นางพยักหน้าหงึกหงัก เพราะไม่อยากโต้แย้งกับซูจิ่งสิงอีก “ได้ เช่นนั้นข้าพักผ่อนอยู่ในห้องก็ได้ ท่านจงคิดไตร่ตรองให้ดี หากมีเรื่องอะไรแก้ไขไม่ได้ รีบบอกข้า”กล่าวจบ นางก็แทรกตัวเข้าไปในผ้าห่ม แต่เพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไปซูจิ่งสิงมองใบหน้าด้านข้างของกู้หว่านเยว่ ด้วยความสงสารและรู้สึกขบขันไปพร้อมกันเขาโน้มตัวลงมาจุ๊บหน้าผากของสตรีผู้เป็นที่รักเบา ๆ น้องหญิงของข้าดูถูกเขาเกินไปจริง ๆ การเก็บงานเช่นนี้ เขาจะทำออกมาไม่ดีได้อย่างไรแต่ในขณะเดียวกันซูจิ่งสิงก็รู้ว่ากู้หว่านเยว่เป็นห่วงเขาอยู่ลึก ๆ ในใจ ถึงได้กังวลทุกรายละเอียดเช่นนี้เขามีอะไรดีนะ ถึงได้มีภรรยาที่แสนดีถึงเพียงนี้ครั้งนึกถึงคำกล่าวของมู่หรงอวี้ นัยน์ตาของซูจิ่งสิงก็อดฉายแววลึกล้ำไม่ได้ในตัวภรรยาของเขามีความลับมากมายแต่ไม่เป็นไร ต่อให้เขาไม่รู้อะไรเลย เขาก็จะปกป้องนางให้ถึงที่สุดซูจิ่งสิงทอดถอนใจอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานก็เหาะเหินออกไปหลังจากที่ยุ่งมาตลอดตั้งแต่เช้าจรดเที่ยงคืน บุรุษได้กลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาต้องย่องขึ้นเตียง และแทรกตัวเข้าไปกอดกู้หว่านเยว่เช้าวันรุ่งขึ้น กู้หว่านเยว่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยคว
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แสงดาบเงากระบี่เหล่านั้น ตอนที่ข้ามาถึงที่นี่ ก็ยังเห็นคราบเลือดที่เจิ่งนองอยู่บนถนน แม่นางน้อยกู้ นายท่านซู พวกเจ้าช่วยบอกความจริงกับข้าเถิด พวกเจ้ามีศัตรูมาแก้แค้นใช่หรือไม่?”ผู้ใหญ่บ้านโจวถึงกับปาดเหงื่อโชคดีที่หมู่บ้านสือหานยังมีอากาศที่หนาวเหน็บ ตกดึกจึงไม่มีชาวบ้านออกมาเพ่นพ่านมิเช่นนั้นสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็อาจจะพลาดโดนชาวบ้านบาดเจ็บไปแล้วก็ได้หากสองคนนี้ดึงดูดศัตรูเข้ามาจริง ๆ เขาคงต้องโน้มน้าวให้พวกเขาออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า“บัดนี้ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านสือหานแล้ว ข้าต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของชาวบ้านก่อนเสมอ เจ้าอย่าโกรธข้าเลย”กู้หว่านเยว่จะโกรธได้อย่างไร?สาเหตุที่แนะนำผู้ใหญ่บ้านโจวให้มาเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านสือหานนั้นเพราะรู้สึกว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์ มีความจริงใจต่อชาวบ้านบัดนี้เขากล้ากล่าวเรื่องนี้กับกู้หว่านเยว่ นั้นก็แสดงให้เห็นว่านางมองคนไม่ผิดจริง ๆ “เมื่อคืน มีศัตรูบุกเข้ามาแก้แค้นจริง ๆ”กู้หว่านเยว่เห็นว่าผู้ใหญ่บ้านโจวถึงกับสำลักน้ำชา จึงรีบกล่าวเสริมทันทีว่า“แต่ศัตรูเห
“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงออกมาเร็วเช่นนี้?”โจวลิ่วหลางที่ยืนอยู่หน้าประตูแสดงสีหน้าตื่นตระหนกเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อเดินออกมา เดิมทีตนคิดว่าผู้ใหญ่บ้านโจวจะต้องอยู่ด้านในนานกว่านี้“แม่นางกู้และคุณชายซูไม่เหมือนกับแต่ก่อนแล้ว”ผู้ใหญ่บ้านโจวปาดเหงื่อบนหน้าผาก“ต่อไปหากพวกเขาออกคำสั่ง เราแค่ทำตามก็พอ ไม่ต้องถามเรื่องอื่น”โจวลิ่วหลางอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ข้าอยากถามแม่นางกู้ อวิ๋นเหนียงตั้งครรภ์แล้ว ข้าต้องทำอย่างไร”“เรื่องนี้ยังต้องถามอะไรอีก เจ้าก็พาก็ไปหาหมอที่อำเภอสิ ไอหยา หากไม่ใช่เพราะแม่นางกู้ ภรรยาของเจ้าคงไม่ตั้งครรภ์ ข้าก็คงไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน การที่ครอบครัวของเราได้เจอกับแม่นางกู้ มันคือโชคชะตา....”ผู้ใหญ่บ้านโจวคิดว่ากู้หว่านเยว่คือเจ้าเมืองของเจดีย์หนิงกู่ เขาจึงลากตัวโจวลิ่วหลางจากไปเงียบ ๆ โดยไม่ฟังอะไรทั้งนั้นเมื่อส่งผู้ใหญ่บ้านโจวแล้ว กู้หว่านเยว่ก็กินอาหารเช้า หลังจากกินเสร็จนางตั้งใจว่าจะเรียนวิธีการสร้างถนนปูซีเมนต์ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘อยากมั่งมีก็ต้องสร้างถนนก่อน’มีเพียงพ่อค้าที่สร้างถนนเท่านั้นถึงจะติดต่อสื่อสารได้ ทำการซื้อขายได้ ทำให้กิจกา
พระชายาหนานหยางไม่ใช่คนใจร้อน การให้เมี่ยชิงหว่านรีบมาเชิญนางเช่นนี้ กู้หว่านเยว่รู้สึกไม่ชอบมาพากล“พระชายาไม่สบายตรงไหนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”“เล็กน้อย”เดิมทีพระชายาหนานหยางอยากตรัสเบา ๆ แต่นางกลับพยักหน้าแรงเกินไป“รู้สึกไม่สบายตัว ปวดร้าวจนทนไม่ไหว ดื่มโอสถของท่าน ถึงจะคลายความเจ็บปวดได้”นี่คือสิ่งที่กู้หว่านเยว่คาดการณ์ไว้แล้วคราวที่แล้วนางเคยตรวจอาการให้พระชายาหนานหยางแล้ว นางมั่นใจว่าไม่มีปัญหาในช่วงนี้แน่นอน จึงได้จัดยาแก้ปวดให้นาง คิดไม่ถึงว่าเพียงระยะเวลาสั้น ๆ นางจะทรุดหนักเช่นนี้อาการป่วยกำเริบเป็นเรื่องปกติ กู้หว่านเยว่ไม่ได้กังวลเพียงนั้น“พระชายานั่งลงก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะตรวจให้ท่าน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งเล็กน้อย จากนั้นก็กดท้องของพระชายาหนานหยางเพื่อตรวจอาการ“ปวดมาก”สีหน้าของพระชายาหนานหยางเริ่มเปลี่ยนไป แต่ก็พยายามซ่อนเร้นมันไว้ในระหว่างการตรวจ“หนักหน่วงเล็กน้อย เช่นนี้ละกัน ข้าจะตรวจอาการให้ท่านก่อน”สิ่งที่กู้หว่านเยว่คิดคือ ไหน ๆ นางก็มาแล้วไม่สู้ถือโอกาสนี้แสดงให้พระชายาหนานหยางเห็นว่านางก็ทำการผ่าตัดได้หรือไม่ได้หากทำได้ นางก็จะทำให้ทันทีหากทำไ
“เจ้านี่เอง”เมื่อหมุนตัวกลับไป ลั่วยางที่กำลังถือตะกร้าไม้ไผ่ไว้สำหรับตากสมุนไพรก็กำลังมองนางด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“ความจำของเจ้ากลับมาแล้ว”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่ตอบสนองทันทีที่เจอกับนาง“ใช่”ลั่วยางได้สติ สายตาที่ฉายแววไม่เป็นมิตรก็พลันจากหายไป โดยมีความไร้ยางอายเข้ามาแทนที่“ข้าได้ยินอาจารย์บอกว่าเจ้ากับซูจิ่งสิงคือคนที่ช่วยชีวิตข้า ห้องโอสถแห่งนี้เป็นของพวกเจ้า อีกทั้งพวกเจ้าก็ยังช่วยเหลืออาจารย์อีกด้วย”กล่าวได้ว่า บัดนี้ลั่วยางก้ได้รับการช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่เช่นกัน“ขอบใจเจ้ามาก”ลั่วยางหน้าแดงก่ำ“ก่อนหน้านั้นข้ายังเด็กนัก ทั้งยังถูกมู่หรงอวี้เป่าหูให้มาต่อต้านพวกเจ้า คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วพวกเจ้าก็ยังเลือกที่จะช่วยชีวิตข้าโดยไม่คำนึงถึงความแค้นในอดีต ข้าติดหนี้พวกเจ้า”“ไม่ต้องเกรงใจ มันคือสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว”กู้หว่านเยว่มองนางแวบหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าไปหาสมุนไพรต่อเมื่อลั่วยางเห็นท่าทางเย็นชาของนาง สีหน้าของลั่วยางก็เริ่มเปลี่ยนไป นางจมอยู่ในความคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะวางสมุนไพรและเดินตามเข้าไปจากนั้นก็อธิบายว่า“อาจารย์และหวงเหล่า
กู้หว่านเยว่ชื่นชมยิ่งนัก แม้ว่าต้าฉีจะยังไม่มีแนวคิดในการผ่าตัด แต่ความคิดของปรมาจารย์แพทย์นั้นถูกต้อง สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์แพทย์“วิธีที่ข้าจะรักษาให้พระชายาหนานหยางก็คือวิธีการที่อาจารย์ของเจ้าได้กล่าวไว้ นั้นคือการผ่าตัด”ลั่วยางเบิกตากว้าง ในตอนที่อาจารย์บอกวิธีนี้กับนาง นางรู้สึกว่ามันเป็นงานที่ใหญ่เกินตัวนางมาก“ส่วนล่างเป็นส่วนที่สกปรกง่ายที่สุด หากแผลติดเชื้อขึ้นมา มีโอกาสทำให้เกิดไข้สูง และตายในทันที”ลั่วยางคิดว่าในเมื่อกู้หว่านเยว่มีทักษะการแพทย์สูงกว่านาง ดังนั้นกู้หว่านเยว่ไม่มีทางไม่รู้เหตุผลนี้“หากเป็นบุรุษที่มีร่างกายแข็งแรง อาจจะฝืนได้ แต่พระชายาหนานหยางเป็นสตรีที่มีร่างกายอ่อนแอ ย่อมทนไม่ได้”เมื่อกู้หว่านเยว่เห็นลั่วยางเกิดความสงสัย จึงไม่ได้ร้อนใจ ตรงกันข้ามกลับคลี่ยิ้มพลางกล่าว“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีสองวิธีที่สามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้”ลั่วยางไม่รู้ นัยน์ตาของนางเปล่งประกาย และกล่าวถามอย่างร้อนใจ“วิธีอะไร?”“การฆ่าเชื้อและยาปฏิชีวนะ”กู้หว่านเยว่หยิบกระเป๋ายาออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก “หากเจ้าอยากรู้ ก็ต้องมาเป็นลูกมือให้ข้า”ลั่วย
“ดังนั้นเจ้าต้องฟื้นขึ้นมา”“แต่เขาตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว....”“หลายปีมานี้ เขาไม่เคยแต่งงานเลย”หนานหยางอ๋องตบหลังมือของอีกฝ่ายเบา ๆ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นประโยคเดียวทำให้พระชายาเบิกตากว้าง จากนั้นน้ำตาก็ไหลริน และกำลังจำถามอะไรบางอย่างเวลานี้กู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่หน้าประตูได้กล่าวว่า “ได้เวลาอันสมควรแล้ว ข้าต้องฉีดยาชาให้พระชายาแล้ว”“เช่นนั้นข้าขอตัว”หนานหยางอ๋องรีบออกไปอย่างรู้งาน กระทั่งได้ยินเสียงใส่กลอนจากด้านนอกประตู มั่นใจว่าไม่มีใครเข้ามาแล้วกู้หว่านเยว่จึงหยิบยาสลบในกล่องยาออกมา และป้อนให้พระชายาหนานหยาง“แม่นางกู้ ข้าเชื่อใจเจ้า”ภาพเบื้องหน้าของพระชายาเริ่มพร่ามัว สุดท้ายก็หลับตาลงและสลบไปในที่สุด นางมีโอกาสที่จะแก้ไขความผิดพลาดในตอนนั้นแล้วใช่หรือไม่?กู้หว่านเยว่ใช้เข็มฝังบนจุดฝังเข็มของอีกฝ่าย เมื่อมั่นใจว่าพระชายาหยางหนานไม่มีสติแล้วจึงเปิดผ้าห่มของอีกฝ่าย“ข้าต้องทำอย่างไร?”ลั่วยางค่อนข้างเป็นกังวลนี่คือการผ่าตัดครั้งแรกของอีกฝ่าย บนมือของนางตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อที่เปียกชุ่ม“ไม่ต้องกังวล ฟังที่ข้าบอกก็พอ นี่เป็นแค่ผ่าตัดเล็ก”กู้หว่านเ
ลั่วยางเข้าไปประคองกู้หว่านเยว่เป็นคนแรก “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”“ไม่เป็นไร”กู้หว่านเยว่หยิบโสมที่หั่นเป็นชิ้นออกมายัดไว้ใต้ลิ้น อาการเกี่ยวกับปากมดลูกค่อนข้างหนัก จึงกินพลังของนางไปไม่น้อยการผ่าตัดเล็กนี้ทำให้นางวิงเวียนศีรษะอยู่ไม่น้อย“เจ้าพักก่อนเถอะ”ลั่วยางรีบเข้ามาประคองนางไปนั่งบนเก้าอี้ เมื่อกู้หว่านเยว่เห็นว่าการผ่าตัดครั้งนี้เสร็จสิ้นด้วยดี จึงยกหน้าที่ที่เหลือให้ลั่วยางจัดการ ให้นางไปหยิบผงยาสีขาวที่วางอยู่ชั้นล่างสุดของกล่องยาออกมา“ผงยานี้คือยาปฏิชีวนะ เจ้าจงนำไปป้อนให้พระชายาหนานหยาง นางจะได้ไม่ติดเชื้อ”“นี่คือยาปฏิชีวนะหรือเจ้าคะ?”ลั่วยางถือกล่องยานั้นอย่างระมัดระวังราวกับกล่องสมบัติ“ข้าจะนำยาไปป้อนให้พระชายาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”นางเดินไปข้างเตียงอย่างกระตือรือร้น แม้ว่าในใจจะเกิดความสงสัยมากมาย แต่ก็เข้าใจว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ควรถาม บางทีกู้หว่านเยว่อาจจะบอกขั้นตอนการทำยาปฏิชีวนะกับนางในภายภาคหน้าก็ได้ลั่วยางไม่กล้าเอ่ย เวลานี้นางตื่นเต้นมาก แต่ในฐานะหมอ ไม่มีใครไม่ตื่นเต้นแต่นางเข้าใจ ครั้งนี้นางคงจะลำเอียงไม่ได้อีก เพราะกู้หว่านเยว่ไม่ชอบคนลำ
อาวุธของพวกโจรถูกริบไปจนหมด แต่ละคนจึงมือเปล่าพลธนูบนกำแพงเมืองที่ต้านทานการบุกเมือง ไม่มีธนูแล้ว เหลือเพียงถุงธนูที่ว่างเปล่า“แย่แล้ว มีไส้ศึก!”มีคนตะโกนเสียงดัง ประตูเมืองถูกเปิดแล้วนอกเมืองมีทหารกล้าหนึ่งพันนายของหนานหยางอ๋องที่ซุ่มอยู่แต่แรกบุกเข้ามา“บุก!”“ยึดเมืองเหยา!”“บุกเข้าไป!”ภายในเมืองเต็มไปด้วยแสงไฟ เสียงร้องดังตะโกนไปทั่วฟ้าสางแล้วสงครามก็จบลงแล้วเมืองเหยาหลังสงคราม นองเลือดเละเทะพวกโจรแพ้แล้ว กู้หว่านเยว่กับหนานหยางอ๋องพาทหารกล้าบุกเข้าไป อีกทั้งยังมีสวีซื่อฉวนร่วมมืออยู่ด้านในทำให้พวกโจรแพ้อย่างรวดเร็วทหารเจดีย์หนิงกู่ยึดเมืองเหยาได้แล้วบนกำแพงเมืองเปลี่ยนเป็นธงของเจิ้นเป่ยอ๋องคนชราเด็กสตรีถูกกู้หว่านเยว่ปล่อยตัวออกมาเหล่าหญิงสาวที่ถูกย่ำยี คุมขังอยู่ในจวนเจ้าเมือง ล้วนถูกปล่อยตัวกลับบ้านเมืองเหยาหลังสงครามต้องสร้างขึ้นใหม่กู้หว่านเยว่สั่งให้เปิดยุ้งฉาง แจกจ่ายเสบียงแก่ชาวบ้านในเมืองให้ทางการรวบรวมจำนวนคนตายและบาดเจ็บ จ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวที่ประสบภัยว่าจ้างชาวบ้านให้เข้าร่วมการก่อสร้าง ซ่อมแซมกำแพงเมือง จวน และสิ่งปลูกสร้าง
อาจเพราะเห็นกู้หว่านเยว่เป็นสตรีเช่นกัน พวกหญิงสาวจึงไม่ได้กลัวมากนัก“จอมยุทธ์หญิง ท่าน ท่านมาช่วยพวกเราจริงหรือ?”มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ค่อนข้างใจกล้า เอ่ยถามอย่างระวัง“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่ปลอบประโลม“องครักษ์ข้างนอกถูกข้าฆ่าตายหมดแล้ว อีกเดี๋ยวหลังจากพวกเจ้าออกไป จงไปหาห้องมิดชิดซ่อนตัวซะจำไว้ให้ดี ห้ามออกมาเด็ดขาด รอให้ข้างนอกปลอดภัยแล้วค่อยออกมา”กู้หว่านเยว่นึกถึงบางอย่าง“ใช่สิ พวกเจ้ารู้จักหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อหวังหรานเอ๋อร์หรือไม่?”จู่ๆ นางนึกขึ้นได้ว่าจางเอ้อร์ไหว้วานให้ช่วยตามหาคนหญิงสาวที่เอ่ยขึ้นเมื่อครู่ดวงตาฉายแววแปลกใจ มองกู้หว่านเยว่อย่างตะลึง“ท่านตามหาหวังหรานเอ๋อร์ทำไมหรือ?”กู้หว่านเยว่นำป้ายหยกออกมา“ได้รับการไหว้วานจากสหาย ให้พานางกลับบ้าน”“ป้ายหยกของท่านพ่อ!”หวังหรานเอ๋อร์ทำหน้าดีใจ แล้วคว้าเอาป้ายหยกไปนางพลิกไปพลิกมาในมือ หลังจากแน่ใจว่าเป็นป้ายหยกของบิดา จึงรีบหันมองกู้หว่านเยว่“ข้าคือหวังหรานเอ๋อร์ นี่เป็นป้ายหยกของบิดาข้า ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”กู้หว่านเยว่สีหน้าประหลาดใจช่างบังเอิญเสียจริงนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวที่ดูองอาจตรงหน้าก็คือห
หลังเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา ทั้งหกคนเดินออกมา แล้วคารวะกู้หว่านเยว่“พวกข้าน้อยคารวะพระชายา!”“ดี!”กู้หว่านเยว่ไม่แปลกใจกับบทสรุปเช่นนี้ นางเพียงโบกมือ“รีบลุกขึ้นเถอะ ข้ายังมีธุระสำคัญต้องหารือกับพวกเจ้า”สวีซื่อฉวนรีบพาทุกคนลุกขึ้นยืนกู้หว่นเยว่สั่งงานสวีซื่อฉวนสองเรื่องเรื่องที่หนึ่ง อีกเดี๋ยว นางจะฆ่าซ่งฉิน“ข้าอยากให้เจ้าอาศัยช่วงชุลมุนควบคุมเมืองเหยา แล้วสั่งให้คนเปิดประตูเมือง”เรื่องที่สอง ห้ามทำร้ายคนชรา เด็ก สตรีภายในเมือง“หากทำร้ายคนชรา เด็ก สตรี ให้ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”“ขอรับ!”แต่เดิมสวีซื่อฉวนไม่ใช่คนที่ทำร้ายประชาชนอยู่แล้ว คำสั่งที่สองของกู้หว่านเยว่ ตรงกับเขาพอดีเพียงแต่“ข้างกายซ่งฉินมีองครักษ์ไม่น้อย จะสังหารเขาได้อย่างไร?”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ”กู้หว่านเยว่มองหวังปี้ “เจ้ากลับไปส่งข่าวให้หนานหยางอ๋องเถอะ ยามจื่อให้เขาพาคนมาบุกยึดเมือง”“ขอรับ”สำหรับคำพูดของกู้หว่านเยว่ หวังปี้ไม่แคลงใจแม้แต่น้อยหลังได้รับคำสั่ง รีบจากไปทันที“พวกเจ้าเองก็รีบไปเตรียมการ ประมาณอีกหนึ่งชั่วยามให้หลัง เมื่อได้ข่าวการตายของซ่งฉิน ให้ลงมือทันที”เวลาที่กู้หว่าน
ในเมื่อนับถือเจิ้นเป่ยอ๋อง ย่อมต้องรู้จักพระชายาของพวกเขาเป็นไปตามคาด สายตาของสวีซื่อฉวนหันมองกู้หว่านเยว่“ท่านคือพระชายาเจิ้นเป่ย?”สายตาของสวีซื่อฉวนเปลี่ยนเป็นเลื่อมใส ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจไม่น้อย“หรือเจ้าเคยได้ยินชื่อข้ามาก่อน?”“ชื่อเสียงเรียงนามของพระชายาใครจะไม่เคยได้ยิน ท่านกับท่านอ๋องฝ่าฝันด้วยความรัก ไม่ทอดทิ้งท่านอ๋อง”กู้หว่านเยว่ยิ้ม แต่ไม่ตอบชื่อเสียงของสตรีในภายนอก อย่างไรก็เกิดขึ้นจากบุรุษ“สิ่งที่พระชายาของพวกเราทำได้ ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ชุดเกราะของสามเหล่าทัพ เสบียงของเจดีย์หนิงกู่ ล้วนเป็นฝีมือของพระชายา”หวังปี้ทำหน้าภาคภูมิใจ ทำให้สวีซื่อฉวนต้องหันมอง“ข้าน้อยละเลยเอง”คำพูดกู้หว่านเยว่เปลี่ยนทันใด “ในเมื่อเจ้านับถือเจิ้นเป่ยอ๋องขนาดนี้ เหตุใดไม่พาลูกน้องไปเข้าร่วมกับเขา กลับเข่นฆ่าพวกชาวบ้านในเมืองเหยา?”ใบหน้าสวีซื่อฉวนฉายแววละอายใจ“เพราะข้ามีคดีติดตัว”เดิมทีสวีซื่อฉวนก็เป็นชาวนาที่ขยันทำมาหากินเนื่องด้วยร่างกายแข็งแรงกำยำ ฝีมือไม่เลว เคยไปเป็นบ่าวในครอบครัวใหญ่อยู่ช่วงหนึ่งสรุปคุณชายใหญ่ครอบครัวนั้นเป็นคนเกกมะเหรกเกเร“มีครั้งหนึ่ง เข
เดิมทีหญิงสาวนึกว่าตัวเองจะได้รับการช่วยเหลือ แต่ไม่คิดว่ากลับเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน“เจ้า”สวีซื่อฉวนอยากก้าวไปข้างหน้า แต่ถูกคนของถูเอ้อร์ขวางไว้“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”คนข้างหลังเขาก็ร้อนใจเช่นกัน เมื่อเห็นว่ากำลังจะตีกับถูเอ้อร์ จู่ๆ สวีซื่อฉวนเอ่ยขึ้น “ถอยให้หมด พวกเราไป”“หัวหน้ารอง...” หลายคนไม่พอใจ“ไป”สวีซื่อฉวนหันมองใบหน้าคนชั่วได้ใจของถูเอ้อร์แวบหนึ่ง แล้วกำหมัดแน่น พาคนของตัวเองจากไปอย่างเงียบเชียบ“ถุย คิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้ารองจริงๆ หรือ”ถูเอ้อร์ถุยน้ำลายใส่แผ่นหลังเขาที่จากไป แล้วลากหญิงสาวที่เหลือออกไปหลังจากพวกเขาไปหมดแล้ว บนหลังคามีคนกระโดดลงมาสองคนซึ่งก็คือกู้หว่านเยว่กับหวังปี้ที่ดูอยู่เมื่อครู่“ดูท่าภายในของโจรพวกนี้ ก็ไม่ได้สามัคคีกันมากนัก”หวังปี้กล่าวพร้อมถอนหายใจ“ก่อนหน้านี้ทุกคนอยู่บนเขา เรียกท่านพี่ใหญ่ เรียกข้าพี่รอง เรียกขานกันดุจพี่น้องตอนนี้ยึดเมืองเหยาได้แล้ว จึงคิดอยากเป็นใหญ่ จะยอมแบ่งอำนาจได้หรือ”หวังปี้บ่นพร้อมส่ายหน้า กู้หว่านเยว่เพียงเม้มปากยิ้ม“นี่ก็พอดีเลยไม่ใช่หรือ จะได้ยุยงให้พวกเขาแตกคอกัน”นางดึงหวังปี้ “ไป พวกเ
ก่อนจากมา กู้หว่านเยว่ยัดเงินใส่มือของจางเอ้อร์“ตอนนี้อยู่ข้างนอก อีกทั้งท่านยังบาดเจ็บ มีเงินอยู่กับตัวดีกว่าไม่ดี รับไว้เถอะ”“แม่นางกู้ บรรพบุรุษของข้าจางเอ้อร์ทำบุญด้วยอะไร ถึงได้มารู้จักกับท่าน”จางเอ้อร์ชั่งน้ำหนักเงินที่อยู่ในมือซึ่งน้ำหนักค่อนข้างมาก น้ำเสียงสะอื้น แล้วมองทั้งสองจากไป“พระชายา เหลือเวลาไม่มากแล้ว พวกเรารีบไปเมืองเหยากันเถอะ”หวังปี้เอ่ยเตือน ในไม่ช้าทั้งสองคนมาถึงนอกเมืองเหยาขณะนี้ภายในเมืองเหยาเงียบสงัดบนถนนเต็มไปด้วยศพที่นอนเกลื่อนกลาด ในอากาศกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เลือดไหลมาบรรจบกันดุจแม่น้ำสายเล็กแล้วไหลลงสู่คูเมือง จนทำให้แม่น้ำกลายเป็นสีแดงฉานร้านรวงสองข้างทางถูกปล้นจนว่างเปล่า ถูกทำลายบ้าง ถูกเผาบ้างภายในจวนเจ้าเมือง มีหญิงสาวกลุ่มหนึ่ง กอดกันร้องไห้ส่วนมากพวกนางเป็นหญิงชาวบ้านในเมืองถูกโจรจับมาไว้ในจวน เพื่อให้พวกมันย่ำยี“ข้าอยากกลับบ้าน...”“ท่านพ่อท่านแม่ตายแล้ว พี่น้องก็ตายหมดแล้ว”“พวกเรายังมีบ้านหรือ?”“ไม่มี ไม่มีบ้านแล้ว ไม่มีบ้านอีกต่อไปแล้ว...”จากนั้นเสียงร้องไห้ดังขึ้นระงมขณะนี้ นอกประตูมีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามากะทันหันแ
แต่นึกไม่ถึงว่าทำดีไม่ได้ดี ความเมตตานี้กลับถูกคนชั่วหลอกใช้หลังจากเอ้อร์คำนับเสร็จ ก็ยันตัวลุกขึ้นยืนกู้หว่านเยว่ตรวจดูอาการของเขาสักครู่“ข้ากับแม่ทัพหวังยังมีธุระต่อ เกรงว่าคงอยู่ดูแลเจ้าที่นี่ไม่ได้ ที่นี่มีเงินถึงหนึ่ง เจ้ารับไป แล้วหาที่รักษาตัวเถอะ”กู้หว่านเยว่นำก้อนเงินเล็กถุงหนึ่งยื่นให้จางเอ้อร์จางเอ้อร์เห็นถุงก้อนเงินเล็กขอบตาแดงไปหมด มองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาตื้นตันในยามนั้นการทำดีตอนเนรเทศ วันนี้ถือว่ามีส่วนช่วยเขาอย่างใหญ่หลวง“แม่นางกู้”แต่ว่าเขาไม่ได้ยื่นมือไปรับถุงก้อนเงินเล็กมา“พวกท่านจะไปเมืองเหยาหรือ?”กู้หว่านเยว่สบตากับหวังปี้แวบหนึ่ง เนื่องจากจางเอ้อร์ไม่ใช่คนเลว ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ปิดบัง แต่ว่าทัพใหญ่ของหนางหยางอ๋องตั้งค่ายอยู่ในภูเขาเหยา ทั้งสองไม่ได้เปิดเผยให้รู้“ถูกต้อง พวกเราสองคนต้องไปทำธุระในเมืองเหยา”“พาข้าไปด้วยได้หรือไม่?” จางเอ้อร์ถามหยั่งเชิงคราวนี้กู้หว่านเยว่ไม่ลังเล ส่ายหน้าทันที“ท่านคงยังไม่รู้สถานการณ์ในเมืองเหยา เมืองเหยาถูกพวกโจรโจมตีแล้ว ตอนนี้พวกโจรกำลังฆ่าคนไปทั่วเมือง คนทั่วไปเมื่อเข้าไปก็จะไม่ได้ออกมาอีกอีกอย่าง
ไม่ว่าเขาจะเรียกร้องอย่างไร หัวหน้าสำนักคุ้มภัยหวังก็เหมือนคนนอนหลับ ไม่มีการตอบสนองสักนิด“จางเอ้อร์ หักห้ามใจเถอะ”หวังปี้ถอนหายใจ พร้อมเอ่ยเตือนเขาเข้าใจอาการคลุ้มคลั่งในยามนี้ของจางเอ้อร์ดี เพียงแต่ คนตายไม่อาจฟื้นคืน“ข้าผิดคำพูดแล้ว”ในใจจางเอ้อร์เสียใจอย่างที่สุดเขาเคยรับปากหัวหน้าสำนักคุ้มภัยหวังว่าจะช่วยเขา“ข้าจะทำแผลให้ท่านก่อน”กู้หว่านเยว่นำขวดยาและผ้าพันแผลที่ติดตัวมา ทำแผลให้จางเอ้อร์“ขอบคุณแม่นางกู้”จางเอ้อร์น้ำตาร่วงต่อให้ในใจจะเสียใจเพียงใด เขาก็รู้ว่าไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงบาดแผลบนตัวจางเอ้อร์ค่อนข้างลึก กู้หว่านเยว่ทำแผลได้เพียงเบื้องต้น เพื่อไม่ให้บาดแผลอักเสบ“ท่านลุกขึ้นยืนได้หรือไม่?”หลังทำแผลเสร็จ กู้หว่านเยว่สอบถามนางและหวังปี้ต้องเข้าไปสืบข่าวในเมืองเหยา จึงดูแลจางเอ้อร์เป็นเวลานานไม่ได้“ข้า ข้าพอยืนได้”หลังกินยาของกู้หว่านเยว่เข้าไป เรี่ยวแรงของจางเอ้อร์ฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง“ยืนได้ก็ดีแล้ว ใช่สิ สำนักคุ้มภัยของพวกท่านพบเจอเรื่องใดหรือ ถึงได้ล้มตายกันหมดเช่นนี้?”กู้หว่านเยว่สอบถาม เมื่อครู่ระหว่างทำแผลให้จางเอ้อร์ นางมองสำรวจโดยรอบพ
เขาโกรธจนกำหมัดแน่นเพื่อให้ทหารระบายความแค้น ก่อนและหลังโจมตีเมือง บางกองทัพจะฆ่าล้างบางชาวบ้านหนึ่งเพื่อข่มขวัญผู้คนที่อยู่ในเมืองสองเพื่อให้เหล่าทหารผ่อนคลายเพียงแต่หนางหยางอ๋องและซูจิ่งสิงปกครองอย่างเข้มงวด ไม่เคยปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น“พวกเราไปก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ทนดูไม่ได้อีกต่อไป จึงเก็บสายตากลับมาเงียบๆตั้งแต่โบราณผู้ที่ทุกข์ร้อนในศึกสงครามก็คือชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ขณะที่ทั้งสองเตรียมจากไป จู่ๆ ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแผ่วเบามาจากถนนสายเล็กด้านข้าง“ทางนั้นเหมือนจะมีคน”หวังปี้รีบหันมองทันที“ไป พวกเราไปดูสักหน่อย” กู้หว่านเยว่ลากหวังปี้เข้าไปตรวจดูด้วยกัน ปรากฏว่าเห็นคนสองคนล้มอยู่ในพงหญ้าบนตัวทั้งสองคนเต็มไปด้วยเลือด บนตัวมีบาดแผลจากดาบไม่น้อย“น้องเล็ก ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาน่าจะเป็นคนของสำนักคุ้มภัย”หวังปี้เปลี่ยนสรรพนามอย่างระวัง กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดินไปหาคนที่ขอความช่วยเหลือนางรู้สึกว่าเสียงของคนผู้นี้คุ้นหูอยู่บ้างพอดีกับที่ชายผู้นั้นเห็นว่ามีคนเข้ามา จึงรีบมองไปทางพวกกู้หว่านเยว่เมื่อทั้งสองสบตากัน ต่างชะงักไปทันใด กู้หว่าน