เขายกถ้วยยาเข้ามา “เจ้าไม่จำเป็นต้องมาดูแลด้วยตัวเองจริง ๆ ข้าจัดการเองก็ได้”“ท่านช่วยข้าไว้” แก้มของกงซุนซวงแดงระเรื่อสองตาที่มองชายผู้นั้นเป็นประกายน้ำตา “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านล่อคนเหล่านั้นไป ข้าก็ไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ในทางลับได้”เจียงหลินจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “นี่คือสิ่งที่ข้าสมควรทำแล้ว ข้ารับปากกับผู้อาวุโสโซว่หวางเอาไว้ ว่าจะปกป้องลูกสาวของเขาเป็นอย่างดี”“ใต้เท้าเจียง ท่านให้ข้าได้ดูแลท่านบ้างเถอะ”ไม่ยากเลยที่จะมองออกว่า ดวงตาของกงซุนซวงเต็มไปด้วยความชื่นชมน่าเสียดายที่เจียงหลินไม่มีอารมณ์จะพูดจาในตอนนี้ นอนอยู่บนเตียงบ่ายเบี่ยงว่าไม่สบายเนื้อตัว แล้วไล่กงซุนซวงออกไปกงซุนซวงถอนหายใจ กังวลว่าหากฝืนอยู่ที่นี่ต่อ จะทำให้เจียงหลินรู้สึกรังเกียจ จึงเดินออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์“น้องหญิงห้า เจ้าบอกข้าทีว่า ตอนนี้หมู่บ้านต้องการการบูรณะใหม่ ทำไมเจ้าถึงเอาแต่มุ่งความสนใจไปที่ผู้ชาย?”กงซุนหงเข้มงวดเพื่อหวังให้ดีขึ้นน้องหญิงห้าเป็นคนฉลาดเรื่องความรัก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานางเห็นอีกฝ่ายออกมาจากห้องของเจียงหลินไม่ใช่แค่ครั้งเดียว“เขาคือผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตของข้า ข้าแค่
เมิ่งเหยียนมีความคับข้องในใจอยู่แล้ว แล้วจะทนกับการเย้ยหยันเช่นนี้ได้อย่างไร?ไม่พูดอะไรสักคำก็ร้องไห้วิ่งออกมา สุดท้ายก็พบกับกู้หว่านเยว่เข้าพอดี“แทนที่เจ้าจะร้องไห้อยู่ในนี้ สู้ไปอธิบายให้เขาเข้าใจดีกว่า”ลั่วหยางนั่งอยู่ในห้องคัดแยกสมุนไพร ชำเลืองมองเมิ่งเหยียนอย่างจนปัญญา“ตอนนี้เขาไม่รู้อะไรเลย แล้วก็ไม่รู้ตัวตนของเจ้าเช่นกัน พูดไปไม่กี่คำ เจ้าก็เจ็บปวดเจียนตาย”ลั่วหยางพูดอย่างจนปัญญา“สู้บอกเขาไปตรง ๆ ว่าเจ้าเป็นใคร ต่อให้ต้องตายก็ตายอย่างเข้าใจ”สองวันมานี้เมิ่งเหยียนร้องไห้สะอึกสะอื้นมาโดยตลอด ลั่วหยางรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว“ข้า ข้าก็อยากจะพูดเหมือนกัน แต่เขาเกลียดข้า”เมิ่งเหยียนเช็ดน้ำตานางย่อมต้องการบอกความจริงออกไปเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรที่มาเขตซีเป่ยในคราวนี้ ก็เพื่ออธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นแต่ไม่นึกว่า พี่ชายลูกพี่ลูกน้องโกรธมากกว่าที่นางจินตนาการไว้มาก ในคำพูดเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเย้ยหยันที่มีต่อนางแล้วเมิ่งเหยียนจะพูดออกมาได้อย่างไรไม่พูดออกมา อย่างน้อยตอนนี้นางก็ยังสามารถได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายยังสามารถฉวยโอกาสจากการเจ็บป่วยและบาดเจ็บของอีกฝ่
ทันใดนั้นแววตาของกู้หว่านเยว่ก็เป็นประกาย ความจริงแล้วมีความคิดนี้มานานแล้ว แต่กลับได้พูดออกมาอย่างระมัดระวังเป็นครั้งแรก“ข้าคิดว่า เป็นไปได้”ซูจิ่งสิงถูปลายนิ้ว นอกจากหนานหยางอ๋องและหมู่บ้านโซว่หวางแล้ว ยังมีเว่ยเฉิงและสกุลอวิ๋นที่ตอนนี้ล้วนภักดีต่อพวกเขา“หากมู่หรงอวี้ตาย ฮ่องเต้ชั่วต้องได้รับข่าวแน่นอน”เมื่อกล่าวถึงมู่หรงอวี้ กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกปรารถนาเหลือเกินนางรู้ว่ามู่หรงอวี้ยังมีคลังส่วนตัวจำนวนหนึ่งอยู่ในมือเขาทันทีที่มู่หรงอวี้ตาย คลังส่วนตัวเหล่านั้นก็ไม่มีเจ้าของ ต้องหาวิธียึดคลังส่วนตัวเหล่านั้น“พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”ในคืนฝนตก บ่าวรับใช้ที่กู้หว่านเยว่ทิ้งไว้ในป่ารกร้างทยอยลุกขึ้นทีละคน“ดูสิ เหมือนพวกคุณหนูจะกลับบ้านไปแล้ว”หนึ่งในนั้นชี้ไปที่ธงประจำสกุลกงซุนด้วยความตื่นเต้น“ดีจังเลย พวกเรารีบกลับไปเถอะ”บ่าวรับใช้เหล่านี้ล้วนเป็นคนรับใช้ของสกุลกงซุนมาหลายชั่วอายุคน ผูกพันกับสกุลกงซุนมาเป็นเวลานาน ตอนนี้รู้สึกยินดีจากใจจริงแต่ละคนต่างประคับประคองซึ่งกันและกัน รีบกลับไปที่หมู่บ้านโซว่หวาง“คุณหนูใหญ่ แล้วผู้อาวุโสโซว่หวางล่ะ?” พ่อบ้านผมหงอกขาว
สุดท้ายก็ประกาศว่า ต่อไปกู้หว่านเยว่จะเป็นนายหญิงตัวจริงของหมู่บ้านโซว่หวางแม้ว่าทุกคนจะตกใจ แต่ก็ไม่ได้คัดค้านถึงอย่างไร ในเวลานี้สกุลกงซุนก็เห็นด้วยแล้ว พวกเขามีคุณสมบัติอะไรที่จะคัดค้าน?หลังจากประกาศข่าวนี้ออกไป กงซุนหงก็ได้มอบป้ายคำสั่งหัวหน้าสกุลให้กู้หว่านเยว่อย่างเป็นทางการ“แผนภาพการป้องกันหมู่บ้านโซว่หวาง หนังสือราชการ คดีความ และสมุดบัญชีในหลายปีที่ผ่านมาของเขตซีเป่ย ส่งมาให้ข้าทั้งหมด”ในเมื่อกู้หว่านเยว่จะมารับช่วงดูแลต่อในเขตซีเป่ย ก็ย่อมไม่เกรงใจพวกเขาเป็นธรรมดาอะไรควรถือไว้อยู่ในมือ นางต้องรู้ดีอยู่แล้ว“ขอรับ ฮูหยิน” ตอนนี้คนของสกุลกงซุนกำลังพากันเรียกกู้หว่านเยว่ว่าฮูหยิน“พลังของหมู่บ้านโซว่หวางจวงได้รับความเสียหายอย่างหนัก มอบหมายให้เว่ยเฉิงจัดการแล้วกัน”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย มองเว่ยเฉิงที่อยู่ด้านล่าง วิธีบูรณะของอีกฝ่าย นางไว้ใจได้“ข้าน้อยจะจัดการให้เป็นอย่างดีแน่นอน”เว่ยเฉิงรีบคุกเข่าลงพร้อมกับเอ่ยขึ้น“อยู่ในนี้ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนี้หรอก” กู้หว่านเยว่รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนางรินชาถ้วยหนึ่งให้เว่ยเฉิง ส่งให้เขาเองกับมือ “พวกเราคือเพื
ทว่าเขาอยากหาโอกาสอยู่ตลอด พูดความในใจของตนต่อผู้อาวุโสโซ่วหวางให้ชัดเจนคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่รอให้เขาเอ่ยปาก ผู้อาวุโสโซ่วหวางก็ตายไปแล้วถ้อยคำของอีกฝ่าย ถึงขั้นกลายเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายไปเสียได้“เมื่อแรกท่านพ่อมิใช่พูดว่า ยกข้าให้ท่านหรือ?” กงซุนซวงเอ่ยปากหน้าแดงเรื่อ“ตอนนั้นข้ามิได้ตอบท่านพ่อ บัดนี้ท่านพ่อจากไปแล้ว ข้าอยากทำให้ผู้ชราเขาสมปรารถนา”ดวงตานางทอประกายระยับขณะผินมองเจียงหลิน“ข้ายินดีแต่งกับท่าน”“พวกเจ้าหมั้นหมายกันแล้วรึ?” เมิ่งเหยียนสั่นเบาๆ มองทั้งคู่อย่างเหลือจะเชื่อวันนี้นางมา ก็เพราะอยากพูดกับเจียงหลินให้เข้าใจคิดไม่ถึงยังไม่ทันเอ่ยปากพูดให้ชัดเจน ก็ได้รับข่าวชวนตกตะลึงพรึงเพริดเช่นนี้หากว่าพวกเขาทั้งสองหมั้นหมายกันจริง เช่นนั้นนางยังสอดเข้าไป ยังมิใช่กลายเป็นมือที่สามอีกหรือ?“หมั้นหมาย?”กงซุนซวงเอ่ยปากหน้าแดงเรื่อ “ยังไม่นับว่าใช่ ตอนนั้นท่านพ่อข้าเพียงเอ่ยออกมาเท่านั้น แต่ข้ายินดีอยู่ภายในใจ ก็ไม่รู้พี่ใหญ่เจียงคิดเห็นเช่นไร ตอนท่านพ่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ พี่ใหญ่เจียงเองก็ไม่ปฏิเสธ”สายตานางมองเจียงหลินอย่างหลงใหล “ดังนั้นวันนี้ข้าถึงอยากถามพี่ให
“ขออภัยคุณหนูห้า ข้าไม่สามารถรับปากเรื่องแต่งงานกับเจ้าได้”กงซุนซวงอาศัยอาการมึนงงเมื่อครู่ของเจียงหลิน ยังคิดว่าทำสำเร็จแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า อีกฝ่ายดึงสติกลับมาได้แล้วก็เปลี่ยนคำพูดทันใดนั้นหัวใจนางแตกสลาย พูดอย่างโศกเศร้า“เพราะเหตุใด? หรือท่านไม่ชอบข้า? ก่อนนี้มิใช่ท่านพ่อเห็นว่าพวกเราอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมดีหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นท่านก็เชื่อฟังคำพูดของท่านพ่อมากมาโดยตลอด ท่านเคยพูดว่าจะดูแลข้าดีๆ แทนท่านพ่อนี่”ขณะพูดกงซุนซวงไม่ใส่ใจต่อสิ่งใดอีกเจียงหลินปวดใจอยู่บ้าง“ขออภัยคุณหนูห้า ทำให้เจ้าเข้าใจข้าผิดไปแล้ว ผู้อาวุโสโซ่วหวางชื่นชมข้า ข้าย่อมรู้สึกซาบซึ้งใจจริง เมื่อแรกมาที่ซีเป่ย หากมิใช่เพราะเขาชี้แนะ ข้าก็ไม่สามารถเดินมาถึงขั้นนี้ได้ ข้าเห็นเจ้าเป็นน้องสาวมาโดยตลอด”เขาถอนหายใจมองทางกงซุนซวง“ข้ารับปากผู้อาวุโสโซ่วหวางจะดูแลเจ้าดีๆ ก็คือพี่ชายดูแลน้องสาว ข้อนี้ไม่มีวันเปลี่ยนไปชั่วนิรันดร์”เจียงหลินพูดอย่างชัดเจน “น้องหญิงห้าเหมาะสมกับคนดี”เขาก้มหน้า ใบหน้าเผยความเจ็บปวด“เจียงหลิน ภายในใจมีคนอื่นตั้งนานแล้ว”“ท่านกำลังพูดถึงอดีตคู่หมั้นคนนั้นกระมัง? แต่นางม
“ไม่” กงซุนซวงหลบเลี่ยงสายตาอย่างว้าวุ่นนางเดินออกไปนอกลานบ้าน “ฐานะอะไร ข้าไม่เข้าใจ”“ก็ได้” กู้หว่านเยว่มอบกล่องยาให้ชิงเหลียน ไม่พูดอะไร หมุนตัวได้ก็วิ่งออกไปแล้วข้างหลังนาง กงซุนซวงกลับรู้สึกผิดนางรู้ฐานะของเมิ่งเหยียนจริง หลังจากเจียงหลินฟื้นขึ้นมา นางก็มองเห็นความไม่ชอบมาพากลนางมีความเห็นแก่ตัว ไม่ยอมเปิดเผยเมื่อครู่ก็จงใจพูดเรื่องแต่งงานกับเจียงหลินต่อหน้าเมิ่งเหยียนกงซุนซวงมาถึงห้องอย่างเหม่อลอย บังเอิญกงซุนหงออกมาต้อนรับพอดี“เป็นเช่นไร ทางฝั่งเจียงหลินพูดว่ากระไร?”นางถามยิ้มๆ มองไม่เห็นท่าทางผิดหวังของน้องหญิงห้า“ตอบตกลงแล้วกระมัง น้องหญิงห้าหน้าตางดงาม ยังเป็นเขาเอาเปรียบแล้ว”หางตากงซุนซวงแดงเรื่อ ทันใดนั้นจับมือกงซุนหงไว้ มองออกได้อย่างไม่ยากว่านางกำลังดิ้นรนภายในใจอยู่นาน“พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่แต่งกับเจียงหลินแล้ว ถือเสียว่าไม่เคยเอ่ยถึงการแต่งงานนี้มาก่อน”“หมายความว่าอะไร?” กงซุนหงหน้าบึ้ง จูงกงซุนซวงออกจากลานบ้านโดยตรง “ใช่หรือไม่ว่าเขาไม่ยินดี ข้าจะไปถามเขา”“ไม่ใช่เจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่” กงซุนซวงรีบห้ามอีกฝ่ายนางหลับตาลง “เดิมทีเจียงหลินก็มิได้ชมช
เดินกะโผลกกะเผลกออกไปด้านนอก“ข้าประคองท่านไป” กงซุนซวงถลันขึ้นมา เห็นเจียงหลินต่อต้านเล็กน้อย นางเอ่ยปากอย่างหวังดี“ท่านไม่รู้เรือนของเมิ่งฮูหยินอยู่แห่งใด ข้าพาท่านไปเถอะ”“ขอบคุณมาก” เจียงหลินได้ยินก็พยักหน้าลงทั้งสองรีบเดินทางมาถึงลานบ้านของเมิ่งเหยียน ปรากฏว่าไม่เห็นเมิ่งเหยียน กลับมองเห็นลั่วยางกำลังคัดแยกยาสมุนไพรอยู่ภายนอกนับตั้งแต่ขจัดความลุ่มหลงในความรักไป ลั่วยางก็หันมาให้ความสนใจต่อยาสมุนไพร“นี่พวกเจ้า?”ลั่วยางมองเจียงหลินและกงซุนซวงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร หลายวันนี้ได้เห็นเมิ่งเหยียนตาแดงกลับมาหลายหน ภาพประทับใจต่อทั้งคู่จึงไม่ดีขึ้นมาก“ได้ยินมาว่าพวกเจ้าพูดคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว ยังมาที่นี่ทำอันใด? ในเมื่อยุ่งเพียงนี้ ก็อย่าเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วเลย”อุปนิสัยของลั่วยางได้ตามปรมาจารย์แพทย์อยู่บ้าง พูดอย่างไม่สบอารมณ์“นางเล่า?” เจียงหลินเปิดปากพูดได้อย่างยากลำบากลั่วยางถลึงตาใส่เขาหลายหน อยากพูดอะไร มองเห็นขอบตาเจียงหลินแดงเรื่อแล้ว ชี้เข้าไปภายในห้อง“หลังกลับมาก็ขังตนเองอยู่ภายในห้อง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมา”“ขอบคุณมาก” เจียงหลินมองลั่วยางอย่างซาบซึ้งใจแว
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก