือนกัน เฮ้ย! เตรียมรถ กูจะกลับไร่”

สิ้นคำสั่งเขา ร่างอรชรก็ลอยหวือขึ้นบ่า เอวปุณิกาอยู่บนไหล่เขา สภาพเหมือนแบกถุงข้าวสาร

“ปล่อยฉันนะเว้ย! ช่วยด้วยค่ะ มีคนจะลักพาตัวฉัน”

เธอพยายามทั้งดิ้น ทั้งกำมือระดมตีแผ่นหลัง แต่คนอุ้มเธออยู่ไม่สะดุ้งสะเทือน

“เอามือถือมาด้วย เผื่อได้เด็กนั่นโทรมา”

สรวิชญ์ยังรอบคอบพอจะให้ลูกน้องเก็บเครื่องมือสื่อสาร เมื่อถึงรถตู้ ชายหนุ่มก็จับเธอยัดเข้าทันที

ปุณิกาพยายามพุ่งตัวออก ร่างใหญ่โตก็เบียดกระแซะ ถอดเข็มขัดตัวเองมามัดข้อมือเธอไว้ ท่ามกลางเสียงโวยวายของเธอ

รถตู้แล่นฝ่าการจราจรอันหนาแน่นของยามค่ำในเมืองหลวง ปุณิกาพยายามส่งเสียงอู้อี้ผ่านผ้าที่ผูกปากตนไว้ ด้วยเสียงดังมากนักจึงถูกสรวิชญ์ใช้ผ้ามัดปาก ตอนนี้เหลือเพียงดวงตาส่งประกายแวววับ แทบเผาเขาไหม้เป็นจุณ สรวิชญ์ไม่สน นั่งกอดอกมองตรงไปทางคนขับ ออกไปสู่ถนนข้างหน้า

“อื้อ...”

เธอพยายามดันไหล่ดุนตัวเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจ

“อยู่นิ่ง ๆ อย่าโวยวายมาก ถ้าฉันทนไม่ได้เดี๋ยวก็ฉีดยาสลบช้างให้เสียหรอก”

ปุณิกาไม่กลัวคำขู่ ด้วยบางอย่างในกายเรียกร้อง

“อื้อ...”

“อะไรอีกล่ะ เธอนี่น่ารำคาญเสียจริง”

เสียงตวาดทำให้บรรยากาศในรถยิ่งตึงเครียด แทบได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน

“อื้อ...”

คราวนี้เธอมาพร้อมอาการกระทืบเท้าประกอบ

“แก้ผ้าผูกปากออกหน่อยเถอะครับคุณเต้ย เหมือนเธออยากบอกอะไร”

นายหน้าเสี้ยมเสนอ

“ไม่เอา กูหนวกหู”

“อื้อ...”

หญิงสาวส่ายศีรษะหน้าแดง ลูกน้องเหลือบมองกดดันลูกพี่

“เออ ๆ ก็ได้ ถ้าโวยวายนัก คราวนี้เตรียมยาสลบช้างได้เลย”

สรวิชญ์กระชากผ้าปิดปากออกจากหน้า เลื่อนมาอยู่ที่คอเธอ

“ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”

ปุณิกาหน้าแดง ทั้งอายทั้งโกรธ ผู้ชายคนนี้หยาบคายที่สุด เขาข่มขู่ ทรมาน ทำให้เธอเสียหน้า

“เฮ้ย ! แวะปั๊มข้างหน้า”

สั่งคนขับแล้วเหล่มาทางหญิงสาว

“เธอน่ะทนได้ใช่ไหม อย่ามาฉี่ราดในรถฉันนะ”

“ฉันมีสำนึกพอ ไม่ใช่หมา นึกจะฉี่ตรงไหนก็ฉี่”

คุยกับคนไร้มารยาท ก็ต้องไม่มีมารยาทตอบ สมกันดี

“ถ้าถึงปั๊มแล้วฉันให้เวลาเธอห้านาที”

“จะบ้าเหรอไง ไม่ใช่ฝึกวินัยทหารนะ ขอเวลาส่วนตัวฉันบ้างสิ”

สรวิชญ์กอดอกมองเธออย่างประเมิน

“เจ็ดนาที”

“ยี่สิบ”

“สิบ”

“สิบห้า”

“สิบสอง ฉันไม่ให้มากกว่านี้แล้ว ถ้าช้าฉันจะไปลากเธอมาทั้ง ๆ ยังแก้ผ้าอยู่นั่นแหละ”

หน้าดุ เสียงก็ดุ แถมยังชอบขู่ คนอย่างนี้จะมีน้องสาวสวยเพียงใดหนอ ขนาดทำให้ปุณณภพผู้ไม่เคยมีเรื่องราวผู้หญิง ถึงกับพาหนีได้

“สิบสองนาทีก็ได้ ถ้าเข้ามาห้องน้ำหญิงฉันจะกรี๊ดให้คนช่วยจริง ๆ นะ คุณมันโรคจิต”

“แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยพาผู้หญิงหนี”

คนนั่งหน้าเธอเชิดหน้าอย่างทะนง

“แต่ลักพาตัวผู้หญิง”

ลูกน้องที่แอบฟังกันอยู่ถึงกับยิ้ม นาน ๆ ทีจะเจอคนกล้าต่อปากต่อคำกับเจ้านายบ้าง แถมยังเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ดูแล้วบันเทิงดูไม่หยอก

“ฉันต้องเอาเธอมาไว้เป็นตัวประกัน ถ้าไอ้เด็กนั่นเอาน้องฉันมาคืน เธอจะได้กลับไป”

ปุณิกาทีแรกใจชื้น แต่ทว่าลึกๆ กลับฉุกคิด หนุ่มสาวที่ตัดสินใจหนีตามกันไปมักจะมีจุดหักเหให้บุ่มบ่ามตัดสินใจ เหตุผลหนึ่งในนั้นคือการตั้งครรภ์ ...หากเป็นเช่นนั้นจริงผู้ชายคนนี้จะจัดการกับเธอและน้องแบบไหนล่ะ เขาน่าจะยังเกรงกลัวกฎหมายไม่จับไปยิงทิ้งหรอกนะ

สรวิชญ์ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างรถตู้ ตายังมองไปทางห้องน้ำหญิง

“ทำอย่างนี้จะดีเหรอครับคุณเต้ย”

วสันต์ลูกน้องหน้าเสี้ยมคู่ใจพยักหน้าไปตามจุดหมายสายตาลูกพี่

“ไอ้เด็กนั่นมันเอาสตางค์ไป กูก็แค่เอาพี่มันมา จะคืนให้ก็ต้องแลกหมูแลกแมว”

ในสายตาวสันต์ ที่สรวิชญ์พามาไม่ใช่หมู เป็นแมวส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ

“ทางตำรวจว่าไง”

“มีรายงานว่ากล้องวงจรปิดแถวด่านเห็นรถทะเบียนคันที่ว่าขับไปทางใต้ครับ”

“ส่งคนของเราไปตามรอย ลากตัวมันมาให้ได้”

ชายหนุ่มอัดบุหรี่ลงปอดจนปลายมวนเป็นไฟสีแดงวาบ

“แล้วจะทำยังไงกับตัวพี่สาวครับ คนหายไปทั้งคนญาติไม่ตามหากันใหญ่เหรอครับ”

“ช่างแ-งมัน! ถ้าอยากเสือกนักให้มาเจอกับกูเลย”

สิริยาเป็นที่รักของพี่ชายนัก อาการสรวิชญ์จึงหนักเมื่อรู้ว่าน้องหายไป เขากำลังปล่อยอารมณ์ให้อยู่เหนือเหตุผล ซึ่งไม่ใช่บุคลิกของสรวิชญ์ตามปรกติเลย

“เฮ้ย ! มึงให้คนไปดูสิ ทำไมพี่สาวไอ้เด็กนั่นถึงเข้าห้องน้ำนานนัก ตกส้วมตายไปหรือยังไง”

ยังไม่ถึงนาทีเส้นตายที่เขาตกลงกับปุณิกาไว้ แต่ความเงียบสงบหน้าห้องน้ำหญิงทำเขาหงุดหงิด จะปล่อยให้อีกฝ่ายทำตัวสบาย ๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ได้ เธอต้องทุกข์เหมือนกับเขาสิ

ปุณิกาทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว เธอยืนอยู่หน้ากระจก รอดูว่าจะมีใครผ่านมาให้ขอความช่วยเหลือบ้าง จะสู้กับโจรต้องทำตัวร้ายยิ่งกว่า เรื่องเสียสัจจะนั้นจิ๊บ ๆ

มีสาวใหญ่หน้าแฉล้มใส่ต่างหูห้อยเป็นพู่ระย้าเข้ามาใช้บริการห้องน้ำ เจ้าหล่อนย่นจมูกทันทีเมื่อเห็นความสะอาด...ที่ระดับแค่พอใช้ จนในที่สุดก็ตัดใจใช้ห้องหนึ่ง ปุณิการอจนสาวคนนั้นเสร็จกิจจึงเริ่มหว่านล้อม

“คุณคะ ช่วยฉันหน่อย ฉันถูกลักพาตัวมา”

ปุณิกาอธิบายพร้อมพนมมือแนบอก

“จะขอเงินเหรอ ฉันไม่มีให้หรอกนะ”

สาวหน้าแฉล้มผงะหนีอย่างขยะแขยง

“เปล่าค่ะ แค่จะให้ช่วยเรียกคนในปั๊มมาช่วยฉันหน่อย ข้างนอกมีพวกคนร้ายคอยคุมเชิงฉันอยู่”

“โอ๊ย ! ไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน ร้องกรี๊ดดัง ๆ สิ เดี๋ยวคนก็มา”

ปุณิกายิ้มแห้ง หว่านล้อมต่อ

“พวกมันอยู่หน้าห้องน้ำ ขืนฉันกรี๊ดตอนนี้มีแต่จะเฮโลกันเข้ามาจับนะสิ พวกมันมีกันสี่คน สองคนคุมเชิงอยู่ข้างหน้า อีกสองคนอยู่ที่รถตู้ คันสีดำ ๆ ติดฟิล์มมืดอ่ะค่ะ ไม่เชื่อคุณลองไปดู”

อีกฝ่ายโผล่หน้าไปจริง ๆ สบตากับผู้ชายหน้าโหดที่ยืนจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ มองไปทางรถตู้ก็เห็นอีกสอง สายตากำลังตรงมาทางนี้เช่นกัน

“นะคะคุณ ช่วยฉันหน่อยฐานะเป็นผู้หญิงด้วยกัน”

“ไม่ใช่เธอเป็นนางนกต่อจะมาตบเงินฉันหรอกนะ” มือกอดกระเป๋าถืออย่างหวงแหน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status