สิ่งที่กู้หว่านเยว่คิดก็คือ ครั้งนี้มู่หรงอวี้พาคนมาจำนวนมาก วางสายลับไว้ในหมู่บ้านสือหานเรียบร้อยแล้วหากนางและซูจิ่งสิงเดินเข้าหมู่บ้านไปอย่างหยิ่งยโส คนของมู่หรงอวี้ย่อมต้องค้นพบพวกเขาแน่นอนถ้าให้อวิ๋นมู่พาผู้เฒ่าอวิ๋นเข้าหมู่บ้านไปก่อน แล้วนางกับซูจิ่งสิงค่อยเดินตามเข้าไปเงียบๆ คงจะดีกว่าด้วยวิธีนี้ ศัตรูก็จะอยู่ในที่สว่าง ส่วนพวกเราก็จะอยู่ในที่มืด ลงมือกระทำการง่ายกว่า“พอเจ้าไปถึงบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านก็บอกเขาว่าเจ้าเป็นคนของเขา หัวหน้าหมู่บ้านย่อมปล่อยให้เจ้าเข้าไปแน่นอน”อวิ๋นมู่ถูกคำว่า “คนของข้า” ทำให้สั่นไหว จากนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว“ได้เลย ข้าฟังเจ้า”ในเมื่อกู้หว่านเยว่เตรียมการไว้เช่นนี้ นางย่อมต้องมีเหตุผลของนาง อวิ๋นมู่จึงเลือกที่จะเชื่อฟังโดยดีกู้หว่านเยว่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แล้วหันไปขอให้ชิงเหลียนและหงเจาพาพวกเขาไปหาหัวหน้าหมู่บ้านโจวหลังจากนั้น นางและซูจิ่งสิงพร้อมกับฉู่เฟิง ก็แอบเข้าไปในหมู่บ้านสือหานอย่างเงียบๆ ทั้งสองเดินเท้ากลับบ้านในเวลานี้ บ้านมุงจากหลังเดิมที่ตีนเขาด้านหลังถูกรื้อ แทนที่ด้วยบ้านอิฐเป็นที่เรียบร้อยกู้หว่านเยว่ตาม
แต่กู้หว่านเยว่ยืนกรานที่จะช่วยเหลือซูจิ่งสิง อีกทั้งครั้งนี้มู่หรงอวี้ แตะโดนเส้นตายของนางแล้ว“ก่อนที่จะไป ท่านไปบอกคนอื่นให้พวกเขาหลบเลี่ยงด้วยนะเจ้าคะ จะได้ไม่ต้องโดนลูกหลงไปด้วย”ลูกสะใภ้หลักแหลม ซูจิ่งสิงก็ปกป้องเท่าชีวิต ผู้เฒ่าทั้งสองทำอะไรไม่ได้แล้ว“เอาล่ะ พวกเราฟังเจ้า แต่เจ้าต้องระวังนะ หากพ่ายแพ้ก็กลับมาซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ด้วยกัน”ขณะที่พูด ใบหน้าของนางหยางก็ยังคงเต็มไปด้วยความกังวลพวกเขาทั้งสองไม่รู้ว่ากู้หว่านเยว่มีความสามารถอะไร ดังนั้นการเป็นกังวลเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องปกติส่วนกู้หว่านเยว่ก็ที่จะอธิบาย คงไม่อาจบอกทั้งสองคนได้ตนเองมีมิติในร่าง ไม่มีทางเป็นอะไรกระมัง?เวลาไม่คอยท่า ทั้งสองอธิบายให้นางหยางและซูจิ้งเสร็จแล้วนางหยางก็ออกไปบอกครอบครัวอื่นๆ ให้ผู้ญิงและเด็กเล็กซ่อนตัวให้ดี โดยเฉพาะตระกูลเหยียนที่ไม่มีวรยุทธ์ ย่อมต้องซ่อนไว้ให้มิดชิดเมื่อเห็นนางหยางและซูจิ้งเข้าไปในอุโมงค์แล้ว กู้หว่านเยว่ก็พาซูจิ่งสิงไปที่ห้องของพวกเขานี่ก็คือห้องนอนใหญ่ของพวกเขาในระหว่างก่อสร้าง กู้หว่านเยว่ได้ออกแบบไว้โดยเฉพาะไว้บนภาพวาด เป็นห้องสำหรับพวกเขาสองคนเตียงนุ่
กู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงให้นอนลงบนเตียง แอบรอให้คนของมู่หรงอวี้มาถึงไม่รู้ว่ารอนานแค่ไหน บนเตียงหลังนุ่มที่รองรับหลัง จู่ๆ ซูจิ่งสิงก็สะกิดกู้หว่านเยว่ที่เคลิ้มหลับไปเบาๆ“น้องหญิง พวกเขามาแล้ว”กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟัง ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกหน้าต่างจากนั้น กระบี่เล่มคมก็พุ่งเข้ามาจากด้านนอก ซูจิ่งสิงทะยานเข้าไป คว้ากระบี่เอาไว้แล้วโยนทิ้งทันที“พวกเราออกไปกันเถอะ”พวกเขาทั้งสองลุกจากเตียง เดินออกไปข้างนอก ในเวลานี้ คนในชุดดำจำนวนนับไม่ถ้วนกรูเข้ามาจากด้านนอกกำแพงลาน ล้อมรอบลานทั้งหมดไว้อย่างสมบูรณ์“หวายหนานอ๋อง ท่านคิดจะทำอะไร?”กู้หว่านเยว่เลียนแบบเสียงของนางหยาง ถามด้วยความตื่นตระหนก“เหอะ นางหยาง โทษก็โทษที่เจ้าให้กำเนิดลูกชายดี กลายมาเป็นปรปักษ์กับข้าเถอะ เด็กๆ จับพวกเขาเอาไว้”มู่หรงอวี้ขี้เกียจเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระ จึงออกคำสั่งให้คนของตนทั้งหมดลงมือทันทีองครักษ์ลับของซูจิ่งสิงและคนของหนานหยางอ๋องก็ออกมาแล้วเช่นกัน พวกเขากำลังต่อสู้กับคนของมู่หรงอวี้อย่างไม่มีใครยอมใครทว่า หากมองดูดีๆ แล้ว คนในฝั่งของซูจิ่งสิงนั้น คล้ายจะแข็งแกร่งกว่าท้ายที่สุดแล้ว องคร
ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องนี้ กู้หว่านเยว่ยังคงกลัวว่าการฆ่ามู่หรงอวี้จะดึงดูดความสนใจของฮ่องเต้ชั่ว กลายเป็นตัวจุดชนวนสงครามขึ้นมาได้แต่ในเวลานี้ มู่หรงอวี้ถึงขั้นกล้าบุกมาที่บ้าน!นางไม่อาจสนใจอะไรได้มากกว่านี้แล้วหากไม่ใช่ว่านางกับซูจิ่งสิงรู้ข่าวก่อน วันนี้จะเกิดอะไรขึ้น?มู่หรงอวี้ที่มาพร้อมกับอาวุธลึกลับ และหมู่บ้านสือหานที่มีแนวโน้มจะถูกเขาทำลายล้างผลลัพธ์นี้ เป็นสิ่งที่กู้หว่านเยว่ไม่กล้าจินตนาการโดยเฉพาะความโหดร้ายของมู่หรงอวี้ หากนางหยางและซูจิ้งตกอยู่ในมือของเขา ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะตายไร้ที่กลบฝังกู้หว่านเยว่รักญาติสนิทเหล่านี้มาก และการเคลื่อนไหวของมู่หรงอวี้ ก็เหยียบลงบนเส้นตายของนางอย่างไม่ต้องสงสัย“ให้ฉู่เฟิงกับหวังปี้ตามพวกเรามา ส่วนที่เหลืออยู่เก็บกวาดที่นี่เสีย”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง โยนซากปืนไฟกลับไปในพื้นที่มิติ แล้ววิ่งตามมู่หรงอวี้ไปทันทีเวลานี้ มู่หรงอวี้หวาดกลัวจนแทบหมดสติโชคดีที่เขาเจ้าเล่ห์มากพอ แม้ว่าจะเข้ามาเพื่อล้อมหมู่บ้านสือหานไว้ แต่เขาก็ยังคงมีกองกำลังเสริมรออยู่ข้างนอกที่ประตูรถม้ากำลังรออยู่หลังจากวิ่งขึ้นรถม้าแล้ว มู่หรงอวี้ก็ไม่ม
ในเวลานี้ มู่หรงอวี้ในรถม้าแสนตระหนก รถม้าลึกเข้าไปในหุบเขา เพื่อเอาชีวิตรอด ที่ใดมีทางถนนพวกเขาก็พุ่งไปที่นั่นเหมือนดั่งแมลงวันไร้หัวที่บินอยู่ในหุบเขาก็มิปาน“ด้านหน้ามีถ้ำอยู่”มู่หรงอวี้บังเอิญวิ่งเข้าไปในถ้ำที่กู้หว่านเยว่เก็บเสบียงเอาไว้หลังจากทำการขนย้ายมาหลายวัน เสบียงอาหารทั้งหมดในถ้ำก็ถูกส่งไปยังเมืองตะวันไม่ตกดินแล้วในเวลานี้ ถ้ำแห่งนี้ว่างเปล่า ยกเว้นเพียงถุงอาหารบางส่วนเท่านั้นมู่หรงอวี้มองไปที่ถุงข้าวเหล่านั้น สงสัยอย่างสุดซึ้ง“นี่เป็นเสบียงที่ซ่อนอยู่ในคลังส่วนตัวของข้าไม่ใช่หรือ?”มันมีตราประทับของเขาอยู่ด้วย ไม่ผิดแน่“เหตุใดเสบียงในคลังส่วนตัวของข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”สิ่งนี้ทำให้มู่หรงอวี้ตกอยู่ในภวังค์เล็กๆ ก่อนหน้านี้เขาก็เดาไว้ว่า ไม่ว่ากู้หว่านเยว่ไปที่ไหน คลังส่วนตัวของเขาก็จะว่างเปล่าตอนนั้น เขาก็สงสัยในตัวกู้หว่านเยว่มานานแล้วแต่สงสัยก็ส่วนสงสัย ตอนนี้จะมีอะไรแน่นอนได้อีก?มู่หรงอวี้โกรธมากจนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดทว่า อย่างไรเขาก็ยังไม่ไขกระต่าง สองคนนี้มีความสามารถถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?“ออกไปก่อน!”ยังไม่ทันได้โกรธ มู่หรงอวี้ก็ต้อ
ซูจิ่งสิงไม่มีเวลามาโต้เถียงกับเขา พูดอย่างเย็นชา“จะถึงหูฝ่าบาทหรือไม่ ก็ไม่มีผลอะไรกับข้า”“เจ้า หรือเจ้าคิดจะก่อกบฏ?”ทันทีที่มีการคาดเดานี้ผุดขึ้นมา มู่หรงอวี้ก็ตื่นตระหนกแล้วจริงๆหากซูจิ่งสิงคิดกบฏ ราชวงศ์ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ต้องเกรงกลัวในขณะเดียวกัน ฐานะอ๋องเองก็ไม่สามารถเป็นเครื่องรางช่วยชีวิตของเขาได้อีกต่อไปแววตาของเขา ในที่สุดก็เต็มไปด้วยความกลัว “ซูจิ่งสิง มีเรื่องอันใดค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากันเถอะ”ซูจิ่งสิงยังคงพูดคำเดิม“คายทุกเรื่องที่เจ้าทำกับตระกูลซูหลายปีนี้ออกมา แล้วข้าจะพิจารณาปล่อยเจ้าไป”“ข้าพูด ข้าพูดแล้ว”เกี่ยวกับปัญหานี้ มู่หรงอวี้ไม่มีอะไรไม่กล้าพูด รีบพูดว่า“ข้าไม่ได้ทำอะไรกับตระกูลซูเลยจริงๆ ข้าเคยพยายามเอาชนะเจ้ามาก่อน เคยไล่ฆ่าพวกเจ้ามาตามทาง แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นความประสงค์ของฝ่าบาท ไม่เกี่ยวข้องกับข้า…”ซูจิ่งสิงหรี่ตาลง“ฮ่องเต้ออกคำสั่ง เหตุใดเจ้าถึงไล่ตามข้าไม่ลดละเล่า?”“เป็นเถาเออร์!”“นางบอกข้าว่า โลกนี้เป็นหนังสือนิยายที่นางเขียนขึ้นมาด้วยตนเอง และข้าก็ควรจะได้เป็นฮ่องเต้ตามต้นฉบับเหตุผลที่ข้ามาอยู่ในจุดนี้ ก็เพราะเจ้ากับกู้หว่
“พวกเจ้าคงจะยังไม่รู้สินะว่าในตัวของหนานหยางอ๋องนั้นมียาพิษ”เรื่องที่หนานหยางอ๋องโดนวางยาพิษ กู้หว่านเยว่รู้อยู่ก่อนแล้ว เพราะนางเป็นคนถอนยาพิษนี้เองกับมือ“หากเป็นความลับนี้ ก็ต้องขอโทษด้วย มันไม่ได้มีผลกับข้า” กู้หว่านเยว่โบกมือไปมา“ว่าอย่างไรนะ? ช้าก่อน ข้ายังมีอีกเรื่อง” มู่หรงอวี้เอือมระอากับการรับมือที่ยากเย็นกับกู้หว่านเยว่เต็มทน แต่เพื่อปกป้องตัวเอง เขาจะต้องประกาศเรื่องที่ตนรู้ทั้งหมดออกมาให้จงได้“ยังมีอีกเรื่อง ข้ารู้ว่าฝ่าบาททรงทำลายหมู่บ้านโซว่หวางทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและอ๋องจินในเหอตง”“อ๋องโซว่ก็คือกงซุนจ่างเย่ เขาคอยดูแลหมู่บ้านโซว่หวางที่ตั้งอยู่ในทุ่งหญ้าทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนอ๋องจินคอยดูแลเกี่ยวกับถ่านหินที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งพวกเขาไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนสักเท่าไหร่”ซูจิ่งสิงคอยอธิบายอยู่ข้างหูของกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ฮ่องเต้ที่ขึ้นครองราชย์อยู่ในตอนนี้ก็คือบุตรบุญธรรม ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่สายเลือดเชื้อพระวงศ์โดยตรง ดังนั้นเขาจึงเกิดความกังวลมาตลอดว่าบัลลังก์ที่เขากำลังขึ้นครองอยู่นี้จะถูกใครคนอื่นช่วงชิงตลอ
เมื่อเห็นแขนที่ขาดยังคงคาอยู่บนมือของกู้หว่านเยว่ นางรีบทิ้งมันไปด้านข้างทันทีในขณะที่กำลังคิดจะวาบตัวตามไปนั้น นางกลับถูกซูจิ่งสิงที่ไล่ตามมาทันขวางไว้เสียก่อน“น้องหญิง อย่าเข้าไป ในนั้นมันอันตราย!”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วแน่น คว้านางอย่างไม่คิดชีวิตภูเขาหิมะจะถล่มลงมาเมื่อไหร่ก็ได้“หลิวจ้งชางล่ะ?”“ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว”เมื่อรู้ว่าหลิวจ้งชางตายแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ทอดถอนใจ จากนั้นก็จ้องเขม็งไปยังทิศทางที่มู่หรงอวี้หายตัวไปด้วยสีหน้าจนปัญญา“หิมะก้อนนี้เป็นฝีมือของหลิวจ้งชาง มู่หรงอวี้ เจ้าช่างโชคดียิ่งนัก!”ปล่อยให้เขาหนีรอดไปก่อนแต่การตัดมือหนึ่งข้างของอีกฝ่าย นับว่าเป็นกำไรมหาศาลมู่หรงอวี้ที่เสียมือไปแล้วหนึ่งข้าง หากคิดจะกลับมาเป็นใหญ่อีกครั้ง คงยาก“เรากลับกันก่อนเถอะ”ทั้งสองคนกลับไปตามเส้นทางเดิม ทันทีที่พวกเขากลับมาถึงถ้ำก็พบว่าศพของหลิวจ้งชางและคนอื่น ๆ ถูกเผาไปจนหมดแล้วจากนั้นก็เร่งเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านสือหานเวลานี้คนของมู่หรงอวี้ยังคงสู้อยู่กับองครักษ์ลับกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงจึงต้องลงมืออีกครั้ง เก็บกวาดทุกคนจนเกลี้ยงสุดท้ายทั้งสองคนก็พานางหยางและ
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่