“ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านแม่ไปกับเรา”กู้หว่านเยว่หยิบเศษเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากห้วงมิติ เพื่อความสะดวกในการจับจ่าย หลังจากที่ทั้งสามคนออกจากบ้านได้ไม่นาน ระหว่างทางพวกเขาก็บังเอิญเจอกับโจวลิ่วหลางโดยบังเอิญ“กำลังรอพวกเจ้าอยู่พอดี”โจวลิ่วหลางห่อตัวมิดชิดคล้ายกับบ๊ะจ่าง จมูกแดงก่ำ “ภรรยาของข้าได้ยินมาว่าพวกเจ้าจะไปหมู่บ้านชาวประมง นางเป็นห่วงกลัวว่าพวกเจ้าจะโดนหลอก ก็เลยให้ข้าพาพวกเจ้าไป”มือมีดแห่งอาหารทะเล เชี่ยวชาญการเชือดคนต่างถิ่นในชีวิตที่แล้วกู้หว่านเยว่เคยถูกหลอกในตอนที่นางไปเดินเล่นริมชายหาดแม้จะบอกว่าตอนนี้นางไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง แต่ก็ไม่อยากเสียเงินเปล่า ๆ โดยใช่เหตุอีกเมื่อได้ยินว่าโจวลิ่วหลางจะนำทางให้นาง กู้หว่านเยว่ก็คลี่ยิ้มกว้างทันที จากนั้นก็ผายมือให้โจวลิ่วหลางนำหน้า“แม่นางสกุลโจวใจดียิ่งนัก จริงสิ นางกินยาเข้าไปแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?”“นางกินตามที่เจ้าสั่ง กินตลอด ไม่กล้าขาดเลยสักวัน”กู้หว่านเยว่ใช้นิ้วนับวันครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าหยุด กินอีกสักครึ่งเดือน เตรียมฟังข่าวดีได้เลย”“ข่าวดี?”โจวลิ่วหลางเกิดความสับสนพร้อมกับมือสั่นระริ
“อื้อ” กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วแน่น นางดูออกว่าบ้านหลังนี้ไม่ค่อยรักษาความสะอาด“ของทะเลส่วนใหญ่อยู่ตรงนี่ ฮูหยินเชิญเลือกตามสบายเจ้าค่ะ” ป้าสวี่พาพวกเขามาถึงลานกว้างด้านหลัง จากนั้นก็ตะโกนเรียกบุตรสาวทั้งสองคนอย่างสุดเสียง“ซิ่งเอ๋อร์ อวี๋เอ๋อร์ มีลูกค้าออกมาช่วยหน่อยเร็ว”เด็กสาวร่างกายซูบผอมทั้งสองคนรีบวิ่งออกมาจากในห้อง ดูท่าทางพวกนางน่าจะกำลังผ่าท้องปลา เพราะยังมีกรรไกรถือคาอยู่ในมือเมื่อทั้งสองคนเห็นกู้หว่านเยว่ที่แต่งตัวงดงาม จึงรีบเช็ดมือทันทีกระทั่งเห็นซูจิ่งสิงที่มีรูปโฉมงดงาม พวกนางถึงกับตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้ารูปไข่ของเขาแดงก่ำ“ท่านแม่ พวกเขาคือ....” บุตรสาวคนโตซิ่งเอ๋อร์กระซิบถามเบา ๆ “แขกที่มาซื้อปลา!” ป้าสวี่ตั้งใจกัดฟันเน้นคำว่าแขกซิ่งเอ๋อร์และอวี๋เอ๋อร์มองตากัน จากนั้นก็ปรี่เข้าไปช่วยป้าสวี่เปิดฝาพลางชำเลืองมองซูจิ่งสิงด้วยสายตาเปล่งประกายในใจของกู้หว่านเยว่นึกถึงแต่หอยนางรม จึงไม่ได้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของพวกนางเมื่อฝาไม้ถูกเปิดออก ก็เจอกับของทะเลจำนวนมากอยู่รวมกันในบ่อแห่งนี้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นกุ้งและปลา หอยนางรมก็มีแต่น้อยมากกู้หว่านเยว่ชี้ไปยังหอยน
ประเด็นหลักเป็นเพราะไม่ชอบถูกใครสัมผัส อาซานจึงผลักนางหยางออกไปนางหยางล้มลงกับพื้น เจ็บปวดปานจะขาดใจ “พี่ซาน ข้าชื่อเหลียนหรง ท่านจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”ว่าแล้วนางก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับแหวกคอเสื้อออก หยิบป้ายไม้แผ่นหนึ่งออกมาจากซอกคอ“ป้ายไม้คู่นี้ท่านแกะสลักเองกับมือ ท่านยังจำตัวอักษรบนนั้นได้หรือไม่?เหลียนหรง คือชื่อของข้า ข้าเป็นเมียท่าน...”หลังจากอาซานเห็นป้ายไม้ม่านตาก็หดตัวลง เหลือบมองนางหยางอย่างไม่เชื่อสายตานางหยางน้ำตาอาบแก้ม จิตใต้สำนึกของอาซานอยากจะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้นางแต่ทันทีที่เขาเห็นนิ้วมือที่ขาดหายไปของตัวเอง ก็ถอยกรูดออกไปสองก้าวเหมือนถูกไฟดูด ก่อนจะปิดหน้าจากไปอย่างรวดเร็ว“พี่ซาน พี่ซาน!”นางหยางไล่ตามไปอย่างไร้สติ แต่แล้วก็ล้มลงบนชายหาดเพราะรีบร้อนเกินไปในเวลานี้กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเพิ่งได้สติกลับมา รีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงนางหยางให้ลุกขึ้นทั้งคู่ได้ยินสิ่งที่นางหยางพูด“ท่านแม่ แน่ใจนะว่าท่านไม่ได้จำผิดคน?”ซูจิ่งสิงไม่อยากจะเชื่อ ก็ซูเหล่าซานตายไปสิบกว่าปีแล้วนี่แม้ว่าหลายวันก่อนนางหยางจะบอกอยู่เสมอว่าซูเหล่าซานยังมีชีวิตอยู่แน่นอน แต่
“ท่านแม่ พวกท่านรออยู่ในถ้ำก่อน ข้าจะออกไปค้นหาบริเวณรอบ ๆ นี้”กู้หว่านเยว่รีบบอก “ข้าจะไปกับท่านด้วย”นางไม่วางใจให้ซูจิ่งสิงทำอะไรตามลำพัง“หว่านเยว่ เจ้าตั้งท้องอยู่”สายตาของซูจิ่งสิงมีแววไม่เห็นด้วย แต่ก็ถูกกู้หว่านเยว่ลงคะแนนคัดค้าน“ข้าบอกแล้วว่าจะไปกับท่าน ก็ต้องไปกับท่าน ข้าไม่วางใจให้ท่านอยู่คนเดียว”ถ้าซูเหล่าซานจำพวกเขาไม่ได้ ก็ต้องมีความในใจที่ยากจะปริปากได้ นางเป็นห่วงว่าซูจิ่งสิงอาจจะตกอยู่ในอันตรายในที่สุดซูจิ่งสิงก็พยักหน้าอย่างจนปัญญา แล้วมองไปยังโจวลิ่วหลาง “แม่ของข้าขอไหว้วานให้ท่านช่วยดูแลนางก่อน”“วางใจเถอะ”โจวลิ่วหลางรีบพยักหน้า ซูจิ่งสิงพากู้หว่านเยว่เหาะเหินออกไปทั้งสองค้นหาข้างนอกจนรอบแล้วแต่ไม่พบ กู้หว่านเยว่จึงเปิดระบบระบุพิกัดเสียเลย แต่สุดท้ายระบบได้พาพวกเขามาถึงหน้าบ่อน้ำแห้งขอดแห่งหนึ่ง“ท่านพี่ ท่านได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”ทั้งสองเงี่ยหูตั้งใจฟัง ซูจิ่งสิงชี้ไปที่บ่อน้ำแห้งขอด “ดูเหมือนว่าจะมาจากก้นบ่อน้ำ”ทั้งสองรีบหมอบลงบนฝาปิดบ่อน้ำ ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากก้นบ่อน้ำแห้งขอดตามคาด มันเหมือนกับเสียงของคนหรือไม่ก็เสียงของหมาป่ากู้หว่าน
เมื่อคืนกู้หว่านเยว่เปิดอ่านตำราเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าในมิติตลอดคืน ได้ยินดังนั้นก็รีบออกไปจากมิติทันทีพอเห็นซูจิ่งสิงก็สะดุ้งโหยงเป็นอย่างแรก“ท่านพี่ ทำไมหิมะเต็มตัวท่านไปหมด?”บนเส้นผมและขนคิ้วของซูจิ่งสิงหิมะขาวโพลนจับตัวเป็นชั้นหนาเหมือนชายที่แก่ก่อนวัยอันควร“เมื่อคืนหิมะตกเล็กน้อย ข้าเป็นห่วงอาการของท่านพ่อ ก็เลยไม่ได้ไปไหนเลย”ซูจิ่งสิงอธิบาย พลางยิ้มดีใจในความโชคดี“โชคดีที่บอกให้เจ้าเข้าไปในมิติก่อน”ถ้าความเย็นทำร้ายกู้หว่านเยว่เข้า เขาต้องเสียใจแน่กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วด้วยความเสียใจ “ทำไมท่านไม่ให้ข้าเอาเครื่องทำความร้อนออกมาล่ะ”“ข้ามีกำลังภายในปกป้องตัวเอง ไม่เป็นไร” ซูจิ่งสิงหัวเราะเจื่อน ๆ รีบบอกว่า “ท่านพ่อดูเหมือนจะหมดสติไป เราลงไปดูกันเถอะ”“อืม”ความลับของกู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิงนั้นรู้ดี แต่นางยังไม่พร้อมที่จะให้อีกฝ่ายเข้าไปในมิติซูจิ่งสิงง้างฝาบ่อขึ้น ซูเหล่าซานนอนอยู่ที่ก้นบ่อ ดวงตาทั้งสองหลับสนิท หมดสติไปแล้วผนังบ่อน้ำเต็มไปด้วยรอยเลือดที่ทิ้งไว้จากความบ้าคลั่งของเขาเมื่อคืนนี้ เลือดบางส่วนแห้งกรังไปแล้วไม่ยากที่จะจินตนาการ ว่าเมื่อคืนซูเหล่าซา
สองสาวพี่น้องดวงตาแดงก่ำจากการถูกปฏิเสธ แววตาผิดหวัง“คุณชายโจว พวกเราไปกันเถอะ” ซูจิ่งสิงรีบร้อนพาซูเหล่าซานกลับโจวลิ่วหลางพยักหน้า แล้วรีบขี่รถม้าออกไปป้าสวี่เห็นดังนั้นก็ยิ่งกลุ้มใจ คุณชายโจวยังเร่งรถม้าให้พวกเขา นางพลาดชิ้นปลามันไปแล้วจริง ๆ!“พวกเจ้าสองคนไม่ไขว่คว้าเลย เลี้ยงพวกเจ้าเสียข้าวสุก!”ป้าสวี่ด่าลูกสาวทั้งสองอย่างไม่สบอารมณ์ จนซิ่งเอ๋อร์ตาแดง“ฮูหยินนั่นก็ไม่ได้หน้าตาสะสวยสักเท่าใด แค่แต่งตัวดี เสื้อผ้าของนางถ้าพวกข้าเอามาใส่ ยังดูดีกว่านางเสียอีก”“เจ้าแน่ใจนะ?”อวี๋เอ๋อร์นึกถึงใบหน้าที่สดใสขาวบริสุทธิ์ของกู้หว่านเยว่ ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าที่ถูกลมทะเลพัดจนแห้งเหี่ยวหยาบกร้านของซิ่งเอ๋อร์ พูดอะไรที่ขัดกับความรู้สึกไม่ได้นางหยางกอดซูจิ้งไว้ แล้วถามกู้หว่านเยว่อย่างไม่สบายใจ“หว่านเยว่ อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตพ่อของเจ้าไว้ ให้เงินก้อนเดียวพอหรือ?”กู้หว่านเยว่ชี้ไปที่เสื้อผ้าเนื้อหยาบขาดวิ่นบนตัวซูจิ้ง“ท่านแม่ เห็นได้ชัดว่าท่านพ่อไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดี เขาให้ครอบครัวของป้าสวี่ไปเก็บเปลือกหอยที่ชายหาดโดยไม่คิดเงิน สกุลสวี่แค่จัดหาอาหารให้เข
“หุบปาก!”ซูจิ่งสิงที่รู้ความจริงแล้วจ้องมองซูจื่อชิงอย่างเย็นชา ห้ามเขาพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมาอีก“ท่านพ่อมีปัญหา หูทั้งสองของเขาไม่ได้ยิน พูดก็ไม่ได้”“เกิดอะไรขึ้น?” ซูจื่อชิงดูตกใจมากซูจิ่งสิงเห็นว่าสมาชิกครอบครัวอยู่กันครบ จึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ให้ทุกคนฟัง“ท่านพ่อไม่ได้ไม่อยากรู้จักพวกเรา แต่เขาไม่อยากให้เราเห็นเขาในสภาพเช่นนี้ และไม่อยากทำร้ายพวกเราด้วย”“เอ่อ...”ซูจื่อชิงก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด“ข้าขอโทษ ข้าเข้าใจท่านพ่อผิดไป”“ไม่ตำหนิเจ้าหรอก”กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขา “แต่เจ้าต้องปรับปรุงนิสัยหุนหันพลันแล่นของเจ้าเสีย”ซูจื่อชิงก้มหน้าต่ำลงเรื่อย ๆ“เวลานี้สิ่งที่สำคัญกว่าคือถามจากปากท่านพ่อให้รู้เรื่อง ว่าเหตุใดเขาถึงอยู่ในสภาพเช่นนี้”คำพูดเย็นชาประโยคเดียวของซูจิ่งสิง ทำให้ทุกคนเลิกงอแงไร้เหตุผล“ใช่แล้ว ท่านพ่อ ใครทำกับท่านจนตกอยู่ในสภาพนี้?”ซูจิ่นเอ๋อร์กำหมัดด้วยความโกรธจัด ซูจื่อชิงดึงแขนเสื้อของนาง“ท่านพ่อไม่ได้ยิน พูดก็ไม่ได้”“...แล้วพวกเราจะถามยังไง?”“ข้ามีวิธี”กู้หว่านเยว่หยิบกระดาษและพู่กันมา แล้วส่งให้แต่ละคน“เขี
ในขณะที่พูด กู้หว่านเยว่ก็เขียนลงบนกระดาษให้ซูจิ้งอ่านด้วยซูจิ้งเห็นกู้หว่านเยว่มีวิธีควบคุมเขา จึงเลิกล้มความคิดที่จะจากไปไหนไปโดยสิ้นเชิงในขณะเดียวกันก็มองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาที่งุนงงเป็นอย่างมากซูจิ่งสิงอธิบายว่า “นี่คือเมียของข้า นางมีทักษะทางการแพทย์”ซูจิ้งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม สายตาปลื้มอกปลื้มใจนางหยางรีบบอกว่า “พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ ตรงนี้มีข้าดูแลอยู่ก็พอแล้ว โดยเฉพาะหว่านเยว่ สองวันนี้เจ้าเหน็ดเหนื่อยมามากแล้ว เจ้าตั้งท้องอยู่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ”จากการ “บอกความในใจ” ของอีกฝ่ายเมื่อครู่ นางเชื่อว่าซูจิ้งจะไม่จากไปไหนง่าย ๆ อีก“เช่นนั้นพวกข้าออกไปก่อนนะเจ้าคะ”กู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงออกไปอย่างรู้กาลเทศะ ให้พื้นที่แก่นางหยางและซูจิ้งซูจื่อชิงมองเข้าไปในห้องด้วยความรู้สึกผิด “เมื่อครู่ ข้าพูดอะไรที่ทำให้ท่านพ่อเสียใจ ข้า...”เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน แค่คิดถึงบิดามากเหลือเกินในหลายปีที่ผ่านมากว่าจะได้พบกันไม่ง่ายเลย อีกฝ่ายยังต้องการจะจากไปอีก เขาจึงรู้สึกเครียดไปชั่วขณะ“อย่ากังวล ท่านพ่อหูหนวก ไม่ได้ยินสิ่งที่เจ้ากำลังพูด” ซูจิ่นเอ๋อร์ปลอบประโลมอย่างใจดี
กู้หว่านเยว่หยิบน้ำเชื่อมออกมาขวดหนึ่งแล้วยื่นให้เขา พร้อมกับอธิบาย“ข้าและท่านพี่ได้ยินว่าท่านเกิดเรื่อง จึงเร่งเดินทางมาที่นี่ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?”หนานหยางอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ประสานมือคารวะทั้งสองคน“ขอบคุณท่านอ๋องและพระชายาที่ยังเป็นห่วงข้า”กู้หว่านเยว่เห็นเขามีสีหน้าอ่อนเพลีย จึงรีบเอ่ยขึ้น “รีบดื่มน้ำเชื่อมนี่เถิด จะช่วยให้ท่านฟื้นฟูกำลังได้”“ตกลง”หนานหยางอ๋องเปิดขวดน้ำเชื่อมอย่างเชื่อฟัง แล้วดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ จึงรีบดื่มน้ำเชื่อมที่เหลือจนหมดขวดในขณะที่หนานหยางอ๋องดื่มน้ำเชื่อมอยู่นั้น กู้หว่านเยว่ก็ไปดูชาวประมงคนอื่น ๆ พบว่าชาวประมงเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นลมเพราะความหิวชุนจวี๋รีบวิ่งเข้ามาดู แต่หลังจากที่ตามหาหนึ่งรอบแล้ว ก็ไม่พบสามีของนาง“พี่ต้าหนิว เหตุใดจึงไม่เห็นพี่ต้าหนิวเลยล่ะ?”ต้าหนิวเป็นคนกลุ่มแรกที่ตกลงไปในวังน้ำวน ตามหลักแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดจึงไม่พบเขาเลย?ชุนจวี๋ร้อนใจจนแทบบ้าเมื่อเห็นชาวประมงเหล่านี้ นางก็รู้สึกดีใจอย่างมาก คิดว่าในที่สุดก็ได้พบกับสามีของนางแล้ว แ
กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงตกตะลึงเล็กน้อย “เจ้ามาจับปลาคนเดียวหรือ เจ้ามีสามีด้วยมิใช่หรือ?”พูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของชุนจวี๋ก็น้ำตาคลอ“เขาหายตัวไปสามวันแล้ว เมื่อคืนข้าแอบออกมาตามหาเขา”ชุนจวี๋พูดพลางร้องไห้ “คนอื่นบอกว่าเขาตายแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อข้าแอบพายเรือลำเล็กมาที่ใจกลางทะเลสาบคนเดียว แล้วก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดมหาศาลกำลังดึงข้าอยู่ ข้ายังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกดึงลงไปพร้อมกับเรือ”นางเงยหน้าขึ้น “พอข้าตื่นขึ้นมา ก็เห็นพวกท่านทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าข้า”ชุนจวี๋นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองไปรอบ ๆ “สามีของข้าอาจจะตกลงมาด้วย พวกท่านเห็นเขาแถวนี้บ้างหรือไม่?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “พวกเราเห็นแค่เจ้าคนเดียว”ชุนจวี๋หัวใจสลายในทันที“แต่พื้นที่ข้างล่างนี้กว้างมาก น่าจะเป็นสุสานใต้ดิน พวกเราลองหาทางเข้าสุสานใต้ดินดู พวกเขาลงมานานแล้ว อาจจะเข้าไปในสุสานใต้ดินนานแล้วก็ได้”กู้หว่านเยว่อธิบาย เมื่อครู่นางให้ระบบส่งแผนที่ของสุสานใต้ดินมาให้นางแล้ว“ข้าจะไปหาพร้อมกับพวกท่าน”น้ำเสียงที่ไม่ลังเลแม้แต่น้อยของชุนจวี๋ ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย“เจ้าไม่กลัวหรือ? ในส
“อืม”เขาตัดสินใจกัดฟันถอดเสื้อผ้าออก แต่พอถอดถึงกางเกง กู้หว่านเยว่ก็หันหน้าหนี ทำให้ซูจิ่งสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาเปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาดตัวใหม่ ไม่ได้ใส่เสื้อ รอให้กู้หว่านเยว่ทายาให้“ผู้ชายอย่างท่านนี่ เหตุใดทั้งตัวมีแต่กล้ามเนื้อแบบนี้ล่ะ?”กู้หว่านเยว่ทนไม่ไหว จึงลูบกล้ามท้องของเขา ทำเอาชายหนุ่มตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีถ้าเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องนอนในมิติของกู้หว่านเยว่สินะทั้งห้องเป็นสีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหญิงสาวอบอวลอยู่เมื่อได้กลิ่นหอมนั้น มองไปที่เตียงใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังกู้หว่านเยว่ ใบหูของเขาก็ร้อนผ่าวกู้หว่านเยว่หัวเราะชอบใจ ถ้าไม่นึกถึงภารกิจสำคัญที่จะต้องทำเดี๋ยวนี้ นางต้องลากท่านพี่มากลิ้งบนเตียงสักหน่อยหลังจากฆ่าเชื้อโรคที่บาดแผลอย่างง่าย ๆ และโรยยาจินชวงสมานแผลแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก“น่าจะเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่แผลนี้ไม่ลึกมาก แค่ช่วงสองสามวันนี้ระวังอย่าให้โดนน้ำก็พอ”“ขอบคุณน้องหญิง”ซูจิ่งสิงใส่เสื้อ กู้หว่านเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย มองไม่เห็นกล้ามท้องแล้วรอจนกระทั่งซูจิ่งสิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้หว่านเยว่ก็เอ่
“หากถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน ยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือไม่?”เมี่ยชิงหว่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน พอเห็นกู้หว่านเยว่ส่ายหน้า นางก็ทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาแดงก่ำกู้หว่านเยว่ดึงซูจิ่งสิงไปด้านข้าง จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อย “ท่านพี่ ใต้วังน้ำวนนั่นอาจจะมีของบางอย่าง”เมื่อครู่ระบบบอกกับนางว่า ใต้วังน้ำวนอาจจะมีสมบัติอยู่กู้หว่านเยว่รู้สึกคันไม้คันมืออีกแล้ว“ข้าตั้งใจว่าจะไปดู ถ้าเห็นชาวประมงที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะพากลับมา”ซูจิ่งสิงเห็นดวงตาของนางเป็นประกาย ก็รู้ว่านางอยากไปมาก ในเมื่อน้องหญิงอยากไป เขาก็จะไม่ห้ามแน่นอน“เราสองคนไปด้วยกัน”“ก็ได้”อย่างมากก็หากเจออันตราย ก็จะลากซูจิ่งสิงเข้าไปหลบในมิติด้วยกันเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้หว่านเยว่ก็หันไปบอกทุกคน“พวกเจ้ารอคำสั่งอยู่บนเรือใหญ่ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครพายเรือเด็ดขาด ข้าและท่านอ๋องจะนั่งเรือเล็กไปสำรวจที่ใจกลางทะเลสาบก่อน”คนที่นำมาล้วนเป็นองครักษ์จันทรา ไม่กลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อฟังชิงเหลียนและฉู่เฟิงรีบไปที่ท้ายเรือ จากนั้นค่อย ๆ วางเรือลำเล็กไว้บนผิวน้ำ“นายท่าน ฮูหยิน พวกท่านต้องระวังตัวด้วย” ชิง
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่