พระชายาหนานหยางไม่ใช่คนใจร้อน การให้เมี่ยชิงหว่านรีบมาเชิญนางเช่นนี้ กู้หว่านเยว่รู้สึกไม่ชอบมาพากล“พระชายาไม่สบายตรงไหนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”“เล็กน้อย”เดิมทีพระชายาหนานหยางอยากตรัสเบา ๆ แต่นางกลับพยักหน้าแรงเกินไป“รู้สึกไม่สบายตัว ปวดร้าวจนทนไม่ไหว ดื่มโอสถของท่าน ถึงจะคลายความเจ็บปวดได้”นี่คือสิ่งที่กู้หว่านเยว่คาดการณ์ไว้แล้วคราวที่แล้วนางเคยตรวจอาการให้พระชายาหนานหยางแล้ว นางมั่นใจว่าไม่มีปัญหาในช่วงนี้แน่นอน จึงได้จัดยาแก้ปวดให้นาง คิดไม่ถึงว่าเพียงระยะเวลาสั้น ๆ นางจะทรุดหนักเช่นนี้อาการป่วยกำเริบเป็นเรื่องปกติ กู้หว่านเยว่ไม่ได้กังวลเพียงนั้น“พระชายานั่งลงก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะตรวจให้ท่าน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่งเล็กน้อย จากนั้นก็กดท้องของพระชายาหนานหยางเพื่อตรวจอาการ“ปวดมาก”สีหน้าของพระชายาหนานหยางเริ่มเปลี่ยนไป แต่ก็พยายามซ่อนเร้นมันไว้ในระหว่างการตรวจ“หนักหน่วงเล็กน้อย เช่นนี้ละกัน ข้าจะตรวจอาการให้ท่านก่อน”สิ่งที่กู้หว่านเยว่คิดคือ ไหน ๆ นางก็มาแล้วไม่สู้ถือโอกาสนี้แสดงให้พระชายาหนานหยางเห็นว่านางก็ทำการผ่าตัดได้หรือไม่ได้หากทำได้ นางก็จะทำให้ทันทีหากทำไ
“เจ้านี่เอง”เมื่อหมุนตัวกลับไป ลั่วยางที่กำลังถือตะกร้าไม้ไผ่ไว้สำหรับตากสมุนไพรก็กำลังมองนางด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“ความจำของเจ้ากลับมาแล้ว”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่ตอบสนองทันทีที่เจอกับนาง“ใช่”ลั่วยางได้สติ สายตาที่ฉายแววไม่เป็นมิตรก็พลันจากหายไป โดยมีความไร้ยางอายเข้ามาแทนที่“ข้าได้ยินอาจารย์บอกว่าเจ้ากับซูจิ่งสิงคือคนที่ช่วยชีวิตข้า ห้องโอสถแห่งนี้เป็นของพวกเจ้า อีกทั้งพวกเจ้าก็ยังช่วยเหลืออาจารย์อีกด้วย”กล่าวได้ว่า บัดนี้ลั่วยางก้ได้รับการช่วยเหลือจากกู้หว่านเยว่เช่นกัน“ขอบใจเจ้ามาก”ลั่วยางหน้าแดงก่ำ“ก่อนหน้านั้นข้ายังเด็กนัก ทั้งยังถูกมู่หรงอวี้เป่าหูให้มาต่อต้านพวกเจ้า คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วพวกเจ้าก็ยังเลือกที่จะช่วยชีวิตข้าโดยไม่คำนึงถึงความแค้นในอดีต ข้าติดหนี้พวกเจ้า”“ไม่ต้องเกรงใจ มันคือสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว”กู้หว่านเยว่มองนางแวบหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าไปหาสมุนไพรต่อเมื่อลั่วยางเห็นท่าทางเย็นชาของนาง สีหน้าของลั่วยางก็เริ่มเปลี่ยนไป นางจมอยู่ในความคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะวางสมุนไพรและเดินตามเข้าไปจากนั้นก็อธิบายว่า“อาจารย์และหวงเหล่า
กู้หว่านเยว่ชื่นชมยิ่งนัก แม้ว่าต้าฉีจะยังไม่มีแนวคิดในการผ่าตัด แต่ความคิดของปรมาจารย์แพทย์นั้นถูกต้อง สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์แพทย์“วิธีที่ข้าจะรักษาให้พระชายาหนานหยางก็คือวิธีการที่อาจารย์ของเจ้าได้กล่าวไว้ นั้นคือการผ่าตัด”ลั่วยางเบิกตากว้าง ในตอนที่อาจารย์บอกวิธีนี้กับนาง นางรู้สึกว่ามันเป็นงานที่ใหญ่เกินตัวนางมาก“ส่วนล่างเป็นส่วนที่สกปรกง่ายที่สุด หากแผลติดเชื้อขึ้นมา มีโอกาสทำให้เกิดไข้สูง และตายในทันที”ลั่วยางคิดว่าในเมื่อกู้หว่านเยว่มีทักษะการแพทย์สูงกว่านาง ดังนั้นกู้หว่านเยว่ไม่มีทางไม่รู้เหตุผลนี้“หากเป็นบุรุษที่มีร่างกายแข็งแรง อาจจะฝืนได้ แต่พระชายาหนานหยางเป็นสตรีที่มีร่างกายอ่อนแอ ย่อมทนไม่ได้”เมื่อกู้หว่านเยว่เห็นลั่วยางเกิดความสงสัย จึงไม่ได้ร้อนใจ ตรงกันข้ามกลับคลี่ยิ้มพลางกล่าว“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีสองวิธีที่สามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้”ลั่วยางไม่รู้ นัยน์ตาของนางเปล่งประกาย และกล่าวถามอย่างร้อนใจ“วิธีอะไร?”“การฆ่าเชื้อและยาปฏิชีวนะ”กู้หว่านเยว่หยิบกระเป๋ายาออกมา จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก “หากเจ้าอยากรู้ ก็ต้องมาเป็นลูกมือให้ข้า”ลั่วย
“ดังนั้นเจ้าต้องฟื้นขึ้นมา”“แต่เขาตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว....”“หลายปีมานี้ เขาไม่เคยแต่งงานเลย”หนานหยางอ๋องตบหลังมือของอีกฝ่ายเบา ๆ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นประโยคเดียวทำให้พระชายาเบิกตากว้าง จากนั้นน้ำตาก็ไหลริน และกำลังจำถามอะไรบางอย่างเวลานี้กู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่หน้าประตูได้กล่าวว่า “ได้เวลาอันสมควรแล้ว ข้าต้องฉีดยาชาให้พระชายาแล้ว”“เช่นนั้นข้าขอตัว”หนานหยางอ๋องรีบออกไปอย่างรู้งาน กระทั่งได้ยินเสียงใส่กลอนจากด้านนอกประตู มั่นใจว่าไม่มีใครเข้ามาแล้วกู้หว่านเยว่จึงหยิบยาสลบในกล่องยาออกมา และป้อนให้พระชายาหนานหยาง“แม่นางกู้ ข้าเชื่อใจเจ้า”ภาพเบื้องหน้าของพระชายาเริ่มพร่ามัว สุดท้ายก็หลับตาลงและสลบไปในที่สุด นางมีโอกาสที่จะแก้ไขความผิดพลาดในตอนนั้นแล้วใช่หรือไม่?กู้หว่านเยว่ใช้เข็มฝังบนจุดฝังเข็มของอีกฝ่าย เมื่อมั่นใจว่าพระชายาหยางหนานไม่มีสติแล้วจึงเปิดผ้าห่มของอีกฝ่าย“ข้าต้องทำอย่างไร?”ลั่วยางค่อนข้างเป็นกังวลนี่คือการผ่าตัดครั้งแรกของอีกฝ่าย บนมือของนางตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อที่เปียกชุ่ม“ไม่ต้องกังวล ฟังที่ข้าบอกก็พอ นี่เป็นแค่ผ่าตัดเล็ก”กู้หว่านเ
ลั่วยางเข้าไปประคองกู้หว่านเยว่เป็นคนแรก “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”“ไม่เป็นไร”กู้หว่านเยว่หยิบโสมที่หั่นเป็นชิ้นออกมายัดไว้ใต้ลิ้น อาการเกี่ยวกับปากมดลูกค่อนข้างหนัก จึงกินพลังของนางไปไม่น้อยการผ่าตัดเล็กนี้ทำให้นางวิงเวียนศีรษะอยู่ไม่น้อย“เจ้าพักก่อนเถอะ”ลั่วยางรีบเข้ามาประคองนางไปนั่งบนเก้าอี้ เมื่อกู้หว่านเยว่เห็นว่าการผ่าตัดครั้งนี้เสร็จสิ้นด้วยดี จึงยกหน้าที่ที่เหลือให้ลั่วยางจัดการ ให้นางไปหยิบผงยาสีขาวที่วางอยู่ชั้นล่างสุดของกล่องยาออกมา“ผงยานี้คือยาปฏิชีวนะ เจ้าจงนำไปป้อนให้พระชายาหนานหยาง นางจะได้ไม่ติดเชื้อ”“นี่คือยาปฏิชีวนะหรือเจ้าคะ?”ลั่วยางถือกล่องยานั้นอย่างระมัดระวังราวกับกล่องสมบัติ“ข้าจะนำยาไปป้อนให้พระชายาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”นางเดินไปข้างเตียงอย่างกระตือรือร้น แม้ว่าในใจจะเกิดความสงสัยมากมาย แต่ก็เข้าใจว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ควรถาม บางทีกู้หว่านเยว่อาจจะบอกขั้นตอนการทำยาปฏิชีวนะกับนางในภายภาคหน้าก็ได้ลั่วยางไม่กล้าเอ่ย เวลานี้นางตื่นเต้นมาก แต่ในฐานะหมอ ไม่มีใครไม่ตื่นเต้นแต่นางเข้าใจ ครั้งนี้นางคงจะลำเอียงไม่ได้อีก เพราะกู้หว่านเยว่ไม่ชอบคนลำ
“การผ่าตัดไม่ได้ใช้แรงมากเพียงนั้น แต่อาจเป็นเพราะสองวันที่ผ่านมานี้ข้าไม่ได้พักผ่อนเท่าไหร่ ข้าพักสักครู่ก็น่าจะดีขึ้นแล้ว ท่านจะร้อนใจทำไม”“น้องหญิง!”ซูจิ่งสิงรู้สึกน้อยเนื้อตำใจเล็กน้อย ภรรยาไม่สบาย เขาจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร ไม่ร้อนใจนี่สิแปลกกู้หว่านเยว่ทนเห็นสายตาที่คล้ายกับพ่อสุนัขตัวใหญ่ที่อยากปกป้องหญิงผู้เป็นที่รักไม่ได้ จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อทันที“เมื่อครู่ข้าเห็นท่านและท่านพ่อของท่านพาชาวบ้านไปทำปูนซีเมนต์ เป็นอย่างไรบ้าง สำเร็จหรือไม่?”ซูจิ่งสิงส่ายหน้า “ปูนขาวที่อยู่ในถ้ำกำลังหลอมละลาย เจ้าไม่ต้องสนใจ ข้าหาวิธีเอง”กู้หว่านเยว่สอนขั้นตอนการทำปูนซีเมนต์ให้เขาแล้ว เขาไม่อยากให้กู้หว่านเยว่เป็นกังวลเขาให้คนไปขุดหาก้อนหินสีน้ำเงินจากหลังเขา จากนั้นก็วางไว้ในถ้ำและหลอมมันด้วยอุณภูมิสูงสุดให้กลายเป็นผง รอดูว่าพรุ่งนี้จะสำเร็จหรือไม่กู้หว่านเยว่อยากเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีกครั้ง แต่พอได้ยินก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องถามต่อ รีบกลับไปพักที่ห้องเมื่อประตูปิดสนิท นางก็หายตัวเข้าไปในห้วงมิติ รินนมร้อนให้ตัวเอง ก่อนจะลงไปแช่น้ำอุ่น จากนั้นก็นอนเอนกายตากแดดอยู่บนเก้าอี้กระทั่งสัมผั
กู้หว่านเยว่เกิดความสงสัย “เจ้าอยากจะถามสิ่งใด?”“ข้าอยากเรียนรู้ทักษะการแพทย์กับท่าน!” ลั่วยางกล่าวอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมมุ่งมั่น“พี่หว่านเยว่ ขอร้องท่านละ ช่วยชี้แนะข้าได้หรือไม่”การผ่าตัดครั้งนี้ทำให้ลั่วยางเกิดความประทับใจต่อกู้หว่านเยว่เป็นอย่างมากนัยน์ตาของนางวูบไหว นางเห็นกู้หว่านเยว่เป็นวีรสตรีท่านหนึ่งซูจิ่งสิงหรี่ตาลงเล็กน้อย “ฝันไปเถอะ”ก่อนหน้านั้นลั่วยางสร้างปัญหาให้พวกเขามากมาย แม้ว่านางจะกลับตัวกลับใจแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าในใจของนางคิดอย่างไร“เมื่อก่อนข้าทำตัวไม่ดี” นัยน์ตาของลั่วยางหม่นหมองลง “ข้ารู้ผิดแล้ว”นางมองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเปล่งประกาย ในเมื่ออยากเรียนทักษะการแพทย์ นางจะไม่เลื่อมใสผู้มีศิลปะชั้นสูงได้อย่างไร? ,“เจ้ามีปรมาจารย์แพทย์เป็นอาจารย์อยู่แล้ว ทักษะการแพทย์ของปรมาจารย์แพทย์ก็ไม่ด้อยไปกว่าข้านักหรอก”กู้หว่านเยว่รู้ดีสาเหตุที่นางรักษาอาการที่ปรมาจารย์แพทย์รักษาไม่ได้ นั้นเพราะอุปกรณ์การแพทย์ของนางพัฒนากว่าอีกฝ่ายเมื่อเห็นสายตาผิดหวังของลั่วยาง กู้หว่านเยว่ก็กล่าวต่อ“แต่เห็นแก่เจ้า หากเจ้ามีคำถามอะไรก็หยิบยกมาคุยกั
สายตาของกู้หว่านเยว่กวาดมองไปยังด้านบนของหนังสือหย่าร้างในมือของนาง แล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ“ยินดีกับเจ้าด้วย แม่นางเมิ่ง”“อื้อ”เมิ่งเหยียนดีใจมาก ออกแรงคว้ามือของกู้หว่านเยว่มากุมไว้ เป็นการบ่งบอกว่ากู้หว่านเยว่คือผู้ให้ชีวิตใหม่แก่นางหากไม่ใช่เพราะการผ่าตัดในครั้งนี้ บางทีนางคงจะติดอยู่ในบ่วงของการเป็นพระชายาไปตลอดชีวิต ไม่สามารถไล่ตามความรักที่แท้จริงของตัวเองได้“ไว้รอให้เจ้าหายดีก่อน ข้าค่อยไปหาพี่ชายของเจ้า”เมิ่งเหยียนกล่าวด้วยความตื่นเต้น สายตายังคงจับจ้องที่หนานหหยางอ๋อง“ท่านพี่ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าตอนนี้พี่ชายอยู่ที่ไหน?”นับตั้งแต่ที่พวกเขาแยกทางกัน นางก็ไม่เคยตกหลุมรักใครอีก และไม่รู้ว่าคนที่นางรักยู่แห่งหนไหนหนานหยางอ๋องรีบกล่าว “ก่อนที่เจ้าจะเข้ารับการผ่าตัดข้าได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้ว รอให้เจ้าหายจากการผ่าตัด ค่อยออกตามหาความสุขของตัวเอง บัดนี้เจ้าอยู่ในหมู่บ้านโซว่หวางทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รอให้เจ้าหายดี ข้าจะส่งคนติดตามเจ้าไปตามหาเขา”หมู่บ้านโซว่หว่าง?นัยน์ตาของกู้หว่านเยว่ที่นั่งอยู่ถัดไปเริ่มหวั่นไหว ทันใดนั้นนางก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ ในตอนที่น
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่