Share

Chapter 3 หนี

“ไม่ค่ะคุณ เอาฉันไปสาบานที่วัดไหนก็ได้ ขอให้ฟ้าผ่าตายในห้าวันเจ็ดวัน หรือให้ไม่มีแฟนตลอดชีวิตก็ได้”

ทีแรกคนฟังไม่เชื่อ แต่พอขนาดเดิมพันกันเรื่องแฟน ...เธอยอมเชื่อก็ได้ แหม...สมัยนี้แฟนหายากกว่าเงิน ดูท่าคนขอความช่วยเหลือจะอายุไม่น้อยแล้วเสียด้วย ถึงจะสวยน้อยกว่าที่เธอไปหน่อยก็เถอะ

“งั้นรออยู่นี่ ฉันแค่ไปบอกคนในปั๊มให้เท่านั้นนะ”

คนแปลกหน้าตั้งใจจะช่วยเท่าที่พอช่วยได้ เมื่อออกจากห้องน้ำ หนุ่มหน้าโหดก็ปรี่มาถาม

“คุณเห็นน้องสาวผมในห้องน้ำไหมครับ คนที่ผมยาว ๆ ใส่เสื้อเชิ้ต”

ผู้ชายพวกนี้ดูไม่น่าไว้ใจจริง ๆ ด้วย โน่น มีหน้าโหดอีกสองคนมองมาจากทางฝั่งรถตู้

“เห็นเขาล้างหน้าอยู่นะ”

เธอแสร้งบุ้ยปากประกอบการตอบให้สมจริง หนุ่ม ๆ หน้าโหดจึงไม่ขวางอีกต่อไป เธอรีบเดินไปทางเด็กปั๊มคนที่อยู่ใกล้ที่สุด เล่าเรื่องให้ฟัง อีกฝ่ายจึงให้เด็กปั๊มหญิงชายคู่หนึ่งไปดูในห้องน้ำ

“คุณ...กำลังมีปัญหาเหรอคะ ให้เรียกตำรวจไหม”

ผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้ามาดูลาดเลาและเจรจา บางทีอาจจะเป็นเรื่องภายในครอบครัว รีบร้อนเรียกตำรวจมามีแต่จะเป็นเรื่องใหญ่เปล่า ๆ

“ฉันถูกลักพาตัวมา ช่วยฉันด้วย”

ปุณิการีบบอกเสียงตื่น ๆ

“พวกมันจับฉันมากับรถตู้”

ยังไม่ทันที่เด็กปั๊มจะทำอะไร เสียงเข้ม ๆ ก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ทำอะไรอยู่น่ะมิ้ม ช้าจัง”

ร่างสรวิชญ์ยืนตระหง่านอยู่หน้าทางเข้าห้องน้ำ

“คิดว่าเป็นลมไปแล้วเสียอีก”

เขาขมวดคิ้ว ขณะปุณิกาอ้าปากค้าง ...เขารู้ชื่อเล่นได้ยังไง เธอไม่เคยบอก

“อ้าว! รู้จักกันเหรอคะ”

เด็กปั๊มมองทั้งสองสลับกัน ห่างไม่ไกลเด็กปั๊มผู้ชายก็โดนคนของเขาประกบ

“ครับ เมียผมเอง”

“ใครเป็นเมียคุณ ไอ้คนป่าเถื่อน!”

เธอแว้ดให้กับการโมเมนั้น

“เห็นไหม เขาโกรธผมนิดหน่อย”

ขายาว ๆ ก้าวมาหาเธอ แขนตวัดโอบเอว

“ดีกันนะมิ้ม”

เขาออกแรงกระชับเอวคอด เป็นผลให้ร่างนุ่มนิ่มมาบดเบียดเนื้อแข็ง ๆ

“อยู่นิ่ง ๆ ไม่งั้นฉันจะเล่นหนังสดเป็นเธอในห้องน้ำนี่แหละ”

สรวิชญ์กระซิบลอดไรฟัน ปุณิกาสบตาคมดุนั้นอย่างไม่ยอมเช่นกัน

“อื้อ...”

โลกหยุดนิ่งไปเมื่อริมฝีปากสีเข้มประทับกลีบกุหลาบบาง ตาหญิงสาวเบิกโพลง เป็นผลให้ปากเผยอ คนรุกรานจึงเข้ามาโดยง่าย ส่งเรียวลิ้นชิมความหวานของโพรงน้ำผึ้ง

“อื้อ...”

เธอดิ้นขลุกขลักหนี แต่อ้อมแขนยิ่งโอบกระชับ ลมหายใจขาดห้วง เหมือนดังจมสู่น้ำลึก

“ถ้าอยากได้มากกว่านี้เราจะไปต่อกันที่ไร่”

ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกพร้อมเหยียดยิ้ม ปุณิกาตัวอ่อนยืนแทบไม่ไหว ต้องกำมือกับเสื้อเขาไว้ รีบสูดลมหายใจเข้าปอด

“ก็อย่างนี้แหละ ผมกับแฟนทะเลาะกันนิดหน่อย”

เธอส่งสายฉุนเฉียวให้ แต่เขาจึงตาดุเป็นคำสั่งห้ามพูด

“โทษทีที่ทำให้วุ่นวาย กลับกันเถอะมิ้ม”

สรวิชญ์ใช้แขนดันหลังคนอยู่ในเอวให้ออกจากห้องน้ำ

“อย่าขัดขืน ไม่งั้นฉันจะฆ่าเธอเสีย”

เขากระซิบขู่ขวัญ เป็นผลให้เธอขนลุกเกรียว ยอมตามไปขึ้นรถตู้ด้วยแต่โดยดี

เข้ามาแล้วสรวิชญ์ไม่พูดพล่ามทำเพลง จับผ้ามัดปากปุณิกา มัดเพิ่มอีกทั้งมือและขา

“ฤทธิ์มากนัก เห็นฉันใจดีหรือยัง”

ถ้าไม่ได้ลางสังหรณ์ว่าคนพี่พามาจะตุกติก ตัวประกันอย่างปุณิกาคงหนีไปแล้ว ...ร้ายนัก ปล่อยไปห้องน้ำไม่กี่นาทีจึงหาคนช่วยได้

“พวกมึงเหยียบเต็มตีนเลย ให้ถึงไร่เร็วที่สุดก่อนกูจะหักคอแม่นี่ ฤทธิ์เยอะ กวนตีนกูทั้งพี่ทั้งน้อง”

สรวิชญ์จะหยาบ ไม่สุภาพต่อคนที่เขาเห็นว่าอยู่ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งตำแหน่งตรงนั้นตกเป็นของเธอ

“อื้อ...”

ปุณิกาพยายามส่งเสียงผ่านผ้า ตามองเขาอย่างคั่งแค้น ผู้ชายคนนี้ เลวที่สุด จับเธอมา โมเมว่าเป็นเมีย ขโมยจูบ แล้วยังข่มขู่อีกแน่ะ

เวลาอ่านนิยายตบจูบนี่ฟินกับฉากแบบนี้ แต่ในความเป็นจริงอยากข่วนหน้าเขานัก เข้าใจอยู่ว่าโกรธ แต่อย่ามาพาลพาโล เอากับคนที่ไม่รู้เรื่องอย่างเธอสิ

ไม่กลัวกฎหมาย ไม่กลัวเธอฟ้องกลับเลยละหรือ เขาคงคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมาย ไม่มีใครลงโทษได้ แต่ปุณิกาไม่ยอมหรอก เธอจะยอมนิ่งก่อน หากมีโอกาสเมื่อไรจะหนีอีก

ชักเข้าใจความรู้สึกน้องสาวเขาแล้ว มีพี่ที่ใช้อารมณ์นำเหตุผลอย่างนี้ เป็นใครก็อยากหนี ปุณิกาภาวนาขอให้ปุณณภพและน้องสาวเขาหนีให้รอด หากไปทางใต้ก็ให้ออกด่านไปมาเลเซียเลย คนอารมณ์ร้อนคงแทบคลั่งใจตาย

สรวิชญ์มองผู้หญิงที่โดนมัดไว้ เธอเอนศีรษะพิงหน้าต่าง ตาหลับลง ...เมื่อกี้เขาแค่แสดงไม่ให้คนอื่นจับพิรุธ ไม่ให้เธอได้ทันโวยวาย ใช้ข้อมูลที่สืบได้ของเธอและปุณณภพมาเป็นประโยชน์

รายงานบอกว่าเธอยังโสด แต่ใครละจะคิดว่าซิง ขนาดจูบยังเยอะ ๆ งะ ๆ จนวูบหนึ่งเขารู้สึกกำลังกลับเป็นเด็กหนุ่ม ผู้มอบจูบแรกแก่สาวน้อย

นั่นล่ะนะ...มันเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ผ่านมาเหมือนสายลมในคืนฤดูร้อน เย็นนิดเดียวแต่ไม่อาจข่มความเดือดในอารมณ์ ยังหาสิริยาไม่เจอเลย ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีการส่งข่าว

เขาไม่ชอบสถานการณ์เงียบสงบแบบนี้เลย เพราะมันมักมีเหตุใหญ่ตามมา สรวิชญ์ไม่อาจเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของปุณณภพเรื่องพาน้องสาวหนี ผู้ชายเหมือนกันดูออก ต้องมีเหตุการณ์สำคัญที่เป็นจุดพลิกผัน

สรวิชญ์ขบกรามกำมือแน่น ขออย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้เลย ขออย่าให้การกระทำครั้งนี้เป็นการตัดอนาคตอันสดใสของน้องสาว สิริยาควรมีชีวิตวัยเรียนที่สดใสกว่านี้ เธอไม่ควรต้องมาเป็นคุณแม่วัยใส

และหากเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับพ่อหลานที่เขาไม่ต้องการ จะจัดการเสียก็กลัวน้องเป็นหม้าย จะละเว้นไว้ก็กลัวเสียอนาคต

โว้ย! ปวดหัว

เหลือบตามองร่างที่พิงกระจก สบายเสียจริงแม่คุณ หลับเสียแล้ว นี่เขาพามาเป็นตัวประกันนะ ไม่ใช่พามาเที่ยว

แต่ก็ดีเหมือน หลับไปเสียจะได้สิ้นฤทธิ์ เขาไม่มีอารมณ์จะปะทะด้วยตอนนี้ กลัวตัวเองพลั้งมือทำร้ายเธอ เพราะทั้งปุณิกาและปุณณภพกวนอารมณ์เขาเสียเหลือเกิน

หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจจะหลับ แค่หลบสายตาไม่อยากมองคนป่าเถื่อน เมื่อโลกมืดมิดเธอก็ได้อยู่กับตัวเอง สติเริ่มมีมากขึ้น

ปุณิกาต้องนิ่ง รอดูสถานการณ์ก่อน ในรถและสภาพที่โดนมัดมือมัดเท้าคงทำอะไรไม่ได้มาก ผู้ชายคนนี้พูดถึงไร่

ถ้าเดาตามนิยายที่เคยอ่านมา พระเอก(ซึ่งเธอคิดว่าไม่ใช่เขา)ต้องมีไร่อยู่แถวปากช่อง เลี้ยงวัว เลี้ยงม้า ปลูกองุ่น ทำถึงเป็นพืชชนิดนี้นะหรือ คนเขียนนิยายคงคิดว่าเท่ดี ครั้นจะให้ปลูกต้นสาเกก็ออกจะแปลกไปหน่อย

เธอยิ้มกับตัวเอง หากคิดอะไรแปลก ๆ แบบนี้ได้แสดงว่าสติกลับมาเต็มร้อยแล้ว เหลือบตาหรี่มองคนนั่งข้าง เขากอดอกตามองตรงไปยังทางข้างหน้า

อึดจริงพ่อเจ้าประคุณ ไม่เมื่อยเหนื่อยบ้างหรือยังไง เพราะดูท่าเขาคงรีบร้อนมาจากไร่ เสื้อผ้ายังมีกลิ่นเหงื่อปนกลิ่นหญ้าแห้ง

...แล้วปุณิกาไปสนใจกลิ่นเขาทำไม ผู้ชายคนนั้นคือคนเถื่อน หนุ่มชาวไร่ จับเธอมัดแบบไม่ปรานีปราศรัยอย่างกับมัดวัว

ปุณิกาหลับตาลงเช่นเดิม ขอออมแรงไว้ก่อนละกัน ถึงไร่ที่ว่าแล้วค่อยคิด บางทีเธออาจอาศัยความมืดพรางตัวหนีได้ ปุณิกาแค่คิด แต่ฟ้ากลับเป็นใจ ส่งความช่วยเหลือมาในรูปฝนห่าใหญ่ ตกรดถนนดินลูกรังเป็นหลุมบ่อ คนขับบังคับรถลำบากนัก ตกหลุมให้คนในรถกระเด้งจากเบาะหลายครั้งอยู่

“ฝนห่าเอ๊ย! มาตกอะไรตอนนี้”

อีกคนที่ไม่พอใจสภาพอากาศมากอีกคนคือสรวิชญ์ อีกสิบห้ากิโลเมตรจะถึงไร่เขาแล้ว ฝนเจ้ากรรมดันมาตก มืดก็มืด รถแล่นด้วยความเร็วที่ช้ากว่าปรกติจน คนขับประคับประคองสุดฝีมือก่อนอุทาน

“สะพานโดนน้ำท่วมครับคุณเต้ย”

ข้างหน้านั้นมีราวสะพานขาวโพลน แต่พื้นกลับเต็มไปด้วยน้ำป่าไหลหลากสีแดงขุ่นคลั่ก

“แม่งเอ๊ย ! ไอ้พวกตัดไม้ทำลายป่า อยากให้น้ำพวกนี้ไปท่วมบ้านพวกมันนัก”

เพราะต้นไม้มีรากยึดหน้าดิน ชะลอการไหลของน้ำ เมื่อถูกตัด พื้นดินก็โล่งโจ้ง พอฝนตกหนักเกิดน้ำป่าไม่มีอะไรคอยชะลอ น้ำจึงท่วมเร็วเช่นนี้แล

“ผมว่าโทรให้พวกในไร่เอารถคนคนงานมารับดีกว่าครับ ขับไปเองมีแต่จะอันตราย”

นายหน้าเสี้ยมเสนอ

“เดี๋ยวกูไปดูเอง”

สรวิชญ์เปิดประตูรถ กลิ่นน้ำปนกลิ่นไม้หักโค่นลอยมาจาง ๆ น้ำท่วมมาครึ่งล้อแล้ว

“โทรให้คนในไร่มารับเถอะครับ”

“ไม่ต้อง กูไม่อยากให้ใครมาเสี่ยงอันตรายด้วย มึงโทรบอกพวกมันให้ตื่นดูสถานการณ์ ระวังน้ำท่วมด้วย”

หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับไร่แล้ว เขากลับมาเป็นเจ้าของไร่ผู้สุขุมดังเดิม

“ถอยรถกลับไปตั้งหลักที่ศาลาริมทางที่เพิ่งผ่านมาเมื่อกี้ดีกว่า ดับเครื่องรถด้วยจะได้ประหยัดน้ำมัน ตอนเช้าค่อยขับไปกัน”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status