ทันใดนั้นแววตาของกู้หว่านเยว่ก็เป็นประกาย ความจริงแล้วมีความคิดนี้มานานแล้ว แต่กลับได้พูดออกมาอย่างระมัดระวังเป็นครั้งแรก“ข้าคิดว่า เป็นไปได้”ซูจิ่งสิงถูปลายนิ้ว นอกจากหนานหยางอ๋องและหมู่บ้านโซว่หวางแล้ว ยังมีเว่ยเฉิงและสกุลอวิ๋นที่ตอนนี้ล้วนภักดีต่อพวกเขา“หากมู่หรงอวี้ตาย ฮ่องเต้ชั่วต้องได้รับข่าวแน่นอน”เมื่อกล่าวถึงมู่หรงอวี้ กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกปรารถนาเหลือเกินนางรู้ว่ามู่หรงอวี้ยังมีคลังส่วนตัวจำนวนหนึ่งอยู่ในมือเขาทันทีที่มู่หรงอวี้ตาย คลังส่วนตัวเหล่านั้นก็ไม่มีเจ้าของ ต้องหาวิธียึดคลังส่วนตัวเหล่านั้น“พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”ในคืนฝนตก บ่าวรับใช้ที่กู้หว่านเยว่ทิ้งไว้ในป่ารกร้างทยอยลุกขึ้นทีละคน“ดูสิ เหมือนพวกคุณหนูจะกลับบ้านไปแล้ว”หนึ่งในนั้นชี้ไปที่ธงประจำสกุลกงซุนด้วยความตื่นเต้น“ดีจังเลย พวกเรารีบกลับไปเถอะ”บ่าวรับใช้เหล่านี้ล้วนเป็นคนรับใช้ของสกุลกงซุนมาหลายชั่วอายุคน ผูกพันกับสกุลกงซุนมาเป็นเวลานาน ตอนนี้รู้สึกยินดีจากใจจริงแต่ละคนต่างประคับประคองซึ่งกันและกัน รีบกลับไปที่หมู่บ้านโซว่หวาง“คุณหนูใหญ่ แล้วผู้อาวุโสโซว่หวางล่ะ?” พ่อบ้านผมหงอกขาว
สุดท้ายก็ประกาศว่า ต่อไปกู้หว่านเยว่จะเป็นนายหญิงตัวจริงของหมู่บ้านโซว่หวางแม้ว่าทุกคนจะตกใจ แต่ก็ไม่ได้คัดค้านถึงอย่างไร ในเวลานี้สกุลกงซุนก็เห็นด้วยแล้ว พวกเขามีคุณสมบัติอะไรที่จะคัดค้าน?หลังจากประกาศข่าวนี้ออกไป กงซุนหงก็ได้มอบป้ายคำสั่งหัวหน้าสกุลให้กู้หว่านเยว่อย่างเป็นทางการ“แผนภาพการป้องกันหมู่บ้านโซว่หวาง หนังสือราชการ คดีความ และสมุดบัญชีในหลายปีที่ผ่านมาของเขตซีเป่ย ส่งมาให้ข้าทั้งหมด”ในเมื่อกู้หว่านเยว่จะมารับช่วงดูแลต่อในเขตซีเป่ย ก็ย่อมไม่เกรงใจพวกเขาเป็นธรรมดาอะไรควรถือไว้อยู่ในมือ นางต้องรู้ดีอยู่แล้ว“ขอรับ ฮูหยิน” ตอนนี้คนของสกุลกงซุนกำลังพากันเรียกกู้หว่านเยว่ว่าฮูหยิน“พลังของหมู่บ้านโซว่หวางจวงได้รับความเสียหายอย่างหนัก มอบหมายให้เว่ยเฉิงจัดการแล้วกัน”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย มองเว่ยเฉิงที่อยู่ด้านล่าง วิธีบูรณะของอีกฝ่าย นางไว้ใจได้“ข้าน้อยจะจัดการให้เป็นอย่างดีแน่นอน”เว่ยเฉิงรีบคุกเข่าลงพร้อมกับเอ่ยขึ้น“อยู่ในนี้ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนี้หรอก” กู้หว่านเยว่รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนางรินชาถ้วยหนึ่งให้เว่ยเฉิง ส่งให้เขาเองกับมือ “พวกเราคือเพื
ทว่าเขาอยากหาโอกาสอยู่ตลอด พูดความในใจของตนต่อผู้อาวุโสโซ่วหวางให้ชัดเจนคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่รอให้เขาเอ่ยปาก ผู้อาวุโสโซ่วหวางก็ตายไปแล้วถ้อยคำของอีกฝ่าย ถึงขั้นกลายเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายไปเสียได้“เมื่อแรกท่านพ่อมิใช่พูดว่า ยกข้าให้ท่านหรือ?” กงซุนซวงเอ่ยปากหน้าแดงเรื่อ“ตอนนั้นข้ามิได้ตอบท่านพ่อ บัดนี้ท่านพ่อจากไปแล้ว ข้าอยากทำให้ผู้ชราเขาสมปรารถนา”ดวงตานางทอประกายระยับขณะผินมองเจียงหลิน“ข้ายินดีแต่งกับท่าน”“พวกเจ้าหมั้นหมายกันแล้วรึ?” เมิ่งเหยียนสั่นเบาๆ มองทั้งคู่อย่างเหลือจะเชื่อวันนี้นางมา ก็เพราะอยากพูดกับเจียงหลินให้เข้าใจคิดไม่ถึงยังไม่ทันเอ่ยปากพูดให้ชัดเจน ก็ได้รับข่าวชวนตกตะลึงพรึงเพริดเช่นนี้หากว่าพวกเขาทั้งสองหมั้นหมายกันจริง เช่นนั้นนางยังสอดเข้าไป ยังมิใช่กลายเป็นมือที่สามอีกหรือ?“หมั้นหมาย?”กงซุนซวงเอ่ยปากหน้าแดงเรื่อ “ยังไม่นับว่าใช่ ตอนนั้นท่านพ่อข้าเพียงเอ่ยออกมาเท่านั้น แต่ข้ายินดีอยู่ภายในใจ ก็ไม่รู้พี่ใหญ่เจียงคิดเห็นเช่นไร ตอนท่านพ่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ พี่ใหญ่เจียงเองก็ไม่ปฏิเสธ”สายตานางมองเจียงหลินอย่างหลงใหล “ดังนั้นวันนี้ข้าถึงอยากถามพี่ให
“ขออภัยคุณหนูห้า ข้าไม่สามารถรับปากเรื่องแต่งงานกับเจ้าได้”กงซุนซวงอาศัยอาการมึนงงเมื่อครู่ของเจียงหลิน ยังคิดว่าทำสำเร็จแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า อีกฝ่ายดึงสติกลับมาได้แล้วก็เปลี่ยนคำพูดทันใดนั้นหัวใจนางแตกสลาย พูดอย่างโศกเศร้า“เพราะเหตุใด? หรือท่านไม่ชอบข้า? ก่อนนี้มิใช่ท่านพ่อเห็นว่าพวกเราอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมดีหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นท่านก็เชื่อฟังคำพูดของท่านพ่อมากมาโดยตลอด ท่านเคยพูดว่าจะดูแลข้าดีๆ แทนท่านพ่อนี่”ขณะพูดกงซุนซวงไม่ใส่ใจต่อสิ่งใดอีกเจียงหลินปวดใจอยู่บ้าง“ขออภัยคุณหนูห้า ทำให้เจ้าเข้าใจข้าผิดไปแล้ว ผู้อาวุโสโซ่วหวางชื่นชมข้า ข้าย่อมรู้สึกซาบซึ้งใจจริง เมื่อแรกมาที่ซีเป่ย หากมิใช่เพราะเขาชี้แนะ ข้าก็ไม่สามารถเดินมาถึงขั้นนี้ได้ ข้าเห็นเจ้าเป็นน้องสาวมาโดยตลอด”เขาถอนหายใจมองทางกงซุนซวง“ข้ารับปากผู้อาวุโสโซ่วหวางจะดูแลเจ้าดีๆ ก็คือพี่ชายดูแลน้องสาว ข้อนี้ไม่มีวันเปลี่ยนไปชั่วนิรันดร์”เจียงหลินพูดอย่างชัดเจน “น้องหญิงห้าเหมาะสมกับคนดี”เขาก้มหน้า ใบหน้าเผยความเจ็บปวด“เจียงหลิน ภายในใจมีคนอื่นตั้งนานแล้ว”“ท่านกำลังพูดถึงอดีตคู่หมั้นคนนั้นกระมัง? แต่นางม
“ไม่” กงซุนซวงหลบเลี่ยงสายตาอย่างว้าวุ่นนางเดินออกไปนอกลานบ้าน “ฐานะอะไร ข้าไม่เข้าใจ”“ก็ได้” กู้หว่านเยว่มอบกล่องยาให้ชิงเหลียน ไม่พูดอะไร หมุนตัวได้ก็วิ่งออกไปแล้วข้างหลังนาง กงซุนซวงกลับรู้สึกผิดนางรู้ฐานะของเมิ่งเหยียนจริง หลังจากเจียงหลินฟื้นขึ้นมา นางก็มองเห็นความไม่ชอบมาพากลนางมีความเห็นแก่ตัว ไม่ยอมเปิดเผยเมื่อครู่ก็จงใจพูดเรื่องแต่งงานกับเจียงหลินต่อหน้าเมิ่งเหยียนกงซุนซวงมาถึงห้องอย่างเหม่อลอย บังเอิญกงซุนหงออกมาต้อนรับพอดี“เป็นเช่นไร ทางฝั่งเจียงหลินพูดว่ากระไร?”นางถามยิ้มๆ มองไม่เห็นท่าทางผิดหวังของน้องหญิงห้า“ตอบตกลงแล้วกระมัง น้องหญิงห้าหน้าตางดงาม ยังเป็นเขาเอาเปรียบแล้ว”หางตากงซุนซวงแดงเรื่อ ทันใดนั้นจับมือกงซุนหงไว้ มองออกได้อย่างไม่ยากว่านางกำลังดิ้นรนภายในใจอยู่นาน“พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่แต่งกับเจียงหลินแล้ว ถือเสียว่าไม่เคยเอ่ยถึงการแต่งงานนี้มาก่อน”“หมายความว่าอะไร?” กงซุนหงหน้าบึ้ง จูงกงซุนซวงออกจากลานบ้านโดยตรง “ใช่หรือไม่ว่าเขาไม่ยินดี ข้าจะไปถามเขา”“ไม่ใช่เจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่” กงซุนซวงรีบห้ามอีกฝ่ายนางหลับตาลง “เดิมทีเจียงหลินก็มิได้ชมช
เดินกะโผลกกะเผลกออกไปด้านนอก“ข้าประคองท่านไป” กงซุนซวงถลันขึ้นมา เห็นเจียงหลินต่อต้านเล็กน้อย นางเอ่ยปากอย่างหวังดี“ท่านไม่รู้เรือนของเมิ่งฮูหยินอยู่แห่งใด ข้าพาท่านไปเถอะ”“ขอบคุณมาก” เจียงหลินได้ยินก็พยักหน้าลงทั้งสองรีบเดินทางมาถึงลานบ้านของเมิ่งเหยียน ปรากฏว่าไม่เห็นเมิ่งเหยียน กลับมองเห็นลั่วยางกำลังคัดแยกยาสมุนไพรอยู่ภายนอกนับตั้งแต่ขจัดความลุ่มหลงในความรักไป ลั่วยางก็หันมาให้ความสนใจต่อยาสมุนไพร“นี่พวกเจ้า?”ลั่วยางมองเจียงหลินและกงซุนซวงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร หลายวันนี้ได้เห็นเมิ่งเหยียนตาแดงกลับมาหลายหน ภาพประทับใจต่อทั้งคู่จึงไม่ดีขึ้นมาก“ได้ยินมาว่าพวกเจ้าพูดคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว ยังมาที่นี่ทำอันใด? ในเมื่อยุ่งเพียงนี้ ก็อย่าเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วเลย”อุปนิสัยของลั่วยางได้ตามปรมาจารย์แพทย์อยู่บ้าง พูดอย่างไม่สบอารมณ์“นางเล่า?” เจียงหลินเปิดปากพูดได้อย่างยากลำบากลั่วยางถลึงตาใส่เขาหลายหน อยากพูดอะไร มองเห็นขอบตาเจียงหลินแดงเรื่อแล้ว ชี้เข้าไปภายในห้อง“หลังกลับมาก็ขังตนเองอยู่ภายในห้อง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมา”“ขอบคุณมาก” เจียงหลินมองลั่วยางอย่างซาบซึ้งใจแว
“น้องหญิง ปวดหัวหรือ?”ซูจิ่งสิงเห็นกู้หว่านเยว่กังวล ช่วยนางนวดขมับอย่างปวดใจ“เรื่องทางฝั่งเมืองหลวงพวกเรายังไม่ต้องรีบ ให้คนจับตาดูดีๆ ก่อน”กู้หว่านเยว่เก็บภาพวาด “ยังจัดการเรื่องซีเป่ยก่อนเถอะ พวกเราต้องรีบกลับเจดีย์หนิงกู่”นางมีลางสังหรณ์ จากนี้ไปเจดีย์หนิงกู่จะไม่สงบสุขอีกต่อไปส่วนเถาเอ๋อร์ แม้กู้หว่านเยว่ปวดหัวอยู่บ้าง กลับไม่กังวลมากนักในเมื่อสามารถทำให้เถาเอ๋อร์พ่ายแพ้ไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็ยังมีครั้งต่อไป“ฮูหยิน ฮูหยินแย่แล้ว!” ทันใดนั้นกงซุนซวงวิ่งพรวดพราดเข้ามาจากภายนอกไม่ใส่ใจสองสามคนที่ยังปรึกษากัน ก็วิ่งเข้ามาหยุดหน้ากู้หว่านเยว่แล้ว“หมอหญิงลั่วให้ข้ามาเชิญท่าน” นางร้องไห้อย่างรู้สึกผิด“เมิ่งเหยียนนาง นางกินยาฆ่าตัวตายแล้ว”หากรู้ตั้งแต่แรก กงซุนซวงไม่มีวันจงใจกระตุ้นเมิ่งเหยียนต่อหน้าเจียงหลินอย่างแน่นอนนางคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าอุปนิสัยของเมิ่งเหยียนจะรุนแรงเพียงนี้ นางคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนรู้รุกรู้ถอย“ขออภัย ต้องโทษข้า ข้าควรฟังท่านตั้งแต่แรก”ยามกู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนนาง นางมิได้เก็บมาใส่ใจกงซุนซวงเสียใจภายหลังเหลือหลาย“พาข้าไป”กู้หว่านเยว่เองก
“กินยาสัตว์เข้าไป แม้มิใช่ยาพิษ แต่มนุษย์มิอาจทนไหว เมื่อครู่ข้าใช้ยาสมุนไพรฝืนกระตุ้นอาเจียนนางแล้ว แต่ร่างกายนางน่าจะยังมีอยู่”ลั่วยางมอบยาสัตว์ที่เหลืออยู่ให้กู้หว่านเยว่ “ท่านดูเถอะว่านี่คือยาพิษอะไร แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เข้าใจยาสัตว์มากมายนัก ไม่แน่ใจ”กู้หว่านเยว่จับชีพจรของเมิ่งเหยียนก่อน จากนั้นถอนหายใจ “เจ้าทำถูกต้องยิ่งนัก โชคดีเจ้ากระตุ้นอาเจียนได้ทันเวลา หาไม่แล้วต่อให้ข้ามาก็ไร้ความหมาย”ทว่า มองจากอาการตอนนี้ของเมิ่งเหยียน ยังต้องล้างกระเพาะก่อนยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ต้องนำยาสัตว์นี้เข้าไปทดลองภายในมิติวิเศษ“ต่อจากนี้น่าจะไม่มีอะไรให้ข้าทำแล้ว ข้าออกไปรอท่านข้างนอก” ลั่วยางถอนตัวออกไปอย่างรู้ความ หมอทั่วไปล้วนไม่หวังคนอื่นครูพักลักจำทักษะประจำตัวของตน นางคิดว่ากู้หว่านเยว่ต้องการใช้ทักษะเฉพาะตัวกู้หว่านเยว่เห็นแล้วก็ไม่อธิบาย นางอยากพาเมิ่งเหยียนเข้ามิติจริงนั่นล่ะประตูปิดลง กู้หว่านเยว่โบกมือก็พาเมิ่งเหยียนเข้ามิติส่งนางเข้าหอแห่งโอสถเพื่อล้างกระเพาะก่อน จากนั้นเริ่มวิเคราะห์ยาสัตว์ยังดีนี่มิใช่ยาฆ่าหญ้าฤทธิ์รุนแรงทำนองนั้น ก่อนล้างกระเพาะลั่วยางกระตุ้นอา
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง