สองสามคนทางหนึ่งเดินเข้าไปภายใน ทางหนึ่งเอ่ยถาม ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ซูจิ่งสิงเล่าต้นสายปลายเหตุหนึ่งรอบหลงเสี้ยวเทียนเหงื่อตก “แต่ไหนแต่ไรมาน้องชายข้าทำเรื่องใดล้วนวู่วาม ล่วงเกินทั้งสองท่านแล้ว”“อะไรนะ พี่ใหญ่ พวกเขาเป็นสหายของท่านจริงหรือ?”หลงเส้าเทียนเผยสีหน้าประหลาดใจคล้ายหลุดออกจากฝัน“เจ้าไปคุกเข่าในลานบ้านเดี๋ยวนี้!”หลงเสี้ยวเทียนด่าทออย่างไม่สบอารมณ์หนึ่งประโยค เขาห่วงใยเหยาฮุ่ยซิน พาคนเข้าไปในเรือนของเหยาฮุ่ยซิน ขณะเดียวกันหมอกำลังคุกเข่าตรวจอาการอยู่ที่หน้าเตียงของเหยาฮุ่ยซิน“ฮูหยินน้อยเป็นเช่นไร?”เพียงหลงเสี้ยวเทียนเข้าไป ก็ได้เห็นเหยาฮุ่ยซินกำลังนอนบนเตียงสีหน้าเผือดซีด ปวดแปลบอยู่บ้างภายในใจ“ฮูหยินน้อยมีเลือดออกเล็กน้อย”ถ้อยคำของหมอ ทำให้รูม่านตาเขาหดเกร็ง“เลือดออก ไยจึงมีเลือดออกได้?”“ครรภ์ไม่คงที่ ถึงทำให้เลือดออก” หมอรีบพูดเขากลัวอยู่บาง เอ่ยเตือนเสียงแผ่ว “ข้าจับชีพจรของฮูหยินน้อย พบว่าครรภ์ของฮูหยินน้อยไม่คงที่ มีสัญญาณของการแท้งบุตร...”“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?”หลงเสี้ยวเทียนไม่สามารถยอมรับได้ หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทางด้านข้าง“ท่านเจ
“ข้าเกือบแท้ง?”เหยาฮุ่ยซินไม่อยากจะเชื่อ มิน่าเล่าหลังนางตื่นขึ้นมาก็รู้สึกหมดแรง รีบวางมือบนท้องน้อย“ลูกของข้าเล่า?”“ฮุ่ยเอ๋อร์ ลูกไม่เป็นไร” หลงเสี้ยวเทียนไม่กล้าปิดบังนาง ถ่ายทอดคำพูดของหมอให้นางฟัง“แต่เจ้าเพิ่งเลือดออกสองสามหยด หมอพูดว่าครรภ์ของเจ้าไม่คงที่”“อะไรนะ?” สีหน้าเหยาฮุ่ยซินเผือดซีด เด็กคนนี้ยังไม่ถึงสามเดือนเลยนะนางบำรุงครรภ์อย่างระมัดระวังทุกวัน เหตุใดครรภ์จึงไม่คงที่ได้เล่า?“พี่หญิงเหยา ปกติท่านใช้เครื่องหอมหรือไม่?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามหนึ่งประโยค เหยาฮุ่ยซินรีบส่ายหน้า “เปล่า เดิมทีข้าก็ไม่ชอบเครื่องหอมของทำนองนี้อยู่แล้ว หลังตั้งครรภ์ก็ได้ยินว่าเครื่องหอมส่งผลเสียต่อการเติบโตของเด็ก ข้าจึงไม่เคยใช้มาก่อน”กลีบปากนางขาวซีด“ไม่เพียงไม่เคยใช้เครื่องหอม ปกติของกินของใช้ของข้า ล้วนผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด”กู้หว่านเยว่สามารถเข้าใจได้อย่างไรเสียก็มิใช่ครอบครัวธรรมดา จะต้องมีความรู้เรื่องนี้“นี่กลับแปลกยิ่งนัก” กู้หว่านเยว่พูดออกมาหนึ่งประโยคทำเสียจนหลงเสี้ยวเทียนและเหยาฮุ่ยซินรีบถามไล่เรียง “แปลกที่ใดหรือ?”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่ปิดบังพวกเขา “ภายใ
หมอรีบยกต้นทับทิมนั้นมา ทีแรกเพียงตรวจสอบภายนอกของต้นไม้เท่านั้น กลับไม่เห็นความผิดปกติอันใด“แปลกยิ่งนัก”“หรือจะเป็นใต้กระถางต้นไม้” กู้หว่านเยว่แสร้งเอ่ยเตือนหนึ่งประโยค เซียงฮูหยินถลึงตาใส่นางอย่างโกรธแค้นหนึ่งปราด หมอคล้ายตื่นจากความฝัน ต้องการดึงต้นทับทิมนี้ขึ้นเพื่อดูใต้กระถาง“ต้นทับทิมนี้มีความนัยว่ามีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”เซียงฮูหยินกล่าวเตือนอย่างหวาดกลัว“หากเจ้าดึงมันออกมา ไม่แน่ว่าอาจเป็นลางไม่ดีอะไร”หมอลังเลไม่ผิดไปดังคาด ซูจิ่งสิงเดินเข้าไป ไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงต้นทับทิมออกมาแล้ว“พวกท่านดู ดินนี้แปลกๆ”สาวใช้ประจำตัวเหยาฮุ่ยซินชี้ไปที่ดิน หมอรีบคลี่ออกเพื่อตรวจดูเครื่องหอมถูกน้ำล้างออก กลิ่นฉุนมาก กลิ่นหอมฉุนชำแรกจมูของเขา หมอรีบพูดว่า“สิ่งที่อยู่ภายในคือกลิ่นชะมด เหตุใดใส่กลิ่นชะมดไว้ในดินเล่า?”“ภายในนี้ถึงขั้นมีกลิ่นชะมดอยู่?”เห็นสายตาเซียงฮูหยินว้าวุ่น ยังจะมีอะไรที่เหยาฮุ่ยซินยังไม่รู้อีกเล่า?“ท่านโหดเหี้ยมเกินไปแล้วกระมัง แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยล่วงเกินท่านมาก่อน!”ทุกวันยามนางว่าง ก็มักรดน้ำต้นทับทิมนี้บ่อยๆ ไม่รู้ว่าสูดกลิ่นชะมดอย่างไม่ตั้ง
“พวกเจ้าจะจับข้าไม่ได้”อาจเพราะเซียงฮูหยินคิดไม่ถึงว่าหลังหลงเสี้ยวเทียนได้รู้อดีตที่ผ่านมาแล้ว ยังไร้เยื่อใยเช่นนี้ รีบคุกเข่ากับพื้น จับชายเสื้อของเขาไว้“ข้าชอบท่านด้วยใจจริง หรือว่าท่านไม่เห็นแก่ไมตรีเก่าเลยแม้แต่น้อย?”เซียงฮูหยินคิดจริงๆ ว่า หลงเสี้ยวเทียนจะต้องมีใจให้นางอยู่บ้าง นี่ถึงช่วยนางไว้ที่ทุ่งล่าสัตว์ฤดูหนาว“ตอนนั้นข้าเห็นท่านใกล้หนาวตาย จึงสงสารท่าน”หลงเสี้ยวเทียนไม่แสดงอารมณ์ใดผ่านทางสีหน้า“หากข้ารู้ว่าวันหนึ่ง ท่านจะทำร้ายฮุ่ยซินตอนนั้น ข้ายอมดูท่านแข็งตายไป”“ท่าน...”คำพูดเย็นชาไร้หัวใจ ทำลายความคิดเพ้อฝันของเซียงฮูหยินจนแหลกละเอียด นางมองหลงเสี้ยวเทียนอย่างเหลือจะเชื่อ“ท่านพี่” เหยาฮุ่ยซินจับมือของเขาไว้ สีหน้าเผือดซีดอยู่บ้างหลงเสี้ยวเทียนรีบหันหลังปลอบนาง สีหน้าอ่อนโยน“ไม่ต้องกลัว เรื่องนี้ยกให้ข้าจัดการเอง ข้าไม่มีวันปล่อยคนที่ทำร้ายเจ้าไป”ต่อให้อีกฝ่ายเป็นอนุของบิดา เขาก็จะต้องให้นางชดใช้อย่างสาสม“ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้ ท่านจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้ ข้าหลงใหลในตัวท่าน...”“เหยาฮุ่ยซิน เจ้ามีคุณธรรมมีความสามารถอะไรกัน ข้าขอสาปแช่งเจ้
“ให้อภัยท่าน” กู้หว่านเยว่เองก็ยิ้มบางๆ อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร“เหตุใดข้ารู้สึกแปลกๆ กันเล่า?”การแสดงออกของหลงเส้าเทียน แม้เขาเข้าใจผิดไปว่าสองสามีภรรยาเป็นคนสอดแนม ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้ทำร้ายสองคนนี้ ตรงข้ามกันเขาถูกฟาดแส้ไปแล้ว บัดนี้ยังรู้สึกเจ็บเนื้อตัวอยู่เลยนะเพียงแต่ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้างดงามพริ้มเพราของกู้หว่านเยว่ เขาถึงขั้นรู้สึกไม่สามารถตอบโต้ได้ ตรงข้ามกันยังหวั่นไหวอีกด้วย“ใช่แล้ว ครรภ์ของฮุ่ยซิน...”หลงเสี้ยวเทียนกังวลอยู่บ้าง แม้ว่าหาชะมดเจอแล้วแต่เมื่อครู่หมอก็พูดว่า เหยาฮุ่ยซินดมกลิ่นชะมดมากเกินไป ทำให้ครรภ์ไม่คงที่นางเกิดสัญญาณการแท้งบุตรแล้ว เป็นไปได้มากว่าจะสามารถแท้งบุตรได้ทุกเมื่อ“ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าดูอาการให้พี่หญิงเหยาแล้ว จัดยาให้นางสองชุด ฝังเข็มให้อีกรอบก็น่าจะใช้ได้แล้ว”กู้หว่านเยว่นั่งที่ข้างเตียง หยิบเข็มเงินออกมาหลงเสี้ยวเทียนเห็นสถานการณ์ รีบกล่าวขอบคุณ“ขอบคุณมาก”“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าและพี่หญิงเหยามีวาสนาต่อกัน แต่พวกท่านต้องจำไว้ ครั้งนี้บังเอิญสูดกลิ่นชะมด ข้ายังสามารถช่วยพวกท่านรักษาเด็กเอาไว้ได้แต่ไม่สามารถ
เหยาฮุ่ยซินรีบพูด “ไม่จำเป็น ข้าเชื่อท่าน”นางไม่อยากให้กู้หว่านเยว่คิดว่าตนเองสงสัยในวิชาแพทย์ของนาง ฝ่ายหลังส่งตำรับยาให้หมอ“มีคนดูมากหน่อยย่อมดีกว่า”“เช่นนั้นท่านก็มาดูด้วยกันเถอะ”เหยาฮุ่ยซินเปลี่ยนคำพูด หมอรับตำรับยาไป ทีแรกยังคิดว่ากู้หว่านเยว่อายุน้อย อ่านจบแล้วกลับตกตะลึง“เพิ่มไป๋จู๋เข้าไป ก็สามารถปรับสมดุลของตัวยาได้ ช่างน่าอัศจรรย์นัก ฮูหยินเรียนวิชานี้มาจากที่ใดหรือ?”หมอเอ่ยถามมากอีกหนึ่งประโยคอย่างอดไม่ได้ กู้หว่านเยว่เอ่ยตอบ“ข้าเรียนจากหุบเขาราชาโอสถ”“หุบเขาราชาโอสถ ไม่เคยได้ยินมาก่อน”“ภายภาคหน้าก็จะได้ยินแล้ว”ปรมาจารย์แพทย์ก่อตั้งหุบเขาราชาโอสถ ชื่อเสียงยังไม่เลื่องลือ แต่กู้หว่านเยว่เชื่อ อีกไม่นานทั้งต้าฉีจะต้องได้ยินชื่อเสียงของหุบเขาราชาโอสถอย่างแน่นอน“ข้าขอไปหยิบยาตามตำรับยานี้ก่อน”หมอจากไปอย่างรู้ความ ยามออกจากประตูก็ถูกหลงเส้าเทียนไล่ตามไปขวางไว้“สิ่งที่ได้ยินวันนี้ ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้คำเดียว หากข้าได้ยินคำพูดไร้สาระ...”“ข้าไม่มีวันพูดเหลวไหล”หมอรีบส่ายหน้า เรื่องส่วนตัวยามมารักษาคนไข้ได้พบเห็นมามากมาย เขาระงับปากตนเองได้หลงเส้าเทียน
หากพวกท่านมีเวลาแล้วล่ะก็ ข้าสามารถพาพวกท่านออกไปเดินเล่นได้”“ไม่มีเวลา”ซูจิ่งสิงเอ่ยตอบอย่างกระชับสั้น กู้หว่านเยว่อธิบายยิ้มๆ“ครั้งนี้พวกเราออกมาเพราะมีเรื่องด่วนต้องจัดการ อยู่ที่จวนหลงฉวนได้ไม่นานนัก คาดว่าพรุ่งนี้ก็จะไปแล้ว”“เร็วถึงเพียงนี้เชียว?”ใบหน้าหลงเส้าเทียนเปี่ยมความผิดหวัง“หากฮุ่ยเอ๋อร์รู้ว่าพวกท่านจะจากไปเร็วถึงเพียงนี้ จะต้องเสียใจมากแน่”หลงเสี้ยวเทียนแปลกใจอยู่บ้าง แต่สีหน้ากลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวอย่างไรเสียเขาก็รู้ฐานะของซูจิ่งสิง ไม่มีวันออกมาเที่ยวเล่นอย่างแน่นอน ในเมื่อมาถึงจวนหลงฉวน จะต้องมีเรื่องต้องการจัดแน่“เกือบลืมไปแล้ว ข้าที่นี่มียาบำรุงครรภ์สองขวด ท่านช่วยมอบให้พี่หญิงเหยาแทนข้าด้วยเถอะ”ก่อนหน้านี้ยามกู้หว่านเยว่อยู่ภายในห้องเหยาฮุ่ยซินกลับลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท นึกขึ้นได้ก็วางไว้บนโต๊ะนางคิดว่า คืนนี้ทั้งสองคนไปคลังสินค้าตลาดมืดอาจไม่ได้กลับมา เป็นไปได้มากว่าจะไปยังคลังสินค้าถัดไปดังนั้นจึงจัดการล่วงหน้าหนึ่งก้าว มอบยาบำรุงครรภ์ให้หลงเสี้ยวเทียนหลงเสี้ยวเทียนรีบรับไว้ “ขอบคุณมาก”เขารู้วิชาแพทย์ของกู้หว่านเยว่ นั่นเคยรักษาโรคเร
ขณะนางกำลังคิดว่าทำสิ่งเหล่านี้ให้เรียบร้อยโดยเร็ว รอกลับไปแล้วค่อยๆ นับราวกับไม่ทันสังเกตเลยว่าเดิมทีภายในกล่องนี้ก็ไม่ใช่ของล้ำค่าอะไร ดูท่าแล้ว ของเหล่านี้ถูกสับเปลี่ยนไปตั้งแต่แรก“ข้าดูว่าครั้งนี้พวกเจ้าจะหนีไปที่ใดได้อีก”เวินทิงอวิ๋นเดินเข้ามาจากภายนอก โบกพัดในมือไปมา“ถึงขั้นขวัญกล้ามาปล้นตลาดมืดอินซาน พวกเจ้ากล้าไม่เบาเลยนี่”แม้จวนหลงฉวนรู้ว่าตลาดมืดอินซานและทูเจวี๋ยสมคบคิดกัน ก็กล้าทำเพียงโจมตีคนทูเจวี๋ยเหล่านั้น ไม่กล้าเปิดศึกกับตลาดมืดของพวกเขาอย่างไรเสียพวกเขาตลาดมืดอินซานก็มีสมบัติล้ำค่าหายากและสมุนไพรส่วนใหญ่อยู่ในมือ ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าภายภาคหน้า สักวันหนึ่งจะต้องมาขอร้องอินซานหรือไม่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่งตอนนี้รู้สึกโชคดีมาก ก่อนมาที่นี่ทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นชุดท่องราตรี ยิ่งไปกว่านั้นยังแปลงโฉมอย่างง่ายอีกด้วย เดิมทีเวินทิงอวิ๋นก็จำฐานะที่แท้จริงของพวกเขาไม่ได้“นกพิราบสื่อสารของตลาดมืดอินซานว่องไวมากไม่ผิดไปดังคาด”เดิมทีกู้หว่านเยว่ก็คาดการณ์ไว้ อย่างน้อยต้องใช้เวลาสี่ถึงห้าวันข่าวถึงจะส่งถึงมือสาขาอื่น คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะได้ร
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก