“ข้าถามเจ้า ตอนนี้วัวเทียมเกวียนอยู่ที่ใด?”หลี่หรงหรงส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่วัวเทียมเกวียนกำหนดเส้นทางไว้แน่นอนแล้ว”กู้หว่านเยว่โยนแผนที่ให้นางหนึ่งฉบับ“เจ้าจงวาดเส้นทางลงไปตอนนี้เลย”หลี่หรงหรงวาดเส้นทางลงไปอย่างว่าง่าย ชั่วขณะวางพู่กัน ยาพูดความจริงก็หมดฤทธิ์ ทันใดนั้นได้สติกลับมาแล้วมองแผนที่ตรงหน้า สีหน้าเปลี่ยนไปซูจิ่งสิงสืบเท้าขึ้นไปหนึ่งก้าวหยิบแผนที่ไปอย่างว่องไว“พวกเจ้าถึงขั้นขวัญกล้าลอบวางอุบายข้า?”หลี่หรงหรงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางไม่มีความทรงจำเมื่อครู่เหลืออยู่เลยแม้แต่น้อยตกลงเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? นางถึงขั้นวาดเส้นทางการเดินทางของวัวเทียมเกวียนออกมา สองสามีภรรยาคู่นี้ทำอันใดนาง?กู้หว่านเยว่มองแผนที่การเดินทางของวัวเทียมเกวียน ยกมุมปากยิ้มน้อยๆ“พวกเราไม่ต้องไปคลังสินค้าอีกสามแห่งแล้ว ขอเพียงเก็บกวาดวัวเทียมเกวียนนี้ให้เกลี้ยง ก็เท่ากับเก็บกวาดอีกสี่คลังสินค้าที่เหลือได้ในคราวเดียว”ประหยัดเวลาประหยัดแรง นางดีใจขึ้นมาสองส่วนแล้ว“พวกเจ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว ของเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าของตลาดมืดอินซาน พวกเจ้าถือสิทธิ์อะไรมาปล้นไป?”หลี่หรงหร
ต้องบอกว่า เวินทิงอวิ๋นเฉลียวฉลาดยิ่งนักภายในระยะเวลาสั้น ๆ ก็จำสถานะของทั้งสองคนได้“เจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้นเป่ย เหตุใดถึงต้องเป็นพวกเขา?”ทหารรับใช้ไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อ แต่เวินทิงอวิ๋นกลับมั่นใจในสถานะของพวกเขา“สตรีร่างบางผู้นั้นจะต้องเป็นพระชายาเจิ้นเป่ยอย่างแน่นอน มิน่าล่ะน้ำเสียงของนางที่ข้าได้ยินช่างคล้ายกับเสียงของสตรียิ่งนัก”เวินทิงอวิ๋นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นายหญิงสั่งให้เขาไปสร้างความเดือดร้อนให้สองคนนั้น ปรากฏว่ายังไม่ทันจะลงมือ ห้องเก็บของทั้งสี่แห่งได้ถูกสองคนนั้นขโมยไปจนหมดเกลี้ยงสองคนนี้ก็คือท่านอ๋องและพระชายาจริง ๆ หรือ?นี่มันโจรชัด ๆ !“ห้ามบอกเรื่องนี้กับนายท่านเด็ดขาด” หากนายท่านรู้เข้า เขาตายแน่เวินทิงอวิ๋นขมวดคิ้วแน่นอย่างโศกเศร้า ตอนนี้ยังทันนะ ตราบใดที่จับตัวเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาเจิ้นเป่ยได้ ย่อมตามเอาคลังสินค้าเล็กที่สูญหายไปเหล่านั้นกลับมาได้“ส่งนกพิราบออกไปส่งสาร แจ้งให้เกวียนวัวเปลี่ยนเส้นทาง”เวินทิงอวิ๋นกำชับว่า“ค่อยส่งทหารบางส่วนออกไปค้นหาที่อยู่ของเจิ้นเป่ยอ๋อง หากเจอกับพ่อบ้านหลี่ก็ฆ่าทิ้งเสีย”ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความปรานี ทหารร
คำพูดของเจ้าของร้านแฝงไปด้วยความโกรธเคืองอยู่เล็กน้อย หลังจากที่พูดออกมาแล้วก็พลันตระหนักได้ว่าตนนั้นพลั้งปากพูดมากไป จึงได้ขอประทานอภัยอย่างหวาดกลัว“สิ่งที่ข้าน้อยพูดเมื่อครู่ ท่านทั้งสองห้ามบอกผู้อื่นนะขอรับ”กู้หว่านเยว่สงสารเขาอยู่ไม่น้อย“วางใจเถอะ เราไม่มีทางบอกผู้อื่นหรอก”ซูจิ่งสิงยังคงเป็นห่วงราษฎร์มาก จึงกล่าวถามอีกว่า“ในเมื่อราชสำนักไม่มีการบรรเทาความอดอยากให้กับราษฎร์ พวกชาวบ้านเหล่านั้นทำอย่างไร หรือรอให้หิวตายอย่างนั้นหรือ?”“มีคนตายเพราะความหิวโหยไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว”เจ้าของร้านทอดถอนใจหนึ่งครั้ง นัยน์ตาของเขาก็พลันวูบไหว“ได้ยินว่าเจดีย์หนิงกู่ทางนั้นอ้าแขนรับผู้ลี้ภัย มีหลายคนเดินทางไปที่นั่นแล้ว อีกไม่นานร้านนี้ก็จะปิดตัวลง ข้าเองก็ตั้งใจจะไปที่นั่นเช่นกัน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างมองตากัน ใบหน้าของทั้งสองคนอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้แม้ว่าโลกภายนอกจะอดอยากแร้นแค้น แต่ทุกคนต่างก็คิดว่าเจดีย์หนิงกู่เป็นสถานที่หลบภัยไปแล้วเจ้าของร้านอดกล่าวไม่ได้อีกว่า“เพียงแต่ได้ยินมาว่าอากาศในเจดีย์หนิงกู่นั้นหนาวยะเยือก ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น มีหิมะตกตลอดสี่ฤดู ไม่รู้ว่า
“น้องหญิงระวัง”ซูจิ่งสิงโอบกู้หว่านเยว่ไปด้านข้าง องครักษ์เงาจากในที่มืดทยอยกันปรากฏตัว และเข้าต่อสู้กับคนชุดดำ“ท่านพี่ รีบขึ้นไปด้านบน”การแต่งกายของคนชุดดำกลุ่มนี้ช่างคล้ายกับคนที่จับตัวเสี่ยวจ้านจ้านไปในครั้งที่แล้วพวกเขาเป็นคนที่ตลาดมืด จู่ ๆ กู้หว่านเยว่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบคว้าตัวซูจิ่งสิงแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบน“เจ้าของร้านหลี่อาจจะเกิดเรื่องก็ได้”เป็นอย่างที่คิดไว้ ทันทีที่ทั้งสองคนออกมานอกห้อง ก็เห็นนักฆ่าสองคนกำลังจะสังหารหลี่หรงหรงอยู่พอดีโชคดีที่หลี่หรงหรงมีทักษะการต่อสู้ติดตัว แม้ว่ามือและเท้าจะถูกมัดไว้ แต่ก็ยังหลบเลี่ยงกระบวนท่าได้หลายครั้งแต่นางก็ไม่ได้โชคดีเพียงนั้น ไหล่ของนางถูกฟันอย่างรวดเร็ว“อย่าให้นางตายเด็ดขาด”กู้หว่านเยว่รีบกล่าว นางยังต้องเก็บหลี่หรงหรงไว้เพื่อใช้ประโยชน์“ช่วยข้าด้วย!”หลี่หรงหรงรีบวิ่งเข้ามา กู้หว่านเยว่คว้าตัวนางไปไว้ด้านข้าง ส่วนซูจิ่งสิงก็ลอยตัวออกไปสู้กับคนชุดดำสองคนนั้น“อย่าคิดหนีเชียว”กู้หว่านเยว่ชักกริชเล่มหนึ่งออกมา และกล่าวเตือนหากหลี่หรงหรงคิดจะหนี กริชที่อยู่ในมือของนางคงไม่ใช่เรื่องง่ายจะรับมืออย่าง
“จัดการศพเหล่านั้นให้เรียบร้อย อย่าทำให้เจ้าของร้านตกใจ”ซูจิ่งสิงได้กำชับอีกครั้ง แล้วค่อยโบกมือสองสามีภรรยานั่งลงปรึกษากันราวกับไม่มีใครเห็น หลี่หรงหรงยังคงคิดไม่วิตก คล้ายกับว่าไม่อยากเชื่อว่าเวินทิงอวิ๋นที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยกันเมื่อคืนจะกลับมาฆ่านาง“น้องหญิง เจ้าจะจัดการนางอย่างไร?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย การแบกคนที่คิดจะหนีตลอดเวลา ช่างเป็นภาระที่หนักหน่วงยิ่งนัก“ปล่อยนางก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มตาหยี “ข้ารู้สึกว่านางน่าสนใจ”“พูดอย่างไรดีล่ะ?”แววตาของซูจิ่งสิงเกิดจิตสังหาร เขาไม่อยากเก็บคนของอินซานไว้ข้างกายหลี่หรงหรงหันกลับมาทันควันและกล่าวออกไปว่า“เรามาร่วมมือกันเถอะ?”กู้หว่านเยว่เหมือนจะเดาออกนานแล้ว จึงคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า“จะร่วมมือกันอย่างไร?”“ข้าช่วยหาเกวียนให้พวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องช่วยข้าเรื่องหนึ่ง ให้ข้าฆ่าเวินทิงอวิ๋นด้วยมือของข้าเอง”ใบหน้าของหลี่หรงหรงฉายแววโกรธแค้น กู้หว่านเยว่เหมือนจะครุ่นคิดอะไรได้บางอย่าง “เมื่อครู่เจ้ายังรักเขาจะเป็นจะตายอยู่เลย เหตุไฉนถึงเปลี่ยนใจอยากฆ่าเขาขึ้นมาล่ะ?”“ข้าไม่ใช่คนของตลาดมืด ทั้งหมดเป็นเพราะเขา
นางกล่าวเตือนว่า “เห็นต้นไม้ต้นนั้นหรือไม่? ข้าแนะนำให้พวกเจ้าตัดต้นไม้ต้นนั้นทิ้งเสีย”นัยน์ตาของหลี่หรงหรงเปล่งประกาย“แบบนี้ ต่อให้เวินทิงอวิ๋นจะไล่ตามมาทัน แต่ก็ต้องล่าช้าเพราะหาเครื่องหมายไม่เจอ”นางเกลียดชังเวินทิงอวิ๋นมาก ครั้นนึกถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาแล้วน่ารำคาญยิ่งนัก“ทหาร”กู้หว่านเยว่ไม่ลังเล สั่งทหารมาตัดต้นไม้ต้นนั้นทันทีในเวลาต่อมานางได้สั่งให้คนตัดต้นไม้ที่มีเครื่องหมายเหล่านั้นทั้งหมด กระทั่งราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผาจนวอดวาย“ครึ่งวันแล้ว ใกล้ถึงแล้วใช่หรือไม่?”ซูจิ่งสิงหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องมองหลี่หรงหรง นางอดตัวสั่นสะท้านไม่ได้เมื่อถูกเขามองด้วยสายตาเย็นชากู้หว่านเยว่รีบเข้าไปดึงตัวเขา แล้วโวยวาย “จะขู่นางทำไม”“กลัวนางโกหกเจ้า”ถึงอย่างไรก็เป็นคนจากตลาดมืด ซูจิ่งสิงค่อนข้างระมัดระวังตัวนางหลี่หรงหรงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ และมองไปทางกู้หว่านเยว่อย่างอ่อนโยน “วางใจเถอะ ข้าไม่หลอกเจ้าหรอก”“ข้าเชื่อเจ้า”กู้หว่านเยว่ยอมให้โอกาสนางอีกครั้ง รถม้ากำลังขับเคลื่อนไปบนถนน ผ่านไปแล้วอีกครึ่งชั่วยามองครักษ์เงาพรวดเข้ามารายงาน“รายงานนายท่าน พบเกวียนสองคันไม่
แทบจะเสี้ยววินาทีหลังจากที่ถูกปืนยาชายิงใส่ก็ล้มลงภายในสามวินาที“ใคร ใครอยู่แถวนี้?”เมื่อเห็นสหายล้มลงอย่างฉับพลัน คนชุดดำที่คอยคุ้มกันเกวียนเหล่านั้นก็พลันตื่นตระหนก รีบหยุดเดิน จากนั้นก็กวาดมองไปรอบ ๆ ตัวซูจิ่งสิงลงมืออีกครั้ง เล็งเป้าไปยังคนชุดดำข้างหน้าแล้วทำการลั่นไกปืนใส่อีกฝ่ายสองสามีภรรยาให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เพียงแค่ไม่กี่นาที ก็ล้มคนชุดดำเหล่านั้นได้กู้หว่านเยว่ดีใจมาก “เดิมทีข้าคิดว่ายังต้องสู้กับพวกเขาอีกพักใหญ่ มีปืนยาชาพอง่ายขึ้นมาหน่อย”นางเก็บปืน แล้วแฉลบตัวเข้าไปตรวจสอบ พบว่าคนชุดดำทุกคนต่างหมดสติเรียบร้อยแล้วนางเปิดกล่องขนาดใหญ่บนเกวียน และตรวจสอบกล่องผ้าเหล่านั้นทีละกล่อง จนมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ภายในกล่องเป็นของที่มีมูลค่า จึงดึงเชือกที่ผูกติดกับวัวอย่างไร้ความปรานี จากนั้นก็ลากเกวียนสองคันเข้าไปในห้วงมิติ“คนชุดดำเหล่านี้ต่างปฏิบัติตามคำสั่งของตลาดมืด ในเมื่อได้ของมาอยู่ในมือแล้ว ก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”กู้หว่านเยว่ไม่ตั้งใจจะคร่าชีวิตของพวกเขา มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเปลี่ยนปืนธรรมดาเป็นปืนยาสลบหรอก“แล้วแต่เจ้า”ซูจิ่งสิงคิดเหมือนกับนางทั้งสองคนพ
“อย่าเอ่ยถึงเขา!”เนี่ยชิงหลานกระทืบเท้า ใบหน้าฉายแววสับสนละคนโกรธเคือง ก่อนจะคว้าข้อมือของกู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ เราไม่ต้องไปกับเขาหรอก เราไปกันเองเถอะ”กู้หว่านเยว่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กระทั่งเห็นเฉิงเซวียนเดินกะเผลกตามออกมาจากข้างใน“น้องหญิง เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าไม่ได้มีอะไรกับนางนะ”กู้หว่านเยว่ “?” จากนั้นเซี่ยเหอก็เดินออกมาจากโรงเตี๊ยม ยกสองมือคารวะ และกล่าวด้วยสีหน้าไม่สบายใจว่า“ชิงหลาน เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เมื่อครู่ข้าเพียงแค่ช่วยคุณชายเฉิงตรวจอาการบาดเจ็บเท่านั้น”“อย่ามาเรียกข้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเรียกข้าว่าชิงหลาน?”เนี่ยชิงหลานไม่ไว้หน้านางเลยสักนิด ทั้งยังพูดจาอย่างตรงไปตรงมาทำร้ายจิตใจเซี่ยเหอนางยืนโซเซ สีหน้าซีดเผือด“คุณหนูเนี่ย....”เฉิงเซวียนขมวดคิ้วแน่น “น้องหญิง ทำไมเจ้าต้องบีบบังคับกันขนาดนี้ นางมีจิตใจงดงามเพียงนี้”“ข้าบังคับคนอื่นหรือ?”เนี่ยชิงหลานยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมองอย่างงุนงงเกิดอะไรขึ้น?ทำไมเซี่ยเหอถึงอยู่ที่นี่?กู้หว่านเยว่ไม่สนิทกับเซี่ยเหอ ที่ได้เจอกันไม่กี่ครั้งก็เพราะเนี่ยชิงหลานและเฉิงเซวียน“ขอ
“เจ้าเป็นใคร?”เขามองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเย็นชา และมองออกว่า ตรงหน้าคือสตรีผู้หนึ่งสตรีผู้นี้เป็นใครกัน? เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?“รีบปล่อยฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น...”แม่ทัพเกาเถียนมองนางด้วยสายตาเยือกเย็น น้ำเสียงเต็มไปด้วยการข่มขู่ เมื่อเขาโกรธ ดวงตาของเขาดูเหมือนมีน้ำแข็งเกาะอยู่ชั้นหนึ่ง ทำให้ผู้คนอดตัวสั่นไม่ได้กู้หว่านเยว่กลับยิ้มอย่างดูถูก ไม่กลัวเขาแม้แต่น้อย“มิเช่นนั้นแล้วจะทำไม? กษัตริย์ทูเจวี๋ยอยู่ในมือข้าวิชาตัวเบาของเจ้าแม้จะรวดเร็วเพียงใด แต่ก็ไม่เร็วเท่ากริชของข้า”กริชเลื่อนไปมาเบา ๆ บนลำคอของกษัตริย์ทูเจวี๋ย กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างสดใสรอยยิ้มนี้ทำให้แม่ทัพเกาเถียนตาพร่าไปชั่วขณะ“อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม ห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามทั้งนั้น”กษัตริย์ทูเจวี๋ยหวาดกลัวจริง ๆ เขาตกใจกับการกระทำของกู้หว่านเยว่จนแทบแย่เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังปรากฏตัวต่อหน้าท่านยมบาล!“อย่าทำร้ายฝ่าบาท ข้าจะไม่เข้าไป”ในที่สุดแม่ทัพเกาเถียนก็ยอมจำนนสตรีผู้นี้นิสัยแปลกประหลาด ไม่ทำตามแบบแผน เขาไม่สามารถเสี่ยงได้“เจ้าต้องการอะไร เพียงแค่เจ้าปล่อยฝ่าบาท ข้ายินดีทำให้เจ้าทุกอย่าง”เขาพยา
“เรื่องที่ข้าต้องการจะประกาศนั้น เกี่ยวข้องกับรัชทายาทในอนาคต”กษัตริย์ทูเจวี๋ยกัดฟันกรอด“ข้าได้พบที่อยู่ขององค์หญิงเก้าแล้ว และตั้งใจจะมอบตำแหน่งองค์หญิงรัชทายาทให้แก่องค์หญิงเก้า”เขาแทบจะเอ่ยคำเหล่านี้ออกมาทีละคำ ทีละพยางค์แม้ว่าเขาจะวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะหาโอกาสกล่าวถึงเรื่องการแต่งตั้งรัชทายาทแต่ว่านั่นหมายถึงเด็กที่อยู่ในครรภ์ของพระสนมลี่ทว่าตอนนี้กู้หว่านเยว่ได้ทำลายแผนการของเขาอย่างสิ้นเชิง เด็กที่เขาหมายตาไว้ ไม่สามารถขึ้นเป็นรัชทายาทได้อีกต่อไปแล้วเพื่อความปลอดภัยของพระสนมลี่และลูก เขาจำต้องยอมประนีประนอมดวงตาของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเปล่งประกายความคับแค้นใจ“อะไรนะ?”แม่ทัพเกาเถียนถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกษัตริย์ทูเจวี๋ยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ และทันใดนั้นก็เห็นสีหน้าผิดปกติของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเข้าพอดี“พบองค์หญิงเก้าแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เขาลังเลเล็กน้อย“แต่ก่อนหน้านี้ ท่านสงสัยว่าราชินีและองค์หญิงเก้าคิดก่อกบฏมิใช่หรือ และท่านยังเนรเทศทุกคนในตระกูลกู่ลี่ไปแล้ว”ดวงตาของแม่ทัพเกาเถียนเปล่งประกายความฉลาดเฉลียว ไม่ถูกต้อง เหตุใดคำพูดของฝ่าบาท
“องค์หญิงเก้าพูดความจริง ท่านเป็นคนเลือกตระกูลกู่ลี่เอง ไปหาพวกเขาเอง พวกเขาไม่ได้เป็นฝ่ายคุกคามท่านก่อน”พระสนมลี่รู้สึกตัวเองนั้นน่าขบขันยิ่งนัก นางยังคิดว่ากษัตริย์ทูเจวี๋ยถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับราชินี ดังนั้นหลังจากที่นางเข้าวัง นางจึงเห็นราชินีเป็นศัตรูมาโดยตลอด และมักจะสร้างความเดือดร้อนให้กับเสี่ยวถ่านและราชินีเสมอมาพอมาคิดดูตอนนี้ ที่แท้นางต่างหาที่น่ารังเกียจ“เรื่องสำคัญขนาดนี้ เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่บอกหม่อมฉัน?”พระสนมลี่รู้สึกผิดหวัง กษัตริย์ทูเจวี๋ยไม่กล้ามองตาของนาง“ลี่เอ๋อร์ ข้า ... ข้าไม่อยากทำลายภาพลักษณ์ในใจของเจ้า”“พระองค์ทำให้หม่อมฉันรู้สึกตัวเองเหมือนเป็นตัวตลก”พระสนมลี่มองกษัตริย์ทูเจวี๋ยด้วยความผิดหวังแวบหนึ่ง กษัตริย์ทูเจวี๋ยเป็นห่วงความรู้สึกของนางจริง ๆ ท่าทีดูอ่อนน้อมยิ่งนัก“ลี่เอ๋อร์ ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าผิดหวัง”“สิ่งที่พระองค์ไม่อาจสูญเสียได้ไม่ใช่หม่อมฉัน แต่เป็นอำนาจของพระองค์”พระสนมลี่ส่ายหน้า จู่ ๆ นางก็รู้สึกว่านางไม่รู้จักคนที่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิดนางไม่เอ่ยสิ่งใด สีหน้าของกษัตริย์ทูเจวี๋ยเคร่งขรึมลงกู้หว่านเยว่มองพระสนมลี่อย่างสูงส
กู้หว่านเยว่รับมาตรวจดูอีกครั้ง จนมั่นใจว่าเนื้อหาในพระราชโองการนั้นไม่มีข้อผิดพลาด จึงยื่นพระราชโองการนั้นให้เสี่ยวถ่าน“เก็บราชโองการนี้ไว้ให้ดี ๆ ต่อไปเจ้าสามารถใช้ของสิ่งนี้ยืนยันสถานะของเจ้าได้”“ขอบคุณ ท่านอาจารย์”เสี่ยวถ่านรับราชโองการอย่างทะนุถนอม และเก็บไว้ในอกเสื้อ นับตั้งแต่บัดนี้ไป มีเพียงท่านอาจารย์ที่ดีกับนางอย่างจริงใจ“ข้าเขียนราชโองการให้พวกเจ้าไปแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าก็ปล่อยพระสนมลี่กลับตำหนักของนางได้แล้ว”กษัตริย์ทูเจวี๋ยออกคำสั่งอย่างเคยตัว กู้หว่านเยว่หัวเราะเยาะอย่างไม่ไว้หน้า“ใครบอกว่าพวกเราจะปล่อยนางไปตอนนี้”“พวกเจ้ายังคิดจะทำสิ่งใดอีก?”กษัตริย์ทูเจวี๋ยเริ่มหงุดหงิด เขาเขียนพระราชโองการตามคำสั่งของสองคนนี้แล้ว พวกนางยังคิดจะเล่นตุกติกอะไรอีก?“แม้ว่าท่านจะเขียนพระราชโองการแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าขุนพลเกาเถียนจะยอมรับในพระราชโองการนี้”กู้หว่านเยว่ยกยิ้มบาง ๆ นางไม่ได้โง่ พระราชโองการนี้เป็นแค่เครื่องพิสูจน์ให้เสี่ยวถ่านขึ้นครองบัลลังก์ในอนาคตได้ง่ายขึ้นป้องกันไม่ให้นางโดนกล่าวหาในราชสำนักว่าชิงบัลลังก์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหากมีพระราชโองการนี้แ
กู้หว่านเยว่ตัดบทพวกเขาอย่างไร้ความปรานี นางไม่มีทางเห็นใจกษัตริย์ทูเจวี๋ยอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะแต่งงานกับราชินีทูเจวี๋ยแล้วอย่างไรเล่า เป็นสามีภรรยามานานนับสิบปี นึกจะฆ่าก็ฆ่า ไร้ศีลธรรมยิ่งนัก“ฝ่าบาท พระองค์ห้ามเขียนนะเพคะ”พระสนมลี่ส่ายหน้า “อย่าให้พวกเขาเอาหม่อมฉันมาขู่พระองค์ได้”กษัตริย์ทูเจวี๋ยเกิดความลังเล เขาคิดไว้แล้ว ว่าในอนาคตจะยกบัลลังก์ให้กับบุตรที่อยู่ในครรภ์ของพระสนมลี่ หากร่างพระราชโองการนี้ออกมาจริง ๆ แผนการที่ทำมาทั้งหมดของเขาก็ต้องพังทลายลง“ท่านคิดให้ดี ๆ”กริชของกู้หว่านเยว่ขยับเข้ามาใกล้คอของพระสนมลี่ กระทั่งคมมีดบาดคอของนางจนเลือดไหลซึมความจริงแล้วนางไม่ได้อยากฆ่าพระสนมลี่ ถึงอย่างไรเสียบุตรในครรภ์ของนางก็ยังไร้เดียงสา นางแค่อยากขู่กษัตริย์ทูเจวี๋ยเท่านั้นหากกษัตริย์ทูเจวี๋ยให้ความร่วมมือกับนางอย่างว่าง่าย เรื่องหลังจากนี้ก็จะง่ายมากขึ้นเลือดสีแดงของพระสนมลี่ไหลเปื้อนกริช นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดกษัตริย์ทูเจวี๋ยแทบใจสลาย “หยุดนะ อย่าทำร้ายนาง”เขามองใบหน้าของพระสนมลี่อย่างรักใคร่ แม้ว่าเขาจะหลงใหลในอำนาจแห่งกษัตริย์ทูเจวี๋ย แต่หากพระสนมลี่แล
“ดูท่าพระสนมลี่ผู้นี้จะเป็นนางในดวงใจของพระองค์นะเพคะ”น้ำเสียงของกู้หว่านเยว่แฝงไปด้วยการข่มขู่ จากนั้นกริชก็ได้พุ่งเข้ามาใส่หน้าของพระสนมลี่พระสนมลี่เป็นคนขี้ขลาด นางกรีดร้องในทันที“ฝ่าบาท ฝ่าบาทช่วยหม่อมฉันด้วย!”“หยุดร้อง หากดึงดูดทหารเข้ามา ข้าจะฆ่าเจ้าเป็นคนแรก”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือน พระสนมลี่ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดกษัตริย์ทูเจวี๋ยรีบกล่าว “อย่าทำร้ายนาง พวกเจ้าอย่าทำร้ายนาง นางกำลังตั้งครรภ์!”นัยน์ตาของเขาเปล่งประกาย เสี่ยวถ่านมองท้องของพระสนมลี่อย่างไม่อยากจะเชื่อ“นางกำลังตั้งครรภ์หรือ?”จู่ ๆ นางก็ได้สติกลับมา จากนั้นก็เปิดจดหมายลับที่กู้หว่านเยว่ให้นางเมื่อครู่ หลังจากที่กวาดสายตาอ่านอย่างละเอียดแล้ว สีหน้าก็พลันซีดเผือดลงในทันที“ดังนั้น เสด็จพ่อ เพื่อจะได้เปิดทางให้เด็กในครรภ์ของพระสนมลี่ พระองค์ถึงกับยอมเสียสละชีวิตของลูกและเสด็จแม่หรือเพคะ?”เสี่ยวถ่านจำได้ขึ้นใจพระสนมลี่มีฐานะยากจน ตระกูลฝ่ายมารดาไร้ซึ่งอำนาจเพราะเหตุนี้ แม้ว่านางจะได้ความรักอย่างลึกซึ้งจากเสด็จพ่อ แต่เสด็จแม่กลับไม่เคยเห็นนางอยู่ในสายตา ฐานะที่ต่ำต้อย ต่อให้ได้รับความโปรดปรานเพียง
กษัตริย์ทูเจวี๋ยรู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวกู้หว่านเยว่ตัดนิ้วของเขาอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่กะพริบตานั้น นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันนั้น กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะได้ล้วงหยิบพระราชโองการออกมาจากห้วงมิติ แล้วโยนให้กษัตริย์ทูเจวี๋ย“เขียน แต่งตั้งให้องค์หญิงเก้าขึ้นเป็นรัชทายาทแห่งทูเจวี๋ย”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นกษัตริย์ทูเจวี๋ยแทบจะตะโกนออกมาในทันที“ไม่ได้! จะยกราชบัลลังก์ให้นางไม่ได้!”สองคนนี้ต้องการให้เขาเขียนพระราชโองการแต่งตั้งองค์รัชทายาท แล้วออกคำสั่งให้ขุนพลเกาเถียนตกอยู่ภายใต้อำนาจของเสี่ยวถ่าน! เลวทรามยิ่งนัก! เขาไม่มีทางเขียนอย่างแน่นอน!นัยน์ตาของกษัตริย์ทูเจวี๋ยวูบไหว อีกอย่างในใจของเขามีตัวเลือกสำหรับตำแหน่งองค์รักชทายาทแล้วกู้หว่านเยว่เข้าใจความคิดของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง “ท่านคงอยากให้องค์ชายสิบขึ้นเป็นองค์รัชทายาทสินะ?”“เจ้า!” กษัตริย์ทูเจวี๋ยตกใจอย่างมาก นางผู้นี้รู้ได้อย่างไร?“ไม่ใช่!”“ข้าเห็นมันในตอนที่เปิดอ่านจดหมายลับของท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นจดหมายลับหลายฉบับ
หากเปลี่ยนเป็นเหยลวี่เจิง ต่อให้นิ้วจะถูกตัดจนครบทุกนิ้ว เขาก็ไม่มีวันยอมคุกเข่าร้องขอชีวิตอย่างแน่นอนแม้ว่าเขาจะร้ายกาจและฉลาดแกมโกง แต่กลับยังคงเย่อหยิ่งกษัตริย์ทูเจวี๋ยผู้นี้ กลับเป็นคนรักตัวกลัวตายกษัตริย์ทูเจวี๋ยหน้าแดงเถือกเมื่อเห็นสายตาเยาะเย้ยของกู้หว่านเยว่ แต่เขาไม่อยากตาย ทำได้เพียงฝืนหยิบพู่กันที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดภายใต้แววตาที่เปล่งประกาย ซูจิ่งสิงก็พลันกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก“ข้าว่าทางที่ดีที่สุดท่านควรเชื่อฟังดีกว่า หากกล้าเล่นตุกติกกับข้า โกหกพวกเรา ข้าจะทำให้ท่านทรมานยิ่งกว่าตายเป็นพันเท่า”“พวกเจ้า!”กษัตริย์ทูเจวี๋ยกัดฟันกรอด กระทั่งหางตาของเขาเห็นเสี่ยวถ่านไม่ได้สนใจเขา คาดว่าเด็กคนนี้คงจะตัดหางปล่อยวัดเขาไปแล้วเพื่อชีวิตของตัวเอง เขาทำได้แต่เขียนจดหมายอย่างว่าง่าย เพื่อเรียกคนสนิทเข้าวัง“ที่แท้ขุนพลเกาเถียนผู้นี้ก็เป็นคนของท่านนี่เอง”กู้หว่านเยว่หยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน ในตอนที่ได้ยินเสี่ยวถ่านเล่าความเป็นมาของทั้งสี่ตระกูล นางได้ยินชื่อของตระกูลเกาเถียนด้วย“กองกำลังของท่านคงมีไม่น้อย”กู้หว่านเยว่หยิบตราประทับกษัตริย์ออ
สี่ตระกูลนี้ นอกจากตระกูลกู่ลี่ที่โดนเนรเทศแล้ว อีกสามตระกูลที่เหลือ ไม่ว่าจะตระกูลไหนใครก็ล่วงเกินไม่ได้สามตระกูลนี้ล้วนแต่มีองค์ชายที่อยากจะสนับสนุน ดังนั้นเขาไม่มีทางที่ยอมจำนนต่อพวกเขาอย่างแน่นอนเสี่ยวถ่านเดินมาถึงตรงหน้ากู้หว่านเยว่ พลางวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ของสองสามีภรรยานางเริ่มกังวลหลังจากที่กู้หว่านเยว่ฟังจบ นางกลับคลี่ยิ้มและขยี้ปลายจมูก “ใครบอกว่าทั้งสามตระกูลนี้ เจ้าไม่สามารถใช้ประโยชน์จากตระกูลไหนได้เลย?”“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”เสี่ยวถ่านยังไม่ได้สติกลับมาแต่ซูจิ่งสิงกลับเข้าใจความหมายของภรรยา จากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูสมแล้วที่เป็นภรรยาของเขา และเป็นโจรได้สมบทบาท ชอบปล้นคลังสินค้าของผู้อื่นก็เรื่องหนึ่ง แม้กระทั่งกองกำลังของผู้อื่นที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีนางก็ปล้นชิงไม่มีเหลือ“หากข้าเดาไม่ผิด น้องหญิง เจ้าน่าจะอยากช่วงชิงกองกำลังในมือของกษัตริย์ทูเจวี๋ยมาด้วยสินะ?”ซูจิ่งสิงมองนางด้วยสายตาเปล่งประกาย กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเก้อเขิน“ตอบถูก แต่ไม่มีรางวัลให้หรอกนะ”ซูจิ่งสิงคลี่ยิ้มพลางพยักหน้า “วิธีนี้ได้ผลแน่นอน อีกอย่างกษัตริย์ทูเจวี๋ยก็อ