Share

บทที่ 9

“ทำไมเจ้ายังไม่นอน?” “เหตุใดท่านยังไม่นอน?”

ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน

กู้หว่านเยว่เขย่างานเย็บปักในมือ “ข้าเอาผ้าขี้ริ้วมาเย็บเป็นถุงหอมเล็กๆ สักสองสามถุง แล้วจะใส่สมุนไพรป้องกันแมลงลงไปเจ้าค่ะ”

ระหว่างทางเนรเทศ ผู้คนกินนอนในที่โล่ง งูเงี้ยวเขี้ยวขอมีให้ได้เห็นอยู่เรื่อยๆ

แมงป่องพิษวันนี้มันด้วยมิใช่หรือ?

พกถุงหอมป้องกันแมลงไว้สักหน่อย จะได้ไม่โดนแมลงพิษกัดเอา

พูดจบ กู้หว่านเยว่ก็ก้มหน้าเย็บถุงหอมต่อ

ทว่าฝีมือการเรือนของนางไม่ค่อยดีนัก นางพลางเย็บพลางมุ่ยหน้า ราวกับว่ากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ไร้ทางแก้

ซูจิ่งสิงมองแล้วก็อยากจะช่วยขึ้นมา

“ข้าช่วยเจ้าเย็บดีกว่า”

กู้หว่านเยว่ถามเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ “ท่านไม่กลัวอับอายหรือ?”

นางคิดว่าหากเขากล้าแสดงสีหน้ารังเกียจ นางจะหันหลังจากไปแน่นอน

“สิ่งนี้มีอะไรน่าอับอายกัน?” ซูจิ่งสิงพูดอย่างเถรตรง “ข้าได้แต่นอนอยู่บนรถเข็น ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ หากเรื่องเย็บปักเล็กน้อยเช่นนี้ยังรังเกียจ เช่นนั้นถึงจะเรียกว่าน่าอับอาย”

อื้ม เป็นคำตอบที่สุภาพบุรุษมาก!

เจอปัญหาไม่คิดกลัว กลัวเพียงยามบุรุษเจอปัญหาแล้วยังนอนอยู่บนเตียงทำตัวเป็นนายท่าน รังเกียจนั่น รังเกียจนี่ นี่ต่างหากที่น่ากลัว

กู้หว่านเยว่ยื่นเข็มกับด้ายให้เขาอย่างยินดี

ซูจิ่งสิงก้มศีรษะ ร้อยด้ายเข้ากับเข็มอย่างระมัดระวัง มือใหญ่ของเขาจับเครื่องปักอย่างงุ่มง่าม แต่สีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง

แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของเขา ก่อเกิดรัศมีเปล่งประกายบนรูปโฉมอันหล่อเหลา

กู้หว่านเยว่เบิกตากว้างและนิ่งไป

ถอนใจอย่างจริงจัง “สามี ท่านรูปงามมากจริงๆ เจ้าค่ะ!”

หูของซูจิ่งสิงแดงขึ้นมาเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาอยากจะหลบหนีจากสายตาของอิสตรี

ทันใดนั้น ดวงตาของกู้หว่านเยว่ก็หรี่ลง สายตาเกี้ยวพาหายไปทันที แทนที่ด้วยความตื่นตัว

จากสายตาของนาง ราตรีสงัดเช่นนี้ มีร่างร่างหนึ่งลอบเข้ามาอย่างลับๆ ล่อๆ

“เป็นซูหัวหลิน”

ซูจิ่งสิงพูดอย่างเย็นชา

ก่อนจะแยกกันพักผ่อน กู้หว่านเยว่คิดว่ากลิ่นของซาลาเปาเนื้อแรงเกินไป จึงใส่ห่อซาลาเปาเนื้อที่เหลือนั้นเอาไว้ในกระเป๋าของนางหยาง

ร่างวับๆ แวมๆ ของซูหัวหลิน เห็นได้ชัดว่ามาที่นี่เพื่อขโมยบางสิ่งบางอย่าง!

ดวงตาของซูจิ่งสิงทอประกายเย็นเยียบ เขาหยิบหินก้อนเล็กๆ ขึ้นมาแล้วกำลังจะลงมือ

“ประเดี๋ยวก่อน”

กู้หว่านเยว่รีบหยุดเขา จากนั้นจึงส่งสายตาว่าท่านวางใจไปให้เขา

ความหมายความว่าอย่างไร?

หรือว่านางรู้อยู่แล้วว่าซูหัวหลินจะมาขโมยของ?

ซูจิ่งสิงกลั้นหายใจ ทันทีนั้นก็นึกสงสัยว่ากู้หว่านเยว่จะใช้วิธีใดมาขัดขวางแผนการของซูหัวหลิน

มองเห็นซูหัวหลินเดินขึ้นไปหยุดอยู่ใกล้ๆ นางหยาง แล้วมองไปรอบๆ ด้วยความไม่สบายใจ

ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงบ ยกเว้นเพียงเสียงกรนที่จะดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว

เขาหายใจด้วยความโล่งอก เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าของนางหยาง ทันใดนั้น ใบหน้าก็ทอประกายความยินดี

นางเฉียนที่อยู่ไม่ไกลก็พยายามส่งสัญญาณให้เขาสุดชีวิต โดยบอกว่าหากได้ซาลาเปาเนื้อแล้วก็ให้รีบกลับมา

แต่ซูหัวหลินกลับก็ส่งเสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือดออกมากะทันหัน

“อ๊าก... เจ็บจะตายแล้ว มือข้า!”

ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ เสียงกรีดร้องนี้ก็เป็นดั่งเสียงฟ้าร้อง ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง

เหล่านักการที่พักผ่อนกันก็พลันเร่งรุดมารวมตัว

มองเห็นว่ามือของซูหัวหลินถูกกับดักหมูป่าหนีบเอาไว้!

ซี่เหล็กแหลมคมแทงลึกเข้าไปในเนื้อของเขา เลือดสีแดงสดไหลพะเนิน ในมือยังคงจับซาลาเปาเนื้อที่จางเอ้อมอบให้กู้หว่านเยว่วันนี้อยู่

“นี่คือมาขโมยของ แต่โดนกับดักหมูป่าหนีบเข้าสิท่า?”

“ไร้ยางอายนัก ฉวยโอกาสตอนคนอื่นกำลังหลับมาขโมยของ”

หลังจากได้สติกลับมา ทุกคนก็เริ่มปรามาสดุด่า มีบางคนถึงกับตรวจสอบกระเป๋าของตน ด้วยกลัวว่าจะถูกโจรขโมยไปแล้ว

ทุกคนในตระกูลซูเองก็รีบวิ่งมาเช่นกัน

เมื่อเห็นมือของซูหัวหลินเต็มไปด้วยเลือด นางเฉียนก็เกือบจะเป็นลมล้มพับไป ซูหัวหลินร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด

“ยืนบื้ออยู่ทำไม? รีบมาช่วยข้าสิ รีบช่วยข้า นิ้วข้าจะถูกตัดแล้ว!”

คนจากบ้านสองร้อนรนจนหัวหมุน แต่พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ดีตีนแดง ไหนเลยจะรู้วิธีจัดการกับกับดักหมูป่ากัน?

ไม่ทันได้ระวัง มือของนางเฉียนก็ไปบาดกับตะขอซี่หนึ่ง

นางรีบดึงมือกลับทันที ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยอีกแล้ว

“นังแพศยา วาจาเอ่ยหนึ่งราตรีสามีภรรยาร้อยวันเมตตา[footnoteRef:1] ข้าว่าเป็นยามภัยมาเยือนเอาตัวรอด[footnoteRef:2]เสียมากกว่า!” [1: เมื่อความสัมพันธ์เกิดขึ้นแล้ว ความรู้สึกลึกซึ้งก็จะพัฒนา] [2: เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็หนีเอาตัวรอดเพียงคนเดียว]

ซูหัวหลินหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด หัวใจหนาวสะท้าน

นางเฉียนทำได้เพียงให้มาด่ากู้หว่านเยว่แทน “กู้หว่านเยว่ เจ้าใจเหี้ยมเหลือเกินแล้ว นี่คือลุงใหญ่ของเจ้านะ เจ้ากลับกล้าใช้กับดักหมูป่ามาทำร้ายเขา!”

กู้หว่านเยว่แค่นหัวเราะ โต้กลับไปอย่างไม่อนาทร “กับดักหมูป่าของข้าวางไว้กันขโมย ถ้าซูหัวหลินไม่ใช่ขโมย ก็ไม่ถูกหนีบเข้าหรอก”

“นางสารเลว...” นางเฉียนโกรธจนปวดอก นางพับแขนเสื้อขึ้นแล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าทันที

กู้หว่านเยว่คว้าผมของนางไว้เต็มมือ แล้วโยนนางลงไปที่พื้นอย่างแรง

“ถ้าเจ้ากล้ารังแกท่านพ่อท่านแม่ข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ซูอวี่แห่งบ้านสองเผยสายตาดุร้าย หยิบหินขึ้นมาจากบนพื้นแล้วฟาดหัวกู้หว่านเยว่

กู้หว่านเยว่รีบก้าวหลบทันควัน แล้วคว้าแขนของเขาเอาไว้ บิดหักอย่างแรง

“อ๊าๆ อ๊าก เจ็บมาก ช่วยด้วย ท่านย่า ช่วยข้าด้วย...”

ซูอวี้ร้องไห้โฮไร้ยางอาย ฮูหยินผู้เฒ่ารักหลานชายคนนี้มากที่สุด จึงพูดออกมาด้วยความโกรธ ใบหน้าเข้มครึ้ม

“กู้หว่านเยว่ เจ้าคนไม่มีใครสั่งสอน ปล่อยอวี่เอ๋อมาเดี๋ยวนี้นะ!”

กู้หว่านเยว่หักข้อมือของซูอวี่จนได้ยินเสียงแกร๊ก แล้วพูดประชดว่า

“พูดถึงเรื่องไม่มีใครสั่งสอน ไม่มีใครเทียบเท่าเหล่าลูกชายของท่านที่มีมารดาให้กำเนิดแต่ไร้มารดาคอยเลี้ยงดูแล้วเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ดาวไม้กวาดคนนี้ ด่าคนได้รุนแรงนัก!

นางมองซูจิ่งสิงด้วยใบหน้ามืดมน

“ซูจิ่งสิง ภรรยาเจ้าปีนหัวผู้ใหญ่ ไม่เคารพผู้อาวุโส หรือเจ้าไม่คิดจะปรามนางหน่อยหรือ?”

ซูจิ่งสิงเหลือบมองกู้หว่านเยว่หนึ่งครั้ง แล้วพูดออกมาโดยไม่ต้องคิด “พวกเราสองบ้านตัดสัมพันธ์กันไปแล้ว พวกท่านไม่นับว่าเป็นผู้อาวุโส

ส่วนที่ภรรยาข้าทำลงไปก็ถูกต้องแล้ว เหตุใดข้าต้องเข้าไปปราม?”

“เจ้า... ดียิ่ง ประเสริฐนักแล้ว เพื่อนางดาวไม้กวาดคนนี้ เจ้าถึงขั้นไม่สนใจย่าเจ้าแล้ว!”

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าซูจิ่งสิงยามนี้พึ่งไม่ได้แล้ว จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปที่กู้หว่านเยว่แล้วพูดว่า

“ขอเพียงเจ้าแกะกับดักหมูป่าที่หนีบเจ้ารองออก เรื่องในวันนี้ จะไม่รื้อย้อนขึ้นมาอีก”

ไม่รื้อย้อนขึ้นมาอีก?

กู้หว่านเยว่กลอกตา ยายแก่คนนี้ไม่เข้าใจสถานการณ์ใช่หรือเปล่า?

คิดว่าพวกเยอะก็ไร้ศัตรูจริงหรือไร?

“ข้าย้ำอีกครั้ง กับดักหมูป่านี้ข้าวางไว้ป้องกันขโมย ข้าไม่แกะ”

พูดจบ กู้หว่านเยว่ก็เดินไปหยิบซาลาเปาจากมือของซูหัวหลิน แล้วพานางหยางไปเข้านอน

บ้านสองตระกูลซูอยากหยุดนาง แต่จางเอ้อที่ยืนดูละครอยู่ก็เดินขึ้นมาเตือนความ

“จะทำอะไร? พวกเจ้าจะสร้างเรื่องกันหรือไร?”

พวกเขายังไม่กล้าปะทะกับนักการตรงๆ ทำได้เพียงมองดูกู้หว่านเยว่จากไปอย่างไม่เต็มใจ

ฮูหยินผู้เฒ่าคว้าซูจิ่นเอ๋อที่ยังยืนลังเล ใบหน้าชรายกยิ้มบางเบา

“จิ่นเอ๋อ ลุงรองดีต่อเจ้ามาตลอดใช่หรือไม่? ตอนนี้มือของลุงรองของถูกกับดักหมูป่าหนีบเข้า เจ้าไปบอกให้กู้หว่านเยว่แกะกับดักหมูป่านี้ออกหน่อยสิ”

ซูจิ่นเอ๋อลังเล พูดออกมาว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ นางไม่ฟังข้าหรอกเจ้าค่ะ”

นางเฉียนเข้ามาสมทบว่า “นางหนูอย่างเจ้าเหตุใดถึงได้หัวช้าเช่นนี้? ถ้านางไม่ฟังเจ้า เจ้าก็ทะเลาะกับนางเสียสิ เจ้าเป็นลูกสาวแท้ๆ ของบ้านสามนะ นางที่เป็นสตรีแต่งเข้าจะทำอะไรเจ้าได้?”

ซูจิ่นเอ๋อมองท่านย่าและป้าสะใภ้รองที่ใบหน้ายิ้มแย้มใจดี ตนมักรู้สึกว่ารอยยิ้มของพวกนางมองอย่างไรก็ดูเสแสร้งพิลึก
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
Dumpjea
สมน้ำหน้ส ทำชั่วต้องไดรับกรรม สมควร
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
ขอบคุณค่ะสนุกมากขึ้น
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status