“เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”กู้หว่านเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จุดหัวเราะ* บนตัวของกงซุนจ่างเย่ นางยังไม่ได้แก้ให้เขาเลยไม่ได้เจอกันนาน นางเกือบลืมเจ้าเด็กนี่ไปแล้วแต่เจ้าเด็กนี่ เหตุใดถึงไม่มาที่เจดีย์หนิงกู่เพื่อให้นางแก้จุดหัวเราะให้ล่ะ?“ข้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี” ซูจื่อชิงรีบร้อนจนเหงื่อแตกพลั่ก ราวกับเห็นภาพที่น่ากลัวสุดขีด“พี่สะใภ้ ท่านออกไปดูกับข้าหน่อย”พูดจบ ก็รีบคว้ามือของกู้หว่านเยว่ไปเจ้าเด็กนี่!ซูจิ่งสิงขมับเต้นตุบ ๆ ผลักเขาออกไปอย่างแนบเนียน จากนั้นพากู้หว่านเยว่เดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วนอกเรือน หิมะปกคลุมพื้นดินเลือดไหลจากประตูทางเข้าเรือนลากยาวไปจนถึงขั้นบันไดหมิงจูสวมชุดสีขาว ใบหน้าซีดเผือดแบกกงซุนจ่างเย่ที่กำลังจะตายอยู่บนหลัง ในวินาทีที่เห็นกู้หว่านเยว่ ก็ล้มลงกับพื้นทันที“คุณหนูหมิงจู?”กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปประคองนาง สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย“พวกเจ้ากลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”“อืม ท่านผู้มีพระคุณ...” หมิงจูจับมือของนางไว้ ลมหายใจรวยริน“ช่วย ช่วยกงซุน”พูดจบ ก็หลับตา แล้วล้มลงในอ้อมกอดของกู้หว่านเยว่โดยตรงกู้หว่านเยว่ตกใจจนรีบจับชีพจรของนาง
“ขอบคุณมาก”กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปในห้องของกงซุนจ่างเย่ ตรวจดูบาดแผลของเขา“กระดูกมือ กระดูกเท้า ถูกหักทั้งหมดดวงตาทั้งสองข้างถูกทำลายบนร่างกายมีรอยแผลเป็นจากการถูกนาบด้วยเหล็กร้อน แสดงว่าเคยถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยม”ขณะที่ตรวจดูอาการ กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกใจสั่นหวาดกลัวความแค้นอะไรกัน? ถึงต้องลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้“เรียกลั่วยางเข้ามาช่วยข้าหน่อย” เมื่อคิดถึงลูกในท้อง กู้หว่านเยว่จึงตัดสินใจมอบหมายงานง่าย ๆ ให้กับลั่วยางลั่วยางเพิ่งป้อนยาให้หมิงจูเสร็จ พอได้ยินก็รีบเข้ามาทันที“บาดแผลบนร่างกาย รวมถึงกระดูกมือและกระดูกเท้า ข้าสามารถต่อได้”ถึงอย่างไรก็เป็นศิษย์ของปรมาจารย์แพทย์ ก็ยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง“แต่ดวงตาของเขา ข้าทำอะไรไม่ได้”ลั่วยางสารภาพตามตรงหนานหยางอ๋องถอนหายใจด้วยความเศร้าสลด “หลานกงซุนอายุแค่สิบกว่าปีเอง ดวงตาทั้งสองข้างถูกทำลายตั้งแต่อายุยังน้อย ต่อไปจะกลายเป็นคนตาบอด เขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร”หากหมู่บ้านโซว่หวางเกิดเรื่องจริง ๆ กงซุนจ่างเย่ก็คือความหวังสุดท้ายแต่ตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาถูกทำลาย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการตัดความหวังสุดท้ายขอ
ใช่ ท่านพี่ต้องไม่เป็นอะไรแน่เมิ่งเหยียนรีบนอนลง จากนั้นหลับตา แล้วเริ่มสวดมนต์ภาวนาต่อหน้าพระพุทธรูปด้วยความศรัทธาหนานหยางอ๋องและเมี่ยชิงหว่านสบตากัน จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา“ปล่อยนางไปเถอะ”หนานหยางอ๋องรู้สึกสงสาร “อย่างน้อยนี่ก็ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นบ้าง”เมี่ยชิงหว่านพยักหน้า “ข้าจะไปทำอาหารให้ทุกคน”อีกเดี๋ยวกู้หว่านเยว่และลั่วยางก็จะผ่าตัดเสร็จ คงจะต้องทานข้าวแน่ ๆ ยังมีหมิงจูที่หมดสติไปเพราะร่างกายอ่อนแออีก พอฟื้นขึ้นมาก็ต้องกินอะไรสักหน่อยห้องข้าง ๆ ลั่วยางวางมีดผ่าตัดลง แล้วคลายข้อมือที่ปวดเมื่อย“พี่หว่านเยว่ ท่านเก่งมากจริง ๆ ” ลั่วยางมองกู้หว่านเยว่ด้วยสีหน้าชื่นชม“ภายใต้การแนะนำของท่าน การผ่าตัดต่อกระดูกครั้งนี้ สบายกว่าที่ข้าเคยทำมาก่อนจริง ๆ ”และยังจัดการได้ดีกว่าด้วย“เจ้ามีพรสวรรค์มาก ต่อไปอย่าปล่อยให้ความรักครอบงำจนขาดสติล่ะ” สายตาของกู้หว่านเยว่ฉายแววชื่นชมไม่แปลกใจเลยที่ปรมาจารย์แพทย์เลือกเด็กคนนี้เป็นศิษย์ ก็เพราะมีความสามารถ และเรียนรู้อะไรได้เร็วมาก“อืม ๆ หลังจากเรื่องของมู่หรงอวี้ ข้าก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว”ลั่วยางถอนหายใจ“หลู่ซื่อตายเพร
“อืม”ซูจิ่งสิงรับกุญแจมา มองไปยังประตูที่ปิดสนิท สายตาของเขาก็ฉายแววเจ็บปวด“ที่นี่ให้เป็นหน้าที่ข้า เจ้าออกไปก่อนเถอะ”เขาจะอยู่เฝ้าภรรยาที่นี่“ได้ งั้นข้าจะไปดูว่าชิงหว่านต้องการให้ช่วยอะไรหรือไม่”ซูจื่อชิงวิ่งไปที่ห้องครัวซูจิ่งสิงนั่งลงเงียบ ๆ อยู่หน้าประตู จนกระทั่งฟ้ามืดสนิทแล้ว เสียงของกู้หว่านเยว่จึงดังขึ้นมาจากด้านใน“เปิดประตูเถอะ”“ได้ รอเดี๋ยวนะ”ซูจิ่งสิงรีบลุกขึ้นยืน แล้วหยิบกุญแจมาไขประตู ในขณะที่สายตาฉายแววกังวลกู้หว่านเยว่อยู่ข้างในทั้งวัน เขาเป็นห่วงว่าภรรยาจะเป็นอะไรไปเมื่อเปิดประตู กู้หว่านเยว่อก็เดินออกมาจากข้างในด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า“น้องหญิง หน้าเจ้าซีดมาก”ซูจิ่งสิงรีบประคองกู้หว่านเยว่ รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่งกู้หว่านเยว่โบกมือ “ล็อกประตูเถอะ สองวันนี้ ห้ามใครเข้าไปนอกจากข้า”ในความเป็นจริง กงซุนจ่างเย่ไม่ได้อยู่ข้างในห้องอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสมาก หลังผ่าตัดเสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ส่งเขาเข้าไปในห้องไอซียูของหอแห่งโอสถทันทีคอยสังเกตการณ์ตลอดเวลาถ้าพบอะไรผิดปกติ ก็สามารถเข้าไปช่วยได้ในทันทีขณะเดียวกัน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ต้องการ
กู้หว่านเยว่ต้องการถามเรื่องนี้จากนางพอดีเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ตั้งใจฟังทันที“หนึ่งเดือนก่อน กงซุนจ่างเย่พาข้าไปส่งที่เมืองเหยียนสุ่ยอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่วัน จู่ ๆ ก็ได้รับข่าวลับจากหมู่บ้านโซว่หวางขอให้เขารีบกลับไปที่หมู่บ้านโซว่หวาง”หมิงจูจมดิ่งสู่ห้วงความทรงจำ“เพราะตอนที่ล้อมปราบสกุลฮั่ว เขาได้ช่วยเหลือเอาไว้เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจึงตัดสินใจเดินทางไปยังเขตซีเป่ยกับเขา กงซุนรีบร้อนมาก จึงเร่งเดินทางมาถึงเขตซีเป่ย”อาจเป็นเพราะรู้ว่าหมู่บ้านโซว่หวางเกิดเรื่อง กงซุนจ่างเย่จึงไม่ได้พาหมิงจูเข้าไปในเขตซีเป่ยพร้อมกับเขาแต่ให้หมิงจูรออยู่ที่เมืองชายแดนเล็ก ๆ ในเขตซีเป่ย ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยตามปกติ เขาก็จะมารับนางแล้วออกไปถ้าเป็นเรื่องใหญ่ ก็จะส่งจดหมายทางนกพิราบ ให้นางรีบจากไปทันที“ข้ารออยู่ที่เมืองเล็ก ๆ นั่นเป็นเวลาห้าวัน ก็ไม่ได้รับข่าวอะไรเลย” หมิงจูกล่าวต่อ“ข้าเดาว่ากงซุนน่าจะเจอเรื่องใหญ่ จึงปลอมตัวแล้วแอบเข้าไปในเขตซีเป่ย” พูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ สีหน้าของนางก็กลายเป็นดูเจ็บปวดอย่างมากน้ำตาคลอ “อาจเป็นเพราะสวรรค์คุ้มครอง ข้าบังเอิญเจอกงซุนที่บาดเจ็บสาหัส เขาเกือ
“ต้องไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้ทำแบบนี้อีกต่อไป”หนานหยางอ๋องดูตื่นเต้นเล็กน้อย“แบบนี้ จะทำให้โชคชะตาของแคว้นต้าฉีเสียหาย ประชาชนต้องเดือดร้อน”พูดจบ เขาก็รีบเงยหน้ามองซูจิ่งสิง ซูจิ่งสิงเข้าใจความหมายของหนานหยางอ๋องทันที“หว่านเยว่ พวกเราไปที่หมู่บ้านโซว่หวางกันเถอะ”กู้หว่านเยว่คิดคำนวณ เวลานี้การก่อสร้างในเจดีย์หนิงกู่เกือบจะเข้าที่เข้าทางแล้ว น้ำมันก๊าดก็ถูกขนส่งมาถึงแล้วถึงพวกเขาจะจากไป เจดีย์หนิงกู่ก็จะไม่ได้รับความเสียหายในเร็ว ๆ นี้หนานหยางอ๋องรีบเอ่ยขึ้น “ข้ามีลูกน้องเก่าจำนวนมาก พวกเขากำลังทยอยเดินทางมาที่นี่รอให้พวกเขามาถึง เจดีย์หนิงกู่ก็จะกลายเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง พวกเขาทุกคนจะปกป้องเจดีย์หนิงกู่”กู้หว่านเยว่สูดหายใจเข้าลึก ๆ วางใจได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว“ขอบพระทัยหนานหยางอ๋อง”หนานหยางอ๋องรู้สึกตื้นตันใจ รีบกล่าวขึ้น “พวกเจ้าเป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าคือนายของข้ายิ่งไปกว่านั้น การไปที่หมู่บ้านโซว่หวางครั้งนี้ ข้าก็จะสนับสนุนพวกเจ้า”หนานหยางอ๋องปรารถนาเพียงสิ่งเดียวคือ แคว้นต้าฉีเจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข“รอให้กงซุนจ่างเย่ฟ
ความคิดนี้อยู่ในใจเพียงชั่วครู่เท่านั้น ในเมื่อกู้หว่านเยว่แต่งงานมีสามีแล้ว ต่อให้อวิ๋นมู่ปรารถนาในใจมากแค่ไหน เขาก็จะยับยั้งชั่งใจเอาไว้“เฮ้อ เจ้านี่นะ ข้าควรจะหาภรรยาให้เจ้าตั้งแต่เนิ่น ๆ ”นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นมองทะลุความในใจของอวิ๋นมู่ จากนั้นส่ายหัวอย่างจนปัญญาเจ้าเด็กไม่เอาไหนนี่ เหตุใดถึงไม่รู้จักควบคุมหัวใจตัวเอง?“ลูกไม่ขออะไรมาก ขอแค่ให้นางปลอดภัยราบรื่น มีความสุข สุขภาพแข็งแรง”อวิ๋นมู่ดูสดใส รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความสุขนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นสีหน้าหม่นหมอง หากนายหญิงกู้ยังไม่แต่งงานหรือหย่าร้างแล้ว เขาคงจะสนับสนุนเต็มที่แต่เห็นได้ชัดว่านางและซูจิ่งสิงรักกันมาก“แย่แล้ว ๆ สายเลือดสกุลอวิ๋นของข้าคงไม่ได้สิ้นสุดตรงนี้หรอกนะ?” นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นคิดวางแผนในใจ ต้องหาภรรยาดี ๆ ให้กับอวิ๋นมู่ให้ได้ภายในห้อง กู้หว่านเยว่เปลี่ยนใจ “ท่านพี่ ข้าว่าจะให้คนสร้างถังเหล็กขึ้นมา เพื่อใส่น้ำมันก๊าด”เดิมทีนางคิดจะซื้อถังเหล็กจำนวนมาก แล้วโยนไปให้พวกชาวหู บอกทุกคนว่าซื้อถังเหล็กพวกนั้นมาจากชาวหูแต่พอคิดดูดี ๆ แบบนี้เหมือนปล่อยให้ชาวหูได้ประโยชน์มากเกินไปการสร้างเครื่องมือเหล็กไม่
จี้ฮั่นโม่หายใจถี่ “หนังสือเล่มนี้มาจากที่ใด?”“ใต้เท้าจี้แค่บอกว่าอยากจะรับงานนี้หรือไม่”ระหว่างทาง ทั้งสองคนได้พูดคุยเกี่ยวกับความสามารถของจี้ฮั่นโม่ ซูจิ่งสิงค่อนข้างเห็นด้วยดังนั้น กู้หว่านเยว่จึงกล้ามอบหมายเรื่องนี้ให้เขาในขณะเดียวกัน ก็เพราะกู้หว่านเยว่อยากจะขี้เกียจบ้าง ถ้าทำเองทุกอย่าง นางจะไม่เหนื่อยตายหรอกหรือยิ่งถึงช่วงหลัง ๆ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการลูกน้อง“อยาก ข้าอยากรับแน่นอน!”จี้ฮั่นโม่ก็มีความมุ่งมั่นเช่นกัน“แต่ว่า ภรรยาและลูกของข้า...”จี้ฮั่นโม่รู้สึกละอายใจเล็กน้อยตอนนี้เขาไม่มีเบี้ยหวัดแล้ว เงินที่พกมาตอนหลบหนีก็ใช้ไปจนเกือบหมดกู้หว่านเยว่มองเห็นถึงความลำบากของเขา จึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะจ่ายเงินเดือนให้ท่านถ้าท่านกังวลว่าภรรยาและลูกของท่านจะไม่มีใครดูแล ก็จ้างคนรับใช้ให้พวกเขา”“นี่ จริงหรือ?”จี้ฮั่นโม่ดีใจอย่างยิ่งสิ่งเดียวที่เขากังวลก็คือเรื่องนี้ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเช่นกัน เขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไป“เรื่องนี้ มอบหมายให้ข้า ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”ทั้งสองคนคุยกันเรื่องเงินเดือนอีกสักหน่อย กู้หว่านเย
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก