“เนี่ยชิงหลาน!”เฉิงเซวียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนอดตะคอกเสียงดังไม่ได้ เนี่ยชิงหลานกลอกตาไปมา ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน“แฮก ๆ!”เฉิงเซวียนมีอาการไอขึ้นมา เซี่ยเหอจึงรีบเข้าไปตบหลังให้เขา “พี่ใหญ่เฉิง ท่านอย่าโกรธแม่นางเนี่ยเลย เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง เพราะข้าจึงกระทบความสัมพันธ์ของพวกท่านสองคน ข้า..... ข้าจัดจัดการตัวเอง ข้าจะเป็นฝ่ายไปเอง”นัยน์ตาของเซี่ยเหอวูบไหว จากนั้นหยดน้ำตาก็เอ่อล้นออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง นางมีร่างกายอ่อนแอ ทันทีที่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็เป็นลมล้มไปบนพื้นเฉิงเซวียนตกใจจนต้องเข้าไปประคองนาง สาวใช้ที่อยู่ข้างกายกล่าวเสียงต่ำ “คุณหนูเห็นรองเท้าของท่านขาด จึงนั่งเย็บรองเท้าให้ท่านทั้งคืน คงจะเหนื่อยล้ามาก วันนี้นางได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจอีก จึงหมดสติไป”เฉิงเซวียนรู้สึกสะเทือนใจเรื่องที่ได้ยิน ไหนเลยจะกล้าขับไล่อีกฝ่าย รีบอุ้มนางกลับมาอยู่ในโรงเตี๊ยมทางนี้ชิงเหลียนและฉู่เฟิงรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในสองสามวันนี้ให้สองสามีภรรยาฟัง ชิงเหลียนรู้สึกลำบากใจ “ทุกการกระทำของคุณหนูเซี่ยอยู่ในสายตาของเรา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องของของคุณชายเฉิง เราส
“ฮูหยินท่านเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาหลายเพลาแล้ว คงจะล้ามากแล้ว ข้าน้อยจะไปเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านอาบนะเจ้าคะ”ชิงเหลียนคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข หลายวันนี้นางไม่ได้อยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่เลย บัดนี้ได้เจอกับฮูหยิน นางดีใจมากกู้หว่านเยว่ยืดเหยียดแขนขจัดความเกียจคร้าน ร่างกายของนางสบายตัวขึ้นไม่น้อย แต่ขาที่ใช้ขี่ม้าทำนางเจ็บระบม“ได้ เจ้าไปเตรียมน้ำร้อนเถอะ ข้าจะนอนพักสักครู่”นางเข้าไปพักผ่อนในห้อง ส่วนซูจิ่งสิงหมุนตัวออกไปเพิ่งมาถึงสถานที่แปลกตาเช่นนี้ครั้งแรก ด้วยนิสัยของเขามักจะชอบออกไปเดินสำรวจสถานการณ์ข้างนอกทางนี้ เฉิงเซวียนอุ้มเซี่ยเหอเข้ามาในห้อง หลังจากวางลงบนเตียงแล้วตั้งใจจะหมุนตัวเดินออกไปในจังหวะที่กำลังจะออกไป ข้อมือของเขากลับถูกดึงไว้“เจ้าอย่าไป”“เจ้าตื่นแล้ว?”เฉิงเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก หากนางไม่ฟื้นอีก เขาตั้งใจจะไปเชิญหมอมารักษานาง“พี่ใหญ่เฉิง อยู่กับข้าที่นี่เถอะ”หยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาจากดวงตาของเซี่ยเหอ เห็นแล้วน่าสงสารยิ่งนักเฉิงเซวียนใจอ่อน แต่เขารู้ดีว่าบุรุษและสตรีไม่ควรใกล้ชิดกัน การอุ้มเซี่ยเหอกลับมาเช่นนี้ดูไม่ดีนัก“ข้าคงอยู่ในห้องกับ
“ต่อไปห้ามพูดจาเช่นนี้อีก”เซี่ยเหอหยิบถุงเงินหนึ่งถุงออกมา“ได้ยินว่าเมืองเกอปี้วุ่นวายมาก ที่นั้นมีคนค้ามนุษย์อยู่เป็นจำนวนมาก”นัยน์ตาของนางฉายแววบางอย่าง ทำให้สาวใช้ตะลึงงัน“คุณหนู ความหมายของท่านคือ?”“หลายวันมานี้นางบ่นอยากออกไปเที่ยวเตร่ข้างนอกเพียงลำพังมิใช่หรือ หากเราทำเช่นนี้ก็เท่ากับจัดการนางได้แล้ว”นัยน์ตาเย็นยะเยือกของเซี่ยเหอได้กวาดมองมาที่ใบหน้าของสาวใช้ ส่งสายตาเตือนอย่างเย็นชา “อีกอย่างเรื่องนี้มีแค่เราสองคนที่รู้ ตราบใดที่เจ้าไม่บอกผู้อื่น ผู้อื่นก็ไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน”นางลูบใบหน้าของสาวใช้เหมือนมีลับลมคมในบางอย่าง“ตอนนี้ข้ามีเพียงเจ้า ยามอยู่ข้างนอกเจ้าพึ่งพาข้าได้ แต่อย่าหักหลังข้าแล้วกัน”ครั้นถูกนางมองเช่นนี้ สาวใช้รู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วแผ่นหลัง กระทั่งกลืนน้ำลายอึกใหญ่ สุดท้ายก็ฝืนพยักหน้าทางนี้เนี่ยชิงหลานหลังจากที่ขึ้นไปชั้นบนแล้วนางก็ยิ่งทวีความโกรธ เซี่ยเหอผู้นั้นมารยาสาไถเพียงนั้น เฉิงเซวียนยังจะเชื่อนางอย่างไม่น่าเชื่อ!“ช่างเถอะ ออกไปเดินเล่นคลายเครียดดีกว่า”เนี่ยชิงหลานหยิบกระบี่ออกมา แล้วลอยตัวจากไปกู้หว่านเยว่อาบน้ำเสร็จแล้ว ฉู่เ
กู้หว่านเยว่รู้จักเนี่ยชิงหลานเป็นอย่างดี นางไม่มีทางทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้แล้วจากไปอย่างแน่นอนนี่คือลายมือของชิงหลานใช่หรือไม่?”นางเองก็ไม่คุ้นลายมือของเนี่ยชิงหลานสักเท่าไหร่ เฉิงเซวียนพยักหน้าอย่างลำบากใจ“เป็นของน้องหญิง”“ในจดหมายชิงหลานได้เขียนไว้ว่านางจะไปอินซานเพียงผู้เดียว”จดหมายฉบับนี้เขียนไว้สั้นมาก กู้หว่านเยว่มองหาข้อความอื่นไม่เจอเลยเฉินเซวียนทั้งกังวลทั้งโกรธเคือง “น้องหญิงชักเอาแต่ใจตัวเองเกินไปแล้ว อินซานเป็นคนของตลาดมืด นางไปที่นั่นเพียงลำพัง หากคนที่นั่นรู้สถานะของนาง ได้จบเห่แน่นอน”เขาโกรธจนพูดไม่ถูก กู้หว่านเยว่ชำเลืองมองเขาด้วยสายตาราบเรียบแวบหนึ่ง“ชิงหลานจากไปเพียงลำพัง เพราะใครเล่า?”นางเองก็โกรธเช่นกัน“คุณชายเฉิงไม่รู้ไม่ได้นะ”“ข้า...”เฉิงเซวียนเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีไปชั่วขณะ เขาเพียงแค่สงสารเซี่ยเหอ แต่ในใจมีเพียงน้องหญิงผู้เดียว“ข้าจะรีบไปหานางที่อินซานเดี๋ยวนี้” ทันทีที่เฉิงเซวียนพูดจบก็รีบออกไปครั้นมองตามแผ่นหลังของเขา กู้หว่านเยว่ก็พลันขมวดคิ้ว จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปสั่งให้ชิงเหลียนเก็บของในตอนนั้นเองซูจิ่งสิงกลับมาจากข้างนอกพ
สีหน้าของเฉิงเซวียนดูเคร่งขรึมลง และรีบหุบปาก เห็นได้ชัดว่าถึงแม้เขาจะปากเสีย แต่ก็ยังเป็นห่วงเนี่ยชิงหลาน“ออกเดินทางกันเถอะ”เขาหยิบสัมภาระขึ้นรถม้าทันที เซี่ยเหอได้แต่เดินตามเขาไปกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเองก็ขึ้นไปนั่งบนรถม้า ระยะทางไปอินซานนั้นไม่ไกลนัก ทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องรีบขี่ม้ารถม้าค่อย ๆ ออกจากเมืองเกอปี้ หลังจากเดินผ่านถนนมาแล้วห้าสาย ก็มาถึงบริเวณด้านนอกของหุบเขาแห่งหนึ่งกู้หว่านเยว่เปิดม่านออกดูที่แห่งนี้เต็มไปด้วยทรายสีเหลืองอร่าม ดวงอาทิตย์ที่อยู่เหนือศีรษะกลายเป็นสีเหลืองขมุกขมัวเพราะการบดบังของฝุ่นที่ตลบอบอวล โดยมีสายลมอันโหดร้ายของหุบเขาพัดออกมาเป็นครั้งคราว ทำให้รู้สึกเป็นกังวลไม่น้อย“พระชายา!”เสียงตะโกนของเฉิงเซวียนดังขึ้นด้านหลัง กู้หว่านเยว่จึงหันกลับมอง จึงเห็นเขาตะโกนว่า “ในหุบเขาอินเฟิงมีโจรอยู่เป็นจำนวนมาก ระวังตัวกันด้วย”“รู้แล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางให้ระบบค่อยตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบอยู่ตลอด“คุณชายเฉิง ข้างหน้านั้นอันตรายมากใช่หรือไม่?”เซี่ยเหอรู้สึกเสียใจขึ้นมา ในตอนที่ออกเดินทาง นางไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีโจรมากมายเพียงนั้น“อื้อ”
บุรุษผู้นี้มีนิสัยเย็นชา เหตุใดถึงดูเป็นห่วงคนที่ชื่อถังหว่านเพียงนั้น?กู้หว่านเยว่รู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ กระทั่งกล่าวถามเสียงต่ำว่า “ถังหว่านผู้นั้นรู้จักกับท่านหรือ?”ซูจิ่งสิงพยักหน้า และกล่าวอธิบาย “ยามที่ข้าออกศึกอยู่ที่ชายแดน มีศึกอยู่ครั้งหนึ่งที่ราชสำนักส่งอาวุธมาให้ล่าช้า ภายใต้ความจนปัญญา ข้าทำได้เพียงต้องไปขอความช่วยเหลือจากหมู่บ้านที่หลอมกระบี่ในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ หวังให้พวกเขาช่วยขายอาวุธให้พวกเราชั่วคราว ยามนั้นถังหว่านมีอำนาจมากที่สุดในบรรดาทุกคน ข้าติดหนี้บุญคุณนางไม่น้อย อีกทั้งข้าและผู้ใหญ่บ้านอู่ก็เป็นสหายสนิทกัน”ซูจิ่งสิงสังเกตเห็นถึงอารมณ์ของนางที่เปลี่ยนไปแล้ว “น้องหญิง เจ้าหึงหวงข้าหรือ?”“ไม่เจ้าค่ะ” กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางเองก็ไม่ได้จะหึงหวงอะไรเพียงนั้น“ในเมื่อเจ้าอ้วนหน้าดำผู้นี้บอกว่าถังหว่านป่วย ไม่สู้เราไปเยี่ยมนางกันเถอะ”กู้หว่านเยว่คิดถูก ในเมื่อถังหว่านมีบุญคุณต่อซูจิ่งสิง ผู้มีพระคุณป่วย ก็ต้องไปเยี่ยมเยือนเสียหน่อย ไม่แน่ว่าทักษะการแพทย์ของนางอาจจะช่วยได้“ได้สิ”ซูจิ่งสิงมองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาซาบซึ้งใจแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปกล่าวกับเฉิงจี๋
ท่าทางเช่นนี้ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกสบายใจขึ้นมาก จึงยิ้มพลางอธิบาย“ดินของที่นี่มีดินภูเขาไฟระเบิด สามารถหยุดอาการท้องเสียได้ และฮูหยินเองก็ไม่คุ้นเคยกับอาหารการกินของที่นี่ การดื่มน้ำที่ผสมดินเหลืองของที่นี่จึงมีประโยชน์ แต่แน่นอนว่าไม่ควรดื่มมาก”“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”ถังหว่านยิ้มอย่างอ่อนแรง นางมองไปที่สามีภรรยาคู่นั้น ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมากู้หว่านเยว่พอจะเดาได้ว่านางต้องการจะพูดอะไร “ฮูหยินอยากจะพูดเรื่องของหัวหน้าหมู่บ้านห้าใช่หรือไม่?”“ใช่”ถังหว่านพยักหน้าพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ “ตั้งแต่สามีของข้าถูกพวกเขาจับตัวไป ก็ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ เลยจนถึงตอนนี้”“ข้าเพิ่งได้ยินเฉิงจี๋กล่าวว่า หุบเขาอินเฟิงได้เจรจากับพวกเจ้าหลายครั้งแล้วมิใช่หรือ?”“เหอะ ๆ เจรจาอะไรกัน ก็แค่ข่มขู่เท่านั้นแหละ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ถังหว่านก็โมโหจนแทบคลั่ง “พวกเขาหยิบยกข้อเรียกร้องขึ้นมาเรื่อย ๆ สักพักก็ขอเงิน สักพักก็ขออาวุธ ซึ่งพวกเราก็ตกลงไปหมดแล้วแต่หลังจากที่พวกเราให้สิ่งของแก่พวกเขาแล้ว พวกเขากลับผิดสัญญาและเรียกร้องเกินควร ถึงกับขอหอกยาวสองหมื่นเล่ม”แม้ว่
“โจรแห่งหุบเขาอินเฟิงนี่ เหิมเกริมขนาดนี้เชียวหรือ?”กู้หว่านเยว่ลูบคางครุ่นคิดเฉิงจี๋หัวเราะเยาะ “พระชายาคงยังไม่ทราบ โจรกลุ่มนี้มีชื่อว่าโจรทะเลทรายทมิฬ เชี่ยวชาญในการปล้นสะดมผู้คนที่สัญจรไปมา บางครั้งยังเข้าไปปล้นในเมืองเล็ก ๆ แถบนี้ด้วยไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ถึงได้มาเป็นศัตรูกับหมู่บ้านหลอมกระบี่ของเรา”เมื่อได้ยินเฉิงจี๋เอ่ยเช่นนี้ กู้หว่านเยว่ก็มั่นใจได้ว่า โจรทะเลทรายทมิฬกลุ่มนี้ชั่วร้ายอย่างแท้จริง“เจ้าอยู่ดูแลฮูหยินห้าที่นี่ก่อน ข้าจะไปที่หมู่บ้านทะเลทรายทมิฬกับท่านอ๋องสักรอบ”เดิมทีนางไม่ได้อยากจะเอาเรื่องเอาราวกับโจรพวกนี้ คิดแค่ว่าหลีกเลี่ยงพวกเขาให้ได้ก็พอ แล้วรีบไปถึงตลาดนัดอินซานให้เร็วที่สุด เพื่อจัดการเรื่องสำคัญให้เสร็จสิ้นแต่ในตอนนี้ นางเปลี่ยนใจแล้วโจรทะเลทรายทมิฬอย่างนั้นหรือ? ปล้นสะดมมาตั้งหลายปี ในหมู่บ้านต้องมีของดีมากมายแน่ ๆ !“พวกท่าน?”เฉิงจี๋ตกตะลึงเล็กน้อย จริง ๆ แล้วเขาควรจะดีใจ แต่เมื่อนึกถึงความปลอดภัยของทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือน“โจรทะเลทรายทมิฬพวกนั้นเจ้าเล่ห์เพทุบาย แถมยังมีกำลังพลมากมาย ท่านอ๋องกับพระชายาจะเข้าไปเหยียบถ้ำเสือเ
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก