ท่าทางเช่นนี้ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกสบายใจขึ้นมาก จึงยิ้มพลางอธิบาย“ดินของที่นี่มีดินภูเขาไฟระเบิด สามารถหยุดอาการท้องเสียได้ และฮูหยินเองก็ไม่คุ้นเคยกับอาหารการกินของที่นี่ การดื่มน้ำที่ผสมดินเหลืองของที่นี่จึงมีประโยชน์ แต่แน่นอนว่าไม่ควรดื่มมาก”“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”ถังหว่านยิ้มอย่างอ่อนแรง นางมองไปที่สามีภรรยาคู่นั้น ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมากู้หว่านเยว่พอจะเดาได้ว่านางต้องการจะพูดอะไร “ฮูหยินอยากจะพูดเรื่องของหัวหน้าหมู่บ้านห้าใช่หรือไม่?”“ใช่”ถังหว่านพยักหน้าพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ “ตั้งแต่สามีของข้าถูกพวกเขาจับตัวไป ก็ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ เลยจนถึงตอนนี้”“ข้าเพิ่งได้ยินเฉิงจี๋กล่าวว่า หุบเขาอินเฟิงได้เจรจากับพวกเจ้าหลายครั้งแล้วมิใช่หรือ?”“เหอะ ๆ เจรจาอะไรกัน ก็แค่ข่มขู่เท่านั้นแหละ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ถังหว่านก็โมโหจนแทบคลั่ง “พวกเขาหยิบยกข้อเรียกร้องขึ้นมาเรื่อย ๆ สักพักก็ขอเงิน สักพักก็ขออาวุธ ซึ่งพวกเราก็ตกลงไปหมดแล้วแต่หลังจากที่พวกเราให้สิ่งของแก่พวกเขาแล้ว พวกเขากลับผิดสัญญาและเรียกร้องเกินควร ถึงกับขอหอกยาวสองหมื่นเล่ม”แม้ว่
“โจรแห่งหุบเขาอินเฟิงนี่ เหิมเกริมขนาดนี้เชียวหรือ?”กู้หว่านเยว่ลูบคางครุ่นคิดเฉิงจี๋หัวเราะเยาะ “พระชายาคงยังไม่ทราบ โจรกลุ่มนี้มีชื่อว่าโจรทะเลทรายทมิฬ เชี่ยวชาญในการปล้นสะดมผู้คนที่สัญจรไปมา บางครั้งยังเข้าไปปล้นในเมืองเล็ก ๆ แถบนี้ด้วยไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ถึงได้มาเป็นศัตรูกับหมู่บ้านหลอมกระบี่ของเรา”เมื่อได้ยินเฉิงจี๋เอ่ยเช่นนี้ กู้หว่านเยว่ก็มั่นใจได้ว่า โจรทะเลทรายทมิฬกลุ่มนี้ชั่วร้ายอย่างแท้จริง“เจ้าอยู่ดูแลฮูหยินห้าที่นี่ก่อน ข้าจะไปที่หมู่บ้านทะเลทรายทมิฬกับท่านอ๋องสักรอบ”เดิมทีนางไม่ได้อยากจะเอาเรื่องเอาราวกับโจรพวกนี้ คิดแค่ว่าหลีกเลี่ยงพวกเขาให้ได้ก็พอ แล้วรีบไปถึงตลาดนัดอินซานให้เร็วที่สุด เพื่อจัดการเรื่องสำคัญให้เสร็จสิ้นแต่ในตอนนี้ นางเปลี่ยนใจแล้วโจรทะเลทรายทมิฬอย่างนั้นหรือ? ปล้นสะดมมาตั้งหลายปี ในหมู่บ้านต้องมีของดีมากมายแน่ ๆ !“พวกท่าน?”เฉิงจี๋ตกตะลึงเล็กน้อย จริง ๆ แล้วเขาควรจะดีใจ แต่เมื่อนึกถึงความปลอดภัยของทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือน“โจรทะเลทรายทมิฬพวกนั้นเจ้าเล่ห์เพทุบาย แถมยังมีกำลังพลมากมาย ท่านอ๋องกับพระชายาจะเข้าไปเหยียบถ้ำเสือเ
“พวกเขาต้องการก่อกบฏ”เขากล่าวเสริมขึ้นมาหนึ่งประโยค “หรือไม่ก็ร่วมมือกับคนอื่นก่อกบฏ”“ไม่คิดเลยว่ารังโจรเล็ก ๆ แบบนี้ จะกล้าถึงเพียงนี้ พวกเราถือว่าบังเอิญเจอเรื่องใหญ่เข้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ไม่อยากเสียเวลา จึงโบกมือเล็ก ๆ ของนาง เก็บเสบียงอาหารและอาวุธทั้งหมดเข้าไปในมิติเมื่อเห็นว่าโกดังว่างเปล่า ไม่เหลือแม้แต่ขนสักเส้นเดียว นางจึงพาซูจิ่งสิงหันหลังกลับออกไปทั้งสองคนพุ่งตัวไปยังคุกใต้ดิน เพื่อตามตัวหัวหน้าหมู่บ้านห้า“โชคดีที่คุกใต้ดินของรังโจรนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก และมีคนที่ถูกคุมขังอยู่ไม่มาก ทั้งสองคนจึงมาถึงด้านหน้าของคุกใต้ดินอย่างรวดเร็ว“หัวหน้าหมู่บ้านห้า?”เมื่อเห็นเย่อิงนั่งอยู่ที่มุมห้อง ซูจิ่งสิงจึงเอ่ยเรียกเย่อิงตัวสั่นเทา แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง หันขวับกลับมามอง สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของซูจิ่งสิง“ท่านอ๋อง?”เขารีบเดินไปที่หน้าประตูห้องขัง“เป็นท่านจริง ๆ ด้วย ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”ซูจิ่งสิงรีบอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง เมื่อได้ยินว่าถังหว่านถึงกับเดินทางมาถึงหุบเขาอินเฟิงเพื่อเขา และเจรจาต่อรองกับโจรกลุ่มนั้น เย่อิงก็รู้สึกเจ็บปวดใจ“สุขภาพ
“ข้า ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร”อีกฝ่ายเข้ามาถามข้อมูลที่อันตรายถึงชีวิตเช่นนี้ หัวหน้าตกใจจนรีบส่ายหัว“นั่นล้วนเป็นเสบียงอาหารของหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬของพวกเรา...”ซูจิ่งสิงออกแรงบีบคอให้แน่นขึ้น สายตาเย็นเยียบ“ข้าเพิ่งจะเตือนเจ้าไปว่าอย่าโกหก”หัวหน้าถูกบีบคอจนเกือบจะหายใจไม่ออก หน้าซีดเผือด ทั้งคนแทบจะสิ้นใจเสียตรงนั้นเขาตกใจจนรีบปัดมือของซูจิ่งสิง“ข้าพูด ๆ อย่าฆ่าข้าเลย ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ”แรงบีบที่คอคลายลงเล็กน้อย หัวหน้ารีบเอ่ยขึ้น เสบียงอาหารและอาวุธเหล่านี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬของพวกเรา พวกเราแค่เก็บไว้ให้คนของตลาดมืดอินซาน พอถึงเวลาก็จะส่งไปที่ตลาดนัดอินซาน”“ตลาดมืดหรือ?”ซูจิ่งสิงตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับตลาดนัดอินซาน แต่เมื่อลองคิดดูแล้วก็สมเหตุสมผล เพราะหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬนั้นอยู่ใกล้กับตลาดนัดอินซานมากที่สุดคำพูดของหัวหน้าคนนี้ดูเหมือนจะมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง“คนของตลาดมืดต้องการเสบียงอาหารและอาวุธมากมายขนาดนี้ไปทำอะไร?”ซูจิ่งสิงเอ่ยถามต่อ อันที่จริงแล้วในใจเขาก็มีคำตอบอยู่แล้ว“ดูเหมือนว่าของพวกน
“ข้ายังมีคำถามสุดท้าย ข้าถามเจ้าว่า ในเมื่อเจ้าได้สะสมเสบียงอาหารให้อินซานมากมายขนาดนี้แล้ว พวกเจ้าวางแผนจะส่งเสบียงอาหารและอาวุธพวกนี้ไปให้เมื่อไร?”หัวหน้ารีบเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้ พรุ่งนี้เป็นวันที่ต้องส่งอาวุธไปให้พอถึงเวลานั้น พวกเราจะขนของทั้งหมดขึ้นเกวียน แล้วส่งไปยังตลาดนัดอินซาน”ดูเหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าตนเองไม่มีประโยชน์อะไรกับสองสามีภรรยาอีกต่อไป หัวหน้าจึงรีบคุกเข่าลงกับพื้น แล้วอ้อนวอนทั้งสองคน“สิ่งที่พวกท่านให้ข้าพูด ข้าก็พูดไปหมดแล้ว พวกท่านได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด พวกเราเป็นโจรก็แค่หาเลี้ยงชีพด้วยคมดาบ...”“ฝันไปเถอะ”กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกดาบขึ้นมาปลิดชีพอีกฝ่ายโดยตรงโจรพวกนี้ทำเรื่องเลวร้ายไว้มากมาย การฆ่าอีกฝ่ายก็ถือว่าทำตามเจตนารมณ์ของสวรรค์“ท่านพี่ เราไปกันเถอะ”หลังจากจัดการกับหัวหน้าแล้วทั้งสองคนก็พุ่งตัวออกไป จากนั้นก็มาถึงนอกห้องเก็บฟืน กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำมันก๊าดออกมาจากมิติ อาศัยช่วงที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เทน้ำมันก๊าดทั้งหมดรดไปทั่วทุกซอกทุกมุมของหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬ“สถานที่ชั่วร้ายแบบนี้ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มิสู้ทำลายมันเสียดีกว่
“หัวหน้าหมู่บ้านห้า!”เฉิงจี๋ตื่นเต้นอย่างมาก ท่านอ๋องกับพระชายาพาหัวหน้าหมู่บ้านห้ากลับมาแล้วจริง ๆ “เฉิงจี๋ ฮูหยินเล่า?”เย่อิงตื่นขึ้นมาตั้งแต่ระหว่างทางแล้ว เมื่อรู้ว่าถังหว่านหมดสติไป เขาก็รู้สึกร้อนใจมาตลอดทางถึงแม้กู้หว่านเยว่จะบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าถังหว่านจะต้องไม่เป็นอะไร แต่เขาก็ยังคงกังวลอยู่ดี ต้องได้เห็นถังหว่านกับตาตัวเองถึงจะวางใจได้“ฮูหยินอยู่ในเต็นท์ขอรับ”เฉิงจี๋ชี้ไปที่เต็นท์ที่ใหญ่ที่สุด เย่อิงรีบลงจากหลังม้าทันที“ท่านอ๋อง พระชายา ข้าน้อยจะกลับมาขอบคุณพวกท่านด้วยตัวเองในภายหลัง”“ไม่เป็นไร หัวหน้าหมู่บ้านห้าไปดูฮูหยินก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมืออย่างอารมณ์ดี การเป็นห่วงฮูหยินของตนเป็นเรื่องปกติ นางและซูจิ่งสิงไม่มีทางโกรธแน่นอน“ฮูหยิน นำม้ามาให้บ่าวเถิดเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนรับหน้าที่จูงม้ากระต่ายแดงทั้งสองตัว พาพวกเขาไปกินหญ้าข้าง ๆ อย่างรู้หน้าที่กู้หว่านเยว่นั่งลงดื่มน้ำ เฉิงจี๋ทนไม่ไหวด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงเดินตามมาถาม“พวกเราใช้วิธีการมากมายหลายอย่าง แต่หมู่บ้านทะเลทรายทมิฬก็ยังไม่ยอมผ่อนปรน”เจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายา ไปแค่ครึ่งวันเองหรือ?”
กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “โจรทะเลทรายทมิฬข่มเหงรังแก ปล้นสะดม ชั่วช้าสารพัด พวกเราก็แค่กำจัดคนชั่วตามเจตนารมณ์ของสวรรค์”นางยื่นถุงเงินให้ทั้งสองคน “อีกอย่าง เงินพวกนี้ก็ไม่ใช่เงินของพวกเราสองคน แต่เป็นเงินที่พวกเราปล้นมาจากหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬ พวกเราเผาหมู่บ้านไปแล้ว อาวุธข้างในคงกลายเป็นเถ้าถ่านไปจนหมด ถุงเงินนี้ก็ถือว่าเป็นการชดเชยให้พวกเจ้าก็แล้วกัน”ท่าทางของนางค่อนข้างหนักแน่น “พวกเจ้าสองคนอย่าได้ปฏิเสธอีกเลย”เมื่อเห็นว่าสองสามีภรรยาตั้งใจจะให้เงินพวกเขาจริง ๆ สุดท้าย พวกเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก จึงรีบรับเงินนั้นมา“ขอบคุณพวกท่านมาก หากในภายภาคหน้าพวกท่านมีเรื่องให้ช่วยเหลือ หมู่บ้านหลอมกระบี่ของเรายินดีทุ่มเทสุดกำลัง”เย่อิงรับปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่น กู้หว่านเยว่มองไปยังนิ้วที่ขาดของเขา จึงรีบเอ่ยขึ้น“หัวหน้าหมู่บ้านห้า นิ้วที่ขาดของเจ้าอยู่ที่ไหนหรือ?”“อยู่ที่นี่”ถังหว่านเก็บนิ้วที่ขาดไว้ตลอด เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เอ่ยถาม จึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ห่อนิ้วที่ขาดไว้ออกมา“พระชายา ท่านจะเอานิ้วที่ขาดไปทำอะไรหรือ?”ถังหว่านเอ่ยถาม ใบหน้าของนางดูคมคาย น้ำเสียงก็ฟังแล้วรู้สึกสบ
กู้หว่านเยว่เหลือบมองซูจิ่งสิง จากนั้นก็อธิบายให้ทั้งสองคนฟัง“ในเมื่อพวกเจ้าไม่เป็นไรแล้ว พวกเราสองสามีภรรยาคงต้องขอตัวลา”“พวกท่านจะไปแล้วหรือ?”หัวหน้าหมู่บ้านห้ารู้สึกประหลาดใจ เพิ่งจะเจอกันได้ไม่นาน ทั้งสองคนยังไม่ได้พูดคุยกันดี ๆ เลย ก็จะไปแล้วหรือ?“ข้างหน้ามีเมืองเกอปี้ ข้าอยากจะเชิญพวกท่านทั้งสองไปทานอาหารที่เมืองนั้นสักมื้อ”หัวหน้าหมู่บ้านห้ารู้สึกเสียดายมาก ซูจิ่งสิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ไม่ต้องหรอก พวกเราเพิ่งจะมาจากเมืองเกอปี้”ถังหว่านรู้เรื่องนี้ดี “ท่านพี่ ท่านอ๋องและพระชายามาที่นี่มีเรื่องสำคัญต้องทำ เรื่องทานข้าวไม่รีบร้อน รอให้พบกันครั้งหน้าค่อยเชิญพวกเขามาทานข้าวก็ได้”“ที่นี่ห่างไกลความเจริญ แม้แต่ต้นหญ้ายังแทบไม่มี พวกท่านมาทำอะไรที่นี่?”กู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไร ส่วนใหญ่เป็นเพราะยังไม่ค่อยสนิทกับพวกเขา จึงไม่ค่อยไว้ใจสักเท่าไรนักซูจิ่งสิงจึงกล่าวอธิบาย “พวกเราจะไปที่เขาอินซาน มีธุระต้องไปจัดการ”“เขาอินซานหรือ”หัวหน้าหมู่บ้านห้าพยักหน้า“ผ่านหุบเขาอินเฟิงไป ก็จะถึงเขาอินซานแล้ว”ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว เหมือนจะรู้จักเขาอินซาน กู้หว่านเยว่และซ
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก