〝มีอา!!!!!!!!! 〞
ชึบ!
หลังจากที่มังกรห้าหัว ซึ่งเป็นบอสประจำชั้นที่ 50 ปล่อยการโจมตีด้วยสกิลปริศนาใส่ทั้งกรและมีอาไป ฝ่ายที่ล้มลงไปทั้งยืนกลับเป็นมีอาเพียงคนเดียวเท่านั้น กรจึงตะโกนเรียกเธอด้วยความร้อนรน ทั้งยังเผลอคลายสภาพ『ตัดความรู้สึกสมบูรณ์』ออกโดยไม่รู้ตัวอีกต่างหาก แต่แน่นอนว่ากรไม่ได้ปล่อยให้เธอล้มทั้งยืนจนกระแทกพื้นทั้งอย่างงั้น เพราะในจังหวะแทบจะทันทีที่มีอาเอนตัวลงไป ตัวกรก็เข้าไปรับและประคองเธอขึ้นทั้งที่ยืนอยู่ในทันที
〝มีอา!!! เฮ้ยๆ!!! ได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่า... เวรเอ้ย!!! ไม่ไหว ไม่ตอบสนองเลยซักนิด... เจ้าหมา!!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับยัยนี่กันแน่ฟ่ะ!!!!!〞
〖..........〗
แล้วพอกรรับตัวมีอาไว้ได้ เขาจึงรีบใช้ฝ่ามือ ตบที่แก้มของเธอเบาๆ เพื่อดูปฏิกิริยาตอบสนอง แต่เธอกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยซักนิด เขาจึงถามเคลเบรอสออกมาในทันที เพราะที่อยู่ตรงนี้คงไม่มีใครรู้อีกแล้วนอกจากมันนั้นเอง แต่เคลเบรอสที่ได้ยินคำถามของกรแล้วอย่างชัดเจนก็ไม่ได้ตอบคำถามของเขาในทันทีแต่อย่างใด
〝คะ.... คะ คุณ...〞
〝มีอา!!!!〞
แล้วกรที่รอคำตอบของเคลเบรอสมาจนถึงเมื่อครู่ ก็ได้ยินเสียงของมีอา ที่พูดบางอย่างออกมาแบบติดๆขัดๆและสั่นไหวเล็กน้อย ทั้งยังจับใจความไม่ได้กลับมาแทน กรจึงหันเหความสนใจไปยังตัวมีอาที่ตัวเองกำลังประคองในท่ายืนอีกครั้ง แต่ถึงแบบนั้นแววตาของเธอก็ยังคงดูเลื่อนลอยและไร้แววเช่นเคย
〝คุณพ่อ.... คุณแม่....〞
〝!!!!〞
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แล้วจากนั้น มีอาก็พูดออกมาให้กรพอเข้าใจได้ แม้กรจะไม่รู้ว่าที่เธอพูดออกมาว่าแบบนั้นจะเป็นเพราะอะไร แต่เสียงของมังกรห้าหัวที่อยู่ข้างหน้าของเขาได้คำรามออกมาอีกครั้งจนกึกก้องไปทั่ว เลยทำให้กรดึงสติของตัวเองกลับมาสู่สถานการณ์ตึงเครียดตรงหน้าอีกครั้ง
〝ชิ! ไอ้มังกรเวรนี่!!! 】เคลื่อนไหวความเร็วแสง【!!!!!!〞
ตู้ม!!!
แล้วพอกรเห็นว่าพวกตัวเองอยู่ในรัศมีการโจมตีจากสกิลของมังกร กรจึงอุ้มมีอาขึ้นมาในท่าเจ้าหญิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พลิกตัวไปทิศทางตรงข้ามแล้วก็ใช้สกิลเพื่อถีบตัวเองออกไปให้ไกลจากตัวมังกรมากที่สุดเพื่อดูอาการของมีอา
แล้วพอเขาวิ่งห่างออกมาจากตัวมังกรได้ราวๆ 2 กิโลเมตร ก็ไปพบเข้ากับก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมาก ตั้งอยู่กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณนั้น กรจึงเข้าไปหลบหลังก้อนหินพวกนั้น แล้วพยุงมีอาให้นั่งเอาหลังพึงกับก้อนหินที่ว่าไปพร้อมๆกัน
〝มีอา!!! โห้ย! ได้ยินรึเปล่า!!!〞
〝ทำไม... ถึงทิ้งหนู... ไว้... คนเดียว...〞
และแน่นอนว่าถึงกรถามมีอาไปแบบนั้น เธอก็ไม่ได้ตอบกลับกรแต่อย่างใด ทั้งยังคงพร่ำเพ้ออยู่แบบนั้นคนเดียวด้วยแววตาเลื่อนลอยเช่นเคย
〝ชิ! เจ้าหมาตอบซักทีสิเฟ้ย มีอาเป็นอะไร!!!〞
〖..........〗
〝เห้ย!!! ก็ถามว่า———〞
〖นี่หน่ะ... เป็นอาการของสิ่งที่เรียกว่า『ซีโร่เซนส์』...〗
〝ซีโร่... เซนส์?〞
〖มันคือ... อาการของคนที่ใช้พลังเวทย์จนเหลืออยู่น้อยนิดหรือแทบจะหมด พูดแบบนี้พอจะเข้าใจรึเปล่า?〗
〝เฮ้ย! อธิบายให้มันละเอียดกว่านี้———〞
ตู้ม!!!
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แต่ระหว่างที่เคลเบรอสกำลังวินิจฉัยและบอกอาการของมีอาแก่กร มังกรห้าหัวก็ตามกรมาจนใกล้จะถึงตำแหน่งที่ตัวเขาอยู่เสียแล้ว ทั้งยังทำลายก้อนหินที่อยู่รอบๆแบบไม่เลือกอีกต่างหาก กรจึงยิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่เพราะสถานการณ์ดังกล่าวมันคล้ายกับชนวนระเบิดที่ถูกจุดและเผาไหม้เข้าหาดินปืนเรื่อยๆ ดังนั้น มังกรห้าหัวตัวนี้จะเจอกับกรเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว
〖พลังเวทย์… มีจุดกำเนิดมาจากความคิด จิตวิญญาณหรือให้พูดง่ายๆก็คือพลังใจนั่นแหล่ะเจ้าหนู....〗
〝นี่จะบอกว่า พอเสียพลังเวทย์ไปหมด... ก็จะทำให้สติไม่อยู่กับร่องกับรอยแบบนี้หน่ะเหรอ!!!?〞
〖อา... เมื่อพลังเวทย์หมดลง สิ่งที่เจ้าตัวจะได้พบเมื่อตัวเองสูญเสียพลังใจก็คือ ความคิดด้านลบต่างๆนั่น... มันจะเข้ากลืนกินจิตใจในเวลาอันสั้น เสมือนสิ่งที่เรียกว่าจิตวิญญาณในตัวของจอมเวทย์ได้ดับมอดลงไปแล้ว...ก็เหมือนกับคุณหนูในตอนนี้นี่แหล่ะ〗
เดี๋ยวก่อนสิ... งั้นจู่ๆพลังเวทย์มันหายไปไหนกันฟ่ะ!!! ไม่สิ! หรือจะเป็นเพราะสกิลของบอสเมื่อกี้กัน!?
นี่จะบอกว่าสกิลนั่นมีไว้ใช้สลายหรือดูดพลังเวทย์คนที่โดนได้งั้นเหรอ จะโกงเกินไปหน่อยแล้วม้างงง!!!!
เดี๋ยวก่อนสิ งั้นทำไมเราถึงไม่เป็นไร…
ไม่สิ... พอลองตรวจดู พลังเวทย์ของเราก็หายไปเหมือนกัน... เหลือแค่ครึ่งเดียวเอง..
แต่จะว่าไป『ดาร์คเนสเซ็ทโค้ท』ที่เราใส่อยู่ มันต้านทานการโจมตีด้วยเวทย์มนต์ได้ครึ่งนึงนี่หว่า
คงจะเป็นเพราะอันนี้หล่ะมั้ง———
ตู้ม!!!
และในขณะที่กรกำลังคิดถึงเหตุผลต่างๆนานาในหัวอย่างที่เคย เสียงระเบิดของก้อนหินก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน เห็นได้ชัดเลยว่ามังกรมันเข้ามาใกล้กรมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
แต่กรก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในรัศมีที่มีความเสี่ยงจากสกิลของมัน ก็จึงอุ้มมีอาที่ยังคงเพ้อด้วยแววตาไร้แววอยู่ เพื่อไปหลบหลังก้อนหินก้อนใหม่ที่ไกลยิ่งกว่าเดิม
〝เฮ้ยเจ้าหมา! แล้ววิธีช่วยหล่ะ!!!?〞
〖ถ้าปกติเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา แค่ให้กินโพชั่นก็ฟื้นพลังเวทย์ได้แล้ว〗
〝งั้นฉันจะทำมันตอนนี้แหล่ะ!!! ของที่ใช้ทำก็มีอยู่———〞
〖แต่ว่านั่น... ไม่ใช่กับกรณีของคนที่มีสายเลือดของเทพ...〗
〝วะ ว่าไงนะ!!!! อย่าเยิ่นเย้อสิฟ่ะ! รีบๆบอกวิธีรักษามาซักที!!! มังกรมันจี้เข้ามาเรื่อยๆแล้วนะเว้ย!!!〞
〖โทษทีนะเจ้าหนู... แต่ข้าเองก็ไม่รู้ 〗
〝อะไรน่ะ! บ้าชัดๆ!!! หมายความว่าไง!!!〞
〖ร่างกายของเผ่าเทพ... มีความต้านทานเวทย์มนต์สูงกว่าเผ่าอื่นๆมากโข ถ้าเจ้าตัวไม่ยินยอมด้วยเจตนาของตัวเองเวทย์มนต์ก็จะไม่มีทางส่งผล แต่คุณหนูในตอนนี้คงไม่มีทางควบคุมเจตนาของตัวเองได้อย่างแน่นอน แต่ที่น่าห่วงกว่ามันไม่ใช่เรื่องนั้นนะเจ้าหนู... นั่นเพราะสำหรับพวกเทพหน่ะ พลังเวทย์ก็เหมือนกับพลังชีวิต... หากขาดไปก็เหมือนกับชีวิตเองก็กำลังดับมอดลงด้วยเช่นกัน 〗
〝!!!!!!!〞
ชะ... ชีวิตดับมอด!? ก็หมายความว่าจะตายงั้นสิ!!!!
เวรเอ้ย!!! ทำไมเรื่องสำคัญแบบนี้ถึงเพิ่งมาบอกกันฟ่ะ!!!
ใช้ยารักษาไม่ได้แล้วจะทำยังไงกันฟ่ะ!
เวทย์รักษา... ไม่มีเวทย์ที่ใช่ฟื้นพลังเวทย์เลยนี่หว่า แถมประยุกต์กับอะไรก็ไม่ได้ เวรเอ้ย!!!
ไอเทมที่ดรอปจากมอนสเตอร์ก็มีอยู่หรอกนะ แต่ก็อย่างว่า... มีอาในตอนนี้ไร้สติอย่างชัดเจน
คงใช้ไอเทมเวทย์มนต์กับเธอไม่ได้———
ตู้ม!!!
〝อึก!!! ใกล้เข้ามาอีกแล้วเหรอ เวรเอ้ย!!!〞
〖เจ้าหนู... ขอแนะนำอย่างนึง... ถ้าเจ้าอยากจะรอด... ถ้าเจ้าคิดจะออกไปหาเพื่อนให้ได้ละก็ ทิ้งคุณหนูคนนี้ไว้ที่นี่ซะจะดีกว่านะ... 〗
〝.......〞
หลังจากที่เกิดเสียงระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง กรที่กำลังร้อนรนหาวิธีรักษา ก็ยิ่งร้อนรนเข้าไปใหญ่ พร้อมกับเร่งความคิดในหัวให้เร็วขึ้นเสียจนคนปกติคงจะตาลาย แต่เคลเบรอสที่บอกกรออกมาแบบนั้นอย่างไม่มีความเกรงใจ เลยทำให้กรที่กำลังร้อนรนอยู่ เกิดหยุดนิ่งขึ้นมากระทันหันแล้วทำสีหน้าอันยากจะอธิบายใส่ดาบของตัวเองเพราะคำพูดขวานผ่าซากนั่น
〝เคลเบรอส.... แกหน่ะ...
....อยากตายอีกรอบรึไงห๊า!!!!〞
และแน่นอนว่ากรโมโหจนถึงขีดสุด ที่ได้ยินเคลเบรอสพูดแบบนั้นออกมา ทั้งยังตะคอกกลับไปยังเคลเบรอสด้วยสรรพนามที่ใช้เรียกตอนเป็นศัตรูกันอีกต่างหาก
〖......เจ้าหนู เจ้าเองก็คิดจะทิ้งคุณหนูคนนี้ตั้งแต่แรกแล้วนี่นา... ตอนนี้เธอก็เป็นแค่ตัวถ่วงไม่ใช่เรอะ... นี่หน่ะดีที่สุดแล้ว〗
〝ดีกับผีหน่ะสิ... พูดอะไรระวังปากหน่อย... ถึงจะเป็นแก... แต่บนโลกนี้ก็มีเรื่องที่ไม่สมควรพูดอยู่นะเว้ย!!!〞
〖เจ้าหนู... เจ้าหน่ะเป็นคนฉลาดนะ... เรื่องแค่นี้ชั่งน้ำหนักไม่เป็นรึไง อย่าปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำจนไม่สนถึงหลักการที่สมควรทำและจำเป็นต้องทำสิ.... 〗
〝.........〞
ชั่งน้ำหนักงั้นเหรอ? หลักการงั้นเหรอ? เรื่องควรทำงั้นเหรอ? ความจำเป็นงั้นเหรอ?
ใครสนเรื่องพรรค์นั้นกันว่ะไอ้บ้าเอ้ย!!!!
ก็จริง... ที่ตอนแรกฉันคิดจะทิ้งยัยนี่ ไม่คิดจะเหลียวแลเลยด้วยซ้ำ...
ไม่ได้สนใจ.... ไม่ได้เป็นห่วง.... ไม่ได้สงสาร.... ไม่ได้ชายตามอง....
ทั้งที่ก่อนหน้ายังคิดว่ายัยนี่เป็นแค่สารานุกรมเคลื่อนที่เองแท้ๆ.... มนุษย์เราต้องช่วยหนังสือที่กำลังจะโดนเผาด้วยงั้นเหรอ? คิดว่าฉันเพี้ยนหล่ะสินะ....
ถามโง่ๆ ก็เพราะยัยนี่ไม่ใช่หนังสือ... ไม่ใช่เครื่องมือหน่ะสิฟ่ะ!!!
ยัยนี่หน่ะมีชีวิต มีจิตใจ... ร้องไห้ได้ เจ็บปวดเป็น.... เป็นมนุษย์... ไม่สิ... เป็นครึ่งเทพ
ไม่สิ... ไม่ว่ายัยนี่จะเป็นเผ่าพันธุ์อะไรก็ไม่เกี่ยวทั้งนั้นแหล่ะเฟ้ย!!!
แล้วทำไมตอนนี้ถึงเพิ่งมาสนใจงั้นเหรอ?
ไม่รู้หรอกโว้ย!!! ไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจซักนิด ทำไม... ฉันถึงโกรธที่เคลเบรอสมันบอกให้ทิ้งมีอา..
ทำไมถึงไม่คิดจะทิ้งยัยนี่.... ทำไมถึงต้องเข้าไปรับตอนจะล้ม.... ย้อนกลับไปก่อนหน้าก็ด้วย... ทำไมต้องช่วยเธอจากเกรทแอนท์.... ทำไมถึงต้องเอาพันธะทาสออกให้...
....แล้วตั้งแต่แรก.... ทำไมต้องช่วยมีอาจากคองโซลเยอร์?
แต่ว่า.... ถึงจะไม่เข้าใจเหตุผล.... แต่ก็ขอพูดอีกครั้ง
ถึงเป็นแบบนั้นแล้วมันจะทำไมฟ่ะ!!!
การจะช่วยใครซักคน มันต้องมีเหตุผลรองรับหรือความจำเป็นที่เหมาะสมขนาดนั้นเลยรึไงห๊ะ!!!!!
ยัยนี่... ตอนนี้... เป็นคนสำคัญที่ฉันต้องปกป้อง ก็『สัญญา』กับเธอไปแล้วนี่หว่า... ว่าจะปกป้องด้วยชีวิตหน่ะ!!!
ดีแต่ปาก! เอาแต่ได้! ไร้สาระทั้งเพ!!!
กะอีแค่คำพูดของตัวเองยังรักษาไม่ได้ แล้วยังจะมีหน้ามาบอกว่าจะตามหาพี่สาว... ตามหาเพื่อน... จะปกป้องพวกริน... จะพาทุกคนกลับโลกเดิมได้อยู่อีกงั้นเหรอ!!!!
เบื่อเต็มทีแล้วกับการได้แต่อยู่เฉยๆ....
เบื่อเต็มทีแล้วกับการที่ปล่อยให้เรื่องตรงหน้าผ่านไปทั้งที่ตัวเราก็ทำมันได้!!!
ฉันไม่อยากเห็นใครมาตายไปอีกแล้วนะโว้ย!!!
ความเจ็บปวดของการที่ต้องสูญเสียใครซักคนหน่ะ ชีวิตนี้แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว!!!
เหตุผลจะเป็นยังไงฉันไม่สน.... ฉัน....
จะช่วยมีอาให้ได้!!!!!
.
.
.
.
〝เคลเบรอส... มนุษย์หน่ะ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนขนาดนั้นหรอกนะเฟ้ย แค่คิดว่าอยากจะทำก็ทำ.... คิดว่าอยากจะช่วยก็ช่วย.... แค่นั้นก็พอแล้ว!!! บางครั้งเหตุผลมันก็ไม่จำเป็นซักนิด เลิกใช้สมองไต่ตรองหาเหตุผล แล้วลองหันมาใช้จิตใจสั่งการณ์แทนซะสิฟ่ะ! ฉันอยากช่วยยัยนี่... รู้แค่นั้นแล้วก็ทำมันซะ แค่นั้นก็พอแล้ว!!! นอกจากนี้ยังต้องคิดอะไรอีกกันห๊า!!!!〞
.
.
〖หึ! ฮะฮะฮะฮ่ะ!!!!!!!!!〗
〝แก... ขำอะไร〞
〖หึๆ... โทษทีๆ เจ้าหนู ดูเหมือนจะเล่นแรงเกินไปหน่อย... ข้าก็แค่อยากยืนยันความคิดของเจ้าก็เท่านั้นเอง 〗
〝เห้ย! ไอ้หมาบ้า... เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ อย่ามาทำอะไรไร้สาระ———〞
〖ไม่เสียเปล่าหรอกน่าเจ้าหนู อืม... เพราะทำแบบนี้มันจะเป็นการผิดคำพูดที่ให้ไว้กับนายเหนือหัวหน่ะสิ แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ดันรู้สึกอยากช่วยเจ้าขึ้นมาจริงๆซะแล้วสิ——〗
ตู้ม!!!
และอีกครั้งหนึ่ง เสียงระเบิดของก้อนหินดังขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เพื่อย้ำเตือนกรว่าเวลาที่เขาจะซ่อนตัวได้เหลืออีกไม่มากแล้ว ในขณะที่กรกำลังคิดว่าเคลเบรอสต้องการอะไรกันแน่ ที่ทำให้เขาเสียเวลาไร้สาระขนาดนี้ จึงแสดงอาการหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจนเพราะโดนคล้อยตามไปกับคำพูดของมัน
〖แล้วเวลาที่เหลือเองก็น้อยลงทุกทีซะด้วยสิ... ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว เจ้าหนู... ข้าจะช่วยเจ้าเอง เอาแขนเข้ามาใกล้ๆปากข้าทีสิ!〗
〝เห้ยๆ! คิดจะทำอะไรอีกฟ่ะ!!!?〞
〖เอาเถอะน่า... เร็วๆเข้า!!!〗
〝เออๆ เข้าใจแล้—— โอ้ย!!!〞
แล้วพอกรทำตามที่เคลเบรอสบอกด้วยการยืนแขนซ้ายเข้าไปใกล้ปากของมันที่เป็นส่วนของที่กั้นดาบของเคลเบรอสซอร์ด ปากของมันก็งับลงไปที่บริเวณกึ่งกลางของปลายแขนซ้ายกรทั้งอย่างงั้น ทั้งยังฝังเขี้ยวเข้าไปและดูดเลือดของกรไปพอสมควรอีกด้วย นั่นเลยทำให้กรที่ถือเคลเบรอสด้วยมือขวาตกใจแล้วก็ปล่อยมันลงไปที่พื้นทั้งอย่างงั้นเลย แล้วจากนั้น...
ซู่ม!!!
〝!!!!!!!〞
เคลเบรอสซอร์ดที่วางอยู่บนพื้น ก็มีเพลิงสีดำทมิฬเข้าครอบคลุม รอบถึงบริเวณรอบๆตัวดาบเองก็เช่นกัน จากนั้นมันก็ขยายใหญ่ขึ้นจนกลืนกินเคลเบรอสซอร์ดให้หายไป จากนั้นมันก็ก่อขึ้นเป็นรูปร่างมนุษย์ ซึ่งมีความสูงราวๆ 190 ซม.
แล้วจากนั้นแทบจะทันที เพลิงทมิฬรูปร่างมนุษย์ก็ถูกพัดหายไปพร้อมๆกับสายลมที่พัดผ่านมา ส่วนสิ่งที่เหลืออยู่ตรงหน้ากรก็ ชายหนุ่ม... ไม่สิ... ชายวัยกลางคน อายุประมาณ 30 ปลายๆ มีผิวคล้ำ ไว้ผมสั้น แต่ไม่ได้จัดทรงจนดูกระเซอะกระเซิง รูปร่างหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลาเอาการ ส่วนชุดที่สวมอยู่ก็เป็นแบบเดียวกับที่กรใส่ ในมือทั้งสองข้างก็เป็นเคลเบรอสซอร์ดทั้งสองเล่ม เพียงแต่ไม่มีสัญลักษณ์รูปสุนัขอยู่เท่านั้นเอง
〝เจ้าหนู แกทิ้งข้าลงพื้นอีกแล้วนะ!〞
〝กะ โกหกน่า เคลเบรอส งั้นเหรอ!?〞
〝อา.... แต่ดูเหมือนว่าจะได้เลือดมาน้อยไปหน่อยนะ คงพอถ่วงเวลาได้ประมาณ 3 ไม่สิ 4 นาที... ข้าจะล่อมันไปทางตรงข้ามก็แล้วกัน ส่วนเจ้าก็รีบหาวิธีรักษาคุณหนูให้ได้หล่ะ!〞
ตู้ม!!!
แล้วพอเคลเบรอสที่กลายร่างเป็นมนุษย์อย่างที่ว่าไปบอกกับกรให้รีบทำอะไรซักอย่างในช่วงที่ตนถ่วงมังกรไว้ มันก็ถีบตัวออกไปจากก้อนหินที่กรและมีอาซ่อนอยู่ในทันที
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แล้วพอเคลเบรอสเข้าประชิดตัวมังกรห้าหัวจากด้านข้างได้สำเร็จ มันก็ทำการใช้สกิลเพลิงทมิฬด้วยดาบในมือซ้ายและตัดสายลมด้วยดาบแบบเดียวกันในมือขวา กระหน่ำโจมตีเข้าไปที่ลำตัวของมังกรในทันที แล้วพอมังกรถูกการโจมตีอันหนักหน่วงเข้าไปอย่างกระทันหัน มันจึงหันเหความสนใจไปที่เคลเบรอสในทันที
แล้วก็เป็นไปตามแผน หลังจากที่เคลเบรอสท้าทายมัน มังกรห้าหัวก็ไล่ตามเคลเบรอสในทันที พอเคลเบรอสเห็นว่ามังกรตามตนมาแล้ว เขาก็ออกตัววิ่งอีกครั้งไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับพวกกรในทันที แล้วพอกรเห็นว่าทุกอย่างไปได้สวยอย่างที่เคลเบรอสบอก เขาจึงรีบหันเหความสนใจกลับมาที่มีอาที่ยังคงนั่งเอาหลังพิงกำแพงอยู่ในทันที
.
.
พลังเวทย์หมด.... เพราะงั้นก็ต้องทำการเติม....
วิธีเติมนอกจากใช้ไอเทม.... ใช้พลังเวทย์จากแหล่งอื่น? ...แล้วถ้าเป็นจากคนด้วยกันหล่ะ!?
การเติม.... แบ่งปัน.... ถ่ายโอน.... จริงสิ!!!!!
หมับ!
แล้วพอกรที่ทำการรวบรวมสมาธิเพื่อเรียกความคิดในการหาวิธีช่วยมีอา ก็คิดออกมาได้วิธีนึง นั่นก็คือ การใช้พลังเวทย์อันมหาศาลที่อยู่ในร่างกายของตัวเองที่เหลือครึ่งหนึ่งเข้าไปในตัวมีอา กรเองก็เคยใช้พลังเวทย์ถ่ายโอนลงไปยังกระสุนเวทย์มนต์ และจากการใช้สกิลแขนยักษามาแล้ว ดังนั้นเรื่องที่กรถ่ายโอนพลังเวทย์ออกนอกร่างกายได้จึงไม่เป็นปัญหาสำหับตัวกรซักนิด พอคิดแบบนั้นเขาจึงเอามือซ้ายแตะที่หน้าผากของมีอา และใช้มือซ้ายวางบนไหล่ของเธอในทันทีก่อนที่จะเริ่มการถ่ายโอนพลังเวทย์
เพียงแต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เพราะถึงกรจะถ่ายพลังเวทย์ในตัวไปมากขนาดไหน พอกรลองตรวจสอบพลังเวทย์ในตัวเธอด้วยนูเมรัลดิสเพลย์ ก็เห็นว่าเพิ่มจากศูนย์จุดมาเป็น 100 จุดเท่านั้นเอง ทั้งที่ถ่ายลงไปเกือบหมื่นจุดแล้วแท้ๆ ช่างเป็นความต้านทานที่น่ากลัวยิ่งนัก แต่ถึงจะมีความต้านทานสูงขนาดนี้ ก็ยังไม่สามารถป้องกันสกิลของบอสได้เลย นั่นจึงยิ่งทำให้กรกังวลมากยิ่งขึ้นไปอีก
〝ฉันเหลือ.... ตัวคนเดียว....〞
〝ไม่ใช่!!! มีอา… เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว!〞
〝โกหก... คุณพ่อ... กับคุณแม่... ตายไปแล้ว.... เหลือแค่.... ตัวคนเดียว....〞
〝!!!!!〞
แต่ดูเหมือนว่าที่กรทำไปจะไม่สูญเปล่าเสียทีเดียว นั่นเพราะมีอาที่พร่ำเพ้อมาตลอดจนถึงเมื่อครู่เริ่มที่จะตอบสนองกับคำพูดของกรบ้างแล้ว และแม้จะยังคงพูดแบบนั้นด้วยแววตาไร้แววและเลื่อนลอยเช่นเคย แต่เธอก็ยังคุยกับกรด้วยเรื่องเดียวกันได้อยู่ กรที่เห็นว่าเธอเริ่มที่จะสนทนาได้ จึงคิดที่จะโน้มน้าวเธอทั้งที่ยังคงถ่ายโอนพลังเวทย์เข้าไปในตัวเธออยู่ไปพร้อมกัน
〝ฉันยังอยู่ข้างๆเธอนี่ไงเล่า!!〞
〝โกหก... ตอนแรก.... ยังทิ้งฉัน.... อยู่เลย นายเองก็ปล่อย... ให้ฉัน อยู่คนเดียว...〞
เวรเอ้ย!!! ยังไม่ได้ผลอีกงั้นเหรอ...
แล้วตอนนี้ถึงจะใช้คำพูดแบบไหน ก็ส่งไปไม่ถึงส่วนลึกของจิตใจเธอซักนิด...
ถ่ายเข้าไปจนถึงล้านจุดแล้วนะเฮ้ย!!!
ความคิดยังหม่นหมองอยู่เลย... ทำยังไงต่อดีหล่ะฟ่ะเนี่ย!!!
〝ฉัน.... เหลือตัวคนเดียว.... มีเหตุผลอะไร.... ที่ต้องมีชีวิต? 〞
〝อึก!〞
และแม้กรจะถ่ายพลังเวทย์เข้าไปมากขนาดไหน เธอก็ยังคงมีความคิดในด้านลบอยู่เช่นเคย แถมครั้งนี้ยังพูดคล้ายกับว่าหมดหวังในชีวิตไปแล้วอีก จนกรถึงกลับกลืนน้ำลายเสียงดังและเสียวสันหลังวาบทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
〝เป้าหมาย... กับเหตุผลก็ไม่มี.... รอบข้างก็ไม่มีใคร.... แล้วฉัน... จะอยู่ไป.... เพื่อ... อะไร〞
〝!!!!!!〞
แล้วมีอาที่สิ้นหวังจนถึงขีดสุดก็พูดตัดพ้อกับตัวเองไปแบบนั้น พร้อมกับน้ำตาทั้งสองข้างของเธอเองก็ไหลรินลงมาอาบแก้มทั้งสองของเธอพร้อมๆกันด้วยแววตาที่ไร้แสงสะท้อนใดๆ ช่างดูเลื่อนลอยและสิ้นหวังอย่างที่สุดนั่น ยิ่งทำให้กรใจหายมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีกจนถึงกับลูกตาเบิกโพลงเลยทีเดียว
แต่ในขณะเดียวกับที่กรได้ยินแบบนั้น กรก็สังเกตเห็นเช่นกันว่า พลังเวทย์ที่คลอบคลุมมีอาอยู่นั้น บางทีอาจจะมีม่านพลังอะไรบางอย่างที่คลุมร่างกายเธออยู่เพื่อป้องกันพลังเวทย์ที่กรถ่ายโอนให้ แถมพอสังเกตอย่างละเอียด เลยทำให้รู้ว่าสิ่งที่คลุมมีอาอยู่ที่ว่านั้นมันอยู่แค่รอบนอกของร่างกายเธอเท่านั้น นั่นเลยทำให้กรคิดวิธีรักษามีอาได้ในที่สุด แต่กรที่คิดวิธีที่ว่าออกกลับหน้าแดงขึ้นมาหน่อยๆ แต่เพราะคิดว่าตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กรจึงปรับความคิดของตัวเองให้กลับมาจริงจังอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็เลื่อนมือซ้ายที่จับหน้าผากอยู่เมื่อครู่ลงมาประคองท้ายทอยของมีอาและใช้มือขวาที่ยังคงจับไหล่ซ้ายของเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว ก่อนที่จะยื่นใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้ใบหน้าของมีอาที่นั่งเอาหลังพิงกำแพงอยู่ แล้วจากนั้น...
〝ถ้างั้นฉัน... จะเป็นเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ให้กับเธอเอง!!!〞
〝!!!!!!〞
ในทันทีที่กรพูดแบบนั้นออกมาอย่างหนักแน่น กรก็นำริมฝีปากของตัวเองประทับลงบนริมฝีปากของมีอาในทันที จนหนนี้คนที่ต้องเบิกตาโพลงกลายเป็นฝ่ายมีอาเสียเองเลยทีเดียว
แต่การจูบเพื่อเรียกสติของกรยังไม่จบแค่นั้น เพราะพอกรประทับจูบลงไปแล้ว กรก็แทรกลิ้นของตัวเองเข้าไปในทันทีแล้วก็กวาดมันไปทั่วราวกับกำลังควานหาอะไรบางอย่างอยู่อย่างซุกซน แล้วพอสัมผัสกับลิ้นของมีอาเข้ากรก็ทำการสัมผัสลิ้นของเธอด้วยปลายลิ้นของตัวเองในทันที
และแม้ตอนนี้ตัวกรจะเขินอายจนหน้าแดงก่ำอยู่ก็ตามแต่ก็ไม่ได้ลดสมาธิลงแต่อย่างใด นั่นเพราะเหตุผลที่กรทำการจูบอย่างดูดดื่มกับมีอาอยู่นี้ เป็นเพราะกรต้องการจะถ่ายโอนพลังเวทย์ของตัวเองเข้าไปในตัวเธอโดยตรงนั่นเอง จากที่สังเกตเห็นว่ามีม่านพลังครอบตัวเธออยู่ กรจึงคิดจะถ่ายโอนมันเข้าไปข้างในโดยตรงเสียเลย
และแม้การกระทำอันหยาบของกรนี้ จะกระทำไปโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าตัวจนเหมือนกับฝืนใจก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้มีอาเริ่มที่จะตอบสนองบ้างแล้ว อันสังเกตได้จากตัวมีอาเริ่มที่จะสั่นระริกและใบหน้าของเธอก็เริ่มที่จะแดงก่ำเช่นเดียวกับกรแล้วนั่นเอง
〝แฮ่ก! แฮ่ก! กะ... กร อึก!〞
และถึงแม้มีอาจะไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด ทั้งยังกอดกรอยู่ทั้งที่ตัวเองก็กำเสื้อโค้ทของกรไว้แน่นจากด้านหน้า กรเองก็สังเกตได้ว่าการถ่ายพลังเวทย์นั้นได้ผลลัพธ์ดีกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดจึงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย กรจึงยังคงถ่ายพลังเวทย์ให้กับมีอาอย่างต่อเนื่องด้วยการจูบอย่างดูดดื่มอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งตอนนี้เขาถ่ายพลังเวทย์เข้าไปจนเกือบจะ 6 ล้านจุดเสียแล้ว และเพราะการจูบของกรอย่างต่อเนื่องจนไม่ให้มีอาได้พักหรือตั้งตัวจนเธอแทบจะขาดอากาศหายใจ มีอาที่รู้สึกตัวหลังจากถูกกรจู่โจมแบบนั้นนานกว่า 1 นาที จึงใช้มือตบที่หลังของกรหลายครั้ง กรจึงได้ผละริมฝีปากของตัวเองออกมาจากมีอาในทันที
〝มีอา! ทะ โทษที! เป็นอะไรรึเปล่า!?〞
〝แฮ่ก! แฮ่ก! มะ... ไม่เป็นอะไรแล้ว แฮ่ก! ตะ... แต่ว่า หะ...หายใจไม่ทัน!〞
แล้วพอกรผละตัวออกมา ก็รีบขอโทษมีอาด้วยเสียงที่ดูหวั่นๆและตะกุกตะกัก พร้อมกับเตรียมที่จะโดนตบหน้าไปแล้ว แต่มีอาที่แววตาและสติกลับมาหมดแล้ว ยังคงเหนื่อยหอบอยู่กับการจูบอันเร่าร้อนของกรเมื่อก่อนหน้า เธอจึงยังนั่งพักเหนื่อยเอามือข้างหนึ่งยันพื้นไว้ในท่านั่งพับเพียบ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งเช็ดน้ำลายที่อยู่ขอบริมฝีปากออกพร้อมๆกัน
〝หะ... หายดีแล้วใช่ไหม!〞
〝อะ... อื้ม!〞
แล้วพอกรถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง มีอาที่ตอบกรกลับสั้นๆด้วยน้ำเสียงปกติ... ไม่สิ... ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เพราะยังเขินอายกับการกระทำก่อนหน้าไม่หายต่างหาก นั่นเลยทำให้กรกลับมาเขินอายอีกครั้งเพราะพอมองย้อนกลับไปว่าตัวเองไปทำอะไรไว้ ก็แทบจะอยากแทรกแผ่นดินหนีเลยทีเดียว เพียงแต่ว่า...
ตู้ม!!!
เพียงแต่ขณะที่ทั้งคู่กับลังสนทนากันอยู่ ได้มีเสียงระเบิดใกล้ๆทั้งสองคน เกิดขึ้นมาขัดจังหวะ แต่ว่าก็ต้องขอบคุณระเบิดที่ว่าด้วยเหมือนกัน เพราะนั่นทำให้กรและมีอาที่เข้าหน้ากันไม่ติดเมื่อครู่ ตั้งท่าเตรียมพร้อมในทันที
〖เจ้าหนู!!! รีบหนีเร็วเข้า!!! 〗
〝!!!!〞
〝ชิ! มาแล้วงั้นเหรอ!?〞
แล้วต้นเหตุเสียงระเบิดเมื่อครู่ก็เป็นฝ่ายตะโกนเรียกกรในทันที นั่นเพราะเสียงระเบิดที่ว่ามันเกิดจากเคลเบรอสที่กลายสภาพเป็นดาบเช่นเดิม ถูกโจมตีจนปลิวมาจนกระแทกเข้ากับก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆพวกกรนั่นเอง
〝มีอา! วิ่งไหวไหม!?〞
〝อื้ม!〞
〝ถ้างั้นก็รีบเข้าเถอะ อึก!〞
〝กร!!!?〞
แต่ในขณะที่กรลุกขึ้นอย่างกะทันหัน ขาของกรกลับอ่อนแรงเสียอย่างงั้น เห็นได้ชัดเลยว่านั่นเป็เพราะตัวเขาที่ถ่ายพลังให้มีอามากเกินไป จนตัวเองนั่นแหล่ะที่เป็นฝ่ายเสียพลังจนเหลือน้อยนิดซะเอง
ก๊าซซซซซซซซซ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แล้วเสียงที่กรกำลังกังวลก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเหมือนกับจะย้ำเตือนเขาว่า ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถหลีกหนีมันไปได้ยังไงอย่างงั้น ระยะห่างของมังกรห้าหัวที่เป็นต้นกำเนิดเสียงเองก็เข้าใกล้ตัวกรมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว กรที่คิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเหนื่อย จึงฝืนลุกขึ้นทั้งที่เหลือแรงนิดหน่อยในทันทีเพื่อเตรียมรับการปะทะจากมังกรอีกครั้ง
〝ชิ! ไปตั้งหลักกันก่อน ตามฉันมา——〞
〝กร! นะ... นั่นมัน!!!〞
〝!!!!!!!!〞
แต่พอกรลุกขึ้นมาได้ และให้คำสั่งกับมีอาเพื่อวิ่งไปตั้งหลักตามตน แต่มีอากลับตะโกนออกมาแบบนั้นะลางชี้นิ้วไปยังจุดที่มังกรอยู่ นั่นจึงทำให้กรตกตะลึงเป็นอย่างมาก
นั่นก็เป็นเพราะมังกรห้าหัวนั้นกำลังใช้สกิลธาตุดินขึ้นมาอีกครั้งนั่นเอง เพียงแต่หนนี้มันแตกต่างจากครั้งก่อน นั่นเพราะคราวนี้แทนที่จะเป็นเสาหินมันกลับเป็นก้อนดิน... ไม่สิ... เหมือนกับเป็นก้อนโลหะผิวมันเงาทรงกลมมากกว่า เส้นผ่าศูนย์กลางเองก็ประมาณ 25 เมตรเลยทีเดียว แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือ ทันทีที่มันคงรูปร่างได้ กลับมีแท่งเหล็กแหลมเล็กจำนวนมาก โผล่พ้นออกมาจากทรงกลมโลหะนั่นทุกทิศทางจนดูคล้ายกับลูกตุ้มหนามเลยทีเดียว
แกร็ก!!!
แล้วอีกเสี้ยววินาทีถัดมา แท่งเหล็กแหลมๆที่ว่า ก็โผล่พ้นออกมาจากทรงกลมมากยิ่งกว่าเดิม จึงทำให้กรตระหนักได้ในทันทีว่าสกิลนี้มีไว้ใช้ทำอะไร
〝แย่แล้ว! มันจะยิงแท่งเหล็กออกมา!!!〞
〝!!!!!!〞
บ้าชิบ! ไอ้นั่นมันยิงออกมาจากทุกทิศเลยนี่หว่า ดูยังไงก็ไม่มีทางหลบได้เลยซักนิด!!!!
ก้อนหินพวกนี้ก็อ่อนเกินไปที่จะใช้เป็นที่กำบังอีก มีอาก็เพิ่งฟื้น เราก็กำลังเหนื่อย ไม่มีทางหนีไปได้ไกลเกินรัศมีของมันเลย...
เราเองก็ดันพลังเวทย์หมดซะได้... ที่ครองสติได้อยู่นี่ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว…
แต่เพราะแบบนั้น... เวทย์มนต์ก็ใช้ไม่ได้.... สกิลยิ่งแล้วใหญ่
ขนาดเสาหินที่โจมตีครั้งก่อนเป็นแค่ดิน ตัดสายลมยังทำลายได้ไม่หมดเลย แต่คราวนี้ดันเป็นโลหะซะได้ ไม่มีทางที่จะปีดป้องมันได้เลย
กระสุนที่มีอยู่ก็ไม่มีอันที่ใช้ต่อต้านแท่งเหล็กได้เลย... แค่ยืนขั้นมาได้ก็เต็มกลืนแล้ว!!!
ฟิ้วๆๆๆๆ!!!!!!
แต่มังกรก็ไม่ได้ปล่อยให้กรหยุดพักเลยซักนิด เพราะหลังจากนั้นเพียง 2 วินาที แท่งเหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกปล่อยออกมาจากก้อนโลหะทรงกลมนั่นด้วยความเร็วที่ราวกับกระสุนปืน
มีอาที่เห็นแบบเดียวกับกรเช่นกัน ก็หลับตาปี๋ลงเสียแล้วราวกับครั้งแรกที่กรได้ช่วยเธอไว้จากคองโซลเยอร์ไม่มีผิด กรที่อยู่ใกล้ๆเองก็แสดงท่าทีสิ้นหวังออกมาไม่แพ้กัน เพียงแต่ว่า...
ชึบ!
〝!!!!!!〞
แล้วกรก็เข้ามายืนหันหน้าเข้าหาตัวมีอา แล้วเข้าสวมกอดเธอจากด้านหน้าพร้อมกับกดศีรษะของเธอลงต่ำในทันที และแม้ว่านั่นจะเป็นปฏิกิริยาตอบสนองโดยที่ตัวกรแทบจะไม่ได้คิด แต่มีอาก็เข้าใจการกระทำของเขาได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เธอตกตะลึงมาก
ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ——————
〝กร!!!!!!!!!!!!!!!!!!〞
แล้วหลังจากนั้นกรก็ใช้แผ่นหลังของตัวเองเป็นโล่กำบังให้กับมีอาในทันที ทั้งนี้ก็เป็นเพราะตัวเขามีฉายา〘กายาเหล็กไหล〙อยู่บวกกับ『ดาร์คเนสเซ็ทโค้ท』 เลยทำให้ความเสียหายลดทอนลงไปบ้าง แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้รับความเสียหาย กลับกันเสียอีก นั่นเพราะมีแท่งเหล็กบางอันพุ่งเข้ามาซ้ำจุดเดิมจนทะลุผ่านโค้ท และฝังลึกเข้าไปในตัวกรจำนวนมากพอสมควร แถมยังโดนจุดสำคัญเช่น ม้าม ปอด หรือขั้วหัวใจจนฉีกขาดเลยทีเดียว
ตุ๊บ!
〝กร!!! 〞
แล้วกรที่รับการโจมตีแบบห่าฝนของบอสแทนมีอา ก็ไม่พ้นที่จะอ่อนแรง และล้มลงในท่าคุกเข่าไปทั้งอย่างงั้นเลย มีอาที่เห็นแบบนั้นจึงประคองกรให้นอนหงายขึ้นมา แต่ก็ทำได้แค่ตะโกนเรียกกรเท่านั้นเอง
บ้าชิบ!!! ตูทำบ้าอะไรไปว่ะเนี่ย!
อึก! ยะ... แย่แล้ว! ปอดฉีก... เลือดคั่งในปอด....
หัวใจเริ่มเต้นช้าลงแล้วด้วย.... ความดันก็ต่ำลงด้วย....
วะ... เวทย์รักษา ไม่ไหว... พลังเวทย์ไม่พอ...
เวรเอ้ย!!! ทำไมตูถึงโง่แบบนี้ฟ่ะ... เรื่องแค่นี้น่าจะคาดการณ์ง่ายๆได้แท้ๆ
ทำไมถึงไม่คิดเผื่อในสถานการณ์แบบนี้เลยฟ่ะ!!!
นี่เรา... จะตาย อีกแล้ว....งั้นเหรอ!?
แต่ทำไม... ถึงไม่รู้สึกอ้างว้างเหมือนกับครั้งก่อนๆแล้วหล่ะ!?
〝ไม่นะ! กร!!! โกหก... ทำไมกัน!!!〞
〝……….〞
แล้วพอมีอาประคองกรให้นอนหงาย เธอก็นั่งพับเพียบลงใกล้กับกร ทั้งยังร้องไห้พร้อมกับพูดแบบนั้นออกมาด้วยเสียงสั่นๆอีก แต่กรก็ไม่ตอบเธอเลยซักนิด นั่นเพราะมีแท่งเหล็กอันหนึ่งพุ่งผ่านคอหอยเขาไปจนเกิดรูขนาดใหญ่ ทั้งยังมีแผลเหวอะหวะไปทั่วทั้งร่างจนดูเละเทะอีกต่างหาก
หึ! งั้นเหรอ... ตัวเรา... เปลี่ยนไปขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ทั้งที่ผ่านการตายมาแล้ว 2 ครั้งแท้ๆ... มันทั้งน่ากลัว... เจ็บปวด... ทรมาน... และอ้างว้างอย่างที่สุดแท้ๆ
แล้วทำไม... เราถึง... ดีใจ...
เพราะมีอา... ยังไม่ตายงั้นเหรอ…
อา... พอคิดแบบนั้นแล้ว ก็รู้สึกดีใจจริงๆนั่นแหล่ะ แปลกชะมัดเลยหว่ะ...
แต่ถึงแบบนั้น... ก็ปฏิเสธความรู้สึกน่ายินดีที่อยู่ในอกนี้ไม่ได้....
นี่สินะ.... ความรู้สึก.... ที่ได้ปกป้องใครซักคน.... จนตัวตาย....
ชึบ!
แล้วกรที่อยู่ในท่านอนก็ใช้กำลังเฮือกสุดท้าย ยกมือที่เปื้อนเลือดของตัวเองขึ้นมา ลูบที่แก้มของมีอาที่นั่งอยู่ข้างๆ และเช็ดน้ำตาเธอออกนิดหน่อย ก่อนที่จะพูดประโยคทิ้งทวนราวกับคำสั่งเสียออกมา
〝ก็ชั้— 『สัญญา』แล้— นี่นา ว่าจะ— ปกป้อ—เธอ ด้ว—ชีวิต..... หน่ะ———〞
ตุ๊บ!
แล้วกรก็พูดแบบนั้นออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งและแผ่วเบาอย่างที่สุดพลางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน และแม้บางคำที่กรพูดออกมานั้นจะขาดหายไปบ้างเพราะเส้นเสียงขาดไปแล้วก็ตามที แต่ถึงอย่างงั้น... ใจความสำคัญที่กรต้องการจะสื่อก็สามารถส่งไปถึงมีอาได้เป็นผลสำเร็จ กรจึงยิ้มออกมาที่มุมปากเล็กน้อยอีกครั้งหนึ่งก่อนที่มือนั้นของเขาจะอ่อนแรงลง และถูกทิ้งลงมาตามแรงโน้มถ่วง ราวกับเชือกที่ใช้ควบคุมตุ๊กตาหุ่นเชิดได้ขาดสะบั้นลงไปยังไงอย่างงั้น
เรานี่มันสะเพร่าจริงๆ งี่เง่าจนถึงวินาทีสุดท้ายเลยแฮะ...
ไม่สิ.... เรามันโง่เอง... เหตุผลหน่ะเข้าใจดีอยู่แล้ว…
หรือเพราะพอใกล้ตายขึ้นมาความคิดมันเลยเด่นชัดขึ้นก็ไม่รู้....
แต่นั่นก็.... ทำให้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้ซักที
ทำไมถึงช่วยมีอาจากมอนสเตอร์....
ทำไมถึงต้องปลอบโยนเธอ....
ทำไมถึงต้องลำบากเอาตราทาสออกให้....
ทำไมถึงต้องช่วยถ่ายพลังเวทย์จนตัวเองหมดสภาพ....
ทำไมถึงต้องเอาชีวิตเข้าแลกโดยอ้างสัญญา จนตัวเองต้องตาย....
เหตุผลมันง่ายนิดเดียว....
ทั้งที่มันเข้าใจได้ง่ายขนาดนี้แท้ๆ........
นั่นก็เพราะว่า.... ตัวฉัน..... รู้สึกกับมีอา.....
.
.
.
.
.
.
รู้สึก รัก มีอาเข้าแล้ว.... ยังไงหล่ะ————
แล้วกรก็ตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเองในที่สุด ภาพที่อยู่ติดตาของกรในตอนนี้นั้น มีแต่ภาพของมีอาที่ตะโกนเรียกกรทั้งน้ำตา แต่กรก็กลับไม่ตอบสนองเลยซักนิดนั่น ก็วนเวียนอยู่ในความคิดซักพักหนึ่ง ก่อนที่สติของกรจะดับวูบลงไปอีกครั้ง....
มืดสนิท.....โดดเดี่ยว..... เพียงลำพัง..... ว่างเปล่าจริงๆแฮะ.......นี่เรา..... ตายอีกแล้ว... งั้นเหรอ? หลังจากที่กรหมดสติไปได้พอสมควร กรก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้เล็กน้อย แต่สิ่งที่พบกลับมีแต่ความมืดมิดในทัศนวิสัยของเขา และเพราะความรู้สึกที่กรกำลังเผชิญอยู่นี้มันเหมือนกับที่กรเคยสัมผัสมาแล้วเมื่อครั้งที่กรตายไปสองครั้งก่อนหน้าไม่มีผิด กรจึงคิดเป็นอย่างแรกเลยว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว〝——อย่า....〞!!!! แล้วหลังจากนั้น กรก็ได้ยินเสียงของใครบางคน ดังแว่วเข้ามาในสติอันเรือนรางเสียง? ผู้หญิงงั้นเหรอ? ....เสียงนี่ ....เป็นของ ....ใครกัน? แต่ถึงแม้กรจะได้ยินเสียงนั้นราวกับถูกกระซิบอยู่ข้างหู ความคิดของกรก็ยังคงเลือนลางและอ่อนล้าเต็มทีเช่นเดิม〝——คนเดียว....〞ไม่... เข้าใจ แต่ว่า...เป็นเสียงที่คุ้นเคยจริงๆ..... ทั้งยัง ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดอีก.....〝....ทิ้งฉัน——〞ทิ้ง... งั้นเหรอ?ก็บอกแล้วไง.... ว่าไม่เข้าใจ......〝——อย่าทิ้งฉัน.... ไว้คนเดียว...〞!!!!เสียง... นี่มัน.....〝อย่าตายนะกร!!! ได้โปรด! อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว!!!!!!〞!!!!!!!!!!
【ไอ้หนู เจ้าเชื่อในเรื่องของโชคชะตาหรือชะตากรรมบ้างหรือเปล่า?】……………อะไรอีกหล่ะเนี่ย? ภาพหลอนก่อนตายอีกแล้วงั้นเหรอ? ไม่สิ... นี่มันมีแต่เสียงไม่ใช่เหรอ แต่เดี๋ยว.... ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นซะที่ไหนกันเล่า!! ในขณะที่สติของกรกำลังดำดิ่งลงสู่หลุมลึกไร้ก้นบึ้งเพราะผ่านความตายมาแล้วอยู่นั้น กลับมีชายวัยกลางคนเอ่ยถามกรขึ้นมาในสถานการณ์แปลกๆนี่ ด้วยคำถามที่ไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ กรจึงทำได้แค่มึนงงกับมันเท่านั้นเอง【เชื่อหรือเปล่า? 】ถามซ้ำอีกแล้ว! ที่ไม่ตอบไม่ใช่เพราะไม่ได้ยินเฟ้ย! แต่เพราะตกใจอยู่ต่างหาก…...ว่าแต่ นี่เรากำลังจะตาย.... หรือคงตายไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่ใช่รึไง?เรานี่ก็ยังมีอารมณ์มาตบมุขอีกนะ น่าโมโหกับตัวเองจริงๆ นี่หรือว่าจะชินกับความตายเข้าให้แล้ว.... หวา〜 ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็น่ากลัวพิลึกเลยนี่หว่า【เชื่อ-รึ-ป่าว〜? 】เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว ตอบก็ได้!!! หยุดลากเสียงแบบนั้นทีเถอะได้โปรด...เอ่อ....ถ้าตอบตรงๆหล่ะก็.... ฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่หน่ะ【โอ้! งั้นหรอกเหรอ ทำไมหล่ะ?】....ผลลัพธ์จากเหตุการณ์ต่างๆ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำที่ตัวเราเป็นคนก่อ ซึ่งมีเหตุมี
〝กร... โอเคแล้วใช่ไหม?〞〝อะ อา... ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะดีมากเลยหล่ะ〞 หลังจากที่กรทำการสำเร็จโทษตัวเองด้วยการเอาศีรษะเขกพื้นในท่าหมอบกราบนานกว่า 10 นาที จนกิเลส(ส่วนใหญ่)ถูกขจัดออกไปหมดแล้ว เขาก็ค่อยๆเดินเข้ามาทางมีอาทั้งที่ยังหันหลังให้เธออยู่ จนมานั่งอยู่ใกล้ๆกับเธอเช่นเดิม〖เจ้าหนู ข้าคิดมาตลอดเลยว่าเจ้าเป็นคนประเภทขี้อาย... แต่คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วหล่ะ ก็เจ้าหน่ะ——— 〗〝หยุดเลย! ขอทีเถอะเจ้าหมา!〞〝หืม?〞 และแม้มีอาที่นั่งอยู่ใกล้ๆจะยังคงเอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังเช่นเดิมเพราะยังไม่เข้าใจเหตุผลในการกระทำของกร แต่ถึงเคลเบรอสจะไม่เข้าใจเหตุผลจริงๆ แต่ก็ยังพอเดาได้ว่ากรไปเห็นอะไรเข้า นั่นจึงทำให้กรร้อนรนเข้าไปใหญ่ ทั้งยังระวังตัวเคลเบรอสให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิมโข พลางคิดอยู่ในใจว่า〝เจ้าหมา... แกนี่มันน่ากลัวจริงๆ〞อะ... เอาเถอะ เรื่องเจ้าหมานั่นเอาไว้ก่อนดีกว่า...ประเด็นคือ ไอ้สกิลที่มีแต่เครื่องหมายดอกจันตรงคำอธิบาย... ตั้งแต่สกิลก่อนหน้าอย่าง『ตั้งค่าขั้นกลาง(ต้นฉบับ)』กับ『Ogre Arm(ต้นฉบับ)』ทั้งสองอันหน่ะ.... พอใช้ไปครั้งนึงแล้ว คำอธิบายก็จะปรากฏออกมา นี่ต
———ย้อนกลับไป ในเวลาเดียวกับที่กรพบกับมีอาเป็นครั้งแรกที่ชั้น 33 … หลังจากเหตุการณ์ที่กลุ่มของรินและเสือเข้าปะทะกันด้วยวาจาอย่างรุนแรงที่หน้าค่ายพักผ่อนเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีสาเหตุมาจากที่ปาร์ตี้ของฮาวลี่ถูกวาร์ปเข้าไปในดันเจี้ยนอย่างกะทันหันนั่น หลังจากที่ทุกคนรวมถึงกลุ่มของเสือและรินกลับเข้าไปในค่ายแล้ว ฮันซี่ก็ทำการประกาศเหตุฉุกเฉินให้ทหารทุกนายรวมถึงเหล่านักเรียนผู้กล้าทุกคนรีบกลับไปยังเมืองหลวงอย่างเร่งด่วน โดยอ้างว่าช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้เส้นทางกลับอาจมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกพัดผ่านอย่างหนัก ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดความล่าช้าและอันตรายที่คาดไม่ถึงได้ ส่วนตัวฮันซี่นั้นไม่สามารถกลับไปพร้อมกันได้ โดยใช้ข้ออ้างอีกอย่างหนึ่งว่าตนเองและเหล่าทหารคนสนิทได้รับคำสั่งจากองค์ราชาให้ไปปฏิบัติภารกิจฉุกเฉิน จึงต้องรอคำสั่งต่อไปที่หมู่บ้านใกล้ๆนี่ ด้วยเหตุที่ว่าจึงร่วมเดินทางกลับกับทุกคนไม่ได้ แม้จะฟังดูเหมือนเป็นคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆก็ตาม แต่นักเรียนผู้กล้าทุกคนก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีบิดพลิ้ว แน่นอนว่าสาเหตุที่แท้จริง
ก๊าซซซซ!!!!!!!! เสียงร้องแหลมๆแสบแก้วหูคล้ายกับของสัตว์เลื้อยคลานเช่นกิ้งก่า ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิดของดันเจี้ยนชั้นที่ 75 ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเป็นถ้ำหินแกรนิตสีน้ำตาล ผิวขรุขระไม่สม่ำเสมอกันตลอดแนว ส่วนพื้นเองก็ทำจากวัสดุแบบเดียวกัน แต่ที่แตกต่างก็คือ มันเรียบเนียนตลอดจนสุดสายตาราวกับถูกปูด้วยกระเบื้องอย่างประณีตเลยทีเดียว ซ้ำยังไม่มีรอยต่อให้เห็นราวกับมันเป็นเนื้อเดียวจริงๆอีกต่างหากก๊าซซซซ!!!!!!!! เสียงร้องโหยหวนอันแสดงถึงอาการบาดเจ็บสาหัสของมอนสเตอร์ตัวเมื่อครู่ยังคงร้องลั่นอย่างต่อเนื่องเพราะมันได้เสียแขนขวาไป และที่มาของเสียงร้องนั้นก็คือ『 ครอกโคแมน 』 ซึ่งเป็นมอนสเตอร์รูปร่างจระเข้ผิวสีเขียวขี้ม้าสูงกว่า 2 เมตร มีรอยตะปุ่มตะป่ำอยู่ทั่วร่าง แต่ที่แปลกประหลาดกว่าจระเข้ทั่วไปคือ ครอกโคแมนที่ว่ามันยืนสองขา สวมชุดเกราะหนักอย่างรัดกุมโดยโผล่ส่วนที่เป็นเนื้อหนังให้เห็นแค่บริเวณลำคอและใบหน้าเท่านั้น ทั้งยังถือขวานเหล็กขนาดใหญ่ไว้ด้วยมือทั้งสองข้างอีกต่างหาก เพิ่มเติมคือเจ้าจระเข้เดินสองขาตัวนี้มันสวมหมวกกันกระแทกและแว่นกันลมแบบเดียวกับนักบินของเยอรมันในสงครามโลกครั้ง
หลังจากที่กรและมีอา เข้ามาในห้องบอสของชั้นที่ 75 และพบเข้ากับหญิงสาวซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ปรกาศมาโดยตลอดตั้งแต่ที่กรลงดันเจี้ยนมาเข้า ก็เกิดประหลาดใจที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น และเกิดอาการหงุดหงิดอย่างแรงที่คิดไปเองคนเดียวว่า เรื่องที่การคาดการณ์ของตัวเองผิดพลาดนี้จะทำให้ตัวเขาดูโง่ในสายตาของมีอาขึ้นมา นั่นเลยทำให้กรที่ตอนนี้เกิดอาการหงุดหงิดปนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก บวกกับสาวแว่นจอมเวทย์ที่อ้างว่าตัวเองเป็นบอสประจำชั้นเองที่แสดงความรำคาญออกมา เนื่องด้วยความเบื่อหน่ายที่ไม่ต้องการมารับการทดสอบกรด้วยตัวเอง นั่นเลยทำให้ทั้งคู่สร้างบรรยากาศไร้เสียงขึ้นมาโดยรอบตัวเองเป็นวงกว้าง จนไม่มีใครกล้าเปิดการสนทนาต่อเลยซักคน…〖โอ๊ะ! สายัณห์สวัสดิ์คุณนาย〗〝……….…ไงเคลเบรอส สภาพดูไม่จืดเลยนะนั่นหน่ะ〞 แล้วคนที่เป็นคนเปิดการสนทนาก็คือคนกลางเช่นเคลเบรอสนั่นเอง และดูเหมือนสาวแว่นคนนี้เองก็ตามน้ำไปกับเคลเบรอสด้วยเช่นกัน อาจเป็นเพราะเธอรำคาญจากสภาพแบบนี้หรืออยากจะจบการทดสอบโดยเร็วก็แล้วแต่ แต่เสียงตอบกลับเรียบๆของเธอนั่นก็ทำให้บรรยากาศปั้นหน้ายากของทุกคนหายไปอย่างสิ้นเชิ
———ทางด้านของมีอาและเคลเบรอสที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์…〖เหมือนกันจริงๆ〗〝คุณหมา!? หมายถึงอะไรเหรอ?〞 หลังจากที่ผู้ประกาศเข้าโจมตีกรด้วยศรแสงในครั้งแรก แล้วมีอาตะโกนออกไปเพื่อเตือนกรแต่กรไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีอาที่นั่งดูการต่อสู้ของกรอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆนี้แสดงอาการกระวนกระวายปนเศร้าใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือกรได้มาตลอดตั้งแต่ก่อนการเข้าปะทะ แม้จะไม่ได้ถามเหตุผลแต่เธอก็ยังปล่อยให้กรทำตามใจ เคลเบรอสที่เห็นแบบนั้นก็โผล่หน้าออกมาจากฝัก และพูดสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ออกมาโดยอาศัยความคิดสงสัยของตัวเองเพื่อดึงความสนใจของมีอาออกมาจากสนามรบเล็กน้อย ก็เพื่อให้เธอผ่อนคลายขึ้นซักนิดก็ยังดี〖ก็… เจ้าหนูกับคุณนายตรงนั้นหน่ะสิ〗〝เอ๋?〞 หลังจากที่ได้ยินเคลเบรอสพูดแบบนั้น มีอาก็เอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังดังเช่นทุกที〝หมายความว่ายังไงเหรอคุณหมา?〞〖นั่นสินะ ข้าเองก็อธิบายไม่เก่งซะด้วย… แต่ทั้งสองคนหน่ะ มีสไตล์การต่อสู้เหมือนๆกัน〗〝เรื่องที่ไม่ประมาทศัตรูงั้นเหรอ?〞〖เรื่องที่กลัวคนอื่นต่างหาก 〗〝เอ๋? ต่างกันงั้นเหรอ?〞 เคลเบรอสที่ได้ยินคำถามกลับมาจากมีอาก็ส่งเสียง อื
〝ต่อจากนี้จะไม่มีการออมมือแล้วนะ…〞〝ฮะฮ่ะ! พูดเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้กะเอาให้ตายเลยนะ〞 หลังจากที่ผู้ประกาศเปลี่ยนแปลงลักษณะภายนอกไปจากเดิม โดยมีอักขระสีแดงสดปรากฏขึ้นทั่วร่างอย่างสลับซับซ้อน รวมถึงน้ำเสียงที่เรียบเฉยและเย็นชาของเธอเองก็เปลี่ยนไปจากครั้งแรกเช่นกัน นั่นจึงทำให้กรที่ตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติแบบนั้น แต่กลับมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาหลายต่อหลายหยดอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นไหลลงไปถึงลำคอ และทำได้แค่หัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนกลับไปเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าตัวเขาค่อนข้างกระวนกระวายกับสถานการณ์ในตอนนี้มากเลยทีเดียวแย่แล้ว! แย่แล้วไหมหล่ะ! ปีศาจงั้นเหรอ?งั้นนี่ก็คือเผ่าที่ พวกนักเรียนผู้กล้าทุกคน ต้องสู้ในอนาคตงั้นสิ? จะบอกว่าซักวันพวกรินจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนแบบนี้งั้นเหรอ?ตัวเราเองยังไม่มั่นใจ 100% เลยว่าจะชนะยัยนี่ได้พวกรินหน่ะไม่ไหวหรอก! ไม่ได้ดูถูกนะ แต่ยังไงก็ไม่ไหวชัวร์ๆ——〝รับมือ!!!〞ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!—————————〝!!!!!!〞 หลังจากการสนทนาพอเป็นพิธีจบลง ผู้ประกาศสาวก็ทำการยิงศรสีดำแดงออกมาจากทางด้านหลังโดยที่ไม่ได้ร่าย
———— 1 สัปดาห์ต่อมา ชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 ณ ดันเจี้ยนชั้นพิเศษ ซึ่งถูกสร้างโดยอาเธนต่อจากชั้นที่ 1 อันเป็นชั้นที่เอาไว้หลอกคนทั่วไป ถูกสร้างขึ้นเพื่อการฝึกฝนและเก็บเลเวลโดยเฉพาะ หากแต่ผู้ที่จะใช้มันได้นั้น มีเพียงแค่กลุ่มของผู้ที่ผ่านการทดสอบที่แท้จริงแล้วเท่านั้นถึงจะเข้ามาในนี้ได้ ที่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามเขต อันได้แก่ เขตที่พักอาศัย เขตใช้ฝึก『บัญญัติพันประการ』 และสุดท้ายคือเขตที่ใช้สำหรับเก็บเลเวล... หรือก็คือ เขตมอนสเตอร์ทรงภูมิปัญญานั่นเอง ในพื้นที่ของเขตที่สามถูกสร้างให้เป็นพื้นกระเบื้องและเพดานหน้าตัดเรียบส่องแสงสีเขียว (Lime) พื้นที่โดยรอบมีวัตถุโปร่งแสงรูปทรงเรขาคณิต ทั้งสามเลี่ยม สี่เหลี่ยมไปจนถึงรูปทรงหลายเหลี่ยมกระจัดกระจายเต็มไปหมดทำให้ยากแก่การเคลื่อนไหว แต่กลับกันแล้ว มันทำให้ง่ายต่อการดำเนินแผนที่ซับซ้อนและแยบยล และเขตที่สามนี้เอง ที่มีหญิงสาวทั้ง 4 คน อันได้แก่ มีอา ซาช่า เรเชลและริต้า กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนเท่ากันอยู่ มอนสเตอร์ทั้งสี่ตัวที่เป็นศัตรู มีหนึ่งตัวที่สวมผ้าคลุมสีดำ มีส่วนหัวเป็น
〝 คุณโรนี่กับราชา... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย 〞 กรถามออกไปแบบนั้น ในเวลาเดียวกับที่ใช้『รีดดิ้งอายส์』ตรวจสอบบุคคลทั้งสองตรงหน้า แล้วก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าทั้งคู่เป็นตัวจริง...〝 ทำหน้าแบบนั้นคงจะรู้แล้วสินะว่าพวกข้าเป็นตัวจริง... 〞ราชาพูดแทงใจดำพลางยิ้มออกมา ทำให้กรคิ้วกระตุกเพราะคาดการณ์เรื่องตรงหน้าไม่ทัน ในขณะที่กรคิดแบบนั้น ราชาก็เดินเข้ามาทางกร แล้วก็ใช้เวทย์บางอย่างเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเป็นคนอื่น ไม่สิ... เปลี่ยนจากคนอื่นกลับมาเป็นตนเองคนเดิมต่างหาก ซึ่งที่เปลี่ยนไปนั้นมีเพียงโครงหน้าเท่านั้น แต่ความสูงอายุและริ้วรอยนั้นแทบไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วก็หันไปสบตากับเมอร์ลินเข้า นั่นทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ...〝 นายมัน อาเธนงั้นเหรอ!!!? 〞เมอร์ลินที่เห็นใบหน้าจริงของชายชราตรงหน้าก็จำได้ทันทีพร้อมทั้งเรียกชื่อจริงของเขาออกมาอย่างสนิทสนม โดยมีสายตางงงวยจากสาวๆคนอื่น แต่พอรู้ว่าคนน่าสงสัยตรงหน้าเป็นคนรู้จักของเมอร์ลิน การ์ดของพวกเธอก็คลายลงพอสมควร〝 แหมๆ ในที่สุดก็จำได้ซักทีนะแม่คุณ... ข้าหล่ะเจ็บช้ำไม่น้อยเลยนะ ตรงที่เจ้าบ
หลังจากเรื่องเมื่อวานเคลียร์กันจบในตอนเย็น กรได้ทำการเพิ่มฟังก์ชั่นหลบหนีฉุกเฉินใส่บัตรนักผจญภัยของเจนนี่ไว้ก่อนด้วย เผื่อในกรณีที่เกิดอันตรายกับเธอ เธอสามารถใช้มันวาร์ปมาหากรได้ทุกเมื่อ รวมถึงพาคนรู้จักอย่างไมน์กับรีเบคก้ามาด้วยก็ยังได้ จากนั้นพวกกรกับพวกไมน์จึงได้แยกกันกลับที่พักของตัวเอง อนึ่ง เจนนี่ตอนนี้นั้นอยู่สถานะของคนชื่อ『เบลนด้า อัลบา』 รูปลักษณ์ภายนอกที่คนอื่นเห็น เป็นคนผิวสีแทน ใบหน้าปานกลางค่อนไปทางแย่(จากความเห็นส่วนใหญ่ในกลุ่มของกร) แต่นั่นก็เพื่อไม่ให้เธอเป็นจุดเด่น เพราะหากจะว่าไปแล้วเจนนี่ในร่างธรรมดานั้นจัดว่าเป็นคนสวยมากเลยทีเดียว และด้วยการใช้บัตรนักผจญภัยอ้างถึงตัวตน ก็สามารถเข้าพักที่เดียวกับพวกไมน์ได้ แต่เธอเลือกที่จะพักคนละห้องแทนเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย (แต่สุดท้ายตอนนอนก็ย้ายมานอนห้องเดียวกันอยู่ดี) ส่วนทางด้านของกร พอกลับไปพวกกรก็รีบทำธุระส่วนตัว แล้วเข้านอนในทันที เพื่อสะสมพลังงานให้เต็มอิ่มก่อนที่จะออกรบในดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 และเพื่อความไม่ประมาทช่วงเช้าทั้งหมด กรและพรรคพวกจะใช้เวลาไปกับการตร
〝 ไง ทั้งสองคน 〞 ในขณะที่ทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึงยังกับเห็นผีออกมา เจนนี่ก็เริ่มเป็นฝ่ายทักไมน์และรีเบคก้าก่อนด้วยรอยยิ้มในทันที〝 เจนนี่!!! 〞〝 อุ๊ยตาย!? 〞 ไมน์ที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปสวมกอดเจนนี่อย่างเร็ว นั่นเองก็ทำเจ้าตัวอย่างเจนนี่ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน〝 เจนนี่! เจนนี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย? ไม่ใช่ผีหรือตัวปลอมใช่ไหม!? 〞ไมน์พูดแล้วก็ลูบๆคลำๆเจนนี่ไปทั่ว ทำเอาร่างเธอสั่นนิดหน่อยเพราะจักกะจี๊เลยทีเดียว〝 ยัยบ๊อง! ก็จับตัวกันได้อยู่ไม่ใช่รึไง? แล้วฉันก็ยังจำได้อยู่เลยนะว่าตรงก้นของรีเบคก้ามีไฝอยู่ด้วยหน่ะ 〞 เจนนี่พูดแบบนั้นออกมา ทำให้รีเบคก้าออกอาการหน้าแดง แล้วก็พุ่งเข้ามาสับกะโหลกเจนนี่เหมือนกับที่ผ่านมา〝 ฮึ่ย! ไอ้นิสัยพูดไม่คิดนี่ตัวจริงชัวร์ 〞รีเบคก้าพูดแล้วก็ใช้กำปั้นหมุนๆใส่ศีรษะของเจนนี่〝 โอ้ยๆ! เจ็บอ่ะรีเบคก้า ออมมือให้หน่อยเซ่! 〞 ทั้งสามคนหยอกล้อกันไปมาแบบนั้น ราวกับต้องการจะซึมซับและฟื้นคืนบรรยากาศที่ถูกทำลายไปให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย แต่ความอบอุ่นของภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนลืมหลายเรื่องที่คิดอ
หลังจากที่งีบหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าทางจิตใจก็ดูจะลดลงไปบ้างเอาจริงๆ ต่อให้ลุยต่อทั้งอย่างงี้ก็ไหวอยู่หรอก แต่แค่นี้ทุกคนก็เป็นห่วงมากพออยู่แล้ว เพราะงั้นทำตามที่ทุกคนแนะนำเป็นการดีที่สุดทางริต้าเองยังคงหลับอยู่เลยปล่อยให้หลับต่อไปก่อนโดยให้เรเชลดูแลอยู่ข้างๆส่วนทุกคนเองดูเหมือนว่าจะไม่ได้หลับเลยในระหว่างที่ฉันพักแต่ก็ต้องขอบคุณในจุดนั้น เพราะในช่วงที่ฉันไปเจรจากับราชา ฉันต้องการที่จะไปคนเดียว...ก็แหม... ฉันไม่อยากให้ทุกคนเห็นท่าทางแย่ๆเท่าไหร่นี่นา〝 เพราะทุกคนเฝ้าฉันมาตลอดคงจะเหนื่อยแย่ ฉันเลยอยากให้พวกเธอพักรอฉันอยู่ที่นี่หน่ะ 〞พูดแบบนั้นออกไปทุกคนก็ทำหน้าถมึงทึงใส่ และแน่นอนว่าทุกคนทำท่าอยากจะไปด้วยกันหมดเลยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมตั้งนานกว่าจะยอม แต่ก็เพราะทุกคนเป็นห่วงเรานั่นแหล่ะนะ น่าดีใจแท้ๆแต่ทุกคนก็ไม่อยากตื้อให้เราจนกังวลเกินไปเหมือนกันเพราะงั้นแค่รับปากว่าจะไม่ฝืนฉันก็ขอตัวมาได้แล้วหล่ะนะแล้วจากนั้นก็วาร์ปมาที่เมืองหลวง ในซอกตึกที่นึงใกล้ๆกับทางเข้าพระราชวังโห... มองดูจากตรงนี้ยังเห็นรูที่เจ้าชายมันทำพังไว้อยู่เลย...เดี๋ยวไม่สิ... เราเป็นคนทำนี่หว่า คง
หลังจากที่การแสดงของฉันดำเนินมาได้ซักพัก จุดจบก็มาถึงโดยที่ฉันเป็นคนจัดการปิดคดีได้อย่างดงามถึงช่วงกลางๆจะโดนคุณโรนี่แย่งซีนก็เถอะ แต่ตอนจบก็กู้หน้าคืนมาได้อ่ะนะ...จากนั้นริออนที่ถูกฉันต่อยจนสลบก็ถูกพวกฟรอนกับคาลอสคุมตัวไปส่วนไอ้ปีศาจนั่นฉันปล่อยให้มันหนีไปเองด้วยเหตุผลทางด้านผลประโยชน์ในอนาคตแต่ทางฝั่งนั้นอาจจะกำลังคิดว่าหนีฉันพ้นอยู่ก็ได้หล่ะนะ... แต่ปล่อยให้คิดแบบนั้นก็ดีเหมือนกันแล้วหลังจากเรื่องจบ ฉันก็ไม่อยู่รอดูสถานการณ์หรอกนะเพราะว่าเป็นห่วงทุกคน ฉันเลยรีบผละตัวออกมาในทันทีที่มีโอกาสก่อนหน้าที่จะออกมาก็มีถูกพระราชานัดพบเป็นการส่วนตัวด้วยอยู่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ แล้วก็คงคิดจะคุยถึงเรื่องต่อจากนั้นนั่นแหล่ะเป็นไปตามแผนเลย ฉันคิดจะใช้โอกาสนี้ต่อรองกับราชาอยู่แล้ว…แล้วพอวิ่งออกมาถึงจุดนัดพบในซอกตึกรามบ้านช่อง ก็เจอกับทุกคนโชคดีไป... ดูเหมือนทั้งมีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย โล่งอกไปที...กลับกันแล้วพวกเธอเป็นห่วงฉันสุดๆเลยชาลอตก็เอาแต่บอกว่า〝 นายท่านอย่าเสี่ยงไปคนเดียวแบบนั้นอีกเลยนะคะ! 〞ส่วนซาช่าก็〝 ตอนที่นายท่านกระโดดเข้าไปหาลูกบอลแปลกๆนั่น...
〝 อั๊ก!!! 〞 เจ้าชายออริออน... ริออนกุมมือขวาของตัวเองด้วยความเจ็บปวด เพราะได้รับผลกระทบจากการถูกยิง ต้องบอกว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่อัญมณีรับความเสียหายแทนไปเกือบหมด ไม่งั้นมือของเขาคงขาดไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะความเจ็บปวดที่แล่นจากมือขวาไปสู่ทั่วทั้งร่างนี่แหล่ะ ทำให้ริออนดึงสติของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งวูม!!!!!!———〝 อะ อา.... 〞 ริออนรำพึงอยู่ในลำคออย่างน่าเวทนา ในตอนที่แสงสีแดงจากวงเวทย์สว่างน้อยลงพร้อมๆกับวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ค่อยๆจางหายไปจากท้องฟ้ายามค่ำคืน จนในที่สุดแสงสว่างสีแดงฉานก็อันตรธานหายไปจากท้องฟ้า เช่นเดียวกับวงเวทย์ขนาดมหึมา ทำให้แสงจันทร์ส่องลงมาถึงพื้นดินอีกครั้ง แต่ยังคงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเนื่องด้วยความสับสนของชาวเมืองอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าทุกคนปลอดภัยดีแล้ว และไม่มีใครได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยซักคน ความสิ้นหวังเข้าคลุมสติของริออนในพริบตา อย่างที่เขาว่าไว้… เมื่อพริบตาที่ความหวังใกล้จะสัมฤทธิ์ผลถูกทำลายลง นั่นคือความสิ้นหวังอย่างที่สุด... และนั่นก็ทำให้สีหน้าของริออนเปลี่ยนจากสิ้นหวังไปเป็นอาฆาตแค้นแทน แ
〝 น่าตกใจจริงๆ… นี่รู้อยู่แล้วหรอกเหรอว่าข้าเป็นคนร้าย? 〞 เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง... เจ้าชายออริออนถามกรออกมาด้วยแววตาและท่าทางหยิ่งยโส พร้อมกับเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาไปในตัว ว่าตัวเองคือคนร้ายตัวจริง ในขณะที่มองกรลงมาจากเบื้องบน〝 ก็นะ... เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้เองแหล่ะ แสบจริงนะให้ตายสิ... 〞กรพูดออกมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แล้วก็เดินเข้ามาทางเจ้าชายออริออนมากกว่าเดิม เหล่าสมุนเล็บโลหิตตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีกันเต็มที่ แต่ยังไม่มีใครกล้าเริ่มโจมตีกรก่อน ทั้งด้วยความกลัวพลังที่ต่อกรกับพวกของตนระหว่างทางได้อย่างง่ายดาย แถมผ่านมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วนก็ด้วย แต่ประเด็นสำคัญคือจิตสังหารอันหนักอึ้ง ราวกับถูกน้ำตกซัดสาดนั่นของกรต่างหาก ที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าขยับตัว〝 งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกัน... 『อุปกรณ์ตัวหลัก』 อยู่ที่ไหน? 〞 กรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว นั่นทำให้เหล่าเล็บโลหิตจำนวนเกินครึ่งยืนตัวสั่นได้ ไม่สิ... แม้แต่ชายเผ่าปีศาจที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าชายออริออนยังแอบสั่นเลยด้วยซ้ำ มีเพียงโรนี่ที่ใจเย็
หลังจากที่แอบย่องขึ้นมาบนชั้นสอง แล้วมองลอดเข้าไปในห้องที่จับสัมผัสวิญญาณได้พวกเราก็เจอกับเด็กผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนขอบระเบียงเป็นภาพที่น่าแปลก... เพราะเธอคนนั้นโปร่งแสงจนมองทะลุไปถึงท้องฟ้าที่เป็นฉากหลังเลยเนี่ยสิถ้างั้นก็ไม่ต้องสงสัย... เด็กคนนั้นคือวิญญาณที่กำลังตามหาอยู่แน่นอน กรคิดแบบนั้นพลางมองไปยังเด็กสาว ส่วนทางเด็กสาวนั้นกลับหันมามองทางกรในเวลาเดียวกัน〝 เอ่อ... ไม่ต้องหลบหรอกนะคะ คือหนูเห็นตั้งแต่เข้ามาในคฤหาสน์แล้วหล่ะค่ะ 〞เสียงกังวานของเด็กสาวพูดขึ้นมา โดยในน้ำเสียงมีความเอียงอายเล็กน้อย แล้วพอเด็กสาวพูดแบบนั้น กรก็ให้สัญญาณทุกคนเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้องทันที〝 เข้าใจหล่ะ โทษทีนะที่บุกรุกเข้ามา 〞เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างสุภาพ ก็เป็นมารยาทเช่นกันที่กรจะตอบกลับไปแบบเดียวกัน〝 ไม่หรอกค่ะ... เอาจริงๆในรอบ 10 ปีมานี้มีคนเข้ามาในคฤหาสน์นับคนได้เลยหล่ะค่ะ มีคนบ้างแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน 〞เด็กสาวยิ้มตอบกรอย่างเป็นมิตร พร้อมกับลอยตัวจากขอบระเบียงมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกกร สภาพแบบนั้นทำเอาพวกกรประหลาดใจไม่น้อย เว้นเสียแต่ซาช่าที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่〝 นี่เธอเป