ในเวลาเดียวกันกู้หว่านเยว่ยังไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นแล้ว ขณะนี้กำลังจูงซูจิ่งสิง พาไปยังจวนเจ้ากรมการเงินแม้ว่าเพิ่งผ่านไประยะเวลาสั้นๆ เพียงสองสามเดือนเท่านั้น แต่ทั้งสองคนกลับมาเยือนจวนหลงฉวนอีกครั้ง ความรู้สึกก็เปลี่ยนไปแล้ว“ก็ไม่รู้ว่าครรภ์ของพี่หญิงฮุ่ยซินเป็นเช่นไร บังเอิญครั้งนี้นางมีข่าวดี ในมือข้าก็มียาบำรุงครรภ์ไม่น้อย สามารถมอบให้นางได้”กู้หว่านเยว่กำลังนับยาบำรุงครรภ์ภายในมิติ ล้วนเป็นยาลูกกลอนที่นางปรุงออกมายามว่างทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูจวนหลง กู้หว่านเยว่ขึ้นไปแจ้งหน้าประตูด้วยตนเอง“ข้าคือกู้หว่านเยว่ มาเยี่ยมคารวะฮูหยินน้อย รบกวนเจ้าแจ้งให้ด้วย”นางพูดกับคนเฝ้าประตู สีหน้าคนเฝ้าประตูกลับเปลี่ยนไป มองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงทั้งสองคนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ทันใดนั้นร้องตะโกนอย่างกะทันหัน“เข้ามา รีบจับพวกเขาสองคนเอาไว้”กู้หว่านเยว่รู้สึกแปลกใจมาก มององครักษ์กลุ่มใหญ่วิ่งออกมาจากภายใน เห็นได้ชัดว่าเตรียมการไว้ตั้งแต่แรกแล้ว“ไยเจ้าจึงจับพวกเรา?”“ฮึ เจ้าขวัญกล้าปลอมตัวเป็นสหายของฮูหยินน้อย” คนเฝ้าประตูโบกมือ “รีบไป ไปแจ้งคุณชายรอง จับคนไว้ได้แล้ว”องครักษ์
สองสามคนทางหนึ่งเดินเข้าไปภายใน ทางหนึ่งเอ่ยถาม ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ซูจิ่งสิงเล่าต้นสายปลายเหตุหนึ่งรอบหลงเสี้ยวเทียนเหงื่อตก “แต่ไหนแต่ไรมาน้องชายข้าทำเรื่องใดล้วนวู่วาม ล่วงเกินทั้งสองท่านแล้ว”“อะไรนะ พี่ใหญ่ พวกเขาเป็นสหายของท่านจริงหรือ?”หลงเส้าเทียนเผยสีหน้าประหลาดใจคล้ายหลุดออกจากฝัน“เจ้าไปคุกเข่าในลานบ้านเดี๋ยวนี้!”หลงเสี้ยวเทียนด่าทออย่างไม่สบอารมณ์หนึ่งประโยค เขาห่วงใยเหยาฮุ่ยซิน พาคนเข้าไปในเรือนของเหยาฮุ่ยซิน ขณะเดียวกันหมอกำลังคุกเข่าตรวจอาการอยู่ที่หน้าเตียงของเหยาฮุ่ยซิน“ฮูหยินน้อยเป็นเช่นไร?”เพียงหลงเสี้ยวเทียนเข้าไป ก็ได้เห็นเหยาฮุ่ยซินกำลังนอนบนเตียงสีหน้าเผือดซีด ปวดแปลบอยู่บ้างภายในใจ“ฮูหยินน้อยมีเลือดออกเล็กน้อย”ถ้อยคำของหมอ ทำให้รูม่านตาเขาหดเกร็ง“เลือดออก ไยจึงมีเลือดออกได้?”“ครรภ์ไม่คงที่ ถึงทำให้เลือดออก” หมอรีบพูดเขากลัวอยู่บาง เอ่ยเตือนเสียงแผ่ว “ข้าจับชีพจรของฮูหยินน้อย พบว่าครรภ์ของฮูหยินน้อยไม่คงที่ มีสัญญาณของการแท้งบุตร...”“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”หลงเสี้ยวเทียนไม่สามารถยอมรับได้ หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทางด้านข้าง“ท่านเจ
“ข้าเกือบแท้ง?”เหยาฮุ่ยซินไม่อยากจะเชื่อ มิน่าเล่าหลังนางตื่นขึ้นมาก็รู้สึกหมดแรง รีบวางมือบนท้องน้อย“ลูกของข้าเล่า?”“ฮุ่ยเอ๋อร์ ลูกไม่เป็นไร” หลงเสี้ยวเทียนไม่กล้าปิดบังนาง ถ่ายทอดคำพูดของหมอให้นางฟัง“แต่เจ้าเพิ่งเลือดออกสองสามหยด หมอพูดว่าครรภ์ของเจ้าไม่คงที่”“อะไรนะ?” สีหน้าเหยาฮุ่ยซินเผือดซีด เด็กคนนี้ยังไม่ถึงสามเดือนเลยนะนางบำรุงครรภ์อย่างระมัดระวังทุกวัน เหตุใดครรภ์จึงไม่คงที่ได้เล่า?“พี่หญิงเหยา ปกติท่านใช้เครื่องหอมหรือไม่?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามหนึ่งประโยค เหยาฮุ่ยซินรีบส่ายหน้า “เปล่า เดิมทีข้าก็ไม่ชอบเครื่องหอมของทำนองนี้อยู่แล้ว หลังตั้งครรภ์ก็ได้ยินว่าเครื่องหอมส่งผลเสียต่อการเติบโตของเด็ก ข้าจึงไม่เคยใช้มาก่อน”กลีบปากนางขาวซีด“ไม่เพียงไม่เคยใช้เครื่องหอม ปกติของกินของใช้ของข้า ล้วนผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด”กู้หว่านเยว่สามารถเข้าใจได้อย่างไรเสียก็มิใช่ครอบครัวธรรมดา จะต้องมีความรู้เรื่องนี้“นี่กลับแปลกยิ่งนัก” กู้หว่านเยว่พูดออกมาหนึ่งประโยคทำเสียจนหลงเสี้ยวเทียนและเหยาฮุ่ยซินรีบถามไล่เรียง “แปลกที่ใดหรือ?”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ปิดบังพวกเขา “ภายใ
หมอรีบยกต้นทับทิมนั้นมา ทีแรกเพียงตรวจสอบภายนอกของต้นไม้เท่านั้น กลับไม่เห็นความผิดปกติอันใด“แปลกยิ่งนัก”“หรือจะเป็นใต้กระถางต้นไม้” กู้หว่านเยว่แสร้งเอ่ยเตือนหนึ่งประโยค เซียงฮูหยินถลึงตาใส่นางอย่างโกรธแค้นหนึ่งปราด หมอคล้ายตื่นจากความฝัน ต้องการดึงต้นทับทิมนี้ขึ้นเพื่อดูใต้กระถาง“ต้นทับทิมนี้มีความนัยว่ามีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”เซียงฮูหยินกล่าวเตือนอย่างหวาดกลัว“หากเจ้าดึงมันออกมา ไม่แน่ว่าอาจเป็นลางไม่ดีอะไร”หมอลังเลไม่ผิดไปดังคาด ซูจิ่งสิงเดินเข้าไป ไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงต้นทับทิมออกมาแล้ว“พวกท่านดู ดินนี้แปลกๆ”สาวใช้ประจำตัวเหยาฮุ่ยซินชี้ไปที่ดิน หมอรีบคลี่ออกเพื่อตรวจดูเครื่องหอมถูกน้ำล้างออก กลิ่นฉุนมาก กลิ่นหอมฉุนชำแรกจมูของเขา หมอรีบพูดว่า“สิ่งที่อยู่ภายในคือกลิ่นชะมด เหตุใดใส่กลิ่นชะมดไว้ในดินเล่า?”“ภายในนี้ถึงขั้นมีกลิ่นชะมดอยู่?”เห็นสายตาเซียงฮูหยินว้าวุ่น ยังจะมีอะไรที่เหยาฮุ่ยซินยังไม่รู้อีกเล่า?“ท่านโหดเหี้ยมเกินไปแล้วกระมัง แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยล่วงเกินท่านมาก่อน!”ทุกวันยามนางว่าง ก็มักรดน้ำต้นทับทิมนี้บ่อยๆ ไม่รู้ว่าสูดกลิ่นชะมดอย่างไม่ตั้ง
“พวกเจ้าจะจับข้าไม่ได้”อาจเพราะเซียงฮูหยินคิดไม่ถึงว่าหลังหลงเสี้ยวเทียนได้รู้อดีตที่ผ่านมาแล้ว ยังไร้เยื่อใยเช่นนี้ รีบคุกเข่ากับพื้น จับชายเสื้อของเขาไว้“ข้าชอบท่านด้วยใจจริง หรือว่าท่านไม่เห็นแก่ไมตรีเก่าเลยแม้แต่น้อย?”เซียงฮูหยินคิดจริงๆ ว่า หลงเสี้ยวเทียนจะต้องมีใจให้นางอยู่บ้าง นี่ถึงช่วยนางไว้ที่ทุ่งล่าสัตว์ฤดูหนาว“ตอนนั้นข้าเห็นท่านใกล้หนาวตาย จึงสงสารท่าน”หลงเสี้ยวเทียนไม่แสดงอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า“หากข้ารู้ว่าวันหนึ่ง ท่านจะทำร้ายฮุ่ยซินตอนนั้น ข้ายอมดูท่านแข็งตายไป”“ท่าน...”คำพูดเย็นชาไร้หัวใจ ทำลายความคิดเพ้อฝันของเซียงฮูหยินจนแหลกละเอียด นางมองหลงเสี้ยวเทียนอย่างเหลือจะเชื่อ“ท่านพี่” เหยาฮุ่ยซินจับมือของเขาไว้ สีหน้าเผือดซีดอยู่บ้างหลงเสี้ยวเทียนรีบหันหลังปลอบนาง สีหน้าอ่อนโยน“ไม่ต้องกลัว เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการเอง ข้าไม่มีวันปล่อยคนที่ทำร้ายเจ้าไป”ต่อให้อีกฝ่ายเป็นอนุของบิดา เขาก็จะต้องให้นางชดใช้อย่างสาสม“ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้ ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้ ข้าหลงใหลในตัวท่าน...”“เหยาฮุ่ยซิน เจ้ามีคุณธรรมมีความสามารถอะไรกัน ข้าขอสาปแช่งเจ้
“ให้อภัยท่าน” กู้หว่านเยว่เองก็ยิ้มบางๆ อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร“เหตุใดข้ารู้สึกแปลกๆ กันเล่า?”การแสดงออกของหลงเส้าเทียน แม้เขาเข้าใจผิดไปว่าสองสามีภรรยาเป็นคนสอดแนม ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้ทำร้ายสองคนนี้ ตรงข้ามกันเขาถูกฟาดแส้ไปแล้ว บัดนี้ยังรู้สึกเจ็บเนื้อตัวอยู่เลยนะเพียงแต่ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้างดงามพริ้มเพราของกู้หว่านเยว่ เขาถึงขั้นรู้สึกไม่สามารถตอบโต้ได้ ตรงข้ามกันยังหวั่นไหวอีกด้วย“ใช่แล้ว ครรภ์ของฮุ่ยซิน...”หลงเสี้ยวเทียนกังวลอยู่บ้าง แม้ว่าหาชะมดเจอแล้วแต่เมื่อครู่หมอก็พูดว่า เหยาฮุ่ยซินดมกลิ่นชะมดมากเกินไป ทำให้ครรภ์ไม่คงที่นางเกิดสัญญาณการแท้งบุตรแล้ว เป็นไปได้มากว่าจะสามารถแท้งบุตรได้ทุกเมื่อ“ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าดูอาการให้พี่หญิงเหยาแล้ว จัดยาให้นางสองชุด ฝังเข็มให้อีกรอบก็น่าจะใช้ได้แล้ว”กู้หว่านเยว่นั่งที่ข้างเตียง หยิบเข็มเงินออกมาหลงเสี้ยวเทียนเห็นสถานการณ์ รีบกล่าวขอบคุณ“ขอบคุณมาก”“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าและพี่หญิงเหยามีวาสนาต่อกัน แต่พวกท่านต้องจำไว้ ครั้งนี้บังเอิญสูดกลิ่นชะมด ข้ายังสามารถช่วยพวกท่านรักษาเด็กเอาไว้ได้แต่ไม่สามารถ
เหยาฮุ่ยซินรีบพูด “ไม่จำเป็น ข้าเชื่อท่าน”นางไม่อยากให้กู้หว่านเยว่คิดว่าตนเองสงสัยในวิชาแพทย์ของนาง ฝ่ายหลังส่งตำรับยาให้หมอ“มีคนดูมากหน่อยย่อมดีกว่า”“เช่นนั้นท่านก็มาดูด้วยกันเถอะ”เหยาฮุ่ยซินเปลี่ยนคำพูด หมอรับตำรับยาไป ทีแรกยังคิดว่ากู้หว่านเยว่อายุน้อย อ่านจบแล้วกลับตกตะลึง“เพิ่มไป๋จู๋เข้าไป ก็สามารถปรับสมดุลของตัวยาได้ ช่างน่าอัศจรรย์นัก ฮูหยินเรียนวิชานี้มาจากที่ใดหรือ?”หมอเอ่ยถามมากอีกหนึ่งประโยคอย่างอดไม่ได้ กู้หว่านเยว่เอ่ยตอบ“ข้าเรียนจากหุบเขาราชาโอสถ”“หุบเขาราชาโอสถ ไม่เคยได้ยินมาก่อน”“ภายภาคหน้าก็จะได้ยินแล้ว”ปรมาจารย์แพทย์ก่อตั้งหุบเขาราชาโอสถ ชื่อเสียงยังไม่เลื่องลือ แต่กู้หว่านเยว่เชื่อ อีกไม่นานทั้งต้าฉีจะต้องได้ยินชื่อเสียงของหุบเขาราชาโอสถอย่างแน่นอน“ข้าขอไปหยิบยาตามตำรับยานี้ก่อน”หมอจากไปอย่างรู้ความ ยามออกจากประตูก็ถูกหลงเส้าเทียนไล่ตามไปขวางไว้“สิ่งที่ได้ยินวันนี้ ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้คำเดียว หากข้าได้ยินคำพูดไร้สาระ...”“ข้าไม่มีวันพูดเหลวไหล”หมอรีบส่ายหน้า เรื่องส่วนตัวยามมารักษาคนไข้ได้พบเห็นมามากมาย เขาระงับปากตนเองได้หลงเส้าเทียน
หากพวกท่านมีเวลาแล้วล่ะก็ ข้าสามารถพาพวกท่านออกไปเดินเล่นได้”“ไม่มีเวลา”ซูจิ่งสิงเอ่ยตอบอย่างกระชับสั้น กู้หว่านเยว่อธิบายยิ้มๆ“ครั้งนี้พวกเราออกมาเพราะมีเรื่องด่วนต้องจัดการ อยู่ที่จวนหลงฉวนได้ไม่นานนัก คาดว่าพรุ่งนี้ก็จะไปแล้ว”“เร็วถึงเพียงนี้เชียว?”ใบหน้าหลงเส้าเทียนเปี่ยมความผิดหวัง“หากฮุ่ยเอ๋อร์รู้ว่าพวกท่านจะจากไปเร็วถึงเพียงนี้ จะต้องเสียใจมากแน่”หลงเสี้ยวเทียนแปลกใจอยู่บ้าง แต่สีหน้ากลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวอย่างไรเสียเขาก็รู้ฐานะของซูจิ่งสิง ไม่มีวันออกมาเที่ยวเล่นอย่างแน่นอน ในเมื่อมาถึงจวนหลงฉวน จะต้องมีเรื่องต้องการจัดแน่“เกือบลืมไปแล้ว ข้าที่นี่มียาบำรุงครรภ์สองขวด ท่านช่วยมอบให้พี่หญิงเหยาแทนข้าด้วยเถอะ”ก่อนหน้านี้ยามกู้หว่านเยว่อยู่ภายในห้องเหยาฮุ่ยซินกลับลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท นึกขึ้นได้ก็วางไว้บนโต๊ะนางคิดว่า คืนนี้ทั้งสองคนไปคลังสินค้าตลาดมืดอาจไม่ได้กลับมา เป็นไปได้มากว่าจะไปยังคลังสินค้าถัดไปดังนั้นจึงจัดการล่วงหน้าหนึ่งก้าว มอบยาบำรุงครรภ์ให้หลงเสี้ยวเทียนหลงเสี้ยวเทียนรีบรับไว้ “ขอบคุณมาก”เขารู้วิชาแพทย์ของกู้หว่านเยว่ นั่นเคยรักษาโรคเร
“เจ้าจะช่วยส่งจดหมายให้พวกข้าหรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่อย่างคาดไม่ถึง ดวงตาแจ่มใสทั้งคู่ที่มองไปที่กู้หว่านเยว่ เขาเชื่อมั่นในตัวนางมากจริง ๆ“ไม่ได้ มันจะทำให้เจ้ายุ่งยากเกินไป”เยียนอวิ๋นชูใจเต้นอยู่ชั่วขณะ หันหน้าไปอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเคยชินกับการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีเฉยชา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้นการเอาตัวออกห่าง เป็นวิธีการปกป้องตัวเอง และปกป้องมิตรสหายของเขาด้วยกู้หว่านเยว่ถือโอกาสรับจดหมายของเขามา “เฮ้อ ท่านอย่ามัวชักช้าเลย ฟังจากคำพูดของท่าน พี่ชายของท่านไปที่เมืองอูถ่านแล้ว หากช้ากว่านี้ก็คงไม่ทันกาล เอาจดหมายมาให้ข้า พวกข้าจะไปส่งให้ท่านเอง”เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่โผงผางเช่นนี้ เยียนอวิ๋นชูก็เบิกตาทั้งสองกว้างอย่างตกตะลึง“เจ้า เจ้า...” เขาคงไม่สามารถแย่งจดหมายกลับมาได้อีกแล้วกระมัง?“คุณชายรอง ในเมื่อวีรบุรุษหนุ่มทั้งสองท่านนี้ต้องการช่วยเหลือเรา สู้เราเอาจดหมายให้พวกเขาดีกว่า สถานการณ์เร่งด่วน เราไม่อาจมัวลังเลได้”เซียวหลิ่นที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ยขึ้น ความจริงเขาก็กำลังคิดจะขอความช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่ เพีย
จากระดับความรักที่พี่ชายมีต่อเขา ต้องตามราวีซูจิ่งสิงอย่างไม่เลิกราแน่นอนลองคิดดูอีกที ช่วงนี้ใครอีกที่ต้องการยืมมือของพี่ชายเพื่อฆ่าซูจิ่งสิง“เหยลวี่เจิง”ดวงตาของเยียนอวิ๋นชูขรึมลงเล็กน้อย พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “เขาต้องการฆ่าข้า จากนั้นค่อยยืมมือพี่ชายของข้าฆ่าซูจิ่งสิง”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย เยียนสือซานรับปากเหยลวี่เจิงว่าจะไปฆ่าซูจิ่งสิงตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ?หรือว่าเขาจะยังไม่ตอบตกลง!เหยลวี่เจิงจึงเสี่ยงเพราะเข้าตาจน วางแผนที่จะใช้เยียนอวิ๋นชูมายั่วยุความโกรธแค้นระหว่างเขากับซูจิ่งสิง?อย่างนี้เยียนอวิ๋นชูจึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยและเยียนสือซานก็ไม่ถือเป็นศัตรูของพวกเขาในขณะนี้“รีบนำปากกาและพู่กันมาให้ข้า ข้าต้องเรียบเรียงจดหมายส่งให้พี่ใหญ่ ไม่ให้เขาตกหลุมพรางของคนอื่นอย่างเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูรีบขอกระดาษและพู่กันจากองครักษ์ กู้หว่านเยว่ถามด้วยความใคร่รู้“พี่ใหญ่ของท่านอยู่แถวนี้หรือ?”เยียนอวิ๋นชูมองไปที่กู้หว่านเยว่ แม้ว่าสายตาของเขายังคงเย็นชาเหมือนในตอนแรก แต่ที่จริงแล้วในใจของเขามีความเชื่อถือต่อกู้หว่านเยว่ตั้งนานแล้ว“ไม่ใช่ พี่ใหญ่อยู่ในเมืองอูถ่าน”
“โอ๊ย!” ชายที่ลอบโจมตีร้องโหยหวน ก่อนจะล้มลงกับพื้นกู้หว่านเยว่มองไปที่เยียนอวิ๋นชูอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าเขาจะใช้อาวุธลับและเมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของอาวุธลับนี้แล้ว ก็ไม่ได้เป็นรองธนูในมิติของนางดูเหมือนว่าเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนพิการที่ไร้ประโยชน์เช่นกันชายผู้นั้นล้มลงกับพื้น เมื่อเห็นสหายถูกฆ่าตายหมด ก็โกรธจนกระอักเลือดออกมาเต็มปากเขารู้อยู่แก่ใจว่าสถานการณ์เลวร้ายลงจนไม่อาจแก้ไขได้แล้ว ก่อนจะตะโกนลั่นด้วยสายตาที่ชั่วร้าย“พวกเจ้าสองคนสมควรตาย มาทำลายแผนการของเจิ้นเป่ยอ๋อง ท่านอ๋องจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”หลังจากพูดจบ หน้าอกของเขาก็ถูกลูกศรของซูจิ่งสิงเจาะทะลุ หลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ก็ขาดใจตายในทันใดมองดูร่างของชายผู้นั้น กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธจัดนี่มันอะไรกัน? ก่อนตายยังไม่หยุด ยังโยนความผิดมาใส่ตัวพวกเขาอีก!“เจิ้นเป่ยอ๋อง?”สีหน้าของเยียนอวิ๋นชูเปลี่ยนไปตามคาดได้ยินมาว่าที่ครั้งนี้พี่ใหญ่ได้รับเชิญให้ไปทูเจวี๋ย ก็เพื่อช่วยเหลือแม่ทัพเหยลวี่เจิ้งแห่งทูเจวี๋ยในการสังหารเจิ้นเป่ยอ๋องเพียงแต่ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอันใด พี่ใหญ่ถึงไม่ตอบตกลง
“พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”คำพูดขององครักษ์เยียนอวิ๋นชูฟังไม่เข้าหูเลย เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วหมุนวงล้อด้านล่างวนรอบห้องเหมือนเดิมนี่คือสีหน้าของเขาเวลาตึงเครียดและในเวลานี้เอง ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกประตู ทั้งคู่สวมเสื้อผ้าสีดำ ถือมีดเล่มใหญ่ไว้ในมือ จ้องมองเยียนอวิ๋นชูตาเป็นมัน“พวกเจ้าเป็นใคร บุกรุกเข้ามาทำไม?”“แหะ ๆ คุณชายรองสกุลเยียนยังมัวกังวลว่าพวกข้าคือใคร สนใจชีวิตของตัวท่านเองก่อนเถอะ” หนึ่งในนั้นยิ้มเยาะเยียนอวิ๋นชูก็ไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทางของคนทั้งสอง แล้วนึกถึงจดหมายลับที่เขาเพิ่งได้รับมาอย่างไร้ที่มาที่ไป ก็เข้าใจในทันทีว่ามีคนจงใจวางกับดักไว้ต้องการโยกย้ายองครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไปที่อื่น แล้วค่อยปลิดชีวิตเขา“พวกเจ้าไม่รู้จักตัวตนของข้าหรือ หากพี่ชายของข้ารู้เรื่องนี้ เขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”เยียนอวิ๋นชูเกลี้ยกล่อมให้พูดความจริง คนที่บุกเข้ามาอีกคนก็หัวเราะหึหึ “พี่ชายของท่านไม่ใช่มือสังหารอันดับหนึ่งในรายชื่อหรอกหรือ นายของพวกข้าไม่เห็นพี่ชายของท่านอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”เยียนอวิ๋นชูจับคำสำคัญได้
กู้หว่านเยว่แจ้งรายชื่ออาหารห้าหกรายการติดต่อกัน บริกรดีใจจนยิ้มไม่หุบ“ได้ขอรับ นายท่านกรุณารอสักครู่ อีกครึ่งชั่วยาม ข้าน้อยจะนำอาหารไปส่งที่ห้องพักของนายท่าน”“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นเงินให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดไปแต่ในขณะที่เดินผ่านห้องพัก กลับได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน“...จำไว้นะ ลงมือทันทีที่ฟ้ามืด สังหารเยียนอวิ๋นชูได้เลย”ชื่อที่คุ้นเคยทำให้กู้หว่านเยว่ชะงักฝีเท้า รีบหลบไปแอบฟังอยู่ข้าง ๆ“เจ้าจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง?”“จัดเตรียมพร้อมแล้ว ไม่เห็นหรือ นี่คือหนังสือที่เขียนด้วยเลือด ข้าให้คนเขียนเลียนแบบลายมือของเยียนอวิ๋นชู”ชายคนหนึ่งในนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจแค่เพียงเยียนสือซานได้เห็นหนังสือเลือดเล่มนี้ ก็จะระบุตัวฆาตกรว่าเป็นซูจิ่งสิง แล้วก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกในใจของกู้หว่านเยว่เริ่มเกิดคลื่นถาโถม ชายสองคนที่วางแผนลับอยู่ในห้องคือใครกัน พวกเขาต้องการฆ่าเยียนอวิ๋นชู ซ้ำยังจะโยนบาปนี้มาให้ซูจิ่งสิงอีก?เพื่อความปลอดภัย กู้หว่านเยว่ไม่ได้บุกเข้าไปในห้อง แล้วจับกุมพวกเขาในทันทีแต่เจาะหน้าต่างอย่างระ
รถเข็นของใครคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหากู้หว่านเยว่อย่างควบคุมไม่ได้สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไปทันที ถ้ารถเข็นคันนี้ชนตัวนาง นางต้องเอวหักแน่ในช่วงเวลาสำคัญ นางเปิดใช้งานความสามารถพิเศษ ถึงพอจะหยุดรถเข็นเอาไว้ได้“ทำไมท่านไม่ระวังหน่อย เกือบจะชนพี่รองของข้าแล้ว!”เสี่ยวถ่านตกใจจนดึงกู้หว่านเยว่มาตรวจดู“ไม่เป็นไรเสี่ยวถ่าน เขาพิการ ควบคุมรถเข็นไม่ได้”กู้หว่านเยว่เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่ถือสาชายผู้นั้น ไม่นึกว่าชายผู้นั้นกลับจ้องเขม็งใส่นางอย่างดุร้าย“เจ้าว่าใครพิการนะ?”เสียงอันโกรธเกรี้ยวทำให้กู้หว่านเยว่จ้องมองเขาอย่างจริงจัง ถึงพบว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากคนหนึ่งเพียงแต่ใบหน้าของชายผู้นั้นเฉยเมย คนที่ไม่รู้เรื่องยังนึกว่านางติดหนี้เขาหลายล้าน“ท่านเป็นคนชนพี่รองของข้าแท้ ๆ ทำไมยังดุร้ายกับพี่รองของข้าอีก?”แม้ว่าเสี่ยวถ่านจะขี้ขลาด แต่หากเป็นเรื่องของกู้หว่านเยว่ นางจะขึ้นมาอยู่แถวหน้าชายผู้นั้นกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่ “ขอโทษข้าด้วย”สายตาที่แข็งกร้าวของเขาทำให้กู้หว่านเยว่พูดไม่ออกแต่เมื่อมองไปยังขาทั้งสองที่พิการของเขา ก็พอจะเข้าใจได้บ้างคนประเภทนี้มีความนับถื
และศัตรูของศัตรูก็คือมิตรเหยลวี่เจิงมีความแค้นที่สังหารมารดาของเสี่ยวถ่าน เก็บเสี่ยวถ่านไว้ก็ไม่เสียหายอะไร“พี่หญิงกู้ ทะ ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำให้ท่านเดือดร้อนหรือ?”“ถ้ากลัวว่าเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนจริง ๆ ข้าก็คงทิ้งเจ้าไว้ที่โรงเตี๊ยมในเมืองชิงซานตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยให้เจ้าเอาตัวรอดเอง จะพาเจ้าออกมาทำไมกัน”กู้หว่านเยว่หุบยิ้ม เด็กคนนี้ดีใจจนเสียสติไปแล้วหรือ?เสี่ยวถ่านก็รู้สึกตัว เอามือลูบศีรษะด้วยความเขินอายหลังจากที่ตื่นเต้นดีใจจนลืมตัวไป นางรีบคุกเข่าลงต่อหน้ากู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ บุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตเสี่ยวถ่าน เสี่ยวถ่านจะจดจำไว้ในใจ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”เสี่ยวถ่านรีบคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะลงคำนับกู้หว่านเยว่อย่างจริงจังสองครั้งกู้หว่านเยว่พิจารณารูปลักษณ์ของนาง แม้จะสวมชุดผู้ชายอยู่ แต่เมื่อใบหน้าเล็ก ๆ นั้นสะอาดสะอ้านแล้ว มองอย่างไรก็เป็นเด็กผู้หญิงชัด ๆ “เจ้าแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ หากเจอทหารตรวจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่าย ๆ ข้าช่วยปลอมตัวให้เจ้าดีกว่า”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา หยิบอุปกรณ์ปลอมตัวออกมา นางลงมือจัดการใบหน้าของเสี่ยวถ
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถ่านเป็นเพียงแค่เด็กที่ไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและเสด็จแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เสี่ยวถ่านก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ“ต่อมา ข้าก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเหยลวี่เจิงไปพูดอะไรกับเสด็จพ่อเสด็จพ่อจึงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”“เมืองเทียนสุ่ย?” ดวงตาดำขลับของซูจิ่งสิงเผยความตกตะลึง แล้วอธิบาย “ได้ยินมาว่าเมืองเทียนสุ่ยขาดแคลนเสบียงอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ สภาพแวดล้อมที่นั่นเลวร้ายยิ่งกว่าเจดีย์หนิงกู่เสียอีก”“ท่านพูดถูก ตอนที่ข้าได้ยินว่าเสด็จพ่อจะส่งพวกเราไปที่เมืองเทียนสุ่ย ปฏิกิริยาแรกของข้าคือการปฏิเสธ ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงทำแบบนี้กับพวกเรา น่าเสียดาย ข้าอ้อนวอนมากเท่าไร เสด็จพ่อก็ไม่สนใจ เขายังคงส่งข้าและเสด็จแม่ไปที่เมืองเทียนสุ่ย”เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“หลังจากมาถึงเมืองเทียนสุ่ย ข้ากับเสด็จแม่ก็ถูกจับตามองตลอดเวลา”คงเป็นเพราะเสด็จแม่รู้สึกถึงอันตราย ตระหนักว่าตัวเองอาจประสบภัยได้ทุกเมื่อ จึงไม่ปกป้องข้าเหมือนเมื่อก่อน และเล่าทุกอย่างให้ข้าฟัง”ที่แท้เสด็จแม่ของเสี่ยวถ่านเป็นคนสกุลชุย ซึ่งสกุลชุยและสกุลเห
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ