กู้หว่านเยว่มองดูผู้ที่เข้ามาหาอย่างบอกไม่ถูก “ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น”“ใครจะรู้ว่าเจ้ามีเจตนาอันใด ทหาร จับพวกเขาสองคนไว้ที!”หลงเส้าเทียนโบกมือ องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังก็เข้ามารายล้อมทั้งสองไว้“ดูไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”กู้หว่านเยว่จับมือของซูจิ่งสิงที่กำลังจะชักดาบไว้ คนผู้นี้ดูเหมือนองครักษ์คนสนิทของจวนหลงฉวน ไม่สร้างความขัดแย้งใด ๆ เป็นดีที่สุด“พวกข้าสองคน ความจริงแล้วเป็นเพื่อนของเส้าฮูหยิน”กู้หว่านเยว่เปิดฉากอธิบาย ตั้งใจจะพูดคุยกับอีกฝ่ายด้วยเหตุผล แต่ไม่คาดคิดว่าหลงเส้าเทียนจะกลอกตาใส่ทันที“เจ้าพูด แล้วข้าต้องเชื่องั้นหรือ? เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่หรืออย่างไร?”เขาดูไม่น่าสุงสิงด้วย “ทหาร พาตัวพวกเขาสองคนกลับไป”กู้หว่านเยว่...“ได้โปรด พวกข้ารู้จักเหยาฮุ่ยซินจริง ๆ”“พี่สาว...ชื่อของเส้าฮูหยิน เจ้าสามารถเรียกตรง ๆ ได้งั้นหรือ?”หลงเส้าเทียนถลึงตาใส่นาง สายตานั้นเหี้ยมโหด วินาทีต่อมา ข้อมือก็ถูกคนจับไว้จนแทบหัก“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บ ๆ ๆ รีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”“คุณชายรอง ท่านไม่เป็นไรนะ?” องครักษ์ก้าวออกไปข้างหน้าอย่างร้อนใจ คนที่อยู่ข้างหลังก็อยู่ในสถานะเฝ้าระวังกู
“แล้วแต่เจ้า”ซูจิ่งสิงพยักหน้า ทั้งสองเข้าไปในมิติอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนชุดที่ใส่ปลอมตัวออก กลับไปตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยไปหมดทั้งช่วงบ่ายแล้วเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาพลบค่ำ ทั้งสองก็ไม่ชักช้าอีก รีบเดินมุ่งหน้าไปที่เรือนของเจ้าของจวนสกุลเส้าขณะนี้ เหยาฮุ่ยซินกำลังเดินตามหลังหลงเส้าเทียนด้วยความร้อนใจ“นางพูดจริงหรือว่า นางชื่อกู้หว่านเยว่?”สีหน้าตื่นเต้นผุดขึ้นบนใบหน้าของเหยาฮุ่ยซิน บั่นทอนความมั่นใจของหลงเส้าเทียน“เอ่อ หญิงผู้นั้นพูดเช่นนี้จริง ๆ” เขากล่าวเสริมอีกประโยคเงียบ ๆ “แต่สิ่งที่นางพูดอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้”“รีบนำทางไป ข้าอยากพบนาง”เหยาฮุ่ยซินดีใจเป็นที่สุด ไม่เก็บการคิดคำนวณของหลงเส้าเทียนมาใส่ใจ“เจ้าบอกว่าเจ้ารู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของข้า แล้วเหตุใดถึงยังจับพวกเขาขังไว้อีก?”นางอดต่อว่าอีกคำไม่ได้ ทำให้หลงเส้าเทียนรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องด้วย“พี่สะใภ้ใหญ่ข้าผิดไปแล้ว ข้าเห็นว่าชายผู้นั้นมีทักษะการต่อสู้ที่เยี่ยมยอด ทั้งสองดูไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจับตาดูพวกเขาอยู่นาน เห็นพวกเขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ในเมือง สงสัยว่าพวกเขาอาจจะเป็นสายลับที่ทูเจวี๋ยส่งมาหรือไม่”
ในเวลาเดียวกันกู้หว่านเยว่ยังไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นแล้ว ขณะนี้กำลังจูงซูจิ่งสิง พาไปยังจวนเจ้ากรมการเงินแม้ว่าเพิ่งผ่านไประยะเวลาสั้นๆ เพียงสองสามเดือนเท่านั้น แต่ทั้งสองคนกลับมาเยือนจวนหลงฉวนอีกครั้ง ความรู้สึกก็เปลี่ยนไปแล้ว“ก็ไม่รู้ว่าครรภ์ของพี่หญิงฮุ่ยซินเป็นเช่นไร บังเอิญครั้งนี้นางมีข่าวดี ในมือข้าก็มียาบำรุงครรภ์ไม่น้อย สามารถมอบให้นางได้”กู้หว่านเยว่กำลังนับยาบำรุงครรภ์ภายในมิติ ล้วนเป็นยาลูกกลอนที่นางปรุงออกมายามว่างทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูจวนหลง กู้หว่านเยว่ขึ้นไปแจ้งหน้าประตูด้วยตนเอง“ข้าคือกู้หว่านเยว่ มาเยี่ยมคารวะฮูหยินน้อย รบกวนเจ้าแจ้งให้ด้วย”นางพูดกับคนเฝ้าประตู สีหน้าคนเฝ้าประตูกลับเปลี่ยนไป มองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงทั้งสองคนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ทันใดนั้นร้องตะโกนอย่างกะทันหัน“เข้ามา รีบจับพวกเขาสองคนเอาไว้”กู้หว่านเยว่รู้สึกแปลกใจมาก มององครักษ์กลุ่มใหญ่วิ่งออกมาจากภายใน เห็นได้ชัดว่าเตรียมการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว“ไยเจ้าจึงจับพวกเรา?”“ฮึ เจ้าขวัญกล้าปลอมตัวเป็นสหายของฮูหยินน้อย” คนเฝ้าประตูโบกมือ “รีบไป ไปแจ้งคุณชายรอง จับคนไว้ได้แล้ว”องครักษ์
สองสามคนทางหนึ่งเดินเข้าไปภายใน ทางหนึ่งเอ่ยถาม ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ซูจิ่งสิงเล่าต้นสายปลายเหตุหนึ่งรอบหลงเสี้ยวเทียนเหงื่อตก “แต่ไหนแต่ไรมาน้องชายข้าทำเรื่องใดล้วนวู่วาม ล่วงเกินทั้งสองท่านแล้ว”“อะไรนะ พี่ใหญ่ พวกเขาเป็นสหายของท่านจริงหรือ?”หลงเส้าเทียนเผยสีหน้าประหลาดใจคล้ายหลุดออกจากฝัน“เจ้าไปคุกเข่าในลานบ้านเดี๋ยวนี้!”หลงเสี้ยวเทียนด่าทออย่างไม่สบอารมณ์หนึ่งประโยค เขาห่วงใยเหยาฮุ่ยซิน พาคนเข้าไปในเรือนของเหยาฮุ่ยซิน ขณะเดียวกันหมอกำลังคุกเข่าตรวจอาการอยู่ที่หน้าเตียงของเหยาฮุ่ยซิน“ฮูหยินน้อยเป็นเช่นไร?”เพียงหลงเสี้ยวเทียนเข้าไป ก็ได้เห็นเหยาฮุ่ยซินกำลังนอนบนเตียงสีหน้าเผือดซีด ปวดแปลบอยู่บ้างภายในใจ“ฮูหยินน้อยมีเลือดออกเล็กน้อย”ถ้อยคำของหมอ ทำให้รูม่านตาเขาหดเกร็ง“เลือดออก ไยจึงมีเลือดออกได้?”“ครรภ์ไม่คงที่ ถึงทำให้เลือดออก” หมอรีบพูดเขากลัวอยู่บาง เอ่ยเตือนเสียงแผ่ว “ข้าจับชีพจรของฮูหยินน้อย พบว่าครรภ์ของฮูหยินน้อยไม่คงที่ มีสัญญาณของการแท้งบุตร...”“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”หลงเสี้ยวเทียนไม่สามารถยอมรับได้ หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทางด้านข้าง“ท่านเจ
“ข้าเกือบแท้ง?”เหยาฮุ่ยซินไม่อยากจะเชื่อ มิน่าเล่าหลังนางตื่นขึ้นมาก็รู้สึกหมดแรง รีบวางมือบนท้องน้อย“ลูกของข้าเล่า?”“ฮุ่ยเอ๋อร์ ลูกไม่เป็นไร” หลงเสี้ยวเทียนไม่กล้าปิดบังนาง ถ่ายทอดคำพูดของหมอให้นางฟัง“แต่เจ้าเพิ่งเลือดออกสองสามหยด หมอพูดว่าครรภ์ของเจ้าไม่คงที่”“อะไรนะ?” สีหน้าเหยาฮุ่ยซินเผือดซีด เด็กคนนี้ยังไม่ถึงสามเดือนเลยนะนางบำรุงครรภ์อย่างระมัดระวังทุกวัน เหตุใดครรภ์จึงไม่คงที่ได้เล่า?“พี่หญิงเหยา ปกติท่านใช้เครื่องหอมหรือไม่?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามหนึ่งประโยค เหยาฮุ่ยซินรีบส่ายหน้า “เปล่า เดิมทีข้าก็ไม่ชอบเครื่องหอมของทำนองนี้อยู่แล้ว หลังตั้งครรภ์ก็ได้ยินว่าเครื่องหอมส่งผลเสียต่อการเติบโตของเด็ก ข้าจึงไม่เคยใช้มาก่อน”กลีบปากนางขาวซีด“ไม่เพียงไม่เคยใช้เครื่องหอม ปกติของกินของใช้ของข้า ล้วนผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด”กู้หว่านเยว่สามารถเข้าใจได้อย่างไรเสียก็มิใช่ครอบครัวธรรมดา จะต้องมีความรู้เรื่องนี้“นี่กลับแปลกยิ่งนัก” กู้หว่านเยว่พูดออกมาหนึ่งประโยคทำเสียจนหลงเสี้ยวเทียนและเหยาฮุ่ยซินรีบถามไล่เรียง “แปลกที่ใดหรือ?”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ปิดบังพวกเขา “ภายใ
หมอรีบยกต้นทับทิมนั้นมา ทีแรกเพียงตรวจสอบภายนอกของต้นไม้เท่านั้น กลับไม่เห็นความผิดปกติอันใด“แปลกยิ่งนัก”“หรือจะเป็นใต้กระถางต้นไม้” กู้หว่านเยว่แสร้งเอ่ยเตือนหนึ่งประโยค เซียงฮูหยินถลึงตาใส่นางอย่างโกรธแค้นหนึ่งปราด หมอคล้ายตื่นจากความฝัน ต้องการดึงต้นทับทิมนี้ขึ้นเพื่อดูใต้กระถาง“ต้นทับทิมนี้มีความนัยว่ามีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”เซียงฮูหยินกล่าวเตือนอย่างหวาดกลัว“หากเจ้าดึงมันออกมา ไม่แน่ว่าอาจเป็นลางไม่ดีอะไร”หมอลังเลไม่ผิดไปดังคาด ซูจิ่งสิงเดินเข้าไป ไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงต้นทับทิมออกมาแล้ว“พวกท่านดู ดินนี้แปลกๆ”สาวใช้ประจำตัวเหยาฮุ่ยซินชี้ไปที่ดิน หมอรีบคลี่ออกเพื่อตรวจดูเครื่องหอมถูกน้ำล้างออก กลิ่นฉุนมาก กลิ่นหอมฉุนชำแรกจมูของเขา หมอรีบพูดว่า“สิ่งที่อยู่ภายในคือกลิ่นชะมด เหตุใดใส่กลิ่นชะมดไว้ในดินเล่า?”“ภายในนี้ถึงขั้นมีกลิ่นชะมดอยู่?”เห็นสายตาเซียงฮูหยินว้าวุ่น ยังจะมีอะไรที่เหยาฮุ่ยซินยังไม่รู้อีกเล่า?“ท่านโหดเหี้ยมเกินไปแล้วกระมัง แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยล่วงเกินท่านมาก่อน!”ทุกวันยามนางว่าง ก็มักรดน้ำต้นทับทิมนี้บ่อยๆ ไม่รู้ว่าสูดกลิ่นชะมดอย่างไม่ตั้ง
“พวกเจ้าจะจับข้าไม่ได้”อาจเพราะเซียงฮูหยินคิดไม่ถึงว่าหลังหลงเสี้ยวเทียนได้รู้อดีตที่ผ่านมาแล้ว ยังไร้เยื่อใยเช่นนี้ รีบคุกเข่ากับพื้น จับชายเสื้อของเขาไว้“ข้าชอบท่านด้วยใจจริง หรือว่าท่านไม่เห็นแก่ไมตรีเก่าเลยแม้แต่น้อย?”เซียงฮูหยินคิดจริงๆ ว่า หลงเสี้ยวเทียนจะต้องมีใจให้นางอยู่บ้าง นี่ถึงช่วยนางไว้ที่ทุ่งล่าสัตว์ฤดูหนาว“ตอนนั้นข้าเห็นท่านใกล้หนาวตาย จึงสงสารท่าน”หลงเสี้ยวเทียนไม่แสดงอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า“หากข้ารู้ว่าวันหนึ่ง ท่านจะทำร้ายฮุ่ยซินตอนนั้น ข้ายอมดูท่านแข็งตายไป”“ท่าน...”คำพูดเย็นชาไร้หัวใจ ทำลายความคิดเพ้อฝันของเซียงฮูหยินจนแหลกละเอียด นางมองหลงเสี้ยวเทียนอย่างเหลือจะเชื่อ“ท่านพี่” เหยาฮุ่ยซินจับมือของเขาไว้ สีหน้าเผือดซีดอยู่บ้างหลงเสี้ยวเทียนรีบหันหลังปลอบนาง สีหน้าอ่อนโยน“ไม่ต้องกลัว เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการเอง ข้าไม่มีวันปล่อยคนที่ทำร้ายเจ้าไป”ต่อให้อีกฝ่ายเป็นอนุของบิดา เขาก็จะต้องให้นางชดใช้อย่างสาสม“ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้ ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้ ข้าหลงใหลในตัวท่าน...”“เหยาฮุ่ยซิน เจ้ามีคุณธรรมมีความสามารถอะไรกัน ข้าขอสาปแช่งเจ้
“ให้อภัยท่าน” กู้หว่านเยว่เองก็ยิ้มบางๆ อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร“เหตุใดข้ารู้สึกแปลกๆ กันเล่า?”การแสดงออกของหลงเส้าเทียน แม้เขาเข้าใจผิดไปว่าสองสามีภรรยาเป็นคนสอดแนม ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้ทำร้ายสองคนนี้ ตรงข้ามกันเขาถูกฟาดแส้ไปแล้ว บัดนี้ยังรู้สึกเจ็บเนื้อตัวอยู่เลยนะเพียงแต่ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้างดงามพริ้มเพราของกู้หว่านเยว่ เขาถึงขั้นรู้สึกไม่สามารถตอบโต้ได้ ตรงข้ามกันยังหวั่นไหวอีกด้วย“ใช่แล้ว ครรภ์ของฮุ่ยซิน...”หลงเสี้ยวเทียนกังวลอยู่บ้าง แม้ว่าหาชะมดเจอแล้วแต่เมื่อครู่หมอก็พูดว่า เหยาฮุ่ยซินดมกลิ่นชะมดมากเกินไป ทำให้ครรภ์ไม่คงที่นางเกิดสัญญาณการแท้งบุตรแล้ว เป็นไปได้มากว่าจะสามารถแท้งบุตรได้ทุกเมื่อ“ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าดูอาการให้พี่หญิงเหยาแล้ว จัดยาให้นางสองชุด ฝังเข็มให้อีกรอบก็น่าจะใช้ได้แล้ว”กู้หว่านเยว่นั่งที่ข้างเตียง หยิบเข็มเงินออกมาหลงเสี้ยวเทียนเห็นสถานการณ์ รีบกล่าวขอบคุณ“ขอบคุณมาก”“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าและพี่หญิงเหยามีวาสนาต่อกัน แต่พวกท่านต้องจำไว้ ครั้งนี้บังเอิญสูดกลิ่นชะมด ข้ายังสามารถช่วยพวกท่านรักษาเด็กเอาไว้ได้แต่ไม่สามารถ
คาดว่าน่าจะเป็นศัตรูของสกุลอวิ๋น เห็นอวิ๋นมู่พ่อลูกไม่กลับมานานจึงสบจังหวะหาช่องว่าง เล่นงานสกุลอวิ๋นในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นมู่ไม่กลับไปคงไม่ได้แล้วซูจิ่งสิงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งคนไปคุ้มกันเจ้า”ตอนนี้สกุลอวิ๋นกับพวกเขาเจดีย์หนิงกู่ถือว่าร่วมงานกัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ยากจะรับประกันว่าไม่แพร่งพรายออกไปเกิดคนในราชสำนักรู้เข้า ความปลอดภัยของอวิ๋นมู่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง“ขอบคุณท่านอ๋อง”อวิ๋นมู่มองซูจิ่งสิงอย่างแปลกใจ ทำให้อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”เพราะกู้หว่านเยว่ บรรยากาศระหว่างทั้งสองมักจะแปลกประหลาด ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกันแล้วอวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่า ความหวังดีของท่านอ๋องข้าน้อยขอน้อมรับ และตื้นตันเหลือเกิน”การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีอันตราย เขาจึงไม่ปฏิเสธ“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“คืนนี้มากล่าวลาท่านอ๋องและพระชายา พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางจะออกเดินทางทันที”“เวลาเร่งรีบขนาดนี้เชียว”กู้หว่านเยว่รีบถาม“พรุ่งนี้ท่านอย่าเพิ่งรีบไป
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน รองแม่ทัพวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน แล้วหันมองเฉิงทั่วแวบหนึ่ง“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว ฮูหยินหมดสติไปแล้วขอรับ”เฉิงทั่วหน้าถอดสี “อะไรนะ?”เขารีบลุกขึ้นยืนขึ้น ไม่มีเวลาสนใจกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่ยังอยู่ตรงนี้ แล้วรีบสอบถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“คุณชายน้อยกลับมาแล้ว ไม่เพียงกลับมา ยังพาอีกคน...”รองแม่ทัพกระดากปากที่จะเอ่ย จึงได้แต่ส่งสายตาให้อีกฝ่าย“ท่านแม่ทัพ ท่านกลับไปดูเองเถอะขอรับ”เฉิงทั่วไม่มีแก่ใจจะกินอาหาร จึงลุกขึ้นขอตัว “ท่านอ๋อง พระชายา โปรดให้ข้าไปดูฮูหยินสักครู่ได้หรือไม่”“ไปเถอะ”ซูจิ่งสิงโบกมือ“ขอบคุณท่านอ๋อง” เฉิงทั่วรีบวิ่งออกไปทันทีหนานหยางอ๋องมองแผ่นหลังที่ร้อนใจของเขา แล้วรู้สึกเศร้าเล็กน้อยหากพระชายาของเขายังอยู่คงดีไม่น้อย เขากับเหล่าเฉิงแข่งกันมาค่อนชีวิต มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ที่เขาแพ้มาตลอด“เกิดอะไรขึ้น?” กู้หว่านเยว่กระซิบถามชิงเหลียนชิงเหลียนเอ่ยเสียงต่ำ “คุณชายใหญ่สกุลเฉิงพาสตรีคนหนึ่งกลับมาด้วย เหมือนจะเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว”เจ้าหมอนี่กู้หว่านเยว่เกือบสำลักข้าวมิน่าเฉิงฮูหยินถึงได้เป็นลม เจ้าเฉิงซินเม
มิน่าท่านอ๋องถึงยอมสวามิภักดิ์ต่อพวกเขา ทั้งสองคนไม่ธรรมดาจริงๆ มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา“พวกเราเองก็มาถึงเมืองซุ่ยโจว และได้พบท่านอ๋องกับพระชายาแล้ว เดี๋ยวส่งจดหมายไปแจ้งท่านอ๋องหน่อยเถอะ ท่านจะได้วางใจ”จู้หวยกล่าวเตือนอย่างใส่ใจครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ท่านอ๋องกำชับเขาแล้วว่า ต้องดูแลเนี่ยชิงหลานให้ดีในเมื่อเนี่ยชิงหลานเป็นคู่หมั้นของเขา เขาย่อมดูแลเอาใจใส่มาก“รู้แล้ว รู้แล้ว เจ้าอย่าเอาแต่บ่นข้า อีกเดี๋ยวตอนเขียนจดหมายข้าจะเป็นคนพูดส่วนเจ้าเป็นคนเขียน ขี่ม้ามาทั้งวัน เมื่อยมือจะแย่แล้ว”จู้หวยยิ้มพร้อมพยักหน้า“เรื่องนี้ไม่ยาก ขอเพียงเจ้าไม่รังเกียจที่ตัวหนังสือข้าน่าเกลียดก็พอ”เนี่ยชิงหลานขบขันเขาจนหัวเราะเสียงดังทันที“ตัวหนังสือของเจ้าน่าเกลียดมาก แต่ไม่เป็นไร วรยุทธ์ของเจ้าสูงส่ง พวกเจ้าที่เป็นทหารแม้จะไม่ใช่คนเถื่อน แต่ต้องรู้จักเขียนอ่านไว้บ้าง ถึงจะรู้เขารู้เรารบอย่างไรก็ไม่แพ้ ทว่าเรื่องการเขียนหนังสือไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันมากนัก แค่ดูได้ก็พอ”นางพูดอย่างจริงจัง จนจู้หวยเองก็หัวเราะตามนางไปด้วย ในแววตามีแต่ความเอ็นดู“ท่านหญิงพูดถูก”แม้ทั้งสองค
หลังหนังสือยอมจำนนออกมาแล้ว เนี่ยชิงหลานก็นำกองทัพเหอตง มาเสริมทัพกู้หว่านเยว่“เขตเหอตงของข้าไม่มีสิ่งใดเลย มีเพียงถ่านหินและเงินทองมากมาย พี่ใหญ่จึงนำไปแลกเสบียงหนึ่งชุด ส่งข้ามาช่วยเหลือพวกท่าน”กู้หว่านเยว่ไม่ได้พบเนี่ยชิงหลานมาสักพักใหญ่ๆ แล้วตอนนี้เมื่อทั้งสองได้พบกัน นางดีใจมาก“เจ้าตัวสูงขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ลูบหัวเนี่ยชิงหลาน ทำให้อีกฝ่ายยิ้มอย่างเขินอาย“ไม่เพียงตัวสูงขึ้น ข้ายังหมั้นหมายแล้วด้วย”นี่เป็นข่าวที่อยู่เหนือความคาดหมายเมื่อเห็นพวกเขาหลายคนเดินทางเหน็ดเหนื่อย กู้หว่านเยว่รีบเชิญพวกเขาเข้าจวน เมื่อถึงห้องรับแขกจึงจับมือเนี่ยชิงหลานไว้ แล้วสอบถามอย่างละเอียด“เหตุใดจึงรวดเร็วเช่นนี้ เจ้าหมั้นกับผู้ใดหรือ?”“หมั้นกับแม่ทัพในค่ายของท่านพี่ นามว่าจู้หวย”ไม่ใช่เฉิงเซวียนหรอกหรือ ข่าวนี้ทำให้พวกกู้หว่านเยว่ยิ่งแปลกใจแต่เมื่อนึกดูอย่างละเอียด เฉิงเซวียนกับเนี่ยชิงหลานใช่ว่าจะเหมาะสมกันแม้ทั้งสองจะสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก ทว่าทัศนคติไม่ตรงกันบวกกับก่อนหน้านี้เพราะหญิงอื่น เฉิงเซวียนเข้าใจเนี่ยชิงหลานผิดหลายครั้งเนี่ยชิงหลานรู้ว่ากู้หว่านเยว่คิดอะไร จึ
ตกลงปีนั้นรัชทายาทตายเยี่ยงไรกันแน่?เขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใดหากไม่ใช่รัชทายาทและพระชายารัชทายาทตายไป ไฉนเลยเขาจะได้นั่งตำแหน่งฮ่องเต้?ทว่าบัดนี้ เขาคิดว่าตำแหน่งฮ่องเต้กำลังตกอยู่ในอันตราย“ไป จับคนสกุลหลี่เข้าคุกใหญ่!”มู่หรงถิงไม่ฟังคำชี้แนะจากนั้นยามทุกคนมายังสกุลหลี่ กลับพบว่าสกุลหลี่มีเพียงความว่างเปล่า เหลือบ่าวรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่สองสามคนกำลังใช้วิธีพรางตา“ภายในหอบรรพบุรุษสกุลหลี่ พบเส้นทางสายหนึ่ง...”องครักษ์ไปจับคนตัวสั่นเทานี่คือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเดิมทีมู่หรงถิงก็โมโหอยู่แล้ว ต้องการใครสักคนเพื่อบันดาลโทสะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหาตัวคนรองรับอารมณ์ไม่พบ ยังถูกเขาจับได้ว่าคนของสกุลหลี่หนีไปแล้วเขาพลิกโต๊ะ กระทืบองครักษ์ไปจับตัวคนจนตาย“ฝ่าบาท” ตอนฮองเฮามา ภายในตำหนักวุ่นวายไปหมด แม้แต่นางกำลังก็ถูกมู่หรงถิงบีบคอตายไปสองคนฮองเฮาอดทนต่อความขยะแขยง สั่งให้คนลากศพไปจัดการ“เจ้ามาแล้ว”ตอนมู่หรงถิงอยู่เพียงลำพังจะบันดาลโทสะเยี่ยงไรก็ย่อมได้ แต่เขากลัวทำให้ฮองเฮาตกใจ“เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินเรื่องของอัครมหาเสนาบดีหลี่แล้ว”ฮองเฮาก้าวเท้าเบาๆ มาหยุดต่อหน้ามู
สายตากู้หว่านเยว่ทอดมองมา กู้หว่านหรูและญาติผู้พี่นางรู้สึกกลัวจนกอดกัน“เจ้า เจ้าจะทำอันใด?”กู้หว่านหรูกลืนน้ำลายหนึ่งอึก เอ่ยปากเสียงสั่น“ต่อให้เจ้าเป็นพระชายา ก็ไม่สามารถเมินข้ามกฎหมายได้ เจ้าไม่กลัวคนในใต้หล้าบริภาษเจ้าหรือ?”กู้หว่านเยว่หัวเราะพรืด“บริภาษ?” นางส่ายหน้า หนังสือประวัติศาสตร์ล้วนถูกเขียนโดยผู้ชนะยังต้องกลัวคำนินทาทั่วหล้าด้วยหรือ?“โยนพวกเขาสองคนออกจากซุ่ยโจว” กู้หว่านเยว่โบกมือเรียกคนเข้ามาสองคนนี้เป็นหวัด ถูกโยนออกไป ก็เพียงพอให้พวกเขาทรมาน“ญาติผู้น้อง” อวี๋เสียงลนลาน เขย่ามือของกู้หว่านหรู“นี่ไม่ใช่พี่สาวของเจ้าหรือ รีบไปขอร้องนางเร็วเข้า”ยังมีระยะทางอีกห้าถึงหกวันกว่าจะถึงบ้านเกิด พวกเขาต้องอยู่ภายในซุ่ยโจว รีบรักษาอาการป่วยให้หายดี“ข้าจะขอร้องนางเยี่ยงไร?”กู้หว่านหรูแค้นใจแย่แล้ว“นางไม่มีวันฟัง”“เจ้ารีบคิดหาทางเถอะ” สุ้มเสียงของอวี๋เสียงเจือไอโทสะสายหนึ่งอย่างสุดระงับ ทำเสียจนกู้หว่านหรูเหล่มอง“ท่านกำลังโทษข้าหรือ?”นางและกู้หว่านเยว่มีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ตอนอยู่ในจวนก็มักรังแกนาง จะสามารถมีวิธีใดได้เล่า?“หว่านหรู ข้าไม่ได้
แต่ต้วนหลานซิวจากไปอย่างไม่ไว้หน้าไป๋หลี่ชิงซีถอนหายใจอย่างเอือมระอา ทำได้เพียงกลับไปหากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสสิงปรากฏว่าคนเพิ่งไป ก็มองเห็นเกาเจี้ยนวิ่งเข้ามาจากภายนอก พูดว่าลั่วยางที่อยู่ข้างหน้าเจอคนไข้ที่ไม่แน่ใจอาการป่วย ขอเชิญกู้หว่านเยว่ไปวินิจฉัยกู้หว่านเยว่ยังนั่งได้ไม่นานก็รีบไปที่ด้านหน้าแล้ว“มีอันใดหรือ?”ตอนปรากฏตัวออกมาก็ได้เห็นสีหน้าว้าวุ่นของลั่วยาง กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้างโรคอะไรกัน สามารถทำให้ว้าวุ่นถึงเพียงนี้ได้?“เหตุใดสีหน้าแย่มากถึงเพียงนี้?”“มีคนป่วยมาคนหนึ่งเจ้าค่ะ” ลั่วยางลอบชำเลืองมองสีหน้าของกู้หว่านเยว่ จากนั้นพูดเสียงค่อย“ข้าเองก็ไม่แน่ใจฐานะของนาง แต่เห็นแล้วคุ้นตาอยู่บ้าง ท่านมาดูกับข้าก็จะรู้”พูดไปก็เดินนำทางกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงคุ้นหูจากที่ไกลๆ“ไม่ใช่พูดว่าจะดูอาการให้ข้าหรือ เหตุใดพาข้ามาไว้ที่นี่ หมอหญิงของพวกเจ้าเล่า? เหตุใดเข้าไปแล้ว?”คนผู้นั้นโวยวาย เสียงคุ้นหูทำให้กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วน้อยๆไม่ใช่นางหรอกกระมัง? ไม่ถูกนี่ เหตุใดนางมาอยู่ที่นี่ได้?กู้หว่านเยว่ก้าวเท้าเร็วขึ้นสองส่วน เดินขึ้นไปก็ได้เห็นโฉมหน้าของคนผู้นั้
เขาทอดสายตามองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงด้วยใบหน้าจริงใจ“ทั้งสองท่านช้าก่อน ข้ามีเรื่องอยากพูดกับพวกท่าน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงได้ยินว่าต้วนหลานซิวมีเรื่องอยากพูด นี่จึงมิได้จากไปในทันที แต่เลือกนั่งลงฟัง ดูว่าเขาอยากพูดเรื่องใดทั้งสองคนกลับแปลกใจมาก“ระหว่างทางที่ข้ามาได้เห็นพระชายาแจกจ่ายยาภายในเมือง” ต้วนหลานซิวเอ่ยปากถามกู้หว่านเยว่พยักหน้า“ราษฎรของซุ่ยโจวเป็นไข้หวัด เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่สู้ดี จึงไม่มียารักษา”ต้วนหลานซิวประกบมือพูดยิ้มๆ “ไอหยา นี่บังเอิญยิ่งนัก ข้าที่นี่มีสมุนไพรหนึ่งชุดพอดี”เขาพูดยิ้มๆ“หากท่านอ๋องและพระชายาไม่รังเกียจ ข้าน้อยยินดีบริจาคสมุนไพรชุดนี้เพื่อแจกจ่ายให้แก่ราษฎรเมืองซุ่ยโจว”ถือว่าเขาจ่ายค่าหมอให้กู้หว่านเยว่ก็แล้วกัน“ในมือท่านมีสมุนไพร?”กู้หว่านเยว่ตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองลงมือช่วยเหลืออย่างไม่ใส่ใจ ถึงขั้นสามารถช่วยพ่อค้าขายส่งสมุนไพรอีกด้วย?นี่คือประโยชน์สุขของราษฎรเมืองซุ่ยโจว นางย่อมไม่ปฏิเสธ“ใช่แล้ว ในมือข้ามียาสมุนไพรหนึ่งชุด”ไป๋หลี่ชิงซีอธิบายอยู่ทางด้านข้าง “พวกท่านไม่รู้ สตรีที่อาจารย์อาเล็กของข้าชอบเป็นคนบ้
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน