Share

ซาตานหัวใจพยศ
ซาตานหัวใจพยศ
Author: เฌอเลียร์

Chapter 1 บทนำ

Author: เฌอเลียร์
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56

ขณะนั้นเป็นเวลาที่สีส้มแสงสุดท้ายของตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า หญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตฟ้ากระโปรงทรงคลุมเข่าสีดำเดินมาตามทางในซอยแคบ ๆ ไหล่ข้างหนึ่งสะพายกระเป๋า ส่วนอีกข้างถือถุงโจ๊ก ซึ่งเป็นมื้อเย็นของวันนี้

ต้องทำตัวลีบติดกับกำแพงบ้านในซอยทุกครั้งที่มีเสียงมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่าน นี่มิใช่การเดินทางปรกติของเธอ

ระหว่างมุ่งหน้ากลับบ้านก็คิดถึงรถเต่าคันเก่าแก่ที่ขับไปไหนมาไหนประจำ หากไม่เพราะน้องชายแอบเอารถออกไปเมื่อเช้า เธอคงไม่ต้องเสี่ยงภัยการจราจรในซอยอึดอัดเช่นนี้ ปุณณภพเอาวางกุญแจมอเตอร์ไซด์เขาพร้อมกับโน้ต

“แม้วขอยืมอีเก่งของสักวันสองวัน พี่มิ้มใช้เจ้าโชคดีไปก่อนนะ”

โชคดี...ที่น้องชายหมายถึงคือเจ้าฟีโน่สีแดงแรงสามเท่าที่เจ้าตัวแปะสติกเกอร์ตามใจตัวเองเสียเปรอะ

เล่นหักคอกันอย่างนี้ ปุณิกามีแต่ต้องทำใจ เธอไม่กล้าพอที่จะขับเจ้าสองล้อนี่ท่ามกลางการจราจรของกรุงเทพฯ จึงจำใจต้องอาศัยเดินมาหน้าปากซอยเพื่อเรียกวินฯ ตอนเช้ายังพออาศัยรถสาธารณะประเภทนี้ได้ แต่ตอนเย็นที่ผู้คนต่างเลิกงาน ต้องการกลับไปพักผ่อน ลูกค้ายืนรอคิวใช้บริการยาวเป็นสิบคน

เธอเห็นแล้วท้อ จึงยอมเดินเข้าซอยดีกว่า พอดีใกล้ ๆ กันมีตลาดเล็ก ๆ จึงซื้อโจ๊กมาด้วย ปุณิกาให้กำลังใจตัวเองว่า...รีบ ๆ เดินเข้า จะได้กินอาหารร้อน ๆ

เธอไม่ใช่คนเห็นแก่กิน พิสูจน์ได้จากเอวบาง ร่างน้อยที่เห็นกันอยู่ แต่วันเหนื่อย ๆ ก็อยากได้อะไรเยียวยาจิตใจบ้าง

แสงสุดท้ายของตะวันลับไปแล้ว แม้ความมืดแห่งรัตติกาลจะแผ่ปกคลุมท้องฟ้า แต่มีหรือเมืองหลวงอันมีความหมายว่าเมืองเทพจะพ่ายแพ้ต่อความมืด ไฟตามเสาส่องสว่างเจิดจ้าน้อยกว่าแสงกลางวันเพียงนิด

อีกไม่กี่อึดใจ เลี้ยวหัวมุมข้างหน้า ถัดจากบ้านไปอีกสองหลัง นั่นคือบ้านของเธอ สวรรค์น้อย ๆ แต่พอเพียงของปุณิกาและน้องชาย

...อีกไม่กี่อึดใจ แค่มือเล็กหยิบกุญแจมาเตรียมไขกุญแจที่คล้องประตูเหล็ก เงามืดดังจะดับแสงไฟใด ๆ ในโลกหล้าได้ ...ทาบทับร่างของเธอ

มือสีเข้มจับซี่ประตูเหล็กดัด

“เธออยู่บ้านหลังนี้ใช่ไหม ฉันมีเรื่องจะถาม”

หญิงสาวหันขวับกลับมาทันที เบิกตาโตมองเจ้าของเสียง เขาเป็นผู้ชาย ผมหยักศกยาวระต้นคอ คิ้วเข้มรกไม่เป็นระเบียบ

“เธอเป็นพี่เด็กที่ชื่อแม้วใช่ไหม”

ปุณิกาถอยหลังจนตัวแทบลีบติดประตู ดวงตาสีรัตติกาลจ้องตรงมายังเธอ ก่อให้เกิดอาการหนาว ๆ ร้อน ๆ

“ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”

แนวกรามบึกบึนเต็มไปด้วยเครา เสียงทุ้มลึกที่เปล่งออกมายิ่งทำให้เธอกลัว นึกถึงข่าวโจรร้ายฆ่าข่มขืนผู้หญิงขึ้นมาในทันใด

“คุณเป็นใคร!”

เธอมองข้ามแขนภายใต้เชิ้ตลายตาราง เห็นผู้ชายแต่ตัวคล้าย ๆ เขายืนคุมเชิงอยู่อีกหลายคน

“ฉันเป็นพี่ของผู้หญิงที่น้องชายพาหนีนะสิ”

หูได้ยินเสียงกัดฟันกรอด ในดวงตาสีนิลดังเห็นประกายไฟปะทุ

“อย่ามากล่าวหาน้องฉันนะ ออกไป! ไม่งั้น ฉันจะเรียกตำรวจ”

หรือนี่จะเป็นวิธีการใหม่ของโจรที่ใช้หาเหยื่อ ปุณณภพไม่เคยแสดงท่าทีชอบผู้หญิงคนไหน จะพามาบ้านหรือโพสต์ลงโซเชียลก็ไม่เคย ในสายตาเธอ น้องเป็นคนเอาการเอางาน หลังเลิกเรียนก็ไปหางานพิเศษทำ เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านบาร์

“เรียกมาเลย ฉันจะได้ให้ตำรวจจับมัน โทษฐานพรากผู้เยาว์ น้องสาวฉันอายุแค่สิบเจ็ดเอง”

เขาตะปบมือระบายอารมณ์กับประตูดังปัง จนปุณิกาสะดุ้งเฮือก

“ฉันไม่เชื่อ ใครก็ได้ช่วยที ผู้ชายคนนี้มาโมเมกล่าวหาน้องฉัน”

เมื่อเห็นคนตัวโตหน้าผากตึงจนแทบจะเห็นเส้นเลือด เธอจึงรีบขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน แต่เนื่องจากเป็นเวลาค่ำ ผู้คนล้วนอยู่ในบ้านกับครอบครัว ไม่มีเลยสักคนที่จะโผล่ออกมาดูเธอ

“เข้าไปค้นในบ้านก่อนเถอะครับ เผื่อเขาซ่อนคุณสตางค์ไว้”

หนุ่มหน้าเสี้ยมตัดผมสั้นเกรียนรีบเสนอทางออกแก้สถานการณ์ มือสีเข้มแย่งกุญแจจากเธอ ไขเปิดผลัวะเข้าไปในบริเวณบ้าน

“ปล่อยนะ ฉันจะแจ้งตำรวจจับ พวกคุณบุกรุกบ้านฉัน”

แย่งกุญแจอย่างเดียวไม่พอ หนุ่มเคราครึ้มยังลากข้อมือปุณิกาไปด้วย เธอทั้งขัดขืน ทั้งพยายามสะบัด แต่ไม่ได้ระคายเคืองผิวเข้มนั่นเลย เขายังคงใช้กำลังบังคับเธอเข้าไปในบ้านตัวเอง

“ค้นทุกซอกทุกมุม หาสตางค์กับไอ้เด็กเวรนั่นให้เจอ” เขาประกาศ ทิ้งตัวเธอลงบนโซฟา

“เดี๋ยว จะทำอะไร นี่มันบ้านฉันนะ”

เธอผุดลุกขึ้น ตอนเห็นแขกไม่ได้รับเชิญทั้งหลายขึ้นบันไดไปชั้นสองบ้าง ไปทางครัวบ้าง มีเสียงเปิดประตูปึงปัง

“อยู่เฉย ๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”

เขายืนเท้าสะเอวจ้องเธอนิ่ง หญิงสาวหน้าร้อน รู้ว่าเขากำลังจับผิด

“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรระหว่างน้องชายฉันกับน้องสาวคุณเลยนะ”

ปุณิกาเปลี่ยนวิธีพูดใหม่

“ฉันเอาเรื่องเธอตายแน่ ถ้าช่วยกันปกปิดเรื่องสองคนนั่นพากันหนี”

“อะไรนะ!”

คนได้ฟังรู้สึกหัวหมุน

“น้องชายเธอพาน้องสาวฉันหนี”

“ขะ...คุณรู้ได้ยังไง”

เธอถามแบบไม่เต็มเสียงนัก ลำคอแห้งผาก

“คนที่บาร์บอก”

เขาหายใจฮึดฮัด ราวกระทิงอยู่ในคอก พร้อมชนทันทีที่ประตูกั้นเปิดออก

“ฉันส่งน้องสาวมาเรียนในกรุงเทพฯ ไม่ใช่ให้มามั่วสุมกับเด็กไม่มีอนาคตอย่างน้องเธอ”

“แม้วไม่ใช่เด็กไม่มีอนาคต”

เมื่อได้ยินคำสบประมาท เลือดรักน้องจึงพลุ่งพล่าน

“ถึงเขาจะเรียนอาชีวะก็ไม่เคยไปดีกับใคร ตั้งใจเรียนตลอด แม้วตั้งใจจะเป็นวิศวกร”

ชายหนุ่มหัวเราะหึ

“เด็กที่ทำงานอยู่ในบาร์นั่นนะเหรอ มีแต่อบายมุขทั้งนั้น แล้วยังกล้าดีมาพาน้องฉันหนีอีก”

ดวงตาลึกภายใต้คิ้วรก ๆ มองเธออย่างหมิ่น ๆ แต่ก่อนที่ปุณิกาจะตอบโต้อะไร พวกผู้ชายที่ค้นบ้านเธอก็กลับมารวมกัน

“พวกเราค้นทั่วบ้านแล้วครับคุณเต้ย ไม่เจอคุณสตางค์กับนายแม้วนั่นเลย”

นายหน้าเสี้ยมรายงาน

“ในโรงจอดรถ มีแต่มอเตอร์ไซด์ของมันครับ”

ผู้ชายที่ลูกน้องเรียกคุณเต้ย...คำราม ลดศีรษะลงแล้วเชิดหน้าขึ้นมาใหม่

“เธอน่ะ โทรตามน้องเธอสิ”

ปุณิกาเอามือตบกระเป๋าสะพาย เมื่อเขามองมันอย่างหมายมาด ชั่วกะพริบตาเขาก็กระชากแย่งมันมาเสียจากเธอ หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะเจอผู้ชายไร้มารยาทขนาดนี้

เขาเทของในกระเป๋าลงบนโต๊ะรับแขก มือถือที่เพิ่งผ่อนหมดของเธอกระทบพื้นโต๊ะเสียงลั่น

“อ๊ะ!”

เธอผวา ยื่นมือพยายามเข้าไปแย่งทรัพย์สมบัติอันสำคัญ แต่คนแข็งแรงกว่าก็รวบข้อมือเธอไว้ด้วยมืออันใหญ่โต

เขาเปิดหารายชื่อจากเมนูสมุดโทรทัศน์ ไม่ทันไรก็เจอเบอร์เป้าหมาย กดนิ้วโทรออกด้วยแรงโทสะ แล้วกลับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินปลายสาย

“หมายเลขที่ท่านเรียกขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้”

“ห่าเอ้ย!”

เขาทิ้งมือถือทันที โชคดีมันตกลงบนโซฟา ปุณิกาอาศัยจังหวะเขาเผลอ สะบัดมือจากพันธนาการ รีบหยิบมือถือขึ้นมาลูบสำรวจความเสียหาย

เกิดความเงียบอันน่าอึดอัดใจขึ้นในห้องรับแขก รู้สึกเพดานกดต่ำ ราวจะทับให้ผู้อยู่ในห้องบี้แบนไปตาม ๆ กัน

“พวกมึงสองคนไปเฝ้าที่บาร์ หาข่าวจากเพื่อนไอ้เด็กแม้วว่ามันติดต่อใครบ้างไหม แล้วรีบโทรบอกกูทันที”

คนเป็นนายชี้นิ้วสั่งลูกน้อง

“ส่วนมึงไปเฝ้าหอน้องกู ลองถามว่าใครสนิทพอจะรู้เห็นความเป็นไปของสองคนนั่น หรือเห็นอะไรแปลก ๆ หรือเปล่า”

ผู้ชายตัวโต ๆ หายไปสาม แต่ยังเหลืออีกหลายคนในบ้าน

“เห็นแล้วใช่ไหมว่าน้องฉันไม่อยู่ พวกคุณกลับไปได้แล้ว”

“ไม่ไป ฉันจะเชื่อใจได้ยังไงว่าเธอไม่ได้ร่วมมือกับไอ้เด็กนั่นพาน้องฉันหนี”

ปุณิกาเม้มปากกับคำกล่าวหานั้น

“เป็นคุณจะยอมไหมล่ะ ที่จะช่วยน้องให้พาผู้หญิงหนี”

เธอล่ะอยากเจอปุณณภพเหลือ อยากซักไซ้ถามความจริงให้หมดจด

“เป็นฉันจะพูดกล่อมให้ใจเย็นเสียมากกว่า มีอะไรก็ค่อยพูดกันดี ๆ อย่าใช้อารมณ์แก้ปัญหา”

หญิงสาวหลุบตาหลบ สะใจที่เหน็บเขาได้

“ทั้งสองคนยังเด็ก แม้วอายุยังไม่เต็มยี่สิบ น้องคุณก็แค่สิบเจ็ด ผู้ใหญ่อย่างเราควรคุยกับเขาดี ๆ มากกว่าจะดุด่า”

หากปุณณภพพาน้องสาวเขาหนีจริง ๆ เธอก็พอจะรู้สาเหตุว่าเกิดจากอารมณ์ร้อนของเขาทั้งนั้น

“ฉันไม่คุยดีกับคนที่พาน้องฉันหนีหรอก”

คนดื้อยังยืนกราน

“นั่นก็แล้วแต่คุณ กลับไปกันได้แล้ว ถ้าแม้วกับน้องคุณกลับมาที่บ้าน ฉันจะคุยกับเขาเอง”

พอจะรู้เหตุผลที่น้องต้องใช้รถเธอแล้ว ขอภาวนาให้เขามีสติ ไม่ทำอะไรด้วยอารมณ์เป็นใหญ่ดังพี่ของสาวเจ้าเถิด

“ไม่! ฉันจะอยู่ที่นี่ จะรอจนกว่ามันจะกลับมา” ชายหนุ่ม ทิ้งก้นลงบนโซฟาห่างเธอไปไม่กี่คืบ

“แล้วกันคุณ นี่มันบ้านฉันนะ”

การอยู่บ้านตัวเองท่ามกลางคนแปลกหน้าที่เป็นชายล้วน เป็นประสบการณ์ที่เธอไม่อยากเจอเลย

“ฉันจะเชื่อใจได้ยังไงว่าถ้าน้องเธอมา จะไม่ช่วยกันพาน้องฉันหนีไปอีก”

ปุณิกากลอกตาขึ้นฟ้า พูดไปพูดมาเหมือนวนอยู่ในอ่าง เขาทำตัวไร้สมองผิดกับความใหญ่โตของร่างกาย

“เอาเถอะ เอาที่สบายใจ”

เธอพ่นลมออกจากปาก เดินไปห้องครัว ก่อนนึกขึ้นได้ว่าถุงโจ้กตกอยู่หน้าประตูรั้ว ...อวสานอาหารเย็นของจริง

เปิดดูในตู้เย็น ยังมีนมเหลืออยู่ เธอจึงรินดื่ม ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเผื่อแผ่แขกไม่ได้รับเชิญเลยสักนิด ก็แหม...คนบ้านเสียงออกปึงปังขนาดนั้น สภาพข้างบนคงเละ เป็นภาระให้เธอต้องออกแรงจัดเก็บอีกอยู่ดี คิดแล้วปุณิกาก็หนักไหล่ขึ้นมาทันใด

Related chapters

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 2 ผู้ชายเลือดร้อน

    เลือดในตัวสรวิชญ์กำลังเดือด ชนิดใครอยู่ใกล้เป็นต้องรู้สึกถึงไอร้อน เข็มวินาทีบนนาฬิกาที่ติดผนังทำเอาแทบบ้าเขาไม่น่าเชื่อคำพูดของสิริยาที่กล่อมขอมาเรียนในกรุงเทพฯเลย ดูเอาเถิด เกิดเรื่องจนได้ แล้วนี่ไอ้หนุ่มเด็กบาร์นั่นจะพาน้องเขาไปตกระกำลำบากที่ไหน แค่คิดเส้นเลือดก็ปูนเกร็งขึ้นขมับสรวิชญ์สมควรทำอะไรได้มากกว่าการนั่งรอ ลูกน้องเมื่อเห็นลูกพี่นิ่ง ต่างมองตากันเลิ่กลั่ก รู้ว่าเห็นเงียบแบบนี้พายุใหญ่กำลังจะมาเป็นแน่“เมี๊ยว...”ปุณิกาเผลอทำจานที่ตั้งใจมาปิดชามบะหมี่ระหว่างรอสุกตก เธอร้องเสียงแมวตามนิสัยปรกติ ทว่ากลับทำให้ความอดทนของใครบางคนขาดผึง เจ้าของร่างสูงผุดลุกจากโซฟารับแขก เดินดุ่มไปยังเธอที่เอาจานปิดชามบะหมี่สำเร็จแล้ว“น้องเธอพาน้องฉันหนีไปไหนก็ยังไม่รู้ เธอเป็นพี่ประสาอะไร ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ยังห่วงกินมาม่าอยู่ได้”เธอเห็นภาพกองไฟลุกในดวงตาสีนิล“ก็จะให้ทำอะไรได้ล่ะ โทรไปแม้วก็ไม่รับ แถมพวกคุณยังมาเพ่นพ่านเต็มบ้าน ฉันขอแค่กินมาม่าเอง”เขาช่างเถื่อน ไม่มีเหตุผล ไร้ระเบียบ เหมือนเคราที่ขึ้นรกเต็มใบหน้า“น้องหายไปทั้งคน รู้จักทุกข์รู้จักร้อนเสียบ้างสิ” ปุณิกาไม่พอใจในคำกล่าวหา แต่ต้อ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 3 หนี

    “ไม่ค่ะคุณ เอาฉันไปสาบานที่วัดไหนก็ได้ ขอให้ฟ้าผ่าตายในห้าวันเจ็ดวัน หรือให้ไม่มีแฟนตลอดชีวิตก็ได้”ทีแรกคนฟังไม่เชื่อ แต่พอขนาดเดิมพันกันเรื่องแฟน ...เธอยอมเชื่อก็ได้ แหม...สมัยนี้แฟนหายากกว่าเงิน ดูท่าคนขอความช่วยเหลือจะอายุไม่น้อยแล้วเสียด้วย ถึงจะสวยน้อยกว่าที่เธอไปหน่อยก็เถอะ“งั้นรออยู่นี่ ฉันแค่ไปบอกคนในปั๊มให้เท่านั้นนะ”คนแปลกหน้าตั้งใจจะช่วยเท่าที่พอช่วยได้ เมื่อออกจากห้องน้ำ หนุ่มหน้าโหดก็ปรี่มาถาม“คุณเห็นน้องสาวผมในห้องน้ำไหมครับ คนที่ผมยาว ๆ ใส่เสื้อเชิ้ต”ผู้ชายพวกนี้ดูไม่น่าไว้ใจจริง ๆ ด้วย โน่น มีหน้าโหดอีกสองคนมองมาจากทางฝั่งรถตู้“เห็นเขาล้างหน้าอยู่นะ”เธอแสร้งบุ้ยปากประกอบการตอบให้สมจริง หนุ่ม ๆ หน้าโหดจึงไม่ขวางอีกต่อไป เธอรีบเดินไปทางเด็กปั๊มคนที่อยู่ใกล้ที่สุด เล่าเรื่องให้ฟัง อีกฝ่ายจึงให้เด็กปั๊มหญิงชายคู่หนึ่งไปดูในห้องน้ำ“คุณ...กำลังมีปัญหาเหรอคะ ให้เรียกตำรวจไหม”ผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้ามาดูลาดเลาและเจรจา บางทีอาจจะเป็นเรื่องภายในครอบครัว รีบร้อนเรียกตำรวจมามีแต่จะเป็นเรื่องใหญ่เปล่า ๆ“ฉันถูกลักพาตัวมา ช่วยฉันด้วย”ปุณิการีบบอกเสียงตื่น ๆ“พวกมันจับฉันมากับรถ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 4 ซวยซ้ำซวยซ้อน

    เมื่อได้คำสั่งจากเจ้านายเช่นนั้น เหล่าหนุ่มหน้าโหดก็กลับขึ้นรถ เลี้ยวกลับไปยังศาลาที่ห่างไปประมาณสามกิโลเมตร มันเป็นศาลาครึ่งปูน โครงสร้างเป็นไม้ มีหลังคาสังกะสีทีแรกชายเหล่านั้นก็นั่งนิ่ง ๆ คุยกันเบา ๆ แต่ผ่านไปไม่นานก็เบื่อ ก้นที่นั่งแช่อยู่ก็เมื่อยขบ จึงลงไปนั่งหย่อนอารมณ์ที่ศาลา เห็นปลายบุหรี่แดงกวาบ ๆ ท่ามกลางความมืดและสายฝนพรำสรวิชญ์ยังนั่งอยู่ที่นั่งข้างปุณิกา เขาพิงหลังกับพนัก หลับตา มืดยังกอดอก เธอแอบหรี่ตามองแล้วค่อนแคะ ผู้ชายอะไร...ขนาดนอนยังหน้าเครียด คิ้วขมวดแทบเป็นโบอยู่แล้วเขานอนจริงละหรือ บางทีอาจเป็นกลลวงแบบเสือหลับ หลอกล่อให้เหงื่ออย่างเธอเยื้องกราย แล้วเขารอตะครุบ จับกินทั้งตัว ปุณิกาไม่โง่ขนาดนั้น เธอจะรอโอกาสเขาเผลอ เตรียมหนีทันทีโอกาสที่ว่านั้นมาทันใจ เมื่อเสียงมือถือเขาดัง“ห่าเอ๊ย! สัญญาณไม่ดีเลย”สรวิชญ์สบถใส่สายที่โทรมา“เดี๋ยวนะมึง กูเดินหาสัญญาณก่อน ที่นี่ฝนตกว่ะ”ชายหนุ่มเปิดประตูรถ แล้วปิดมันลง เดินเข้าศาลาไปรวมกับลูกน้อง นี่แหละโอกาสทองที่ปุณิการออยู่เธอเคลื่อนกายที่ถูกมัดไปยังประตูรถ พบว่ามันล็อก ปรกติใช้มือดันแล้วเลื่อนก็จะเปิดออกได้ แต่ตอนนี้ทั้ง

    Last Updated : 2024-10-29
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 5 คนป่วยฉุกเฉิน

    ลูกน้องไม่มีใครกล้าแตะตัวปุณิกา ทุกสายตามองไปที่เจ้านายผู้หัวเสียขั้นสุด“สภาพอย่างนี้คงหามเธอไปลำบาก”นายหน้าเสี้ยมกระแอม ชายหนุ่มถอนหายใจฮึดฮัด จำใจยอมรับตำแหน่งคนอุ้ม เอาร่างอรชรมาแนบอกตัวปุณิกาเย็นแทบเท่าสายฝน ปากก็สั่น นี่เธอหนีมาอยู่ที่นี่นานขนาดไหนแล้วหนอ หากงูไม่กัดก็ต้องโดนไข้หวัดเล่นงานแน่ เธอช่างบ้าบิ่น ทำอะไรไร้หัวคิดนัก ...พี่กับน้องเหมือนกันไม่มีผิด คนแบบนี้มีอะไรดี สิริยาถึงได้หลง ขนาดหอบผ้าผ่อนตามไป สรวิชญ์คิดหาเหตุผลไม่ออกเลยจริง ๆรถตู้วิ่งฝ่าสายฝนไปอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียดกรวดบนพื้นลูกรัง กระเด็นกระทบบังโคลนรถดังปึก ๆ“เธออย่าหลับ ประคองสติไว้ให้ถึงโรงพยาบาล”ผู้ชายแสนร้ายกาจที่เป็นตัวต้นเหตุแห่งโชคร้ายทั้งหมดของเธอ เขาสั่งอย่างไม่เห็นใจคนป่วย“ไม่รู้ว่างูที่กัดเธอมันมีพิษส่งผลต่อประสาทให้หลับหรือเปล่า เพราะฉะนั้นอย่าหลับ”“ฉันแค่พักสายตาหน่อยเดียวเอง”ปุณิกาเถียงขณะตาปรือ เธอเหนื่อยเหลือเกินเมื่อครู่ เนื้อตัวปวดเมื่อยอย่างกับโดนรถทับ“มีสติ มองหน้าฉันไว้”เขายังพูดไม่เลิก“ถ้าฉันตายจะมาเป็นผีหลอกคุณ”ศีรษะที่กลุ่มผมเปียกไปด้วยโคลนเอนพิงกระจก“คนปากเก่ง ๆ อย่างเธอไ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 6 ตัวประกัน

    ณ ที่แห่งนั้นเย็นสบายลมพัดระเรื่อย ท้องฟ้าสีสดใสจนเหมือนภาพวาด พระอาทิตย์สาดแสงส่อง แต่แปลกที่เธอไม่รู้สึกร้อน เท้าปุณิกาก้าวลงในผืนหญ้าเขียวนุ่มละมุนราวกำมะหยี่เธอไม่รู้เมื่อกันว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหน ในตอนนั้นยังก้าวไม่หยุด พลันสายตาเห็นต้นไม้ใหญ่แตกกิ่งเป็นพุ่มใหญ่ห้อยลงเกือบระพื้น ยกมือขึ้นหยีตาสู้แสงอาทิตย์ ในอกรัวแรงเป็นตีกลอง เมื่อเห็นร่างคู่หนึ่งยืนอยู่ที่โคนต้นไม้“พ่อคะ...แม่คะ”หญิงสาววิ่งตัวปลิวเข้าไปโผกอด ซบไซร้ในอกมารดาอุ่นที่เคยพึ่งมาแต่เยาว์วัย“มิ้มคิดถึงพ่อกับแม่ที่สุด”เธอบอกเล่าความรู้สึกด้วยเสียงอันสั่นเครือ รู้สึกราวกับกลายเป็นเด็กอนุบาลกลับบ้านวันแรกหลังเลิกเรียน โลกภายนอกน่าตื่นเต้นก็จริง แต่เธอรักบ้านที่มีพวกท่านทั้งสองอยู่ด้วยเป็นที่สุด“พ่อกับแม่มารับมิ้มไปอยู่ด้วยใช่ไหมคะ”ปุณิกาจำได้ว่าตนถูกงูกัด ถูกพามาโรงพยาบาล มีมือคนไม่รู้จักมาสาละวนจับทั่วร่างเธอ บางมือยังสอดโน่น เสียบนี่เข้าร่างกาย เธอรู้ตัวขยับไม่ได้ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง ด้วยไม่อาจจ้องแผงหลอดไฟจ้าบนเพดานห้องฉุกเฉินได้ ...บางทีพิษงูอาจทำให้ปุณิกาตายเสียแล้วกระมังแม่เป็นผู้ให้คำตอบโดยการสั่นศีรษะ“ยั

    Last Updated : 2024-10-29
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 7 ไร่สรวิชญ์

    สรวิชญ์พาเธอนั่งกลับรถตู้คันเดิม เพิ่มเติมคือเขาซื้อชุดคนป่วยให้เธอด้วย ปุณิกาอยู่ในสภาพหัวสั่นหัวคลอนเพราะรถวิ่งตามทางลูกรัง จนมาถึงสะพานเมื่อคืน น้ำลดลงแล้วรถจึงแล่นผ่านอย่างง่ายดายเธอมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่รู้จะทำอะไรดีทิวทัศน์ข้างนอกเห็นภูเขาอยู่ลิบ ๆ บนฟ้ามีเมฆอุ้มน้ำสีเทา เดาว่าฝนต้องตกอีกในไม่ช้า ข้างทางเต็มไปด้วยป่า ต้นไม้ใบหญ้าเมื่อได้น้ำเมื่อคืนดูสดชื่น เปล่งประกายเขียวสดหากเป็นเวลาปรกติเธอคงอดไม่ได้ที่จะต้องถ่ายภาพ แต่เวลานี้ไม่มีอารมณ์ กังวลถึงไร่ที่เขาจะพาไปมากกว่า จะเป็นไร่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี มีวัวลายจุดเล็มหญ้าอยู่หรือเปล่าท่าทางคนลักตัวเธอมาไม่ใจดีขนาดนั้น บางทีเขาอาจขังเธอไว้ที่กระท่อมปลายไร่โกโรโกโส แล้วที่เขาบอกว่าจะทำกับเธอเหมือนที่ปุณณภพทำกับน้องเขาอีกล่ะปุณิกาทำตัวลีบติดกระจก การขืนใจผู้หญิงเป็นการกระทำไร้อารยะ ผิดกฎหมาย ไร้ศีลธรรม แต่ท่ามกลางป่า ท่ามกลางไร่ไกลหูตาคนแบบนี้ เธอไม่แน่ใจในอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของคนพามานัก หวังแต่ขอให้เขาปรานีเหมือนตอนที่พาเธอมาโรงพยาบาลบ้างด้วยเถิดรถเริ่มเข้าสู่รั้วที่ขึงด้วยลวดหนาม แล่นไปอีกไม่ถึงสิบนาทีก็เห็นป้าย “ไร่

    Last Updated : 2024-10-29
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 8 แสนดี

    ปรกติมื้อเช้าปุณิกาดื่มน้ำเต้าหู้ หรือแค่หมูปิ้งสองไม้ข้าวเหนียวหนึ่งห่อ การกินมื้อเช้าที่พร้อมพรั่งแบบนี้ทำกระเพาะตื้อ แสนดีถามว่าจะเอากาแฟไหม เธอส่ายหน้าปฏิเสธ“นี่มึงจะไม่ถามหน่อยเหรอว่ากูอยากได้กาแฟไหม ไอ้แสน!”สรวิชญ์ว่าตอนที่พ่อครัวกำลังจะเดินจากไป“ไหนว่าเหนื่อย ไม่ได้นอนทั้งคืนไงนาย พักผ่อนเถอะ อย่ากินกาแฟเลย ผมหวังดีนะเนี่ย”“กูจะกินอะไรก็เรื่องของกู แสนรู้นักนะมึง ไปเอากาแฟมา”เจอหน้ากันแค่ไม่กี่สิบนาทีปุณิกาสงสารแสนดีเหลือเกิน ที่ต้องรับใช้คนเจ้าอารมณ์“มองฉันทำไม หรือวางแผนจะหนีอีก”เขาขึงตาดุ ไม่ล่ะ...ปุณิกาไม่ทำแล้ว สองครั้งที่ผ่านมาล้มเหลว ไปนอนโรงพยาบาล เกือบเอาชีวิตไม่รอด ตอนนี้เธออยากเก็บแรงไว้มากกว่า“เอามือถือมานี่ เผื่อน้องเธอโทรมา”เขาแย่งกระเป๋าสะพายที่หญิงสาววางไว้บนโต๊ะข้างตัว ค้นหามือถือเธอเอามายัดใส่กางเกง“นี่คุณ! นั่นมันของฉันนะ”สรวิชญ์แทบจะโยนกระเป๋าสะพายให้“ฉันต้องเก็บไว้ก่อน ถ้าไอ้เด็กนั่นโทรมาแล้วเธอเล่นตุกติกไม่บอกล่ะ”เขาวางระเบิดด้วยการฝากข้อความเสียง หากมันมีใจห่วงพี่เหมือนที่เธอห่วงมัน ปุณณภพต้องติดต่อมาแน่“เธอน่ะ เชื่อไม่ได้ หนีจากฉันสองครั้งแ

    Last Updated : 2024-10-29
  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 9 ไม่ใช่พระเอกในละคร

    “คุณมิ้มดี๊...ดีจ้ะ นอกจากสวยเหมือนนางเอกในทีวียังช่วยผมทำความสะอาดบ้านด้วย”สรวิชญ์มองเธอแล้วเหยียดยิ้ม ปุณิกาเชิดหน้าขึ้นสูง“เอ...ดีกว่าสาว ๆ ที่เพื่อนคุณเต้ยพามาอีก พวกนั้นดีแต่ทำตัวสำรวย สวยไปวัน ๆ”เธอเห็นจะต้องมองแสนดีเสียใหม่ หนุ่มพ่อบ้านปากร้ายพอตัว“ใครได้มาเป็นเมียต้องคิดหนัก จ่ายค่าคนใช้บาน”“บ้านฉันไม่ใช่คนรวยหรอกนะแสนดี เลยต้องสลับกันกับน้องทำงานบ้าน”“แค่นี้คุณมิ้มก็เหนือกว่าสาวกรุงเทพฯพวกนั้นเยอะ”หนุ่มรุ่นน้องยังยอไม่เลิก“พอแล้ว ไปทำกับข้าวให้กูกินไป หิว!”เขาสั่ง ก่อนหันหลังจากห้องไป“โอ้...โมโหหิวนี่เอง”แสนดีปล่อยลมหายใจออกพรืด“ให้ฉันช่วยทำข้าวกลางวันไหม”“ไม่ต้องหรอกครับ คุณมิ้มไปอาบน้ำ มารอกินข้าวเถอะ”แล้วแสนดีก็ออกจากห้องไปอีกคน เธอจึงเก็บอัลบั้มรูปเข้าชั้นเหมือนเดิม เดินขึ้นห้องไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว ล้วนมีแต่เสื้อยืดกับผ้าถุงหลวม ๆ แสนดีเล่าว่ากางเกงขายหมดแล้ว ต้องรออีกสองสามวันของถึงจะมาใหม่เธอพันผ้าถุง แนบลำตัว เหลือส่วนเกินเป็นคืบ ต้องเหน็บแล้วม้วนไว้ที่เอว กระนั้นยังเห็นส่วนเว้าโค้งชัด ปุณิการู้สึกไม่มั่นใจเลยในการสวมชุดไม่คุ้นเคยแบบนี้ ได้แต่ปลอบตนเอ

    Last Updated : 2024-10-29

Latest chapter

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 32 บทส่งท้าย

    หากไม่อยู่ในอารมณ์โกรธ สรวิชญ์คือคนสุขุมคนหนึ่ง เขาแสดงออกโดยการจัดการจดทะเบียนสมรสกับปุณิกาเสียในบ่ายนั้น“ฉันอยากให้ลูกเกิดภายใต้ทะเบียนสมรส”เธอมองกระดาษแผ่นที่ชาตินี้ตัวเองไม่คิดว่าจะได้มันมาอย่างงง ๆ จู่ ๆ เธอก็กลายเป็นนาง พ่วงด้วยนามสกุลอะไรสักอย่างที่ยาว ๆ“คำนำหน้าเอาเป็นนางเลยนะ จะได้ไม่ต้องไปทำไข่เจียวกะเพราปลากระป๋องให้ใครกิน”คนหน้าดุบอกต่อหน้าเจ้าหน้าที่จดทะเบียน“นามสกุลเขาก็ใช้ของผม”สรวิชญ์ทำตัวเป็นเจ้าชีวิตเธอทุกเรื่อง แต่เอ...ไข่เจียวกะเพราปลากระป๋อง“ฉันทำเมนูนี้อร่อยนะ พ่อฉันก็ชอบกิน”“ต่อไปทำฉันกินคนเดียว”เธอทำท่านึก“ต้องให้แสนดีเป็นหนูทดลองชิมก่อน ไม่ได้ทำตั้งนานแล้ว กลัวฝีมือตก”“ให้ไอ้แสนเป็นหนูทดลองไม่ได้”ปุณิกาคอย่น เขาทำเหมือนโกรธเสียเต็มประดา“ฉันจะเป็นคนกินเอง”หญิงสาวโคลงศีรษะ เอาล่ะ...อยากเป็นหนูทดลองก็จะยอมให้เป็น หลังออกจากสำนักงานเขตเขาก็สั่งคนขับรถมุ่งกลับไร่ ทิ้งกรุงเทพฯและปุณณภพไว้เบื้องหลัง น้องชายบอกแล้วว่าจะมาเยี่ยมในปลายเดือนนี้ ระหว่างทางสรวิชญ์ก็ยกมือเธอขึ้น สวมแหวนฝังทับทิมสีแดงที่นิ้วนางของเธอ“ไปแอบซื้อตอนไหนคะ”อัญมณีเล่นไฟทอประกายสวย

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 31 จะเป็นเรื่องเล่าจากพ่อแม่สู่ลูก

    มีผู้คนในซอยกลับมาดูสภาพความเสียหายอยู่พอสมควร แต่ก็ได้เพียงอยู่นอกเส้นสีเหลืองกั้น ที่ทั้งอาสาทั้งตำรวจ คอยบอกไม่ให้ล้ำเส้นกั้นเข้ามาปุณิกากับปุณณภพเห็นสภาพซอยที่เคยคึกคัก บ้านที่เคยสวยงาม จนบัดนี้เหลือแต่ตอตำ กลิ่นไหม้ลอยคละคลุ้งเสียดแทงจมูกไปถึงในหัวใจ ผู้ประสบภัยบางคนร้องไห้ตัวโยน ร้องบอกว่าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...หมดตัวแล้ว ปุณิกาจำได้ว่าคนนี้เป็นเพื่อนบ้านกลางซอยสรวิชญ์มาจับแขน ดึงเธอกลับจากภวังค์ เป็นสัญญาณให้รีบไป เพราะใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเกินเสียแล้วห้างสรรพสินค้าคือสถานที่ต่อไปซึ่งเขาพามา สรวิชญ์สั่งให้คนขับเลี้ยวรถไปยังห้างแรกที่เห็น เขาเอารถเข็นให้ ปล่อยปุณิกาเลือกซื้อเสื้อผ้าตามใจ โดยมีตัวเองเดินตามอยู่ไม่ห่าง แม้กระทั่งเข้าแผนกชุดชั้นใน“ไปที่อื่นก่อนได้ไหม ฉันขอซื้อของส่วนตัว”ปุณิกาหยุดรถอย่างเหลืออด หน้าหุ่นโชว์ใส่บราเซียร์ลูกไม้สีดำยั่วยวน“ฉันเป็นเจ้าของเงินนะ ขอดูด้วยสิว่าคุ้มหรือเปล่า”สรวิชญ์ชอบที่เธอกลับมาปีนเกลียวกับเขาได้เหมือนเดิม นี่แหละปุณิกาของเขา“ฉันไม่ต้องการความเห็นคุณ เพราะคนใส่คือฉัน”“แต่คนถอดก็เป็นฉันอยู่ดี”ชายหนุ่มแกล้งมองเธอตลอดร่าง แบบที่ปุณิ

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 30 ต้นเหตุอาการป่วย

    “ก็เหมือนที่นายทำกับสตางค์นั่นแหละ เอามิ้มเป็นเมีย”สรวิชญ์ตอบแบบหน้าตาเฉย อีกฝ่ายง้างหมัดเตรียมชกแล้ว หากไม่ได้ยินเสียงหนึ่งเสียก่อน“แม้วหยุดนะ!”ปุณิกาห้ามเขาด้วยเสียงจริงจัง“คุณก็ได้ด้วยคุณเต้ย หยุดยั่วแม้วเสียที”รถเข็นเธอชะงัก พนักงานเลิ่กลั่กรอดูเหตุการณ์“แต่มันทำพี่ท้องนะ”“พี่อาจมีปัญหาในช่องท้อง ไม่ได้มีเด็กก็ได้ อย่าตื่นตูมไป คุณคะ เข็นต่อไปเลย”ปุณิกาหลบสายตา หันบอกพนักงาน การเดินทางไปยังแผนกสูตินรีเวชจึงเริ่มต่อไป รถเข็นเธอไปจอดยังแถวเก้าอี้ที่นั่งรอหมอเรียกหญิงสาวประสานมือกันแน่นจนเห็นข้อขาว เธอคงไม่โชคร้าย ขนาดเจอแจ็คพอตติดกันซ้อน ๆ แบบนี้หรอก ตั้งแต่โดนลักพาตัว กลายเป็นว่าที่คุณป้า บ้านโดนไฟไหม้ และเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นี่ ...เธออาจตั้งท้องเสียงพยาบาลเรียกชื่อ เป็นดังเสียงขาลให้ก้าวเข้าสู่ลานประหาร สรวิชญ์เข้ามาแย่งเข็นเธอไปยังห้องพบแพทย์“คุณปุณิกานะครับ”นายแพทย์สูงวัย ที่สวมแว่นสายตาเลื่อนมากลางดั้งจมูก มองประวัติเธอในจอคอมพิวเตอร์ แล้วยิ้มให้“ค่ะ”เธอรับคำด้วยเสียงอันแห้งผาก สายตาแลไปเห็นเก้าอี้ที่มีขาหยั่ง และจอมอนิเตอร์ข้างกัน“เรามาขึ้นขาหยั่งดูน้องกัน

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 29 อาการป่วยแทรกซ้อน

    ปุณิกามายืนอยู่ในสถานที่เดิมอีกแล้ว ณ ที่ท้องฟ้าสีฟ้าใส เมฆขาวเป็นปุยลอยละล่อง มีลมเย็นพัดประพรมผิว ใต้เท้าเป็นพื้นหญ้าเขียวสดนุ่มดังกำมะหยี่ไกลออกไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาแทบระดิน พ่อกับแม่ยืนเคียงกันอยู่ตรงนั้น เธอยิ้มแล้วเดินไปหา สงสัยนี่คงจะเป็นการมารับเธอไปอยู่ด้วยจริง ๆ บางทีปุณิกาอาจตายเสียแล้วในกองเพลิงอีกแค่เอื้อมก็จะถึงร่างบุคคลอันเป็นที่รัก แต่มีมือแข็ง ๆ สีทองแดงมายึดแขนเธอไว้เสียก่อน“ปล่อยนะ ฉันจะไปหาพ่อกับแม่”ปุณิกาขมวดคิ้วเอ็ดเขา ดูเอาเถิด แม้เป็นการขึ้นสวรรค์อันผาสุกสรวิชญ์ยังจะตามมาราวีเธอไม่เลิก“...อย่าไป”เสียงห้าวที่เปล่งออกมานั้นคือคำสั่งชัด ๆ ดวงตาสีรัตติกาลเข้มดุจ้องเขม็งมายังเธอ“ปล่อยสิ...คุณเต้ย”เขาได้ทุกอย่างไปจากเธอแล้ว ได้เอาคืนปุณณภพสมใจ แล้วเหตุใดยังมาเร้าหรือ ฉุดรั้งเธอไม่ให้ไป“พ่อคะแม่คะ”ปุณิกายื่นมือออกไป หวังให้ท่านช่วย มารดาส่ายหน้าแล้วส่งยิ้ม“ยังไม่ถึงเวลาของมิ้มหรอกจ้ะ...อยู่กับเขาก่อนนะ”“มิ้มไม่เอาเขานะคะ พ่อแม่...”เธอร้องสุดเสียง ร่างสรวิชญ์หมุนวนกลายเป็นจุดดำฉุดร่างเธอให้ม้วนเป็นเกลียว ดิ่งลึกสู่ห้วงมืดสนิทตาโตลืมตื่นขึ้นในท

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 28 ผู้หญิงที่ห่วงใย

    “ห่าเอ๊ย!”สรวิชญ์สบถแทบจะทุกสิบนาทีที่อยู่บนรถ ชายหนุ่มวิ่งแซงซ้ายปาดขวาด้วยใจร้อนรน มือถือวางไว้ตรงคอนโซลรถเปิดไลฟ์สดข่าวไฟไหม้ในซอยบ้านปุณิกาเกือบสองชั่วโมงแล้วผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพลิงยังไม่สงบ มีการสัมภาษณ์ผู้คนในซอย สรวิชญ์ภาวนาให้ตนได้ยินเสียงปุณิกาด้วยเถิดแต่คำอธิษฐานของคนไม่ศรัทธาในคุณพระคุณเจ้าอย่างเขาไม่ได้ผล เพราะคนที่นักข่าวไปสัมภาษณ์กี่คนต่อกี่คนก็ไม่ใช่เธอชายหนุ่มมองป้ายสีเขียวที่ตั้งโดดเด่น บอกว่ากำลังจะเข้าเขตกรุงเทพฯ แม้เป็นช่วงกลางคืนแต่รถในเมืองหลวงยังคลาคล่ำเขาต้องอดใจไม่กดแตรโวยวายใส่รถคันหน้า ตอนนั้นจำได้คร่าว ๆ ว่าบ้านปุณิกาต้องขึ้นทางด่วนไปเส้นไหนละวะ ปรกติเขาจำเส้นทางได้แม่น แต่ตอนนั้นไม่ได้ขับรถเอง และความโกรธก็บังตา ส่วนไอ้คนขับรถโน่น...เคล้าสุรานารีอยู่ซ่องเจ๊นวล ตัวเลือกเดียวคือเขาพอจะพึ่งได้ก็คือ“ครับ”คนรับสายรับแบบไม่มีงัวเงียสักนิดเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์เจ้านาย“มึงจำทางไปบ้านไอ้แม้วได้ไหม”วสันต์เป็นคนนั่งหน้าข้างคนขับในวันนั้น เขาจึงเป็นอีกหนึ่งคนที่น่าจะจำเส้นทางได้“ครับ...แขวงXXX เขตXXX ถนนXXX ซอยXXX บ้านเลขที่XXX หลังคาสีฟ้า”ลูกน้องความจำดี

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 27 เหตุร้าย

    ค่ำคืนนี้ปุณิกาจาม น้ำมูกไหล ศีรษะปวดจี๊ด ๆ จึงกินยาแก้ปวดไปสองเม็ด เธอโทษว่าอาจด้วยเพราะอากาศเปลี่ยน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาวอย่างเช่นเมื่อตอนกลางวัน แดดเปรี้ยงอยู่ดี ๆ ไม่ถึงยี่สิบนาทีฝนก็ตก ทำให้เธอและเพื่อนร่วมออฟฟิศที่เพิ่งกินข้าวกลางวันมา ต้องวิ่งฝ่าฝนโปรยเข้าออฟฟิศเพราะกลัวเข้างานช่วงบ่ายช้า นี่อาจเป็นเหตุเสริมความผิดปรกติของร่างกายในคืนนี้ปุณิกาเข้านอนตามปรกติ แล้วก็ต้องตื่นเพราะเสียงเอะอะรอบบ้าน เธอเปิดหน้าต่างออกดูเห็นคนวิ่งกรูมากลางซอย“ไฟไหม้ ๆ”เสียงตะโกนต่อเป็นทอด ๆ เรียกความสนใจให้เธอชะเง้อคอดูจากหน้าต่าง จมูกได้กลิ่นไหม้ฉุนรุนแรง ตาเห็นเปลวเพลิงสีแดงอมส้มเริงระบำตามกระแสลมโหมหญิงสาวรีบปิดหน้าต่างลงออกมาจากห้องทันที เมื่อถึงหน้าประตูบ้านก็พบว่ารถติดยาว ทั้งรถยนต์ ทั้งมอเตอร์ไซด์ ต่างคนต่างรีบพาพาหนะอันมีค่าหนีไปให้พ้นจากพระเพลิงที่กำลังโหม“โธ่เว้ย! ติดกันแน่นคับซอยอย่างนี้ รถดับเพลิงจะเข้าได้ยังไง”ผู้เฒ่าชายที่บ้านใกล้กับเธอบ่น“เห็นแก่ตัวกันจริง ๆ เดี๋ยวไฟก็ยิ่งไหม้ลามหมด”“บ่นอยู่นั่นแหละตาแก่ รีบหนีก่อนเร็ว ออกไปให้พ้นซอย รักษาชีวิตไว้ดีกว่า”เฒ่าหญิงบ้านเดียวกันรี

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 26 ทำเพราะห่วงน้องสาวหรอกนะ

    “คุณเต้ย!”แม่เล้าวัยกลางคนที่สวมเสื้อคว้านคอลึกอวดเนินทรวงอวบอัด ร้องทักอย่างยินดีเมื่อเห็นเขาก้าวเข้าสู่อาณาจักรความบันเทิงของท่านชาย ซึ่งคืนนี้คลาคล่ำไปด้วยลูกค้าอารมณ์เปลี่ยว มาหาความอบอุ่นและรับบริการจากสาว ๆ“คิดถึงจังค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดว่าเสร็จสาวไหนไปแล้วเสียอีก”นวลส่งยิ้มที่เจ้าตัวคิดว่าหยาดเยิ้มที่สุดให้ ใบหน้าฉาบด้วยเครื่องสำอางประทินผิวปิดบังอายุที่แท้จริง ที่น่าจะอยู่ในวัยคุณน้าเขาแล้ว“คืนนี้เหงาใช่ไหมคะ เดี๋ยวนวลหาน้อง ๆ ไปบริการให้”นางกวักมือเรียกหนุ่มในอาณัติให้พาแขกวีไอพีเช่นสรวิชญ์ไปยังห้องรับรองที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ไม่ทันไรสุราอย่างดี น้ำแข็งเย็น ๆ และกับแกล้มก็เรียงรายเสิร์ฟเต็มโต๊ะลูกน้องสรวิชญ์ทุกคนคุ้นเคยกับสถานที่ดี บ้างก็ถามหาเด็กใหม่จากบริกร บางคนสมัครใจจะซบอกคู่ขาเดิม ๆ เพราะคุ้นเคยกลิ่น แบบเข้าสำนวนวัวเคยขาม้าเคยขี่ รู้จังหวะเข้าขาลีลากันดีบนเตียงนวลเข้าห้องมาพร้อมกับสาวหน้าใสสองคน หนึ่งผมดำยาวสยายถึงกลางหลังสวมชุดแซกเกาะอกสีแดงสั้นแค่ต้นขา อวดความอวบอัดน่าฟัดของหุ่น อีกคนผมน้ำตาลอ่อนใส่สายเดี่ยวปักเลื่อมลายหัวใจชมพูกระโปรงยีนสั้น อวดคว

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 25 คนที่คิดถึง

    “ไอ้หมอนั่นทำอะไรพี่หรือเปล่า”ปุณณภพเอ่ยทำลายความเงียบหลังรถคันเก่งของปุณิกาแล่นไปบนทางหลวง ทิ้งป้ายไร่สรวิชญ์ไว้ด้านหลัง“เรียกเขาดี ๆ หน่อยสิ นั่นน่ะพี่สตางค์ เมียเธอนะแม้ว”หญิงสาวไม่ยอมสบตาคนนั่งข้าง ทำทีเป็นสนใจทางข้างหน้า“เอ้อ...นั่นแหละ มันเอ๊ย! เขาทำอะไรพี่มิ้มหรือเปล่าตอนพามาอยู่ไร่”“แค่ขู่นิดหน่อย แล้วพามาเป็นตัวประกันไว้แลกหมูแลกแมวกับสตางค์”เกิดความเงียบระหว่างสองพี่น้องอีกครั้ง ก่อนผู้อ่อนวัยกว่าจะกล่าว“ผมขอโทษ”เธอเหลือบเห็นเขาหน้าม่อย คอตก“ผมทำให้พี่มิ้มมาลำบากด้วย”“อือ...รู้ก็ดีแล้ว”มองรอยช้ำบนใบหน้าปุณณภพแล้วก็สงสาร แต่เธอบอกตัวเองว่าไม่ควรโอ๋เขาจนเกินไป ปุณณภพควรได้รับบทเรียน“เรื่องนี้คนลำบากไม่ใช่พี่คนเดียว ทั้งสตางค์ ทั้งพี่ชายเขาก็ลำบากด้วย”เธอเลี่ยงเรียกชื่อเล่นอีกฝ่าย ...ไม่อยากให้ความสนิทสนม เรื่องที่เกิดในไร่ก็ควรจบเสียแต่ในไร่ อย่าให้มันมาเพ่นพ่าน เกะกะหัวใจเลย“ต่อไปนี้แม้วไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ มีสตางค์กับลูกด้วยที่ต้องดูแล ทำอะไรต้องคิดให้มาก”“ผมไม่ทิ้งสตางค์กับลูกแน่”น้องชายเงยหน้าให้คำมั่นกับเธอด้วยตาลุกวาว“ได้ยินอย่างนี้พี่ก็สบายใจ เวลามาหา

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 24 ไปตั้งหลัก

    “แล้วจะทำยังไงล่ะคุณเต้ย ท้องสตางค์มีแต่จะโตขึ้นเรื่อย ๆ คุณจะตอบคำถามคนอื่นว่ายังไง”ปุณิกาปรับเสียงเป็นโทนอบอุ่นน่าฟัง“น้องเธอมันมัดมือชกน้องฉัน มันกะมาปอกลอกสตางค์ละสิ”“ผมไม่เคยคิดจะปอกลอกสตางค์เลยนะ”ปุณณภพโต้“ใช่ค่ะ แม้วคิดว่าสตางค์เป็นเด็กใจแตกด้วยซ้ำ ตอนสตางค์กระเป๋าเงินหายยังให้ค่าแท็กซี่กลับหอด้วย”สิริยาเล่าความดีของคนรักด้วยความภาคภูมิใจ แต่แล้วก็หลบวูบเมื่อพี่ชายส่งสายตาฉุนเฉียวให้“น้องเธอยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ จะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงสตางค์กับลูก”พี่ชายจี้ประเด็นเดิม งานนี้พี่สาวอย่างปุณิกาต้องให้ความแน่ใจ“ตอนพ่อแม่ฉันตาย ทิ้งสมบัติไว้นิดหน่อย ครึ่งหนึ่งมันเป็นของแม้ว ฉันจะเอาเงินมาให้เขา”“หึ...สุดท้ายก็ขายสมบัติเก่า”เธอเก็บความขุ่นเคืองในถ้อยคำดูถูกนั้นไว้เสีย จะพลอยให้เขากวนสถานการณ์ชวนอารมณ์ฉุนอีกไม่ได้“บ้านฉันไม่มีไร่ ไม่มีบ้านใหญ่เหมือนคุณ แต่ก็พอเลี้ยงกันไปได้ จนกว่าแม้วจะเรียนจบปริญญาตรีในอีกสองปี พอเขาหางานได้ หลานเข้าอนุบาล ฉันจะให้สตางค์เรียนกศน. ช้าหน่อย แต่ไม่ทำลายอนาคตเขาแน่ อย่างน้อยก็ต้องมีปริญญาติดตัว”ทุกคนอึ้งในแผนที่ปุณิกาวางไว้ เห็นจะมีเสียก็แต่...

DMCA.com Protection Status