“ขอบคุณมาก”กู้หว่านเยว่รีบเข้าไปในห้องของกงซุนจ่างเย่ ตรวจดูบาดแผลของเขา“กระดูกมือ กระดูกเท้า ถูกหักทั้งหมดดวงตาทั้งสองข้างถูกทำลายบนร่างกายมีรอยแผลเป็นจากการถูกนาบด้วยเหล็กร้อน แสดงว่าเคยถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยม”ขณะที่ตรวจดูอาการ กู้หว่านเยว่ก็รู้สึกใจสั่นหวาดกลัวความแค้นอะไรกัน? ถึงต้องลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้“เรียกลั่วยางเข้ามาช่วยข้าหน่อย” เมื่อคิดถึงลูกในท้อง กู้หว่านเยว่จึงตัดสินใจมอบหมายงานง่าย ๆ ให้กับลั่วยางลั่วยางเพิ่งป้อนยาให้หมิงจูเสร็จ พอได้ยินก็รีบเข้ามาทันที“บาดแผลบนร่างกาย รวมถึงกระดูกมือและกระดูกเท้า ข้าสามารถต่อได้”ถึงอย่างไรก็เป็นศิษย์ของปรมาจารย์แพทย์ ก็ยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง“แต่ดวงตาของเขา ข้าทำอะไรไม่ได้”ลั่วยางสารภาพตามตรงหนานหยางอ๋องถอนหายใจด้วยความเศร้าสลด “หลานกงซุนอายุแค่สิบกว่าปีเอง ดวงตาทั้งสองข้างถูกทำลายตั้งแต่อายุยังน้อย ต่อไปจะกลายเป็นคนตาบอด เขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร”หากหมู่บ้านโซว่หวางเกิดเรื่องจริง ๆ กงซุนจ่างเย่ก็คือความหวังสุดท้ายแต่ตอนนี้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาถูกทำลาย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการตัดความหวังสุดท้ายขอ
ใช่ ท่านพี่ต้องไม่เป็นอะไรแน่เมิ่งเหยียนรีบนอนลง จากนั้นหลับตา แล้วเริ่มสวดมนต์ภาวนาต่อหน้าพระพุทธรูปด้วยความศรัทธาหนานหยางอ๋องและเมี่ยชิงหว่านสบตากัน จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา“ปล่อยนางไปเถอะ”หนานหยางอ๋องรู้สึกสงสาร “อย่างน้อยนี่ก็ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นบ้าง”เมี่ยชิงหว่านพยักหน้า “ข้าจะไปทำอาหารให้ทุกคน”อีกเดี๋ยวกู้หว่านเยว่และลั่วยางก็จะผ่าตัดเสร็จ คงจะต้องทานข้าวแน่ ๆ ยังมีหมิงจูที่หมดสติไปเพราะร่างกายอ่อนแออีก พอฟื้นขึ้นมาก็ต้องกินอะไรสักหน่อยห้องข้าง ๆ ลั่วยางวางมีดผ่าตัดลง แล้วคลายข้อมือที่ปวดเมื่อย“พี่หว่านเยว่ ท่านเก่งมากจริง ๆ ” ลั่วยางมองกู้หว่านเยว่ด้วยสีหน้าชื่นชม“ภายใต้การแนะนำของท่าน การผ่าตัดต่อกระดูกครั้งนี้ สบายกว่าที่ข้าเคยทำมาก่อนจริง ๆ ”และยังจัดการได้ดีกว่าด้วย“เจ้ามีพรสวรรค์มาก ต่อไปอย่าปล่อยให้ความรักครอบงำจนขาดสติล่ะ” สายตาของกู้หว่านเยว่ฉายแววชื่นชมไม่แปลกใจเลยที่ปรมาจารย์แพทย์เลือกเด็กคนนี้เป็นศิษย์ ก็เพราะมีความสามารถ และเรียนรู้อะไรได้เร็วมาก“อืม ๆ หลังจากเรื่องของมู่หรงอวี้ ข้าก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว”ลั่วยางถอนหายใจ“หลู่ซื่อตายเพร
“อืม”ซูจิ่งสิงรับกุญแจมา มองไปยังประตูที่ปิดสนิท สายตาของเขาก็ฉายแววเจ็บปวด“ที่นี่ให้เป็นหน้าที่ข้า เจ้าออกไปก่อนเถอะ”เขาจะอยู่เฝ้าภรรยาที่นี่“ได้ งั้นข้าจะไปดูว่าชิงหว่านต้องการให้ช่วยอะไรหรือไม่”ซูจื่อชิงวิ่งไปที่ห้องครัวซูจิ่งสิงนั่งลงเงียบ ๆ อยู่หน้าประตู จนกระทั่งฟ้ามืดสนิทแล้ว เสียงของกู้หว่านเยว่จึงดังขึ้นมาจากด้านใน“เปิดประตูเถอะ”“ได้ รอเดี๋ยวนะ”ซูจิ่งสิงรีบลุกขึ้นยืน แล้วหยิบกุญแจมาไขประตู ในขณะที่สายตาฉายแววกังวลกู้หว่านเยว่อยู่ข้างในทั้งวัน เขาเป็นห่วงว่าภรรยาจะเป็นอะไรไปเมื่อเปิดประตู กู้หว่านเยว่อก็เดินออกมาจากข้างในด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า“น้องหญิง หน้าเจ้าซีดมาก”ซูจิ่งสิงรีบประคองกู้หว่านเยว่ รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่งกู้หว่านเยว่โบกมือ “ล็อกประตูเถอะ สองวันนี้ ห้ามใครเข้าไปนอกจากข้า”ในความเป็นจริง กงซุนจ่างเย่ไม่ได้อยู่ข้างในห้องอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสมาก หลังผ่าตัดเสร็จแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ส่งเขาเข้าไปในห้องไอซียูของหอแห่งโอสถทันทีคอยสังเกตการณ์ตลอดเวลาถ้าพบอะไรผิดปกติ ก็สามารถเข้าไปช่วยได้ในทันทีขณะเดียวกัน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ต้องการ
กู้หว่านเยว่ต้องการถามเรื่องนี้จากนางพอดีเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ตั้งใจฟังทันที“หนึ่งเดือนก่อน กงซุนจ่างเย่พาข้าไปส่งที่เมืองเหยียนสุ่ยอยู่ที่นั่นเพียงไม่กี่วัน จู่ ๆ ก็ได้รับข่าวลับจากหมู่บ้านโซว่หวางขอให้เขารีบกลับไปที่หมู่บ้านโซว่หวาง”หมิงจูจมดิ่งสู่ห้วงความทรงจำ“เพราะตอนที่ล้อมปราบสกุลฮั่ว เขาได้ช่วยเหลือเอาไว้เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจึงตัดสินใจเดินทางไปยังเขตซีเป่ยกับเขา กงซุนรีบร้อนมาก จึงเร่งเดินทางมาถึงเขตซีเป่ย”อาจเป็นเพราะรู้ว่าหมู่บ้านโซว่หวางเกิดเรื่อง กงซุนจ่างเย่จึงไม่ได้พาหมิงจูเข้าไปในเขตซีเป่ยพร้อมกับเขาแต่ให้หมิงจูรออยู่ที่เมืองชายแดนเล็ก ๆ ในเขตซีเป่ย ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยตามปกติ เขาก็จะมารับนางแล้วออกไปถ้าเป็นเรื่องใหญ่ ก็จะส่งจดหมายทางนกพิราบ ให้นางรีบจากไปทันที“ข้ารออยู่ที่เมืองเล็ก ๆ นั่นเป็นเวลาห้าวัน ก็ไม่ได้รับข่าวอะไรเลย” หมิงจูกล่าวต่อ“ข้าเดาว่ากงซุนน่าจะเจอเรื่องใหญ่ จึงปลอมตัวแล้วแอบเข้าไปในเขตซีเป่ย” พูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ สีหน้าของนางก็กลายเป็นดูเจ็บปวดอย่างมากน้ำตาคลอ “อาจเป็นเพราะสวรรค์คุ้มครอง ข้าบังเอิญเจอกงซุนที่บาดเจ็บสาหัส เขาเกือ
“ต้องไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้ทำแบบนี้อีกต่อไป”หนานหยางอ๋องดูตื่นเต้นเล็กน้อย“แบบนี้ จะทำให้โชคชะตาของแคว้นต้าฉีเสียหาย ประชาชนต้องเดือดร้อน”พูดจบ เขาก็รีบเงยหน้ามองซูจิ่งสิง ซูจิ่งสิงเข้าใจความหมายของหนานหยางอ๋องทันที“หว่านเยว่ พวกเราไปที่หมู่บ้านโซว่หวางกันเถอะ”กู้หว่านเยว่คิดคำนวณ เวลานี้การก่อสร้างในเจดีย์หนิงกู่เกือบจะเข้าที่เข้าทางแล้ว น้ำมันก๊าดก็ถูกขนส่งมาถึงแล้วถึงพวกเขาจะจากไป เจดีย์หนิงกู่ก็จะไม่ได้รับความเสียหายในเร็ว ๆ นี้หนานหยางอ๋องรีบเอ่ยขึ้น “ข้ามีลูกน้องเก่าจำนวนมาก พวกเขากำลังทยอยเดินทางมาที่นี่รอให้พวกเขามาถึง เจดีย์หนิงกู่ก็จะกลายเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่ง พวกเขาทุกคนจะปกป้องเจดีย์หนิงกู่”กู้หว่านเยว่สูดหายใจเข้าลึก ๆ วางใจได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว“ขอบพระทัยหนานหยางอ๋อง”หนานหยางอ๋องรู้สึกตื้นตันใจ รีบกล่าวขึ้น “พวกเจ้าเป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเจ้าคือนายของข้ายิ่งไปกว่านั้น การไปที่หมู่บ้านโซว่หวางครั้งนี้ ข้าก็จะสนับสนุนพวกเจ้า”หนานหยางอ๋องปรารถนาเพียงสิ่งเดียวคือ แคว้นต้าฉีเจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข“รอให้กงซุนจ่างเย่ฟ
ความคิดนี้อยู่ในใจเพียงชั่วครู่เท่านั้น ในเมื่อกู้หว่านเยว่แต่งงานมีสามีแล้ว ต่อให้อวิ๋นมู่ปรารถนาในใจมากแค่ไหน เขาก็จะยับยั้งชั่งใจเอาไว้“เฮ้อ เจ้านี่นะ ข้าควรจะหาภรรยาให้เจ้าตั้งแต่เนิ่น ๆ ”นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นมองทะลุความในใจของอวิ๋นมู่ จากนั้นส่ายหัวอย่างจนปัญญาเจ้าเด็กไม่เอาไหนนี่ เหตุใดถึงไม่รู้จักควบคุมหัวใจตัวเอง?“ลูกไม่ขออะไรมาก ขอแค่ให้นางปลอดภัยราบรื่น มีความสุข สุขภาพแข็งแรง”อวิ๋นมู่ดูสดใส รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความสุขนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นสีหน้าหม่นหมอง หากนายหญิงกู้ยังไม่แต่งงานหรือหย่าร้างแล้ว เขาคงจะสนับสนุนเต็มที่แต่เห็นได้ชัดว่านางและซูจิ่งสิงรักกันมาก“แย่แล้ว ๆ สายเลือดสกุลอวิ๋นของข้าคงไม่ได้สิ้นสุดตรงนี้หรอกนะ?” นายท่านผู้เฒ่าอวิ๋นคิดวางแผนในใจ ต้องหาภรรยาดี ๆ ให้กับอวิ๋นมู่ให้ได้ภายในห้อง กู้หว่านเยว่เปลี่ยนใจ “ท่านพี่ ข้าว่าจะให้คนสร้างถังเหล็กขึ้นมา เพื่อใส่น้ำมันก๊าด”เดิมทีนางคิดจะซื้อถังเหล็กจำนวนมาก แล้วโยนไปให้พวกชาวหู บอกทุกคนว่าซื้อถังเหล็กพวกนั้นมาจากชาวหูแต่พอคิดดูดี ๆ แบบนี้เหมือนปล่อยให้ชาวหูได้ประโยชน์มากเกินไปการสร้างเครื่องมือเหล็กไม่
จี้ฮั่นโม่หายใจถี่ “หนังสือเล่มนี้มาจากที่ใด?”“ใต้เท้าจี้แค่บอกว่าอยากจะรับงานนี้หรือไม่”ระหว่างทาง ทั้งสองคนได้พูดคุยเกี่ยวกับความสามารถของจี้ฮั่นโม่ ซูจิ่งสิงค่อนข้างเห็นด้วยดังนั้น กู้หว่านเยว่จึงกล้ามอบหมายเรื่องนี้ให้เขาในขณะเดียวกัน ก็เพราะกู้หว่านเยว่อยากจะขี้เกียจบ้าง ถ้าทำเองทุกอย่าง นางจะไม่เหนื่อยตายหรอกหรือยิ่งถึงช่วงหลัง ๆ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการลูกน้อง“อยาก ข้าอยากรับแน่นอน!”จี้ฮั่นโม่ก็มีความมุ่งมั่นเช่นกัน“แต่ว่า ภรรยาและลูกของข้า...”จี้ฮั่นโม่รู้สึกละอายใจเล็กน้อยตอนนี้เขาไม่มีเบี้ยหวัดแล้ว เงินที่พกมาตอนหลบหนีก็ใช้ไปจนเกือบหมดกู้หว่านเยว่มองเห็นถึงความลำบากของเขา จึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะจ่ายเงินเดือนให้ท่านถ้าท่านกังวลว่าภรรยาและลูกของท่านจะไม่มีใครดูแล ก็จ้างคนรับใช้ให้พวกเขา”“นี่ จริงหรือ?”จี้ฮั่นโม่ดีใจอย่างยิ่งสิ่งเดียวที่เขากังวลก็คือเรื่องนี้ กู้หว่านเยว่ก็นึกถึงเช่นกัน เขาจึงไม่ลังเลอีกต่อไป“เรื่องนี้ มอบหมายให้ข้า ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”ทั้งสองคนคุยกันเรื่องเงินเดือนอีกสักหน่อย กู้หว่านเย
“แม้แต่แขนของข้า ก็ถูกพวกเขาฟันขาดความแค้นอันใหญ่หลวงนี้ ข้าจะไม่มีวันลืม!”ดวงตาของมู่หรงอวี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ราวกับปีศาจที่ปีนขึ้นมาจากนรกหลังจากที่หนีออกมาจากภูเขาหิมะ เขาก็ไม่กล้าหยุดพักแม้แต่วินาทีเดียวหนีออกมาจากเจดีย์หนิงกู่เหมือนหมาจรจัด กลัวว่าจะถูกกู้หว่านเยว่ไล่ตามทันเมื่อนึกถึงการหลบซ่อนตัวตลอดในสองวันนี้ มู่หรงอวี้ก็รู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก“ท่านอ๋อง ต่อไปพวกเราจะทำอย่างไรดี?” ลูกน้องหลายคนมองด้วยความความเศร้าโศกพี่น้องมากมาย เหลือเพียงแค่พวกเขา“ไปที่หมู่บ้านโซว่หวาง”มู่หรงอวี้ยิ้มเยาะ “ข้าจะรอพวกเขาที่หมู่บ้านโซว่หวาง แล้วจัดการพวกเขาให้หมดในคราวเดียว!”คิดว่าตัดแขนเขาไปข้างหนึ่ง แล้วเขาจะเป็นง่อยแล้วหรือ?เขายังมีไพ่ตายใบสุดท้าย!มู่หรงอวี้พาลูกน้องขี่ม้าออกไป โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีคนชุดดำคนหนึ่งแอบสะกดรอยตามเขาอยู่ข้างหลัง“...”“กงซุนจ่างเย่ใกล้ฟื้นแล้ว”สองวันมานี้ กู้หว่านเยว่คอยสังเกตความเคลื่อนไหวอยู่ในหอแห่งโอสถมาตลอดหลังจากที่พบว่ากงซุนจ่างเย่ใกล้ฟื้นแล้ว ก็รีบย้ายเขากลับมาภายในห้องในขณะเดียวกัน ก็ดึงเข็มทั้งหมดออกจากตัวเขาด้วย
อาวุธของพวกโจรถูกริบไปจนหมด แต่ละคนจึงมือเปล่าพลธนูบนกำแพงเมืองที่ต้านทานการบุกเมือง ไม่มีธนูแล้ว เหลือเพียงถุงธนูที่ว่างเปล่า“แย่แล้ว มีไส้ศึก!”มีคนตะโกนเสียงดัง ประตูเมืองถูกเปิดแล้วนอกเมืองมีทหารกล้าหนึ่งพันนายของหนานหยางอ๋องที่ซุ่มอยู่แต่แรกบุกเข้ามา“บุก!”“ยึดเมืองเหยา!”“บุกเข้าไป!”ภายในเมืองเต็มไปด้วยแสงไฟ เสียงร้องดังตะโกนไปทั่วฟ้าสางแล้วสงครามก็จบลงแล้วเมืองเหยาหลังสงคราม นองเลือดเละเทะพวกโจรแพ้แล้ว กู้หว่านเยว่กับหนานหยางอ๋องพาทหารกล้าบุกเข้าไป อีกทั้งยังมีสวีซื่อฉวนร่วมมืออยู่ด้านในทำให้พวกโจรแพ้อย่างรวดเร็วทหารเจดีย์หนิงกู่ยึดเมืองเหยาได้แล้วบนกำแพงเมืองเปลี่ยนเป็นธงของเจิ้นเป่ยอ๋องคนชราเด็กสตรีถูกกู้หว่านเยว่ปล่อยตัวออกมาเหล่าหญิงสาวที่ถูกย่ำยี คุมขังอยู่ในจวนเจ้าเมือง ล้วนถูกปล่อยตัวกลับบ้านเมืองเหยาหลังสงครามต้องสร้างขึ้นใหม่กู้หว่านเยว่สั่งให้เปิดยุ้งฉาง แจกจ่ายเสบียงแก่ชาวบ้านในเมืองให้ทางการรวบรวมจำนวนคนตายและบาดเจ็บ จ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวที่ประสบภัยว่าจ้างชาวบ้านให้เข้าร่วมการก่อสร้าง ซ่อมแซมกำแพงเมือง จวน และสิ่งปลูกสร้าง
อาจเพราะเห็นกู้หว่านเยว่เป็นสตรีเช่นกัน พวกหญิงสาวจึงไม่ได้กลัวมากนัก“จอมยุทธ์หญิง ท่าน ท่านมาช่วยพวกเราจริงหรือ?”มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ค่อนข้างใจกล้า เอ่ยถามอย่างระวัง“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่ปลอบประโลม“องครักษ์ข้างนอกถูกข้าฆ่าตายหมดแล้ว อีกเดี๋ยวหลังจากพวกเจ้าออกไป จงไปหาห้องมิดชิดซ่อนตัวซะจำไว้ให้ดี ห้ามออกมาเด็ดขาด รอให้ข้างนอกปลอดภัยแล้วค่อยออกมา”กู้หว่านเยว่นึกถึงบางอย่าง“ใช่สิ พวกเจ้ารู้จักหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อหวังหรานเอ๋อร์หรือไม่?”จู่ๆ นางนึกขึ้นได้ว่าจางเอ้อร์ไหว้วานให้ช่วยตามหาคนหญิงสาวที่เอ่ยขึ้นเมื่อครู่ดวงตาฉายแววแปลกใจ มองกู้หว่านเยว่อย่างตะลึง“ท่านตามหาหวังหรานเอ๋อร์ทำไมหรือ?”กู้หว่านเยว่นำป้ายหยกออกมา“ได้รับการไหว้วานจากสหาย ให้พานางกลับบ้าน”“ป้ายหยกของท่านพ่อ!”หวังหรานเอ๋อร์ทำหน้าดีใจ แล้วคว้าเอาป้ายหยกไปนางพลิกไปพลิกมาในมือ หลังจากแน่ใจว่าเป็นป้ายหยกของบิดา จึงรีบหันมองกู้หว่านเยว่“ข้าคือหวังหรานเอ๋อร์ นี่เป็นป้ายหยกของบิดาข้า ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”กู้หว่านเยว่สีหน้าประหลาดใจช่างบังเอิญเสียจริงนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวที่ดูองอาจตรงหน้าก็คือห
หลังเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา ทั้งหกคนเดินออกมา แล้วคารวะกู้หว่านเยว่“พวกข้าน้อยคารวะพระชายา!”“ดี!”กู้หว่านเยว่ไม่แปลกใจกับบทสรุปเช่นนี้ นางเพียงโบกมือ“รีบลุกขึ้นเถอะ ข้ายังมีธุระสำคัญต้องหารือกับพวกเจ้า”สวีซื่อฉวนรีบพาทุกคนลุกขึ้นยืนกู้หว่นเยว่สั่งงานสวีซื่อฉวนสองเรื่องเรื่องที่หนึ่ง อีกเดี๋ยว นางจะฆ่าซ่งฉิน“ข้าอยากให้เจ้าอาศัยช่วงชุลมุนควบคุมเมืองเหยา แล้วสั่งให้คนเปิดประตูเมือง”เรื่องที่สอง ห้ามทำร้ายคนชรา เด็ก สตรีภายในเมือง“หากทำร้ายคนชรา เด็ก สตรี ให้ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”“ขอรับ!”แต่เดิมสวีซื่อฉวนไม่ใช่คนที่ทำร้ายประชาชนอยู่แล้ว คำสั่งที่สองของกู้หว่านเยว่ ตรงกับเขาพอดีเพียงแต่“ข้างกายซ่งฉินมีองครักษ์ไม่น้อย จะสังหารเขาได้อย่างไร?”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ”กู้หว่านเยว่มองหวังปี้ “เจ้ากลับไปส่งข่าวให้หนานหยางอ๋องเถอะ ยามจื่อให้เขาพาคนมาบุกยึดเมือง”“ขอรับ”สำหรับคำพูดของกู้หว่านเยว่ หวังปี้ไม่แคลงใจแม้แต่น้อยหลังได้รับคำสั่ง รีบจากไปทันที“พวกเจ้าเองก็รีบไปเตรียมการ ประมาณอีกหนึ่งชั่วยามให้หลัง เมื่อได้ข่าวการตายของซ่งฉิน ให้ลงมือทันที”เวลาที่กู้หว่าน
ในเมื่อนับถือเจิ้นเป่ยอ๋อง ย่อมต้องรู้จักพระชายาของพวกเขาเป็นไปตามคาด สายตาของสวีซื่อฉวนหันมองกู้หว่านเยว่“ท่านคือพระชายาเจิ้นเป่ย?”สายตาของสวีซื่อฉวนเปลี่ยนเป็นเลื่อมใส ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจไม่น้อย“หรือเจ้าเคยได้ยินชื่อข้ามาก่อน?”“ชื่อเสียงเรียงนามของพระชายาใครจะไม่เคยได้ยิน ท่านกับท่านอ๋องฝ่าฝันด้วยความรัก ไม่ทอดทิ้งท่านอ๋อง”กู้หว่านเยว่ยิ้ม แต่ไม่ตอบชื่อเสียงของสตรีในภายนอก อย่างไรก็เกิดขึ้นจากบุรุษ“สิ่งที่พระชายาของพวกเราทำได้ ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ชุดเกราะของสามเหล่าทัพ เสบียงของเจดีย์หนิงกู่ ล้วนเป็นฝีมือของพระชายา”หวังปี้ทำหน้าภาคภูมิใจ ทำให้สวีซื่อฉวนต้องหันมอง“ข้าน้อยละเลยเอง”คำพูดกู้หว่านเยว่เปลี่ยนทันใด “ในเมื่อเจ้านับถือเจิ้นเป่ยอ๋องขนาดนี้ เหตุใดไม่พาลูกน้องไปเข้าร่วมกับเขา กลับเข่นฆ่าพวกชาวบ้านในเมืองเหยา?”ใบหน้าสวีซื่อฉวนฉายแววละอายใจ“เพราะข้ามีคดีติดตัว”เดิมทีสวีซื่อฉวนก็เป็นชาวนาที่ขยันทำมาหากินเนื่องด้วยร่างกายแข็งแรงกำยำ ฝีมือไม่เลว เคยไปเป็นบ่าวในครอบครัวใหญ่อยู่ช่วงหนึ่งสรุปคุณชายใหญ่ครอบครัวนั้นเป็นคนเกกมะเหรกเกเร“มีครั้งหนึ่ง เข
เดิมทีหญิงสาวนึกว่าตัวเองจะได้รับการช่วยเหลือ แต่ไม่คิดว่ากลับเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน“เจ้า”สวีซื่อฉวนอยากก้าวไปข้างหน้า แต่ถูกคนของถูเอ้อร์ขวางไว้“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”คนข้างหลังเขาก็ร้อนใจเช่นกัน เมื่อเห็นว่ากำลังจะตีกับถูเอ้อร์ จู่ๆ สวีซื่อฉวนเอ่ยขึ้น “ถอยให้หมด พวกเราไป”“หัวหน้ารอง...” หลายคนไม่พอใจ“ไป”สวีซื่อฉวนหันมองใบหน้าคนชั่วได้ใจของถูเอ้อร์แวบหนึ่ง แล้วกำหมัดแน่น พาคนของตัวเองจากไปอย่างเงียบเชียบ“ถุย คิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้ารองจริงๆ หรือ”ถูเอ้อร์ถุยน้ำลายใส่แผ่นหลังเขาที่จากไป แล้วลากหญิงสาวที่เหลือออกไปหลังจากพวกเขาไปหมดแล้ว บนหลังคามีคนกระโดดลงมาสองคนซึ่งก็คือกู้หว่านเยว่กับหวังปี้ที่ดูอยู่เมื่อครู่“ดูท่าภายในของโจรพวกนี้ ก็ไม่ได้สามัคคีกันมากนัก”หวังปี้กล่าวพร้อมถอนหายใจ“ก่อนหน้านี้ทุกคนอยู่บนเขา เรียกท่านพี่ใหญ่ เรียกข้าพี่รอง เรียกขานกันดุจพี่น้องตอนนี้ยึดเมืองเหยาได้แล้ว จึงคิดอยากเป็นใหญ่ จะยอมแบ่งอำนาจได้หรือ”หวังปี้บ่นพร้อมส่ายหน้า กู้หว่านเยว่เพียงเม้มปากยิ้ม“นี่ก็พอดีเลยไม่ใช่หรือ จะได้ยุยงให้พวกเขาแตกคอกัน”นางดึงหวังปี้ “ไป พวกเ
ก่อนจากมา กู้หว่านเยว่ยัดเงินใส่มือของจางเอ้อร์“ตอนนี้อยู่ข้างนอก อีกทั้งท่านยังบาดเจ็บ มีเงินอยู่กับตัวดีกว่าไม่ดี รับไว้เถอะ”“แม่นางกู้ บรรพบุรุษของข้าจางเอ้อร์ทำบุญด้วยอะไร ถึงได้มารู้จักกับท่าน”จางเอ้อร์ชั่งน้ำหนักเงินที่อยู่ในมือซึ่งน้ำหนักค่อนข้างมาก น้ำเสียงสะอื้น แล้วมองทั้งสองจากไป“พระชายา เหลือเวลาไม่มากแล้ว พวกเรารีบไปเมืองเหยากันเถอะ”หวังปี้เอ่ยเตือน ในไม่ช้าทั้งสองคนมาถึงนอกเมืองเหยาขณะนี้ภายในเมืองเหยาเงียบสงัดบนถนนเต็มไปด้วยศพที่นอนเกลื่อนกลาด ในอากาศกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เลือดไหลมาบรรจบกันดุจแม่น้ำสายเล็กแล้วไหลลงสู่คูเมือง จนทำให้แม่น้ำกลายเป็นสีแดงฉานร้านรวงสองข้างทางถูกปล้นจนว่างเปล่า ถูกทำลายบ้าง ถูกเผาบ้างภายในจวนเจ้าเมือง มีหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง กอดกันร้องไห้ส่วนมากพวกนางเป็นหญิงชาวบ้านในเมืองถูกโจรจับมาไว้ในจวน เพื่อให้พวกมันย่ำยี“ข้าอยากกลับบ้าน...”“ท่านพ่อท่านแม่ตายแล้ว พี่น้องก็ตายหมดแล้ว”“พวกเรายังมีบ้านหรือ?”“ไม่มี ไม่มีบ้านแล้ว ไม่มีบ้านอีกต่อไปแล้ว...”จากนั้นเสียงร้องไห้ดังขึ้นระงมขณะนี้ นอกประตูมีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามากะทันหันแ
แต่นึกไม่ถึงว่าทำดีไม่ได้ดี ความเมตตานี้กลับถูกคนชั่วหลอกใช้หลังจากเอ้อร์คำนับเสร็จ ก็ยันตัวลุกขึ้นยืนกู้หว่านเยว่ตรวจดูอาการของเขาสักครู่“ข้ากับแม่ทัพหวังยังมีธุระต่อ เกรงว่าคงอยู่ดูแลเจ้าที่นี่ไม่ได้ ที่นี่มีเงินถึงหนึ่ง เจ้ารับไป แล้วหาที่รักษาตัวเถอะ”กู้หว่านเยว่นำก้อนเงินเล็กถุงหนึ่งยื่นให้จางเอ้อร์จางเอ้อร์เห็นถุงก้อนเงินเล็กขอบตาแดงไปหมด มองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาตื้นตันในยามนั้นการทำดีตอนเนรเทศ วันนี้ถือว่ามีส่วนช่วยเขาอย่างใหญ่หลวง“แม่นางกู้”แต่ว่าเขาไม่ได้ยื่นมือไปรับถุงก้อนเงินเล็กมา“พวกท่านจะไปเมืองเหยาหรือ?”กู้หว่านเยว่สบตากับหวังปี้แวบหนึ่ง เนื่องจากจางเอ้อร์ไม่ใช่คนเลว ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ปิดบัง แต่ว่าทัพใหญ่ของหนางหยางอ๋องตั้งค่ายอยู่ในภูเขาเหยา ทั้งสองไม่ได้เปิดเผยให้รู้“ถูกต้อง พวกเราสองคนต้องไปทำธุระในเมืองเหยา”“พาข้าไปด้วยได้หรือไม่?” จางเอ้อร์ถามหยั่งเชิงคราวนี้กู้หว่านเยว่ไม่ลังเล ส่ายหน้าทันที“ท่านคงยังไม่รู้สถานการณ์ในเมืองเหยา เมืองเหยาถูกพวกโจรโจมตีแล้ว ตอนนี้พวกโจรกำลังฆ่าคนไปทั่วเมือง คนทั่วไปเมื่อเข้าไปก็จะไม่ได้ออกมาอีกอีกอย่าง
ไม่ว่าเขาจะเรียกร้องอย่างไร หัวหน้าสำนักคุ้มภัยหวังก็เหมือนคนนอนหลับ ไม่มีการตอบสนองสักนิด“จางเอ้อร์ หักห้ามใจเถอะ”หวังปี้ถอนหายใจ พร้อมเอ่ยเตือนเขาเข้าใจอาการคลุ้มคลั่งในยามนี้ของจางเอ้อร์ดี เพียงแต่ คนตายไม่อาจฟื้นคืน“ข้าผิดคำพูดแล้ว”ในใจจางเอ้อร์เสียใจอย่างที่สุดเขาเคยรับปากหัวหน้าสำนักคุ้มภัยหวังว่าจะช่วยเขา“ข้าจะทำแผลให้ท่านก่อน”กู้หว่านเยว่นำขวดยาและผ้าพันแผลที่ติดตัวมา ทำแผลให้จางเอ้อร์“ขอบคุณแม่นางกู้”จางเอ้อร์น้ำตาร่วงต่อให้ในใจจะเสียใจเพียงใด เขาก็รู้ว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงบาดแผลบนตัวจางเอ้อร์ค่อนข้างลึก กู้หว่านเยว่ทำแผลได้เพียงเบื้องต้น เพื่อไม่ให้บาดแผลอักเสบ“ท่านลุกขึ้นยืนได้หรือไม่?”หลังทำแผลเสร็จ กู้หว่านเยว่สอบถามนางและหวังปี้ต้องเข้าไปสืบข่าวในเมืองเหยา จึงดูแลจางเอ้อร์เป็นเวลานานไม่ได้“ข้า ข้าพอยืนได้”หลังกินยาของกู้หว่านเยว่เข้าไป เรี่ยวแรงของจางเอ้อร์ฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง“ยืนได้ก็ดีแล้ว ใช่สิ สำนักคุ้มภัยของพวกท่านพบเจอเรื่องใดหรือ ถึงได้ล้มตายกันหมดเช่นนี้?”กู้หว่านเยว่สอบถาม เมื่อครู่ระหว่างทำแผลให้จางเอ้อร์ นางมองสำรวจโดยรอบพ
เขาโกรธจนกำหมัดแน่นเพื่อให้ทหารระบายความแค้น ก่อนและหลังโจมตีเมือง บางกองทัพจะฆ่าล้างบางชาวบ้านหนึ่งเพื่อข่มขวัญผู้คนที่อยู่ในเมืองสองเพื่อให้เหล่าทหารผ่อนคลายเพียงแต่หนางหยางอ๋องและซูจิ่งสิงปกครองอย่างเข้มงวด ไม่เคยปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น“พวกเราไปก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ทนดูไม่ได้อีกต่อไป จึงเก็บสายตากลับมาเงียบๆตั้งแต่โบราณผู้ที่ทุกข์ร้อนในศึกสงครามก็คือชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ขณะที่ทั้งสองเตรียมจากไป จู่ๆ ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแผ่วเบามาจากถนนสายเล็กด้านข้าง“ทางนั้นเหมือนจะมีคน”หวังปี้รีบหันมองทันที“ไป พวกเราไปดูสักหน่อย” กู้หว่านเยว่ลากหวังปี้เข้าไปตรวจดูด้วยกัน ปรากฏว่าเห็นคนสองคนล้มอยู่ในพงหญ้าบนตัวทั้งสองคนเต็มไปด้วยเลือด บนตัวมีบาดแผลจากดาบไม่น้อย“น้องเล็ก ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาน่าจะเป็นคนของสำนักคุ้มภัย”หวังปี้เปลี่ยนสรรพนามอย่างระวัง กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดินไปหาคนที่ขอความช่วยเหลือนางรู้สึกว่าเสียงของคนผู้นี้คุ้นหูอยู่บ้างพอดีกับที่ชายผู้นั้นเห็นว่ามีคนเข้ามา จึงรีบมองไปทางพวกกู้หว่านเยว่เมื่อทั้งสองสบตากัน ต่างชะงักไปทันใด กู้หว่าน