Share

บทที่ 9

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“ทำไมเจ้ายังไม่นอน?” “เหตุใดท่านยังไม่นอน?”

ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน

กู้หว่านเยว่เขย่างานเย็บปักในมือ “ข้าเอาผ้าขี้ริ้วมาเย็บเป็นถุงหอมเล็กๆ สักสองสามถุง แล้วจะใส่สมุนไพรป้องกันแมลงลงไปเจ้าค่ะ”

ระหว่างทางเนรเทศ ผู้คนกินนอนในที่โล่ง งูเงี้ยวเขี้ยวขอมีให้ได้เห็นอยู่เรื่อยๆ

แมงป่องพิษวันนี้มันด้วยมิใช่หรือ?

พกถุงหอมป้องกันแมลงไว้สักหน่อย จะได้ไม่โดนแมลงพิษกัดเอา

พูดจบ กู้หว่านเยว่ก็ก้มหน้าเย็บถุงหอมต่อ

ทว่าฝีมือการเรือนของนางไม่ค่อยดีนัก นางพลางเย็บพลางมุ่ยหน้า ราวกับว่ากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ไร้ทางแก้

ซูจิ่งสิงมองแล้วก็อยากจะช่วยขึ้นมา

“ข้าช่วยเจ้าเย็บดีกว่า”

กู้หว่านเยว่ถามเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ “ท่านไม่กลัวอับอายหรือ?”

นางคิดว่าหากเขากล้าแสดงสีหน้ารังเกียจ นางจะหันหลังจากไปแน่นอน

“สิ่งนี้มีอะไรน่าอับอายกัน?” ซูจิ่งสิงพูดอย่างเถรตรง “ข้าได้แต่นอนอยู่บนรถเข็น ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ หากเรื่องเย็บปักเล็กน้อยเช่นนี้ยังรังเกียจ เช่นนั้นถึงจะเรียกว่าน่าอับอาย”

อื้ม เป็นคำตอบที่สุภาพบุรุษมาก!

เจอปัญหาไม่คิดกลัว กลัวเพียงยามบุรุษเจอปัญหาแล้วยังนอนอยู่บนเตียงทำตัวเป็นนายท่าน รังเกียจนั่น รังเกียจนี่ นี่ต่างหากที่น่ากลัว

กู้หว่านเยว่ยื่นเข็มกับด้ายให้เขาอย่างยินดี

ซูจิ่งสิงก้มศีรษะ ร้อยด้ายเข้ากับเข็มอย่างระมัดระวัง มือใหญ่ของเขาจับเครื่องปักอย่างงุ่มง่าม แต่สีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง

แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของเขา ก่อเกิดรัศมีเปล่งประกายบนรูปโฉมอันหล่อเหลา

กู้หว่านเยว่เบิกตากว้างและนิ่งไป

ถอนใจอย่างจริงจัง “สามี ท่านรูปงามมากจริงๆ เจ้าค่ะ!”

หูของซูจิ่งสิงแดงขึ้นมาเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาอยากจะหลบหนีจากสายตาของอิสตรี

ทันใดนั้น ดวงตาของกู้หว่านเยว่ก็หรี่ลง สายตาเกี้ยวพาหายไปทันที แทนที่ด้วยความตื่นตัว

จากสายตาของนาง ราตรีสงัดเช่นนี้ มีร่างร่างหนึ่งลอบเข้ามาอย่างลับๆ ล่อๆ

“เป็นซูหัวหลิน”

ซูจิ่งสิงพูดอย่างเย็นชา

ก่อนจะแยกกันพักผ่อน กู้หว่านเยว่คิดว่ากลิ่นของซาลาเปาเนื้อแรงเกินไป จึงใส่ห่อซาลาเปาเนื้อที่เหลือนั้นเอาไว้ในกระเป๋าของนางหยาง

ร่างวับๆ แวมๆ ของซูหัวหลิน เห็นได้ชัดว่ามาที่นี่เพื่อขโมยบางสิ่งบางอย่าง!

ดวงตาของซูจิ่งสิงทอประกายเย็นเยียบ เขาหยิบหินก้อนเล็กๆ ขึ้นมาแล้วกำลังจะลงมือ

“ประเดี๋ยวก่อน”

กู้หว่านเยว่รีบหยุดเขา จากนั้นจึงส่งสายตาว่าท่านวางใจไปให้เขา

ความหมายความว่าอย่างไร?

หรือว่านางรู้อยู่แล้วว่าซูหัวหลินจะมาขโมยของ?

ซูจิ่งสิงกลั้นหายใจ ทันทีนั้นก็นึกสงสัยว่ากู้หว่านเยว่จะใช้วิธีใดมาขัดขวางแผนการของซูหัวหลิน

มองเห็นซูหัวหลินเดินขึ้นไปหยุดอยู่ใกล้ๆ นางหยาง แล้วมองไปรอบๆ ด้วยความไม่สบายใจ

ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงบ ยกเว้นเพียงเสียงกรนที่จะดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว

เขาหายใจด้วยความโล่งอก เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าของนางหยาง ทันใดนั้น ใบหน้าก็ทอประกายความยินดี

นางเฉียนที่อยู่ไม่ไกลก็พยายามส่งสัญญาณให้เขาสุดชีวิต โดยบอกว่าหากได้ซาลาเปาเนื้อแล้วก็ให้รีบกลับมา

แต่ซูหัวหลินกลับก็ส่งเสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือดออกมากะทันหัน

“อ๊าก... เจ็บจะตายแล้ว มือข้า!”

ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ เสียงกรีดร้องนี้ก็เป็นดั่งเสียงฟ้าร้อง ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง

เหล่านักการที่พักผ่อนกันก็พลันเร่งรุดมารวมตัว

มองเห็นว่ามือของซูหัวหลินถูกกับดักหมูป่าหนีบเอาไว้!

ซี่เหล็กแหลมคมแทงลึกเข้าไปในเนื้อของเขา เลือดสีแดงสดไหลพะเนิน ในมือยังคงจับซาลาเปาเนื้อที่จางเอ้อมอบให้กู้หว่านเยว่วันนี้อยู่

“นี่คือมาขโมยของ แต่โดนกับดักหมูป่าหนีบเข้าสิท่า?”

“ไร้ยางอายนัก ฉวยโอกาสตอนคนอื่นกำลังหลับมาขโมยของ”

หลังจากได้สติกลับมา ทุกคนก็เริ่มปรามาสดุด่า มีบางคนถึงกับตรวจสอบกระเป๋าของตน ด้วยกลัวว่าจะถูกโจรขโมยไปแล้ว

ทุกคนในตระกูลซูเองก็รีบวิ่งมาเช่นกัน

เมื่อเห็นมือของซูหัวหลินเต็มไปด้วยเลือด นางเฉียนก็เกือบจะเป็นลมล้มพับไป ซูหัวหลินร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด

“ยืนบื้ออยู่ทำไม? รีบมาช่วยข้าสิ รีบช่วยข้า นิ้วข้าจะถูกตัดแล้ว!”

คนจากบ้านสองร้อนรนจนหัวหมุน แต่พวกเขาล้วนแต่เป็นผู้ดีตีนแดง ไหนเลยจะรู้วิธีจัดการกับกับดักหมูป่ากัน?

ไม่ทันได้ระวัง มือของนางเฉียนก็ไปบาดกับตะขอซี่หนึ่ง

นางรีบดึงมือกลับทันที ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยอีกแล้ว

“นังแพศยา วาจาเอ่ยหนึ่งราตรีสามีภรรยาร้อยวันเมตตา[footnoteRef:1] ข้าว่าเป็นยามภัยมาเยือนเอาตัวรอด[footnoteRef:2]เสียมากกว่า!” [1: เมื่อความสัมพันธ์เกิดขึ้นแล้ว ความรู้สึกลึกซึ้งก็จะพัฒนา] [2: เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็หนีเอาตัวรอดเพียงคนเดียว]

ซูหัวหลินหลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด หัวใจหนาวสะท้าน

นางเฉียนทำได้เพียงให้มาด่ากู้หว่านเยว่แทน “กู้หว่านเยว่ เจ้าใจเหี้ยมเหลือเกินแล้ว นี่คือลุงใหญ่ของเจ้านะ เจ้ากลับกล้าใช้กับดักหมูป่ามาทำร้ายเขา!”

กู้หว่านเยว่แค่นหัวเราะ โต้กลับไปอย่างไม่อนาทร “กับดักหมูป่าของข้าวางไว้กันขโมย ถ้าซูหัวหลินไม่ใช่ขโมย ก็ไม่ถูกหนีบเข้าหรอก”

“นางสารเลว...” นางเฉียนโกรธจนปวดอก นางพับแขนเสื้อขึ้นแล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าทันที

กู้หว่านเยว่คว้าผมของนางไว้เต็มมือ แล้วโยนนางลงไปที่พื้นอย่างแรง

“ถ้าเจ้ากล้ารังแกท่านพ่อท่านแม่ข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ซูอวี่แห่งบ้านสองเผยสายตาดุร้าย หยิบหินขึ้นมาจากบนพื้นแล้วฟาดหัวกู้หว่านเยว่

กู้หว่านเยว่รีบก้าวหลบทันควัน แล้วคว้าแขนของเขาเอาไว้ บิดหักอย่างแรง

“อ๊าๆ อ๊าก เจ็บมาก ช่วยด้วย ท่านย่า ช่วยข้าด้วย...”

ซูอวี้ร้องไห้โฮไร้ยางอาย ฮูหยินผู้เฒ่ารักหลานชายคนนี้มากที่สุด จึงพูดออกมาด้วยความโกรธ ใบหน้าเข้มครึ้ม

“กู้หว่านเยว่ เจ้าคนไม่มีใครสั่งสอน ปล่อยอวี่เอ๋อมาเดี๋ยวนี้นะ!”

กู้หว่านเยว่หักข้อมือของซูอวี่จนได้ยินเสียงแกร๊ก แล้วพูดประชดว่า

“พูดถึงเรื่องไม่มีใครสั่งสอน ไม่มีใครเทียบเท่าเหล่าลูกชายของท่านที่มีมารดาให้กำเนิดแต่ไร้มารดาคอยเลี้ยงดูแล้วเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ดาวไม้กวาดคนนี้ ด่าคนได้รุนแรงนัก!

นางมองซูจิ่งสิงด้วยใบหน้ามืดมน

“ซูจิ่งสิง ภรรยาเจ้าปีนหัวผู้ใหญ่ ไม่เคารพผู้อาวุโส หรือเจ้าไม่คิดจะปรามนางหน่อยหรือ?”

ซูจิ่งสิงเหลือบมองกู้หว่านเยว่หนึ่งครั้ง แล้วพูดออกมาโดยไม่ต้องคิด “พวกเราสองบ้านตัดสัมพันธ์กันไปแล้ว พวกท่านไม่นับว่าเป็นผู้อาวุโส

ส่วนที่ภรรยาข้าทำลงไปก็ถูกต้องแล้ว เหตุใดข้าต้องเข้าไปปราม?”

“เจ้า... ดียิ่ง ประเสริฐนักแล้ว เพื่อนางดาวไม้กวาดคนนี้ เจ้าถึงขั้นไม่สนใจย่าเจ้าแล้ว!”

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าซูจิ่งสิงยามนี้พึ่งไม่ได้แล้ว จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ มองไปที่กู้หว่านเยว่แล้วพูดว่า

“ขอเพียงเจ้าแกะกับดักหมูป่าที่หนีบเจ้ารองออก เรื่องในวันนี้ จะไม่รื้อย้อนขึ้นมาอีก”

ไม่รื้อย้อนขึ้นมาอีก?

กู้หว่านเยว่กลอกตา ยายแก่คนนี้ไม่เข้าใจสถานการณ์ใช่หรือเปล่า?

คิดว่าพวกเยอะก็ไร้ศัตรูจริงหรือไร?

“ข้าย้ำอีกครั้ง กับดักหมูป่านี้ข้าวางไว้ป้องกันขโมย ข้าไม่แกะ”

พูดจบ กู้หว่านเยว่ก็เดินไปหยิบซาลาเปาจากมือของซูหัวหลิน แล้วพานางหยางไปเข้านอน

บ้านสองตระกูลซูอยากหยุดนาง แต่จางเอ้อที่ยืนดูละครอยู่ก็เดินขึ้นมาเตือนความ

“จะทำอะไร? พวกเจ้าจะสร้างเรื่องกันหรือไร?”

พวกเขายังไม่กล้าปะทะกับนักการตรงๆ ทำได้เพียงมองดูกู้หว่านเยว่จากไปอย่างไม่เต็มใจ

ฮูหยินผู้เฒ่าคว้าซูจิ่นเอ๋อที่ยังยืนลังเล ใบหน้าชรายกยิ้มบางเบา

“จิ่นเอ๋อ ลุงรองดีต่อเจ้ามาตลอดใช่หรือไม่? ตอนนี้มือของลุงรองของถูกกับดักหมูป่าหนีบเข้า เจ้าไปบอกให้กู้หว่านเยว่แกะกับดักหมูป่านี้ออกหน่อยสิ”

ซูจิ่นเอ๋อลังเล พูดออกมาว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ นางไม่ฟังข้าหรอกเจ้าค่ะ”

นางเฉียนเข้ามาสมทบว่า “นางหนูอย่างเจ้าเหตุใดถึงได้หัวช้าเช่นนี้? ถ้านางไม่ฟังเจ้า เจ้าก็ทะเลาะกับนางเสียสิ เจ้าเป็นลูกสาวแท้ๆ ของบ้านสามนะ นางที่เป็นสตรีแต่งเข้าจะทำอะไรเจ้าได้?”

ซูจิ่นเอ๋อมองท่านย่าและป้าสะใภ้รองที่ใบหน้ายิ้มแย้มใจดี ตนมักรู้สึกว่ารอยยิ้มของพวกนางมองอย่างไรก็ดูเสแสร้งพิลึก
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
อนงนารถ บุญทวี
นี่แค่เพิ่งเริ่มต้นเองนะ
goodnovel comment avatar
Dumpjea
สมน้ำหน้ส ทำชั่วต้องไดรับกรรม สมควร
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
ขอบคุณค่ะสนุกมากขึ้น
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 10

    นางผละตัวออกจากมือของพวกนางด้วยความรู้สึกไม่สบายตัว“ท่านย่า ป้าสะใภ้รอง ข้าต้องไปแล้วเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นท่านแม่จะโกรธเอาได้”เมื่อเห็นว่านางไม่เชื่อฟัง เฉียนซื่อก็เริ่มร้อนรน “แม่เจ้าเป็นแค่คนสมองทื่อคนหนึ่ง จะโกรธเกรี้ยวอะไรขึ้นมาได้?”ดวงตาของซูจิ่นเอ๋อเบิกกว้าง “ป้าสะใภ้รอง ท่านพูดถึงท่านแม่ข้าเช่นนั้นได้อย่างไร?”จิตใจของเฉียนซื่อถูกตีกระตุ้น พลันโพล่งออกมาว่า “แม่เจ้าเดิมทีก็ไม่สมประดี ยังห้ามไม่ให้คนพูดอีก ยังคิดว่าตัวเองเป็นมารดาอ๋อง ขนิษฐาอ๋องอยู่อีกหรือ?”“ท่าน……”ร่างกายของซูจิ่นเอ๋อสั่นเทา นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าป้าสะใภ้รองที่เคยดีกับนางถึงเพียงนั้น จะพูดออกมาเช่นนี้หันมาอีกด้าน ท่านย่าเองก็แสดงสีหน้าเย็นชาเช่นกัน สายตาที่มองนางเผยให้เห็นถึงความไม่อดทนซูจิ่นเอ๋อวิ่งหนีไปอย่างเศร้าใจกู้หว่านเยว่เพิ่งย้ายซาลาเปาเนื้อไปยังที่ที่ปลอดภัยที่อื่นเสร็จ ก็เห็นสีหน้าของซูจิ่นเอ๋อดูตื่นตระหนก“เจ้าเป็นอะไรไป?”แม้ว่าจะไม่อยากสนใจนางหนูนี่ แต่นางยังเล็กเพียงนี้ก็ต้องติดตามโดนเนรเทศ จึงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ออกมาสักคำซูจิ่นเอ๋อเม้มริมฝีปาก เหลือบมองกู่หว่านเยว่ ทันใดนั้นก็พ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 11

    กู้หว่านเยว่ไม่ได้ช่วยซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อเย็บถุงหอมบนเส้นทางการเนรเทศ ไม่มีคุณชายและคุณหนูผู้สูงส่ง ทุกคนต้องลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเองซูจื่อชิงรับถุงหอม จากนั้นไปขอคำแนะนำจากนางหยางซูจิ่นเอ๋อลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ด่าทออย่างรุนแรงอีกต่อไป หยิบเข็มและด้ายขึ้นมาลองเย็บดูทว่าดวงตาของนางกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่เป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นว่าขบวนยังพักอยู่ กู้หว่านเยว่หยิบผ้าขึ้นมาแล้วเดินไปที่ริมลำธาร จากนั้นก้มหน้าลงแล้วแอบหยิบยาสีฟันและแปรงสีฟันออกมาจากมิติเพื่อล้างหน้าแปรงฟันไม่แปรงฟันปากเปื้อนไปหมด นางทนไม่ได้ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือก็กำลังวักน้ำจากลำธารมาล้างหน้าเช่นกัน หางตาเหลือบไปเห็นกู้หว่านเยว่ล้างหน้าเสร็จแล้ว และกำลังจ้องมองผิวน้ำอย่างตั้งใจ ใจของนางก็เต้นแรงขึ้นมาอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ ย่องเข้าไปใกล้กู้หว่านเยว่จากด้านหลัง จากนั้นยื่นมือออกไปผลักอย่างรุนแรง“ว้าย!”เสียงกรีดร้องดังขึ้นกู้หว่านเยว่ที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของนางจากเงาสะท้อนในน้ำตั้งแต่แรกแล้วจึงหลบไปด้านข้าง ไม่ลังเลที่จะถีบหลี่ซือซือที่กำลังเซไปเซมาลงไปในน้ำ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 12

    เพื่อที่จะจับปลา พวกเขาถึงกับไม่ไปรับโจ๊กผักจากนักการ!ไม่ได้กินข้าวเช้า แถมยังจับปลาไม่ได้อีกซวยสุด ๆ ไปเลย!กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขา “พวกเจ้าไม่มีความสามารถจับปลาไม่ได้ มันเกี่ยวอะไรกับข้า ลูกผู้ชายตัวโตตั้งหลายคนยังทำตัวเหมือนพวกไร้ค่า”หลายคนโมโหจนแทบจะเป็นลมกับปากร้าย ๆ ของนาง แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปหาเรื่อง ได้แต่โกรธอยู่ในใจหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ทุกคนก็ออกเดินทางกันต่อซูหัวหลินถูกทุบตีทั้งคืน นอนอยู่บนพื้นในสภาพร่อแร่ ไร้เรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อนฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยากให้ซูอวี่แบก ส่วนบ้านรองก็ไม่มีผู้ชายคนอื่น นางจึงหันไปมองนางเฉียนแต่คาดไม่ถึงเลยว่านางเฉียนกลับร้องโอ๊ยแล้วลงไปนั่งยอง ๆ “ท่านแม่ เท้าของข้าแพลง ข้าแบกท่านพี่ไม่ไหวหรอก”“เจ้า นางสารเลว เมื่อกี้ยังกระโดดโลดเต้นอยู่เลย” ซูหัวหลินโมโหจนกระอักเลือด นี่มันชัดเจนว่านางเฉียนจงใจไม่อยากแบกเขานางเฉียนกระชับห่อของที่อยู่บนตัวแน่น “ข้าต้องแบกเงินมากมายขนาดนี้ แล้วยังต้องแบกอาหารอีก ข้าแบกท่านไม่ไหวจริง ๆ ”ซูหัวหลินเงียบเสียงตอนนี้เขาต้องพึ่งพาเงินที่ได้จากครอบครัวฝั่งแม่ของนางเฉียน ถ้าทำให้นางเฉียนโกรธ คงต้องอดตา

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 13

    เดิมทีกู้หว่านเยว่ก็อยากไปซื้อของอยู่แล้ว ต่อไประหว่างทางถ้าหยิบอะไรออกมา ก็จะได้อ้างว่าเป็นของที่ซื้อมาเมื่อได้ยินคำพูดของจางเอ้อร์ นางก็รีบกลับไปที่ห้องเพื่อหยิบตะกร้าตอนจะไป ซูจิ่งสิงที่อยู่บนเตียงก็ยัดกุญแจให้นาง“เจ้าเอาอันนี้ไป หาโอกาสไปที่ลานบ้านเล็ก ๆ หลังตรอกอูอี มีของอยู่ข้างใน... เจ้าขนมันออกมาให้หมด”ขณะที่พูดประโยคสุดท้าย ซูจิ่งสิงก็มองนางอย่างลึกซึ้งแต่กู้หว่านเยว่มัวแต่ตกใจจนไม่ได้สังเกตแววตาของเขา ผู้ชายคนนี้แอบซ่อนของไว้ที่นี่ด้วยหรือ?สมกับเป็นตัวร้ายในนิยายที่มีสติปัญญาและวรยุทธ์เหนือกว่าฮ่องเต้สุนัขตัวนั้น ดูเหมือนว่าจะเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้วสินะกู้หว่านเยว่อยากรู้อยากเห็นมาก “ท่านซ่อนอะไรไว้?”“เห็นแล้วก็จะรู้เอง”นักการยังคงรออยู่ข้างนอกประตู กู้หว่านเยว่ไม่สะดวกที่จะถามอะไรมากนัก จึงรับกุญแจมาแล้วรีบออกไป“บางคนนี่หน้าไม่อายจริง ๆ ไม่รู้ว่าลับหลังแอบไปประจบประแจงอะไรนักการ ถึงได้ไปซื้อของกับพวกเราได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน”เมื่อเห็นนักการไปลากรถ หลี่ซือซือก็พูดจาเหน็บแนมด้วยความอิจฉาคนอื่น ๆ ในอีกหลายครอบครัวเห็นกู้หว่านเยว่ช่วยซุนอู่ไว้ ในใจก็รู้ถึ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 14

    “นี่คือ?” จางเอ้อร์ยังไม่เข้าใจ“ยาสมุนไพรที่ข้าไปซื้อมาจากร้านขายยา ใช้ทาที่ขา สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ขาได้”จางเอ้อร์ตกตะลึง ก้มมองขาของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ครอบครัวของเขายากจน พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ขาข้างนี้ก็ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแผ่นหินกระแทกในขณะที่เขาพยายามหาเลี้ยงชีพปกติแล้วการเดินไม่เป็นอุปสรรค แต่ถ้าเดินมาก ๆ ก็จะเริ่มเดินกะเผลกการคุมตัวนักโทษนั้นจริง ๆ แล้วค่อนข้างไม่สะดวก แต่คนชั้นต่ำอย่างเขาไม่มีสิทธิ์จะมาเรื่องมากแม่นางกู้กลับสังเกตเห็นยิ่งไปกว่านั้น นางมาสายเพราะไปจัดยาให้เขาจางเอ้อร์ก้มหน้าลง ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย เขาหยิบยาที่กู้หว่านเยว่ยื่นให้มาอย่างลวกๆ“แม่นางกู้ ขอบคุณมาก”นอกจากหัวหน้าแล้ว แม่นางกู้เป็นคนแรกที่ดีกับเขาขนาดนี้“ไม่ต้องเกรงใจ ท่านก็ดูแลข้าเหมือนกัน” กู้หว่านเยว่เป็นคนแบบนี้ ไม่เอาเปรียบคนอื่น ถ้าคนอื่นดีกับนาง นางก็จะตอบแทนกลับไปเป็นสองเท่าในเมื่อจางเอ้อร์ไว้ใจนาง นางจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง“นางจิ้งจอก ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าใช้มนตร์เสน่ห์อะไรกับพวกนักการน่ารังเกียจพวกนี้!”ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือเห็นกู้หว่านเยว่พูดคุยก

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 15

    กู้หว่านเยว่คนนี้ถึงกับสร้างบ้านด้วยมือเปล่าในถิ่นทุรกันดาร!เห็นเพียงนางหยิบเชือกป่านออกมา ผูกไว้กับลำต้นของต้นไม้สองต้นที่อยู่ใกล้กัน จากนั้นก็หยิบผ้าใบกันน้ำขนาดใหญ่มาคลี่ออก ผูกปลายทั้งสองข้างเข้ากับเชือก และใช้ก้อนหินทับด้านล่างไว้กับพื้น เพียงเท่านี้เต็นท์ขนาดเล็กก็สร้างเสร็จแล้ว“ไปกัน จื่อชิงและท่านแม่ช่วยกันพยุงท่านพ่อเข้าไปข้างใน จิ่นเอ๋อ เจ้าเอาผ้าห่มที่อยู่บนเกวียนลงมาปูให้เรียบร้อย”กู้หว่านเยว่สั่งการอย่างเป็นระบบคนของบ้านสามต่างมองนางเป็นผู้นำตัวน้อย ๆ และทำตามคำสั่งของนางทันทีนักโทษที่อยู่รอบข้างมองพวกเขาเข้าไปข้างใน นอนลงบนผ้าห่มนุ่ม ๆ แล้วหันกลับมามองพื้นดินที่ตัวเองนอนอยู่ ก็รู้สึกนอนไม่หลับขึ้นมาทันทีซุนอู่ยิ่งประหลาดใจ พวกเขาคุมนักโทษมาเป็นเวลานาน ไม่เคยเห็นใครตั้งเต็นท์กลางทางได้มาก่อน“แม่นางกู้ เต็นท์นี้กันน้ำหรือไม่?” ซุนอู่ถามด้วยความอยากรู้“แน่นอนว่ากันน้ำได้ นี่คือผ้าใบกันน้ำ ไม่ต้องพูดถึงน้ำค้าง แม้แต่น้ำฝนก็กันได้”ขณะที่กู้หว่านเยว่พูด นางก็หยิบธูปหอมออกจากบนเกวียนมาจุดไฟ จากนั้นแขวนไว้ข้างเต็นท์ เพื่อป้องกันยุงมากัดในตอนกลางคืนซุนอู่เริ่มส

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 16

    “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน ท่านปิดบังซ่อนเร้นได้เก่งมาก ท่านสามารถซ่อนขาแกะย่างเอาไว้ในห่อ ท่านคือแบบอย่างที่ดีของข้า!”ซูจื่อชิงอ้าปากกล่าววาจาประจบ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงโตมากลายเป็นพ่อไก่แจ้หว่านเสน่ห์สาวไปทั่วเมืองซูจิ่นเอ๋อขยี้ตาเล็กน้อย เขาคิดว่าภาพตรงหน้าคือความฝัน “ขาแกะ ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ข้าได้กินขาแกะจริง ๆ ใช่ไหม....”แววตาของนางหยางเปล่งประกายและกลืนน้ำลายด้วยความตะกละตะกลามอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของซูจิ่งสิงยังคงนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก แต่นัยน์ตาสีดำทะมึนคู่นั้นเต็มไปด้วยความตกใจ เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาล้ำลึก เขามั่นใจว่าขาแกะชิ้นนี้ไม่ได้ถูกนำออกมาจากห่อกระดาษอย่างแน่นอนดูท่าการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง....แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้เปิดโปงกู้หว่านเยว่ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขาเขาเพียงแต่แปลกใจ ทำไมกู้หว่านเยว่คนนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนไม่เหมือนกับกู้หว่านเยว่ที่เขาเคยสอบสวนอยู่ในจวนโหว?“ชู่ว์ เบา ๆ หน่อย คนอื่นได้ยินหมดแล้ว”กู้หว่านเยว่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาทาบบนริมฝีปากส่งสัญญาณ แม้ว่าตอนนี้นักการในศาลาว่าการจะยอมปิดตาข้างหนึ่งในเรื่องของพวกเขา แต่หากคนอื่นเห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 17

    ดึกดื่นค่อนคืนที่ทุกคนกำลังนอนหลับ ทันใดนั้นท้องฟ้ายามราตรีก็เกิดปรากฏการณ์ฟ้าร้องเสียงดังสนั่น ตามมาด้วยฝนที่ตกปรอย ๆ ก่อนจะก่อตัวขึ้นเป็นฝนตกห่าใหญ่“แย่แล้ว ฝนตกหนัก....”ทุกคนต่างสะดุ้งตื่นจากความฝัน กระทั่งพบว่าตัวเองนั้นเปียกโชกไปทั้งตัวแล้วในทางกลับกันกู้หว่านเยว่ คนของบ้านสามที่นางพากลับมารับรู้เหตุการณ์ได้ล่วงหน้าจึงรีบซ่อนตัวอยู่ในกระโจม ดังนั้นจึงไม่มีใครเปียกฝนสักคนเหล่านักการในศาลาว่าการที่ซ่อนตัวอยู่ในกระโจมต่างรู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ“โชคดีที่พวกเราเรียนรู้วิธีการกางกระโจมมาจากแม่นางกู้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้เปียกฝนกันหมดแล้ว”จางเอ้อร์แสดงสีหน้าพอใจซุนอู่ตอบ “อื้อ” คำเดียว แม้ว่าน้ำเสียงจะแข็งกระด้าง แต่สายตายังแฝงไปด้วยความชื่นชมกู้หว่านเยว่คนนี้มีประโยชน์มากจริง ๆ แต่เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับคนอื่น ฝนที่ตกกระหน่ำลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว แม้แต่ที่หลบฝนพวกเขาก็ยังไม่มีผู้ใหญ่ยังเอาตัวรอดได้ แต่เด็กและอาวุโสจะทนฝนที่ตกหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?ทางฝั่งตระกูลเหยียนที่โดนรื้อค้นก็กำลังประสบปัญหาเดียวกัน เหยียนฮูหยินอุ้มเด็กน้อยวัยห้าขวบอยู่ในอ้อมอกและซ่อ

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1612

    “กระหม่อมจะทำให้สุดความสามารถ จวบจนวันตาย”“ใครกำลังทำสุดความสามารถ จวบจนวันตายอยู่ตรงนี้หรือ”ด้านนอกมีเสียงหัวเราะอ่อนโยนดังขึ้น ต่อจากนั้นคือเสียงหัวเราะเฮฮาเว่ยเฉิงรีบลุกขึ้นแล้วเงยหน้ามอง พบว่าเป็นอวิ๋นมู่และมู่หรงฉางเล่อ“พวกท่านมาได้อย่างไร?”สายตาเขาประหลาดใจมู่หรงฉางเล่อยิ้มพร้อมแหย่เขา “ใต้เท้าเว่ย พวกเราไม่เหมือนท่านหรอกนะ มีจวนที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้ พวกเราจะมาขอพึ่งพิงอาศัย มาขออยู่ที่จวนของท่านอย่างไรละ”อวิ๋นมู่มีกิจการในเมืองหลวงไม่น้อย แต่ช่วงที่ผ่านมากิจการของเขาเกิดปัญหา บ้านทุกหลังล้วนถูกทำลายปิดตาย จนตอนนี้ยังซ่อมไม่แล้วเสร็จ“ไม่ทราบใต้เท้าเว่ยต้อนรับพวกเราหรือไม่”น้ำเสียงอวิ๋นมู่อ่อนโยน พร้อมเอ่ยแล้วยิ้ม“ย่อมยินดีแน่นอน” เว่ยเฉิงรีบกล่าว “เพียงแต่จวนแห่งนี้เพิ่งจะพระราชทานให้ข้าวันนี้ ภายในยังไม่มีเครื่องเรือนใดเลย”“เรื่องนี้ท่านยังไม่รีบขอบคุณคุณชายอวิ๋นอีก เขาได้สั่งให้คนขนเครื่องเรือนมาให้ท่านแล้วหนึ่งชุด”“เครื่องเรือนหรือ”เว่ยเฉิงมองไปข้างนอก ตอนนี้เพิ่งสังเกตเห็นรถม้าหลายคันที่จอดอยู่หน้าจวน บนรถม้าเหล่านั้นล้วนมีผ้าคลุม สิ่งที่เผยให้เห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1611

    ยามตะวันตกดินเว่ยเฉิงเดินกลับบ้านภายใต้แสงจันทร์ทางราชสำนักได้จัดบ้านพักไว้ให้เขาในเมืองหลวงแล้ว อีกทั้งยังส่งคนไปรับเจียงหรงกับยายเฒ่าอู๋และลูกที่เพิ่งคลอดมาที่นี่ตอนนี้ เขาถือกุญแจ ล่วงหน้าไปตรวจตราบ้านหลังนั้นก่อนต่างจากชาติที่แล้ว ตอนนั้นเพื่อดึงเขามาเป็นพรรคพวก เพื่อรักษาอำนาจราชสำนักใหม่ จึงจัดให้เขาอยู่ในถนนจูเชวี่ยที่ดีที่สุด พระราชทานให้เขาพักในจวนระดับจวนอ๋องจวนเว่ยเบื้องหน้าแห่งนี้ เป็นรูปแบบจวนสมุหราชเลขาธิการอย่างแท้จริงเว่ยเฉิงก้มมองกุญแจในมือแวบหนึ่ง“ท่านพ่อ ท่านคิดสิ่งใดอยู่หรือ?”เว่ยเสียวฉู่ดีใจมาทั้งวัน นางไปเข้าร่วมพิธีราชาภิเษก มีคนมากมายช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน!อาจารย์นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร มือถือพู่กันแดง เพียงเอ่ยอย่างแผ่วเบา ก็สามารถกำหนดให้คนเป็นหรือตาย ช่างเป็นขวัญใจของนาง!นางแต่งตั้งให้ท่านพ่อเป็นสมุหราชเลขาธิการได้ยินมาว่าสมุหราชเลขาธิการเป็นตำแหน่งขุนนางที่ใหญ่ที่สุด หลังเสร็จสิ้นพิธี มีคนมากมายมาประจบท่านพ่อแต่ดูเหมือนท่านพ่อจะไม่ดีใจ“เสียวฉู่”เว่ยเฉิงแบกเว่ยเสียวฉู่เดินเข้าไปในจวน “ยังจำที่พ่อเคยบอกเจ้า เรื่องความฝันก่อนหน้านี้

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1610

    มู่หรงถิงนับว่ามีชื่อเสียงฉาวโฉ่นับหมื่นปีแล้ว เรื่องลอบสังหารรัชทายาทจะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์“ส่งเข้าตำหนักเย็นเถอะ”ซูจิ่งสิงพูดเสียงเรียบเฉย “ฆ่าเขา นี่ง่ายเกินไปแล้ว ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานที่ตำหนักเย็นไปชั่วชีวิตเถอะ”“ความคิดนี้ไม่เลว”พรรคพวกของมู่หรงถิงล้วนถูกฆ่าจนหมดสิ้นแล้ว เขาเองก็ไม่สามารถก่อความวุ่นวายอันใดได้อีก ปล่อยให้เขาทุกข์ทรมานในอีกครึ่งชีวิตที่เหลือถึงจะทรมานที่สุด“หว่านเยว่ พรุ่งนี้ข้าเตรียมตกรางวัลขุนนางผู้มีคุณูปการ”ซูจิ่งสิงมองฎีกาในมือ“เดิมทีข้าอยากให้โจวเหล่ารับตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการ เพียงน่าเสียดายเขาพูดว่าเขาอายุมากแล้ว อยากกลับไปสอนหนังสือที่เจดีย์หนิงกู่”โจวเหล่าคือขุนนางเก่าแก่สามรัชสมัย มีเขาบัญชาการ เหล่าขุนนางไม่มีวันกล้าเหิมเกริม“โจวเหล่าอายุมากแล้วจริงๆครั้งนี้เขาเดินทางมาจากเจดีย์หนิงกู่ ขอยาจากข้าไปหลายครั้งให้เขาเกษียณกลับบ้านเกิดเลี้ยงดูยามชราเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่กลับมีคนผู้หนึ่งต้องการแนะนำ“ก่อตั้งราชสำนักใหม่ บ้านเมืองต้องฟื้นฟู ตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการนี้ ข้ามีตัวเลือกคนหนึ่ง ท่านอยากฟังหรือไม่?”

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1609

    ลั่วยางพูดอย่างมีนัย “หากไม่อยากถอด ก็ได้”“ไม่ใช่ๆข้าถอดๆ ข้าจะถอดเดี๋ยวนี้เลย”เกาเจี้ยนยิ้มโง่งมเขาอยากถอดให้หมดเลยดีหรือไม่!เขารีบวางกระบี่ลง ถอดเกราะบนตัว ทั้งยังถอดเสื้อตัวใน ทำเสียจนลั่วยางรีบห้ามเขาไว้ หาไม่แล้วเขาจะถอดกางเกงอีกด้วย“เปลือยท่อนบนก็พอแล้ว ไม่ต้องถอดกางเกง”ใบหน้ารูปไข่ของลั่วยางแดงเรื่อคนผู้นี้จะต้องตั้งใจแน่ ทั้งๆ ที่บาดเจ็บครึ่งตัวบน จะถอดกางเกงทำอันใด“เจ้าพูดถูก” เกาเจี้ยนรู้สึกตัว ลูบศีรษะอย่างเก้อกระดาก “ขออภัยยางเอ๋อร์ ข้ามิได้ตั้งใจล่วงเกินเจ้า”สมองของเขานี้ เหตุใดมีแต่ขยะกันเล่า!“อย่าพูด”ลั่วยางตำหนิหนึ่งประโยค ใช้ก้านสำลีชุบน้ำยา ฆ่าเชื้อให้เขาเลือดบนบาดแผลแห้งแล้ว ถูกก้านสำลีสะกิดเล็กน้อยก็มีเลือดซึมออกมา หัวใจลั่วยางเกร็งขึ้นมา เปล่งเสียงนุ่มนวลโดยไม่รู้ตัว “เจ็บหรือไม่?”เกาเจี้ยนสบมองคนในดวงใจอย่างเคลิบเคลิ้ม ไฉนเลยจะรู้สึกเจ็บ“ไม่เจ็บๆ”เขารีบส่ายหน้าทำเสียจนลั่วยางหัวเราะออกมาอีกครั้งมู่หรงอวี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย เขามีชาติกำเนิดต่ำต้อย ถูกรังแกตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าทำเรื่องใดล้วนต้องใคร่ครวญข้อดีข้อเสียก่อน หนำซ้ำยังไม่ปล่อย

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1608

    ลั่วยางหัวเราะ “ท่านอยากพูดอันใด? ท่านพูดก่อนเถอะ”เกาเจี้ยนกระแอมทีหนึ่ง ใบหน้าภายใต้เกราะเขินอายเล็กน้อย“ข้าอยากถามเจ้าว่าช่วงนี้เจ้าสบายดีหรือไม่? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่? ได้เผชิญหน้ากับอันตรายหรือไม่?”นางยิ้มพลางส่ายหน้า“ช่วงนี้ข้าสบายดีมากและปลอดภัยดี ไม่ได้พบอันตรายอันใด ของกินของใช้เองก็ดี ไม่พร่องไปแม้ผมเส้นเดียว”นางเอ่ยตอบชัดถ้อยชัดคำด้วยสีหน้าจริงจังเกาเจี้ยนถูกเสียงนุ่มนวลและสายตามุ่งมั่นของนางทำให้คล้อยตาม สายตาจับจ้องนาง ภายในก้นบึ้งของหัวใจอ่อนระทวยคล้ายถูกแสงแดดสาดส่องก็มิปานเขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก อยากวิ่งไปร้องตะโกนบนถนนใหญ่เสียให้ได้ลั่วยางตอบเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังตอบคำถามที่เขากังวลนี่หมายความว่าอันใด? เขารู้ดี“เช่น เช่นนั้นเจ้าเล่า? เมื่อครู่เจ้าอยากพูดอันใด?”เกาเจี้ยนมองทางลั่วยางลั่วยางหัวเราะ เดิมทีนางก็ยังลังเลอยู่ภายในใจ ทว่าได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของเกาเจี้ยน นางกลับไม่ว้าวุ่นใจแล้ว“นี่”นิ้วมือเรียวยาวยื่นออกไปชี้ที่แขนของเกาเจี้ยน“ท่านดูไหล่ของท่านได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลแล้วก็ไม่รู้สึกตัว”เกาเจี้ยนก้มหน้าพบว่าไหล่ของเขามีรอยเลือด น่า

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1607

    “เจ้าเก็บราชลัญจกรหยกนี้ไว้เถอะ”เห็นกู้หว่านเยว่จะปฏิเสธ ซูจิ่งพูดอย่างจริงจัง“มีเพียงเก็บไว้ที่เจ้า ข้าสบายใจที่สุด”“ก็ได้”เขาพูดถึงขั้นนี้แล้วกู้หว่านเยว่เองก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีก ทำได้เพียงรับราชลัญจกรหยกไว้“จะต้องแจ้งข่าวท่านพ่อท่านแม่ ยังมีพวกจื่อชิงอีกด้วย”เมืองหลวงถูกยึดแล้ว ถึงเวลาเขียนจดหมายกลับไปแจ้งว่าปลอดภัยดีซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่เขียนจดหมายของตนคนละฉบับและใส่ไว้ในซองจดหมายเร่งส่งไปยังเจดีย์หนิงกู่ที่ห่างออกไปหนึ่งพันสองร้อยลี้“ก็ไม่รู้ว่าจ้านจ้านจะเป็นเช่นไร”กู้หว่านเยว่ทอดถอนใจเบาๆนางรู้สึกผิดอยู่ภายในใจหลังคลอดจ้านจ้านแล้ว นางที่เป็นมารดาคนหนึ่งกลับอยู่ดูแลข้างกายลูกเพียงไม่กี่วันเท่านั้นนับๆ เวลาดูแล้ว บัดนี้จ้านจ้านกำลังฝึกพูด“วางใจได้ ลูกชายจะต้องอยู่อย่างดีแน่”ซูจิ่งสิงโอบกู้หว่านเยว่ วันนี้ก็คือพวกเขาหนึ่งครอบครัวสามคน“รอรับพวกเขากลับจากเจดีย์หนิงกู่แล้ว ก็สามารถได้พบลูกชายทุกวัน ถึงตอนนั้นค่อยๆ สร้างสายใยกับเขา”ซูจิ่งสิงปลอบ กู้หว่านเยว่พยักหน้าบัดนี้ทำได้เพียงเช่นนี้แล้ว“ใช่แล้ว ข้าต้องออกจากวังเที่ยวหนึ่ง”กู้หว่านเยว่พูด

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1606

    ตอนมู่หรงถิงถูกจับก็หาราชลัญจกรหยกบนตัวเขาไม่พบ“เจ้านำราชลัญจกรหยกไปไว้ที่ใด?”เกาเจี้ยนเค้นถามอย่างไม่เกรงใจมู่หรงถิงแหงนหน้าหัวเราะ“ราชลัญจกรหยกอยู่ที่ใด มีเพียงสวรรค์ล่วงรู้”ราชลัญจกรหยกหายไปเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาส่งคนไปลอบตามหาอยู่นานก็ไร้ผล“ราชลัญจกรหยกหายไปแล้ว นี่จะทำเยี่ยงไร?”“ไม่มีราชลัญจกรหยกจะขึ้นครองราชย์บัลลังก์เยี่ยงไร?”ในราชสำนักต้าฉี ราชลัญจกรหยกหมายถึงอำนาจสูงสุด มีเพียงถือราชลัญจกรหยกไว้ในมือถึงจะมีความชอบธรรม ได้รับการยอมรับจากสวรรค์และรับสืบทอดทางประวัติศาสตร์“ฝ่าบาท ให้ข้าใช้ทัณฑ์ทรมานเค้นถามเขาเถอะว่าตกลงราชลัญจกรหยกอยู่ที่ใด?”เกาเจี้ยนขมวดคิ้วแน่น เงื้อหมัดขึ้นทางมู่หรงถิงเว่ยเฉิงเปล่งเสียงเครียด“ดูจากท่าทางของฉีอ๋องแล้ว เขาน่าจะไม่รู้ว่าราชลัญจกรหยกอยู่ที่ใด”เขามองทางซูจิ่งสิง“ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ข้ายังเคยได้ยินว่าราชลัญจกรหยกหายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกด้วยใช่ว่าฉีอ๋องจะพูดปด”พูดเช่นนี้แล้ว ก็คือมู่หรงถิงเองก็ไม่รู้ว่าราชลัญจกรหยกอยู่ที่ใด ทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง สีหน้าว้าวุ่น“ฝ่าบาทนี่จะทำเยี่ยงไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”“พระองค์จะขึ้นครองราช

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1605

    เห็นได้ชัดว่ามู่หรงถิงจงใจยั่วยุซูจิ่งสิง“วางใจได้”ซูจิ่งสิงตบมือกู้หว่านเยว่อย่างนุ่มนวล บัดนี้เขามีภรรยา มีลูกชาย มีครอบครัว ไม่มีวันมุทะลุสุดโต่ง“ท่านอ๋อง”เกาเจี้ยนมารายงาน “วังหลวงถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว พวกกบฏที่ยังเหลืออยู่ถูกควบคุมไว้แล้วขอรับ”“ดี”สายตาซูจิ่งสิงทอประกายวูบหนึ่งหัวใจมู่หรงถิงแหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ความหวังสุดท้ายของเขาไม่หลงเหลือแล้ว วังหลวงถูกควบคุมไว้ได้ ซูจิ่งสิงชนะอย่างสมบูรณ์แล้ว“เราแพ้แล้ว”มู่หรงถิงทรุดลงในรถนักโทษ คล้ายแก่ขึ้นสิบปี“เราแพ้แล้วจริงๆ”“ไม่ได้แพ้ให้อดีตรัชทายาท กลับแพ้ให้ลูกชายของเขา”คนอื่นมองเขาด้วยสายตาหมิ่นแคลนแวบหนึ่งเขามีคุณสมบัติใดเทียบชั้นกับอดีตรัชทายาท?“ไป ไปตำหนักฉินเจิ้ง”ซูจิ่งสิงพาคนมุ่งหน้าไปยังตำหนักฉินเจิ้ง ที่แห่งนี้คือใจกลางแห่งอำนาจ สามารถขึ้นมายังที่แห่งนี้ได้ ก็หมายความว่าแผ่นดินถูกผลัดเปลี่ยนแล้วภายในตำหนักฉินเจิ้ง นางกำนัลและขันทีหนีไปตั้งนานแล้ว“ยังไม่เคยมาตำหนักฉินเจิ้งเลยนะ”เกาเจี้ยนกระซิบหนึ่งประโยค เขาเฝ้าอยู่ที่ชายแดนมาโดยตลอด ไม่มีแม้แต่โอกาสกลับมายังเมืองหลวง“น้องหญิง”ซูจิ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1604

    “พวกเราเป็นบ่าวปรนนิบัติข้างกายฝ่าบาท ล้วนเป็นคนที่ฝ่าบาทไว้ใจ รอเจิ้นเป่ยอ๋องขึ้นครองบัลลังก์แล้ว คนแรกที่จะฆ่าก็คือพวกเรา”นางกำนัลและขันทีสองสามคนกระซิบกระซาบกันด้วยใบหน้าว้าวุ่น“ไปๆ พวกเรารีบไปเถอะ”พวกเขาต่างพากันถือสัมภาระวิ่งออกไปทางประตูเมืองทว่าพวกเขายังไม่ทันออกจากวัง เสียงต่อสู้กันก็ดังขึ้นที่หน้าประตูวัง เป็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนำคนบุกฝ่าเข้ามา“แย่แล้ว พวกเราหนีออกไปไม่ได้แล้ว”.......“ก็ไม่รู้ว่าต่อสู้กันเป็นเช่นไรแล้ว อยากออกไปช่วยเหลือเกิน”มู่หรงฉางเล่อพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งนางมีอุปนิสัยมุทะลุมาตั้งแต่เด็ก ไม่คุ้นชินกับการนั่งรอข่าวอยู่ที่เรือนในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ลั่วยางยืนสงบนิ่งที่ฝั่งหนึ่ง นางมองแสงเปลวเพลิงลอยพวยพุ่งข้างนอกเรือน“พี่หญิงหว่านเยว่พูดว่าให้พวกเรารออยู่ในเรือน ห้ามมิให้ออกไปเดินส่งเดช เช่นนั้นพวกเราก็ฟังพี่หญิงหว่านเยว่เถอะ”“เหตุใดเจ้าสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้?”มู่หรงฉางเล่อมองนางอย่างแปลกใจลั่วยางหัวเราะ“เพราะข้าและพี่หญิงหว่านเยว่รู้จักกันมานานมาแล้ว ในอดีตข้าและนางยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอีกด้วย ข้ารู้ว่าไม่ว่ายามใดนางก็

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status