Home / โรแมนติก / ซาตานหัวใจพยศ / Chapter 2 ผู้ชายเลือดร้อน

Share

Chapter 2 ผู้ชายเลือดร้อน

last update Last Updated: 2024-10-23 11:44:58

เลือดในตัวสรวิชญ์กำลังเดือด ชนิดใครอยู่ใกล้เป็นต้องรู้สึกถึงไอร้อน เข็มวินาทีบนนาฬิกาที่ติดผนังทำเอาแทบบ้า

เขาไม่น่าเชื่อคำพูดของสิริยาที่กล่อมขอมาเรียนในกรุงเทพฯเลย ดูเอาเถิด เกิดเรื่องจนได้ แล้วนี่ไอ้หนุ่มเด็กบาร์นั่นจะพาน้องเขาไปตกระกำลำบากที่ไหน แค่คิดเส้นเลือดก็ปูนเกร็งขึ้นขมับ

สรวิชญ์สมควรทำอะไรได้มากกว่าการนั่งรอ ลูกน้องเมื่อเห็นลูกพี่นิ่ง ต่างมองตากันเลิ่กลั่ก รู้ว่าเห็นเงียบแบบนี้พายุใหญ่กำลังจะมาเป็นแน่

“เมี๊ยว...”

ปุณิกาเผลอทำจานที่ตั้งใจมาปิดชามบะหมี่ระหว่างรอสุกตก เธอร้องเสียงแมวตามนิสัยปรกติ ทว่ากลับทำให้ความอดทนของใครบางคนขาดผึง เจ้าของร่างสูงผุดลุกจากโซฟารับแขก เดินดุ่มไปยังเธอที่เอาจานปิดชามบะหมี่สำเร็จแล้ว

“น้องเธอพาน้องฉันหนีไปไหนก็ยังไม่รู้ เธอเป็นพี่ประสาอะไร ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ยังห่วงกินมาม่าอยู่ได้”

เธอเห็นภาพกองไฟลุกในดวงตาสีนิล

“ก็จะให้ทำอะไรได้ล่ะ โทรไปแม้วก็ไม่รับ แถมพวกคุณยังมาเพ่นพ่านเต็มบ้าน ฉันขอแค่กินมาม่าเอง”

เขาช่างเถื่อน ไม่มีเหตุผล ไร้ระเบียบ เหมือนเคราที่ขึ้นรกเต็มใบหน้า

“น้องหายไปทั้งคน รู้จักทุกข์รู้จักร้อนเสียบ้างสิ” ปุณิกาไม่พอใจในคำกล่าวหา แต่ต้องทำละเลยเสีย คุยกับคนอารมณ์ร้อน หากยิ่งร้อนตามพานจะกลายเป็นการฟืนใส่กองไฟให้โหมกระพือวอดวายเสียทั้งสองฝ่าย

“เดี๋ยวเขาก็กลับมากันเองแหละ หน้าที่เราคือต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ใช้เหตุผลคุย”

สรวิชญ์ย่างสุขุมเข้ามาใกล้ เขาสูงจนเธอต้องมองชนิดคอแหงนตั้งบ่า

“เธอก็พูดอย่างนั้นได้นะสิ น้องเธอเป็นผู้ชาย ไม่ต้องเสียอะไรเลย”

“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”

เธอกอดอก แสดงอาการให้รู้ว่าไม่กลัว

“ผู้ชายกับผู้หญิง หนีไปด้วยกันมันจะเป็นไรไปได้...”

คนพูดยื่นหน้าลงมาหาเธอในลักษณะคุกคาม

“คุณคิดสกปรก น้องฉันเป็นสุภาพบุรุษพอ”

อย่างน้อยปุณณภพไม่เคยมีความประพฤติเสียหายเรื่องผู้หญิง

“อย่าคิดว่าผู้ชายทุกคนเหมือนตัวเองหมด”

น่าสงสารน้องสาวเขาเหลือเกิน ที่ตีตรายัดข้อหาว่าเสียความบริสุทธิ์จากผู้เป็นพี่

“เหมือนตัวฉันแล้วยังไง เธอเป็นใคร ทำเป็นพูดเหมือนรู้จักฉันดี”

“ฉันรู้จักคุณแน่ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นพวกป่าเถื่อน ชอบใช้อารมณ์ ชอบใช้กำลัง”

สรวิชญ์ขบฟันแล้วหรี่ตา

“ปากดีจริงนะเธอน่ะ”

คนน่ากลัวนิ่งไปครู่ ก่อนแสยะยิ้มร้าย

“งั้นฉันจะใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน เมื่อน้องเธอเอาน้องฉันไป ฉันก็จะเอาตัวเธอไปเหมือนกัน เฮ้ย! เตรียมรถ กูจะกลับไร่”

สิ้นคำสั่งเขา ร่างอรชรก็ลอยหวือขึ้นบ่า เอวปุณิกาอยู่บนไหล่เขา สภาพเหมือนแบกถุงข้าวสาร

“ปล่อยฉันนะเว้ย! ช่วยด้วยค่ะ มีคนจะลักพาตัวฉัน”

เธอพยายามทั้งดิ้น ทั้งกำมือระดมตีแผ่นหลัง แต่คนอุ้มเธออยู่ไม่สะดุ้งสะเทือน

“เอามือถือมาด้วย เผื่อได้เด็กนั่นโทรมา”

สรวิชญ์ยังรอบคอบพอจะให้ลูกน้องเก็บเครื่องมือสื่อสาร เมื่อถึงรถตู้ ชายหนุ่มก็จับเธอยัดเข้าทันที

ปุณิกาพยายามพุ่งตัวออก ร่างใหญ่โตก็เบียดกระแซะ ถอดเข็มขัดตัวเองมามัดข้อมือเธอไว้ ท่ามกลางเสียงโวยวายของเธอ

รถตู้แล่นฝ่าการจราจรอันหนาแน่นของยามค่ำในเมืองหลวง ปุณิกาพยายามส่งเสียงอู้อี้ผ่านผ้าที่ผูกปากตนไว้ ด้วยเสียงดังมากนักจึงถูกสรวิชญ์ใช้ผ้ามัดปาก ตอนนี้เหลือเพียงดวงตาส่งประกายแวววับ แทบเผาเขาไหม้เป็นจุณ สรวิชญ์ไม่สน นั่งกอดอกมองตรงไปทางคนขับ ออกไปสู่ถนนข้างหน้า

“อื้อ...”

เธอพยายามดันไหล่ดุนตัวเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจ

“อยู่นิ่ง ๆ อย่าโวยวายมาก ถ้าฉันทนไม่ได้เดี๋ยวก็ฉีดยาสลบช้างให้เสียหรอก”

ปุณิกาไม่กลัวคำขู่ ด้วยบางอย่างในกายเรียกร้อง

“อื้อ...”

“อะไรอีกล่ะ เธอนี่น่ารำคาญเสียจริง”

เสียงตวาดทำให้บรรยากาศในรถยิ่งตึงเครียด แทบได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน

“อื้อ...”

คราวนี้เธอมาพร้อมอาการกระทืบเท้าประกอบ

“แก้ผ้าผูกปากออกหน่อยเถอะครับคุณเต้ย เหมือนเธออยากบอกอะไร”

นายหน้าเสี้ยมเสนอ

“ไม่เอา กูหนวกหู”

“อื้อ...”

หญิงสาวส่ายศีรษะหน้าแดง ลูกน้องเหลือบมองกดดันลูกพี่

“เออ ๆ ก็ได้ ถ้าโวยวายนัก คราวนี้เตรียมยาสลบช้างได้เลย”

สรวิชญ์กระชากผ้าปิดปากออกจากหน้า เลื่อนมาอยู่ที่คอเธอ

“ฉันอยากเข้าห้องน้ำ”

ปุณิกาหน้าแดง ทั้งอายทั้งโกรธ ผู้ชายคนนี้หยาบคายที่สุด เขาข่มขู่ ทรมาน ทำให้เธอเสียหน้า

“เฮ้ย ! แวะปั๊มข้างหน้า”

สั่งคนขับแล้วเหล่มาทางหญิงสาว

“เธอน่ะทนได้ใช่ไหม อย่ามาฉี่ราดในรถฉันนะ”

“ฉันมีสำนึกพอ ไม่ใช่หมา นึกจะฉี่ตรงไหนก็ฉี่”

คุยกับคนไร้มารยาท ก็ต้องไม่มีมารยาทตอบ สมกันดี

“ถ้าถึงปั๊มแล้วฉันให้เวลาเธอห้านาที”

“จะบ้าเหรอไง ไม่ใช่ฝึกวินัยทหารนะ ขอเวลาส่วนตัวฉันบ้างสิ”

สรวิชญ์กอดอกมองเธออย่างประเมิน

“เจ็ดนาที”

“ยี่สิบ”

“สิบ”

“สิบห้า”

“สิบสอง ฉันไม่ให้มากกว่านี้แล้ว ถ้าช้าฉันจะไปลากเธอมาทั้ง ๆ ยังแก้ผ้าอยู่นั่นแหละ”

หน้าดุ เสียงก็ดุ แถมยังชอบขู่ คนอย่างนี้จะมีน้องสาวสวยเพียงใดหนอ ขนาดทำให้ปุณณภพผู้ไม่เคยมีเรื่องราวผู้หญิง ถึงกับพาหนีได้

“สิบสองนาทีก็ได้ ถ้าเข้ามาห้องน้ำหญิงฉันจะกรี๊ดให้คนช่วยจริง ๆ นะ คุณมันโรคจิต”

“แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่เคยพาผู้หญิงหนี”

คนนั่งหน้าเธอเชิดหน้าอย่างทะนง

“แต่ลักพาตัวผู้หญิง”

ลูกน้องที่แอบฟังกันอยู่ถึงกับยิ้ม นาน ๆ ทีจะเจอคนกล้าต่อปากต่อคำกับเจ้านายบ้าง แถมยังเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ดูแล้วบันเทิงดูไม่หยอก

“ฉันต้องเอาเธอมาไว้เป็นตัวประกัน ถ้าไอ้เด็กนั่นเอาน้องฉันมาคืน เธอจะได้กลับไป”

ปุณิกาทีแรกใจชื้น แต่ทว่าลึกๆ กลับฉุกคิด หนุ่มสาวที่ตัดสินใจหนีตามกันไปมักจะมีจุดหักเหให้บุ่มบ่ามตัดสินใจ เหตุผลหนึ่งในนั้นคือการตั้งครรภ์ ...หากเป็นเช่นนั้นจริงผู้ชายคนนี้จะจัดการกับเธอและน้องแบบไหนล่ะ เขาน่าจะยังเกรงกลัวกฎหมายไม่จับไปยิงทิ้งหรอกนะ

สรวิชญ์ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างรถตู้ ตายังมองไปทางห้องน้ำหญิง

“ทำอย่างนี้จะดีเหรอครับคุณเต้ย”

วสันต์ลูกน้องหน้าเสี้ยมคู่ใจพยักหน้าไปตามจุดหมายสายตาลูกพี่

“ไอ้เด็กนั่นมันเอาสตางค์ไป กูก็แค่เอาพี่มันมา จะคืนให้ก็ต้องแลกหมูแลกแมว”

ในสายตาวสันต์ ที่สรวิชญ์พามาไม่ใช่หมู เป็นแมวส่งเสียงขู่ฟ่อ ๆ

“ทางตำรวจว่าไง”

“มีรายงานว่ากล้องวงจรปิดแถวด่านเห็นรถทะเบียนคันที่ว่าขับไปทางใต้ครับ”

“ส่งคนของเราไปตามรอย ลากตัวมันมาให้ได้”

ชายหนุ่มอัดบุหรี่ลงปอดจนปลายมวนเป็นไฟสีแดงวาบ

“แล้วจะทำยังไงกับตัวพี่สาวครับ คนหายไปทั้งคนญาติไม่ตามหากันใหญ่เหรอครับ”

“ช่างแ-งมัน! ถ้าอยากเสือกนักให้มาเจอกับกูเลย”

สิริยาเป็นที่รักของพี่ชายนัก อาการสรวิชญ์จึงหนักเมื่อรู้ว่าน้องหายไป เขากำลังปล่อยอารมณ์ให้อยู่เหนือเหตุผล ซึ่งไม่ใช่บุคลิกของสรวิชญ์ตามปรกติเลย

“เฮ้ย ! มึงให้คนไปดูสิ ทำไมพี่สาวไอ้เด็กนั่นถึงเข้าห้องน้ำนานนัก ตกส้วมตายไปหรือยังไง”

ยังไม่ถึงนาทีเส้นตายที่เขาตกลงกับปุณิกาไว้ แต่ความเงียบสงบหน้าห้องน้ำหญิงทำเขาหงุดหงิด จะปล่อยให้อีกฝ่ายทำตัวสบาย ๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ได้ เธอต้องทุกข์เหมือนกับเขาสิ

ปุณิกาทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว เธอยืนอยู่หน้ากระจก รอดูว่าจะมีใครผ่านมาให้ขอความช่วยเหลือบ้าง จะสู้กับโจรต้องทำตัวร้ายยิ่งกว่า เรื่องเสียสัจจะนั้นจิ๊บ ๆ

มีสาวใหญ่หน้าแฉล้มใส่ต่างหูห้อยเป็นพู่ระย้าเข้ามาใช้บริการห้องน้ำ เจ้าหล่อนย่นจมูกทันทีเมื่อเห็นความสะอาด...ที่ระดับแค่พอใช้ จนในที่สุดก็ตัดใจใช้ห้องหนึ่ง ปุณิการอจนสาวคนนั้นเสร็จกิจจึงเริ่มหว่านล้อม

“คุณคะ ช่วยฉันหน่อย ฉันถูกลักพาตัวมา”

ปุณิกาอธิบายพร้อมพนมมือแนบอก

“จะขอเงินเหรอ ฉันไม่มีให้หรอกนะ”

สาวหน้าแฉล้มผงะหนีอย่างขยะแขยง

“เปล่าค่ะ แค่จะให้ช่วยเรียกคนในปั๊มมาช่วยฉันหน่อย ข้างนอกมีพวกคนร้ายคอยคุมเชิงฉันอยู่”

“โอ๊ย ! ไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน ร้องกรี๊ดดัง ๆ สิ เดี๋ยวคนก็มา”

ปุณิกายิ้มแห้ง หว่านล้อมต่อ

“พวกมันอยู่หน้าห้องน้ำ ขืนฉันกรี๊ดตอนนี้มีแต่จะเฮโลกันเข้ามาจับนะสิ พวกมันมีกันสี่คน สองคนคุมเชิงอยู่ข้างหน้า อีกสองคนอยู่ที่รถตู้ คันสีดำ ๆ ติดฟิล์มมืดอ่ะค่ะ ไม่เชื่อคุณลองไปดู”

อีกฝ่ายโผล่หน้าไปจริง ๆ สบตากับผู้ชายหน้าโหดที่ยืนจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ มองไปทางรถตู้ก็เห็นอีกสอง สายตากำลังตรงมาทางนี้เช่นกัน

“นะคะคุณ ช่วยฉันหน่อยฐานะเป็นผู้หญิงด้วยกัน”

“ไม่ใช่เธอเป็นนางนกต่อจะมาตบเงินฉันหรอกนะ” มือกอดกระเป๋าถืออย่างหวงแหน

Related chapters

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 3 หนี

    “ไม่ค่ะคุณ เอาฉันไปสาบานที่วัดไหนก็ได้ ขอให้ฟ้าผ่าตายในห้าวันเจ็ดวัน หรือให้ไม่มีแฟนตลอดชีวิตก็ได้”ทีแรกคนฟังไม่เชื่อ แต่พอขนาดเดิมพันกันเรื่องแฟน ...เธอยอมเชื่อก็ได้ แหม...สมัยนี้แฟนหายากกว่าเงิน ดูท่าคนขอความช่วยเหลือจะอายุไม่น้อยแล้วเสียด้วย ถึงจะสวยน้อยกว่าที่เธอไปหน่อยก็เถอะ“งั้นรออยู่นี่ ฉันแค่ไปบอกคนในปั๊มให้เท่านั้นนะ”คนแปลกหน้าตั้งใจจะช่วยเท่าที่พอช่วยได้ เมื่อออกจากห้องน้ำ หนุ่มหน้าโหดก็ปรี่มาถาม“คุณเห็นน้องสาวผมในห้องน้ำไหมครับ คนที่ผมยาว ๆ ใส่เสื้อเชิ้ต”ผู้ชายพวกนี้ดูไม่น่าไว้ใจจริง ๆ ด้วย โน่น มีหน้าโหดอีกสองคนมองมาจากทางฝั่งรถตู้“เห็นเขาล้างหน้าอยู่นะ”เธอแสร้งบุ้ยปากประกอบการตอบให้สมจริง หนุ่ม ๆ หน้าโหดจึงไม่ขวางอีกต่อไป เธอรีบเดินไปทางเด็กปั๊มคนที่อยู่ใกล้ที่สุด เล่าเรื่องให้ฟัง อีกฝ่ายจึงให้เด็กปั๊มหญิงชายคู่หนึ่งไปดูในห้องน้ำ“คุณ...กำลังมีปัญหาเหรอคะ ให้เรียกตำรวจไหม”ผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้ามาดูลาดเลาและเจรจา บางทีอาจจะเป็นเรื่องภายในครอบครัว รีบร้อนเรียกตำรวจมามีแต่จะเป็นเรื่องใหญ่เปล่า ๆ“ฉันถูกลักพาตัวมา ช่วยฉันด้วย”ปุณิการีบบอกเสียงตื่น ๆ“พวกมันจับฉันมากับรถ

    Last Updated : 2024-10-23
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 4 ซวยซ้ำซวยซ้อน

    เมื่อได้คำสั่งจากเจ้านายเช่นนั้น เหล่าหนุ่มหน้าโหดก็กลับขึ้นรถ เลี้ยวกลับไปยังศาลาที่ห่างไปประมาณสามกิโลเมตร มันเป็นศาลาครึ่งปูน โครงสร้างเป็นไม้ มีหลังคาสังกะสีทีแรกชายเหล่านั้นก็นั่งนิ่ง ๆ คุยกันเบา ๆ แต่ผ่านไปไม่นานก็เบื่อ ก้นที่นั่งแช่อยู่ก็เมื่อยขบ จึงลงไปนั่งหย่อนอารมณ์ที่ศาลา เห็นปลายบุหรี่แดงกวาบ ๆ ท่ามกลางความมืดและสายฝนพรำสรวิชญ์ยังนั่งอยู่ที่นั่งข้างปุณิกา เขาพิงหลังกับพนัก หลับตา มืดยังกอดอก เธอแอบหรี่ตามองแล้วค่อนแคะ ผู้ชายอะไร...ขนาดนอนยังหน้าเครียด คิ้วขมวดแทบเป็นโบอยู่แล้วเขานอนจริงละหรือ บางทีอาจเป็นกลลวงแบบเสือหลับ หลอกล่อให้เหงื่ออย่างเธอเยื้องกราย แล้วเขารอตะครุบ จับกินทั้งตัว ปุณิกาไม่โง่ขนาดนั้น เธอจะรอโอกาสเขาเผลอ เตรียมหนีทันทีโอกาสที่ว่านั้นมาทันใจ เมื่อเสียงมือถือเขาดัง“ห่าเอ๊ย! สัญญาณไม่ดีเลย”สรวิชญ์สบถใส่สายที่โทรมา“เดี๋ยวนะมึง กูเดินหาสัญญาณก่อน ที่นี่ฝนตกว่ะ”ชายหนุ่มเปิดประตูรถ แล้วปิดมันลง เดินเข้าศาลาไปรวมกับลูกน้อง นี่แหละโอกาสทองที่ปุณิการออยู่เธอเคลื่อนกายที่ถูกมัดไปยังประตูรถ พบว่ามันล็อก ปรกติใช้มือดันแล้วเลื่อนก็จะเปิดออกได้ แต่ตอนนี้ทั้ง

    Last Updated : 2024-10-23
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 5 คนป่วยฉุกเฉิน

    ลูกน้องไม่มีใครกล้าแตะตัวปุณิกา ทุกสายตามองไปที่เจ้านายผู้หัวเสียขั้นสุด“สภาพอย่างนี้คงหามเธอไปลำบาก”นายหน้าเสี้ยมกระแอม ชายหนุ่มถอนหายใจฮึดฮัด จำใจยอมรับตำแหน่งคนอุ้ม เอาร่างอรชรมาแนบอกตัวปุณิกาเย็นแทบเท่าสายฝน ปากก็สั่น นี่เธอหนีมาอยู่ที่นี่นานขนาดไหนแล้วหนอ หากงูไม่กัดก็ต้องโดนไข้หวัดเล่นงานแน่ เธอช่างบ้าบิ่น ทำอะไรไร้หัวคิดนัก ...พี่กับน้องเหมือนกันไม่มีผิด คนแบบนี้มีอะไรดี สิริยาถึงได้หลง ขนาดหอบผ้าผ่อนตามไป สรวิชญ์คิดหาเหตุผลไม่ออกเลยจริง ๆรถตู้วิ่งฝ่าสายฝนไปอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียดกรวดบนพื้นลูกรัง กระเด็นกระทบบังโคลนรถดังปึก ๆ“เธออย่าหลับ ประคองสติไว้ให้ถึงโรงพยาบาล”ผู้ชายแสนร้ายกาจที่เป็นตัวต้นเหตุแห่งโชคร้ายทั้งหมดของเธอ เขาสั่งอย่างไม่เห็นใจคนป่วย“ไม่รู้ว่างูที่กัดเธอมันมีพิษส่งผลต่อประสาทให้หลับหรือเปล่า เพราะฉะนั้นอย่าหลับ”“ฉันแค่พักสายตาหน่อยเดียวเอง”ปุณิกาเถียงขณะตาปรือ เธอเหนื่อยเหลือเกินเมื่อครู่ เนื้อตัวปวดเมื่อยอย่างกับโดนรถทับ“มีสติ มองหน้าฉันไว้”เขายังพูดไม่เลิก“ถ้าฉันตายจะมาเป็นผีหลอกคุณ”ศีรษะที่กลุ่มผมเปียกไปด้วยโคลนเอนพิงกระจก“คนปากเก่ง ๆ อย่างเธอไ

    Last Updated : 2024-10-23
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 6 ตัวประกัน

    ณ ที่แห่งนั้นเย็นสบายลมพัดระเรื่อย ท้องฟ้าสีสดใสจนเหมือนภาพวาด พระอาทิตย์สาดแสงส่อง แต่แปลกที่เธอไม่รู้สึกร้อน เท้าปุณิกาก้าวลงในผืนหญ้าเขียวนุ่มละมุนราวกำมะหยี่เธอไม่รู้เมื่อกันว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน ในตอนนั้นยังก้าวไม่หยุด พลันสายตาเห็นต้นไม้ใหญ่แตกกิ่งเป็นพุ่มใหญ่ห้อยลงเกือบระพื้น ยกมือขึ้นหยีตาสู้แสงอาทิตย์ ในอกรัวแรงเป็นตีกลอง เมื่อเห็นร่างคู่หนึ่งยืนอยู่ที่โคนต้นไม้“พ่อคะ...แม่คะ”หญิงสาววิ่งตัวปลิวเข้าไปโผกอด ซบไซร้ในอกมารดาอุ่นที่เคยพึ่งมาแต่เยาว์วัย“มิ้มคิดถึงพ่อกับแม่ที่สุด”เธอบอกเล่าความรู้สึกด้วยเสียงอันสั่นเครือ รู้สึกราวกับกลายเป็นเด็กอนุบาลกลับบ้านวันแรกหลังเลิกเรียน โลกภายนอกน่าตื่นเต้นก็จริง แต่เธอรักบ้านที่มีพวกท่านทั้งสองอยู่ด้วยเป็นที่สุด“พ่อกับแม่มารับมิ้มไปอยู่ด้วยใช่ไหมคะ”ปุณิกาจำได้ว่าตนถูกงูกัด ถูกพามาโรงพยาบาล มีมือคนไม่รู้จักมาสาละวนจับทั่วร่างเธอ บางมือยังสอดโน่น เสียบนี่เข้าร่างกาย เธอรู้ตัวขยับไม่ได้ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง ด้วยไม่อาจจ้องแผงหลอดไฟจ้าบนเพดานห้องฉุกเฉินได้ ...บางทีพิษงูอาจทำให้ปุณิกาตายเสียแล้วกระมังแม่เป็นผู้ให้คำตอบโดยการสั่นศีรษะ“ยั

    Last Updated : 2024-10-23
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 7 ไร่สรวิชญ์

    สรวิชญ์พาเธอนั่งกลับรถตู้คันเดิม เพิ่มเติมคือเขาซื้อชุดคนป่วยให้เธอด้วย ปุณิกาอยู่ในสภาพหัวสั่นหัวคลอนเพราะรถวิ่งตามทางลูกรัง จนมาถึงสะพานเมื่อคืน น้ำลดลงแล้วรถจึงแล่นผ่านอย่างง่ายดายเธอมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีทิวทัศน์ข้างนอกเห็นภูเขาอยู่ลิบ ๆ บนฟ้ามีเมฆอุ้มน้ำสีเทา เดาว่าฝนต้องตกอีกในไม่ช้า ข้างทางเต็มไปด้วยป่า ต้นไม้ใบหญ้าเมื่อได้น้ำเมื่อคืนดูสดชื่น เปล่งประกายเขียวสดหากเป็นเวลาปรกติเธอคงอดไม่ได้ที่จะต้องถ่ายภาพ แต่เวลานี้ไม่มีอารมณ์ กังวลถึงไร่ที่เขาจะพาไปมากกว่า จะเป็นไร่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี มีวัวลายจุดเล็มหญ้าอยู่หรือเปล่าท่าทางคนลักตัวเธอมาไม่ใจดีขนาดนั้น บางทีเขาอาจขังเธอไว้ที่กระท่อมปลายไร่โกโรโกโส แล้วที่เขาบอกว่าจะทำกับเธอเหมือนที่ปุณณภพทำกับน้องเขาอีกล่ะปุณิกาทำตัวลีบติดกระจก การขืนใจผู้หญิงเป็นการกระทำไร้อารยะ ผิดกฎหมาย ไร้ศีลธรรม แต่ท่ามกลางป่า ท่ามกลางไร่ไกลหูตาคนแบบนี้ เธอไม่แน่ใจในอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคนพามานัก หวังแต่ขอให้เขาปรานีเหมือนตอนที่พาเธอมาโรงพยาบาลบ้างด้วยเถิดรถเริ่มเข้าสู่รั้วที่ขึงด้วยลวดหนาม แล่นไปอีกไม่ถึงสิบนาทีก็เห็นป้าย “ไร่

    Last Updated : 2024-10-28
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 8 แสนดี

    ปรกติมื้อเช้าปุณิกาดื่มน้ำเต้าหู้ หรือแค่หมูปิ้งสองไม้ข้าวเหนียวหนึ่งห่อ การกินมื้อเช้าที่พร้อมพรั่งแบบนี้ทำกระเพาะตื้อ แสนดีถามว่าจะเอากาแฟไหม เธอส่ายหน้าปฏิเสธ“นี่มึงจะไม่ถามหน่อยเหรอว่ากูอยากได้กาแฟไหม ไอ้แสน!”สรวิชญ์ว่าตอนที่พ่อครัวกำลังจะเดินจากไป“ไหนว่าเหนื่อย ไม่ได้นอนทั้งคืนไงนาย พักผ่อนเถอะ อย่ากินกาแฟเลย ผมหวังดีนะเนี่ย”“กูจะกินอะไรก็เรื่องของกู แสนรู้นักนะมึง ไปเอากาแฟมา”เจอหน้ากันแค่ไม่กี่สิบนาทีปุณิกาสงสารแสนดีเหลือเกิน ที่ต้องรับใช้คนเจ้าอารมณ์“มองฉันทำไม หรือวางแผนจะหนีอีก”เขาขึงตาดุ ไม่ล่ะ...ปุณิกาไม่ทำแล้ว สองครั้งที่ผ่านมาล้มเหลว ไปนอนโรงพยาบาล เกือบเอาชีวิตไม่รอด ตอนนี้เธออยากเก็บแรงไว้มากกว่า“เอามือถือมานี่ เผื่อน้องเธอโทรมา”เขาแย่งกระเป๋าสะพายที่หญิงสาววางไว้บนโต๊ะข้างตัว ค้นหามือถือเธอเอามายัดใส่กางเกง“นี่คุณ! นั่นมันของฉันนะ”สรวิชญ์แทบจะโยนกระเป๋าสะพายให้“ฉันต้องเก็บไว้ก่อน ถ้าไอ้เด็กนั่นโทรมาแล้วเธอเล่นตุกติกไม่บอกล่ะ”เขาวางระเบิดด้วยการฝากข้อความเสียง หากมันมีใจห่วงพี่เหมือนที่เธอห่วงมัน ปุณณภพต้องติดต่อมาแน่“เธอน่ะ เชื่อไม่ได้ หนีจากฉันสองครั้งแ

    Last Updated : 2024-10-28
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 9 ไม่ใช่พระเอกในละคร

    “คุณมิ้มดี๊...ดีจ้ะ นอกจากสวยเหมือนนางเอกในทีวียังช่วยผมทำความสะอาดบ้านด้วย”สรวิชญ์มองเธอแล้วเหยียดยิ้ม ปุณิกาเชิดหน้าขึ้นสูง“เอ...ดีกว่าสาว ๆ ที่เพื่อนคุณเต้ยพามาอีก พวกนั้นดีแต่ทำตัวสำรวย สวยไปวัน ๆ”เธอเห็นจะต้องมองแสนดีเสียใหม่ หนุ่มพ่อบ้านปากร้ายพอตัว“ใครได้มาเป็นเมียต้องคิดหนัก จ่ายค่าคนใช้บาน”“บ้านฉันไม่ใช่คนรวยหรอกนะแสนดี เลยต้องสลับกันกับน้องทำงานบ้าน”“แค่นี้คุณมิ้มก็เหนือกว่าสาวกรุงเทพฯพวกนั้นเยอะ”หนุ่มรุ่นน้องยังยอไม่เลิก“พอแล้ว ไปทำกับข้าวให้กูกินไป หิว!”เขาสั่ง ก่อนหันหลังจากห้องไป“โอ้...โมโหหิวนี่เอง”แสนดีปล่อยลมหายใจออกพรืด“ให้ฉันช่วยทำข้าวกลางวันไหม”“ไม่ต้องหรอกครับ คุณมิ้มไปอาบน้ำ มารอกินข้าวเถอะ”แล้วแสนดีก็ออกจากห้องไปอีกคน เธอจึงเก็บอัลบั้มรูปเข้าชั้นเหมือนเดิม เดินขึ้นห้องไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว ล้วนมีแต่เสื้อยืดกับผ้าถุงหลวม ๆ แสนดีเล่าว่ากางเกงขายหมดแล้ว ต้องรออีกสองสามวันของถึงจะมาใหม่เธอพันผ้าถุง แนบลำตัว เหลือส่วนเกินเป็นคืบ ต้องเหน็บแล้วม้วนไว้ที่เอว กระนั้นยังเห็นส่วนเว้าโค้งชัด ปุณิการู้สึกไม่มั่นใจเลยในการสวมชุดไม่คุ้นเคยแบบนี้ ได้แต่ปลอบตนเอ

    Last Updated : 2024-10-28
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 10 ไอ้บ้ากาม

    “ไอ้บ้ากาม ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”พอเจ้าของร่างสูงวางตัวเธอลงบนพื้น ปุณิกาก็รีบวิ่งแจ้นหนีเขาไปมุมเหนือเตียง เมื่อเขาย่างเท้ามา เธอรีบคว้าของใกล้มือ ขว้างใส่ หวังจะหยุดเขาได้ แต่อนิจจา เขาหลบสิ่งของได้อย่างว่องไว“ฉันจะเรียกตำรวจ”“เรียกมาเลย ฉันจะได้ให้มาจับน้องเธอ ข้อหาพรากผู้เยาว์”“แต่คุณก็ลักพาตัวฉันมาแล้วนี่ แถมยังจะข่มขืนฉันอีก บ้านเมืองมีกฎหมาย หัดคิดเสียบ้าง คนมีสติดี ๆ เขาไม่ทำกันหรอก”“ที่นี่คือถิ่นฉัน ...ฉันคือกฎ!”ปุณิกาบูชากฎโดยการขว้างโคมไฟใส่ เขาเบี่ยงตัวหลบทันตามเคย แต่ไม่นึกว่าเธอจะเปิดลิ้นชัก หยิบกรอบรูปโลหะมาขว้างซ้ำ สรวิชญ์ที่ไม่ทันระหว่างจึงโดนขอบมุมโลหะเข้าที่ปลายคิ้ว เขานิ่วหน้าเพราะปวดแปลบ ยกมือขึ้นคลำ สัมผัสได้ถึงน้ำสีแดงซึมออกมา“ฤทธิ์มากนักนะเธอ มา! พ่อจะเอาให้ยับนอนจมเตียง”ห้องนอนไม่กว้างนัก เจ้าของก้าวไม่กี่ก้าวก็ถึงคนตัวบาง จับกระชากข้อมือ จนตัวเธอถลาลงบนเตียงปุณิกาใช้กำลังเฮือกสุดท้าย กางเล็บหมายข่วนหน้าเขา สรวิชญ์ไม่ยอมเสียท่าซ้ำสอง มือใหญ่รวบข้อมือคนพยศไว้เหนือศีรษะเจ้าตัว เมื่อส่วนบนถูกพันธนาการ แต่ส่วนล่างยังว่าง ปุณิกาจึงทั้งตีเข่า ทั้งพยายามแตะผ่า

    Last Updated : 2024-10-28

Latest chapter

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 32 บทส่งท้าย

    หากไม่อยู่ในอารมณ์โกรธ สรวิชญ์คือคนสุขุมคนหนึ่ง เขาแสดงออกโดยการจัดการจดทะเบียนสมรสกับปุณิกาเสียในบ่ายนั้น“ฉันอยากให้ลูกเกิดภายใต้ทะเบียนสมรส”เธอมองกระดาษแผ่นที่ชาตินี้ตัวเองไม่คิดว่าจะได้มันมาอย่างงง ๆ จู่ ๆ เธอก็กลายเป็นนาง พ่วงด้วยนามสกุลอะไรสักอย่างที่ยาว ๆ“คำนำหน้าเอาเป็นนางเลยนะ จะได้ไม่ต้องไปทำไข่เจียวกะเพราปลากระป๋องให้ใครกิน”คนหน้าดุบอกต่อหน้าเจ้าหน้าที่จดทะเบียน“นามสกุลเขาก็ใช้ของผม”สรวิชญ์ทำตัวเป็นเจ้าชีวิตเธอทุกเรื่อง แต่เอ...ไข่เจียวกะเพราปลากระป๋อง“ฉันทำเมนูนี้อร่อยนะ พ่อฉันก็ชอบกิน”“ต่อไปทำฉันกินคนเดียว”เธอทำท่านึก“ต้องให้แสนดีเป็นหนูทดลองชิมก่อน ไม่ได้ทำตั้งนานแล้ว กลัวฝีมือตก”“ให้ไอ้แสนเป็นหนูทดลองไม่ได้”ปุณิกาคอย่น เขาทำเหมือนโกรธเสียเต็มประดา“ฉันจะเป็นคนกินเอง”หญิงสาวโคลงศีรษะ เอาล่ะ...อยากเป็นหนูทดลองก็จะยอมให้เป็น หลังออกจากสำนักงานเขตเขาก็สั่งคนขับรถมุ่งกลับไร่ ทิ้งกรุงเทพฯและปุณณภพไว้เบื้องหลัง น้องชายบอกแล้วว่าจะมาเยี่ยมในปลายเดือนนี้ ระหว่างทางสรวิชญ์ก็ยกมือเธอขึ้น สวมแหวนฝังทับทิมสีแดงที่นิ้วนางของเธอ“ไปแอบซื้อตอนไหนคะ”อัญมณีเล่นไฟทอประกายสวย

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 31 จะเป็นเรื่องเล่าจากพ่อแม่สู่ลูก

    มีผู้คนในซอยกลับมาดูสภาพความเสียหายอยู่พอสมควร แต่ก็ได้เพียงอยู่นอกเส้นสีเหลืองกั้น ที่ทั้งอาสาทั้งตำรวจ คอยบอกไม่ให้ล้ำเส้นกั้นเข้ามาปุณิกากับปุณณภพเห็นสภาพซอยที่เคยคึกคัก บ้านที่เคยสวยงาม จนบัดนี้เหลือแต่ตอตำ กลิ่นไหม้ลอยคละคลุ้งเสียดแทงจมูกไปถึงในหัวใจ ผู้ประสบภัยบางคนร้องไห้ตัวโยน ร้องบอกว่าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...หมดตัวแล้ว ปุณิกาจำได้ว่าคนนี้เป็นเพื่อนบ้านกลางซอยสรวิชญ์มาจับแขน ดึงเธอกลับจากภวังค์ เป็นสัญญาณให้รีบไป เพราะใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเกินเสียแล้วห้างสรรพสินค้าคือสถานที่ต่อไปซึ่งเขาพามา สรวิชญ์สั่งให้คนขับเลี้ยวรถไปยังห้างแรกที่เห็น เขาเอารถเข็นให้ ปล่อยปุณิกาเลือกซื้อเสื้อผ้าตามใจ โดยมีตัวเองเดินตามอยู่ไม่ห่าง แม้กระทั่งเข้าแผนกชุดชั้นใน“ไปที่อื่นก่อนได้ไหม ฉันขอซื้อของส่วนตัว”ปุณิกาหยุดรถอย่างเหลืออด หน้าหุ่นโชว์ใส่บราเซียร์ลูกไม้สีดำยั่วยวน“ฉันเป็นเจ้าของเงินนะ ขอดูด้วยสิว่าคุ้มหรือเปล่า”สรวิชญ์ชอบที่เธอกลับมาปีนเกลียวกับเขาได้เหมือนเดิม นี่แหละปุณิกาของเขา“ฉันไม่ต้องการความเห็นคุณ เพราะคนใส่คือฉัน”“แต่คนถอดก็เป็นฉันอยู่ดี”ชายหนุ่มแกล้งมองเธอตลอดร่าง แบบที่ปุณิ

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 30 ต้นเหตุอาการป่วย

    “ก็เหมือนที่นายทำกับสตางค์นั่นแหละ เอามิ้มเป็นเมีย”สรวิชญ์ตอบแบบหน้าตาเฉย อีกฝ่ายง้างหมัดเตรียมชกแล้ว หากไม่ได้ยินเสียงหนึ่งเสียก่อน“แม้วหยุดนะ!”ปุณิกาห้ามเขาด้วยเสียงจริงจัง“คุณก็ได้ด้วยคุณเต้ย หยุดยั่วแม้วเสียที”รถเข็นเธอชะงัก พนักงานเลิ่กลั่กรอดูเหตุการณ์“แต่มันทำพี่ท้องนะ”“พี่อาจมีปัญหาในช่องท้อง ไม่ได้มีเด็กก็ได้ อย่าตื่นตูมไป คุณคะ เข็นต่อไปเลย”ปุณิกาหลบสายตา หันบอกพนักงาน การเดินทางไปยังแผนกสูตินรีเวชจึงเริ่มต่อไป รถเข็นเธอไปจอดยังแถวเก้าอี้ที่นั่งรอหมอเรียกหญิงสาวประสานมือกันแน่นจนเห็นข้อขาว เธอคงไม่โชคร้าย ขนาดเจอแจ็คพอตติดกันซ้อน ๆ แบบนี้หรอก ตั้งแต่โดนลักพาตัว กลายเป็นว่าที่คุณป้า บ้านโดนไฟไหม้ และเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นี่ ...เธออาจตั้งท้องเสียงพยาบาลเรียกชื่อ เป็นดังเสียงขาลให้ก้าวเข้าสู่ลานประหาร สรวิชญ์เข้ามาแย่งเข็นเธอไปยังห้องพบแพทย์“คุณปุณิกานะครับ”นายแพทย์สูงวัย ที่สวมแว่นสายตาเลื่อนมากลางดั้งจมูก มองประวัติเธอในจอคอมพิวเตอร์ แล้วยิ้มให้“ค่ะ”เธอรับคำด้วยเสียงอันแห้งผาก สายตาแลไปเห็นเก้าอี้ที่มีขาหยั่ง และจอมอนิเตอร์ข้างกัน“เรามาขึ้นขาหยั่งดูน้องกัน

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 29 อาการป่วยแทรกซ้อน

    ปุณิกามายืนอยู่ในสถานที่เดิมอีกแล้ว ณ ที่ท้องฟ้าสีฟ้าใส เมฆขาวเป็นปุยลอยละล่อง มีลมเย็นพัดประพรมผิว ใต้เท้าเป็นพื้นหญ้าเขียวสดนุ่มดังกำมะหยี่ไกลออกไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาแทบระดิน พ่อกับแม่ยืนเคียงกันอยู่ตรงนั้น เธอยิ้มแล้วเดินไปหา สงสัยนี่คงจะเป็นการมารับเธอไปอยู่ด้วยจริง ๆ บางทีปุณิกาอาจตายเสียแล้วในกองเพลิงอีกแค่เอื้อมก็จะถึงร่างบุคคลอันเป็นที่รัก แต่มีมือแข็ง ๆ สีทองแดงมายึดแขนเธอไว้เสียก่อน“ปล่อยนะ ฉันจะไปหาพ่อกับแม่”ปุณิกาขมวดคิ้วเอ็ดเขา ดูเอาเถิด แม้เป็นการขึ้นสวรรค์อันผาสุกสรวิชญ์ยังจะตามมาราวีเธอไม่เลิก“...อย่าไป”เสียงห้าวที่เปล่งออกมานั้นคือคำสั่งชัด ๆ ดวงตาสีรัตติกาลเข้มดุจ้องเขม็งมายังเธอ“ปล่อยสิ...คุณเต้ย”เขาได้ทุกอย่างไปจากเธอแล้ว ได้เอาคืนปุณณภพสมใจ แล้วเหตุใดยังมาเร้าหรือ ฉุดรั้งเธอไม่ให้ไป“พ่อคะแม่คะ”ปุณิกายื่นมือออกไป หวังให้ท่านช่วย มารดาส่ายหน้าแล้วส่งยิ้ม“ยังไม่ถึงเวลาของมิ้มหรอกจ้ะ...อยู่กับเขาก่อนนะ”“มิ้มไม่เอาเขานะคะ พ่อแม่...”เธอร้องสุดเสียง ร่างสรวิชญ์หมุนวนกลายเป็นจุดดำฉุดร่างเธอให้ม้วนเป็นเกลียว ดิ่งลึกสู่ห้วงมืดสนิทตาโตลืมตื่นขึ้นในท

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 28 ผู้หญิงที่ห่วงใย

    “ห่าเอ๊ย!”สรวิชญ์สบถแทบจะทุกสิบนาทีที่อยู่บนรถ ชายหนุ่มวิ่งแซงซ้ายปาดขวาด้วยใจร้อนรน มือถือวางไว้ตรงคอนโซลรถเปิดไลฟ์สดข่าวไฟไหม้ในซอยบ้านปุณิกาเกือบสองชั่วโมงแล้วผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพลิงยังไม่สงบ มีการสัมภาษณ์ผู้คนในซอย สรวิชญ์ภาวนาให้ตนได้ยินเสียงปุณิกาด้วยเถิดแต่คำอธิษฐานของคนไม่ศรัทธาในคุณพระคุณเจ้าอย่างเขาไม่ได้ผล เพราะคนที่นักข่าวไปสัมภาษณ์กี่คนต่อกี่คนก็ไม่ใช่เธอชายหนุ่มมองป้ายสีเขียวที่ตั้งโดดเด่น บอกว่ากำลังจะเข้าเขตกรุงเทพฯ แม้เป็นช่วงกลางคืนแต่รถในเมืองหลวงยังคลาคล่ำเขาต้องอดใจไม่กดแตรโวยวายใส่รถคันหน้า ตอนนั้นจำได้คร่าว ๆ ว่าบ้านปุณิกาต้องขึ้นทางด่วนไปเส้นไหนละวะ ปรกติเขาจำเส้นทางได้แม่น แต่ตอนนั้นไม่ได้ขับรถเอง และความโกรธก็บังตา ส่วนไอ้คนขับรถโน่น...เคล้าสุรานารีอยู่ซ่องเจ๊นวล ตัวเลือกเดียวคือเขาพอจะพึ่งได้ก็คือ“ครับ”คนรับสายรับแบบไม่มีงัวเงียสักนิดเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์เจ้านาย“มึงจำทางไปบ้านไอ้แม้วได้ไหม”วสันต์เป็นคนนั่งหน้าข้างคนขับในวันนั้น เขาจึงเป็นอีกหนึ่งคนที่น่าจะจำเส้นทางได้“ครับ...แขวงXXX เขตXXX ถนนXXX ซอยXXX บ้านเลขที่XXX หลังคาสีฟ้า”ลูกน้องความจำดี

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 27 เหตุร้าย

    ค่ำคืนนี้ปุณิกาจาม น้ำมูกไหล ศีรษะปวดจี๊ด ๆ จึงกินยาแก้ปวดไปสองเม็ด เธอโทษว่าอาจด้วยเพราะอากาศเปลี่ยน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาวอย่างเช่นเมื่อตอนกลางวัน แดดเปรี้ยงอยู่ดี ๆ ไม่ถึงยี่สิบนาทีฝนก็ตก ทำให้เธอและเพื่อนร่วมออฟฟิศที่เพิ่งกินข้าวกลางวันมา ต้องวิ่งฝ่าฝนโปรยเข้าออฟฟิศเพราะกลัวเข้างานช่วงบ่ายช้า นี่อาจเป็นเหตุเสริมความผิดปรกติของร่างกายในคืนนี้ปุณิกาเข้านอนตามปรกติ แล้วก็ต้องตื่นเพราะเสียงเอะอะรอบบ้าน เธอเปิดหน้าต่างออกดูเห็นคนวิ่งกรูมากลางซอย“ไฟไหม้ ๆ”เสียงตะโกนต่อเป็นทอด ๆ เรียกความสนใจให้เธอชะเง้อคอดูจากหน้าต่าง จมูกได้กลิ่นไหม้ฉุนรุนแรง ตาเห็นเปลวเพลิงสีแดงอมส้มเริงระบำตามกระแสลมโหมหญิงสาวรีบปิดหน้าต่างลงออกมาจากห้องทันที เมื่อถึงหน้าประตูบ้านก็พบว่ารถติดยาว ทั้งรถยนต์ ทั้งมอเตอร์ไซด์ ต่างคนต่างรีบพาพาหนะอันมีค่าหนีไปให้พ้นจากพระเพลิงที่กำลังโหม“โธ่เว้ย! ติดกันแน่นคับซอยอย่างนี้ รถดับเพลิงจะเข้าได้ยังไง”ผู้เฒ่าชายที่บ้านใกล้กับเธอบ่น“เห็นแก่ตัวกันจริง ๆ เดี๋ยวไฟก็ยิ่งไหม้ลามหมด”“บ่นอยู่นั่นแหละตาแก่ รีบหนีก่อนเร็ว ออกไปให้พ้นซอย รักษาชีวิตไว้ดีกว่า”เฒ่าหญิงบ้านเดียวกันรี

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 26 ทำเพราะห่วงน้องสาวหรอกนะ

    “คุณเต้ย!”แม่เล้าวัยกลางคนที่สวมเสื้อคว้านคอลึกอวดเนินทรวงอวบอัด ร้องทักอย่างยินดีเมื่อเห็นเขาก้าวเข้าสู่อาณาจักรความบันเทิงของท่านชาย ซึ่งคืนนี้คลาคล่ำไปด้วยลูกค้าอารมณ์เปลี่ยว มาหาความอบอุ่นและรับบริการจากสาว ๆ“คิดถึงจังค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดว่าเสร็จสาวไหนไปแล้วเสียอีก”นวลส่งยิ้มที่เจ้าตัวคิดว่าหยาดเยิ้มที่สุดให้ ใบหน้าฉาบด้วยเครื่องสำอางประทินผิวปิดบังอายุที่แท้จริง ที่น่าจะอยู่ในวัยคุณน้าเขาแล้ว“คืนนี้เหงาใช่ไหมคะ เดี๋ยวนวลหาน้อง ๆ ไปบริการให้”นางกวักมือเรียกหนุ่มในอาณัติให้พาแขกวีไอพีเช่นสรวิชญ์ไปยังห้องรับรองที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ไม่ทันไรสุราอย่างดี น้ำแข็งเย็น ๆ และกับแกล้มก็เรียงรายเสิร์ฟเต็มโต๊ะลูกน้องสรวิชญ์ทุกคนคุ้นเคยกับสถานที่ดี บ้างก็ถามหาเด็กใหม่จากบริกร บางคนสมัครใจจะซบอกคู่ขาเดิม ๆ เพราะคุ้นเคยกลิ่น แบบเข้าสำนวนวัวเคยขาม้าเคยขี่ รู้จังหวะเข้าขาลีลากันดีบนเตียงนวลเข้าห้องมาพร้อมกับสาวหน้าใสสองคน หนึ่งผมดำยาวสยายถึงกลางหลังสวมชุดแซกเกาะอกสีแดงสั้นแค่ต้นขา อวดความอวบอัดน่าฟัดของหุ่น อีกคนผมน้ำตาลอ่อนใส่สายเดี่ยวปักเลื่อมลายหัวใจชมพูกระโปรงยีนสั้น อวดคว

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 25 คนที่คิดถึง

    “ไอ้หมอนั่นทำอะไรพี่หรือเปล่า”ปุณณภพเอ่ยทำลายความเงียบหลังรถคันเก่งของปุณิกาแล่นไปบนทางหลวง ทิ้งป้ายไร่สรวิชญ์ไว้ด้านหลัง“เรียกเขาดี ๆ หน่อยสิ นั่นน่ะพี่สตางค์ เมียเธอนะแม้ว”หญิงสาวไม่ยอมสบตาคนนั่งข้าง ทำทีเป็นสนใจทางข้างหน้า“เอ้อ...นั่นแหละ มันเอ๊ย! เขาทำอะไรพี่มิ้มหรือเปล่าตอนพามาอยู่ไร่”“แค่ขู่นิดหน่อย แล้วพามาเป็นตัวประกันไว้แลกหมูแลกแมวกับสตางค์”เกิดความเงียบระหว่างสองพี่น้องอีกครั้ง ก่อนผู้อ่อนวัยกว่าจะกล่าว“ผมขอโทษ”เธอเหลือบเห็นเขาหน้าม่อย คอตก“ผมทำให้พี่มิ้มมาลำบากด้วย”“อือ...รู้ก็ดีแล้ว”มองรอยช้ำบนใบหน้าปุณณภพแล้วก็สงสาร แต่เธอบอกตัวเองว่าไม่ควรโอ๋เขาจนเกินไป ปุณณภพควรได้รับบทเรียน“เรื่องนี้คนลำบากไม่ใช่พี่คนเดียว ทั้งสตางค์ ทั้งพี่ชายเขาก็ลำบากด้วย”เธอเลี่ยงเรียกชื่อเล่นอีกฝ่าย ...ไม่อยากให้ความสนิทสนม เรื่องที่เกิดในไร่ก็ควรจบเสียแต่ในไร่ อย่าให้มันมาเพ่นพ่าน เกะกะหัวใจเลย“ต่อไปนี้แม้วไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ มีสตางค์กับลูกด้วยที่ต้องดูแล ทำอะไรต้องคิดให้มาก”“ผมไม่ทิ้งสตางค์กับลูกแน่”น้องชายเงยหน้าให้คำมั่นกับเธอด้วยตาลุกวาว“ได้ยินอย่างนี้พี่ก็สบายใจ เวลามาหา

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 24 ไปตั้งหลัก

    “แล้วจะทำยังไงล่ะคุณเต้ย ท้องสตางค์มีแต่จะโตขึ้นเรื่อย ๆ คุณจะตอบคำถามคนอื่นว่ายังไง”ปุณิกาปรับเสียงเป็นโทนอบอุ่นน่าฟัง“น้องเธอมันมัดมือชกน้องฉัน มันกะมาปอกลอกสตางค์ละสิ”“ผมไม่เคยคิดจะปอกลอกสตางค์เลยนะ”ปุณณภพโต้“ใช่ค่ะ แม้วคิดว่าสตางค์เป็นเด็กใจแตกด้วยซ้ำ ตอนสตางค์กระเป๋าเงินหายยังให้ค่าแท็กซี่กลับหอด้วย”สิริยาเล่าความดีของคนรักด้วยความภาคภูมิใจ แต่แล้วก็หลบวูบเมื่อพี่ชายส่งสายตาฉุนเฉียวให้“น้องเธอยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ จะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงสตางค์กับลูก”พี่ชายจี้ประเด็นเดิม งานนี้พี่สาวอย่างปุณิกาต้องให้ความแน่ใจ“ตอนพ่อแม่ฉันตาย ทิ้งสมบัติไว้นิดหน่อย ครึ่งหนึ่งมันเป็นของแม้ว ฉันจะเอาเงินมาให้เขา”“หึ...สุดท้ายก็ขายสมบัติเก่า”เธอเก็บความขุ่นเคืองในถ้อยคำดูถูกนั้นไว้เสีย จะพลอยให้เขากวนสถานการณ์ชวนอารมณ์ฉุนอีกไม่ได้“บ้านฉันไม่มีไร่ ไม่มีบ้านใหญ่เหมือนคุณ แต่ก็พอเลี้ยงกันไปได้ จนกว่าแม้วจะเรียนจบปริญญาตรีในอีกสองปี พอเขาหางานได้ หลานเข้าอนุบาล ฉันจะให้สตางค์เรียนกศน. ช้าหน่อย แต่ไม่ทำลายอนาคตเขาแน่ อย่างน้อยก็ต้องมีปริญญาติดตัว”ทุกคนอึ้งในแผนที่ปุณิกาวางไว้ เห็นจะมีเสียก็แต่...

DMCA.com Protection Status