เหยาฮุ่ยซินรีบพูด “ไม่จำเป็น ข้าเชื่อท่าน”นางไม่อยากให้กู้หว่านเยว่คิดว่าตนเองสงสัยในวิชาแพทย์ของนาง ฝ่ายหลังส่งตำรับยาให้หมอ“มีคนดูมากหน่อยย่อมดีกว่า”“เช่นนั้นท่านก็มาดูด้วยกันเถอะ”เหยาฮุ่ยซินเปลี่ยนคำพูด หมอรับตำรับยาไป ทีแรกยังคิดว่ากู้หว่านเยว่อายุน้อย อ่านจบแล้วกลับตกตะลึง“เพิ่มไป๋จู๋เข้าไป ก็สามารถปรับสมดุลของตัวยาได้ ช่างน่าอัศจรรย์นัก ฮูหยินเรียนวิชานี้มาจากที่ใดหรือ?”หมอเอ่ยถามมากอีกหนึ่งประโยคอย่างอดไม่ได้ กู้หว่านเยว่เอ่ยตอบ“ข้าเรียนจากหุบเขาราชาโอสถ”“หุบเขาราชาโอสถ ไม่เคยได้ยินมาก่อน”“ภายภาคหน้าก็จะได้ยินแล้ว”ปรมาจารย์แพทย์ก่อตั้งหุบเขาราชาโอสถ ชื่อเสียงยังไม่เลื่องลือ แต่กู้หว่านเยว่เชื่อ อีกไม่นานทั้งต้าฉีจะต้องได้ยินชื่อเสียงของหุบเขาราชาโอสถอย่างแน่นอน“ข้าขอไปหยิบยาตามตำรับยานี้ก่อน”หมอจากไปอย่างรู้ความ ยามออกจากประตูก็ถูกหลงเส้าเทียนไล่ตามไปขวางไว้“สิ่งที่ได้ยินวันนี้ ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้คำเดียว หากข้าได้ยินคำพูดไร้สาระ...”“ข้าไม่มีวันพูดเหลวไหล”หมอรีบส่ายหน้า เรื่องส่วนตัวยามมารักษาคนไข้ได้พบเห็นมามากมาย เขาระงับปากตนเองได้หลงเส้าเทียน
หากพวกท่านมีเวลาแล้วล่ะก็ ข้าสามารถพาพวกท่านออกไปเดินเล่นได้”“ไม่มีเวลา”ซูจิ่งสิงเอ่ยตอบอย่างกระชับสั้น กู้หว่านเยว่อธิบายยิ้มๆ“ครั้งนี้พวกเราออกมาเพราะมีเรื่องด่วนต้องจัดการ อยู่ที่จวนหลงฉวนได้ไม่นานนัก คาดว่าพรุ่งนี้ก็จะไปแล้ว”“เร็วถึงเพียงนี้เชียว?”ใบหน้าหลงเส้าเทียนเปี่ยมความผิดหวัง“หากฮุ่ยเอ๋อร์รู้ว่าพวกท่านจะจากไปเร็วถึงเพียงนี้ จะต้องเสียใจมากแน่”หลงเสี้ยวเทียนแปลกใจอยู่บ้าง แต่สีหน้ากลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวอย่างไรเสียเขาก็รู้ฐานะของซูจิ่งสิง ไม่มีวันออกมาเที่ยวเล่นอย่างแน่นอน ในเมื่อมาถึงจวนหลงฉวน จะต้องมีเรื่องต้องการจัดแน่“เกือบลืมไปแล้ว ข้าที่นี่มียาบำรุงครรภ์สองขวด ท่านช่วยมอบให้พี่หญิงเหยาแทนข้าด้วยเถอะ”ก่อนหน้านี้ยามกู้หว่านเยว่อยู่ภายในห้องเหยาฮุ่ยซินกลับลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท นึกขึ้นได้ก็วางไว้บนโต๊ะนางคิดว่า คืนนี้ทั้งสองคนไปคลังสินค้าตลาดมืดอาจไม่ได้กลับมา เป็นไปได้มากว่าจะไปยังคลังสินค้าถัดไปดังนั้นจึงจัดการล่วงหน้าหนึ่งก้าว มอบยาบำรุงครรภ์ให้หลงเสี้ยวเทียนหลงเสี้ยวเทียนรีบรับไว้ “ขอบคุณมาก”เขารู้วิชาแพทย์ของกู้หว่านเยว่ นั่นเคยรักษาโรคเร
ขณะนางกำลังคิดว่าทำสิ่งเหล่านี้ให้เรียบร้อยโดยเร็ว รอกลับไปแล้วค่อยๆ นับราวกับไม่ทันสังเกตเลยว่าเดิมทีภายในกล่องนี้ก็ไม่ใช่ของล้ำค่าอะไร ดูท่าแล้ว ของเหล่านี้ถูกสับเปลี่ยนไปตั้งแต่แรก“ข้าดูว่าครั้งนี้พวกเจ้าจะหนีไปที่ใดได้อีก”เวินทิงอวิ๋นเดินเข้ามาจากภายนอก โบกพัดในมือไปมา“ถึงขั้นขวัญกล้ามาปล้นตลาดมืดอินซาน พวกเจ้ากล้าไม่เบาเลยนี่”แม้จวนหลงฉวนรู้ว่าตลาดมืดอินซานและทูเจวี๋ยสมคบคิดกัน ก็กล้าทำเพียงโจมตีคนทูเจวี๋ยเหล่านั้น ไม่กล้าเปิดศึกกับตลาดมืดของพวกเขาอย่างไรเสียพวกเขาตลาดมืดอินซานก็มีสมบัติล้ำค่าหายากและสมุนไพรส่วนใหญ่อยู่ในมือ ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าภายภาคหน้า สักวันหนึ่งจะต้องมาขอร้องอินซานหรือไม่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่งตอนนี้รู้สึกโชคดีมาก ก่อนมาที่นี่ทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นชุดท่องราตรี ยิ่งไปกว่านั้นยังแปลงโฉมอย่างง่ายอีกด้วย เดิมทีเวินทิงอวิ๋นก็จำฐานะที่แท้จริงของพวกเขาไม่ได้“นกพิราบสื่อสารของตลาดมืดอินซานว่องไวมากไม่ผิดไปดังคาด”เดิมทีกู้หว่านเยว่ก็คาดการณ์ไว้ อย่างน้อยต้องใช้เวลาสี่ถึงห้าวันข่าวถึงจะส่งถึงมือสาขาอื่น คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะได้ร
กู้หว่านเยว่สาดยาสลบออกไป จากนั้นโยนคบเพลิงเข้าไปภายในหนึ่งอัน พาซูจิ่งสิงหนีหายไปในทันใด“ตาม!”เวินทิงอวิ๋นลองไล่ตามไป กลับถูกองครักษ์หน่วยหนึ่งล้อมไว้บนถนนอย่างกะทันหัน หลงเส้าเทียนพาองครักษ์ของจวนหลงฉวนออกมา“เกิดอันใดขึ้น เหตุใดมาทะเลาะวิวาทกันที่นี่กลางดึกเล่า?”เวินทิงอวิ๋นโมโหไม่เบา เขารู้ฐานะของหลงเส้าเทียน ไม่เสแสร้งแสดงละครไม่ได้“มีหัวขโมยสองคนเข้าไปในคลังของห้องหนังสือพวกเรา ลอบขโมยของมีค่าไปไม่น้อย ข้าน้อยกำลังจะพาคนไล่ตามไป”“หัวขโมย?”หลงเส้าเทียนหันมองทิศทางที่สองคนนั้นจากไปแวบหนึ่ง หันหน้ากลับมาเนิบๆ“หัวขโมยสองคนนั้นกล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงขั้นขวัญกล้าขโมยของภายในเมืองอย่างเปิดเผย เจ้าวางใจเถอะ พวกเราจวนหลงฉวนไม่มีวันปล่อยพวกเขาไป พวกเจ้าไปแจ้งความกับทางการก่อน ข้าย่อมต้องพาคนไล่ตามพวกเขาไป”“ไม่จำเป็น...”เวินทิงอวิ๋นไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง เขาจะไล่ตามไปด้วยตนเอง“เกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ ทางการจะต้องออกหน้าช่วยทวงความยุติธรรมแทนพวกเจ้าแน่ อย่าเกรงใจไปเลย”หลงเส้าเทียนพูดเพียงสองสามประโยคก็ยับยั้งอีกฝ่ายไว้ได้แล้ว ไม่รอให้เวินทิงอวิ๋นเปิดปากอีกครั้งก็โบกมือ
“นี่คือหนึ่งในผู้ดูแลตลาดมืดอินซาน หลี่หรงหรง”ซูจิ่งสิงกระซิบข้างโสตนางเสียงนุ่มนวล“ไปเถอะ พวกเราขึ้นรถม้าไปถามนาง คลังสินค้าอีกสี่แห่งที่เหลือถูกย้ายไปไว้ที่ใดแล้ว”“คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะมีคนอยู่ที่จวนหลงฉวนด้วย ท่านสั่งพวกเขาไปจัดการเรื่องนี้ตั้งแต่ยามใดกัน?”กู้หว่านเยว่ตกตะลึงอยู่บ้าง ชายคนนี้ยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง ไม่ทันรู้ตัว ก็จับผู้ดูแลตลาดมืดมัดไว้แล้ว“พวกเราไม่ใช่เคยมาจวนหลงฉวนครั้งหนึ่งหรอกหรือ? นับตั้งแต่นั้นมาข้าก็ส่งคนของตนมาอยู่ที่นี่”ซูจิ่งสิงอธิบายอย่างอดทน“พวกเราปล้นคลังสินค้าสี่แห่งจนเกลี้ยงแล้ว เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ข้าจึงให้พวกเขาเตรียมการล่วงหน้า”วันนี้ผู้ดูแลหลี่คนนั้นก็บังเอิญอยู่ข้างกายเวินทิงอวิ๋น ซูจิ่งสิงพากู้หว่านเยว่ออกมาแล้ว ก็ส่งข่าวให้ผู้อยู่ใต้อาณัติทั้งสองคนพูดพลางขึ้นรถม้า หนึ่งในคนชุดดำออกไปนั่งภายนอกและขับรถม้า“พวกเจ้าดีที่สุดคือปล่อยข้าไป”หลี่หรงหรงพูดพลางขมวดคิ้ว“หากถูกใต้เท้าเวินรู้เข้า เขาไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไป”กู้หว่านเยว่หัวเราะคิกคัก “ใต้เท้าเวินที่เจ้าพูดถึง เมื่อครู่เขาขวางพวกเราเอาไว้ไม่ได้”สีหน้าหลี่หรงหร
“ข้าถามเจ้า ตอนนี้วัวเทียมเกวียนอยู่ที่ใด?”หลี่หรงหรงส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่วัวเทียมเกวียนกำหนดเส้นทางไว้แน่นอนแล้ว”กู้หว่านเยว่โยนแผนที่ให้นางหนึ่งฉบับ“เจ้าจงวาดเส้นทางลงไปตอนนี้เลย”หลี่หรงหรงวาดเส้นทางลงไปอย่างว่าง่าย ชั่วขณะวางพู่กัน ยาพูดความจริงก็หมดฤทธิ์ ทันใดนั้นได้สติกลับมาแล้วมองแผนที่ตรงหน้า สีหน้าเปลี่ยนไปซูจิ่งสิงสืบเท้าขึ้นไปหนึ่งก้าวหยิบแผนที่ไปอย่างว่องไว“พวกเจ้าถึงขั้นขวัญกล้าลอบวางอุบายข้า?”หลี่หรงหรงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางไม่มีความทรงจำเมื่อครู่เหลืออยู่เลยแม้แต่น้อยตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? นางถึงขั้นวาดเส้นทางการเดินทางของวัวเทียมเกวียนออกมา สองสามีภรรยาคู่นี้ทำอันใดนาง?กู้หว่านเยว่มองแผนที่การเดินทางของวัวเทียมเกวียน ยกมุมปากยิ้มน้อยๆ“พวกเราไม่ต้องไปคลังสินค้าอีกสามแห่งแล้ว ขอเพียงเก็บกวาดวัวเทียมเกวียนนี้ให้เกลี้ยง ก็เท่ากับเก็บกวาดอีกสี่คลังสินค้าที่เหลือได้ในคราวเดียว”ประหยัดเวลาประหยัดแรง นางดีใจขึ้นมาสองส่วนแล้ว“พวกเจ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว ของเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าของตลาดมืดอินซาน พวกเจ้าถือสิทธิ์อะไรมาปล้นไป?”หลี่หรงหร
ต้องบอกว่า เวินทิงอวิ๋นเฉลียวฉลาดยิ่งนักภายในระยะเวลาสั้น ๆ ก็จำสถานะของทั้งสองคนได้“เจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้นเป่ย เหตุใดถึงต้องเป็นพวกเขา?”ทหารรับใช้ไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อ แต่เวินทิงอวิ๋นกลับมั่นใจในสถานะของพวกเขา“สตรีร่างบางผู้นั้นจะต้องเป็นพระชายาเจิ้นเป่ยอย่างแน่นอน มิน่าล่ะน้ำเสียงของนางที่ข้าได้ยินช่างคล้ายกับเสียงของสตรียิ่งนัก”เวินทิงอวิ๋นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นายหญิงสั่งให้เขาไปสร้างความเดือดร้อนให้สองคนนั้น ปรากฏว่ายังไม่ทันจะลงมือ ห้องเก็บของทั้งสี่แห่งได้ถูกสองคนนั้นขโมยไปจนหมดเกลี้ยงสองคนนี้ก็คือท่านอ๋องและพระชายาจริง ๆ หรือ?นี่มันโจรชัด ๆ !“ห้ามบอกเรื่องนี้กับนายท่านเด็ดขาด” หากนายท่านรู้เข้า เขาตายแน่เวินทิงอวิ๋นขมวดคิ้วแน่นอย่างโศกเศร้า ตอนนี้ยังทันนะ ตราบใดที่จับตัวเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้นเป่ยได้ ย่อมตามเอาคลังสินค้าเล็กที่สูญหายไปเหล่านั้นกลับมาได้“ส่งนกพิราบออกไปส่งสาร แจ้งให้เกวียนวัวเปลี่ยนเส้นทาง”เวินทิงอวิ๋นกำชับว่า“ค่อยส่งทหารบางส่วนออกไปค้นหาที่อยู่ของเจิ้นเป่ยอ๋อง หากเจอกับพ่อบ้านหลี่ก็ฆ่าทิ้งเสีย”ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความปรานี ทหารร
คำพูดของเจ้าของร้านแฝงไปด้วยความโกรธเคืองอยู่เล็กน้อย หลังจากที่พูดออกมาแล้วก็พลันตระหนักได้ว่าตนนั้นพลั้งปากพูดมากไป จึงได้ขอประทานอภัยอย่างหวาดกลัว“สิ่งที่ข้าน้อยพูดเมื่อครู่ ท่านทั้งสองห้ามบอกผู้อื่นนะขอรับ”กู้หว่านเยว่สงสารเขาอยู่ไม่น้อย“วางใจเถอะ เราไม่มีทางบอกผู้อื่นหรอก”ซูจิ่งสิงยังคงเป็นห่วงราษฎร์มาก จึงกล่าวถามอีกว่า“ในเมื่อราชสำนักไม่มีการบรรเทาความอดอยากให้กับราษฎร์ พวกชาวบ้านเหล่านั้นทำอย่างไร หรือรอให้หิวตายอย่างนั้นหรือ?”“มีคนตายเพราะความหิวโหยไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว”เจ้าของร้านทอดถอนใจหนึ่งครั้ง นัยน์ตาของเขาก็พลันวูบไหว“ได้ยินว่าเจดีย์หนิงกู่ทางนั้นอ้าแขนรับผู้ลี้ภัย มีหลายคนเดินทางไปที่นั่นแล้ว อีกไม่นานร้านนี้ก็จะปิดตัวลง ข้าเองก็ตั้งใจจะไปที่นั่นเช่นกัน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างมองตากัน ใบหน้าของทั้งสองคนอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้แม้ว่าโลกภายนอกจะอดอยากแร้นแค้น แต่ทุกคนต่างก็คิดว่าเจดีย์หนิงกู่เป็นสถานที่หลบภัยไปแล้วเจ้าของร้านอดกล่าวไม่ได้อีกว่า“เพียงแต่ได้ยินมาว่าอากาศในเจดีย์หนิงกู่นั้นหนาวยะเยือก ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น มีหิมะตกตลอดสี่ฤดู ไม่รู้ว่า
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก