มืดสนิท.....
โดดเดี่ยว..... เพียงลำพัง.....
ว่างเปล่าจริงๆแฮะ.....
.
.
นี่เรา..... ตายอีกแล้ว... งั้นเหรอ?
หลังจากที่กรหมดสติไปได้พอสมควร กรก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่สิ่งที่พบกลับมีแต่ความมืดมิดในทัศนวิสัยของเขา และเพราะความรู้สึกที่กรกำลังเผชิญอยู่นี้มันเหมือนกับที่กรเคยสัมผัสมาแล้วเมื่อครั้งที่กรตายไปสองครั้งก่อนหน้าไม่มีผิด กรจึงคิดเป็นอย่างแรกเลยว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว
〝——อย่า....〞
!!!!
แล้วหลังจากนั้น กรก็ได้ยินเสียงของใครบางคน ดังแว่วเข้ามาในสติอันเรือนราง
เสียง? ผู้หญิงงั้นเหรอ?
....เสียงนี่ ....เป็นของ ....ใครกัน?
แต่ถึงแม้กรจะได้ยินเสียงนั้นราวกับถูกกระซิบอยู่ข้างหู ความคิดของกรก็ยังคงเลือนลางและอ่อนล้าเต็มทีเช่นเดิม
〝——คนเดียว....〞
ไม่... เข้าใจ แต่ว่า...
เป็นเสียงที่คุ้นเคยจริงๆ.....
ทั้งยัง ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดอีก.....
〝....ทิ้งฉัน——〞
ทิ้ง... งั้นเหรอ?
ก็บอกแล้วไง.... ว่าไม่เข้าใจ....
.
.
〝——อย่าทิ้งฉัน.... ไว้คนเดียว...〞
!!!!
เสียง... นี่มัน...
.
.
〝อย่าตายนะกร!!! ได้โปรด! อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว!!!!!!〞
!!!!!!!!!!
แล้วสติของกรที่เลือนรางมาตลอด ก็โลดแล่นขึ้นมา ราวกับสวิตซ์ไฟถูกเปิดขึ้นมาอย่างรุนแรงต่อเสียงตะโกนเรียกของเด็กสาว ที่เรียกเขามาตั้งแต่แรก และเพราะแบบนั้นเลยทำให้สติของกรเด่นชัดขึ้นจนถึงขีดสุดพร้อมกับรู้ที่มาของเสียงนั้นได้ในที่สุด
มี.... อา....
❖❖❖❖❖
〝อย่าตายนะกร!!! ได้โปรด! อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว!!!!!!〞
〝……………〞
หลังจากที่กรใช้ตัวเองเป็นโล่บังการโจมตีของมังกรห้าหัวให้มีอาจนตัวกรในตอนนี้อยู่ในสภาพเป็นตายเท่ากัน
มีอานั่งพับเพียบอยู่ข้างๆกรที่นอนหงายด้วยแววตาไร้แวว เลื่อนลอย และทั่วร่างเต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะพลางใช้มือทั้งสองกุมมือซ้ายของกรที่ไร้การตอบสนองไว้แน่น แต่ก็ยังคงตะโกนเรียกกรที่สติหลุดลอยไปแล้วอย่างเห็นได้ชัดนั่นอยู่อย่างต่อเนื่องด้วยเสียงแหบแห้งเต็มที ใบหน้าของเธอเองก็เต็มไปด้วยน้ำตา ที่ไหลหลากออกมาไม่หยุดราวกับน้ำตกยังไงอย่างงั้น
ตู้ม!!!
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
และแน่นอนว่ามังกรห้าหัวที่ตามหาทั้งคู่มาตลอด ไม่มีทางปล่อยให้มีอาและกรได้อยู่อย่างสงบ เพราะทันทีที่มันใช้สกิลสร้างแท่งเหล็กในครั้งก่อนเสร็จ มันก็เดินเข้ามาทางทั้งสองคนทันทีโดยไม่แม้แต่จะให้พักหายใจ จากนั้นก็คำรามสั่งลาทั้งสองคนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาเหนือศีรษะของกรและมีอา
〖คุณหนู!!! รีบหนีไปก่อน!!!!!!〗
〝กร! ขอร้องหล่ะ!!! กร! ตอบฉันสิ!!!〞
เคลเบรอสที่เห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะแย่ จึงได้ตะโกนบอกมีอาที่มีสติอยู่ให้หลบไปก่อน แต่เคลเบรอสก็คาดการณ์ผิดไปหน่อย นั่นเพราะมีอาไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองกำลังจะถูกโจมตีแม้แต่น้อย ทั้งยังไม่ยอมเลิกตะโกนเรียกตัวกรที่นอนอยู่อีกต่างหาก
แล้วพอมีอาที่เห็นว่าบอสกำลังจะใช้เท้าเหยียบลงมาที่ตัวเธอและกร เธอก็พุ่งตัวเข้ามาซบกับอกและราบไปกับตัวกรที่นอนหงายอยู่บนพื้นในทันทีเพื่อหวังจะป้องกัน จนเหมือนว่าทั้งสองคนกำลังนอนกอดกันอยู่ แต่แน่นอนว่าเธอไม่ได้คิดว่าการทำแบบนี้จะช่วยป้องกันกรได้อยู่แล้ว เธอจึงคิดเพียงแค่ว่าอย่างน้อยก็ขอตายในอ้อมอกของกรก็ยังดีจึงทำแบบนั้นไปโดยที่ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย
ตู้ม!!!
〖ทั้งสองคน!!!!!!!!!!!!!!〗
และไม่ทันได้พักหายใจอีกครั้ง มังกรห้าหัวที่ยกเท้าขึ้นมาก่อนหน้าก็ฟาดเท้านั่นลงมาตรงจุดที่ทั้งสองคนอยู่ในทันทีจนเกิดเสียงดังลั่นและเกิดควันโขมงบดบังทัศนวิสัยไปทั่ว เคลเบรอสเองก็คิดว่ากรและมีอาที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลางของการปะทะแบบนั้น คงไม่มีทางรอดแน่นอน จึงได้ตะโกนเรียกทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพียงแต่ว่า....
ซู่ม!!!
〖นะ...นั่นมัน!!!〗
หลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีที่เกิดการปะทะจนฝุ่นตลบขึ้น กลุ่มควันที่บดบังทัศนวิสัยไปทั่วเมื่อครู่ถูกสิ่งที่คล้ายกับสายลมขนาดใหญ่พัดให้หายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรก
จากนั้น สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเคลเบรอส ณ จุดที่กรและมีอาอยู่นั่นก็คือ ภาพของกรที่ยังคงนอนหงายอยู่ แต่ทั่วทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าถูกปกคลุมไปด้วยออร่าสีทองอร่ามงดงาม ใช้มือข้างขวาที่ว่างจากการกุมมือของมีอา ยกขึ้นมาตั้งฉากกับพื้นแล้วรับการโจมตีด้วยการฟาดเท้าของมังกรห้าหัวนั่น จนดูเหมือนว่าเท้าของมันหยุดนิ่งติดกับมือของกรยังไงอย่างงั้น
แล้วจากนั้นกรก็งอแขนของตนลงเล็กน้อยเพื่อทำการดีดมันออก ก่อนที่จะทำการผลักเท้าของมังกรห้าหัวขึ้นไปในทิศทางเดิมอย่างง่ายดาย และนั่นก็ทำให้มังกรห้าหัวที่ถูกกรผลักเท้าข้างหนึ่งออกไปเสียสมดุลจนเซออกไป และล้มลงหงายท้องไปด้านข้างในที่สุด
〝กร!!!!〞
〝มีอา.... อึดอัด〞
〝ขะขะขะ.... ขอโทษ!!!〞
และพอสถานการณ์คลี่คลายลงเล็กน้อย มีอาที่เห็นว่ากรได้สติกลับคืนมาแล้วก็เรียกกรอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่ฉีกจนกว้างในทันที แต่พอกรพูดแบบนั้นออกมา เธอจึงรู้สึกตัวอีกครั้งว่าตัวเองกำลังนอนทับตัวเขาอยู่นั่นเอง ก่อนที่จะผละตัวออกมานั่งในท่าพับเพียบอีกครั้ง และเขินอายจนหน้าแดงแบบนั้นอยู่คนเดียวเหมือนทุกที
〝ยืนขึ้นซะมีอา!〞
〝อะ... อื้ม!〞
〝【รีไวฟ์ออล】!!!〞
แล้วจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนในทันทีและบอกมีอาที่ผละออกไปนั่งเขินคนเดียวก่อนหน้าให้ลุกขึ้นยืนไปพร้อมกัน ก่อนที่จะใช้เวทย์รักษาทุกส่วนของร่างกายของตัวเอง รวมถึงมีอาที่ไม่น่าจะมีแผลเองก็รักษาไว้ก่อนเช่นกัน เพื่อให้ทั้งสองอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
〝กร... นี่มัน...〞
〝หืม? อ๋อ! ...นี่หน่ะ ประมาณว่าท่าไม้ตายก้นหีบละมั้งนะ〞
ใช่แล้ว! นี่คือ.... ผลที่เกิดจากการใช้คุณสมบัติพิเศษของฉายา『จิตวิญญานเหล็กกล้า』....
และแน่นอนว่าถ้าใช้ไปแล้ว หลังการต่อสู้ครั้งนี้จบลง หรือออร่าหมดลง ตัวเราก็จะตาย เหมือนกับตอนของเคลเบรอส....
..แต่เรื่องพรรค์นั้นมันไม่จำเป็นต้องคิดอีกแล้วหล่ะ ก็เมื่อกี้เราเกือบจะม่องไปแล้วนี่นะ... ไม่สิ ปล่อยไปเราก็ตายอยู่ดี
เพราะงั้นแทนที่จะปล่อยให้เราตายอย่างไร้ค่า อย่างน้อยก็ขออัดไอ้มังกรนั่นให้หมอบก่อนเถอะ
แล้วพอไอ้มังกรนั่นตาย มีอาจะได้รอดพ้นเงื้อมมือมันซักที
ถึงไม่รู้ว่าทางข้างหน้าเธอจะมีชีวิตอยู่ยังไงก็เถอะ... แต่หวังว่าเคลเบรอสมันจะยอมช่วยเธอนะ
หวังแค่นี้คงได้สินะ———
.
.
หลังจากที่กรใช้เวทย์รักษาให้ทั้งตัวเองและมีอาเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินจ้ำอ้าวไปหยิบเคลเบรอสซอร์ดที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยมาเก็บไว้ในฝักด้านหลังเช่นเคย ก่อนที่จะพูดกระซิบกับเคลเบรอสเบาๆว่า【เจ้าหมา ขอฝากที่เหลือ... ฝากมีอาด้วย】แต่ถึงแบบนั้น เคลเบรอสก็ไม่ได้ตอบกรกลับแต่อย่างใด
〝กร โอเคแล้วใช่ไหม?〞
〝อ๊ะ! อา... ฟิตปั๋งสุดๆ〞
〝งะ... งั้นเหรอ ดีจัง...〞
จากนั้นมีอาที่วิ่งตามกรมา ก็มายืนอยู่ข้างๆและตั้งท่าเตรียมพร้อมไว้พลางถามอาการของกร และพอเห็นว่าอาการของกรดีขึ้นแล้วตามที่บอก เธอก็ทำสีหน้าโล่งอกและดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะเธอยังไม่รู้ว่าหลังจากที่การต่อสู้จบลงแล้วกรจะตายนั่นแหล่ะ กรที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำสีหน้าลำบากใจนิดหน่อย ก่อนที่จะส่ายหัวไปมาเพื่อดึงสติกลับมาสู่สนามรบตรงหน้าอีกครั้ง
เอาหล่ะ... หลังจากนี้คงจะเป็นการต่อสู้ของจริงแล้ว!
แต่เราก็ยังหาวิธีล้มมันแบบเป็นรูปธรรมไม่ได้
แล้วจากที่อ่านคำอธิบายของฉายา『จิตวิญญานเหล็กกล้า』 ผลพิเศษของมันจะเพิ่มขึ้นตามเจตจำนงของผู้ใช้ ก็หมายความว่า ยิ่งเรามีความแน่วแน่และมุ่งมั่นมาก พลังของเราก็จะเพิ่มขึ้นตามสินะ....
งั้นศึกสุดท้ายเห็นที คงจะใช้การตัดความรู้สึกไปไม่ได้แล้ว เพียงแต่...ถ้ามีแค่เราคนเดียว ก็คงดับเครื่องชนลุยไปแบบไม่คิดเหมือนกับตอนเคลเบรอสไปแล้ว
เพียงแต่ครั้งนี้... มีอาก็อยู่ด้วย การตัดสินใจผิดพลาดเพียงครั้งเดียวก็สามารถจบลงที่ความตายได้แล้ว ถ้ามีอามีพลังคล้ายๆกับเราก็ดีสิ———
ดะ... เดี๋ยวสิ! นี่ไงหล่ะ!!
ไม่สิ... เราอาจจะแค่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไป!
ก็รู้ว่ามันคงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด แต่ถ้ามันเป็นไปอย่างที่คิดจริงๆละก็... ตัวแปรสำคัญในศึกครั้งนี้ อาจจะเปลี่ยนจากเราไปเป็น มีอา แทนเลยก็ได้!
.
.
〝มีอา เธอหน่ะรู้รึเปล่า ว่าผลพิเศษของฉายาเธอ มันทำอะไรได้บ้าง?〞
〝เอ๋! กะ...ก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดหรอกนะ เพราะฉายานั้น...ฉันเองก็อ่านมันไม่ออกเหมือนกัน แต่เหมือนท่านแม่จะเคยบอกว่า มันจะแสดงพลังออกมาได้เต็มที่ในตอนที่ได้รับพลังเวทย์ปริมาณมหาศาลหน่ะ〞
〝นั่นแหล่ะๆ!〞
เป็นอย่างที่คิด ผลพิเศษจากฉายาของมีอา ต้องมีความสามารถอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ…
นั่นเพราะตัวเธอสามารถจัดการมอนสเตอร์ที่มีสเตตัสมากกว่าตัวเองได้เลยนี่นา แถมความเร็วของเธอยังมากกว่าพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ
แล้วจากที่เธอบอกมา มีอาเองก็อ่านรายละเอียดของฉายาไม่ได้เหมือนกัน
ใช่แล้ว! เรื่องที่ว่ามานี้... มันเหมือนกับฉายา『จิตวิญญานเหล็กกล้า』 ของเราในตอนแรกๆเลยนี่หว่า
แสดงว่าพลังของฉายานั้นก็คงมีระดับสูงกว่าตัวเธอเหมือนกับของเรา สเตตัสเริ่มแรกของเธอก็ไม่ใช่กระจอกๆซะด้วย คงพอหวังผลได้ในระดับนึง
แน่นอนว่าต้องคิดเผื่อในสถานการณ์ที่เลวร้ายไว้ก่อน แต่ตอนนี้ก็คงต้องลองเสี่ยงกับเธอดูก่อน…..
ถ้างั้นก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องลังเล เวลาเองก็ไม่ค่อยจะเหลือแล้วด้วย... มีแต่ต้องลองดูแล้วหล่ะ!!!
.
.
〝งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบถ่ายพลังเวทย์ให้!〞
〝อ๋า!!!!? เอ๋ๆๆ!!!!!〞
แล้วกรก็ยื่นมือซ้ายที่ว่างอยู่ของตัวเองไปทางมีอาเพื่อถ่ายโอนพลังเวทย์ให้เธอ เพียงแต่พอกรยื่นมือไป มีอากลับไหล่กระตุกด้วยความตกใจและแสดงท่าทางเก้อเขินออกมาเกินความจำเป็น ทั้งยังหน้าแดงแจ๋ในสถานการณ์แบบนี้อีก นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้ กรถ่ายพลังเวทย์ให้เธอโดยการจุมพิตอย่างดูดดื่มนั่นแหละ มีอาจะเข้าใจผิดไปแบบนั้นก็ไม่แปลกเลย
〝กะ... ก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะกร แต่ว่าตอนนี้——〞
〝ไม่ใช่เฟ้ย! ฉันหมายถึงยื่นมือมาทางนี้ต่างหาก!〞
〝อ๊ะ! งะ... งั้นเองหรอกเหรอ〞
แล้วมีอาก็ยื่นมือของตัวเองไปให้กรจับ แต่กลับทำหน้าเหมือนกับเสียดายพลางถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกัน กรเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็รีบถ่ายโอนพลังเวทย์ผ่านมือของเธอที่ตัวเองจับอยู่ในทันที เพราะถึงมังกรห้าหัวจะยังนอนตะแคงข้างเพราะยังตั้งตัวไม่ติดอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะนอนอยู่แบบนั้นตลอด กรจึงต้องรีบแข่งกับเวลาที่เหลืออันน้อยนิดนั่น
.
.
〝อ๊ะ! มีคำร่ายเข้ามาในหัวด้วย〞
แล้วพอกรใช้ออร่าสีทองที่โอบล้อมตัวเองอยู่ ถ่ายโอนมันไปยังมีอามากกว่าครั้งที่แล้ว ผลลัพธ์ก็คือออร่าสีทองนั่นก็เข้าคลุมร่างของเธอด้วยเช่นกัน เพราะครั้งนี้เกิดจากความยินยอมของเจ้าตัว ความต้านทานพลังเวทย์ของมีอาจึงไม่มีผลมากนัก รวมกับพลังเวทย์มากกว่า 6 ล้านจุดที่กรถ่ายโอนให้ก่อนหน้า การถ่ายโอนพลังเวทย์จึงราบลื่นอย่างที่กรคิดเอาไว้ไม่มีผิด
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
〝ไม่มีเวลาแล้ว ร่ายมันออกมาเลย!!!〞
〝ขะ... เข้าใจแล้ว! ...ข้าคือเจ้าผู้ครองนภา ท้องฟ้าและผืนพิภพจงสยบตรงหน้าปีกแห่งเรา และมอบแสงแห่งความหวังที่จะปัดเป่าศัตรูเราให้สิ้นไปเสีย...〞
และพอมังกรห้าหัวนั่นคำรามออกมาทั้งที่กำลังนอนตะแคงข้างอยู่ เลยทำให้กรร้อนรนขึ้นมา มีอาที่ได้ยินกรพูดแบบนั้น ก็ตอบสนองด้วยการร่ายผลพิเศษของฉายาตัวเองในทันที แล้วจากนั้น...
〝【แองเจิ้ลโหมด เบิร์สท !!!!!!!!!! 】〞
ซู่ม!!!
ทันใดนั้น ทั่วทั้งร่างของมีอาก็ถูกปกคลุมด้วยออร่าสีชมพูอ่อนส่องประกายงดงามเช่นเดียวกับสีผมของตัวเอง ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็เหมือนกับตัวกรที่มีออร่าสีทองคลุมอยู่นั่นจะแตกต่างกันก็แค่สีของมันเท่านั้นเอง เพียงแต่เรื่องน่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ....
〝มีอา ข้างหลังเธอ!〞
〝โกหก... น่า!〞
เพราะที่น่าตกใจกว่าก็คือ ด้านหลังของเธอ ออร่าสีชมพูแบบเดียวกันประกอบขึ้นเป็นรูปร่างของปีกขึ้นมา 2 อันและทั้งสองก็เชื่อมต่อกับกระดูกสะบักของเธอด้วย พอกรตะโกนออกไปแบบนั้น มีอาจึงขยับปีกด้วยความคิด และลอยตัวขึ้นมาเหนือพื้นกว่า 10 เมตรโดยการสะบัดปีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นจึงทำให้ทั้งคู่ตกใจมากยิ่งกว่าเดิม
แจ็คพ็อตแตกแล้วไหมหล่ะ!
เป็นอย่างที่คิดเลย.... มีอาต้องมีพลังอะไรซ่อนอยู่แน่นอน.. ก็นะ ถ้าถามว่าทำไมคิดงั้น คงต้องตอบว่ามันเป็นสัญชาติญาณของเกมเมอร์ละมั้ง
ก็แหม... ฉายามันใบ้มาซะขนาดนั้นนี่น๊ะ
แต่ผลลัพธ์จริงๆนี่ ยังไงก็ต้องดูด้วยตาของตัวเอง.....
และในขณะเดียวกับที่กรกำลังดีใจที่ข้อสันนิษฐานของตัวเองถูกต้อง กรก็ได้ใช้สกิลตรวจสอบสเตตัสของเธอในทันทีเพื่อยืนยันกำลังรบของมีอา แล้วก็ต้องพบกับผลลัพธ์ที่น่าตกใจและน่าดีใจไปพร้อมๆกัน
ข้อมูลสเตตัส
『มีอาน่า กาบริเอล』เพศ หญิง อายุ 17 เผ่าพันธุ์ แองเจิ้ล(ชั่วคราว)
อาชีพ นักดาบ เลเวล 145
ฉายา 〘พลังแฝงเทพเจ้า〙, 〘พรสวรรค์เทพเจ้าแห่งดาบ〙
《พลังโจมตี》 110,220 + 1,102,200 + 14,064,710
《พลังป้องกัน》 73,720 + 737,200 + 16,390,230
《พลังเวทย์》 146,720 + 1,467,200 + 14,491,636
《ความต้านทานเวทย์》183,220 + 1,832,200 + 12,579,091
《ความว่องไว》 183,220 + 18,322,000 + 20,895,123
《พละกำลัง》 73,720 + 737,200 + 12,190,825
นะ... นี่มัน ให้ผลลัพธ์เกินคาดสุดๆไปเลยแฮะ
ความว่องไวเพิ่มขึ้นเป็น 100 เท่าเลย!
ไม่สิ รวมกับความสามารถในการบิน... ถึงจะไม่ยังไม่ได้ลองบินดูจริงๆจังๆก็เถอะ แต่เท่าที่ดูก็ไม่มีปัญหานี่นา ถ้ารวมความสามารถทั้งหมดบวกกับสเตตัสและฝีมือดาบของมีอาแล้วหล่ะก็….
....เธอคงจะกลายเป็น ....แนวหน้าสุดแข็งแกร่งพอๆ หรือไม่ก็เหนือกว่าเรา อย่างแน่นอน——
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ตึง!!
แล้วในขณะที่กรกำลังดีใจกับผลลัพธ์ตรงหน้าอย่างที่สุดอยู่นั้น มังกรห้าหัวก็ได้พลิกตัวและกลับมายืน 4 ขาเช่นเดิมได้แล้ว นั่นเลยทำให้กรที่พยายามผ่อนคลายความคิดเพื่อให้ปรับตัวกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างลื่นไหลกลับมาอยู่ในสภาวะตรึงเครียดอีกครั้ง
〝ชิ! มีอา ถอยไปตั้งหลักก่อน ตามฉันมา!!!〞
〝อะ อื้ม! รับทราบ!〞
แล้วพอกรสั่งมีอาไปแบบนั้น ก็พลิกตัวด้วยข้อเท้าขวาไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว และใช้สกิล【เคลื่อนไหวความเร็วแสง】ถีบตัวเองไป จนห่างจากตัวมังกรเกือบ 300 เมตรเลยทีเดียว และต้องขอบคุณเจ้ามังกรห้าหัวนี้ที่ไม่ได้เป็นประเภทมีสติปัญญาสูงแบบเคลเบรอส เพราะมันเคลื่อนไหวด้วยสัญชาตญาณสัตว์ป่าล้วนๆ เลยทำให้กรทิ้งห่างจากตัวมันไม่ยาก ส่วนมีอาที่อยู่ด้วยกัน ก็ใช้ความสามารถในการบินที่เพิ่งได้มากระพือปีกแห่งแสงซึ่งมีสีชมพูสดใสทั้ง 2 ข้างที่อยู่กลางหลังเพียงครั้งเดียว ก็สามารถตามกรมาติดๆได้แล้ว พอกรเห็นว่า เธอบินได้อย่างไม่มีปัญหาก็โล่งใจออกมา ก่อนที่จะเริ่มคิดแผนการล้มมังกรตรงหน้าอย่างจริงจังอีกครั้ง
〝ก่อนอื่น โจมตีหัวที่เป็นปัญหาที่สุดก่อน... จัดการหัวขวาเป็นทางเลือกที่ควรทำหล่ะนะ เดี๋ยวฉันจะเป็นตัวล่อดึงดูดความสนใจทั้ง 5 หัวให้ ส่วนเธอก็หาช่องว่างปิดบัญชีหัวขวาสุดไปเลย〞
〝ขะ... เข้าใจแล้ว〞
แล้วมีอาก็ตอบกรกลับไปด้วยเสียงสั่นๆเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะอยู่ดีๆ กรก็ให้เธอขึ้นเป็นแนวหน้า ทั้งยังให้เธอรับหน้าที่สำคัญด้วยนั่นแหล่ะ
〝ไม่ต้องกังวล... สเตตัสของเธอตอนนี้ มากกว่าฉันซะอีก ไม่ใช่พวกอ่อนแออีกแล้ว!!! เธอไม่แพ้ง่ายๆแน่นอน! แล้วถึงเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะปกป้องเธอเอง! 〞
〝อื้ม! เข้าใจแล้ว ตะ แต่ขอร้องหล่ะ อย่าใช้ตัวเอง———〞
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แต่มีอายังพูดไม่ทันจบประโยคดี เจ้ามังกรห้าหัวก็คำรามออกมาอีกครั้งนึงเสียแล้ว และแม้จะได้ยินไม่ครบประโยคแต่กรก็เข้าใจดีวามีอาจะพูดว่าอะไร นยั่นเลยทำให้ตัวเขาที่กำลังจะตายหลังจากนี้สลดนิดหน่อย แต่ในตอนนี้ทั้งคู่ต้องให้ความสนใจกับมังกรตรงหน้าก่อน กรจึงส่ายหน้าไปมาอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะหันเหความสนใจไปทางนั้นอย่างรวดเร็วและทำการลับประสาทสัมผัสทั้งหมดให้แหลมคมขึ้นพร้อมๆกับมีอา เพื่อตอบสนองการคำรามของมัน
〝ตอนนี้แหล่ะ! ไปกันเลย!!!〞
〝รับทราบ!!!〞
ตู้ม!!!
แล้วพอกรตัดสินใจได้ว่า การพยายามไปให้ถึงก่อนที่สกิลจะทำงานหรือให้มันแสดงผลน้อยที่สุดเป็นทางที่ดีที่สุดในตอนนี้ จึงรีบตัดสินใจและสั่งการณ์มีอาเหมือนทุกที มีอาก็ตอบสนองกรด้วยการชักดาบเอสต็อคของตัวเองมาถือในมือซ้ายในทันที จากนั้นทั้งคู่ก็ถีบพื้นและดีดตัวออกไปจนพื้นที่อยู่ตรงเท้าแตกกระจายออกมาเป็นวงกว้างมากกว่าทุกครั้ง แล้วพุ่งเข้าหามังกรห้าหัวเป็นเส้นตรง โดยทิ้งไว้เพียงภาพติดตาและเศษเสี้ยวของออร่าที่ติดตัวอยู่ราวกับเปลวเพลิวไว้ข้างหลังเท่านั้น
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
แต่ไม่เหมือนกับคราวที่แล้ว นั่นเพราะทันทีที่เสียงคำรามอันเป็นสัญญาณก่อนการโจมตีจะเริ่มขึ้น หรือสกิลจะเริ่มทำงานได้จบลง ดวงตาทั้ง 5 คู่นั่นก็ส่องประกายออกมาพร้อมกัน
แล้วเรื่องที่กรกลัวก็เกิดขึ้นจนได้ ในชั่วพริบตาเดียวกับที่กรพุ่งเข้าไปได้เพียง 50 เมตร สกิลทั้งหมดก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากปากทั้ง 5 ในทันที แล้วนั่นก็รวมถึงสกิลที่ใช้ดูดพลังเวทย์ของมันก็ด้วย และก็เป็นอย่างที่คิด สกิลดูด MP นั่นเคลื่อนที่มาก่อนสกิลลำแสงเสียอีก กรที่คิดว่านั่นอาจจะเป็นการตัดกำลังพวกตนก็ได้ แต่ก็ยังไม่มีวิธีการป้องกันมันเลยนอกจากดาร์คเนสโค้ทที่สวมอยู่ แต่ในขณะที่คิดแบบนั้นสายลมปริศนาแบบเดียวกับครั้งก่อนก็พัดผ่านลำตัวของทั้งตัวเองและมีอาที่กำลังพุ่งเข้าไปหามังกรไปเรียบร้อยแล้ว
วูม!
〝แย่แล้ว มีอา! เป็นอะไรรึเปล่า!!!!!!〞
และสิ่งที่กรทำเป็นอย่างแรกเมื่อมังกรห้าหัวปล่อยสกิลสุดร้ายกาจนั่นออกมาก็คือ การตะโกนถามมีอาที่มีความเสี่ยงจะโดนสกิลนั่นอีกครั้ง เพราะตัวกรสวมดาร์คเนสโค้ทอยู่ ถึงจะขาดไปบางส่วนแต่ผลของมันก็ยังคงทำงานอยู่เช่นเคย เขาจึงรีบหันไปดูมีอาในทันทีที่สายลมนั่นผ่านร่างของมีอาและตัวเองไป แต่ว่า...
〝เอ๋!? มะ...หมายความว่าไงหน่ะกร? ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่นา?〞
〝อะเด๋!?〞
แล้วกรก็ส่งเสียงตกใจแบบแปลกๆออกมา เพราะมีอายังคงบินพุ่งตรงไปข้างหน้ากับตนโดยที่ความเร็วไม่ลดลงหรือมีอาการกระตุกเลยซักนิดเสมือนว่ามันไม่มีผลกับเธอเลยยังไงอย่างงั้น
เดี๋ยวดิ หมายความว่าไงกัน?
ไม่สิ... ไม่ใช่แค่มีอา ขนาดพลังเวทย์ของเรายังไม่ลดลงเลย
นี่หรือว่าจะเป็นเพราะออร่าพวกนี้... มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมาจากเรื่องนี้
ออร่านั่นอาจจะเป็นตัวเพิ่มความต้านทานเวทย์ให้สูงขึ้นก็ได้มั้ง
กับมีอาที่มีความต้านทานเฉพาะเผ่าสูงอยู่แล้วก็ไม่น่าแปลกหรอกนะ แต่เราไม่มีความต้านทานอะไรแบบนั้นไม่ใช่เหรอ หรือว่าจะขึ้นอยู่กับสเตตัสโกงๆของเรากัน?
ให้ตายสิ งงชะมัด... ไม่เข้าใจเลยซักนิด
แต่ช่างเถอะ! ในเมื่อมันไม่มีผล ก็สามารถตัดความกังวลและเพิ่มโอกาสชนะได้สูงขึ้นได้โข การที่เราและมีอามีออร่าคลุมอยู่ทั้งตัวแบบนี้นี่โชคช่วยจริงๆ
แต่การเกาถูกที่คันพอดีแบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว เพราะงั้นหลังจากนี้ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการเข้าปะทะให้มากขึ้นอีก———
〝ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ไปต่อกัน———〞
ฟิ้ว! ——————
ตู้มๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!!!
แต่กรที่พุ่งตัวไปต่อพร้อมๆกับมีอาก็ต้องถูกขัดจังหวะจากอีกหนึ่งสกิลที่น่ากลัวไม่แพ้สกิลดูดพลังเวทย์ แทบจะทันทีที่สายลมพัดผ่านทั้งคู่ไป สำแสงสีขาวแบบเดียวกับครั้งก่อนก็ถูกปล่อยออกมาแล้วลากยาวออกไปสุดสายตาอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้มังกรหัวหัวมันดันลากเป็นวงกลมโดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลางแทนซะงั้น
กรและมีอาทั้งคู่สามารถหลบมันได้อย่างฉิวเฉียด แต่เพราะทั้งคู่ยังให้ความสนใจกับสกิลดูด MP ที่เพิ่งผ่านมาได้มากเกินไป เลยไม่พ้นที่จะโดนแรงระเบิดพัดไปด้วยกันทั้งคู่จนกระเด็นกลับไปทางเดิมอยู่ดี นั่นเลยทำให้ทั้งคู่เสียหลักเล็กน้อย แต่มีอาก็กระพือปีกครั้งนึงแล้วหยุดนิ่งกลางอากาศเพื่อตั้งตัวได้ในทันที ส่วนกรก็ใช้ปลายเท้าขวาจิ้มลงบนพื้นเพื่อยึดเอาไว้ก็กลับมาตั้งหลักได้เช่นกัน
ชึบ!!! ——————
ฟุบๆๆๆๆ!!! ——————
〝เวรเอ้ย! ช้าไปงั้นเหรอ〞
แล้วพอฝุ่นควันที่ตลบอบอวนอยู่เพราะเกิดการระเบิดจางหายไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของกรและมีอาก็คือ ก้อนโลหะทรงกลม และ ลูกบอลสายฟ้าที่ส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆจนมาถึงตรงที่กรอยู่ ซึ่งทั้งสองอย่างมีจำนวนมากเสียยิ่งกว่าตอนแรก พอลองนับและค้นหาดูด้วยสุดยอดการประมวลผลดู ก็พบว่ามีอย่างละเกือบ 500 ลูกเลยทีเดียว ซึ่งทั้งหมดครอบคลุมรัศมีเป็นวงกลมอยู่รอบมังกรและอยู่สูงไปจนถึง 200 เมตรเลยทีเดียว ส่วนพื้นบริเวณตั้งแต่เท้าของมังกรกระจายออกมาด้วยรัศมีมากกว่า 500 เมตรเองก็ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นทุ่งน้ำแข็งไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังขยายอาณาเขตมากขึ้นเรื่อยๆอีกต่างหาก จนดูเหมือนตอนนี้ได้เกิดป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ไร้ซึ่งทางฝ่า เป็นอาณาเขตทรงกลมรัศมีมากกว่า 200 เมตรโดยมีมังกรห้าหัวเป็นจุดศูนย์กลางเลยทีเดียว
〝กร! น้ำแข็งมัน!〞
〝อา... รู้แล้วหล่ะ〞
แย่แล้วสิ... การโจมตีบนพื้นทำไม่ได้ซะแล้ว บ้าชิบ ยังกับมันเล็งไว้เลยแฮะ...
แบบนี้ก็เหลือแค่การโจมตีทางอากาศ... ไม่ได้ แบบนั้นก็เสี่ยงเหมือนกัน อาณาเขตก็สูง 200 เมตรกว่าๆเลยด้วย แถมคนที่ทำแบบนั้นได้ในตอนนี้ก็มีแค่มีอาซะอีก
จะบอกว่าเป็นไปไม่ได้เลยก็ไม่ได้ นั่นเพราะสเตตัสด้านความว่องไวของเธอสูงมากกว่าเราซะอีก คงหลบพวกลูกบอลนั่นได้อยู่หรอก.... มั้งนะ
เรานี่แหล่ะที่เป็นปัญหา ตัวเราบินไม่ได้... แถมต่อให้บุกทางภาคพื้นดินได้ ก็คงหลบสายฟ้าไม่ได้อยู่ดีนั่นแหล่ะ
แบบนี้คนที่เป็นตัวถ่วงก็คือเราหน่ะสิ.... ไม่สิ... ไม่เห็นจะยากเลยนี่นา....
....แค่บินให้ได้เหมือนกับมีอา แค่นั้นก็พอแล้ว!!!
ถึงจะไม่มีปีก... แต่ฉันก็จะไม่ยอมแพ้หรอกเฟ้ยยย!!!!!!!!!!
.
.
〝คิดอะไรออกแล้ว ช่วยรอซัก 2 วินาทีนะ〞
〝อะ... อื้ม! เข้าใจแล้ว!〞
แล้วพอกรคิดอะไรได้ขึ้นมาก็สั่งให้มีอาเตรียมพร้อมรอไปก่อน มีอาก็รับคำสั่งแล้วก็ตั้งท่าป้องกันอยู่เหนือศีรษะของกรทันที ส่วนกรที่เป็นคนสั่งมีอาก็หลับตาลงและผ่อนคลายร่างกาย จากนั้นก็เริ่มทำการจินตนาการเพื่อเพิ่มพลังเวทย์ และขยายขนาดออร่าสีทองที่คลุมร่างกายตัวเองอยู่นี้ให้มากขึ้น
พลังของออร่าขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นสินะ.... ก็สวยสิแบบนี้!!!!
ซู่ม!!!
แล้วพอกรทำการจำกัดสติและความคิดของตัวเองให้อยู่เพียงแค่เรื่องการทำให้ตัวเองบินได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแล้ว ออร่าสีทองที่ครอบคลุมเขาอยู่ ก็ขยายตัวออกมาหนาแน่นยิ่งกว่าเดิมรวมถึงสีของมันเองก็มีความเข้มข้นขึ้นมากด้วยเช่นกัน ราวกับมันกำลังตอบสนองจิตใจอันแรงกล้าของกรอยู่ยังไงอย่างงั้นเลย
จินตนาการสิ!!! ถึงแรงขับเคลื่อนโดยใช้ความร้อนและแรงดัน!!!!!
ใช้พลังเวทย์และออร่ามหาศาลส่วนเกินพวกนี้เป็นแรงขับเคลื่อนแทนแรงปฏิกิริยาที่จำเป็น!
สร้างมันขึ้นมาด้วยพลังเวทย์.... อยู่ที่กลางหลังของเรานี่!!!!
พลังเวทย์... หนาแน่นกว่านี้!!!!! เพิ่มความดันมากกว่านี้อีก!!!!!!
จงปรากฏรูปลักษณ์ออกมา! ถึงจะจับต้องไม่ได้ แค่ใช้งานได้เป็นพอ!!!!
อุปกรณ์ที่สามารถทำให้เกิดแรงขับเคลื่อน ในยานพาหนะมีปีกทั้งสองข้างในโลกเดิมจนเกิดความเร็วเหนือเสียงได้
สร้างมันขึ้นมา แบบเดียวกับเครื่องบินเจ็ท!!!!!!!!
นั่นคือ『เครื่องยนตร์ไอพ่น』ยังไงหล่ะ!!!!!!
ลอยขึ้นมาซ้าาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!
ซู่ม!!!
แล้วทันทีที่กรทำการจินตนาการและอัดพลังเวทย์ไว้ที่กลางหลังเป็นที่เรียบร้อย กรก็ทำการเพิ่มความดันให้มันมากขึ้นแล้วปล่อยมันลงไปปะทะกับพื้นเหมือนกับการเขย่าขวดน้ำอัดลมแล้วเปิดฝาออกมาเหมือนกับจรวดขวดน้ำ และด้วยแรงปฏิกิริยานี้เอง ทำให้ตัวกรลอยขึ้นมาเหนือพื้นดิน แม้จะไม่นุ่มนวลและสงบนิ่งเหมือนกับมีอา แต่โดยผลลัพธ์และการใช้งานจริงแล้ว ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้างไอพ่นชั่วคราวจากพลังเวทย์สำหรับการโบยบินบนท้องฟ้านี้
〝กร... นี่มันสุดยอดไปเลย!〞
〝อึ๊ก! น่าจะโอเคแล้ว มีอา... เธอหลบไอ้พวกนั้นได้ใช่ไหม!?〞
หลังจากที่ลอยตัวขึ้นมาได้ กรก็เกิดเสียหลักนิดหน่อยเพราะไอพ่นข้างนึงผิดพลาด แต่ก็ปรับแก้ได้ในทันที หลังจากนั้นกรจึงยืนยันกับมีอาก่อนครั้งนึงเหมือนกับครั้งแรกไม่มีผิด
〝อะ... อื้ม! ถ้าเป็นตอนนี้หล่ะก็...〞
〝ดีมาก ตามหลังฉันมาติดๆ เราจะฝ่ามันไปด้วยกันทีเดียวเลย!〞
〝รับทราบ!!!〞
แล้วพอกรได้ยินมีอาตอบกลับก็พยักให้มีอาหนึ่งครั้ง มีอาเองก็พยักหน้ากลับมาเช่นกัน จากนั้นกรก็ทำการเปลี่ยนทิศทางของไอพ่นที่เกิดจากออร่าสีทอง ก่อตัวจนหนาแน่นเป็นรูปทรงกระบอกสองอันที่อยู่ด้านหลังของตัวเองนั่นไปด้านหลังแล้วก็พุ่งออกไปเป็นเส้นตรงอีกครั้ง ส่วนมีอาเองก็กระพือปีกตามหลังกรมา แล้วก็พุ่งไปเพื่อประจันหน้ากับมังกรห้าหัวอีกครั้งด้วยความเร็วที่สุดยอดไม่แพ้กัน จนทั้งคู่เข้ามาถึงทุ่งน้ำแข็ง อันเป็นเขตโจมตีของบอสเพียงไม่ถึง 5 วินาทีด้วยซ้ำ เพียงแต่ตอนที่ทั้งคู่บินเข้ามาจนถึงเขตที่มีบอลสายฟ้าและก้อนโลหะทรงกลมอยู่นั่นเอง...
แกร็ก!!!
เหมือนกับครั้งก่อน ก้อนโลหะทรงกลมที่ลอยอยู่โดยทั่วบริเวณนี้ มีแท่งเหล็กแหลมและเล็กจำนวนมากออกมาจากมัน และแน่นอนว่าครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ก้อนเดียว นั่นเพราะตอนที่กรบินเข้ามาเป็นเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติอยู่นี้ ทั้งบน ล่าง ซ้าย ขวา หน้า หรือแม้กระทั่งด้านหลัง ก็เต็มไปด้วยก้อนโลหะทรงกลมที่เตรียมยิงแท่งเหล็กที่คร่าชีวิตตนเองไปอีกครั้งออกมา
ฮ่า-ฟู่!!!
แต่กรที่อยู่ในสถานการณ์คับขันดังกล่าวก็ไม่ได้ตื่นตกใจแต่อย่างใด ทั้งยังถอนหายใจหนักๆออกมาเพื่อตั้งสมาธิและทำการรวมประสาทสัมผัสทั้ง 5 อย่าง ให้มาอยู่ที่โสตประสาทหรือหูเพียงอย่างเดียวแทนด้วยสุดยอดการประมวลผล นั่นเพราะตอนนี้ มีจุดที่กรมองไม่เห็นซึ่งสามารถถูกโจมตีจากมุมอับได้มากเกินไป การใช้สายตามองไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียวต้องไม่เพียงพอเป็นแน่ หากใช้หูแทนตาก็จะสามารถสังเกตการณ์เสียดสีของอากาศและเรียงลำดับแท่งเหล็กที่ควรกำจัดตามลำดับได้โดยง่าย
แน่นอนว่าตามทฤษฎีแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่กับตัวกรในตอนนี้ที่แต่เดิมก็ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ปกติไปแล้ว พอกรทำการใช้สุดยอดการประมวลผลเพื่อเร่งการตอบสนองด้วยโสตประสาทให้มากที่สุดแล้ว ก็ทำการเรียก『Uzi』มาถือในมือซ้ายและ『AK-47』มาอยู่ในมือขวาก่อนที่จะเปลี่ยนกระสุนเป็นแบบหัวรูเพื่อเน้นการทำลายเฉพาะจุดกลางอากาศโดยไม่ใช้มือช่วยเช่นเคย
ฟิ้วๆๆๆๆ!!!!!!
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!!!
และในเสี้ยววินาทีที่แท่งเหล็กจำนวนมหาศาลพุ่งเข้ามายังตัวกรและมีอาจากรอบทิศทาง กรก็ทำการยิงกระสุนทั้งหมดที่มีด้วย『Uzi』และ『AK-47』 ตามลำดับที่มันพุ่งออกมาอย่างละเอียดจนถึงระดับเสี้ยวของเสี้ยววินาที ทั้งยังสามารถคำนวณวิถีการพุ่งของแท่งเหล็กทั้งหมดอย่างแม่นยำได้ล่วงหน้าเกือบ 3 วินาทีอีกต่างหาก ส่วนแท่งเหล็กที่กรยิงใส่ไม่ทัน ก็ได้มีอาที่ตามมาอยู่ข้างหลังติดๆช่วยปัดป้องออกไปได้ทั้งหมด
แล้วจากนั้นมีอากับกรก็เอาหลังมาพึงกันกลางอากาศขณะที่พุ่งตัวเข้าไปเป็นแนวขนานกับพื้น พร้อมกับหมุนควงสว่านไปด้วย ในขณะเดียวกันกรก็ทำการทำลายแท่งเหล็กที่พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พอกระสุนหมด มีอาก็จะต้านไว้ให้พร้อมกับหลบหลีกไปด้วยกันด้วยการเคลื่อนไหวที่น้อยที่สุดราวกับสอดด้ายเข้ารูเข็ม พอกรเปลี่ยนกระสุนเสร็จก็จะร่วมกันทำลายแท่งเหล็กที่พุ่งเข้า จนการเคลื่อนไหวของทั้งคู่เข้ากันได้พอดีเป๊ะ ราวกับฟันเฟืองของทั้งสองคนสอดประสานกันอย่างลงตัว จนในที่สุดทั้งคู่ก็ฝ่าพายุแท่งเหล็กมาได้อย่างหวุดหวิด จนทั้งคู่กำลังลอยตัวอยู่บนอากาศและเผชิญหน้ากับมังกรห้าหัวอีกครั้งหนึ่ง
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แล้วจากนั้นมังกรห้าหัวนั่นก็คำรามออกมา ราวกับจะสบถความไม่สบอารมณ์ของตัวเองที่ทำอะไรทั้งคู่ไม่ได้ออกมา จากนั้นหัวที่ 1 2 และ 4 ก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่มากกว่าที่กรและมีอาพุ่งเข้ามาทีแรกเสียอีกเพื่อหวังจะงับตัวกรจากทั้งด้านหน้า ซ้ายและขวา ส่วนหัวที่ 3 และ 5 ก็พุ่งเข้ามางับมีอาเช่นเดียวกัน
กรที่เห็นแบบนั้น ก็เก็บปืนกลทั้งสองกระบอกลงมิติ แล้วชักเคลเบรอสซอร์ดออกมาถือในมือขวาจากนั้นก็เอาดาบระดับ S อีกเล่มมาถือในมือซ้ายอีกครั้ง แล้วจากนั้น...
〝【Ogre Armor Form…จงสวมใส่เกราะอกกับปลอกแขนทั้งสองข้างที่ตัวเราซะ!!!】〞
พริบตาที่กรประกาศใช้สกิล เกราะอกลวดลายวิจิตรงดงามก็เข้าสวมใส่บริเวณอกของกรจนถึงเอว ราวถึงปลอกแขนที่สวมยาวไปถึงไหล่ทั้งสองข้างก็เข้าสวมร่างของกรพร้อมๆกัน
ตู้ม!!!
แล้วจากนั้นกรก็ดีดตัวออกมาจากจัดปะทะราวๆ 30 เมตร จนหัวที่ 1 และ 4 เกิดชนกันเอง แต่หัวที่ 2 นั้นยังคงพุ่งตรงมาข้างหน้าของกรอยู่เช่นเคย แล้วพอมันเข้ามาใกล้กรและคิดว่ากรคงหลบไม่พ้นแล้ว มันก็อ้าปากออกมาเสียจนกว้าง แล้วก็จัดการเขมือบกรที่ลอยอยู่กลางอากาศเข้าไปในปากของตัวเองทั้งอย่างงั้นเลย
〝กร!!!!〞
แตกต่างจากตัวกร มีอานั้นสามารถโบยบินบนท้องฟ้าได้อย่างอิสระบวกกับความคล่องตัวที่มีอยู่แต่เดิมช่วยเสริมในเรื่องความว่องไวเข้าไปอีก มีอาเพียงแค่เอี้ยวตัวและกระพือปีกเล็กน้อยก็สามารถหลบทั้งสองหัวที่พุ่งเข้ามาได้อย่างง่ายดาย เธอเองก็รู้ว่ากรบินไม่ได้ง่ายๆเหมือนตน แม้จะเชื่อว่ากรจะไม่เป็นไรก็ตาม แต่ความเป็นห่วงของมีอาต่อตัวกรนั้นมีมากกว่า พอเห็นว่ากรถูกกินเข้าไปต่อหน้าต่อตาแบบนั้นจะตกใจและรีบเข้าไปหาก็ไม่แปลกเลยซักนิด และในขณะที่เธอกำลังพุ่งเข้าไปเพื่อหวังจะช่วยกรอยู่นั่นเอง
〝【ตัดสายลม... คลั่ง】!!!〞
แผล่ะ!!!
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แล้วชั่วพริบตาที่เกิดเสียงประกาศใช้สกิลของกร หัวที่ 2 ซึ่งกรถูกกินเข้าไปก็ระเบิดออกจากภายในและกลายเป็นเศษเนื้อในพริบตา ทั้งยังเกิดพายุและลมแรงตามออกมาด้วยอีกต่างหาก
เพราะแน่นอนว่านั่นเป็นสิ่งที่กรหวังไว้แต่แรก กรนั้นคิดว่าแม้ความต้านทานภายนอก จากเกล็ดหนาๆของมังกรจะมีสูง แต่หากทำลายจากภายในก็คงไม่มีทางเลี่ยงซึ่งคล้ายกับกรณีการถ่ายโอนเวทย์โดยตรงแก่มีอานั่นเอง กรจึงใช้เกราะยักษาเพื่อเพิ่มพลังป้องกันก่อนเพื่อป้องกันลูกหลงจากตัวเองแล้วค่อยสร้างตัดสายลมเพื่อทำลายมันจากภายในนั่นเอง แล้วช่วงคอที่ยาวของมันที่ตอนนี้ไร้ซึ่งศีรษะก็อ่อนแรงลงและตกลงพื้นตามแรงโน้มถ่วง
〝ไม่เป็นไรใช่ไหม!〞
〝มีอา! การโจมตีทาง 2 นาฬิกามาแล้ว!!!〞
〝อึก!〞
แล้วพอมีอาเห็นว่ากรปลอดภัยจึงถามอาการของกรก่อนสิ่งอื่นใดเหมือนทุกที นั่นเลยทำให้เธอไม่ได้สังเกตเลยว่าหัวที่ 3 มันพุ่งเข้ามาทางตัวเอง แต่มีอาก็แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบขั้นสุดยอดให้ได้ชมอีกครั้ง โดยการเอี้ยวตัวไปทางซ้าย แล้วใช้ดาบเอสต็อคในมือซ้ายของเธอรับและเบี่ยงวิถีการโจมตี ที่หัวของมันพุ่งออกมาได้อย่างฉิวเฉียด แต่ถึงแบบนั้นก็ยังแทบจะทำให้เธอเสียหลักจนหมุนคว้างอยู่บนท้องฟ้าหลายรอบเลยทีเดียว
ฉั๊ว!!!
〝มีอา! เซนด์ทู!〞
〝ระ รับทราบ!!!!〞
และพอตั้งตัวได้หัวที่ 5 ก็พุ่งเข้ามาหามีอาอีก แต่คราวนี้กรเป็นคนพุ่งเข้ามาเบี่ยงหัวนั่นออกไปแทน จากนั้นก็ส่งต่อให้มีอาที่มีความคล่องตัวมากกว่าเข้าไปปะทะ มีอาที่รับคำสั่งแล้วก็ตอบสนองคำพูดของกรอีกครั้ง ด้วยการพุ่งเข้าไปบริเวณดวงตาของหัวที่ 5 ที่กำลังเสียหลักแล้วจัดการเฉือนตาทั้งสองของมันลง จนมังกรห้าหัวร้องออกมาอีกครั้ง
〝ทะลวงเข้าไปปิดบัญชีมันซะ!〞
〝รับทราบ!!!!〞
แล้วอีกครั้งที่เธอรับคำสั่งจากกร มีอาก็พุ่งตัวออกห่างจากตัวมังกรราวๆ 100 เมตร และจากนั้นก็พุ่งเข้ามายังหัวที่ 5 ที่กำลังดิ้นไปดิ้นมาเพราะสูญเสียการมองเห็นไป ด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วจากนั้นก็พุ่งเข้าไปยังบริเวณลำคอที่เปิดว่างของหัวที่ 5 ราวกับศรของลูกธนู ผลลัพธ์ก็คือลำคอนั้นเกิดรูขนาดใหญ่ จนขาดออกจากกัน แล้วหัวที่ 5 ก็ตกลงสู่พื้นดินพร้อมๆกับลำคอที่เหลือของมัน ก่อนที่จะถอยมาอยู่ใกล้ๆกรที่รออยู่ห่างไปข้างหลังเล็กน้อย
〝ตรงนี้ไม่ปลอดภัย ต้องไล่มันไปที่อื่น!〞
〝หมายความว่าไงกันหน่ะ!?〞
〝คอยดูเอาก็แล้วกัน!〞
จากบริเวณโดยรอบที่มีทั้งก้อนโลหะที่พร้อมจะปล่อยแท่งเหล็กได้ทุกเมื่อกับบอลสายฟ้าที่กรไม่มีทางหลบได้อยู่ทั่วไปหมด แม้กรจะสามารถปิดบัญชีมันได้ที่นี่ แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นระเบิดขึ้นมา กรและมีอาคงหนีไม่ทันเป็นแน่ เพราะมันมีความเสี่ยงมากกว่าที่คิดไว้มากกรจึงคิดที่จะย้ายตำแหน่ง แล้วหลังจากพูดจบ กรก็เก็บเคลเบรอสเข้าฝักและเก็บดาบในมือซ้ายเข้ามิติอีกครั้ง จากนั้นก็พุ่งตัวไปข้างหลังราวๆ 100 เมตรเช่นเดียวกับมีอา
〝【สัญลักษณ์แห่งความยิ่งยโสที่สลักอยู่บนร่างของข้าเอ๋ย จงกลืนกินเลือดเนื้อของข้า แล้วจงมอบพลังที่จักทำลายล้างศัตรูของข้าให้สิ้นเสีย】!!!!!!〞
ทันทีที่กรร่ายสกิลเสร็จ กรก็ถ่ายพลังเวทย์มหาศาลมากกว่า 10 ล้านจุดที่เกิดจากออร่าสีทอง จากนั้นแสงสีแดงโลหิตก็ส่องสว่างขึ้นมาจากแขนขวาของกรในทันที อันเป็นสัญญาณว่าสกิล『แขนยักษาแห่งการทำลายล้าง』 ได้ทำงานแล้ว แม้สกิลนี้จะมีความเสี่ยงตรงที่ถ้าไม่ควบคุมพลังเวทย์ให้ดีแล้วถูกปลดลง กรจะขยับตัวไม่ได้ไปถึง 10 วินาที แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามากลัวเรื่องที่เสี่ยงน้อยกว่าแบบนั้น กรจึงใช้มันออกมาแล้วยังไม่รอเวลาให้พลังเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ จากนั้นกรก็พุ่งเข้าไปบริเวณกลางลำตัวของมันด้วยอย่างรวดเร็ว แล้วจากนั้น
ฟิ้ว!!!
〝ปลิวไปซะ ไอ้มังกรเวร【วันพ้านนนนช์】!!!!!!!!!!!!!〞
ตู้ม!!!
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แล้วจากนั้นกรที่พุ่งเข้าไปบริเวณลำตัวของมังกรก็ทำการประเคนหมัดเข้าไปด้วยสกิลที่ทั้งถูกเสริมด้วยแขนยักษาและถูกเพิ่มพลังทำลายด้วยสเตตัส 3 อย่างอีกด้วย แล้วมังกรห้าหัวที่ถูกอภิมหาการโจมตีที่หนักหน่วงที่สุดของกรเข้าไป ก็กระเด็นออกจากจุดปะทะและออกนอกป้อมปราการสุดแกร่งของมันไปเป็นกิโลเลยทีเดียว
〝ขึ้นไปข้างบนกัน ตามฉันมา!〞
〝เข้าใจแล้ว!〞
แล้วไม่ปล่อยให้เสียเวลา กรและมีอาก็ทะยานผ่านสายลมขึ้นไปเหนือเมฆพร้อมๆกับหลบลูกบอลสายฟ้าและก้อนโลหะทรงกลมไปพร้อมๆกันได้อย่างฉิวเฉียดเหมือนที่ผ่านมาครั้งก่อน จนขึ้นมาเหนือเมฆและพบกับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ได้ในที่สุด
〝การโจมตีต่อไปจะเป็นการปิดบัญชีแล้ว! มีอา เธอต้องร่วมมือด้วย!〞
〝แน่นอนอยู่แล้ว! ว่าแต่... ฉันต้องทำอะไรบ้างหล่ะ?〞
แล้วกรก็บอกจุดประสงค์ที่ตัวเองขึ้นมาสูงขนาดนี้ให้มีอาฟัง ก่อนที่จะชักเคลเบรอสซอร์ดออกมาจากฝักมาถือในมือขวา ขณะเดียวกับที่ลอยตัวไปอยู่เหนือจุดที่มังกรห้าหัวอยู่
〖โห้! เข้าใจหล่ะ แบบนี้นี่เอง!!!〗
〝คนที่ฉันอยากให้เข้าใจคือมีอาเฟ้ยไม่ใช่แก!〞
แล้วเคลเบรอสที่เวงียบมาตลอดก็เปิดปากพูดขึ้นมา แต่สำหรับกรก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากนัก เพราะเขาคิดแค่ว่ามันเป็นการหยอกล้อเช่นเคยของเคลเบรอสนั่นเอง
〝ช่างเถอะ! นี่มีอา... เธอเห็นแล้วใช่ไหม ออร่าของฉันสร้างอุปกรณ์ที่ทำให้บินได้จากจินตนาการนี่หน่ะ〞
〝อะ... อื้ม เท่าที่เห็นก็พอเข้าใจอยู่หรอก...〞
〝แล้วฉันเองก็คิดว่าเธอเองก็ทำแบบเดียวกันได้〞
〝เอ๋!?〞
〝ขอพูดสั้นๆ เลยนะ.... ฉันจะสร้างดาบจากออร่าของเราสองคน โดยใช้ไอ้เคลเบรอสเป็นตัวกลาง.... ออร่าสีทองที่เพิ่มสเตตัสทั้งหมดหลายเท่าของฉัน กับของเธอที่เพิ่มความเร็วได้เป็นร้อยเท่านั่น รวมกับแขนยักษาก็ด้วย จากนั้นก็จะเจาะทะลุร่างของมัน แล้วก็ถ่ายพลังของเราสองคนระเบิดมันออกจากภายใน...〞
〝บะ... แบบนั้นมัน〞
และในขณะที่กรอธิบายสิ่งที่จะทำให้มีอาฟัง ทั้งคู่ก็มาถึงจุดที่เหนือกว่ามังกรห้าหัวมากกว่า 5 กิโลเมตรไปแล้ว
〝ถ้าคราวนี้ยังจัดการไม่ได้ พวกเราจบเห่แหงๆ〞
〝หมายความว่าไงงั้นเหรอ?〞
ก็เพราะว่าพลังชีวิตของฉันมันถึงขีดจำกัดแล้วหน่ะสิ... ออร่าเองก็เริ่มร่อยหรอลงแล้ว เพราะงั้นถึงต้องใช้ออร่าของเธอทดแทนส่วนที่เหลือด้วยยังไงหล่ะ
...เจ็บสุดๆ ทรมาน... น่าจะเป็นเพราะไม่ได้ตัดความรู้สึกนั่นแหล่ะ แต่ยังไงก็บอกเรื่องนี้กับเธอไม่ได้
เพราะงั้น... แค่ตอนนี้เท่านั้น... ทนอีกหน่อยนะร่างกายของฉัน....
〝ไม่มีเวลาแล้ว! ยื่นมือมาจับด้ามเคลเบรอสก่อน แล้วก็ถ่ายออร่าลงมา〞
〝แบบนี้เหรอ?〞
แล้วจากนั้นมีอาก็ยื่นมือซ้ายมาจับด้ามดาบเคลเบรอส แล้วก็เริ่มการถ่ายออร่าซึ่งก็สามารถทำได้อย่างราบลื่นดีทีเดียว กรเองก็ถ่ายออร่าสีทองของตัวเองลงไปเช่นเดียวกันจนผสมเข้ากับออร่าสีชมพูของมีอาแทบจะเป็นเนื้อเดียว
〝จินตนาการถึงดาบที่ทะลวงได้ทุกสิ่ง มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าตัวของมังกรนั่น———〞
〝มะ ไม่ไหวหรอก!!〞
〝ทำตามที่บอกซะ บอกแล้วไงว่าไม่มีเวลาเหลือแล้ว!〞
〝อึก! ….ฮึ่ม!〞
〝อื้ม! ดีมาก!〞
และแม้มีอาจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่พอกรบอกให้ทำด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอก็กระตุกเล็กน้อย แต่ก็ยังคงหลับตาลงและเพ่งสมาธิไปกับการจินตนาการตามคำพูดของกรอยู่ดี
ซู่ม!!!
แล้วจากนั้นออร่าของทั้งสองคนที่คลอบคลุมเคลเบรอสซอร์ดอยู่ก็ขยายใหญ่ขึ้นมา เป็นรูปร่างของดาบสองคมโอบล้อมเคลเบรอสอีกชั้นหนึ่ง มีสีชมพูอ่อนส่องประกายเป็นสีทอง ซึ่งมีความยาวประมาณ 10 เมตร
〝อึก! ยังไม่พอ.... มากกว่านี้อีก!!!!〞
〝เข้าใจแล้ว!!!!!〞
แล้วพอกรกระตุ้นมีอาและตัวเองเรียบร้อย พร้อมกับเพิ่มพลังจินตนาการและปริมาณออร่าให้มากขึ้น พร้อมกับเพิ่มสเตตัสของตัวเองด้วยแขนยักษาตามเวลาที่ผ่านไปพร้อมกันในตัว หลังจากนั้นก็....
ซู่ม!!!
〝!!!〞
〝!!!!!!!!!〞
〝สุดยอดเลยแฮะ สมแล้วหล่ะมีอา!〞
〝ขะ ขอบคุณนะกร〞
แล้วในที่สุดความพยายามของทั้งสองก็สัมฤทธิ์ผล ใบดาบที่คลุมเคลเบรอสอยู่ชั้นนึงขยายใหญ่ขึ้นจนเทียบไม่ติดกับครั้งที่แล้วเลยซักนิด ความยาวด้านข้างมากกว่า 10 เมตร แต่ความยาวนั้นมากกว่า 100 เมตรซึ่งสูงกว่าตัวมังกรห้าหัวที่เป็นศัตรูเสียอีก
〝งั้นก็... มาจบการต่อสู้นี้กันเถอะ〞
〝!!!!!!?〞
แล้วกรก็พูดแบบนั้นออกมาพลางยิ้มออกมาจากใจ โดยมีแสงอาทิตย์เป็นฉากหลัง มีอาจึงตกใจมากกับรอยยิ้มนั้นของกร เพราะนี่คงจะเป็นครั้งแรกอย่างแน่นอนที่กรยิ้มให้เธอเห็น
แม้เธอจะติดใจ แต่ก็รู้สึกดีใจจนแก้มแดงก่ำเช่นเดียวกัน แล้วจากนั้น ทั้งคู่ก็พยักหน้าให้กัน และเงี่ยหูฟังเสียงเพื่อจับตำแหน่งของมังกรห้าหัวที่อยู่ต่ำลงไปกว่า 5 กิโล แล้วทั้งคู่ก็หายใจเข้าออกเบาๆ ก่อนที่จะหันปลายดาบไปยังทิศทางที่มังกรอยู่ทั้งที่มองไม่เห็นจากนั้นก็...
〝〝โอ้วววววววววววววว!!!!!!!!!!!!!〞〞
ฟิ้ว!!!
ทั้งคู่ก็ตะโกนออกมาเสียจนดังลั่น แล้วก็เพิ่มความเร็วในการพุ่งตัวลงไปยังจุดที่มังกรอยู่อย่างรวดเร็วราวกับอุกกาบาตขนาดยักษ์ตกลงสู่พื้นโลกเลยทีเดียว
นอกจากนั้นความเร็วก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วง 9.8 m/s2 แล้วพอผ่านพ้นเมฆสีดำทมิฬมาแล้ว ทั้งคู่ก็ข้ามพ้นกำแพงเสียงได้ในที่สุด มวลอากาศบริเวณที่ทั้งคู่ผ่านมาก็เกิดการไหลกลับอย่างรวดเร็วจนเกิดการปะทะกันของมวลอากาศ เกิดเป็นโซนิคบูมและเกิดเสียงดังสนั่นลั่นทุ่งตามมา ก่อนที่จะเข้าปะทะตรงกลางลำตัวของมังกรห้าหัวจากด้านบนตรงๆ ในแนวตั้งฉากกับพื้นดินพอดี
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แล้วจากนั้นใบดาบที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วเหนือเสียงก็แทงทะลุร่างของมังกรห้าหัว(ที่เหลือ 3 หัว) จากกลางลำตัวทะลุลงไปจนถึงพื้นเลยทีเดียว ซ้ำยังทำให้พื้นดินโดยรอบแตกแขนงเป็นวงกว้างมากกว่า 3 กิโลเมตรจากจุดที่ดาบเข้าปะทะกับพื้นเลยทีเดียว
〝〝ย้ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!〞〞
แล้วไม่รอช้า กรและมีอาไม่ปล่อยให้มังกรห้าหัวได้ร้องโอดครวญอย่างสบายใจ ในทันทีที่ใบดาบทะลุผ่านตัวมังกร ทั้งคู่ก็ถ่ายออร่าของตัวเองลงไปในปริมาณมหาศาล ส่วนกรก็เพิ่มมันก่อนที่เข้าไปด้วยแขนยักษา มากเสียจนเกินขอบเขตที่กรรับได้ไปแล้ว แต่ก็ยังคงถ่ายเข้าไปไม่หยุดอย่างต่อเนื่องพร้อมๆกับตะโกนออกมาในช่วงสุดท้ายเพื่อเพิ่มแรงฮึดให้ตัวเอง
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
มังกรส่งเสียงร้องออกมาเพราะความเจ็บปวดซึ่งดังมากที่สุดเท่าที่กรเคยได้ยิน อันเป็นสัญญานว่าพลังเวทย์ที่ถ่ายเข้าไปมากถึงจุดที่มังกรจะต้านทานไหวแล้ว ก่อนที่ทั่วทั้งร่างขนาดมหึมากว่า 60 เมตรของมันจะเกิดรูขนาดใหญ่ออกมาจำนวนมากทั่วร่าง แล้วจากนั้นออร่าทั้งสองคนก็ทะลุออกมาจากข้างในตัวของมังกร โดยมีลักษณะเหมือนกับแท่งเหล็กแหลมขนาดยักษ์ใหญ่กว่าตัวของมังกรพุ่งทะลุออกมา จนมังกรตัวนี้แทบจะกลายเป็นเม่นไปแล้ว
แล้วพอออร่าของทั้งสองคนที่มีลักษณะเป็นหนามนั่นจางหายไป พร้อมๆกับเสียงร้องที่จางลงของมังกรห้าหัว ร่างของมันก็กลายเป็นละอองสีเหลืองเล็ก แล้วก็แตกสลายไปในเวลาไม่นาน พอเห็นว่าการต่อสู้จบลงแล้ว ทั้งคู่ก็บินร่อนลงมาบนพื้น ชั่วพริบตานั้นออร่าทั้งหมดของทั้งคู่ก็ปลิวหายไปกับสายลมพอดิบพอดี พอกรลงมาถึงพื้นก็เซไปเซมาเล็กน้อย มีอาจึงเข้าไปประคองเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกล่าวยินดีในชัยชนะที่ร่วมกันได้รับกันสองคน เพียงแต่...
〝กร! สำเร็จจริงๆด้วย!!! สุดยอดไปเลย———〞
กรที่ถูกประคองอยู่ไม่ได้ตอบกลับ และมีปฏิกิริยาแต่อย่างใดต่อคำพูดของเธอ มีอาจึงเพิ่งมาสังเกตกรที่ตัวเองประคองด้วยการโอบไหล่อยู่ก็เพิ่งรู้ว่าเขาหยุดหายใจไปแล้ว และแน่นอนว่าเธอไม่รู้ว่านั่นเป็นผลมาจากออร่าสีทองจากฉายา『จิตวิญญานเหล็กกล้า』 หมดไป เธอจึงทำได้แค่โบกตาโพลง และตะโกนเรียกกรที่ตาลอยเพราะวิญญาณออกจากร่างไปแล้วเพียงเท่านั้น ก่อนที่จะวางตัวเขาลงนอนราบกับพื้น ทั้งผายปอด ปั้มหัวใจ หรือถามเหตุผลจากเคลเบรอส แต่กรก็ไม่มีปฏิกิริยาเหมือนเคย เธอจึงทำได้เพียงร้องไห้โฮออกมาชุดใหญ่ข้างๆศพของกรทั้งที่เพิ่งได้รับชัยชนะมาแล้วเท่านั้น โดยที่ไม่รู้เลยว่ากรกำลังจะได้เกิดใหม่ เป็นตัวตนที่เหนือกว่าเดิมยิ่งกว่าที่ผ่านๆมาเสียอีก และไม่ได้รู้เลยว่านี่ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆของทั้งคู่ที่จะได้ต่อสู้ร่วมกันเท่านั้นเอง....
❖❖❖❖❖
【———————เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว! เลเวลได้อัพแล้ว!】
เสียงประกาศที่คุ้นเคยดังเช่นที่ผ่านมาได้ดังขึ้นในสติของกรอีกครั้ง แต่ก็เป็นเช่นเคย... กรที่เสียชีวิตไปแล้วไม่มีทางได้ยินเสียงนี้
【เริ่มการตรวจสอบเงื่อนไขเพื่อยืนยันระบบพิเศษ.....】
แล้วประโยคอันคุ้นเคยก็ดังต่อเนื่องเข้ามาอีก คล้ายกันกับ 2 ครั้งที่แล้วไม่มีผิด...
.
.
【ร่างกายเข้าสู่สภาวะการสลายตัวเรียบร้อย.......เข้าเงื่อนไขปกติ】
【ยืนยันเลเวลที่มีอยู่ในปัจจุบันอยู่ที่ 700 ซึ่งเป็นขีดจำกัดของเผ่าอมนุษย์ยักษา.......เงื่อนไขเสร็จสิ้นพร้อมกับเป็นแบบพิเศษ】
【ได้รับการถ่ายโอนพลังเทพมาจากภายนอกร่างกายโดยตรง.......เข้าเงื่อนไขพิเศษ】
【ใช้ออร่าเป็นตัวแปรหลักในการต่อสู้ศึกสุดท้าย.......เข้าเงื่อนไขพิเศษ】
【หลบเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดโดยการคาดคะเนล่วงหน้าได้แม่นยำ 100% ในการต่อสู้สุดท้าย.......เข้าเงื่อนไขพิเศษ】.
.
.
【ตรวจสอบเงื่อนไขทุกข้อเสร็จสมบูรณ์ ....ตรงกับเงื่อนไขแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง】
.
.
【มีการพัฒนาเกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว จึงจะดำเนินการต่อยอดพลังที่มีอยู่ก่อนโดยอัตโนมัติ】
.
.
【การพัฒนาซ้อนเป็นครั้งที่ 3 เสร็จสิ้น!】
.
.
.
.
【เริ่มทำการ『จุติแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง ครั้งที่ 3』ได้!】
【ไอ้หนู เจ้าเชื่อในเรื่องของโชคชะตาหรือชะตากรรมบ้างหรือเปล่า?】……………อะไรอีกหล่ะเนี่ย? ภาพหลอนก่อนตายอีกแล้วงั้นเหรอ? ไม่สิ... นี่มันมีแต่เสียงไม่ใช่เหรอ แต่เดี๋ยว.... ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นซะที่ไหนกันเล่า!! ในขณะที่สติของกรกำลังดำดิ่งลงสู่หลุมลึกไร้ก้นบึ้งเพราะผ่านความตายมาแล้วอยู่นั้น กลับมีชายวัยกลางคนเอ่ยถามกรขึ้นมาในสถานการณ์แปลกๆนี่ ด้วยคำถามที่ไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ กรจึงทำได้แค่มึนงงกับมันเท่านั้นเอง【เชื่อหรือเปล่า? 】ถามซ้ำอีกแล้ว! ที่ไม่ตอบไม่ใช่เพราะไม่ได้ยินเฟ้ย! แต่เพราะตกใจอยู่ต่างหาก…...ว่าแต่ นี่เรากำลังจะตาย.... หรือคงตายไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่ใช่รึไง?เรานี่ก็ยังมีอารมณ์มาตบมุขอีกนะ น่าโมโหกับตัวเองจริงๆ นี่หรือว่าจะชินกับความตายเข้าให้แล้ว.... หวา〜 ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็น่ากลัวพิลึกเลยนี่หว่า【เชื่อ-รึ-ป่าว〜? 】เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ตอบก็ได้!!! หยุดลากเสียงแบบนั้นทีเถอะได้โปรด...เอ่อ....ถ้าตอบตรงๆหล่ะก็.... ฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่หน่ะ【โอ้! งั้นหรอกเหรอ ทำไมหล่ะ?】....ผลลัพธ์จากเหตุการณ์ต่างๆ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำที่ตัวเราเป็นคนก่อ ซึ่งมีเหตุมี
〝กร... โอเคแล้วใช่ไหม?〞〝อะ อา... ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะดีมากเลยหล่ะ〞 หลังจากที่กรทำการสำเร็จโทษตัวเองด้วยการเอาศีรษะเขกพื้นในท่าหมอบกราบนานกว่า 10 นาที จนกิเลส(ส่วนใหญ่)ถูกขจัดออกไปหมดแล้ว เขาก็ค่อยๆเดินเข้ามาทางมีอาทั้งที่ยังหันหลังให้เธออยู่ จนมานั่งอยู่ใกล้ๆกับเธอเช่นเดิม〖เจ้าหนู ข้าคิดมาตลอดเลยว่าเจ้าเป็นคนประเภทขี้อาย... แต่คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วหล่ะ ก็เจ้าหน่ะ——— 〗〝หยุดเลย! ขอทีเถอะเจ้าหมา!〞〝หืม?〞 และแม้มีอาที่นั่งอยู่ใกล้ๆจะยังคงเอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังเช่นเดิมเพราะยังไม่เข้าใจเหตุผลในการกระทำของกร แต่ถึงเคลเบรอสจะไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆ แต่ก็ยังพอเดาได้ว่ากรไปเห็นอะไรเข้า นั่นจึงทำให้กรร้อนรนเข้าไปใหญ่ ทั้งยังระวังตัวเคลเบรอสให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิมโข พลางคิดอยู่ในใจว่า〝เจ้าหมา... แกนี่มันน่ากลัวจริงๆ〞อะ... เอาเถอะ เรื่องเจ้าหมานั่นเอาไว้ก่อนดีกว่า...ประเด็นคือ ไอ้สกิลที่มีแต่เครื่องหมายดอกจันตรงคำอธิบาย... ตั้งแต่สกิลก่อนหน้าอย่าง『ตั้งค่าขั้นกลาง(ต้นฉบับ)』กับ『Ogre Arm(ต้นฉบับ)』ทั้งสองอันหน่ะ.... พอใช้ไปครั้งนึงแล้ว คำอธิบายก็จะปรากฏออกมา นี่ต
———ย้อนกลับไป ในเวลาเดียวกับที่กรพบกับมีอาเป็นครั้งแรกที่ชั้น 33 … หลังจากเหตุการณ์ที่กลุ่มของรินและเสือเข้าปะทะกันด้วยวาจาอย่างรุนแรงที่หน้าค่ายพักผ่อนเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีสาเหตุมาจากที่ปาร์ตี้ของฮาวลี่ถูกวาร์ปเข้าไปในดันเจี้ยนอย่างกะทันหันนั่น หลังจากที่ทุกคนรวมถึงกลุ่มของเสือและรินกลับเข้าไปในค่ายแล้ว ฮันซี่ก็ทำการประกาศเหตุฉุกเฉินให้ทหารทุกนายรวมถึงเหล่านักเรียนผู้กล้าทุกคนรีบกลับไปยังเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน โดยอ้างว่าช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้เส้นทางกลับอาจมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกพัดผ่านอย่างหนัก ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดความล่าช้าและอันตรายที่คาดไม่ถึงได้ ส่วนตัวฮันซี่นั้นไม่สามารถกลับไปพร้อมกันได้ โดยใช้ข้ออ้างอีกอย่างหนึ่งว่าตนเองและเหล่าทหารคนสนิทได้รับคำสั่งจากองค์ราชาให้ไปปฏิบัติภารกิจฉุกเฉิน จึงต้องรอคำสั่งต่อไปที่หมู่บ้านใกล้ๆนี่ ด้วยเหตุที่ว่าจึงร่วมเดินทางกลับกับทุกคนไม่ได้ แม้จะฟังดูเหมือนเป็นคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆก็ตาม แต่นักเรียนผู้กล้าทุกคนก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีบิดพลิ้ว แน่นอนว่าสาเหตุที่แท้จริง
ก๊าซซซซ!!!!!!!! เสียงร้องแหลมๆแสบแก้วหูคล้ายกับของสัตว์เลื้อยคลานเช่นกิ้งก่า ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิดของดันเจี้ยนชั้นที่ 75 ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเป็นถ้ำหินแกรนิตสีน้ำตาล ผิวขรุขระไม่สม่ำเสมอกันตลอดแนว ส่วนพื้นเองก็ทำจากวัสดุแบบเดียวกัน แต่ที่แตกต่างก็คือ มันเรียบเนียนตลอดจนสุดสายตาราวกับถูกปูด้วยกระเบื้องอย่างประณีตเลยทีเดียว ซ้ำยังไม่มีรอยต่อให้เห็นราวกับมันเป็นเนื้อเดียวจริงๆอีกต่างหากก๊าซซซซ!!!!!!!! เสียงร้องโหยหวนอันแสดงถึงอาการบาดเจ็บสาหัสของมอนสเตอร์ตัวเมื่อครู่ยังคงร้องลั่นอย่างต่อเนื่องเพราะมันได้เสียแขนขวาไป และที่มาของเสียงร้องนั้นก็คือ『 ครอกโคแมน 』 ซึ่งเป็นมอนสเตอร์รูปร่างจระเข้ผิวสีเขียวขี้ม้าสูงกว่า 2 เมตร มีรอยตะปุ่มตะป่ำอยู่ทั่วร่าง แต่ที่แปลกประหลาดกว่าจระเข้ทั่วไปคือ ครอกโคแมนที่ว่ามันยืนสองขา สวมชุดเกราะหนักอย่างรัดกุมโดยโผล่ส่วนที่เป็นเนื้อหนังให้เห็นแค่บริเวณลำคอและใบหน้าเท่านั้น ทั้งยังถือขวานเหล็กขนาดใหญ่ไว้ด้วยมือทั้งสองข้างอีกต่างหาก เพิ่มเติมคือเจ้าจระเข้เดินสองขาตัวนี้มันสวมหมวกกันกระแทกและแว่นกันลมแบบเดียวกับนักบินของเยอรมันในสงครามโลกครั้ง
หลังจากที่กรและมีอา เข้ามาในห้องบอสของชั้นที่ 75 และพบเข้ากับหญิงสาวซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ปรกาศมาโดยตลอดตั้งแต่ที่กรลงดันเจี้ยนมาเข้า ก็เกิดประหลาดใจที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น และเกิดอาการหงุดหงิดอย่างแรงที่คิดไปเองคนเดียวว่า เรื่องที่การคาดการณ์ของตัวเองผิดพลาดนี้จะทำให้ตัวเขาดูโง่ในสายตาของมีอาขึ้นมา นั่นเลยทำให้กรที่ตอนนี้เกิดอาการหงุดหงิดปนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก บวกกับสาวแว่นจอมเวทย์ที่อ้างว่าตัวเองเป็นบอสประจำชั้นเองที่แสดงความรำคาญออกมา เนื่องด้วยความเบื่อหน่ายที่ไม่ต้องการมารับการทดสอบกรด้วยตัวเอง นั่นเลยทำให้ทั้งคู่สร้างบรรยากาศไร้เสียงขึ้นมาโดยรอบตัวเองเป็นวงกว้าง จนไม่มีใครกล้าเปิดการสนทนาต่อเลยซักคน…〖โอ๊ะ! สายัณห์สวัสดิ์คุณนาย〗〝……….…ไงเคลเบรอส สภาพดูไม่จืดเลยนะนั่นหน่ะ〞 แล้วคนที่เป็นคนเปิดการสนทนาก็คือคนกลางเช่นเคลเบรอสนั่นเอง และดูเหมือนสาวแว่นคนนี้เองก็ตามน้ำไปกับเคลเบรอสด้วยเช่นกัน อาจเป็นเพราะเธอรำคาญจากสภาพแบบนี้หรืออยากจะจบการทดสอบโดยเร็วก็แล้วแต่ แต่เสียงตอบกลับเรียบๆของเธอนั่นก็ทำให้บรรยากาศปั้นหน้ายากของทุกคนหายไปอย่างสิ้นเชิ
———ทางด้านของมีอาและเคลเบรอสที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์…〖เหมือนกันจริงๆ〗〝คุณหมา!? หมายถึงอะไรเหรอ?〞 หลังจากที่ผู้ประกาศเข้าโจมตีกรด้วยศรแสงในครั้งแรก แล้วมีอาตะโกนออกไปเพื่อเตือนกรแต่กรไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีอาที่นั่งดูการต่อสู้ของกรอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆนี้แสดงอาการกระวนกระวายปนเศร้าใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือกรได้มาตลอดตั้งแต่ก่อนการเข้าปะทะ แม้จะไม่ได้ถามเหตุผลแต่เธอก็ยังปล่อยให้กรทำตามใจ เคลเบรอสที่เห็นแบบนั้นก็โผล่หน้าออกมาจากฝัก และพูดสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ออกมาโดยอาศัยความคิดสงสัยของตัวเองเพื่อดึงความสนใจของมีอาออกมาจากสนามรบเล็กน้อย ก็เพื่อให้เธอผ่อนคลายขึ้นซักนิดก็ยังดี〖ก็… เจ้าหนูกับคุณนายตรงนั้นหน่ะสิ〗〝เอ๋?〞 หลังจากที่ได้ยินเคลเบรอสพูดแบบนั้น มีอาก็เอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังดังเช่นทุกที〝หมายความว่ายังไงเหรอคุณหมา?〞〖นั่นสินะ ข้าเองก็อธิบายไม่เก่งซะด้วย… แต่ทั้งสองคนหน่ะ มีสไตล์การต่อสู้เหมือนๆกัน〗〝เรื่องที่ไม่ประมาทศัตรูงั้นเหรอ?〞〖เรื่องที่กลัวคนอื่นต่างหาก 〗〝เอ๋? ต่างกันงั้นเหรอ?〞 เคลเบรอสที่ได้ยินคำถามกลับมาจากมีอาก็ส่งเสียง อื
〝ต่อจากนี้จะไม่มีการออมมือแล้วนะ…〞〝ฮะฮ่ะ! พูดเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้กะเอาให้ตายเลยนะ〞 หลังจากที่ผู้ประกาศเปลี่ยนแปลงลักษณะภายนอกไปจากเดิม โดยมีอักขระสีแดงสดปรากฏขึ้นทั่วร่างอย่างสลับซับซ้อน รวมถึงน้ำเสียงที่เรียบเฉยและเย็นชาของเธอเองก็เปลี่ยนไปจากครั้งแรกเช่นกัน นั่นจึงทำให้กรที่ตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติแบบนั้น แต่กลับมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาหลายต่อหลายหยดอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นไหลลงไปถึงลำคอ และทำได้แค่หัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนกลับไปเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าตัวเขาค่อนข้างกระวนกระวายกับสถานการณ์ในตอนนี้มากเลยทีเดียวแย่แล้ว! แย่แล้วไหมหล่ะ! ปีศาจงั้นเหรอ?งั้นนี่ก็คือเผ่าที่ พวกนักเรียนผู้กล้าทุกคน ต้องสู้ในอนาคตงั้นสิ? จะบอกว่าซักวันพวกรินจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนแบบนี้งั้นเหรอ?ตัวเราเองยังไม่มั่นใจ 100% เลยว่าจะชนะยัยนี่ได้พวกรินหน่ะไม่ไหวหรอก! ไม่ได้ดูถูกนะ แต่ยังไงก็ไม่ไหวชัวร์ๆ——〝รับมือ!!!〞ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!—————————〝!!!!!!〞 หลังจากการสนทนาพอเป็นพิธีจบลง ผู้ประกาศสาวก็ทำการยิงศรสีดำแดงออกมาจากทางด้านหลังโดยที่ไม่ได้ร่าย
หลังจากที่ทั้งสามคน อันประกอบไปด้วย กร มีอาและผู้ประกาศ ตกลงมาจากห้องบอสชั้นที่ 75 มาจนถึงชั้นที่ 100 ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบสุดๆ เพราะกำลังยืนเผชิญหน้ากับบอสประจำชั้นที่ 100 ซ้ำยังเป็นบอสที่แข็งแกร่งที่สุดในดันเจี้ยนแห่งนี้อย่างกะทันหันอีกด้วย ทั้งที่ร่างกายและจิตใจยังไม่ได้พักฟื้นจากศึกเมื่อ 10 นาทีก่อนเลยแท้ๆวูม!!! พื้นที่โดยรอบสว่างขึ้นอย่างกะทันหันด้วยแสงสีน้ำเงินทั่วทั้งห้อง จนสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมได้ทั้งหมด ห้องบอสในชั้นนี้ มีบริเวณกว้างขวางมากกว่า 5 กิโลเมตร ซึ่งมันคือความกว้างพอๆกับดันเจี้ยนชั้นเดียว กรจึงคาดว่าห้องบอสนี้น่าจะใช้หลักการเดียวกับห้องบอสในชั้นที่ 50 พื้นของห้องถูกปูด้วยอิฐสีน้ำเงินเข้มวางสลับกันเหมือนกำแพงอิฐแดง ทั่วทั้งชั้นมีเสากรีกโรมันสีฟ้าขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 20 เมตร ตั้งเรียงกันเหมือนตารางหมากรุก โดยเสาทุกต้นที่อยู่ใกล้ทั้งด้านซ้าย ขวา หน้าและหลังจะห่างกันประมาณ 100 เมตร เท่าๆกันทุกเสา เพดานทำจากหินอ่อน และเป็นแหล่งให้แสงสว่างแก่ชั้นนี้ไปในตัว ซึ่งแสงสว่างที่วาก็เป็นสีน้ำเงิน
———— 1 สัปดาห์ต่อมา ชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 ณ ดันเจี้ยนชั้นพิเศษ ซึ่งถูกสร้างโดยอาเธนต่อจากชั้นที่ 1 อันเป็นชั้นที่เอาไว้หลอกคนทั่วไป ถูกสร้างขึ้นเพื่อการฝึกฝนและเก็บเลเวลโดยเฉพาะ หากแต่ผู้ที่จะใช้มันได้นั้น มีเพียงแค่กลุ่มของผู้ที่ผ่านการทดสอบที่แท้จริงแล้วเท่านั้นถึงจะเข้ามาในนี้ได้ ที่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามเขต อันได้แก่ เขตที่พักอาศัย เขตใช้ฝึก『บัญญัติพันประการ』 และสุดท้ายคือเขตที่ใช้สำหรับเก็บเลเวล... หรือก็คือ เขตมอนสเตอร์ทรงภูมิปัญญานั่นเอง ในพื้นที่ของเขตที่สามถูกสร้างให้เป็นพื้นกระเบื้องและเพดานหน้าตัดเรียบส่องแสงสีเขียว (Lime) พื้นที่โดยรอบมีวัตถุโปร่งแสงรูปทรงเรขาคณิต ทั้งสามเลี่ยม สี่เหลี่ยมไปจนถึงรูปทรงหลายเหลี่ยมกระจัดกระจายเต็มไปหมดทำให้ยากแก่การเคลื่อนไหว แต่กลับกันแล้ว มันทำให้ง่ายต่อการดำเนินแผนที่ซับซ้อนและแยบยล และเขตที่สามนี้เอง ที่มีหญิงสาวทั้ง 4 คน อันได้แก่ มีอา ซาช่า เรเชลและริต้า กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนเท่ากันอยู่ มอนสเตอร์ทั้งสี่ตัวที่เป็นศัตรู มีหนึ่งตัวที่สวมผ้าคลุมสีดำ มีส่วนหัวเป็น
〝 คุณโรนี่กับราชา... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย 〞 กรถามออกไปแบบนั้น ในเวลาเดียวกับที่ใช้『รีดดิ้งอายส์』ตรวจสอบบุคคลทั้งสองตรงหน้า แล้วก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าทั้งคู่เป็นตัวจริง...〝 ทำหน้าแบบนั้นคงจะรู้แล้วสินะว่าพวกข้าเป็นตัวจริง... 〞ราชาพูดแทงใจดำพลางยิ้มออกมา ทำให้กรคิ้วกระตุกเพราะคาดการณ์เรื่องตรงหน้าไม่ทัน ในขณะที่กรคิดแบบนั้น ราชาก็เดินเข้ามาทางกร แล้วก็ใช้เวทย์บางอย่างเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเป็นคนอื่น ไม่สิ... เปลี่ยนจากคนอื่นกลับมาเป็นตนเองคนเดิมต่างหาก ซึ่งที่เปลี่ยนไปนั้นมีเพียงโครงหน้าเท่านั้น แต่ความสูงอายุและริ้วรอยนั้นแทบไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วก็หันไปสบตากับเมอร์ลินเข้า นั่นทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ...〝 นายมัน อาเธนงั้นเหรอ!!!? 〞เมอร์ลินที่เห็นใบหน้าจริงของชายชราตรงหน้าก็จำได้ทันทีพร้อมทั้งเรียกชื่อจริงของเขาออกมาอย่างสนิทสนม โดยมีสายตางงงวยจากสาวๆคนอื่น แต่พอรู้ว่าคนน่าสงสัยตรงหน้าเป็นคนรู้จักของเมอร์ลิน การ์ดของพวกเธอก็คลายลงพอสมควร〝 แหมๆ ในที่สุดก็จำได้ซักทีนะแม่คุณ... ข้าหล่ะเจ็บช้ำไม่น้อยเลยนะ ตรงที่เจ้าบ
หลังจากเรื่องเมื่อวานเคลียร์กันจบในตอนเย็น กรได้ทำการเพิ่มฟังก์ชั่นหลบหนีฉุกเฉินใส่บัตรนักผจญภัยของเจนนี่ไว้ก่อนด้วย เผื่อในกรณีที่เกิดอันตรายกับเธอ เธอสามารถใช้มันวาร์ปมาหากรได้ทุกเมื่อ รวมถึงพาคนรู้จักอย่างไมน์กับรีเบคก้ามาด้วยก็ยังได้ จากนั้นพวกกรกับพวกไมน์จึงได้แยกกันกลับที่พักของตัวเอง อนึ่ง เจนนี่ตอนนี้นั้นอยู่สถานะของคนชื่อ『เบลนด้า อัลบา』 รูปลักษณ์ภายนอกที่คนอื่นเห็น เป็นคนผิวสีแทน ใบหน้าปานกลางค่อนไปทางแย่(จากความเห็นส่วนใหญ่ในกลุ่มของกร) แต่นั่นก็เพื่อไม่ให้เธอเป็นจุดเด่น เพราะหากจะว่าไปแล้วเจนนี่ในร่างธรรมดานั้นจัดว่าเป็นคนสวยมากเลยทีเดียว และด้วยการใช้บัตรนักผจญภัยอ้างถึงตัวตน ก็สามารถเข้าพักที่เดียวกับพวกไมน์ได้ แต่เธอเลือกที่จะพักคนละห้องแทนเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย (แต่สุดท้ายตอนนอนก็ย้ายมานอนห้องเดียวกันอยู่ดี) ส่วนทางด้านของกร พอกลับไปพวกกรก็รีบทำธุระส่วนตัว แล้วเข้านอนในทันที เพื่อสะสมพลังงานให้เต็มอิ่มก่อนที่จะออกรบในดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 และเพื่อความไม่ประมาทช่วงเช้าทั้งหมด กรและพรรคพวกจะใช้เวลาไปกับการตร
〝 ไง ทั้งสองคน 〞 ในขณะที่ทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึงยังกับเห็นผีออกมา เจนนี่ก็เริ่มเป็นฝ่ายทักไมน์และรีเบคก้าก่อนด้วยรอยยิ้มในทันที〝 เจนนี่!!! 〞〝 อุ๊ยตาย!? 〞 ไมน์ที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปสวมกอดเจนนี่อย่างเร็ว นั่นเองก็ทำเจ้าตัวอย่างเจนนี่ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน〝 เจนนี่! เจนนี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย? ไม่ใช่ผีหรือตัวปลอมใช่ไหม!? 〞ไมน์พูดแล้วก็ลูบๆคลำๆเจนนี่ไปทั่ว ทำเอาร่างเธอสั่นนิดหน่อยเพราะจักกะจี๊เลยทีเดียว〝 ยัยบ๊อง! ก็จับตัวกันได้อยู่ไม่ใช่รึไง? แล้วฉันก็ยังจำได้อยู่เลยนะว่าตรงก้นของรีเบคก้ามีไฝอยู่ด้วยหน่ะ 〞 เจนนี่พูดแบบนั้นออกมา ทำให้รีเบคก้าออกอาการหน้าแดง แล้วก็พุ่งเข้ามาสับกะโหลกเจนนี่เหมือนกับที่ผ่านมา〝 ฮึ่ย! ไอ้นิสัยพูดไม่คิดนี่ตัวจริงชัวร์ 〞รีเบคก้าพูดแล้วก็ใช้กำปั้นหมุนๆใส่ศีรษะของเจนนี่〝 โอ้ยๆ! เจ็บอ่ะรีเบคก้า ออมมือให้หน่อยเซ่! 〞 ทั้งสามคนหยอกล้อกันไปมาแบบนั้น ราวกับต้องการจะซึมซับและฟื้นคืนบรรยากาศที่ถูกทำลายไปให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย แต่ความอบอุ่นของภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนลืมหลายเรื่องที่คิดอ
หลังจากที่งีบหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าทางจิตใจก็ดูจะลดลงไปบ้างเอาจริงๆ ต่อให้ลุยต่อทั้งอย่างงี้ก็ไหวอยู่หรอก แต่แค่นี้ทุกคนก็เป็นห่วงมากพออยู่แล้ว เพราะงั้นทำตามที่ทุกคนแนะนำเป็นการดีที่สุดทางริต้าเองยังคงหลับอยู่เลยปล่อยให้หลับต่อไปก่อนโดยให้เรเชลดูแลอยู่ข้างๆส่วนทุกคนเองดูเหมือนว่าจะไม่ได้หลับเลยในระหว่างที่ฉันพักแต่ก็ต้องขอบคุณในจุดนั้น เพราะในช่วงที่ฉันไปเจรจากับราชา ฉันต้องการที่จะไปคนเดียว...ก็แหม... ฉันไม่อยากให้ทุกคนเห็นท่าทางแย่ๆเท่าไหร่นี่นา〝 เพราะทุกคนเฝ้าฉันมาตลอดคงจะเหนื่อยแย่ ฉันเลยอยากให้พวกเธอพักรอฉันอยู่ที่นี่หน่ะ 〞พูดแบบนั้นออกไปทุกคนก็ทำหน้าถมึงทึงใส่ และแน่นอนว่าทุกคนทำท่าอยากจะไปด้วยกันหมดเลยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมตั้งนานกว่าจะยอม แต่ก็เพราะทุกคนเป็นห่วงเรานั่นแหล่ะนะ น่าดีใจแท้ๆแต่ทุกคนก็ไม่อยากตื้อให้เราจนกังวลเกินไปเหมือนกันเพราะงั้นแค่รับปากว่าจะไม่ฝืนฉันก็ขอตัวมาได้แล้วหล่ะนะแล้วจากนั้นก็วาร์ปมาที่เมืองหลวง ในซอกตึกที่นึงใกล้ๆกับทางเข้าพระราชวังโห... มองดูจากตรงนี้ยังเห็นรูที่เจ้าชายมันทำพังไว้อยู่เลย...เดี๋ยวไม่สิ... เราเป็นคนทำนี่หว่า คง
หลังจากที่การแสดงของฉันดำเนินมาได้ซักพัก จุดจบก็มาถึงโดยที่ฉันเป็นคนจัดการปิดคดีได้อย่างดงามถึงช่วงกลางๆจะโดนคุณโรนี่แย่งซีนก็เถอะ แต่ตอนจบก็กู้หน้าคืนมาได้อ่ะนะ...จากนั้นริออนที่ถูกฉันต่อยจนสลบก็ถูกพวกฟรอนกับคาลอสคุมตัวไปส่วนไอ้ปีศาจนั่นฉันปล่อยให้มันหนีไปเองด้วยเหตุผลทางด้านผลประโยชน์ในอนาคตแต่ทางฝั่งนั้นอาจจะกำลังคิดว่าหนีฉันพ้นอยู่ก็ได้หล่ะนะ... แต่ปล่อยให้คิดแบบนั้นก็ดีเหมือนกันแล้วหลังจากเรื่องจบ ฉันก็ไม่อยู่รอดูสถานการณ์หรอกนะเพราะว่าเป็นห่วงทุกคน ฉันเลยรีบผละตัวออกมาในทันทีที่มีโอกาสก่อนหน้าที่จะออกมาก็มีถูกพระราชานัดพบเป็นการส่วนตัวด้วยอยู่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ แล้วก็คงคิดจะคุยถึงเรื่องต่อจากนั้นนั่นแหล่ะเป็นไปตามแผนเลย ฉันคิดจะใช้โอกาสนี้ต่อรองกับราชาอยู่แล้ว…แล้วพอวิ่งออกมาถึงจุดนัดพบในซอกตึกรามบ้านช่อง ก็เจอกับทุกคนโชคดีไป... ดูเหมือนทั้งมีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย โล่งอกไปที...กลับกันแล้วพวกเธอเป็นห่วงฉันสุดๆเลยชาลอตก็เอาแต่บอกว่า〝 นายท่านอย่าเสี่ยงไปคนเดียวแบบนั้นอีกเลยนะคะ! 〞ส่วนซาช่าก็〝 ตอนที่นายท่านกระโดดเข้าไปหาลูกบอลแปลกๆนั่น...
〝 อั๊ก!!! 〞 เจ้าชายออริออน... ริออนกุมมือขวาของตัวเองด้วยความเจ็บปวด เพราะได้รับผลกระทบจากการถูกยิง ต้องบอกว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่อัญมณีรับความเสียหายแทนไปเกือบหมด ไม่งั้นมือของเขาคงขาดไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะความเจ็บปวดที่แล่นจากมือขวาไปสู่ทั่วทั้งร่างนี่แหล่ะ ทำให้ริออนดึงสติของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งวูม!!!!!!———〝 อะ อา.... 〞 ริออนรำพึงอยู่ในลำคออย่างน่าเวทนา ในตอนที่แสงสีแดงจากวงเวทย์สว่างน้อยลงพร้อมๆกับวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ค่อยๆจางหายไปจากท้องฟ้ายามค่ำคืน จนในที่สุดแสงสว่างสีแดงฉานก็อันตรธานหายไปจากท้องฟ้า เช่นเดียวกับวงเวทย์ขนาดมหึมา ทำให้แสงจันทร์ส่องลงมาถึงพื้นดินอีกครั้ง แต่ยังคงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเนื่องด้วยความสับสนของชาวเมืองอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าทุกคนปลอดภัยดีแล้ว และไม่มีใครได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยซักคน ความสิ้นหวังเข้าคลุมสติของริออนในพริบตา อย่างที่เขาว่าไว้… เมื่อพริบตาที่ความหวังใกล้จะสัมฤทธิ์ผลถูกทำลายลง นั่นคือความสิ้นหวังอย่างที่สุด... และนั่นก็ทำให้สีหน้าของริออนเปลี่ยนจากสิ้นหวังไปเป็นอาฆาตแค้นแทน แ
〝 น่าตกใจจริงๆ… นี่รู้อยู่แล้วหรอกเหรอว่าข้าเป็นคนร้าย? 〞 เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง... เจ้าชายออริออนถามกรออกมาด้วยแววตาและท่าทางหยิ่งยโส พร้อมกับเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาไปในตัว ว่าตัวเองคือคนร้ายตัวจริง ในขณะที่มองกรลงมาจากเบื้องบน〝 ก็นะ... เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้เองแหล่ะ แสบจริงนะให้ตายสิ... 〞กรพูดออกมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แล้วก็เดินเข้ามาทางเจ้าชายออริออนมากกว่าเดิม เหล่าสมุนเล็บโลหิตตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีกันเต็มที่ แต่ยังไม่มีใครกล้าเริ่มโจมตีกรก่อน ทั้งด้วยความกลัวพลังที่ต่อกรกับพวกของตนระหว่างทางได้อย่างง่ายดาย แถมผ่านมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วนก็ด้วย แต่ประเด็นสำคัญคือจิตสังหารอันหนักอึ้ง ราวกับถูกน้ำตกซัดสาดนั่นของกรต่างหาก ที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าขยับตัว〝 งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกัน... 『อุปกรณ์ตัวหลัก』 อยู่ที่ไหน? 〞 กรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว นั่นทำให้เหล่าเล็บโลหิตจำนวนเกินครึ่งยืนตัวสั่นได้ ไม่สิ... แม้แต่ชายเผ่าปีศาจที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าชายออริออนยังแอบสั่นเลยด้วยซ้ำ มีเพียงโรนี่ที่ใจเย็
หลังจากที่แอบย่องขึ้นมาบนชั้นสอง แล้วมองลอดเข้าไปในห้องที่จับสัมผัสวิญญาณได้พวกเราก็เจอกับเด็กผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนขอบระเบียงเป็นภาพที่น่าแปลก... เพราะเธอคนนั้นโปร่งแสงจนมองทะลุไปถึงท้องฟ้าที่เป็นฉากหลังเลยเนี่ยสิถ้างั้นก็ไม่ต้องสงสัย... เด็กคนนั้นคือวิญญาณที่กำลังตามหาอยู่แน่นอน กรคิดแบบนั้นพลางมองไปยังเด็กสาว ส่วนทางเด็กสาวนั้นกลับหันมามองทางกรในเวลาเดียวกัน〝 เอ่อ... ไม่ต้องหลบหรอกนะคะ คือหนูเห็นตั้งแต่เข้ามาในคฤหาสน์แล้วหล่ะค่ะ 〞เสียงกังวานของเด็กสาวพูดขึ้นมา โดยในน้ำเสียงมีความเอียงอายเล็กน้อย แล้วพอเด็กสาวพูดแบบนั้น กรก็ให้สัญญาณทุกคนเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้องทันที〝 เข้าใจหล่ะ โทษทีนะที่บุกรุกเข้ามา 〞เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างสุภาพ ก็เป็นมารยาทเช่นกันที่กรจะตอบกลับไปแบบเดียวกัน〝 ไม่หรอกค่ะ... เอาจริงๆในรอบ 10 ปีมานี้มีคนเข้ามาในคฤหาสน์นับคนได้เลยหล่ะค่ะ มีคนบ้างแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน 〞เด็กสาวยิ้มตอบกรอย่างเป็นมิตร พร้อมกับลอยตัวจากขอบระเบียงมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกกร สภาพแบบนั้นทำเอาพวกกรประหลาดใจไม่น้อย เว้นเสียแต่ซาช่าที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่〝 นี่เธอเป