หลังจากที่ทั้งสามคน อันประกอบไปด้วย กร มีอาและผู้ประกาศ ตกลงมาจากห้องบอสชั้นที่ 75 มาจนถึงชั้นที่ 100
ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบสุดๆ เพราะกำลังยืนเผชิญหน้ากับบอสประจำชั้นที่ 100 ซ้ำยังเป็นบอสที่แข็งแกร่งที่สุดในดันเจี้ยนแห่งนี้อย่างกะทันหันอีกด้วย ทั้งที่ร่างกายและจิตใจยังไม่ได้พักฟื้นจากศึกเมื่อ 10 นาทีก่อนเลยแท้ๆ
วูม!!!
พื้นที่โดยรอบสว่างขึ้นอย่างกะทันหันด้วยแสงสีน้ำเงินทั่วทั้งห้อง จนสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมได้ทั้งหมด
ห้องบอสในชั้นนี้ มีบริเวณกว้างขวางมากกว่า 5 กิโลเมตร ซึ่งมันคือความกว้างพอๆกับดันเจี้ยนชั้นเดียว กรจึงคาดว่าห้องบอสนี้น่าจะใช้หลักการเดียวกับห้องบอสในชั้นที่ 50
พื้นของห้องถูกปูด้วยอิฐสีน้ำเงินเข้มวางสลับกันเหมือนกำแพงอิฐแดง ทั่วทั้งชั้นมีเสากรีกโรมันสีฟ้าขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 20 เมตร ตั้งเรียงกันเหมือนตารางหมากรุก โดยเสาทุกต้นที่อยู่ใกล้ทั้งด้านซ้าย ขวา หน้าและหลังจะห่างกันประมาณ 100 เมตร เท่าๆกันทุกเสา เพดานทำจากหินอ่อน และเป็นแหล่งให้แสงสว่างแก่ชั้นนี้ไปในตัว ซึ่งแสงสว่างที่วาก็เป็นสีน้ำเงินอีกนั่นแหล่ะ นั่นจึงทำให้ทั่วทั้งบริเวณที่มองเห็นได้เต็มไปด้วยแสงสีน้ำเงินกระจายอยู่ทั่วทั้งชั้น
แกร็บๆ!!! ตู้ม!!!
เสียงของเสาหินที่พังทลายดังมาจากทางที่บอสของชั้นที่ 100 ปรากฏตัวออกมา มันใช้มือข้างซ้ายทั้ง 10 ข้างทาบกับเสาแล้วบีบด้วยแรงกายจนเสาต้นนั้นแหลกละเอียด แล้วเศษหินก็ตกกระแทกพื้นจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วทั้งชั้น
บอสที่ว่ามีขนาดสูงถึง 150 เมตร อย่างที่ว่าไป ว่ามันคือยักษ์ที่มีสีเขียว แต่งกายคล้ายกับนักแสดงโขน สวมหัวโขนของทศกัณฑ์ หากแต่ว่านั่นก็คือศีรษะของจริงไม่ใช่เครื่องแต่งกายสำหรับการแสดงแต่อย่างใด แต่จะต่างจากนักแสดงโขนก็ตรงที่ แขนทั้ง 20 ข้าง มีปลอกแขนเหล็กที่ดูภายนอกยังรู้ว่าหนา ครอบคลุมจากข้อมือไปจนถึงหัวไหล่ ส่วนข้อต่อก็ทำด้วยวัสดุคล้ายยางแต่ทนทานพอๆกับเหล็กกล้า แถมเครื่องแต่งกายช่วงล่าง ตั้งแต่กางเกงจนถึงข้อเท้าก็เป็นเกราะแบบยุคกลางจนดูขัดตาไม่ใช่น้อย จะมีก็แต่ ท่อนบนนั่นแหล่ะที่มีเพียงเครื่องประดับเล็กน้อยแขวนอยู่จนเห็นกล้ามเนื้อที่อัดแน่นของมันอย่างชัดเจน
บ้าชิบ! เวลาตั้งตัวไม่มีแล้ว แถมไม่มีเวทย์ที่ใช้กู้สถานการณ์เลยซักนิด!
ที่หลบก็มีแต่หลังเสา…. หรือจะกระโดดแล้วหนีขึ้นไปชั้นบน!?———
〖หึหึ〗
〝!!!!〞
หลังจากที่มันทำลายเสาไปต้นนึงด้วยแรงบีบอย่างสบายๆ มันก็มองมาทางที่พวกกรยืนอยู่ และหัวเราะออกมาเบาๆราวกับจะเยาะเย้ย พลางฉีกยิ้มออกจนเห็นฟันทุกซี่ เสียจนดูน่าขนลุกไปพร้อมๆกันเลยทีเดียว
ในขณะที่ยังคงสีหน้าหยอกล้อเล่นอยู่ ทศกัณฑ์ก็ยื่นมือ 10 ข้างที่เหลือทางขวามาทางจุดที่ทั้งสามคนยืนอยู่อย่างช้าๆ ราวกับกำลังหยอกล้อกับแมลงหรือมดปลวกอยู่ยังไงอย่างงั้นเลย
〝มีอา! มาหลบหลังฉันเร็วเข้า!!!!〞
〝แต่ว่า!!!!———〞
พอมือของทศกัณฑ์ยื่นเข้ามาใกล้มากขึ้น จนมีระยะห่างเพียง 10 เมตรเท่านั้น แต่ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตมโหฬาร จึงดูเหมือนว่ามันใกล้แค่นิดเดียว แต่แม้กรจะสั่งออกไปแบบนั้น มีอาก็ไม่ได้เข้าไปหลบหลังเขาแต่อย่างใด ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเธอกำลังสับสนกับสถานการณ์แบบสุดๆนั่นแหล่ะ และก่อนที่สถานการณ์จะย่ำแย่ไปกว่านี้ ก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังของกร ซึ่งคนๆนั้นก็คือ ผู้ประกาศนั่นเอง
〝ชิ! ช่วยไม่ได้...【ไพรเวทไดเมนชั่น•สต๊อป!!!!】〞
วูม!!!
ทันทีที่เธอทำการประกาศใช้เวทย์ บรรยากาศบริเวณศูนย์กลางของเวทย์เช่นเธอก็บิดเบี้ยว และขยายตัวออกในเสี้ยววินาที แล้วเข้าครอบคลุมทั่วทั้งห้องบอส ผลลัพธ์ก็คือทุกๆอย่างตั้งแต่เสาหินที่กำลังแตกสลายและร่วงหล่นลงมายังพื้นตามแรงโน้มถ่วง ฝุ่นละอองที่ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศทั้งหมดอยู่ในสภาพหยุดนิ่งอย่างสิ้นเชิง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น แม้จะในระดับนาโนเมตรก็ตามที รวมถึงทศกัณฑ์ที่เป็นบอสประจำชั้นที่แข็งแกร่งที่สุดเองก็ไม่มีข้อยกเว้น จะมีก็แต่กร มีอาและผู้ประกาศเท่านั้นที่ยังคงขยับได้อยู่
ตุ๊บ!
〝มีอา!〞
ทันทีที่สถานการณ์ตรงหน้าผ่อนคลายความตึงเครียดลง แม้จะชั่วคราวก็ตาม มีอาที่ยืนสั่นจนถึงเมื่อครู่ก็ล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้นในทันที กรที่เห็นแบบนั้นจึงรีบเข้าไปประคองเธอเช่นกัน
〝ขะ ขอโทษนะกร ฉัน———〞
〝ไม่เป็นไร! อย่าฝืนเลยนะมีอา〞
〝อะ อืม... ขอบคุณนะกร〞
เพราะเห็นว่ามีอากำลังกังวล กรจึงวางมือบนหัวเธอและลูบไปมาเบาๆในทันที
หลังจากที่มีอานั่งอยู่แบบนั้นพักนึงและกลับมาใจเย็นเหมือนเดิมแล้ว กรก็ถอนหายใจออกมาครั้งนึงเบาๆเพื่อปรับอารมณ์ จากนั้นก็ยันตัวขึ้นแล้วก็หันหลังไปพูดกับผู้ประกาศที่อยู่ข้างหลังตัวเองในทันที
〝ก่อนอื่นขอบคุณที่ช่วยนะคุณผู้ประกาศ... หรือฉันเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า?〞
〝ไม่ต้องห่วง… ฉันช่วยนายไว้แน่นอน〞
อัตราการเต้นของหัวใจยังปกติดี… สายตาโฟกัสปกติ กล้ามเนื้อมีอาการเกร็งเนื่องจากสถานการณ์ตรึงเครียดเมื่อกี้เท่านั้น...
ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงจริงๆสินะ โล่งอกไปที...
〝ขอโทษล่วงหน้านะถ้าเสียมารยาท… แต่เวทย์ของเธอปลอดภัยแน่ใช่ไหม?〞
〝โฮ่! คิดว่าฉันเป็นใครกันหล่ะ?〞
ยังจะมาเล่นมุขหน้าระรื่นอีก! แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน ถ้าเธอยังใจเย็นขนาดนี้ ก็เป็นไปได้ว่าเวทย์ของเธอปลอดภัยจริงๆ
〝จริงสิ! แล้วที่หยุดเวลาแบบนี้ จะทำดาเมจใส่บอสได้รึเปล่าหล่ะ?〞
〝น่าเสียดายที่ทำแบบนั้นไม่ได้... พอฉันคลายเวทย์ออก สภาพของเรารวมถึงสสารอย่างอื่นยกเว้นความทรงจำจะกลับไปอยู่ในสภาพเดิมก่อนที่จะใช้เวทย์นี้ แน่นอนว่าต่อให้รักษาแผลพวกนี้ไป... พอคลายเวทย์บาดแผลก็จะกลับมาอยู่ดี〞
อ๋อเหรอ? โลกนี้ไม่มีอะไรง่ายจริงๆแฮะ แต่ถึงงั้นก็คงจะเชื่อใจได้ในระดับนึงอยู่หรอกมั้ง เพราะอย่างน้อยก็ช่วยให้มีเวลาวางแผน....
แต่เดี๋ยวดิ! จะว่าไปแล้ว ผู้ประกาศเองก็เป็นพวกเดียวกับฟรังซ์ ออลเดล... เป็นพวกเดียวกับบอสไม่ใช่เหรอ? แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องช่วยพวกเราเนี่ย?
〝ครับๆ เรื่องนั้นเชื่อก็ได้... ว่าแต่ขอถามเหตุผลที่ช่วยหน่อยได้รึเปล่า?〞
กรจำใจตบมุขผู้ประกาศพอเป็นพิธีเพราะกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ นั่นเลยทำให้ผู้ประกาศไม่พอใจนิดหน่อย แต่พอได้ยินคำถามของกรก็กลับมาแสดงสีหน้าจริงจังอีกครั้งในทันที
〝แค่เพิ่มโอกาสรอดของตัวเองเท่านั้นแหล่ะ〞
〝โอกาสรอดของเธอเหรอ? หมายความว่าไง? อธิบายมาให้ละเอียดหน่อยซิ〞
〝จะอะไรซะอีก... สามหัวมันต้องดีกว่าหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่แล้วนี่จริงไหม?〞
เดี๋ยวสิ… ไหงพูดเหมือนกับโดนทิ้งแบบนั้นหล่ะฟ่ะเนี่ย
ว่าแต่เธอหน่ะ เป็นผู้ประกาศไม่ใช่เหรอ? เป็นคนในแท้ๆ ไหงต้องมาลงมาเสี่ยงเองด้วยเนี่ย?
〝อย่าบอกนะว่าเธอ... ถูกทิ้ง?〞
〝ไม่ใช่ย่ะ!〞
อ่ะ! ตะโกนด้วย
〝แล้วทำไมหล่ะ?〞
〝เฮ้อ! มันน่ารำคาญนะ ที่ต้องอธิบายหน่ะ〞
〝แต่ยังไงก็ต้องอธิบายอยู่ดีไม่ใช่รึไง? ...เพราะงั้นก็รีบบอกมาเถอะ〞
ผู้ประกาศถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ทันทีที่กรถามเหตุผล แต่เธอเองก็รู้ว่าไม่อธิบายก็ไม่ได้ จึงตอบกรกลับไปแทบจะทันที
〝เพราะออกไปไม่ได้ต่างหาก... ห้องบอสทุกห้องเป็นแบบเข้าได้แต่ออกไม่ได้เหมือนกันหมด รวมถึงวิธีนอกเหนือจากเข้าทางประตูตามปกติอย่างการพังเพดานลงมาด้วยก็เหมือนกัน แล้วห้องบอสชั้นนี้ก็เป็นแบบห้ามใช้เวทย์ประเภทเคลื่อนย้ายด้วย ซึ่งที่ว่ามาทั้งหมดนั่นเป็นเวทย์ที่ใช้โดยไม่แบ่งแยก... หรือก็คือมีผลกับทุกคนไม่แม้แต่ดันเจี้ยนมาสเตอร์หรือตัวคนสร้างเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเหมือนกัน〞
〝จะบอกว่าไม่มีทางออกว่างั้นเหอะ?〞
〝...ตามนั้น〞
แล้วกรกับผู้ประกาศก็มองหน้ากันและถอนหายใจออกมาอย่างแรงพร้อมกันอย่างหน่าย โดยปล่อยให้มีอาที่นั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆเอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังเหมือนทุกทีอยู่แบบนั้นพักนึง
ให้ตายสิ... ไม่รัดกุมเอาซะเลยนะ อีแบบนี้ถ้าเกิดติดกับดักเข้าซะเอง เจ้าหนูนั่นหรือคนสร้างเองออกไม่ได้เหมือนกันสิ...
〝ว่าแต่เดิมทีแล้ว ใครมันเป็นคนทำเรื่องยุ่งยากแบบนั้นกันหล่ะเนี่ย?〞
ปึด!
เสียงเส้นเลือดปูดโปนดังขึ้นมาทางผู้ประกาศอีกครั้งนึง นั่นจึงทำให้กรเพิ่งมารู้ว่าตัวเองเหยียบกับระเบิดเข้าให้อีกแล้ว
〝ค่ะๆ! ขออภัยด้วยนะคะ ที่『ทำ-เรื่อง-ยุ่ง-ยาก』แบบนั้นไป... นะ-คะ〞
แล้วเธอก็ฝืนยิ้มแหยๆมาทางกรทั้งที่กำลังหงุดหงิดอยู่ แต่นั่นกลับดูน่าขันและน่ารักมากกว่าน่ากลัว กรจึงอมยิ้มอยู่ในใจแทนที่จะกลัวเธอไปเสียอย่างงั้น
〝จริงสิ... จะว่าอะไรไหมถ้าจะถามอีกซักข้อสองข้อ?〞
〝ขึ้นอยู่กับเนื้อความ… ว่ามา〞
แล้วกรก็หาจังหวะเปลี่ยนบรรยากาศโดยใช้คำถามใหม่ทันที ผู้ประกาศที่เลิกหัวเสียแล้วกลับมาใจเย็นอีกครั้งก็ตอบกรกลับได้ในทันทีเช่นกัน
〝ไอ้ทศกัณฑ์... ไม่สิ ไอ้ยักษ์นั่นมันอะไรกัน?〞
ก็แหม ฉันสงสัยสุดๆเลยนี่หว่า… ว่าไอ้ตัวที่หลุดออกมาจากแบบเรียนภาษาไทยนี่มันมาได้ไง
ไม่ได้เข้ากันเล้ย!!! ถึงขั้นขัดหูขัดตาเลยด้วยซ้ำ... ทั้งที่บรรยากาศมันเป็นยุคกลางตะวันตกมาตลอดแท้ๆเชียว
〝อา... ถ้าเรื่องนั้นหล่ะก็...〞
〝อื้มๆ! ถ้าเป็นเรื่องนั้นหล่ะก็?〞
〝บอกไม่ได้〞
〝เอ๋!!!———〞
ผู้ประกาศเว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนที่จะบอกปักคำถามของกรอย่างสิ้นเชิง
〝ทะ ทำไมเล่า!!!〞
〝ไม่อยากตอบ มีไรมะ?〞
ผู้ประกาศยิ้มออกมาอย่างร่าเริง ด้วยท่าทางขี้เล่นจนดูกวนประสาทในขณะที่ตอบกรออกไป นั่นจึงทำให้กรที่รอคำตอบอย่างจริงจังหงุดหงิดขึ้นมาในทันที
ฮึ่ย! หนอยแน่ยัยบ้านี่! นี่คิดจะกวนประสาทกันรึไงฟ่ะ!
ก่อนหน้านี้ก็กวนส้นมาหลายครั้งแล้วนะ.. รู้สึกอยากอัดคนเว้ยยยยย!!!
พอกันที... ณ จุดนี้ กระผมจะไม่ทนอีกแล้วววววว!!!!!!!!!!!
〝หมดความอดทนแล้วเฟ้ย! ยัยแว่นนี่ คิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันเป็นยังไงกันฟ่ะ! ถ้าไม่แชร์ข้อมูลแล้วจะสู้ด้วยกันยังไงหา!!!!〞
〝หนวกหูย่ะ! แค่จะร่วมมือกันสู้ จะรู้ข้อมูลยิบย่อยไปทำไม รำคาญจะตายชัก... แล้วเดิมทีแค่ร่วมมือกันก็ไม่ได้นับว่าเป็นพวกพ้องซักหน่อย!!!〞
แล้วทั้งสองคนก็เริ่มปะทะฝีปากกันอีกครั้ง มีอาที่นั่งอยู่ใกล้เห็นกรโดนตะคอกใส่ก็ฉุนเฉียวจนถึงกับจะเข้าโหมด『อัลติเมทมีอา(ชื่อไม่เป็นทางการ)』เลยทีเดียว แต่เคลเบรอสที่เธอสะพายอยู่กระซิบบอกมีอาเบาๆประมาณว่า〖ใจเย็นไว้โยม〗 เธอก็เลยผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็มากพอที่จะไม่เข้าโหมดยันเดเระ(แบบกรเป็นฝ่ายถูกเสมอ) เช่นทุกครั้ง
〝ยัยนี่!!! การสู้แบบปาร์ตี้ สำคัญที่สุดคือทีมเวิร์คนะเฟ้ย!!!〞
〝หึ! ใครสนหล่ะ!!! นายกับเธอตรงนั้นหน่ะ ทำตัวว่านอนสอนง่ายแล้วเป็นเบี้ยให้ฉันใช้ก็พอแล้ว!〞
ใจจริงคือแบบนี้เองหรอกเร้อ!!!!!
〝นี่ไม่ได้กะจะร่วมมือตั้งแต่แรกแล้วสินะเนี่ย!〞
〝ก็ใช่หน่ะสิ! คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกในอนิเมะรึไง? โลกนี้ไม่มีอะไรง่ายหรอกนะพ่อหนุ่ม... รู้ไหมว่ากว่าเบ*(ตื้ด!)ต้า จะกลายมาเป็นพรรคพวกเต็มตัวหน่ะ... มันลำบากแล้วก็นานขนาดไหน?〞
พ่อหนุ่มบ้านป้าเธอสิ! วางท่าใหญ่โตมาจากไหนกัน เป็นลูก สส. ที่ไหนรึไง!?
แล้วทำไมต้องเป็นดรา*(ตื้ด!)บอล ด้วยฟ่ะ! ...ไม่สิปัญหามันใช่ตรงนั้นซะที่ไหน!!!!
〝เออๆ เรื่องนั้นช่างหัวมันก่อน! แต่ยังไงฉันกับมีอาก็จะไม่มีวันยอมให้เธอสั่งแน่ๆ〞
〝รู้น้อยยังมาวางกล้ามใหญ่โตอีกนะ〞
〝ใครสนเรื่องนั้นกันเล่า! ขืนให้เธอคุมปาร์ตี้ มีหวังพวกเราตายหยังเขียดเพราะกลายเป็นตัวล่อใช้แล้วทิ้งแหงๆ... แล้วเดิมทีเธอบอกเองไม่ใช่รึไง ว่าจะตอบคำถามถ้าฉัน『ชนะ』หน่ะ〞
〝เอ๋!!!!!!!!!!!!!〞
〝หืม!!!!!!!!!!!!!〞
ทันทีที่กรพูดออกมาแบบนั้น ผู้ประกาศและตัวคนพูดเช่นกรก็ตกตะลึงจนเบิกตาโพลงกับคำว่า『ชนะ』ออกมาในทันที
〝ฮะฮ่า! จะว่าไปแล้ว.... การประลองของพวกเราก็ยังไม่รู้ผลเลยนี่หว่า〞
〝หึหึ! ก็ดีนี่! …มาตัดสินกันตอนนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า〞
หึ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!———
ทั้งสองคนหัวเราะออกมาพร้อมๆกันอย่างบ้าคลั่งราวกับนัดแนะกันไว้ แต่ผู้ประกาศดูจะยังรักษามาดผู้ดีไว้ได้มากกว่ากร เธอจึงไม่ได้อ้าปากหัวเราะออกมาเสียจนเห็นลิ้นไก่เช่นกร
〝ดะ เดี๋ยวก่อนสิกร!!! จะสู้กันอีกงั้นเหรอ?〞
และก็แน่นอนว่าถ้าเกิดการปะทะกันจริง มีอาก็ต้องเป็นห่วงกรอยู่แล้ว เธอจึงตะโกนออกไปแบบนั้นแทบจะทันทีที่ทั้งสองคนแผ่บรรยากาศไม่เป็นมิตรใส่กันเมื่อครู่
〝ไม่ต้องห่วงมีอา... หนนี้ฉันจะไม่สู้กับยัยนี่หรอก... ก็วิธีตัดสินมันไม่ได้มีแต่การสู้กันนี่นา〞
〝เอ๋!?〞
〝โฮ่! รู้สึกหงุดหงิดที่คิดเหมือนกับนายก็จริง... แต่ฉันเองก็ไม่คิดจะสู้ให้เปลืองกำลังเล่นหรอกนะ〞
〝แล้วทั้งสองคนจะตัดสินกันยังไงเหรอ?〞
〝อืม...〞
ถึงจะถามกระผมแบบนั้นก็เถอะ... แต่ก็ยังไม่ได้คิดซะด้วยสิ
อย่างแรกก็คือ ต้องไม่ใช่เรื่องเปลืองกำลังอย่างการขยับร่างกายนู่นนี่นั่น... เพราะงั้นก็ต้องเป็นการตัดสินโดยใช้สมองนี่หล่ะที่เข้าท่าสุด
ไม่ต้องขยับร่างกาย... ถ้างั้นก็คงต้องตัดสินกันด้วยเกมหล่ะนะ...
แต่จะให้เป่ายิ้งฉุบนี่ก็ไม่เอาหรอก... ก็ถ้าพิสูจน์ได้ว่าใครฉลาดกว่ากัน ก็พิสูจน์ได้เหมือนกันนี่นาว่าใครเหมาะจะเป็นคนคุมทีม...
อืม... ถ้างั้นก็มีอยู่เกมเดียวแล้วหล่ะที่เหมาะกับการตัดสินแบบนี้หน่ะ
〝นี่เธอหน่ะ! ถ้ารู้จักอนิเมะในโลกของฉัน ก็แสดงว่าวัฒนธรรมอย่างอื่นก็ต้องรู้จักด้วยหล่ะสินะ〞
〝อา... ถ้าเป็นเรื่องทั่วไปหล่ะก็นะ... ตั้งแต่อาหารการกิน ชีวิตประจำวัน ประวัติศาสตร์... อย่างเรื่องยิบย่อยเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไปก็รู้หมดแหล่ะ… แถมอีกอย่าง เรื่องเกมและกีฬาเองก็อยู่ในหัวด้วยนะ〞
หืม... ยัยนี่ รู้ลึกกว่าที่เราคาดซะอีกแฮะ
ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ว่าเธอรู้เรื่องพวกนั้นได้ยังไง... ว่าแต่ทำไมถึงรู้จักแต่อนิเมะกันหล่ะฟ่ะ!
แล้วพูดว่าเกมกับกีฬาด้วย.. แสดงว่าเธอเองก็พอจะรู้แล้วสินะว่าเราจะใช้อะไรตัดสิน
แต่ก็เพราะเรื่องนั้นแหล่ะ... เลยทำให้สามารถใช้เกมในโลกเดิมของเราตัดสินได้
〝ถ้างั้นก็ค่อยคุยกันง่ายหน่อย... งั้นก็เอาหล่ะนะ【วู้ดเมด!!!】〞
ทันทีที่กรสั่งใช้งานเวทย์พฤกษา ก็ทำการจำลองภาพในหัว แล้วสิ่งที่คิดก็ปรากฏออกมาในทันที อันประกอบไปด้วยกระดานลายขาวดำขนาด 8*8 ช่อง ขนาดพอเหมาะ รวมถึงตัวหมากที่มีรูปร่างต่างกันอาทิ อัศวิน บิชอบ เบี้ย(พอน) ฯลฯ ก็ก่อรูปร่างขึ้นมาจากไม้พร้อมๆกัน
〝นี่มัน... อะไรกันเนี่ย〞
มีอาที่ลุกขึ้นมายืนแล้วก็เดินเข้ามาหากรตั้งแต่ที่ร่ายเวทย์แล้ว เป็นคนถามออกมาแบบนั้น เห็นได้ชัดว่า มันไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่โดยทั่วไปของโลกนี้
〝เป็นอีกครั้งที่น่าโมโหจริงๆ ...ดูท่าว่าเราจะคิดเหมือนกันนะ〞
〝แสดงว่าเธอรู้จักเจ้านี่จริงๆสินะ...〞
〝อา... นี่เป็นเกมที่ฉันกับฟรังซ์เอาไว้เล่นฆ่าเวลาในช่วงนี้เลยหล่ะนะ〞
〝งั้นก็ดีเลย จะได้ไม่ต้องมาอธิบายกฎให้เสียเวลา...〞
ที่ปรากฏตรงหน้าของฉันก็คือ กระดานแบนราบที่มีลายขาวดำสลับเป็นช่องขนาด 8*8 ช่อง
ตัวหมากมีสีดำและสีขาว ประกอบด้วยเบี้ยฝั่งละ 8 ตัว
มีบิชอบ เรือ อัศวิน อย่างละ 2 ตัว... และมีควีนกับคิงอีกอย่างละตัว
ก็คิดว่าน่าจะรู้อยู่แล้วหล่ะ แต่ถึงแบบนั้นก็อยากจะบอกให้รู้อีกครั้งหล่ะนะ
〝งั้นก็มาเริ่มกันเลยเถอะ... ตัดสินกันด้วย『หมากรุก』นี่แหล่ะ!!!〞
❖❖❖❖❖หมากรุก... เกมกระดานแนววางแผน โดยมีเงื่อนไขในการชนะอีกฝ่ายคือ การทำให้หมากที่เรียกว่า『คิง』ของอีกฝ่ายถูกยึดและเดินหนีไม่ได้ โดยการใช้ตัวหมากที่มีวิธีการเดินและกินที่แตกต่างกัน อันได้แก่เบี้ย บิชอบ เรือ อัศวิน และควีน ในการโจมตีอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงตาเดินสุดท้ายที่อีกฝ่ายเข้าเงื่อนไขพ่ายแพ้ เรียกว่า รุกจน หรือ เช็คเมท
หมากรุกไม่มีเรื่องดวงมาเกี่ยว เป็นเกมที่ต้องใช้ไหวพริบและการคิดวิเคราะห์ล่วงหน้าถึงตาเดินของอีกฝ่าย ดังนั้นมันจึงถือเป็นเกมที่ใช้ตัดสินสติปัญญาได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งในกรณีของกรและผู้ประกาศนั้น ต้องเรียกว่าเป็นเกมที่ใช้ตัดสินได้อย่างยุติธรรมและอีกฝ่ายยอมรับได้อย่างแท้จริงเลยทีเดียว
อนึ่ง หมากรุกที่ทั้งสองคนใช้ตัดสินกันคือ หมากรุกสากล เพราะในตอนแรกกรนั้นคิดว่าเธอคงไม่รู้จักหมากรุกไทย จึงใช้ของที่เป็นที่รู้จักมากกว่าอย่างหมากรุกสากลแทน แต่พอถามดูผู้ประกาศก็กลับรู้กฏของหมากรุกไทยเสียอย่างงั้น แต่เพราะหมากรุกไทยใช้ตาเดินมากกว่า ทั้งสองคนที่อยากจบศึกโดยเร็วจึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะใช้หมากรุกสากลในการตัดสินนั่นเอง
〝ตัดสินกันในรอบเดียวเลยโอเคไหม?〞
〝ครั้งเดียวนั่นแหล่ะดีแล้ว... เล่นหลายครั้งก็เหนื่อยเปล่าๆ〞
หลังจากที่กรสร้างกระดานและหมากครบแล้วก็ทำการเปลี่ยนที่จากจุดที่เคยอยู่ไปไกลพอสมควร เพราะจุดเดิมอยู่ใกล้กับบอสนั่นแหล่ะ แม้จะรู้ว่ามันขยับไม่ได้แต่ยังไงก็ยังทำให้เสียสมาธิอยู่ดี
หลังจากที่ทั้งสามคนหาที่นั่งเหมาะๆได้ ก็วางกระดานลงแล้วกรก็นั่งขัดสมาธิ อยู่ทิศตรงข้ามกับผู้ประกาศที่นั่งทับขาแบบเทพธิดาอย่างเรียบร้อย ส่วนมีอานั้นนั่งพับเพียบเหมือนทุกทีอยู่ข้างหลังกรโดยเยื้องไปทางขวาของกรนิดหน่อยเพื่อให้มองเห็นกระดานได้อย่างชัดเจน
〝นายนี่... ท่าจะชอบหมากรุกมากเลยนี่นา〞
〝!!!〞
กึก!
ทันทีที่ผู้ประกาศพูดออกมาแบบนั้น ขณะที่ทั้งสองคนกำลังเรียงหมากกันอยู่ กรก็ตกตะลึงจนชะงักและหยุดมือของตัวเองในทันที แต่ซักพักก็ขยับมือเพื่อจัดหมากต่อ
〝เห๋! ทำไมถึงคิดงั้นหล่ะ?〞
〝ก็หลังจากที่สู้เสร็จทุกครั้ง... นายก็พูดว่า เช็คเมท! ด้วยนี่นา...〞
〝นี่เธอเป็นสตอร์คเกอร์รึไง?〞
〝เรียกว่าสิทธิพิเศษของผู้ประกาศจะดูดีกว่านะ... ว่าแต่จะตอบได้รึยังหล่ะ!?〞
〝…….〞
กรที่แม้จะพยายามเบี่ยงประเด็นต่อคำถามไร้มารยาทเพราะถามเรื่องส่วนตัวมากเกินไปของผู้ประกาศแต่ก็ไม่อาจเลี่ยงได้ จึงทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่เงียบๆซักพัก ก่อนที่จะตอบออกไปตามตรงโดยไร้ซึ่งท่าทางเสแสร้งใดๆ
〝ก็ชอบหน่ะสิ... ก็เพราะหมากรุก... เป็นเกมที่พ่อเค้าชอบเล่นนี่นา〞
กรพูดแบบนั้นพลางก้มหน้าลงต่ำราวกับนึกถึงความหลังที่ตัวเองเล่นหมากรุกกับพ่อที่เสียไปแล้วของตัวเองอยู่อย่างเศร้าๆ ซึ่งนั่นทำให้มีอาที่นั่งอยู่ข้างหลังของกรสังเกตได้ และรู้สึกสลดตามไปนิดหน่อย แต่ทั้งที่อยากให้กำลังใจ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นั่นเพราะ…
〝และเพราะแบบนั้นแหล่ะ ฉันถึงจะ... แพ้ไม่ได้เด็ดขาด!!!〞
กรพูดออกมาแบบนั้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หนักแน่นและฉะฉาน หลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาที กรที่กำลังสลดก็เปลี่ยนสายตาเป็นจริงจังและเฉียบคมขึ้นมาในทันที และส่งสายตานั่นจ้องเขม็งไปยังผู้ประกาศที่อยู่ตรงข้ามจนร่างเธอกระตุกไปเล็กน้อยเลยทีเดียว
〝เข้าใจหล่ะ… ขอโทษที〞
〝ไม่ล่ะ... ต้องขอบใจเธอที่ถามออกมาแบบนั้น... ตอนนี้ฉันเครื่องร้อนสุดๆเลยหล่ะ!〞
〝งั้นเหรอ น่าชื่นชมจริงๆ ...ขอยอมรับในจุดนี้ของนาย แต่ว่า!!!〞
ก๊อง!
ฝ่ายผู้ประกาศที่เป็นหมากสีขาว เริ่มก่อนในทันทีที่พูดแบบนั้นออกไป ทันทีที่พูดแบบนั้นเธอก็ขยับเบี้ยตัวแรก เข้าไปหากรถึงสองช่องในตาเดินแรกในทันที
〝ขอบอกนายไว้เลยนะ... ตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยแพ้เลยซักครั้งเดียวนะจะบอกให้〞
〝อ๋อเหรอ!〞
ก๊อง!
กรพูดประชดออกไปแบบนั้นพลางขยับเบี้ยตัวริมสุดออกไปหนึ่งช่องในตาเดินแรกเช่นเดียวกัน
〝แต่ฉันเนี่ยสิ! ตั้งแต่เกิดมายังเอาชนะพ่อไม่ได้เลยซักครั้ง〞
〝โอ๊ะโอ๋! แล้วแบบนี้จะไหวไหมจ๊ะเนี่ย?〞
〝ก็คอยดูเอาแล้วกันน่า...〞
.
.
.
.
〝เช็ค!〞
〝บ้าชัดๆ!〞
หลังจากเกมดำเนินไปได้ถึงช่วงท้าย กรเป็นคนประกาศรุกผู้ประกาศอย่างต่อเนื่อง แล้วคนที่สบถแบบนั้นออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ก็คือผู้ประกาศที่กำลังหัวเสียนั่นเอง
ในช่วงแรกนั้นผู้ประกาศได้เปรียบเสียจนคิดว่ากรแพ้ 100% เลยทีเดียว นั่นเพราะยังไม่ถึง 5 ตาแรก กรก็เสียควีนที่เป็นหมากที่เก่งที่สุดให้กับเธอแบบโง่ๆเสียแล้ว แล้วพอถึงตาที่ 15 กรก็เสียบิชอบไป 1 ตัว เสียเรือไปทั้งหมด และเสียเบี้ยไป 2 ตัวอีกต่างหาก แตกต่างจากฝั่งผู้ประกาศที่เสียเบี้ยไป 4 ตัว อัศวินและบิชอบอีกอย่างละ 1 ตัวเท่านั้น
แต่หลังจากช่วงตาที่ 30 ผู้ประกาศเริ่มบุกเข้าเขตกรยากขึ้น ต่างจากกรที่ใช้อัศวินทั้ง 2 ตัวที่เหลืออยู่บุกเข้าเขตของผู้ประกาศเรื่อยๆอย่างเหนือชั้น และใช้อัศวินเก็บกวาดเบี้ยที่ขวางทางอยู่อย่างต่อเนื่อง แตกต่างจากผู้ประกาศที่ถูกเบี้ยของกรที่เหลือ 4 ตัว และบิชอบอีก 1 ตัว รวมคิงที่ควรอยู่ในที่ปลอดภัย แต่กรเองก็ใช้เดินมันออกมาจนถึงกลางกระดานเลยทีเดียว กว่าที่ผู้ประกาศจะรู้ตัว หมากบนกระดานของเธอทั้งหมดก็ถูกควบคุมโดยโครงสร้างที่กรจงใจสร้างไว้ตั้งแต่แรกไปแล้ว
ก๊อง!
〝เช็ค!〞
〝หนอย!〞
กรกดดันคิงของผู้ประกาศไปเรื่อยๆ โดยใช้อัศวินแค่สองตัว พร้อมทั้งเก็บกวาดตัวที่อยู่ใกล้เคียงไปพร้อมกับ โดยการเดินด้วยวิธีนี้ สามารถกินได้หลายทางแต่หากคิงถูกอัศวินรุกอยู่ หมากตัวอื่นที่อยู่ในรัศมีการกินของอัศวินก็ต้องถูกกินไปโดยปริยายเพราะไม่สามารถเลือกคิงตายได้
และในขณะที่กรกดดันเข้าไปเรื่อยๆ แม้จะมีบ้างในจังหวะที่กรไม่ได้ทำการรุก ผู้ประกาศก็จะเดินหมากเพื่อหวังรุกคืนบ้าง แต่ก็กลับถูกขัดด้วยหมากของตัวเองแทนเสียอย่างงั้น เพราะหลังจากที่กรกินหมากของผู้ประกาศครั้งล่าสุด กรก็เพิ่งกินบิชอบตัวปัญหากับอัศวินที่เหลืออีก 1 ตัว และเบี้ยอีก 2 ตัวของผู้ประกาศไป
แม้ตอนนี้เธอจะเหลือควีนแต่ก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้ เพราะถูกผนึกโดยเบี้ยทั้ง 2 ตัว และหมากที่เหลือ ซึ่งในจังหวะปัจจุบันนี้ หากเธอขยับควีนหนี มันก็คือการเปิดรุกทันที และเพราะแบบนั้นเลยทำให้หมากขวางทางเดินของคิงที่อยู่สุดขอบของตารางฝั่งตัวเองตลอดแนวเป็นทางยาวราวกับจัดฉาก แถมหมากทั้งหลายที่ขวางทางอยู่นี้เองก็อยู่ในสภาพเดียวกับควีนคือหากเปลี่ยนตำแหน่งจะเป็นการเปิดรุกทันที นั่นจึงทำให้คิงได้แต่รอความตายโดยที่ไม่สามารถนำหมากตัวอื่นมาขวางเป็นตัวตายตัวแทนได้เลยทีเดียว
แล้วพอกรทำการเดินเบี้ยตัวที่นำบุกเข้ามาโดยใช้เบี้ยอีก 1 ตัวที่มาด้วยกันเป็นเหยื่อก็เข้าไปถึงสุดขอบของตารางซึ่งเป็นแนวเดียวกับคิงได้ ผู้ประกาศที่เห็นกรเดินเบี้ยไปจนสุดกับเห็นคิงที่เดินได้แค่ซ้ายกับขวาก็รู้สภาพของตัวเองได้ในที่สุด
〝โปรโมชั่น ควีน! เช็คเมท!〞
〝ชิ! บ้าชัดๆ! ไหนบอกว่าไม่เคยชนะไง... โกหกกันนี่นา〞
ผู้ประกาศที่แพ้อย่างขาดลอยในทางยุทธวิธีรบ ทำท่างอนแก้มป่องออกมาอย่างน่ารักน่าชังราวกับจะกลบเกลื่อนเรื่องที่พูดไปตอนเริ่มแข่งจนดูน่ารักไม่หยอกทีเดียว
〝ไม่ได้โกหกซักหน่อย! ฉันไม่เคยชนะพ่อก็จริง... แต่กับคนอื่นหน่ะ ฉันไม่เคยแพ้เลยซักครั้งเดียว〞
〝ฮึ่ย! นิสัยไม่ดี〞
〝เธอเข้าใจผิดไปเองนี่นา〞
นี่ขนาดแข่งกับคนที่มีสุดยอดการประมวลผลเหมือนกัน เรายังชนะง่ายๆเลยเหรอเนี่ย
กะแล้ว... พ่อเรานี่สุดยอดจริงๆแฮะ ไม่ใช่คนแล้วมั้งเนี่ย...
แล้วพอผ่านไปซักพัก กรก็ฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกย้อนกลับไปในตอนที่เขาเล่นหมากรุกกับพ่อแล้วไม่เคยชนะได้เลยซักครั้ง ถึงจะเคยเฉียดมาบ้างแต่ก็โดนพลิกกระดานจนแพ้เหมือนเดิม พอคิดถึงความสนุกในตอนนั้นแล้ว ตัวกรเลยคิดขึ้นมาบ้างว่าอยากกลับไปเล่นหมากรุกกับคุณพ่ออีก แต่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้ว เขาจึงส่ายหน้าเบาๆครั้งนึงเพื่อปัดเป่าความเศร้าออกจากใบหน้าและจิตใจ ก่อนที่จะดึงสติกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง
〝เอาเถอะ! สัญญาก็คือสัญญา... นายชนะแล้ว〞
〝อืม… ต่อจากนี้ ฉันคือหัวหน้าปาร์ตี้โอเคนะ...〞
〝ไม่ขัดข้อง… ถ้าสั่งให้ไปตายก็จะไปตายเลยคอยดู〞
อะไรจะขนาดนั้นฟ่ะ! ยัยแว่นนี่ต้องล้อเล่นแหงมๆ
〝ไม่เอาน่า เลิกล้อเล่นก่อนเถอะ 〞
〝โดนจับได้ซะแล้ว〞
〝กะแล้วเชียว〞
กรถอนหายใจออกมาครั้งนึงเบาๆก่อนที่จะพูดต่อไป
〝ถ้างั้น... ถึงเธอน่าจะรู้จักพวกเราอยู่แล้วเพราะแอบดูอยู่ตลอด———〞
〝เสียมารยาท! 〞
〝เถอะน่า! ...เพราะงั้นคราวนี้ก็มาแนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการได้แล้วมั้ง〞
〝ในฐานะอะไรหล่ะ... ลูกน้องในปาร์ตี้ พวกพ้องที่ร่วมเป็นร่วมตาย หรือว่าเบี้ยใช้แล้วทิ้ง?〞
แม้คำพูดของผู้ประกาศจะฟังดูเหมือนล้อเล่น แต่แววตาของเธอกลับดูดุดันและจริงจังมาก ซึ่งมันมากกว่าตอนที่เธอบอกว่าจะฆ่ากรในตอนที่แปลงร่างในตอนที่อยู่ชั้นที่ 75 เสียอีก กรจึงได้ยินเสียงจากสัญชาตญาณอันแม่นยำของตัวเองว่าจะตอบคำถามนี้พล่อยๆหรือส่งเดชไม่ได้ ก็ตอบเธอกลับไปด้วยท่าทีจริงจังและจริงใจที่สุดในชีวิตออกไป
〝ในฐานะ『เพื่อน』ยังไงหล่ะ!!! 〞
〝!!!〞
【เพื่อน.... เหรอ?】
ผู้ประกาศค่อนข้างตกใจกับคำตอบที่สั้นและเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความจริงใจของกร จึงรำพึงคำพูดของกรซ้ำๆอยู่ในลำคอหลายครั้ง ก่อนที่พวกกรจะเป็นคนเริ่มแนะนำตัวก่อน
〝เธอคนนี้ชื่อมีอา… เป็น เอ่อ... ฟะ แฟนฉันเอง!〞
〝มีอา ค่ะ ฝากตัวด้วย...〞
〝อืม...〞
กรที่เป็นฝ่ายแนะนำมีอาด้วยตัวเอง พอต้องบอกสถานะระหว่างตัวเองกับมีอาออกไปก็กลับอายจนหน้าแดง ผู้ประกาศที่เห็นแบบนั้นก็อมยิ้มออกมาเล็กน้อย
〝ชื่อของฉันคือ กร... เรียกสั้นๆแบบนี้แหล่ะ〞
〝มีอา... กร อืม... งั้นทีนี้ก็ตาของฉันหล่ะสินะ...〞
ผู้ประกาศพูดชื่อของทั้งสองคนซ้ำอีกครั้งก่อนที่จะเริ่มแนะนำตัวเองแก่กรและมีอาเป็นครั้งแรก
〝ฉันเป็นหนึ่งในผู้ดูแลดันเจี้ยนแห่งนี้... ชื่อของฉันคือ『เมอร์ลิน』ฝากตัวด้วย〞
ผู้ประกาศพูดชื่อของตัวเองออกมาอย่างเขินๆราวกับไม่มีใครเรียกชื่อนี้นานแล้วยังไงอย่างงั้นเลย แต่พอกรและมีอาได้ยินชื่อของเธอเป็นครั้งแรก ก็ยิ้มออกมาและตอบกลับไปในทันที
〝อา... ฝากตัวด้วยนะ เมอร์ลิน!〞
〝มาพยายามกันเนอะ เมอร์ลิน!〞
〝....อื้ม〞
ผู้ประกาศที่ได้รับการตอบกลับอย่างอบอุ่นก็อมยิ้มเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ก็ตอบกลับทั้งสองคนไปเบาๆด้วยอาการขวยเขินราวกับเพิ่งเจอคนแปลกหน้า โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอจะเป็นคนที่เธอสนิทด้วยที่สุดทั้งที่เพิ่งเคยพบหน้า และทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าจะกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า『ครอบครัว』ที่สำคัญที่สุดของเธอไปจนถึงวันที่เธอสิ้นลมหายใจเลยทีเดียว
〝งั้นก็กลับมาคำถามเดิม... เมอร์ลิน ไอ้ยักษ์นั่นมันคืออะไร?〞 หลังจากที่เมอร์ลินเข้ามาเป็นพรรคพวกอย่างเต็มตัวแล้ว ทั้งสามคนจึงนั่งหันหน้าเข้าหากันเป็นสามเหลี่ยม เพื่อที่จะปรึกษาแผนการในการสู้กับบอส และเรื่องที่กรถามเป็นอย่างแรกก็คือคำถามก่อนหน้านี้ที่ถูกเลี่ยงไปนั่นเอง〝หัวแข็งชะมัดเลยนะนายเนี่ย... แต่เอาเถอะ จริงๆก็กะจะบอกอยู่แล้วหน่ะนะ〞แล้วจะเล่นตัวทำมะเขืออะไร! เธอนั่นแหล่ะเฟ้ยที่หัวแข็ง ยังมาว่าคนอื่นอีก!!!〝งั้นก่อนอื่น... พวกเธอรู้จักทศกัณฑ์รึเปล่า?〞〝ขอโทษนะกร แต่ฉันไม่เคยได้ยินเลยหล่ะ〞〝น่าๆ〞 มีอาที่ได้ยินคำถามของกร แต่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร เธอจึงเอียงคอสงสัยก่อนที่จะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหงอยๆเล็กน้อย กรจึงลูบหัวเธอไปมาเหมือนทุกที และหันไปถามเมอร์ลินทั้งที่กำลังลูบหัวมีอาอยู่〝แล้วเมอร์ลินหล่ะ? …ไม่สิ เธอต้องรู้อยู่แล้วนี่นะ〞〝ต้องรู้อยู่แล้ว… นายอยากจะถามว่า ทำไมตัวละครในวรรณคดีของประเทศนาย ถึงได้กลายมาเป็นลาสบอส ทั้งที่ปกติจะมีแต่บอสแนวตะวันตกยุคกลาง... ใช่รึเปล่า?〞〝อื้ม! ใช่เลยหล่ะ〞แน่ชัดแล้วหล่ะว่าตัวตนของทศกันฑ์ไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป... ถึงจะใช้ความรู
〝อย่างที่วางแผนเอาไว้... พอปลดเวทย์ออกก็เข้าฟอร์เมชั่นเลยนะ〞 หลังจากที่กร มีอา และเมอร์ลินเรียนรู้สกิลและความสามารถของกันและกันจนหมด รวมถึงฝึกความเข้ากันและฟอเมชั่นต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมพร้อมที่จะสู้กับทศกัณฑ์ซึ่งเป็นบอสชั้นสุดท้าย ในทันทีที่ปรับสภาพจิตใจเรียบร้อย กรจึงเป็นคนให้สัญญาณก่อนเริ่มออกมาในทันทีที่ทุกคนพร้อมลุยแล้ว〝อื้ม!〞〝รับทราบ!〞 เมอร์ลินและมีอาตอบกรกลับอย่างแข็งขันในทันที ซึ่งส่วนนึงก็เพื่อปลุกจิตสู้ของตัวเองไปพร้อมกันนั่นแหล่ะ〝5.... 4…. 3….〞ชึบ! ทันทีที่เมอร์ลินเริ่มนับถอยหลัง กรและมีอาก็ตั้งสมาธิจดจ่อกับยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าในทันที〝2…. 1…. ศูนย์!!!!〞วูม! ทันทีที่การนับถอยหลังสิ้นสุดลง สภาพแวดล้อมโดยรอบที่เคยหยุดนิ่งเมื่อเสี้ยววินาทีที่แล้วก็กลับมาเคลื่อนไหวต่อในทันที ทศกัณฑ์ที่อยู่ตรงหน้าทั้งสามคนก็ยังคงเอื้อมมือทั้ง 10 มาทางทั้งสามคนที่อยู่ห่างออกไป 10 เมตรดังเช่นก่อนที่เมอร์ลินจะใช้เวทย์หยุดเวลา และในเสี้ยววินาทีที่สภาพแวดล้อมกลับมาเคลื่อนไหว ทั้งสามคนก็ถีบตัวเองถอยห่างออกไปจากจุดที่เคยอยู่ราวๆ 500 เมตร และทำก
〝อืม〜〞 แสงอาทิตย์อุ่นๆยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างชั้นสองเข้ามากระทบใบหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังอยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่น เป็นสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มตื่นขึ้นจากภวังค์ แต่เพราะกำลังถูกความสบายเพราะนอนหลับนานกว่า 8 ชั่วโมงกดทับไว้อยู่เด็กหนุ่มจึงครางออกมาแบบนั้นด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายเพราะไม่อยากลุกจากเตียงทันทีนั่นเอง และถึงแม้ก่อนหน้านี้ 10 นาที นาฬิกาปลุกจากสมาร์ทโฟนของเขาจะดังไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมลุกจากเตียงแต่อย่างใด〝กร!!! 7 โมงครึ่งแล้วนะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก!〞 เสียงของหญิงสาวผู้เป็นแม่ตะโกนขึ้นไปยังห้องที่อยู่บนชั้นสอง หรือก็คือห้องของกรด้วยน้ำเสียงดุดัน เพื่อเรียกให้ลงมาเตรียมตัวไปโรงเรียนโดยเร็ว〝งือ〜 ขออีกซัก 12 ชั่วโมงครับแม่〞〝ปกติมันต้องขอ 5 นาทีไม่ใช่เหรอ!!!!! แล้วขอตั้ง 12 ชั่วโมง คิดจะหลับจนถึงเย็นเลยรึไงกันยะ!!!!〞〝คุณแม่รับมุขได้สวยครับ... ครอก〜〞และต่อให้ท่านแม่ผู้บังเกิดเกล้าตะโกนขนาดไหน ฉันก็ไม่คิดที่จะลุกออกจากที่นอนเลยซักนิดพอตบมุขคุณแม่เสร็จ ฉันก็ดึงผ้าห่มมาคลุมโปง แล้วกลับไปนอนต่อในทันที อา.... สุขสุดๆ〝สวัสดีค่ะคุณน้า! ขออนุญาตนะคะ!〞
หลังจากที่กรเข้าไปรับการโจมตีปริศนาด้วยลูกธนูยักษ์จากทศกัณฑ์ เพื่อไม่ให้มีอาและเมอร์ลินได้รับดาเมจที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ในครั้งเดียว ทั้งที่อุตส่าห์ลบลูกธนูที่ว่าให้หายไปได้ ก็กลับเป็นตัวกรเองที่ต้องรับดาเมจทางจิตใจอันหนักหน่วงอย่างคาดไม่ถึง〝อ้ากกกก!!!!!!!——————〞 เสียงร้องโหยหวนอันเกิดจากความเจ็บปวดทางจิตใจระดับที่เรียกได้ว่ามหาศาลของกร ยังคงลากยาวอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยซักนิด〝กร!〞〝กะ เกิดบ้าอะไรขึ้นกับหมอนี่อีกเนี่ย!〞 ทั้งมีอาและเมอร์ลินที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ก็ได้แต่ตกตะลึงและเบิกตาโพลงกับสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความงุนงง แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าตัวกรในตอนนี้กำลังรับภาระอะไรบางอย่างจนทรมานอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เพราะทั้งสองคนถูกจำกัดการเคลื่อนไหวด้วยเวทย์แรงโน้มถ่วงจนขยับเข้าไปใกล้กรไม่ได้เลยซักนิด ทั้งสองคนจึงทำได้แค่ดูและเรียกหากรที่กำลังเจ็บปวดโดยที่ทำอะไรไม่ได้เพียงเท่านั้นตุ๊บ! และด้วยเพราะกรถูกการโจมตีทางจิตใจเข้าไปโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ผลของสกิล『แขนยักษา』จึงได้คลายออกโดยอัตโนมัติทำให้ผลกระทบด้านลบของมันเริ่มทำงาน ผลลัพธ์ก็คือต
หลังจากที่กรได้สติจากการหลับใหลในเวลาสมมติอย่างทรมานเกือบๆแสนปี ภายในหัวตอนนี้มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น...〝อาวหล่ะทีนี้... จะจัดการยังไงดีน้า!?〞กร๊อบ! กรหักนิ้วมือทั้งสิบของตัวเอง พลางคิดแผนการ ฆ่า ทศกัณฑ์อยู่ในหัว มีอาและเมอร์ลินที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ขยับเข้ามาใกล้กร เพื่อที่จะปรึกษาแผนการ〖แก... ท่าทางหยิ่งยโสแบบนั้นมันอะไร!? เจ้าหนุ่ม แกทำข้าโมโหนัก!!!!〗 กับผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับที่หวังไว้ว่า กรที่โดนเวทย์เข้าไป ต้องจิตใจแหลกสลายแล้วกลายเป็นเจ้าชายนิทราตลอดกาล นั่นเลยทำให้ทศกัณฑ์ตกตะลึงและหงุดหงิดถึงที่สุด〝มีอาคุ้มกันด้วย.... เมอร์ลินยื่นหูมาทีสิ〞 กรหันกลับไปด้านหลังทำเมินทศกัณฑ์อีกครั้ง แล้วกวักมือเรียกทั้งสองคนก่อนที่จะออกคำสั่งตามลำดับ มีอาขยับขึ้นมาข้างหน้าบังกรไว้ ส่วนเมอร์ลินก็ขยับหูเข้ามาใกล้ เพื่อที่กรจะได้แอบกระซิบอะไรบางอย่างได้สะดวก〝นะ นี่นาย! แบบนั้นไม่ไหวหรอก!〞〝!〞 เมอร์ลินตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจทันทีที่กรกระซิบบอกแผนการ นั่นทำให้มีอาที่คอยดูท่าทีทศกัณฑ์อยู่เยื้องไปข้างหน้าเล็กน้อย ร่างกระตุกเบาๆเช่น
สายลมฤดูร้อนพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ผ้าม่านในห้องพยาบาลสำหรับทหารในกองอัศวินโบกสะบัด แล้วพอลมสงบ ก็ปรากฏร่างของเด็กสาวนั่งเหยียดขาตรงอย่างเรียบร้อยอยู่ใต้ผ้าห่ม เอนหลังพิงกับหัวเตียง มองออกไปทางหน้าต่างที่เพิ่งมีลมพัดผ่านโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตาซักนิด เด็กสาวที่แม้จะเพิ่งตื่นจากการหลับใหล อยู่ในชุดเดรสติดระบายสีขาวหลวมๆ แต่เนื้อผ้าไม่ได้โปร่งถึงขนาดจะส่องเห็นเนื้อหนังมังสาได้ เด็กสาวที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ ถึงจะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่เดิมที่ขี้อาย ก็ค่อนข้างเงียบขรึมและเยือกเย็นขึ้นมา แม้ลมจะพัดเข้ามาเป็นครั้งที่สองของวัน มากระทบกับเปลือกตา แต่เธอก็ยังไม่ยอมหลับตา และจ้องมองออกไปยังอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้า เพื่อรอคอยการกลับมาของชายที่ตัวเองรักด้วยความรู้สึกหลายๆอย่างทับถมกันอยู่ในอก อย่างกระวนกระวายและทรมานก๊อกๆๆ!〝ริน! พวกเราเข้าไปนะ! 〞〝อื้ม!〞 หลังสิ้นคำขออนุญาตด้วนน้ำเสียงที่ฟังแล้วสุภาพและค่อนข้างเป็นทางการ ชาญที่เป็นต้นเสียง อลิซและโชตก็เดินเข้ามาในห้องพยาบาลส่วนตัวที่มีแค่รินอยู่ข้างในตามลำดับ แ
หลังจากกองทหารของฮันซี่กลับมาจากภารกิจค้นหาตัวกรที่ถูกวาร์ปเข้าไปในมหาดันเจี้ยนโบราณ ก็ผ่านมาแล้วถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่กรชนะทศกัณฑ์และเคลียร์ดันเจี้ยนสุดหฤโหดได้พอดิบพอดี... หากปล่อยไว้นานนักเรียนผู้กล้าทุกคนจะยิ่งระสับระส่าย ดังนั้นพอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ฮันซี่จึงเรียกรวมตัวทุกคนแล้วประกาศเรื่องที่กรเสียชีวิตไปแล้วในดันเจี้ยนอย่างเป็นทางการในทันที และแน่นอนว่านั่นทำให้ทุกคนช็อคมาก แต่ไม่ได้หมายความถึงว่าตกตะลึงเมื่อเพื่อนร่วมโรงเรียนอย่างกรตาย เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบกรมากนัก... แต่เป็นความตกตะลึงจากการที่มีคนตายจากอุบัติเหตุในการฝึก ทำให้ตระหนักได้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในโลกที่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว และกำลังถูกฝึกเพื่อเป็นทหารไปสู้รบกับเผ่าอื่น เนื่องจากนั่นเป็นทางเดียวที่จะได้กลับบ้าน แถมนั่นยังเป็นแค่เรื่องแต่งของพระราชาอีกต่างหาก นั่นจึงทำให้ทุกคนหดหู่ไปนานมากเลยทีเดียว แต่ฮันซี่ก็ไม่ใจร้ายไส้ระกำขนาดที่จะบังคับนักเรียนที่ไม่มีกระจิตกระใจฝึก เขาจึงปล่อยให้ทุกคนจัดการความคิดของตัวเองอยู่นานพอสมควร จนกว่าที่งานศพของกรจะจบลง...❖
ในชั้นลึกสุดของดันเจี้ยนใต้ชั้นที่ 100... มันคือพื้นที่กว้าง มีลักษณะเป็นป่าโปร่ง ที่มีต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวขจีเรียงรายกันอยู่นับไม่ถ้วน มีแม่น้ำ ลำคลองเล็กใหญ่แซมอยู่ระหว่างทาง ลึกเข้าไปอีกพอประมาณก็จะพบเข้ากับรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่ ถูกล้อมรอบไปด้วยป่าโปร่งรอบด้านราวกับใช้แทนป้อมปราการ ถัดจากรั้วเข้าไป มันคือสวนหย่อมที่ถูกประดับด้วยดอกไม้นานาชนิด และสิ่งปลูกสร้างมากมายไม่ว่าจะเป็นน้ำพุ รูปปั้น หรือมีแม้กระทั่งโต๊ะน้ำชากลางแจ้งที่มีม่านจากต้นไม้บดบังแสงอาทิตย์ดูร่มรื่นไม่ใช่น้อย และลึกเข้าไปอีกในคฤหาสน์ ทางเดินถูกปูด้วยพรมสีแดงราวกับพระราชวัง มีโคมระย้าแขวนห่างกันเป็นช่วงๆ และไม่ดูรกเกินไป อีกฝั่งหนึ่งคือกระจกบานยักษ์ที่ใช้มองดูวิวนอกคฤหาสน์ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งมีประตูห้องต่างๆ เรียงเป็นแนวยาวตามปกติ ราวกับห้องเรียนที่อยู่ชิดติดระเบียงยังไงอย่างงั้น จนถึงสุดทางเดิน มีประตูของห้องๆหนึ่ง เปิดแง้มออกมา โดยมีแสงอาทิตย์ยามเช้าเล็ดรอดออกมาพร้อมกัน ภายในนั้นได้รับการตกแต่งอย่างโอ่อ่า ไม่ว่าจะโคมระย้าสีทองอร่ามที่แขวนอยู่กลางห้อง หรือว่าจะเป็นพวกเครื่องเรือ
———— 1 สัปดาห์ต่อมา ชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 ณ ดันเจี้ยนชั้นพิเศษ ซึ่งถูกสร้างโดยอาเธนต่อจากชั้นที่ 1 อันเป็นชั้นที่เอาไว้หลอกคนทั่วไป ถูกสร้างขึ้นเพื่อการฝึกฝนและเก็บเลเวลโดยเฉพาะ หากแต่ผู้ที่จะใช้มันได้นั้น มีเพียงแค่กลุ่มของผู้ที่ผ่านการทดสอบที่แท้จริงแล้วเท่านั้นถึงจะเข้ามาในนี้ได้ ที่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามเขต อันได้แก่ เขตที่พักอาศัย เขตใช้ฝึก『บัญญัติพันประการ』 และสุดท้ายคือเขตที่ใช้สำหรับเก็บเลเวล... หรือก็คือ เขตมอนสเตอร์ทรงภูมิปัญญานั่นเอง ในพื้นที่ของเขตที่สามถูกสร้างให้เป็นพื้นกระเบื้องและเพดานหน้าตัดเรียบส่องแสงสีเขียว (Lime) พื้นที่โดยรอบมีวัตถุโปร่งแสงรูปทรงเรขาคณิต ทั้งสามเลี่ยม สี่เหลี่ยมไปจนถึงรูปทรงหลายเหลี่ยมกระจัดกระจายเต็มไปหมดทำให้ยากแก่การเคลื่อนไหว แต่กลับกันแล้ว มันทำให้ง่ายต่อการดำเนินแผนที่ซับซ้อนและแยบยล และเขตที่สามนี้เอง ที่มีหญิงสาวทั้ง 4 คน อันได้แก่ มีอา ซาช่า เรเชลและริต้า กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนเท่ากันอยู่ มอนสเตอร์ทั้งสี่ตัวที่เป็นศัตรู มีหนึ่งตัวที่สวมผ้าคลุมสีดำ มีส่วนหัวเป็น
〝 คุณโรนี่กับราชา... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย 〞 กรถามออกไปแบบนั้น ในเวลาเดียวกับที่ใช้『รีดดิ้งอายส์』ตรวจสอบบุคคลทั้งสองตรงหน้า แล้วก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าทั้งคู่เป็นตัวจริง...〝 ทำหน้าแบบนั้นคงจะรู้แล้วสินะว่าพวกข้าเป็นตัวจริง... 〞ราชาพูดแทงใจดำพลางยิ้มออกมา ทำให้กรคิ้วกระตุกเพราะคาดการณ์เรื่องตรงหน้าไม่ทัน ในขณะที่กรคิดแบบนั้น ราชาก็เดินเข้ามาทางกร แล้วก็ใช้เวทย์บางอย่างเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเป็นคนอื่น ไม่สิ... เปลี่ยนจากคนอื่นกลับมาเป็นตนเองคนเดิมต่างหาก ซึ่งที่เปลี่ยนไปนั้นมีเพียงโครงหน้าเท่านั้น แต่ความสูงอายุและริ้วรอยนั้นแทบไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วก็หันไปสบตากับเมอร์ลินเข้า นั่นทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ...〝 นายมัน อาเธนงั้นเหรอ!!!? 〞เมอร์ลินที่เห็นใบหน้าจริงของชายชราตรงหน้าก็จำได้ทันทีพร้อมทั้งเรียกชื่อจริงของเขาออกมาอย่างสนิทสนม โดยมีสายตางงงวยจากสาวๆคนอื่น แต่พอรู้ว่าคนน่าสงสัยตรงหน้าเป็นคนรู้จักของเมอร์ลิน การ์ดของพวกเธอก็คลายลงพอสมควร〝 แหมๆ ในที่สุดก็จำได้ซักทีนะแม่คุณ... ข้าหล่ะเจ็บช้ำไม่น้อยเลยนะ ตรงที่เจ้าบ
หลังจากเรื่องเมื่อวานเคลียร์กันจบในตอนเย็น กรได้ทำการเพิ่มฟังก์ชั่นหลบหนีฉุกเฉินใส่บัตรนักผจญภัยของเจนนี่ไว้ก่อนด้วย เผื่อในกรณีที่เกิดอันตรายกับเธอ เธอสามารถใช้มันวาร์ปมาหากรได้ทุกเมื่อ รวมถึงพาคนรู้จักอย่างไมน์กับรีเบคก้ามาด้วยก็ยังได้ จากนั้นพวกกรกับพวกไมน์จึงได้แยกกันกลับที่พักของตัวเอง อนึ่ง เจนนี่ตอนนี้นั้นอยู่สถานะของคนชื่อ『เบลนด้า อัลบา』 รูปลักษณ์ภายนอกที่คนอื่นเห็น เป็นคนผิวสีแทน ใบหน้าปานกลางค่อนไปทางแย่(จากความเห็นส่วนใหญ่ในกลุ่มของกร) แต่นั่นก็เพื่อไม่ให้เธอเป็นจุดเด่น เพราะหากจะว่าไปแล้วเจนนี่ในร่างธรรมดานั้นจัดว่าเป็นคนสวยมากเลยทีเดียว และด้วยการใช้บัตรนักผจญภัยอ้างถึงตัวตน ก็สามารถเข้าพักที่เดียวกับพวกไมน์ได้ แต่เธอเลือกที่จะพักคนละห้องแทนเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย (แต่สุดท้ายตอนนอนก็ย้ายมานอนห้องเดียวกันอยู่ดี) ส่วนทางด้านของกร พอกลับไปพวกกรก็รีบทำธุระส่วนตัว แล้วเข้านอนในทันที เพื่อสะสมพลังงานให้เต็มอิ่มก่อนที่จะออกรบในดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 และเพื่อความไม่ประมาทช่วงเช้าทั้งหมด กรและพรรคพวกจะใช้เวลาไปกับการตร
〝 ไง ทั้งสองคน 〞 ในขณะที่ทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึงยังกับเห็นผีออกมา เจนนี่ก็เริ่มเป็นฝ่ายทักไมน์และรีเบคก้าก่อนด้วยรอยยิ้มในทันที〝 เจนนี่!!! 〞〝 อุ๊ยตาย!? 〞 ไมน์ที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปสวมกอดเจนนี่อย่างเร็ว นั่นเองก็ทำเจ้าตัวอย่างเจนนี่ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน〝 เจนนี่! เจนนี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย? ไม่ใช่ผีหรือตัวปลอมใช่ไหม!? 〞ไมน์พูดแล้วก็ลูบๆคลำๆเจนนี่ไปทั่ว ทำเอาร่างเธอสั่นนิดหน่อยเพราะจักกะจี๊เลยทีเดียว〝 ยัยบ๊อง! ก็จับตัวกันได้อยู่ไม่ใช่รึไง? แล้วฉันก็ยังจำได้อยู่เลยนะว่าตรงก้นของรีเบคก้ามีไฝอยู่ด้วยหน่ะ 〞 เจนนี่พูดแบบนั้นออกมา ทำให้รีเบคก้าออกอาการหน้าแดง แล้วก็พุ่งเข้ามาสับกะโหลกเจนนี่เหมือนกับที่ผ่านมา〝 ฮึ่ย! ไอ้นิสัยพูดไม่คิดนี่ตัวจริงชัวร์ 〞รีเบคก้าพูดแล้วก็ใช้กำปั้นหมุนๆใส่ศีรษะของเจนนี่〝 โอ้ยๆ! เจ็บอ่ะรีเบคก้า ออมมือให้หน่อยเซ่! 〞 ทั้งสามคนหยอกล้อกันไปมาแบบนั้น ราวกับต้องการจะซึมซับและฟื้นคืนบรรยากาศที่ถูกทำลายไปให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย แต่ความอบอุ่นของภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนลืมหลายเรื่องที่คิดอ
หลังจากที่งีบหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าทางจิตใจก็ดูจะลดลงไปบ้างเอาจริงๆ ต่อให้ลุยต่อทั้งอย่างงี้ก็ไหวอยู่หรอก แต่แค่นี้ทุกคนก็เป็นห่วงมากพออยู่แล้ว เพราะงั้นทำตามที่ทุกคนแนะนำเป็นการดีที่สุดทางริต้าเองยังคงหลับอยู่เลยปล่อยให้หลับต่อไปก่อนโดยให้เรเชลดูแลอยู่ข้างๆส่วนทุกคนเองดูเหมือนว่าจะไม่ได้หลับเลยในระหว่างที่ฉันพักแต่ก็ต้องขอบคุณในจุดนั้น เพราะในช่วงที่ฉันไปเจรจากับราชา ฉันต้องการที่จะไปคนเดียว...ก็แหม... ฉันไม่อยากให้ทุกคนเห็นท่าทางแย่ๆเท่าไหร่นี่นา〝 เพราะทุกคนเฝ้าฉันมาตลอดคงจะเหนื่อยแย่ ฉันเลยอยากให้พวกเธอพักรอฉันอยู่ที่นี่หน่ะ 〞พูดแบบนั้นออกไปทุกคนก็ทำหน้าถมึงทึงใส่ และแน่นอนว่าทุกคนทำท่าอยากจะไปด้วยกันหมดเลยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมตั้งนานกว่าจะยอม แต่ก็เพราะทุกคนเป็นห่วงเรานั่นแหล่ะนะ น่าดีใจแท้ๆแต่ทุกคนก็ไม่อยากตื้อให้เราจนกังวลเกินไปเหมือนกันเพราะงั้นแค่รับปากว่าจะไม่ฝืนฉันก็ขอตัวมาได้แล้วหล่ะนะแล้วจากนั้นก็วาร์ปมาที่เมืองหลวง ในซอกตึกที่นึงใกล้ๆกับทางเข้าพระราชวังโห... มองดูจากตรงนี้ยังเห็นรูที่เจ้าชายมันทำพังไว้อยู่เลย...เดี๋ยวไม่สิ... เราเป็นคนทำนี่หว่า คง
หลังจากที่การแสดงของฉันดำเนินมาได้ซักพัก จุดจบก็มาถึงโดยที่ฉันเป็นคนจัดการปิดคดีได้อย่างดงามถึงช่วงกลางๆจะโดนคุณโรนี่แย่งซีนก็เถอะ แต่ตอนจบก็กู้หน้าคืนมาได้อ่ะนะ...จากนั้นริออนที่ถูกฉันต่อยจนสลบก็ถูกพวกฟรอนกับคาลอสคุมตัวไปส่วนไอ้ปีศาจนั่นฉันปล่อยให้มันหนีไปเองด้วยเหตุผลทางด้านผลประโยชน์ในอนาคตแต่ทางฝั่งนั้นอาจจะกำลังคิดว่าหนีฉันพ้นอยู่ก็ได้หล่ะนะ... แต่ปล่อยให้คิดแบบนั้นก็ดีเหมือนกันแล้วหลังจากเรื่องจบ ฉันก็ไม่อยู่รอดูสถานการณ์หรอกนะเพราะว่าเป็นห่วงทุกคน ฉันเลยรีบผละตัวออกมาในทันทีที่มีโอกาสก่อนหน้าที่จะออกมาก็มีถูกพระราชานัดพบเป็นการส่วนตัวด้วยอยู่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ แล้วก็คงคิดจะคุยถึงเรื่องต่อจากนั้นนั่นแหล่ะเป็นไปตามแผนเลย ฉันคิดจะใช้โอกาสนี้ต่อรองกับราชาอยู่แล้ว…แล้วพอวิ่งออกมาถึงจุดนัดพบในซอกตึกรามบ้านช่อง ก็เจอกับทุกคนโชคดีไป... ดูเหมือนทั้งมีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย โล่งอกไปที...กลับกันแล้วพวกเธอเป็นห่วงฉันสุดๆเลยชาลอตก็เอาแต่บอกว่า〝 นายท่านอย่าเสี่ยงไปคนเดียวแบบนั้นอีกเลยนะคะ! 〞ส่วนซาช่าก็〝 ตอนที่นายท่านกระโดดเข้าไปหาลูกบอลแปลกๆนั่น...
〝 อั๊ก!!! 〞 เจ้าชายออริออน... ริออนกุมมือขวาของตัวเองด้วยความเจ็บปวด เพราะได้รับผลกระทบจากการถูกยิง ต้องบอกว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่อัญมณีรับความเสียหายแทนไปเกือบหมด ไม่งั้นมือของเขาคงขาดไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะความเจ็บปวดที่แล่นจากมือขวาไปสู่ทั่วทั้งร่างนี่แหล่ะ ทำให้ริออนดึงสติของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งวูม!!!!!!———〝 อะ อา.... 〞 ริออนรำพึงอยู่ในลำคออย่างน่าเวทนา ในตอนที่แสงสีแดงจากวงเวทย์สว่างน้อยลงพร้อมๆกับวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ค่อยๆจางหายไปจากท้องฟ้ายามค่ำคืน จนในที่สุดแสงสว่างสีแดงฉานก็อันตรธานหายไปจากท้องฟ้า เช่นเดียวกับวงเวทย์ขนาดมหึมา ทำให้แสงจันทร์ส่องลงมาถึงพื้นดินอีกครั้ง แต่ยังคงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเนื่องด้วยความสับสนของชาวเมืองอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าทุกคนปลอดภัยดีแล้ว และไม่มีใครได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยซักคน ความสิ้นหวังเข้าคลุมสติของริออนในพริบตา อย่างที่เขาว่าไว้… เมื่อพริบตาที่ความหวังใกล้จะสัมฤทธิ์ผลถูกทำลายลง นั่นคือความสิ้นหวังอย่างที่สุด... และนั่นก็ทำให้สีหน้าของริออนเปลี่ยนจากสิ้นหวังไปเป็นอาฆาตแค้นแทน แ
〝 น่าตกใจจริงๆ… นี่รู้อยู่แล้วหรอกเหรอว่าข้าเป็นคนร้าย? 〞 เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง... เจ้าชายออริออนถามกรออกมาด้วยแววตาและท่าทางหยิ่งยโส พร้อมกับเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาไปในตัว ว่าตัวเองคือคนร้ายตัวจริง ในขณะที่มองกรลงมาจากเบื้องบน〝 ก็นะ... เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้เองแหล่ะ แสบจริงนะให้ตายสิ... 〞กรพูดออกมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แล้วก็เดินเข้ามาทางเจ้าชายออริออนมากกว่าเดิม เหล่าสมุนเล็บโลหิตตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีกันเต็มที่ แต่ยังไม่มีใครกล้าเริ่มโจมตีกรก่อน ทั้งด้วยความกลัวพลังที่ต่อกรกับพวกของตนระหว่างทางได้อย่างง่ายดาย แถมผ่านมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วนก็ด้วย แต่ประเด็นสำคัญคือจิตสังหารอันหนักอึ้ง ราวกับถูกน้ำตกซัดสาดนั่นของกรต่างหาก ที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าขยับตัว〝 งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกัน... 『อุปกรณ์ตัวหลัก』 อยู่ที่ไหน? 〞 กรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว นั่นทำให้เหล่าเล็บโลหิตจำนวนเกินครึ่งยืนตัวสั่นได้ ไม่สิ... แม้แต่ชายเผ่าปีศาจที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าชายออริออนยังแอบสั่นเลยด้วยซ้ำ มีเพียงโรนี่ที่ใจเย็
หลังจากที่แอบย่องขึ้นมาบนชั้นสอง แล้วมองลอดเข้าไปในห้องที่จับสัมผัสวิญญาณได้พวกเราก็เจอกับเด็กผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนขอบระเบียงเป็นภาพที่น่าแปลก... เพราะเธอคนนั้นโปร่งแสงจนมองทะลุไปถึงท้องฟ้าที่เป็นฉากหลังเลยเนี่ยสิถ้างั้นก็ไม่ต้องสงสัย... เด็กคนนั้นคือวิญญาณที่กำลังตามหาอยู่แน่นอน กรคิดแบบนั้นพลางมองไปยังเด็กสาว ส่วนทางเด็กสาวนั้นกลับหันมามองทางกรในเวลาเดียวกัน〝 เอ่อ... ไม่ต้องหลบหรอกนะคะ คือหนูเห็นตั้งแต่เข้ามาในคฤหาสน์แล้วหล่ะค่ะ 〞เสียงกังวานของเด็กสาวพูดขึ้นมา โดยในน้ำเสียงมีความเอียงอายเล็กน้อย แล้วพอเด็กสาวพูดแบบนั้น กรก็ให้สัญญาณทุกคนเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้องทันที〝 เข้าใจหล่ะ โทษทีนะที่บุกรุกเข้ามา 〞เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างสุภาพ ก็เป็นมารยาทเช่นกันที่กรจะตอบกลับไปแบบเดียวกัน〝 ไม่หรอกค่ะ... เอาจริงๆในรอบ 10 ปีมานี้มีคนเข้ามาในคฤหาสน์นับคนได้เลยหล่ะค่ะ มีคนบ้างแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน 〞เด็กสาวยิ้มตอบกรอย่างเป็นมิตร พร้อมกับลอยตัวจากขอบระเบียงมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกกร สภาพแบบนั้นทำเอาพวกกรประหลาดใจไม่น้อย เว้นเสียแต่ซาช่าที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่〝 นี่เธอเป