ก๊าซซซซ!!!!!!!!
เสียงร้องแหลมๆแสบแก้วหูคล้ายกับของสัตว์เลื้อยคลานเช่นกิ้งก่า ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิดของดันเจี้ยนชั้นที่ 75 ซึ่งมีสภาพแวดล้อมเป็นถ้ำหินแกรนิตสีน้ำตาล ผิวขรุขระไม่สม่ำเสมอกันตลอดแนว ส่วนพื้นเองก็ทำจากวัสดุแบบเดียวกัน แต่ที่แตกต่างก็คือ มันเรียบเนียนตลอดจนสุดสายตาราวกับถูกปูด้วยกระเบื้องอย่างประณีตเลยทีเดียว ซ้ำยังไม่มีรอยต่อให้เห็นราวกับมันเป็นเนื้อเดียวจริงๆอีกต่างหาก
ก๊าซซซซ!!!!!!!!
เสียงร้องโหยหวนอันแสดงถึงอาการบาดเจ็บสาหัสของมอนสเตอร์ตัวเมื่อครู่ยังคงร้องลั่นอย่างต่อเนื่องเพราะมันได้เสียแขนขวาไป และที่มาของเสียงร้องนั้นก็คือ『 ครอกโคแมน 』 ซึ่งเป็นมอนสเตอร์รูปร่างจระเข้ผิวสีเขียวขี้ม้าสูงกว่า 2 เมตร มีรอยตะปุ่มตะป่ำอยู่ทั่วร่าง แต่ที่แปลกประหลาดกว่าจระเข้ทั่วไปคือ ครอกโคแมนที่ว่ามันยืนสองขา สวมชุดเกราะหนักอย่างรัดกุมโดยโผล่ส่วนที่เป็นเนื้อหนังให้เห็นแค่บริเวณลำคอและใบหน้าเท่านั้น ทั้งยังถือขวานเหล็กขนาดใหญ่ไว้ด้วยมือทั้งสองข้างอีกต่างหาก เพิ่มเติมคือเจ้าจระเข้เดินสองขาตัวนี้มันสวมหมวกกันกระแทกและแว่นกันลมแบบเดียวกับนักบินของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 1 ไว้ด้วย เลยทำให้มอนสเตอร์รูปร่างมนุษย์จระเข้ตัวนี้ดูน่าเกรงขาม แข็งแกร่งและไร้ช่องโหว่ ราวป้อมปราการเคลื่อนที่ก็มิปานเลยทีเดียว
〝...เรียบร้อย〞
แต่แน่นอนว่า แม้ 『ครอกโคแมน 』 ที่ว่ามาจะมีระดับความยากสูงมากและแข็งแกร่งแบบสุดๆก็ตามที แต่ก็ยังเป็นได้แค่มอนสเตอร์ระดับปลายแถวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่เหนือกว่าดังเช่นสัตว์ประหลาดเช่นกรและมีอา เห็นได้จากแม้มันจะมีเกราะหนาและแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ก็ยังถูกกรใช้เคลเบรอสซอร์ดฟันผ่านปลอกแขนเหล็กจนแขนขาดกระเด็นได้อยู่ดี กรจึงประกาศความสำเร็จเล็กๆของตนแก่มีอาที่อยู่ด้านหลังเพื่อให้เตรียมพร้อมด้วยเสียงเรียบๆ เพราะเขาได้ตัดความรู้สึกอันเป็นกิจก่อนสู้ดังเช่นทุกครั้งนั่นเอง
แต่แม้ทั้งสองคนจะแข็งแกร่งขึ้นและมีความเข้ากันได้สูงจนผิดหูผิดตากับเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่หากเจอครอกโคแมนทีเดียว 10 ตัวก็หืดขึ้นคอได้เช่นกัน แต่หนนี้ต้องเรียกว่าเป็นโชคดีอย่างยิ่งเพราะทั้งสองคน เจอกลุ่มที่มีเพียง 3 ตัวเท่านั้น เลยทำให้ศึกครั้งนี้เหมือนกับเป็นการชกมวยผิดคู่ไปเลย
〝มีอา การโจมตีสุดท้าย... เช็ค!〞
〝รับทราบ!〞
หลังจากที่กรทำการฟันแขนขวาของครอกโคแมนจนขาดสะบั้นไปแล้ว เลยทำให้ขวานยักษ์ซึ่งเป็นอาวุธเพียงหนึ่งเดียวของมันหล่นลงพื้นเสียงดัง จนตอนนี้เจ้ามนุษย์จระเข้อยู่ในสถานะไร้อาวุธและไร้ทางสู้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นจึงเป็นสิ่งยืนยันให้ทั้งคู่ทำการโจมตีเผด็จศึกครั้งนี้ได้เกือบจะแน่นอน จะเหลือก็แต่การบั่นคอมันลงให้ตายสนิทเพื่อความแน่ใจก็เท่านั้นเอง
ตู้ม!!!
ทันทีที่กรสั่ง มีอาก็ถีบตัวเองออกไปประจันหน้ากับครอกโคแมนที่กำลังเสียหลักอยู่ในทันที ในขณะเดียวกันก็ก้มตัวลงต่ำจนแทบจะนั่งยอง พลางเงื้อมดาบเอสต็อคสีดำในมือซ้ายอันมีชื่อว่า『แบล็คเอสต็อคออฟเคออส』 ซึ่งเป็นของหายากระดับสูงสุด SSS ที่ดรอปมาจากบอสมังกรห้าหัวในครั้งก่อนไปข้างหลังเพื่อเตรียมที่จะทะลวงหน้าอกของครอกโคแมน จากนั้นก็ลากดาบของตัวเองที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยออร่าสีแดงสดเป็นแนวตรงราวกับลูกธนูโดยเหลือทิ้งไว้แต่เพียงเส้นสีแดงราวกับดาวหาง แต่นั่นไม่ได้เกิดมาจากผลพิเศษของดาบแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะ『เวทย์มนต์สนับสนุน』แบบใหม่ของกรที่เพิ่งได้รับมาตอนจุติครั้งที่ 3 ต่างหาก
แต่ครอกโคแมนนั้น ไม่ได้มีท่าทียอมจำนนแม้แต่น้อย เพราะในจังหวะเดียวกับที่มีอาพุ่งเข้ามาทางมันเป็นเส้นตรง ครอกโคแมนก็กำหมัดซ้ายที่เหลือและเงื้อมไปด้านหลังเพื่อทำการเคาน์เตอร์การพุ่งแทงของมีอาเพื่อที่จะโจมตีสีข้างด้านขวาของเธอนั่นเอง ตัวมีอาที่พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วระดับสุดยอดก็ไม่ใช่ว่ามองไม่เห็นการโจมตีของมัน กลับกันเสียอีก เธอมองเห็นมันทั้งหมดได้อย่างทะลุปรุโปร่งเลยด้วยซ้ำไป แต่มีอาก็ยังคงพุ่งต่อไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเลและไม่ได้มีความกลัวที่จะถูกหมัดนั่นกระแทกเลยซักนิด นั่นก็เพราะด้านหลังของมีอา มีคนที่เธอรักและเชื่อจนหมดหัวใจว่าจะสนับสนุนเธอได้ทุกสถานการณ์หนุนหลังเธออยู่นั่นเอง
เปรี้ยง!
ก๊าซซซซ!!!!!!!!
แน่นอนว่ากรเองก็เห็นการโจมตีที่เล็งไปยังสีข้างของมีอาเช่นกัน กรจึงไม่รอช้าที่จะยิงกระสุนเน้นการทำลายล้างแบบหัวรูด้วย『Taurus』ในมือซ้ายอย่างรวดเร็ว จากนั้นกระสุนก็ควงสว่านออกมาจากปากกระบอกปืนพุ่งผ่านข้างๆใบหน้าของมีอาไปทางขวาของเธอเล็กน้อย และกระทบเข้ากับบริเวณหัวไหล่ซ้ายของครอกโคแมนอย่างรุนแรงจนเกิดช่องว่างเป็นวงกลมขนาดใหญ่พอสมควร เนื้อหนังและชุดเกราะเองก็หายไปจนหมดในเวลาเดียวกับที่กระสุนปะทะเข้าที่บริเวณนั้น
〝ย้า!!!〞
ฉึก!!!
ก๊าซซซซ!!!!!!!!
ในจังหวะเดียวกับที่แขนซ้ายของครอกโคแมนล่วงหล่นลงพื้นตามแรงโน้มถ่วง ปลายดาบของมีอาที่พุ่งมาด้วยความเร็วสุดยอด บวกกับสเตตัสด้านความเร็วของเธอจนแทบจะก้าวพ้นกำแพงความเร็วเสียงได้เลย ทั้งยังถูกบัฟด้วยเวทย์สนับสนุนของกรเข้าไปอีก
แล้วผลลัพธ์ที่เกิดจากการโจมตีของมีอาก็คือ บริเวณหน้าอกของครอกโคแมนเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่ขึ้นมา และแน่นอนว่าจากนั้น ครอกโคแมนที่สูญเสียอวัยวะภายในไป ก็หงายหลังแล้วก็ล้มลงนอนจมกองเลือดดังเช่นหลายๆศึกที่ทั้งสองคนผ่านมา...
〝ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ... ได้รับการยืนยันเรื่องเลเวลอัพ... ยืนยันถึงการเสียชีวิตของทาเก็ตทรี... เช็คเมท!〞
แล้วพอกรเดินเข้ามาเพื่อตรวจสอบครอกโคแมนที่นอนหงายท้องอยู่ และเป็นที่แน่ชัดว่ามันตายสนิทดีแล้ว ก็ทำการประกาศจบศึกในแบบของตัวเองราวกับเครื่องจักร และไม่รอช้ากรและมีอาก็ทำการปลดสถานะต่อสู้ของตัวเองออกในทันที โดยกรทำการเก็บเคลเบรอสซอร์ดกลับเข้าฝักและนำปืนของตัวเองกลับเข้าสู่มิติส่วนตัว มีอาเองพอปลดสภาพดาบของ『แบล็คเอสต็อคออฟเคออส』ลง แล้วถ่ายเวทย์ลงไป ดาบเอสต็อคในมือซ้ายก็เปลี่ยนรูปร่างเป็นแหวนและสวมกลับเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอเช่นเดิมในทันที
.
.
〝เฮ้อ! จบซักที มีอา โอเคใช่ไหม!〞
〝อื้ม! สบายมากเลย〞
หลังจากที่จบศึกและสภาพการณ์ทั้งหมดเข้าสู่การผ่อนคลายลงแล้ว สิ่งแรกที่กรทำอยู่เสมอก็คือ การตรวจสอบสภาพร่างกายของมีอาก่อนเหนือสิ่งอื่นใดนั่นเอง
ตัวมีอานั้น ตอนนี้ไม่ได้สวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลแบบทะเลทรายเหมือนเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้ว แต่ได้เปลี่ยนไปสวมเกราะอกเหล็กกล้าซึ่งซ้อนทับเสื้อเอวลอยสีดำรัดรูปอีกที จากนั้นก็สวมทับอีกชั้นด้วยเสื้อคลุมหนังมังกร สวมที่รัดแขนทั้งสองข้างที่ต้นแขนในระดับเกือบจะถึงหัวไหล่ ส่วนข้างซ้ายจะพิเศษหน่อยคือมีระบายติดอยู่ แล้วต้นแขนซ้ายยังมีปลอกแขนเหล็กกล้าซึ่งทำจากวัสดุเดียวกับส่วนเกราะอกอยู่ด้วย ส่วนด้านล่างเธอได้เปลี่ยนมาสวมกระโปรงสั้นสองชั้นติดระบายแทน พร้อมทั้งสวมเข็มขัดที่ประดับด้วยขนนกสองอันซ้อนกัน ไว้อย่างหลวมๆ สวมถุงน่องสีดำที่มีลายกางเขนสีแดงอยู่รอบๆขอบอีกด้วย
จากที่ว่ามา ทั้งหมดเป็นชุดเกราะและอุปกรณ์ระดับ SSS ทั้งหมด แม้กระทั่งที่รัดแขนเองก็เช่นกัน แถมทั้งหมดยังเพิ่มสเตตัสและมีผลพิเศษหมดเลยด้วย จะมีก็เพียงแต่รองเท้าบูทของเธอนั่นแหล่ะที่ยังคงใช้คู่เดิมอยู่ นั่นเพราะรองเท้าบูทคู่นี้ เป็นสิ่งของอย่างแรกที่กรมอบให้เธอ มีอาจึงต้องการที่จะสวมมันไว้ตลอดนั่นเอง
〝ดะ เดี๋ยวก่อนมีอา!!!〞
〝เอ๋! อะไร อะไรเหรอ!〞
หลังจากที่จบศึกได้ครู่หนึ่งกรก็ตะโกนออกมาอย่างนั้นจนดังลั่น ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหามีอาที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยราวๆ 5 เมตรในทันที นั่นเลยทำให้มีอาที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อและส่ายๆหน้าไปมาด้วยความกังวล แล้วพอกรเข้าไปถึงตัวมีอาก็...
〝เวรเอ้ย! ขอโทษนะมีอา ผมของเธอมันไหม้นิดหน่อยตอนที่ฉันยิงกระสุนออกไปเมื่อกี้〞
〝ระ เรื่องนั้นเองหรอกเหรอ?〞
〝อย่าพูดเหมือนเป็นเรื่องเล็กแบบนั้นสิ〞
จากนั้นกรก็จัดการลงทัณฑ์ตัวเอง โดยการกำหมัดแล้วเขกศีรษะตัวเองอยากแรง จนร้อง〝โอ้ย!〞 ออกมาเบาๆเลยทีเดียว ก่อนที่จะใช้เวทย์รักษาเพื่อคืนสภาพเส้นผมของมีอาให้กลับมาเป็นเช่นเดิม แต่มีอาที่อยู่ใกล้ๆนั้นไม่ได้ห้ามกรทำร้ายตัวเองแต่อย่างใด จะว่าเพราะที่กรทำครั้งนี้มันไม่ใช่ครั้งแรกก็ถูก แต่สาเหตุที่มีอาไม่ห้ามน่าจะเป็นเพราะถึงห้ามไปกรก็ไม่ฟังอยู่ดีต่างหาก
มีอาที่เอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังเช่นทุกทีกับเหตุผลของกร แต่ก็ไม่ได้ดูอยู่เฉยๆอย่างเดียว เพราะเธอได้ทำการเขกศีรษะของตัวเองเป็นเพื่อนกรไปพร้อมๆกัน และที่น่าขันก็คือ เธอเองก็ดันเขกแรงเกินไปจนร้อง〝โอ้ย!〞ออกมาด้วยเสียงแหลมเล็กๆราวกับหนูแฮมสเตอร์ตัวน้อยน่ารักน่าชังร้อง จี๊ดๆ! เช่นเดียวกับกรไปซะอย่างงั้น
〖เจ้าหนู… เจ้านี่เป็นพวกเห่อแฟนรึไงกัน? นี่สิน้า ที่เขาว่ากันว่า... ความรักทำให้คนเปลี่ยนหน่ะ〗
〝หนวกหูน่าเจ้าหมา! แกไม่เห็นรึไงฟ่ะ นี่คือเส้นผมของมีอาเชียวนะ! ส่วนหนึ่งของมีอาเลยเชียวนะ! ถ้าเกิดเส้นผมอันงดงามและนุ่มสลวยของเธอเป็นอะไรขึ้นมา——— อ๊ะ!〞
เดี๋ยวสิ! ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะเฟ้ย!
เหมือนกับว่าตัวฉันพูดอะไรบ้าๆ ที่หน้าอายโคตรๆออกไปเลยไม่ใช่เหรอ
บ้าชิบ! เผลอพูดสิ่งที่คิดออกไปหมดเลยไม่ใช่รึไงฟ่ะเนี่ย!
อ้ากกกกก!!!!! อายโคตร!
ถึงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่พูดก็เถอะ แต่ก็ยังอายอยู่ดี
อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ! ใครจะไปวางตัวถูกกันเล่า!
ก็ตัวกระผมไม่เคยมีแฟนจริงๆจังๆเลยนะขอรับ และแน่นอนว่าไม่นับพวกเกมจับสาวกับเอโรเกะทั้งหลาย!
ไม่สิ... ถ้านับไอ้พวกที่ว่ามาเมื่อกี้ไปด้วยหล่ะก็ ตัวตนของฉันต้องมีปัญหาแหงๆ ...หมายถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์ของฉันหน่ะนะ
ให้ตายสิ !!! ว่าไปแล้ว... ไอ้ตัวเราที่คิดแบบนี้กับพูดแบบนั้นออกไปเนี่ย ฟังดูโรคจิ———
〖...โรคจิต〗
〝หุบปากไปเลย!!! แล้วก็เลิกอ่านใจกันซักทีได้แล้วเฟ้ย!!〞
〝อุ๊ป! ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!———〞
และต่อหน้าการโต้เถียงของเคลเบรอสกับกรราวกับมีเวทีตลกคาเฟ่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ปานนี้ มีอาจึงไม่พ้นที่จะหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงและจริงใจ ทั้งยังยิ้มออกมาเสียจนกว้างดังเช่นทุกทีที่ผ่านมาเลยทีเดียว
〝เฮ้ยๆ! มีอา ไม่เห็นต้องหัวเราะลั่นขนาดนั้นเลยนี่นา〞
〝ฮะฮ่ะ ขอโทษๆ... ก็คุณหมากับกรหน่ะ อุ๊ป! ทั้งสองคนตลกสุดๆเลยนี่นา〞
〝สองคนเหรอ? เดี๋ยวๆ แต่ไอ้คุณหมาที่เธอพูดถึงหน่ะมันเป็นดาบนะ!〞
〖ข้าเองก็มีร่างมนุษย์เหมือนกันนะ อะแฮ่ม!〗
〝ไม่ต้องมาอะแฮ่มเลย! ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันฟ่ะ! หมาก็เป็นหมาวันยันค่ำนั่นแหล่ะเฟ้ย!〞
〝เจ้าหนู! อยากโดนซัดคว่ำรึไงหา!!!〞
〝โห๋!!! ทั้งที่เป็นดาบหน่ะเหรอ!〞
〝ฮึ่ย!〞
〖ฮึ่ย!〗
แล้วจากนั้นกรก็ชักเคลเบรอสออกมาจากฝักหันปลายดาบชี้ฟ้าด้วยมือสองข้าง พลางจ้องตากับเคลเบรอสที่เป็นรูปสลักบนดาบ เคลเบรอสเองก็จ้องตากรกลับเช่นกันราวกลับจะกินเลือดกินเนื้อกัน ทั้งยังดุเดือดจนถึงกับเห็นภาพลวงว่ารอบๆทั้งคู่มีไฟลุกอยู่ยังไงอย่างงั้นเลย
〝ฮะฮ่ะ ไม่ไหวแล้วๆ! ฮะฮ่ะฮ่ะ!!!〞
〖เดี๋ยวสิคุณหนู! พวกข้าทะเลาะกันเพราะมีคุณหนูเป็นสาเหตุ———〗
〝หุบปากไปเลยเฟ้ย! มีอาเองก็ขอทีเถอะน่า ฉันพยายามสุดๆเลยนะ ที่จะไม่เป็นตัวตลกต่อหน้าเธอหน่ะ 〞
〝มะ ไม่เห็นต้องกังวลแบบนั้นเลยนี่นา! แล้วอีกอย่าง เรื่องเมื่อกี้…〞
〝!!!!〞
ชึบ!
〝ฉันหน่ะ... ดีใจจริงๆนะ ที่นายเป็นห่วงหน่ะ!〞
แล้วมีอาก็พุ่งเข้ามาควงแขนขวาของกรทั้งที่ยังจับดาบอยู่ อย่างแนบแน่น(แบบสุดๆ)จนหน้าอกของเธอเบียดเสียดเข้ามาถึงขนาดที่กรสัมผัสมันได้ตรงๆเลยทีเดียว กรที่ตอนนี้หน้าแดงแบบสุดๆเพราะโดนการจู่โจมอย่างกระทันเข้าไปจึงรีบเปลี่ยนเรื่องในทันที แต่ก็ไม่เป็นผลเลยซักนิด นั่นก็เพราะ...
〝ธะ เธอเห็นฉันเป็นแบบนั้นแล้วพอใจงั้นเหรอ?〞
〝อื้ม! กรจะเป็นแบบไหน... ฉันก็รักที่สุดอยู่แล้ว!!!〞
ปิ้ว!!!
แล้วกรก็โดนดาเมจอันรุนแรงเข้าไปอีกครั้งราวกับถูกศรแห่งความรักปักกลางขั้วหัวใจโดยไม่ได้ตั้งตัวอีกครั้ง จนตอนนี้สติสตังของกรแทบจะลอยหายไปในกลีบเมฆเลยทีเดียว
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
จะน่ารักเกินไปแล้ว! เธอนี่มันโมเอะเกินไปแล้ววววววววววววว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ขี้โกง! แบบนี้มันขี้โกงนี่นา พูดแบบนั้นออกมาได้อย่างหนักแน่น ทั้งยังยิ้มแป้นอยู่เลยงั้นเหรอออออออออออ!!!!!!!!!!
ทำไมถึงใจกล้าขนาดนั้นได้ฟ่ะเนี่ย! ที่โลกนี้ผู้หญิงเป็นแบบนี้กันหมดงั้นเหรอเนี่ย?
ไม่สิ! ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจหรอกนะ! ก่อนหน้านี้เราก็พูดอะไรหน้าอายเหมือนกัน ถึงจะคนละความหมายเลยก็เถอะ
นี่พวกเรา... กลายเป็นคู่รักติ๊งต๊องไปแล้วรึไงกันฟร้า!!!!
ไม่ไหวๆ! ทำยังไงก็ชนะมีอาไม่ได้แหงๆ ดาเมจรุนแรงเกินไป ภูมิต้านทานด้านผู้หญิงเรายิ่งต่ำๆอยู่
ก็แหม ขนาดพวกรินเองก็เถอะ ถึงเข้ามานั่งใกล้ๆก็ยังใจเต้นเป็นบางครั้งเลยนะ
ถึงความจริงแล้วจะเป็นปัญหาด้านหน้าตาก็เถอะ... ก็ทุกคนน่ารักออกนี่เนอะ แน่นอนว่ามีอาก็ด้วย!!!
〝คุณหมาเองก็ด้วย! ไม่เห็นต้องแกล้งกรเลยนี่นา〞
〖กะ แกล้ง? ข้าคนนี้งั้นเหรอ!!! ข้าว่าดูยังไงมันก็เป็นความผิดของพวกข้าทั้งคู่ไม่ใช่รึไง!!! มันจะสองมาตรฐานไป———อึก!〗
จากนั้นมีอาก็ยื่นหน้าออกมาข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อติเคลเบรอสทั้งที่ยังควงแขนของกรอยู่ แล้วทันทีที่เคลเบรอสเถียงมีอากลับ มีอาก็กลับมาทำสีหน้ายันเดเระอีกครั้งจนเคลเบรอสหงอยลงทันตาทั้งยังร้อง เอ๋ง! ออกมาเบาๆด้วยความหวาดกลัวอีกด้วย ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือมีอาไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำแต่ก็ยังทำให้เคลเบรอสและกรที่เป็นคนดูอยู่เงียบๆ เหงื่อตกได้เลยทีเดียว
〝ขอโทษครับ〞
〖ขอโทษขอรับ〗
〝อ๊ะ! ขอโทษนะคุณหมา ฉันลืมตัวไปนิดหน่ะ〞
แล้วกรกับเคลเบรอสก็ขอโทษมีอาขึ้นมาพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง ต่อหน้ามีอาในร่างสุดยอด『อัลติเมทมีอา(ชื่อไม่เป็นทางการ)』สุดแกร่งนี้ ต่อให้ทั้งคู่เถียงกลับไปขนาดไหนโอกาสชนะก็คือ 0% อย่างแน่นอน(ชื่อดังกล่าวเป็นชื่อที่แอบตั้งโดยกรและเคลเบรอส) ไร้ซึ่งวิธีเลี่ยง ไร้ซึ่งวิธีต่อกร จะเรียกว่ามีอาในร่างนี้คือบอสลับที่รังสรรค์โดยพระผู้เป็นเจ้าก็ไม่ผิดเพี้ยนไปเลย
.
.
〝งั้น กร คุณหมา! เราไปกันต่อเถอะนะ!〞
〝อะ อื้ม!〞
พอกรเก็บเคลเบรอสเข้าฝักแล้ว ทั้งคู่ก็เดินออกไปจากบริเวณนี้ในทันทีเพื่อมุ่งไปยังห้องบอสของชั้นที่ 75 ขณะที่เดินไปมีอาก็ยังคงควงแขนของกรและนำอาวุธของผู้หญิงของเธอกดทับไปที่แขนของกรเป็นพักๆ และแน่นอนว่ากรที่โดนแบบนั้นก็หน้าแดงเป็นพักๆเช่นกัน แต่พอมีอาก็หัวเราะ คิกคัก ออกมาอย่างร่าเริงและมีความสุขขณะที่เดินไปด้วยกัน กรที่เห็นแบบนั้นก็เลยอมยิ้มออกมาเล็กน้อยเพื่อตอบรับเธอ แล้วทั้งคู่ก็เดินหน้าไปเรื่อยๆเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ของตัวเองและอีกฝ่าย นั่นเลยทำให้กรนึกถึงเรื่องสำคัญๆในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาอีกครั้งหนึ่ง
.
.
อืม... จะว่าไปแล้วก็ผ่านมาได้ 5 วันแล้วสินะ หลังจากที่สู้กับไอ้มังกรบัดซบนั่นหน่ะ
จากตอนนั้นก็มีอะไรพัฒนาขึ้นหลายอย่างเลยแหล่ะ
เรื่องแรกเลยก็คืออุปกรณ์ของฉันกับมีอา...
อุปกรณ์ของฉันหน่ะ ยังคงใช้เสื้อโค้ทเหมือนเดิม เพราะให้ผลที่น่าพอใจอยู่แล้วหน่ะนะ จะมีก็แต่ลูกกระสุนกับตัวปืนนั่นแหล่ะที่สร้างใหม่ด้วยวัสดุที่ดรอปจากมังกรนั่นหน่ะ
เพราะเท่าที่ดู ความแข็งของมันสูงกว่าแร่ที่ดรอปจากเคลเบรอสเยอะโคตรเลย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะอยู่ที่ 20 กว่าๆ นั่นเลยทำให้ความสามารถในการสู้ระยะไกลของฉันเพิ่มขึ้นมากเลยหล่ะ
ส่วนเรื่องอุปกรณ์ของมีอา... ว่าไงดีหล่ะ เหมือนมีคนจงใจเลยแฮะ เพราะชุดเทพๆที่ดรอปมากจากไอ้มังกรนั่นหน่ะ เป็นชุดสำหรับผู้หญิงหมดเลยด้วย! ฉันก็เลยให้มีอาใส่(ก็แน่หล่ะ ตูจะไปใส่ได้ยังไงกันเล่า!)
โอ๊ะ! พอพูดถึงเรื่องอุปกรณ์ของมีอาก็นึกขึ้นได้อย่างนึง!
จากที่อ่านมาคงสงสัยกันหล่ะสินะ ว่าทำไมมีอาที่สวมเกราะเหล็กกล้าที่ส่วนอก พอเข้ามาควงแขนฉันแล้วฉันถึงได้รับรู้ถึงอาวุธชีวภาพ(หน้าอก)ของเธอได้อย่างชัดเจน
นี่มันไม่ใช่ปัญหาของผู้ใหญ่ หรือความผิดพลาดแต่ประการใดนะขอรับ ก็ไม่อยากจะโม้หรอกนะ แต่จริงๆแล้วฉันแอบทำอะไรกับเกราะของมีอานิดหน่อยหน่ะ
คืองี้... ถ้ายังจำได้ เกี่ยวกับเวทย์มนต์ชนิดใหม่ของฉัน『เวทมนต์โลหะ』นี่หน่ะ
มันมีเวทย์ที่สามารถทำให้วัสดุทุกชนิดยืดหยุ่นและบางขึ้นได้ โดยที่ไม่ทำให้ความแข็งลดลงได้ด้วยหล่ะเอ้อ!
แน่นอนว่าฉันทดสอบแล้ว... พอใช้เวทย์ที่ว่าไปแล้วลองใช้เคลเบรอสฟันดู ก็ปรากฏว่าทำได้แค่สร้างรอยขีดข่วนเล็กๆเหมือนเดิมเท่านั้นเอง
สุดยอดไปเลยใช่ไหมล่า! ทั้งที่นุ่มนิ่มแล้วก็บางเหมือนผ้าไหมเลยแท้ๆ
ชุดเกราะสุดยอด! เวทย์มนต์โลหะก็สุดยอด! ไม่สิ... ตัวฉันนี่แหล่ะสุดยอด!!!
แต่อย่าว่างู้นงี้เลยนะ... จะมองกระผมเป็นพวกหื่นก็ได้ (แต่ก็ได้รับฉายามาแล้วนี่น๊ะ! ถึงจะไม่ดีใจซักนิดก็เถอะ)
ก็แหม… เวลาถูกเนื้อต้องตัวกันเนี่ย จะให้รับสัมผัสความเย็นและความแข็งจากเหล็กไปมันก็น่าเศร้าเกินไปพอดีสิ อย่างตอนนี้ที่มีอาควงแขนฉันอยู่ก็ด้วย.... ถ้าเกิดเจอสัมผัสของเหล็กแข็งกระเด๊ะเข้าอย่างเดียวหล่ะก็ เสียอรรถรสกันพอดี
การรับสัมผัสความนุ่มนิ่มจากร่างของหญิงสาวคือความโรแมนซ์ของลูกผู้ชายนะเฟ้ย!!!!
แล้วไม่ต้องมาถามเลยนะว่าทำ『เรื่องอย่างว่า』ไปแล้วรึยัง?
ยังเฟ้ย!!!!! ยังไม่ได้ทำ แต่ไม่ทำไม่ได้หมายความว่าไม่อยากหรอกนะ!!!!
ประเด็นแรกเลยก็คือ อย่างที่บอกไปว่าทำแบบนั้นจะทำให้การเดินทางล่าช้า
ส่วนอย่างที่สองซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก... นั่นก็คือ... ตัวกระผมไม่มีเวทย์หรือสกิลที่ใช้『คุมกำเนิด』นั่นเอง ด้วยเหตุนี้เอง เลยทำให้ตัวกระผมต้องนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า
ก็แหม... ถ้าเกิดเผลอทำแบบนั้นด้วยความคิดชั่ววูบไปแล้วมีอาป่องขึ้นมาหล่ะก็ คงโดนพวกรินมองด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามแหงๆเลย...
นั่นหน่ะเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดที่สุดเลยหล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นขอตายยังจะดีซะกว่าอีก…
ด้วยเหตุที่ว่า... การ อะจึ๋ยๆ เลยต้องเลื่อนออกไปก่อนหลังพิชิตดันเจี้ยนและจนกว่าจะหาวิธีคุมกำเนิดเจอ ....ชิ!
เรื่องที่สองก็คือ หลังจากจบศึก ตัวฉันได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของระบบ『อัพคลาสอาชีพ』
ก็ตามความหมาย... มันก็คือการเพิ่มระดับความสามารถของอาชีพที่ผู้ใช้ถือครองอยู่ให้สูงขึ้นไป แล้วพอสูงถึงระดับนึง ก็สามารถ『เปลี่ยนคลาสอาชีพ』ได้ด้วยหล่ะ!
ยกตัวอย่างเช่น อาชีพ『นักดาบ』
หากใช้อาวุธประเภทดาบทำการต่อสู้หรือฝึกฝน รวมถึงใช้งานจิปาถะบ่อยๆเข้า ก็จะถึงจุดที่ค่าประสบการณ์เต็ม
อ้อ! ค่าประสบการณ์ของอาชีพกับของคนเราเป็นคนละส่วนไม่เกี่ยวข้องกันอีกด้วยนะ แล้วฉันก็เพิ่งสังเกตุนี่แหล่ะ ว่าค่าประสบการณ์อาชีพของฉันมันเต็มแล้วหน่ะ
แล้วพอเลเวลของอาชีพนั้นๆอัพแล้วหล่ะก็ จะทำให้ได้โบนัสค่าสเตตัสเพิ่มขึ้นด้วยนะเอ้อ!
แถมยิ่งเป็นอาชีพระดับสูงยิ่งได้โบนัสมากตามไปด้วย แล้วตามที่เคยบอก พออัพไปถึงจุดนึงจะสามารถเลือกได้ว่าจะเปลี่ยนไปสายไหน
อย่าง『นักดาบ』พอถึงเลเวล 3 แล้ว ก็สามารถเปลี่ยนไปเป็น『อัศวิน』『นักดาบทมิฬ』『นักดาบโล่』ฯลฯ ที่ไม่สามารถพูดให้หมดได้ก็เพราะมันมีเยอะเหลือเกินนั่นแหล่ะ แล้วขั้นต่อๆไปก็มีแตกแขนงมากขึ้นไปอีกนะ แต่แน่นอนว่าฉันมีทุกอาชีพอยู่แล้ว ก็จากหน้าต่างตั้งค่าอาชีพนั่นแหล่ะ
งั้นก็อย่าพูดพร่ำทำเพลงอยู่เลย ไหนๆก็ไหนๆแล้วก็ดูสเตตัสของฉันไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเถอะ....
ข้อมูลสเตตัส
『อุษณกร วัชรวิรุฬห์ 』เพศ ชาย อายุ 17 เผ่าพันธุ์ เทพเจ้า
『อาชีพ』 เลเวล 189
เทพนักดาบ(LV-2) ผู้ใช้ปืนขั้นสุดยอด(LV-2) จอมเวทย์ผู้เหนือล้ำ(LV-2)
『ฉายา』
【ทั่วไป】〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙,〘ไอ้หื่น〙,〘ราชาผู้พิชิต〙,〘นักดาบไร้พ่าย〙,〘เทพนักแม่นปืน〙 ,〘จอมเวทย์บรรพบุรุษ〙,〘อัพคลาสอาชีพขั้นสูง〙,〘เทพนักดาบ ระดับ 2〙,〘ผู้ใช้ปืนขั้นสุดยอด ระดับ 2〙, 〘จอมเวทย์ผู้เหนือล้ำ ระดับ 2〙
【จุติ】〘จุติแบบพิเศษขั้นสุดยอดที่หาได้ยากยิ่ง〙,〘จุติยักษาแบบพิเศษขั้นสุดยอด〙, 〘จุติเทพเจ้าแบบพิเศษที่หาได้ยากยิ่ง〙
【เฉพาะตัว】〘Give me Your Everything ?〙 ,〘กฎของชั้นก็คือกฎของนาย กฏของชั้นก็คือกฏของชั้น〙, 〘ผู้ก้าวล้ำสรรพสิ่ง〙,〘จิตวิญญานเหล็กกล้า〙,〘เหนือฟ้าใต้หล้า ทนทานทุกสิ่ง〙,〘กายาเหล็กไหล〙, 〘แขนยักษาแห่งการทำลายล้าง〙,〘Ogre Armor Form〙, 〘ออร่าแห่งทวยเทพ〙,〘ผู้หยั่งรู้〙,〘Sacred God Armor Form〙
《พลังโจมตี》 104,725,615 + 10,472,561
《พลังป้องกัน》 148,164,080 + 14,816,408
《พลังเวทย์》 144,536,615 + 14,453,661
《ความต้านทานเวทย์》 149,731,865 + 14,973,186
《ความว่องไว》 119,569,365 + 11,956,936
《พละกำลัง》 150,890,865 + 15,089,086
อา... ถึงร้อยล้านจนได้... บรรทัดเดียวไม่พอจนได้... มีโบนัสซะได้... ฉายาก็มีตั้ง 20 กว่าอันแถมมีแต่อันเกรียนๆซะได้...
เฮอะ! จนป่านนี้แล้วน้ำตาฉันไม่ไหลเพราะเรื่องพรรค์นี้แล้วหล่ะ...
นี่ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่พัฒนา———
ซะเมื่อไหร่กันฟ่ะ!!!
ตะ...แต่เอาเถอะ ไอ้เรื่องตบมุขที่สเตตัสถึงหลักร้อยล้านซักทีนี่หน่ะ ขอยกยอดไปไว้ครั้งหน้าก็แล้วกัน...
ก็นะ...ตอนนี้ไม่มีสมาธิเพราะโดนมีอาเกาะอยู่...
ขอดื่มด่ำไปกับความรู้สึกนี้แทนที่จะมานั่งตบมุขดีกว่า... อา〜มีความสุขสุดๆไปเลย
นอกเรื่องอีกแล้วแฮะ...
ส่วนอันนี้ก็เป็นของมีอาและก็แน่นอนว่ามีอาเองก็ได้อัพคลาสเหมือนกัน ถึงจะยังเปลี่ยนคลาสไม่ได้ก็เถอะ...
ข้อมูลสเตตัส
『มีอาน่า กาบริเอล』เพศ หญิง อายุ 17 เผ่าพันธุ์ ครึ่งเทพ
อาชีพ นักดาบ(LV-3) เลเวล 347
ฉายา 〘พลังแฝงเทพเจ้า〙,〘พรสวรรค์เทพเจ้าแห่งดาบ〙,〘อัพคลาสอาชีพ〙,〘นักดาบ ระดับ 3〙
《พลังโจมตี》 262,732 + 105,092
《พลังป้องกัน》 175,730 + 70,292
《พลังเวทย์》 349,730
《ความต้านทานเวทย์》 436,730
《ความว่องไว》 436,730
《พละกำลัง》 175,730
ส่วนถ้าถามว่าทำไมเลเวลอาชีพของมีอาถึงมากกว่าหล่ะก็... คิดว่าน่าจะเป็นเพราะระดับของอาชีพมันต่างกันนั่นแหล่ะ
เพราะอาชีพของเราเป็นของระดับสูง คงต้องใช้ค่าประสบการณ์มากกว่าในการอัพแต่ละครั้ง... ที่คิดออกก็มีแค่นี้นี่แหล่ะ...
อ๊ะ! สงสัยบ่นนานไปหน่อย... ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาถึงหน้าห้องบอสแล้วแฮะ!
❖❖❖❖❖〝 【เกรทเฮสต์!】【ฟาสต์เทส!】【มัสเคิลเบิร์ส!】【อันลิมิเต็ดรันนิ่ง!】【ฟลายอิ้งจั้มพ์!】【ฟอลคอนอายส์!】【ดาร์คเนสอายส์!】——— 〞
ทันทีที่กรและมีอาเดินมาจนถึงห้องบอสของชั้นที่ 75 กรก็ทำการใช้『เวทย์มนต์สนับสนุน』กับตัวมีอาในทันที โดยมีการบัฟตั้งแต่การเพิ่มค่าสถานะ การเพิ่มบัฟด้วยกันเองแบบลูกโซ่ การเพิ่มผลลัพธ์ของเวทย์อื่นๆ และอีกมากมายหลายประเภท ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ ตัวมีอาถูกล้อมรอบไว้ด้วยออร่าหลากสีสันเป็นจำนวนมาก
และก่อนหน้าที่กรจะทำการใช้เวทย์มนต์สนับสนุน ตัวเขาก็ทำการใช้แขนยักษาในการเพิ่มพลังเวทย์และทำการถ่ายโอนไปยังตัวมีอาล่วงหน้าไว้แล้วเพื่อการใช้งานแองเจิ้ลโหมดได้ทุกเมื่อ เผื่อในกรณีที่เลวร้ายอย่างเวทย์พันธะไม่ทำงาน รวมถึงการคิดแผนการต่างๆนานา เมื่อมาถึงกรก็ใช้เวลาทำสมาธิเพื่อคิดแผนการ รวมถึงความเป็นไปได้แบบต่างๆในหัวอยู่นานเกือบชั่วโมงเลยทีเดียว และพอกรทำการใช้เวทย์สนับสนุนบทสุดท้าย ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มการปะทะกับบอสเสียที
.
.
〝———【ลาสอบิลิตี้!】【ไอรอนฮาร์ท!】【มัลติสกิล!】【แคสติ้งลิมิตเตอร์!】
เฮ้อ! เอาหล่ะ ทีนี้การเตรียมความพร้อมก็เรียบร้อยหมดแล้ว! 〞
〝อื้ม! สุดยอดไปเลยหล่ะกร รู้สึกได้เลยว่าพลังเพิ่มขึ้น... แถมพลังเวทย์ที่ได้มาจากนายก็น่าจะใช้แองเจิ้ลโหมดได้เกือบชั่วโมงเลยหล่ะ! 〞
〝ใช่ไหมหล่ะ!〞
โอ้! มีอาภูมิใจในตัวเราด้วย
แบบนี้ก็ต้องแสดงด้านดีๆให้เค้าเห็นบ้างแล้วสิ!
หลังจากที่กรคิดเข้าข้างตัวเองไปแบบนั้น ก็เริ่มทำการทบทวนแผนการหลักกับมีอาในทันที โดยที่ไม่รู้เลยว่าแผนที่ตัวเองวางไว้เป็นอย่างดีกว่า 50 แผนหลัก 300 แผนย่อยจะพังครืนไม่เป็นท่าเหมือนทุกที
〝อะแฮ่ม! ถ้างั้นก็มีอา... เธอคงจำแผนการหลักได้ทั้งหมดแล้วใช่ไหม! 〞
〝อื้ม! ตะ แต่บอสคราวนี้เนี่ย... 〞
〝เรื่องแข็งแกร่งนั้นไม่ต้องสงสัย และแน่นอนว่าเราไม่อาจรู้ลักษณะและขนาดของมันล่วงหน้าได้... แต่ถึงแบบนั้นทั้งหมดก็อยู่ในการคาดการณ์ของฉันแล้ว เพราะงั้นสบายใจได้... พวกเราต้องชนะได้อย่างแน่นอน〞
แล้วกรก็บอกมีอาไปแบบนั้นพลางยกมือขวามาบังดวงตาราวกับเป็นกุนซือจอมเจ้าเลห์ยังไงอย่างงั้น ซึ่งนั่นเป็นการวางท่าที่กรคิดว่าเท่ที่สุดแล้วในสายตาตัวเอง และนั่นก็เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจให้แก่มีอานั่นเอง และแน่นอนว่ามันได้ผลแบบสุดๆ แต่ถึงกรไม่ต้องทำแบบนี้มีอาก็เชื่อใจเขาอยู่แล้ว แต่อย่างที่บอกว่ากรอยากจะดูดีต่อหน้าเธอให้มากขึ้นกรจึงทำแบบนั้นไป ส่วนผลลัพธ์ก็ตามที่คาด...
〝กร... เข้าใจแล้ว! ฉันเชื่อใจกรนะ... ต่อให้ศัตรูเป็นพระเจ้าฉันก็จะจัดการให้ได้เลย!!! 〞
อ่าห้า! ต้องแบบนี้สิมีอา!
มีอาเชื่อใจในตัวเราสนิทเลย... แต่เรื่องที่บอกว่าวางแผนไว้แล้ว ทั้งหมดนั่นไม่ได้โกหกเลยนะ
ก็นั่งคิดตั้งชั่วโมงนึง... ไม่สิ... ความจริงแล้ว เพราะเร่งกระบวนการคิดด้วยสุดยอดการประมวลผลไปด้วย คิดว่าเราน่าจะใช้เวลาไปวันกว่าๆเลยด้วยซ้ำ
เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอกน่า... คราวนี้แหล่ะวางแผนมาอย่างดี ไม่เหมือน 2 ครั้งก่อนที่ไม่ได้เตรียมตัวเลย
เพราะงั้นครั้งนี้ต้องชนะได้แบบไม่ต้องเสี่ยงตายแน่นอน!!!
แล้วกรที่คิดเข้าข้างตัวเองไปแบบนั้น ก็ต้องมานั่งเสียใจและหงุดหงิดตัวเองในภายหลังอีกครั้งหนึ่ง เพราะไม่ได้เตรียมแผนการรับมือมนุษย์ด้วยกันเอาไว้เลยนั่นเอง ซ้ำร้ายมนุษย์ที่เป็นบอสประจำชั้นที่ว่า ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่กรไม่ถูกโรคที่สุดอีกต่างหาก อันมีชื่อสามัญที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า『ผู้หญิง』นั่นเอง…
❖❖❖❖❖หลังจากที่กรและมีอาเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่ก็เปิดประตูที่ประดับด้วยเพชรพลอยและมีลวดลายอันวิจิตรงดงามตรงหน้าในทันที ลักษณะของประตูห้องบอสนี้จะว่าไปแล้ว มันมีลักษณะแบบเดียวกับเคลเบรอสเลย เพียงแต่ขนาดเล็กกว่ากันมาก เพราะประตูที่ทั้งคู่เปิดเข้ามานี้ มันสูงเท่ากับระดับความสูงของพวกกรคือประมาณ 2 เมตรเท่านั้นเอง
〝แปลกแฮะ!〞
〖จนป่านนี้แล้ว ไม่เห็นต้องตกใจกับสภาพในดันเจี้ยนแห่งนี้เลยนี่เจ้าหนู〗
〝แกก็พูดได้สิเจ้าหมา ก็แกรู้นี่ว่ามีอะไรรออยู่〞
〖อา ไอ้รู้มันก็รู้อยู่หรอก... แล้วถึงจะบอกรายละเอียดไม่ได้ แต่ก็พอบอกได้ว่าบอสในหนนี้หน่ะ น่ากลัวสุดๆสำหรับเจ้าเลย... ในหลายๆความหมาย〗
〝น่ากลัวงั้นเหรอ? แล้วทำไมเพิ่งมาบอก! ไม่สิ ถ้าพูดให้อยากแล้วจากไปแบบนี้ อย่าพูดซะดีกว่ามั้งเนี่ยเจ้าหมา!〞
ในจังหวะที่กรเปิดประตูเข้ามาก็เริ่มบ่นทันที ทั้งนี้ก็เป็นเพราะทิวทัศน์แรกที่เขาเจอก็คือ ทางเดินจากจุดที่ยืนอยู่เหมือนกับเป็นทางเดินไปสู่สนามกีฬายังไงอย่างงั้น นั่นเลยสร้างความแปลกใจให้แก่กรเป็นอย่างมาก
และเหมือนเดิม กรนั่นคิดว่ามานั่งกังวลตอนนี้ก็สายไปแล้ว ไม่ก็เสียเวลาเปล่า เขาจะปัดความกังวลออกจากหัวออกในทันทีแล้วก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงอีกครั้งโดยมีมีอาเดินตามหลังไปด้วยกัน จนกระทั่งออกมายังลานกว้างในที่สุด
〝นี่มัน... สนามกีฬาแบบวงกลม อัฒจันทร์... โคลอสเซียมงั้นเหรอ?〞
แล้วพอพ้นจากทางเดิน สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของกรและมีอาก็คือ ลานกว้างแบบวงกลมขนาดใหญ่พอๆกับหนึ่งสนามฟุตบอลมาตรฐาน ล้อมรอบไปด้วยกำแพงสูง 4 เมตร ส่วนด้านหลังกำแพงสูงขึ้นไปก็เป็นชั้นบันไดหลายสิบชั้นสูงขึ้นไปอย่างสม่ำเสมอ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คืออัฒจันทร์สำหรับไว้นั่งดูนั่นเอง แล้วโดยรอบอัฒจันทร์ที่ว่าก็มีคบเพลิงขนาดใหญ่ส่องไสวเป็นบริเวณกว้างอยู่จำนวนมาก ซึ่งแต่ละอันก็มีระยะห่างเสมอกัน
ทั้งหมดถูกสร้างด้วยวัสดุคล้ายๆกับหินอ่อน การออกแบบก็คล้ายคลึงกับแบบโรมัน กรจึงตีความตามที่เห็นไปแบบนั้น แล้วจากนั้นก็มีเสียงปริศนายืนยันความคิดนั้นของกรออกมาจากเงามืดของกำแพงในทันที...
〝เห๋———! รู้จักไอ้นี่ด้วยงั้นเหรอ... ก็พอมีความรู้รอบตัวอยู่บ้างเหมือนกันนี่ 〞
〝〝!!!!!!!〞〞
หลังจากที่กรถามออกไปแบบนั้น ก็ได้มีเสียงของหญิงสาวตอบกลับความคิดของกรออกมาจากจุดที่ลึกเข้าไปกลับมาในทันที กรและมีอาพอได้ยินเสียงของคนที่ไม่รู้จักก็ตั้งท่าป้องกันพร้อมกับเรียกอาวุธคู่ใจ『Taurus』ออกมา รวมถึงมีอาเองก็เปลี่ยนแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายให้เป็นดาบเอสต็อคมาถือด้วยมือซ้ายอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงก้าวเดินที่ลงน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ ค่อยๆเข้าใกล้ทั้งสองคนมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดเลยว่าที่มาของเสียงนี้ไม่ได้มีความเกรงกลัวพวกกรเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งต้นเสียงที่ว่าก้าวเท้าแรกออกมาจากเงามืดของกำแพง แล้วส่วนแรกที่โผล่มาก็คือขาของมนุษย์ที่สวมรองเท้าส้นสูงหุ้มข้อ กรก็เข้าใจได้เป็นอย่างแรกว่าต้นเสียงที่ว่าเป็นมนุษย์นั่นเอง
〝ไม่เลวๆ ปฏิกิริยาโต้ตอบใช้ได้เลยนี่〞
แล้วจากนั้น คนที่ออกมาจากเงามืดและชื่นชมทั้งสองคนด้วยเสียงเรียบๆก็คือ ผู้หญิงที่มีผมสีเขียวสดใสไว้ผมสั้นแสกขวา ด้านหลังผูกผมเปียยาวเสียจนเลยระดับเอวและผูกด้วยโบว์สีแดง ผมสั้นที่ดูยุ่งเหยิงเพราะไม่ได้จัดทรงของเธอ ถูกทำให้เรียบร้อยด้วยที่ติดผมสี่อัน โดยอันหนึ่งกลัดไว้ด้านหน้าทางขวา ส่วนที่เหลืออีก 3 ไว้สำหรับกลัดผมบริเวณด้านข้าง สวมชุดเอวลอยแขนยาวเปิดไหล่ที่มีเสื้อคลุมสวมทับอีกที ทั้งยังสวมกระโปรงที่ประดับด้ายผ้าด้านหน้าคล้ายกับผ้ากันเปื้อน แต่หากสังเกตดีๆจะเห็นว่ามีวงเวทย์ปักด้วยไหมอยู่บนนั้นมันจึงไม่ใช่ผ้ากันเปื้อนจริงๆแต่อย่างใด บริเวณขอบกระโปงมียางไว้สำหรับดึงตัวกระโปรงที่หลวมให้อยู่กับที่ บริเวณเอวก็มีสายรัดยางอีกอันไว้รักษาระดับเช่นกัน อีกทั้งเธอคนนี้ยังสวมถุงน่องทั้งสองข้างซึ่งทั้งสองข้างต่างก็มีสายรัดยางดึงไว้เช่นเดียวกับตัวกระโปรง แต่ถุงน่องด้านขวาของเธอแตกต่างจากด้านซ้ายอยู่นิดหน่อย เพราะมันถูกประดับไปด้วยอัญมณีหลากสีสันและหลากหลายรูปร่างอยู่ตรงบริเวณขอบอยากแหวกแนว จนดูน่าสงสัยไม่ใช่น้อย
〝บะ บ้าหน่ะ! ผู้หญิงงั้นเหรอ?〞
〝หึ! ไม่ใช่แค่ผู้หญิงธรรมดาหรอกนะ....〞
หลังจากที่หญิงสาวปรากฏตัวออกมาจากเงามืด จนกรและมีอาเห็นร่างของเธอหมดแล้ว สิ่งแรกที่กรสงสัยเลยก็คือ【ทำไมถึงมีคนมาอยู่ในห้องบอสได้ แถมยังเป็นผู้หญิงอีก】นั่นเลยสร้างความกระวนกระวายใจให้กรเป็นอย่างมาก เพราะสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าของเขา มันได้อยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของกรอีกครั้ง ดังเช่นที่เจอเมื่อ 2 ครั้งก่อน ในตอนที่เดินผ่านเข้ามายังห้องบอสนั่นเอง
แปลก! แปลกเกินไปแล้ว! ทำไมถึงมีคนมาอยู่ในนี้!
สุดยอดการประมวลผลตรวจจับชีพจรของเธอคนนี้ได้อย่างชัดเจน
ถึงจะไม่มั่นใจก็เถอะว่าเป็นมนุษย์รึเปล่า แต่เธอคนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาแบบเดียวกับเราและมีอา
แถมที่เธอบอกว่า ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาก็ด้วย... น่าสงสัยสุดๆไปเลย!
ไม่สิ! จริงๆแล้วที่เราสงสัยหน่ะไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่าเธอมาอยู่ในนี้ได้ไงหรอกนะ
ว่าไงดีหล่ะ... เสียงของเธอมันคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน———
〝ยินดีต้อนรับสู่『ห้องบอส』ประจำชั้นที่ 75!!!〞
〝เอ๋!〞
เฮ้ย! เดี๋ยวดิ... คำพูดแบบนั้นมัน ชัดเลย!!!
ไม่ต้องสงสัยเลย ทั้งสำเนียง น้ำเสียงและวิธีพูด เป็นเสียงที่เราเคยได้ยินมาตอนครั้งที่สู้กับเจ้าหมา... แล้วกับไอ้มังกรบัดซบนั่นก็ด้วย... ไม่ผิดแน่...
เสียงนี้มัน.... คุณผู้ประกาศไม่ใช่เหรอ?
และเพราะเรื่องนี้ เลยทำให้กรเอาแต่ตำหนิตัวเองจนหงุดหงิดอยู่คนเดียว ซ้ำยังอายจนแทบจะมุดท่อหนีเพราะวางท่าเสียใหญ่โตกับมีอาในตอนก่อนที่จะเข้ามาในห้องบอสอีกต่างหาก โดยหารู้ไม่ว่าความหมายของสิ่งที่เคลเบรอสพูดนั้นแท้จริงแล้วเป็นยังไง และนั่นเลยทำให้ตัวกรหลังจากนี้ รู้ซึ้งถึงคำว่า『คาดไม่ถึง』ในหลายๆความหมายจนได้ เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่มีนิสัยคล้ายคลึงกับตัวเองโดยไม่คาดคิดเช่นนี้
หลังจากที่กรและมีอา เข้ามาในห้องบอสของชั้นที่ 75 และพบเข้ากับหญิงสาวซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ปรกาศมาโดยตลอดตั้งแต่ที่กรลงดันเจี้ยนมาเข้า ก็เกิดประหลาดใจที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น และเกิดอาการหงุดหงิดอย่างแรงที่คิดไปเองคนเดียวว่า เรื่องที่การคาดการณ์ของตัวเองผิดพลาดนี้จะทำให้ตัวเขาดูโง่ในสายตาของมีอาขึ้นมา นั่นเลยทำให้กรที่ตอนนี้เกิดอาการหงุดหงิดปนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก บวกกับสาวแว่นจอมเวทย์ที่อ้างว่าตัวเองเป็นบอสประจำชั้นเองที่แสดงความรำคาญออกมา เนื่องด้วยความเบื่อหน่ายที่ไม่ต้องการมารับการทดสอบกรด้วยตัวเอง นั่นเลยทำให้ทั้งคู่สร้างบรรยากาศไร้เสียงขึ้นมาโดยรอบตัวเองเป็นวงกว้าง จนไม่มีใครกล้าเปิดการสนทนาต่อเลยซักคน…〖โอ๊ะ! สายัณห์สวัสดิ์คุณนาย〗〝……….…ไงเคลเบรอส สภาพดูไม่จืดเลยนะนั่นหน่ะ〞 แล้วคนที่เป็นคนเปิดการสนทนาก็คือคนกลางเช่นเคลเบรอสนั่นเอง และดูเหมือนสาวแว่นคนนี้เองก็ตามน้ำไปกับเคลเบรอสด้วยเช่นกัน อาจเป็นเพราะเธอรำคาญจากสภาพแบบนี้หรืออยากจะจบการทดสอบโดยเร็วก็แล้วแต่ แต่เสียงตอบกลับเรียบๆของเธอนั่นก็ทำให้บรรยากาศปั้นหน้ายากของทุกคนหายไปอย่างสิ้นเชิ
———ทางด้านของมีอาและเคลเบรอสที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์…〖เหมือนกันจริงๆ〗〝คุณหมา!? หมายถึงอะไรเหรอ?〞 หลังจากที่ผู้ประกาศเข้าโจมตีกรด้วยศรแสงในครั้งแรก แล้วมีอาตะโกนออกไปเพื่อเตือนกรแต่กรไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีอาที่นั่งดูการต่อสู้ของกรอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆนี้แสดงอาการกระวนกระวายปนเศร้าใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือกรได้มาตลอดตั้งแต่ก่อนการเข้าปะทะ แม้จะไม่ได้ถามเหตุผลแต่เธอก็ยังปล่อยให้กรทำตามใจ เคลเบรอสที่เห็นแบบนั้นก็โผล่หน้าออกมาจากฝัก และพูดสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ออกมาโดยอาศัยความคิดสงสัยของตัวเองเพื่อดึงความสนใจของมีอาออกมาจากสนามรบเล็กน้อย ก็เพื่อให้เธอผ่อนคลายขึ้นซักนิดก็ยังดี〖ก็… เจ้าหนูกับคุณนายตรงนั้นหน่ะสิ〗〝เอ๋?〞 หลังจากที่ได้ยินเคลเบรอสพูดแบบนั้น มีอาก็เอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังดังเช่นทุกที〝หมายความว่ายังไงเหรอคุณหมา?〞〖นั่นสินะ ข้าเองก็อธิบายไม่เก่งซะด้วย… แต่ทั้งสองคนหน่ะ มีสไตล์การต่อสู้เหมือนๆกัน〗〝เรื่องที่ไม่ประมาทศัตรูงั้นเหรอ?〞〖เรื่องที่กลัวคนอื่นต่างหาก 〗〝เอ๋? ต่างกันงั้นเหรอ?〞 เคลเบรอสที่ได้ยินคำถามกลับมาจากมีอาก็ส่งเสียง อื
〝ต่อจากนี้จะไม่มีการออมมือแล้วนะ…〞〝ฮะฮ่ะ! พูดเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้กะเอาให้ตายเลยนะ〞 หลังจากที่ผู้ประกาศเปลี่ยนแปลงลักษณะภายนอกไปจากเดิม โดยมีอักขระสีแดงสดปรากฏขึ้นทั่วร่างอย่างสลับซับซ้อน รวมถึงน้ำเสียงที่เรียบเฉยและเย็นชาของเธอเองก็เปลี่ยนไปจากครั้งแรกเช่นกัน นั่นจึงทำให้กรที่ตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติแบบนั้น แต่กลับมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาหลายต่อหลายหยดอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นไหลลงไปถึงลำคอ และทำได้แค่หัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนกลับไปเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าตัวเขาค่อนข้างกระวนกระวายกับสถานการณ์ในตอนนี้มากเลยทีเดียวแย่แล้ว! แย่แล้วไหมหล่ะ! ปีศาจงั้นเหรอ?งั้นนี่ก็คือเผ่าที่ พวกนักเรียนผู้กล้าทุกคน ต้องสู้ในอนาคตงั้นสิ? จะบอกว่าซักวันพวกรินจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนแบบนี้งั้นเหรอ?ตัวเราเองยังไม่มั่นใจ 100% เลยว่าจะชนะยัยนี่ได้พวกรินหน่ะไม่ไหวหรอก! ไม่ได้ดูถูกนะ แต่ยังไงก็ไม่ไหวชัวร์ๆ——〝รับมือ!!!〞ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!—————————〝!!!!!!〞 หลังจากการสนทนาพอเป็นพิธีจบลง ผู้ประกาศสาวก็ทำการยิงศรสีดำแดงออกมาจากทางด้านหลังโดยที่ไม่ได้ร่าย
หลังจากที่ทั้งสามคน อันประกอบไปด้วย กร มีอาและผู้ประกาศ ตกลงมาจากห้องบอสชั้นที่ 75 มาจนถึงชั้นที่ 100 ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบสุดๆ เพราะกำลังยืนเผชิญหน้ากับบอสประจำชั้นที่ 100 ซ้ำยังเป็นบอสที่แข็งแกร่งที่สุดในดันเจี้ยนแห่งนี้อย่างกะทันหันอีกด้วย ทั้งที่ร่างกายและจิตใจยังไม่ได้พักฟื้นจากศึกเมื่อ 10 นาทีก่อนเลยแท้ๆวูม!!! พื้นที่โดยรอบสว่างขึ้นอย่างกะทันหันด้วยแสงสีน้ำเงินทั่วทั้งห้อง จนสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมได้ทั้งหมด ห้องบอสในชั้นนี้ มีบริเวณกว้างขวางมากกว่า 5 กิโลเมตร ซึ่งมันคือความกว้างพอๆกับดันเจี้ยนชั้นเดียว กรจึงคาดว่าห้องบอสนี้น่าจะใช้หลักการเดียวกับห้องบอสในชั้นที่ 50 พื้นของห้องถูกปูด้วยอิฐสีน้ำเงินเข้มวางสลับกันเหมือนกำแพงอิฐแดง ทั่วทั้งชั้นมีเสากรีกโรมันสีฟ้าขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 20 เมตร ตั้งเรียงกันเหมือนตารางหมากรุก โดยเสาทุกต้นที่อยู่ใกล้ทั้งด้านซ้าย ขวา หน้าและหลังจะห่างกันประมาณ 100 เมตร เท่าๆกันทุกเสา เพดานทำจากหินอ่อน และเป็นแหล่งให้แสงสว่างแก่ชั้นนี้ไปในตัว ซึ่งแสงสว่างที่วาก็เป็นสีน้ำเงิน
〝งั้นก็กลับมาคำถามเดิม... เมอร์ลิน ไอ้ยักษ์นั่นมันคืออะไร?〞 หลังจากที่เมอร์ลินเข้ามาเป็นพรรคพวกอย่างเต็มตัวแล้ว ทั้งสามคนจึงนั่งหันหน้าเข้าหากันเป็นสามเหลี่ยม เพื่อที่จะปรึกษาแผนการในการสู้กับบอส และเรื่องที่กรถามเป็นอย่างแรกก็คือคำถามก่อนหน้านี้ที่ถูกเลี่ยงไปนั่นเอง〝หัวแข็งชะมัดเลยนะนายเนี่ย... แต่เอาเถอะ จริงๆก็กะจะบอกอยู่แล้วหน่ะนะ〞แล้วจะเล่นตัวทำมะเขืออะไร! เธอนั่นแหล่ะเฟ้ยที่หัวแข็ง ยังมาว่าคนอื่นอีก!!!〝งั้นก่อนอื่น... พวกเธอรู้จักทศกัณฑ์รึเปล่า?〞〝ขอโทษนะกร แต่ฉันไม่เคยได้ยินเลยหล่ะ〞〝น่าๆ〞 มีอาที่ได้ยินคำถามของกร แต่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร เธอจึงเอียงคอสงสัยก่อนที่จะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหงอยๆเล็กน้อย กรจึงลูบหัวเธอไปมาเหมือนทุกที และหันไปถามเมอร์ลินทั้งที่กำลังลูบหัวมีอาอยู่〝แล้วเมอร์ลินหล่ะ? …ไม่สิ เธอต้องรู้อยู่แล้วนี่นะ〞〝ต้องรู้อยู่แล้ว… นายอยากจะถามว่า ทำไมตัวละครในวรรณคดีของประเทศนาย ถึงได้กลายมาเป็นลาสบอส ทั้งที่ปกติจะมีแต่บอสแนวตะวันตกยุคกลาง... ใช่รึเปล่า?〞〝อื้ม! ใช่เลยหล่ะ〞แน่ชัดแล้วหล่ะว่าตัวตนของทศกันฑ์ไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป... ถึงจะใช้ความรู
〝อย่างที่วางแผนเอาไว้... พอปลดเวทย์ออกก็เข้าฟอร์เมชั่นเลยนะ〞 หลังจากที่กร มีอา และเมอร์ลินเรียนรู้สกิลและความสามารถของกันและกันจนหมด รวมถึงฝึกความเข้ากันและฟอเมชั่นต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมพร้อมที่จะสู้กับทศกัณฑ์ซึ่งเป็นบอสชั้นสุดท้าย ในทันทีที่ปรับสภาพจิตใจเรียบร้อย กรจึงเป็นคนให้สัญญาณก่อนเริ่มออกมาในทันทีที่ทุกคนพร้อมลุยแล้ว〝อื้ม!〞〝รับทราบ!〞 เมอร์ลินและมีอาตอบกรกลับอย่างแข็งขันในทันที ซึ่งส่วนนึงก็เพื่อปลุกจิตสู้ของตัวเองไปพร้อมกันนั่นแหล่ะ〝5.... 4…. 3….〞ชึบ! ทันทีที่เมอร์ลินเริ่มนับถอยหลัง กรและมีอาก็ตั้งสมาธิจดจ่อกับยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าในทันที〝2…. 1…. ศูนย์!!!!〞วูม! ทันทีที่การนับถอยหลังสิ้นสุดลง สภาพแวดล้อมโดยรอบที่เคยหยุดนิ่งเมื่อเสี้ยววินาทีที่แล้วก็กลับมาเคลื่อนไหวต่อในทันที ทศกัณฑ์ที่อยู่ตรงหน้าทั้งสามคนก็ยังคงเอื้อมมือทั้ง 10 มาทางทั้งสามคนที่อยู่ห่างออกไป 10 เมตรดังเช่นก่อนที่เมอร์ลินจะใช้เวทย์หยุดเวลา และในเสี้ยววินาทีที่สภาพแวดล้อมกลับมาเคลื่อนไหว ทั้งสามคนก็ถีบตัวเองถอยห่างออกไปจากจุดที่เคยอยู่ราวๆ 500 เมตร และทำก
〝อืม〜〞 แสงอาทิตย์อุ่นๆยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างชั้นสองเข้ามากระทบใบหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังอยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่น เป็นสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มตื่นขึ้นจากภวังค์ แต่เพราะกำลังถูกความสบายเพราะนอนหลับนานกว่า 8 ชั่วโมงกดทับไว้อยู่เด็กหนุ่มจึงครางออกมาแบบนั้นด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายเพราะไม่อยากลุกจากเตียงทันทีนั่นเอง และถึงแม้ก่อนหน้านี้ 10 นาที นาฬิกาปลุกจากสมาร์ทโฟนของเขาจะดังไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมลุกจากเตียงแต่อย่างใด〝กร!!! 7 โมงครึ่งแล้วนะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก!〞 เสียงของหญิงสาวผู้เป็นแม่ตะโกนขึ้นไปยังห้องที่อยู่บนชั้นสอง หรือก็คือห้องของกรด้วยน้ำเสียงดุดัน เพื่อเรียกให้ลงมาเตรียมตัวไปโรงเรียนโดยเร็ว〝งือ〜 ขออีกซัก 12 ชั่วโมงครับแม่〞〝ปกติมันต้องขอ 5 นาทีไม่ใช่เหรอ!!!!! แล้วขอตั้ง 12 ชั่วโมง คิดจะหลับจนถึงเย็นเลยรึไงกันยะ!!!!〞〝คุณแม่รับมุขได้สวยครับ... ครอก〜〞และต่อให้ท่านแม่ผู้บังเกิดเกล้าตะโกนขนาดไหน ฉันก็ไม่คิดที่จะลุกออกจากที่นอนเลยซักนิดพอตบมุขคุณแม่เสร็จ ฉันก็ดึงผ้าห่มมาคลุมโปง แล้วกลับไปนอนต่อในทันที อา.... สุขสุดๆ〝สวัสดีค่ะคุณน้า! ขออนุญาตนะคะ!〞
หลังจากที่กรเข้าไปรับการโจมตีปริศนาด้วยลูกธนูยักษ์จากทศกัณฑ์ เพื่อไม่ให้มีอาและเมอร์ลินได้รับดาเมจที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ในครั้งเดียว ทั้งที่อุตส่าห์ลบลูกธนูที่ว่าให้หายไปได้ ก็กลับเป็นตัวกรเองที่ต้องรับดาเมจทางจิตใจอันหนักหน่วงอย่างคาดไม่ถึง〝อ้ากกกก!!!!!!!——————〞 เสียงร้องโหยหวนอันเกิดจากความเจ็บปวดทางจิตใจระดับที่เรียกได้ว่ามหาศาลของกร ยังคงลากยาวอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยซักนิด〝กร!〞〝กะ เกิดบ้าอะไรขึ้นกับหมอนี่อีกเนี่ย!〞 ทั้งมีอาและเมอร์ลินที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ก็ได้แต่ตกตะลึงและเบิกตาโพลงกับสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความงุนงง แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าตัวกรในตอนนี้กำลังรับภาระอะไรบางอย่างจนทรมานอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เพราะทั้งสองคนถูกจำกัดการเคลื่อนไหวด้วยเวทย์แรงโน้มถ่วงจนขยับเข้าไปใกล้กรไม่ได้เลยซักนิด ทั้งสองคนจึงทำได้แค่ดูและเรียกหากรที่กำลังเจ็บปวดโดยที่ทำอะไรไม่ได้เพียงเท่านั้นตุ๊บ! และด้วยเพราะกรถูกการโจมตีทางจิตใจเข้าไปโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ผลของสกิล『แขนยักษา』จึงได้คลายออกโดยอัตโนมัติทำให้ผลกระทบด้านลบของมันเริ่มทำงาน ผลลัพธ์ก็คือต
———— 1 สัปดาห์ต่อมา ชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 ณ ดันเจี้ยนชั้นพิเศษ ซึ่งถูกสร้างโดยอาเธนต่อจากชั้นที่ 1 อันเป็นชั้นที่เอาไว้หลอกคนทั่วไป ถูกสร้างขึ้นเพื่อการฝึกฝนและเก็บเลเวลโดยเฉพาะ หากแต่ผู้ที่จะใช้มันได้นั้น มีเพียงแค่กลุ่มของผู้ที่ผ่านการทดสอบที่แท้จริงแล้วเท่านั้นถึงจะเข้ามาในนี้ได้ ที่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามเขต อันได้แก่ เขตที่พักอาศัย เขตใช้ฝึก『บัญญัติพันประการ』 และสุดท้ายคือเขตที่ใช้สำหรับเก็บเลเวล... หรือก็คือ เขตมอนสเตอร์ทรงภูมิปัญญานั่นเอง ในพื้นที่ของเขตที่สามถูกสร้างให้เป็นพื้นกระเบื้องและเพดานหน้าตัดเรียบส่องแสงสีเขียว (Lime) พื้นที่โดยรอบมีวัตถุโปร่งแสงรูปทรงเรขาคณิต ทั้งสามเลี่ยม สี่เหลี่ยมไปจนถึงรูปทรงหลายเหลี่ยมกระจัดกระจายเต็มไปหมดทำให้ยากแก่การเคลื่อนไหว แต่กลับกันแล้ว มันทำให้ง่ายต่อการดำเนินแผนที่ซับซ้อนและแยบยล และเขตที่สามนี้เอง ที่มีหญิงสาวทั้ง 4 คน อันได้แก่ มีอา ซาช่า เรเชลและริต้า กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนเท่ากันอยู่ มอนสเตอร์ทั้งสี่ตัวที่เป็นศัตรู มีหนึ่งตัวที่สวมผ้าคลุมสีดำ มีส่วนหัวเป็น
〝 คุณโรนี่กับราชา... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย 〞 กรถามออกไปแบบนั้น ในเวลาเดียวกับที่ใช้『รีดดิ้งอายส์』ตรวจสอบบุคคลทั้งสองตรงหน้า แล้วก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าทั้งคู่เป็นตัวจริง...〝 ทำหน้าแบบนั้นคงจะรู้แล้วสินะว่าพวกข้าเป็นตัวจริง... 〞ราชาพูดแทงใจดำพลางยิ้มออกมา ทำให้กรคิ้วกระตุกเพราะคาดการณ์เรื่องตรงหน้าไม่ทัน ในขณะที่กรคิดแบบนั้น ราชาก็เดินเข้ามาทางกร แล้วก็ใช้เวทย์บางอย่างเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเป็นคนอื่น ไม่สิ... เปลี่ยนจากคนอื่นกลับมาเป็นตนเองคนเดิมต่างหาก ซึ่งที่เปลี่ยนไปนั้นมีเพียงโครงหน้าเท่านั้น แต่ความสูงอายุและริ้วรอยนั้นแทบไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วก็หันไปสบตากับเมอร์ลินเข้า นั่นทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ...〝 นายมัน อาเธนงั้นเหรอ!!!? 〞เมอร์ลินที่เห็นใบหน้าจริงของชายชราตรงหน้าก็จำได้ทันทีพร้อมทั้งเรียกชื่อจริงของเขาออกมาอย่างสนิทสนม โดยมีสายตางงงวยจากสาวๆคนอื่น แต่พอรู้ว่าคนน่าสงสัยตรงหน้าเป็นคนรู้จักของเมอร์ลิน การ์ดของพวกเธอก็คลายลงพอสมควร〝 แหมๆ ในที่สุดก็จำได้ซักทีนะแม่คุณ... ข้าหล่ะเจ็บช้ำไม่น้อยเลยนะ ตรงที่เจ้าบ
หลังจากเรื่องเมื่อวานเคลียร์กันจบในตอนเย็น กรได้ทำการเพิ่มฟังก์ชั่นหลบหนีฉุกเฉินใส่บัตรนักผจญภัยของเจนนี่ไว้ก่อนด้วย เผื่อในกรณีที่เกิดอันตรายกับเธอ เธอสามารถใช้มันวาร์ปมาหากรได้ทุกเมื่อ รวมถึงพาคนรู้จักอย่างไมน์กับรีเบคก้ามาด้วยก็ยังได้ จากนั้นพวกกรกับพวกไมน์จึงได้แยกกันกลับที่พักของตัวเอง อนึ่ง เจนนี่ตอนนี้นั้นอยู่สถานะของคนชื่อ『เบลนด้า อัลบา』 รูปลักษณ์ภายนอกที่คนอื่นเห็น เป็นคนผิวสีแทน ใบหน้าปานกลางค่อนไปทางแย่(จากความเห็นส่วนใหญ่ในกลุ่มของกร) แต่นั่นก็เพื่อไม่ให้เธอเป็นจุดเด่น เพราะหากจะว่าไปแล้วเจนนี่ในร่างธรรมดานั้นจัดว่าเป็นคนสวยมากเลยทีเดียว และด้วยการใช้บัตรนักผจญภัยอ้างถึงตัวตน ก็สามารถเข้าพักที่เดียวกับพวกไมน์ได้ แต่เธอเลือกที่จะพักคนละห้องแทนเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย (แต่สุดท้ายตอนนอนก็ย้ายมานอนห้องเดียวกันอยู่ดี) ส่วนทางด้านของกร พอกลับไปพวกกรก็รีบทำธุระส่วนตัว แล้วเข้านอนในทันที เพื่อสะสมพลังงานให้เต็มอิ่มก่อนที่จะออกรบในดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 และเพื่อความไม่ประมาทช่วงเช้าทั้งหมด กรและพรรคพวกจะใช้เวลาไปกับการตร
〝 ไง ทั้งสองคน 〞 ในขณะที่ทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึงยังกับเห็นผีออกมา เจนนี่ก็เริ่มเป็นฝ่ายทักไมน์และรีเบคก้าก่อนด้วยรอยยิ้มในทันที〝 เจนนี่!!! 〞〝 อุ๊ยตาย!? 〞 ไมน์ที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปสวมกอดเจนนี่อย่างเร็ว นั่นเองก็ทำเจ้าตัวอย่างเจนนี่ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน〝 เจนนี่! เจนนี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย? ไม่ใช่ผีหรือตัวปลอมใช่ไหม!? 〞ไมน์พูดแล้วก็ลูบๆคลำๆเจนนี่ไปทั่ว ทำเอาร่างเธอสั่นนิดหน่อยเพราะจักกะจี๊เลยทีเดียว〝 ยัยบ๊อง! ก็จับตัวกันได้อยู่ไม่ใช่รึไง? แล้วฉันก็ยังจำได้อยู่เลยนะว่าตรงก้นของรีเบคก้ามีไฝอยู่ด้วยหน่ะ 〞 เจนนี่พูดแบบนั้นออกมา ทำให้รีเบคก้าออกอาการหน้าแดง แล้วก็พุ่งเข้ามาสับกะโหลกเจนนี่เหมือนกับที่ผ่านมา〝 ฮึ่ย! ไอ้นิสัยพูดไม่คิดนี่ตัวจริงชัวร์ 〞รีเบคก้าพูดแล้วก็ใช้กำปั้นหมุนๆใส่ศีรษะของเจนนี่〝 โอ้ยๆ! เจ็บอ่ะรีเบคก้า ออมมือให้หน่อยเซ่! 〞 ทั้งสามคนหยอกล้อกันไปมาแบบนั้น ราวกับต้องการจะซึมซับและฟื้นคืนบรรยากาศที่ถูกทำลายไปให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย แต่ความอบอุ่นของภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนลืมหลายเรื่องที่คิดอ
หลังจากที่งีบหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าทางจิตใจก็ดูจะลดลงไปบ้างเอาจริงๆ ต่อให้ลุยต่อทั้งอย่างงี้ก็ไหวอยู่หรอก แต่แค่นี้ทุกคนก็เป็นห่วงมากพออยู่แล้ว เพราะงั้นทำตามที่ทุกคนแนะนำเป็นการดีที่สุดทางริต้าเองยังคงหลับอยู่เลยปล่อยให้หลับต่อไปก่อนโดยให้เรเชลดูแลอยู่ข้างๆส่วนทุกคนเองดูเหมือนว่าจะไม่ได้หลับเลยในระหว่างที่ฉันพักแต่ก็ต้องขอบคุณในจุดนั้น เพราะในช่วงที่ฉันไปเจรจากับราชา ฉันต้องการที่จะไปคนเดียว...ก็แหม... ฉันไม่อยากให้ทุกคนเห็นท่าทางแย่ๆเท่าไหร่นี่นา〝 เพราะทุกคนเฝ้าฉันมาตลอดคงจะเหนื่อยแย่ ฉันเลยอยากให้พวกเธอพักรอฉันอยู่ที่นี่หน่ะ 〞พูดแบบนั้นออกไปทุกคนก็ทำหน้าถมึงทึงใส่ และแน่นอนว่าทุกคนทำท่าอยากจะไปด้วยกันหมดเลยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมตั้งนานกว่าจะยอม แต่ก็เพราะทุกคนเป็นห่วงเรานั่นแหล่ะนะ น่าดีใจแท้ๆแต่ทุกคนก็ไม่อยากตื้อให้เราจนกังวลเกินไปเหมือนกันเพราะงั้นแค่รับปากว่าจะไม่ฝืนฉันก็ขอตัวมาได้แล้วหล่ะนะแล้วจากนั้นก็วาร์ปมาที่เมืองหลวง ในซอกตึกที่นึงใกล้ๆกับทางเข้าพระราชวังโห... มองดูจากตรงนี้ยังเห็นรูที่เจ้าชายมันทำพังไว้อยู่เลย...เดี๋ยวไม่สิ... เราเป็นคนทำนี่หว่า คง
หลังจากที่การแสดงของฉันดำเนินมาได้ซักพัก จุดจบก็มาถึงโดยที่ฉันเป็นคนจัดการปิดคดีได้อย่างดงามถึงช่วงกลางๆจะโดนคุณโรนี่แย่งซีนก็เถอะ แต่ตอนจบก็กู้หน้าคืนมาได้อ่ะนะ...จากนั้นริออนที่ถูกฉันต่อยจนสลบก็ถูกพวกฟรอนกับคาลอสคุมตัวไปส่วนไอ้ปีศาจนั่นฉันปล่อยให้มันหนีไปเองด้วยเหตุผลทางด้านผลประโยชน์ในอนาคตแต่ทางฝั่งนั้นอาจจะกำลังคิดว่าหนีฉันพ้นอยู่ก็ได้หล่ะนะ... แต่ปล่อยให้คิดแบบนั้นก็ดีเหมือนกันแล้วหลังจากเรื่องจบ ฉันก็ไม่อยู่รอดูสถานการณ์หรอกนะเพราะว่าเป็นห่วงทุกคน ฉันเลยรีบผละตัวออกมาในทันทีที่มีโอกาสก่อนหน้าที่จะออกมาก็มีถูกพระราชานัดพบเป็นการส่วนตัวด้วยอยู่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ แล้วก็คงคิดจะคุยถึงเรื่องต่อจากนั้นนั่นแหล่ะเป็นไปตามแผนเลย ฉันคิดจะใช้โอกาสนี้ต่อรองกับราชาอยู่แล้ว…แล้วพอวิ่งออกมาถึงจุดนัดพบในซอกตึกรามบ้านช่อง ก็เจอกับทุกคนโชคดีไป... ดูเหมือนทั้งมีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย โล่งอกไปที...กลับกันแล้วพวกเธอเป็นห่วงฉันสุดๆเลยชาลอตก็เอาแต่บอกว่า〝 นายท่านอย่าเสี่ยงไปคนเดียวแบบนั้นอีกเลยนะคะ! 〞ส่วนซาช่าก็〝 ตอนที่นายท่านกระโดดเข้าไปหาลูกบอลแปลกๆนั่น...
〝 อั๊ก!!! 〞 เจ้าชายออริออน... ริออนกุมมือขวาของตัวเองด้วยความเจ็บปวด เพราะได้รับผลกระทบจากการถูกยิง ต้องบอกว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่อัญมณีรับความเสียหายแทนไปเกือบหมด ไม่งั้นมือของเขาคงขาดไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะความเจ็บปวดที่แล่นจากมือขวาไปสู่ทั่วทั้งร่างนี่แหล่ะ ทำให้ริออนดึงสติของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งวูม!!!!!!———〝 อะ อา.... 〞 ริออนรำพึงอยู่ในลำคออย่างน่าเวทนา ในตอนที่แสงสีแดงจากวงเวทย์สว่างน้อยลงพร้อมๆกับวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ค่อยๆจางหายไปจากท้องฟ้ายามค่ำคืน จนในที่สุดแสงสว่างสีแดงฉานก็อันตรธานหายไปจากท้องฟ้า เช่นเดียวกับวงเวทย์ขนาดมหึมา ทำให้แสงจันทร์ส่องลงมาถึงพื้นดินอีกครั้ง แต่ยังคงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเนื่องด้วยความสับสนของชาวเมืองอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าทุกคนปลอดภัยดีแล้ว และไม่มีใครได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยซักคน ความสิ้นหวังเข้าคลุมสติของริออนในพริบตา อย่างที่เขาว่าไว้… เมื่อพริบตาที่ความหวังใกล้จะสัมฤทธิ์ผลถูกทำลายลง นั่นคือความสิ้นหวังอย่างที่สุด... และนั่นก็ทำให้สีหน้าของริออนเปลี่ยนจากสิ้นหวังไปเป็นอาฆาตแค้นแทน แ
〝 น่าตกใจจริงๆ… นี่รู้อยู่แล้วหรอกเหรอว่าข้าเป็นคนร้าย? 〞 เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง... เจ้าชายออริออนถามกรออกมาด้วยแววตาและท่าทางหยิ่งยโส พร้อมกับเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาไปในตัว ว่าตัวเองคือคนร้ายตัวจริง ในขณะที่มองกรลงมาจากเบื้องบน〝 ก็นะ... เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้เองแหล่ะ แสบจริงนะให้ตายสิ... 〞กรพูดออกมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แล้วก็เดินเข้ามาทางเจ้าชายออริออนมากกว่าเดิม เหล่าสมุนเล็บโลหิตตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีกันเต็มที่ แต่ยังไม่มีใครกล้าเริ่มโจมตีกรก่อน ทั้งด้วยความกลัวพลังที่ต่อกรกับพวกของตนระหว่างทางได้อย่างง่ายดาย แถมผ่านมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วนก็ด้วย แต่ประเด็นสำคัญคือจิตสังหารอันหนักอึ้ง ราวกับถูกน้ำตกซัดสาดนั่นของกรต่างหาก ที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าขยับตัว〝 งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกัน... 『อุปกรณ์ตัวหลัก』 อยู่ที่ไหน? 〞 กรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว นั่นทำให้เหล่าเล็บโลหิตจำนวนเกินครึ่งยืนตัวสั่นได้ ไม่สิ... แม้แต่ชายเผ่าปีศาจที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าชายออริออนยังแอบสั่นเลยด้วยซ้ำ มีเพียงโรนี่ที่ใจเย็
หลังจากที่แอบย่องขึ้นมาบนชั้นสอง แล้วมองลอดเข้าไปในห้องที่จับสัมผัสวิญญาณได้พวกเราก็เจอกับเด็กผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนขอบระเบียงเป็นภาพที่น่าแปลก... เพราะเธอคนนั้นโปร่งแสงจนมองทะลุไปถึงท้องฟ้าที่เป็นฉากหลังเลยเนี่ยสิถ้างั้นก็ไม่ต้องสงสัย... เด็กคนนั้นคือวิญญาณที่กำลังตามหาอยู่แน่นอน กรคิดแบบนั้นพลางมองไปยังเด็กสาว ส่วนทางเด็กสาวนั้นกลับหันมามองทางกรในเวลาเดียวกัน〝 เอ่อ... ไม่ต้องหลบหรอกนะคะ คือหนูเห็นตั้งแต่เข้ามาในคฤหาสน์แล้วหล่ะค่ะ 〞เสียงกังวานของเด็กสาวพูดขึ้นมา โดยในน้ำเสียงมีความเอียงอายเล็กน้อย แล้วพอเด็กสาวพูดแบบนั้น กรก็ให้สัญญาณทุกคนเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้องทันที〝 เข้าใจหล่ะ โทษทีนะที่บุกรุกเข้ามา 〞เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างสุภาพ ก็เป็นมารยาทเช่นกันที่กรจะตอบกลับไปแบบเดียวกัน〝 ไม่หรอกค่ะ... เอาจริงๆในรอบ 10 ปีมานี้มีคนเข้ามาในคฤหาสน์นับคนได้เลยหล่ะค่ะ มีคนบ้างแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน 〞เด็กสาวยิ้มตอบกรอย่างเป็นมิตร พร้อมกับลอยตัวจากขอบระเบียงมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกกร สภาพแบบนั้นทำเอาพวกกรประหลาดใจไม่น้อย เว้นเสียแต่ซาช่าที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่〝 นี่เธอเป