คำพูดของเจ้าของร้านแฝงไปด้วยความโกรธเคืองอยู่เล็กน้อย หลังจากที่พูดออกมาแล้วก็พลันตระหนักได้ว่าตนนั้นพลั้งปากพูดมากไป จึงได้ขอประทานอภัยอย่างหวาดกลัว“สิ่งที่ข้าน้อยพูดเมื่อครู่ ท่านทั้งสองห้ามบอกผู้อื่นนะขอรับ”กู้หว่านเยว่สงสารเขาอยู่ไม่น้อย“วางใจเถอะ เราไม่มีทางบอกผู้อื่นหรอก”ซูจิ่งสิงยังคงเป็นห่วงราษฎร์มาก จึงกล่าวถามอีกว่า“ในเมื่อราชสำนักไม่มีการบรรเทาความอดอยากให้กับราษฎร์ พวกชาวบ้านเหล่านั้นทำอย่างไร หรือรอให้หิวตายอย่างนั้นหรือ?”“มีคนตายเพราะความหิวโหยไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว”เจ้าของร้านทอดถอนใจหนึ่งครั้ง นัยน์ตาของเขาก็พลันวูบไหว“ได้ยินว่าเจดีย์หนิงกู่ทางนั้นอ้าแขนรับผู้ลี้ภัย มีหลายคนเดินทางไปที่นั่นแล้ว อีกไม่นานร้านนี้ก็จะปิดตัวลง ข้าเองก็ตั้งใจจะไปที่นั่นเช่นกัน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างมองตากัน ใบหน้าของทั้งสองคนอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้แม้ว่าโลกภายนอกจะอดอยากแร้นแค้น แต่ทุกคนต่างก็คิดว่าเจดีย์หนิงกู่เป็นสถานที่หลบภัยไปแล้วเจ้าของร้านอดกล่าวไม่ได้อีกว่า“เพียงแต่ได้ยินมาว่าอากาศในเจดีย์หนิงกู่นั้นหนาวยะเยือก ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น มีหิมะตกตลอดสี่ฤดู ไม่รู้ว่า
“น้องหญิงระวัง”ซูจิ่งสิงโอบกู้หว่านเยว่ไปด้านข้าง องครักษ์เงาจากในที่มืดทยอยกันปรากฏตัว และเข้าต่อสู้กับคนชุดดำ“ท่านพี่ รีบขึ้นไปด้านบน”การแต่งกายของคนชุดดำกลุ่มนี้ช่างคล้ายกับคนที่จับตัวเสี่ยวจ้านจ้านไปในครั้งที่แล้วพวกเขาเป็นคนที่ตลาดมืด จู่ ๆ กู้หว่านเยว่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบคว้าตัวซูจิ่งสิงแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบน“เจ้าของร้านหลี่อาจจะเกิดเรื่องก็ได้”เป็นอย่างที่คิดไว้ ทันทีที่ทั้งสองคนออกมานอกห้อง ก็เห็นนักฆ่าสองคนกำลังจะสังหารหลี่หรงหรงอยู่พอดีโชคดีที่หลี่หรงหรงมีทักษะการต่อสู้ติดตัว แม้ว่ามือและเท้าจะถูกมัดไว้ แต่ก็ยังหลบเลี่ยงกระบวนท่าได้หลายครั้งแต่นางก็ไม่ได้โชคดีเพียงนั้น ไหล่ของนางถูกฟันอย่างรวดเร็ว“อย่าให้นางตายเด็ดขาด”กู้หว่านเยว่รีบกล่าว นางยังต้องเก็บหลี่หรงหรงไว้เพื่อใช้ประโยชน์“ช่วยข้าด้วย!”หลี่หรงหรงรีบวิ่งเข้ามา กู้หว่านเยว่คว้าตัวนางไปไว้ด้านข้าง ส่วนซูจิ่งสิงก็ลอยตัวออกไปสู้กับคนชุดดำสองคนนั้น“อย่าคิดหนีเชียว”กู้หว่านเยว่ชักกริชเล่มหนึ่งออกมา และกล่าวเตือนหากหลี่หรงหรงคิดจะหนี กริชที่อยู่ในมือของนางคงไม่ใช่เรื่องง่ายจะรับมืออย่าง
“จัดการศพเหล่านั้นให้เรียบร้อย อย่าทำให้เจ้าของร้านตกใจ”ซูจิ่งสิงได้กำชับอีกครั้ง แล้วค่อยโบกมือสองสามีภรรยานั่งลงปรึกษากันราวกับไม่มีใครเห็น หลี่หรงหรงยังคงคิดไม่วิตก คล้ายกับว่าไม่อยากเชื่อว่าเวินทิงอวิ๋นที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยกันเมื่อคืนจะกลับมาฆ่านาง“น้องหญิง เจ้าจะจัดการนางอย่างไร?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย การแบกคนที่คิดจะหนีตลอดเวลา ช่างเป็นภาระที่หนักหน่วงยิ่งนัก“ปล่อยนางก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่คลี่ยิ้มตาหยี “ข้ารู้สึกว่านางน่าสนใจ”“พูดอย่างไรดีล่ะ?”แววตาของซูจิ่งสิงเกิดจิตสังหาร เขาไม่อยากเก็บคนของอินซานไว้ข้างกายหลี่หรงหรงหันกลับมาทันควันและกล่าวออกไปว่า“เรามาร่วมมือกันเถอะ?”กู้หว่านเยว่เหมือนจะเดาออกนานแล้ว จึงคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า“จะร่วมมือกันอย่างไร?”“ข้าช่วยหาเกวียนให้พวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องช่วยข้าเรื่องหนึ่ง ให้ข้าฆ่าเวินทิงอวิ๋นด้วยมือของข้าเอง”ใบหน้าของหลี่หรงหรงฉายแววโกรธแค้น กู้หว่านเยว่เหมือนจะครุ่นคิดอะไรได้บางอย่าง “เมื่อครู่เจ้ายังรักเขาจะเป็นจะตายอยู่เลย เหตุไฉนถึงเปลี่ยนใจอยากฆ่าเขาขึ้นมาล่ะ?”“ข้าไม่ใช่คนของตลาดมืด ทั้งหมดเป็นเพราะเขา
นางกล่าวเตือนว่า “เห็นต้นไม้ต้นนั้นหรือไม่? ข้าแนะนำให้พวกเจ้าตัดต้นไม้ต้นนั้นทิ้งเสีย”นัยน์ตาของหลี่หรงหรงเปล่งประกาย“แบบนี้ ต่อให้เวินทิงอวิ๋นจะไล่ตามมาทัน แต่ก็ต้องล่าช้าเพราะหาเครื่องหมายไม่เจอ”นางเกลียดชังเวินทิงอวิ๋นมาก ครั้นนึกถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาแล้วน่ารำคาญยิ่งนัก“ทหาร”กู้หว่านเยว่ไม่ลังเล สั่งทหารมาตัดต้นไม้ต้นนั้นทันทีในเวลาต่อมานางได้สั่งให้คนตัดต้นไม้ที่มีเครื่องหมายเหล่านั้นทั้งหมด กระทั่งราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผาจนวอดวาย“ครึ่งวันแล้ว ใกล้ถึงแล้วใช่หรือไม่?”ซูจิ่งสิงหรี่ตาลงเล็กน้อย จ้องมองหลี่หรงหรง นางอดตัวสั่นสะท้านไม่ได้เมื่อถูกเขามองด้วยสายตาเย็นชากู้หว่านเยว่รีบเข้าไปดึงตัวเขา แล้วโวยวาย “จะขู่นางทำไม”“กลัวนางโกหกเจ้า”ถึงอย่างไรก็เป็นคนจากตลาดมืด ซูจิ่งสิงค่อนข้างระมัดระวังตัวนางหลี่หรงหรงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ และมองไปทางกู้หว่านเยว่อย่างอ่อนโยน “วางใจเถอะ ข้าไม่หลอกเจ้าหรอก”“ข้าเชื่อเจ้า”กู้หว่านเยว่ยอมให้โอกาสนางอีกครั้ง รถม้ากำลังขับเคลื่อนไปบนถนน ผ่านไปแล้วอีกครึ่งชั่วยามองครักษ์เงาพรวดเข้ามารายงาน“รายงานนายท่าน พบเกวียนสองคันไม่
แทบจะเสี้ยววินาทีหลังจากที่ถูกปืนยาชายิงใส่ก็ล้มลงภายในสามวินาที“ใคร ใครอยู่แถวนี้?”เมื่อเห็นสหายล้มลงอย่างฉับพลัน คนชุดดำที่คอยคุ้มกันเกวียนเหล่านั้นก็พลันตื่นตระหนก รีบหยุดเดิน จากนั้นก็กวาดมองไปรอบ ๆ ตัวซูจิ่งสิงลงมืออีกครั้ง เล็งเป้าไปยังคนชุดดำข้างหน้าแล้วทำการลั่นไกปืนใส่อีกฝ่ายสองสามีภรรยาให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี เพียงแค่ไม่กี่นาที ก็ล้มคนชุดดำเหล่านั้นได้กู้หว่านเยว่ดีใจมาก “เดิมทีข้าคิดว่ายังต้องสู้กับพวกเขาอีกพักใหญ่ มีปืนยาชาพอง่ายขึ้นมาหน่อย”นางเก็บปืน แล้วแฉลบตัวเข้าไปตรวจสอบ พบว่าคนชุดดำทุกคนต่างหมดสติเรียบร้อยแล้วนางเปิดกล่องขนาดใหญ่บนเกวียน และตรวจสอบกล่องผ้าเหล่านั้นทีละกล่อง จนมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ภายในกล่องเป็นของที่มีมูลค่า จึงดึงเชือกที่ผูกติดกับวัวอย่างไร้ความปรานี จากนั้นก็ลากเกวียนสองคันเข้าไปในห้วงมิติ“คนชุดดำเหล่านี้ต่างปฏิบัติตามคำสั่งของตลาดมืด ในเมื่อได้ของมาอยู่ในมือแล้ว ก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”กู้หว่านเยว่ไม่ตั้งใจจะคร่าชีวิตของพวกเขา มิเช่นนั้นคงไม่มีทางเปลี่ยนปืนธรรมดาเป็นปืนยาสลบหรอก“แล้วแต่เจ้า”ซูจิ่งสิงคิดเหมือนกับนางทั้งสองคนพ
“อย่าเอ่ยถึงเขา!”เนี่ยชิงหลานกระทืบเท้า ใบหน้าฉายแววสับสนละคนโกรธเคือง ก่อนจะคว้าข้อมือของกู้หว่านเยว่“พี่หญิงกู้ เราไม่ต้องไปกับเขาหรอก เราไปกันเองเถอะ”กู้หว่านเยว่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กระทั่งเห็นเฉิงเซวียนเดินกะเผลกตามออกมาจากข้างใน“น้องหญิง เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าไม่ได้มีอะไรกับนางนะ”กู้หว่านเยว่ “?” จากนั้นเซี่ยเหอก็เดินออกมาจากโรงเตี๊ยม ยกสองมือคารวะ และกล่าวด้วยสีหน้าไม่สบายใจว่า“ชิงหลาน เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เมื่อครู่ข้าเพียงแค่ช่วยคุณชายเฉิงตรวจอาการบาดเจ็บเท่านั้น”“อย่ามาเรียกข้า เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเรียกข้าว่าชิงหลาน?”เนี่ยชิงหลานไม่ไว้หน้านางเลยสักนิด ทั้งยังพูดจาอย่างตรงไปตรงมาทำร้ายจิตใจเซี่ยเหอนางยืนโซเซ สีหน้าซีดเผือด“คุณหนูเนี่ย....”เฉิงเซวียนขมวดคิ้วแน่น “น้องหญิง ทำไมเจ้าต้องบีบบังคับกันขนาดนี้ นางมีจิตใจงดงามเพียงนี้”“ข้าบังคับคนอื่นหรือ?”เนี่ยชิงหลานยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมองอย่างงุนงงเกิดอะไรขึ้น?ทำไมเซี่ยเหอถึงอยู่ที่นี่?กู้หว่านเยว่ไม่สนิทกับเซี่ยเหอ ที่ได้เจอกันไม่กี่ครั้งก็เพราะเนี่ยชิงหลานและเฉิงเซวียน“ขอ
“เนี่ยชิงหลาน!”เฉิงเซวียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนอดตะคอกเสียงดังไม่ได้ เนี่ยชิงหลานกลอกตาไปมา ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน“แฮก ๆ!”เฉิงเซวียนมีอาการไอขึ้นมา เซี่ยเหอจึงรีบเข้าไปตบหลังให้เขา “พี่ใหญ่เฉิง ท่านอย่าโกรธแม่นางเนี่ยเลย เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง เพราะข้าจึงกระทบความสัมพันธ์ของพวกท่านสองคน ข้า..... ข้าจัดจัดการตัวเอง ข้าจะเป็นฝ่ายไปเอง”นัยน์ตาของเซี่ยเหอวูบไหว จากนั้นหยดน้ำตาก็เอ่อล้นออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง นางมีร่างกายอ่อนแอ ทันทีที่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็เป็นลมล้มไปบนพื้นเฉิงเซวียนตกใจจนต้องเข้าไปประคองนาง สาวใช้ที่อยู่ข้างกายกล่าวเสียงต่ำ “คุณหนูเห็นรองเท้าของท่านขาด จึงนั่งเย็บรองเท้าให้ท่านทั้งคืน คงจะเหนื่อยล้ามาก วันนี้นางได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจอีก จึงหมดสติไป”เฉิงเซวียนรู้สึกสะเทือนใจเรื่องที่ได้ยิน ไหนเลยจะกล้าขับไล่อีกฝ่าย รีบอุ้มนางกลับมาอยู่ในโรงเตี๊ยมทางนี้ชิงเหลียนและฉู่เฟิงรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในสองสามวันนี้ให้สองสามีภรรยาฟัง ชิงเหลียนรู้สึกลำบากใจ “ทุกการกระทำของคุณหนูเซี่ยอยู่ในสายตาของเรา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องของของคุณชายเฉิง เราส
“ฮูหยินท่านเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาหลายเพลาแล้ว คงจะล้ามากแล้ว ข้าน้อยจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านอาบนะเจ้าคะ”ชิงเหลียนคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข หลายวันนี้นางไม่ได้อยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่เลย บัดนี้ได้เจอกับฮูหยิน นางดีใจมากกู้หว่านเยว่ยืดเหยียดแขนขจัดความเกียจคร้าน ร่างกายของนางสบายตัวขึ้นไม่น้อย แต่ขาที่ใช้ขี่ม้าทำนางเจ็บระบม“ได้ เจ้าไปเตรียมน้ำร้อนเถอะ ข้าจะนอนพักสักครู่”นางเข้าไปพักผ่อนในห้อง ส่วนซูจิ่งสิงหมุนตัวออกไปเพิ่งมาถึงสถานที่แปลกตาเช่นนี้ครั้งแรก ด้วยนิสัยของเขามักจะชอบออกไปเดินสำรวจสถานการณ์ข้างนอกทางนี้ เฉิงเซวียนอุ้มเซี่ยเหอเข้ามาในห้อง หลังจากวางลงบนเตียงแล้วตั้งใจจะหมุนตัวเดินออกไปในจังหวะที่กำลังจะออกไป ข้อมือของเขากลับถูกดึงไว้“เจ้าอย่าไป”“เจ้าตื่นแล้ว?”เฉิงเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก หากนางไม่ฟื้นอีก เขาตั้งใจจะไปเชิญหมอมารักษานาง“พี่ใหญ่เฉิง อยู่กับข้าที่นี่เถอะ”หยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาจากดวงตาของเซี่ยเหอ เห็นแล้วน่าสงสารยิ่งนักเฉิงเซวียนใจอ่อน แต่เขารู้ดีว่าบุรุษและสตรีไม่ควรใกล้ชิดกัน การอุ้มเซี่ยเหอกลับมาเช่นนี้ดูไม่ดีนัก“ข้าคงอยู่ในห้องกับ
คาดว่าน่าจะเป็นศัตรูของสกุลอวิ๋น เห็นอวิ๋นมู่พ่อลูกไม่กลับมานานจึงสบจังหวะหาช่องว่าง เล่นงานสกุลอวิ๋นในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นมู่ไม่กลับไปคงไม่ได้แล้วซูจิ่งสิงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งคนไปคุ้มกันเจ้า”ตอนนี้สกุลอวิ๋นกับพวกเขาเจดีย์หนิงกู่ถือว่าร่วมงานกัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ยากจะรับประกันว่าไม่แพร่งพรายออกไปเกิดคนในราชสำนักรู้เข้า ความปลอดภัยของอวิ๋นมู่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง“ขอบคุณท่านอ๋อง”อวิ๋นมู่มองซูจิ่งสิงอย่างแปลกใจ ทำให้อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”เพราะกู้หว่านเยว่ บรรยากาศระหว่างทั้งสองมักจะแปลกประหลาด ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกันแล้วอวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่า ความหวังดีของท่านอ๋องข้าน้อยขอน้อมรับ และตื้นตันเหลือเกิน”การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีอันตราย เขาจึงไม่ปฏิเสธ“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“คืนนี้มากล่าวลาท่านอ๋องและพระชายา พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางจะออกเดินทางทันที”“เวลาเร่งรีบขนาดนี้เชียว”กู้หว่านเยว่รีบถาม“พรุ่งนี้ท่านอย่าเพิ่งรีบไป
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน รองแม่ทัพวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน แล้วหันมองเฉิงทั่วแวบหนึ่ง“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว ฮูหยินหมดสติไปแล้วขอรับ”เฉิงทั่วหน้าถอดสี “อะไรนะ?”เขารีบลุกขึ้นยืนขึ้น ไม่มีเวลาสนใจกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่ยังอยู่ตรงนี้ แล้วรีบสอบถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“คุณชายน้อยกลับมาแล้ว ไม่เพียงกลับมา ยังพาอีกคน...”รองแม่ทัพกระดากปากที่จะเอ่ย จึงได้แต่ส่งสายตาให้อีกฝ่าย“ท่านแม่ทัพ ท่านกลับไปดูเองเถอะขอรับ”เฉิงทั่วไม่มีแก่ใจจะกินอาหาร จึงลุกขึ้นขอตัว “ท่านอ๋อง พระชายา โปรดให้ข้าไปดูฮูหยินสักครู่ได้หรือไม่”“ไปเถอะ”ซูจิ่งสิงโบกมือ“ขอบคุณท่านอ๋อง” เฉิงทั่วรีบวิ่งออกไปทันทีหนานหยางอ๋องมองแผ่นหลังที่ร้อนใจของเขา แล้วรู้สึกเศร้าเล็กน้อยหากพระชายาของเขายังอยู่คงดีไม่น้อย เขากับเหล่าเฉิงแข่งกันมาค่อนชีวิต มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ที่เขาแพ้มาตลอด“เกิดอะไรขึ้น?” กู้หว่านเยว่กระซิบถามชิงเหลียนชิงเหลียนเอ่ยเสียงต่ำ “คุณชายใหญ่สกุลเฉิงพาสตรีคนหนึ่งกลับมาด้วย เหมือนจะเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว”เจ้าหมอนี่กู้หว่านเยว่เกือบสำลักข้าวมิน่าเฉิงฮูหยินถึงได้เป็นลม เจ้าเฉิงซินเม
มิน่าท่านอ๋องถึงยอมสวามิภักดิ์ต่อพวกเขา ทั้งสองคนไม่ธรรมดาจริงๆ มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา“พวกเราเองก็มาถึงเมืองซุ่ยโจว และได้พบท่านอ๋องกับพระชายาแล้ว เดี๋ยวส่งจดหมายไปแจ้งท่านอ๋องหน่อยเถอะ ท่านจะได้วางใจ”จู้หวยกล่าวเตือนอย่างใส่ใจครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ท่านอ๋องกำชับเขาแล้วว่า ต้องดูแลเนี่ยชิงหลานให้ดีในเมื่อเนี่ยชิงหลานเป็นคู่หมั้นของเขา เขาย่อมดูแลเอาใจใส่มาก“รู้แล้ว รู้แล้ว เจ้าอย่าเอาแต่บ่นข้า อีกเดี๋ยวตอนเขียนจดหมายข้าจะเป็นคนพูดส่วนเจ้าเป็นคนเขียน ขี่ม้ามาทั้งวัน เมื่อยมือจะแย่แล้ว”จู้หวยยิ้มพร้อมพยักหน้า“เรื่องนี้ไม่ยาก ขอเพียงเจ้าไม่รังเกียจที่ตัวหนังสือข้าน่าเกลียดก็พอ”เนี่ยชิงหลานขบขันเขาจนหัวเราะเสียงดังทันที“ตัวหนังสือของเจ้าน่าเกลียดมาก แต่ไม่เป็นไร วรยุทธ์ของเจ้าสูงส่ง พวกเจ้าที่เป็นทหารแม้จะไม่ใช่คนเถื่อน แต่ต้องรู้จักเขียนอ่านไว้บ้าง ถึงจะรู้เขารู้เรารบอย่างไรก็ไม่แพ้ ทว่าเรื่องการเขียนหนังสือไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันมากนัก แค่ดูได้ก็พอ”นางพูดอย่างจริงจัง จนจู้หวยเองก็หัวเราะตามนางไปด้วย ในแววตามีแต่ความเอ็นดู“ท่านหญิงพูดถูก”แม้ทั้งสองค
หลังหนังสือยอมจำนนออกมาแล้ว เนี่ยชิงหลานก็นำกองทัพเหอตง มาเสริมทัพกู้หว่านเยว่“เขตเหอตงของข้าไม่มีสิ่งใดเลย มีเพียงถ่านหินและเงินทองมากมาย พี่ใหญ่จึงนำไปแลกเสบียงหนึ่งชุด ส่งข้ามาช่วยเหลือพวกท่าน”กู้หว่านเยว่ไม่ได้พบเนี่ยชิงหลานมาสักพักใหญ่ๆ แล้วตอนนี้เมื่อทั้งสองได้พบกัน นางดีใจมาก“เจ้าตัวสูงขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ลูบหัวเนี่ยชิงหลาน ทำให้อีกฝ่ายยิ้มอย่างเขินอาย“ไม่เพียงตัวสูงขึ้น ข้ายังหมั้นหมายแล้วด้วย”นี่เป็นข่าวที่อยู่เหนือความคาดหมายเมื่อเห็นพวกเขาหลายคนเดินทางเหน็ดเหนื่อย กู้หว่านเยว่รีบเชิญพวกเขาเข้าจวน เมื่อถึงห้องรับแขกจึงจับมือเนี่ยชิงหลานไว้ แล้วสอบถามอย่างละเอียด“เหตุใดจึงรวดเร็วเช่นนี้ เจ้าหมั้นกับผู้ใดหรือ?”“หมั้นกับแม่ทัพในค่ายของท่านพี่ นามว่าจู้หวย”ไม่ใช่เฉิงเซวียนหรอกหรือ ข่าวนี้ทำให้พวกกู้หว่านเยว่ยิ่งแปลกใจแต่เมื่อนึกดูอย่างละเอียด เฉิงเซวียนกับเนี่ยชิงหลานใช่ว่าจะเหมาะสมกันแม้ทั้งสองจะสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก ทว่าทัศนคติไม่ตรงกันบวกกับก่อนหน้านี้เพราะหญิงอื่น เฉิงเซวียนเข้าใจเนี่ยชิงหลานผิดหลายครั้งเนี่ยชิงหลานรู้ว่ากู้หว่านเยว่คิดอะไร จึ
ตกลงปีนั้นรัชทายาทตายเยี่ยงไรกันแน่?เขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใดหากไม่ใช่รัชทายาทและพระชายารัชทายาทตายไป ไฉนเลยเขาจะได้นั่งตำแหน่งฮ่องเต้?ทว่าบัดนี้ เขาคิดว่าตำแหน่งฮ่องเต้กำลังตกอยู่ในอันตราย“ไป จับคนสกุลหลี่เข้าคุกใหญ่!”มู่หรงถิงไม่ฟังคำชี้แนะจากนั้นยามทุกคนมายังสกุลหลี่ กลับพบว่าสกุลหลี่มีเพียงความว่างเปล่า เหลือบ่าวรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่สองสามคนกำลังใช้วิธีพรางตา“ภายในหอบรรพบุรุษสกุลหลี่ พบเส้นทางสายหนึ่ง...”องครักษ์ไปจับคนตัวสั่นเทานี่คือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเดิมทีมู่หรงถิงก็โมโหอยู่แล้ว ต้องการใครสักคนเพื่อบันดาลโทสะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหาตัวคนรองรับอารมณ์ไม่พบ ยังถูกเขาจับได้ว่าคนของสกุลหลี่หนีไปแล้วเขาพลิกโต๊ะ กระทืบองครักษ์ไปจับตัวคนจนตาย“ฝ่าบาท” ตอนฮองเฮามา ภายในตำหนักวุ่นวายไปหมด แม้แต่นางกำลังก็ถูกมู่หรงถิงบีบคอตายไปสองคนฮองเฮาอดทนต่อความขยะแขยง สั่งให้คนลากศพไปจัดการ“เจ้ามาแล้ว”ตอนมู่หรงถิงอยู่เพียงลำพังจะบันดาลโทสะเยี่ยงไรก็ย่อมได้ แต่เขากลัวทำให้ฮองเฮาตกใจ“เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินเรื่องของอัครมหาเสนาบดีหลี่แล้ว”ฮองเฮาก้าวเท้าเบาๆ มาหยุดต่อหน้ามู
สายตากู้หว่านเยว่ทอดมองมา กู้หว่านหรูและญาติผู้พี่นางรู้สึกกลัวจนกอดกัน“เจ้า เจ้าจะทำอันใด?”กู้หว่านหรูกลืนน้ำลายหนึ่งอึก เอ่ยปากเสียงสั่น“ต่อให้เจ้าเป็นพระชายา ก็ไม่สามารถเมินข้ามกฎหมายได้ เจ้าไม่กลัวคนในใต้หล้าบริภาษเจ้าหรือ?”กู้หว่านเยว่หัวเราะพรืด“บริภาษ?” นางส่ายหน้า หนังสือประวัติศาสตร์ล้วนถูกเขียนโดยผู้ชนะยังต้องกลัวคำนินทาทั่วหล้าด้วยหรือ?“โยนพวกเขาสองคนออกจากซุ่ยโจว” กู้หว่านเยว่โบกมือเรียกคนเข้ามาสองคนนี้เป็นหวัด ถูกโยนออกไป ก็เพียงพอให้พวกเขาทรมาน“ญาติผู้น้อง” อวี๋เสียงลนลาน เขย่ามือของกู้หว่านหรู“นี่ไม่ใช่พี่สาวของเจ้าหรือ รีบไปขอร้องนางเร็วเข้า”ยังมีระยะทางอีกห้าถึงหกวันกว่าจะถึงบ้านเกิด พวกเขาต้องอยู่ภายในซุ่ยโจว รีบรักษาอาการป่วยให้หายดี“ข้าจะขอร้องนางเยี่ยงไร?”กู้หว่านหรูแค้นใจแย่แล้ว“นางไม่มีวันฟัง”“เจ้ารีบคิดหาทางเถอะ” สุ้มเสียงของอวี๋เสียงเจือไอโทสะสายหนึ่งอย่างสุดระงับ ทำเสียจนกู้หว่านหรูเหล่มอง“ท่านกำลังโทษข้าหรือ?”นางและกู้หว่านเยว่มีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ตอนอยู่ในจวนก็มักรังแกนาง จะสามารถมีวิธีใดได้เล่า?“หว่านหรู ข้าไม่ได้
แต่ต้วนหลานซิวจากไปอย่างไม่ไว้หน้าไป๋หลี่ชิงซีถอนหายใจอย่างเอือมระอา ทำได้เพียงกลับไปหากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสสิงปรากฏว่าคนเพิ่งไป ก็มองเห็นเกาเจี้ยนวิ่งเข้ามาจากภายนอก พูดว่าลั่วยางที่อยู่ข้างหน้าเจอคนไข้ที่ไม่แน่ใจอาการป่วย ขอเชิญกู้หว่านเยว่ไปวินิจฉัยกู้หว่านเยว่ยังนั่งได้ไม่นานก็รีบไปที่ด้านหน้าแล้ว“มีอันใดหรือ?”ตอนปรากฏตัวออกมาก็ได้เห็นสีหน้าว้าวุ่นของลั่วยาง กู้หว่านเยว่แปลกใจอยู่บ้างโรคอะไรกัน สามารถทำให้ว้าวุ่นถึงเพียงนี้ได้?“เหตุใดสีหน้าแย่มากถึงเพียงนี้?”“มีคนป่วยมาคนหนึ่งเจ้าค่ะ” ลั่วยางลอบชำเลืองมองสีหน้าของกู้หว่านเยว่ จากนั้นพูดเสียงค่อย“ข้าเองก็ไม่แน่ใจฐานะของนาง แต่เห็นแล้วคุ้นตาอยู่บ้าง ท่านมาดูกับข้าก็จะรู้”พูดไปก็เดินนำทางกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงคุ้นหูจากที่ไกลๆ“ไม่ใช่พูดว่าจะดูอาการให้ข้าหรือ เหตุใดพาข้ามาไว้ที่นี่ หมอหญิงของพวกเจ้าเล่า? เหตุใดเข้าไปแล้ว?”คนผู้นั้นโวยวาย เสียงคุ้นหูทำให้กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วน้อยๆไม่ใช่นางหรอกกระมัง? ไม่ถูกนี่ เหตุใดนางมาอยู่ที่นี่ได้?กู้หว่านเยว่ก้าวเท้าเร็วขึ้นสองส่วน เดินขึ้นไปก็ได้เห็นโฉมหน้าของคนผู้นั้
เขาทอดสายตามองกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงด้วยใบหน้าจริงใจ“ทั้งสองท่านช้าก่อน ข้ามีเรื่องอยากพูดกับพวกท่าน”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงได้ยินว่าต้วนหลานซิวมีเรื่องอยากพูด นี่จึงมิได้จากไปในทันที แต่เลือกนั่งลงฟัง ดูว่าเขาอยากพูดเรื่องใดทั้งสองคนกลับแปลกใจมาก“ระหว่างทางที่ข้ามาได้เห็นพระชายาแจกจ่ายยาภายในเมือง” ต้วนหลานซิวเอ่ยปากถามกู้หว่านเยว่พยักหน้า“ราษฎรของซุ่ยโจวเป็นไข้หวัด เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่สู้ดี จึงไม่มียารักษา”ต้วนหลานซิวประกบมือพูดยิ้มๆ “ไอหยา นี่บังเอิญยิ่งนัก ข้าที่นี่มีสมุนไพรหนึ่งชุดพอดี”เขาพูดยิ้มๆ“หากท่านอ๋องและพระชายาไม่รังเกียจ ข้าน้อยยินดีบริจาคสมุนไพรชุดนี้เพื่อแจกจ่ายให้แก่ราษฎรเมืองซุ่ยโจว”ถือว่าเขาจ่ายค่าหมอให้กู้หว่านเยว่ก็แล้วกัน“ในมือท่านมีสมุนไพร?”กู้หว่านเยว่ตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองลงมือช่วยเหลืออย่างไม่ใส่ใจ ถึงขั้นสามารถช่วยพ่อค้าขายส่งสมุนไพรอีกด้วย?นี่คือประโยชน์สุขของราษฎรเมืองซุ่ยโจว นางย่อมไม่ปฏิเสธ“ใช่แล้ว ในมือข้ามียาสมุนไพรหนึ่งชุด”ไป๋หลี่ชิงซีอธิบายอยู่ทางด้านข้าง “พวกท่านไม่รู้ สตรีที่อาจารย์อาเล็กของข้าชอบเป็นคนบ้
“นี่ท่านถูกพิษกระนั้นหรือ?”กู้หว่านเยว่เอียงศีรษะจับชีพจรให้เขา จับชีพจรอย่างละเอียดอยู่นาน ถึงพูดออกมาอย่างแปลกใจ“พิษนี้แปลกยิ่งนัก”“อย่างไรหรือ?” ไป๋หลี่ชิงซีเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ เสียดายเขามีใบหน้าหล่อเหลา แต่กลับเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง“ยาพิษนี้มองดูแล้ววางยาได้ยุ่งยากอย่างมาก จะถอนพิษกลับยุ่งยากยิ่งกว่า แต่แปลกก็แปลกที่พิษนี้ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายคน พิษน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนออกได้”ดังนั้นบัดนี้มองท่าทางของต้วนหลานซิวดูแล้ว ยังมีชีวิตชีวา ไม่คล้ายคนถูกวางยาพิษ“ฟังท่านพูดแล้วคล้ายเป็นเช่นนี้จริงเสียด้วย”ไป๋หลี่ชิงซีเองก็ไม่โง่คนทั่วไปวางยาผู้อื่น บ้างก็เพื่อฆ่าคนผู้นั้นให้ตายคาที่ บ้างก็ต้องการใช้พิษควบคุมเขาฝ่ายแรกออกฤทธิ์เร็ว พิษร้ายแรงมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถทำให้พิษกำเริบจนเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและตายไปฝ่ายหลังเล่า แม้ว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แต่หากพิษกำเริบก็ทำให้คนเจ็บปวดทรมาน หาไม่แล้วจะสามารถควบคุมคนผู้นั้นได้เยี่ยงไร?ทว่ายาพิษภายในร่างกายของต้วนหลานซิวแปลกมากไม่เพียงไม่มีพิษ หนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายน้อยมาก เพียงแต่ยากจะถอนพิษได้ก็เท่านั้น“อาจารย์อาเล็ก ท่าน