ตอนนั้นเถ้าแก่ให้นางพักอยู่ในคอกม้า ลูกของนางยังตัวร้อนเป็นไข้สูงกู้หว่านเยว่จำได้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางดูไม่เหมือนชาวต้าฉีหญิงสาวผู้นี้เป็นใครกันแน่?“หงเจา” หากเป็นพวกต้มตุ๋นหากินทั่วไป กู้หว่านเยว่ไม่เพียงแต่จะไม่ให้เงิน แต่ยังจะสั่งสอนบทเรียนให้ชุดใหญ่ แต่เวลานี้นางเปลี่ยนใจแล้ว โบกมือเรียกหงเจาให้เข้ามา“ฮูหยิน อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ บ่าวจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้”หงเจาถึงกับถกแขนเสื้อขึ้นแล้ว ตั้งใจจะไปโต้เถียงกับหญิงสาวผู้นั้นกู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นเบา ๆ “หยิบเศษเงินมาสักก้อน แล้วยื่นให้หญิงสาวผู้นั้น”“ฮูหยินเจ้าคะ?”“เร็วเข้า ทำตามที่ข้าบอกเถอะ”กู้หว่านเยว่ปล่อยม่านรถม้าลง ไม่ให้หญิงสาวผู้นั้นได้เห็นหน้าตาของนางแต่หญิงสาวผู้นั้นคงจะรู้สึกผิดอยู่ในใจ จึงยังคงหลับตาแน่น และไม่กล้ามองสอดส่ายไปยังบนรถม้า“เฮ้อ ฮูหยินช่างใจบุญเสียจริง”หงเจาถอนหายใจ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงทำเช่นนี้ แต่คำสั่งของฮูหยิน นางย่อมต้องฟัง ดังนั้นจึงหยุดโต้เถียงในทันที รีบล้วงหยิบเศษเงินหนึ่งตำลึงออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วโยนให้หญิงสาวผู้นั้น“เร็วเข้า ๆ ๆ เงินนี่ให้เจ้าแล้ว เอ
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคิดจะสั่งอาหารตามรายการเมนู ปรากฏว่าครู่ต่อมา เจียงหรงก็เดินเข้ามาจากด้านนอก“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ”นางทำความเคารพทั้งสองคนกู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจ “พวกเราสองคนแต่งกายปลอมตัวมา เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะมา?”นางประคองเจียงหรงให้รีบลุกขึ้น เจียงหรงยิ้มอย่างขัดเขิน “เสี่ยวเอ้อร์ที่รับรองพวกท่านเข้ามารายงาน บอกว่ามีแขกสองท่านที่ท่าทางไม่ธรรมดามาถึงเพคะ หม่อมฉันจึงลองซักถามไปสองสามคำ ก็เดาได้ว่าเป็นฝ่าบาทและฮองเฮาเสด็จมาเพคะ”“ฉลาดจริง ๆ ”กู้หว่านเยว่กล่าวชื่นชมสมแล้วที่เป็นยอดภรรยาผู้มากความสามารถของท่านราชเลขาธิการ“ข้าและฝ่าบาทแต่งกายปลอมตัวออกมา ได้ยินว่าเจ้าเปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง จึงตั้งใจมาลองชิมดูว่ารสชาติอาหารเสฉวนของที่นี่เป็นต้นตำรับหรือไม่ ทำตัวตามสบายเถอะ อย่าให้ฐานะของพวกเรารั่วไหลออกไป ปฏิบัติต่อเราเหมือนแขกธรรมดาทั่วไปก็พอแล้ว”เจียงหรงพยักหน้า “นายท่าน ฮูหยิน วางใจเถิดเพคะ”นางสังเกตสีหน้าของทั้งสองคน “หากนายท่านและฮูหยินต้องการจะลองอาหารเสฉวน ลองชิมสักสองสามอย่างนี้ดูเพคะ ต้มเลือดเป็ดผ้าขี้ริ้ว ไก่ทอดผัดพริกเสฉวน
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก
ร่างกายร้อนผ่าวอยู่บ้างกู้หว่านเยว่ลืมตาขึ้นมา พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงแกะสลักขนาดใหญ่ มีกลิ่นอายโบราณหลังหนึ่ง ข้างเตียงมีชายสวมชุดแต่งงานนั่งอยู่หนึ่งคนนี่คงฝันไปใช่ไหม แต่เหตุใดเหมือนจริงถึงเพียงนี้?นางเบือนหน้ามองฝ่ายชายฝ่ายชายผิวพรรณขาวดุจหยก ใบหน้าหล่อเหลางดงาม มองแวบเดียวก็ทำให้คนจมดิ่งสู่ภวังค์อย่างยากจะหักห้ามใจ เพียงแต่สีหน้าของเขาเย็นชาเกินไป สุ้มเสียงเองก็ไร้อารมณ์เสียนี่กระไร“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากแต่งกับข้า พระบรมราชโองการยากจะฝ่าฝืน หากเจ้าไม่ยินยอม...”“ข้ายินยอม ข้ายินยอม!”ชายหนุ่มรูปงามหาใครเทียบได้เช่นนี้ นางครองโสดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยได้พบพานมาก่อน ไฉนเลยจะไม่ยินยอมกันเล่า!กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของฝ่ายชาย ยื่นมือออกไปเกี่ยวเข็มขัดโผเข้าหาอ้อมอกของเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง อ้า หอมยิ่งนัก กลิ่นหอมเย็นของชายหนุ่มรูปงามเห็นได้ชัดว่านี่คือครั้งแรกของฝ่ายชาย ทีแรกยังคิดปฏิเสธ แต่กลับไม่อาจต้านทานเสียงที่ดังออดอ้อนออเซาะขึ้นมาของนางได้ สติค่อยๆ เลือนรางไป ทว่า ครู่เดียวก็ทำเอากู้หว่านเยว่วิญญาณหลุดลอยทั้งสองเกี
“ฝ่าบาทมีรับสั่ง เจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงคิดก่อกบฏ หลักฐานชัดเจน!”“นับแต่นี้ไปปลดออกจากตำแหน่ง เป็นสามัญชน ยึดทรัพย์เนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า ผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”ฮูหยินผู้เฒ่าทุบอกกระทืบเท้า “สกุลซูของข้าซื่อสัตย์ภักดี ไฉนเลยจะก่อกบฏได้?”หัวหน้าหน่วยยึดทรัพย์เจียงเต๋อจื้อสบถเสียงเย็น “ฝ่าบาทมีพระกระแสรับสั่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง เจ้ากำลังกล่าวหาว่าฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยผิดพลาดงั้นหรือ?”ทุกคนไม่กล้าโวยวายอีก กอดกันร่ำไห้โอดครวญทหารหลวงหลั่งไหลเข้ามา ถีบเปิดประตูเรือน ทุบทำลายข้าวของทั่วทุกสารทิศคล้ายโจรก็มิปาน ไม่ว่าที่ผ่านมาเจ้ามีตำแหน่งสูงส่งเยี่ยงไร หากถูกลงโทษยึดทรัพย์ นั่นก็คือคนต่ำต้อยมองภาพวุ่นวายภายในจวนอ๋อง ฮูหยินผู้เฒ่าคิดห้าม แต่กลับถูกเจียงเต๋อจื้อผลักล้มลงกับพื้น กระดูกของหญิงชราเกือบหักถัดมา เจียงเต๋อจื้อหรี่ตามองทางญาติฝ่ายหญิงของจวนอ๋อง“เพื่อป้องกันมิให้พวกเจ้านำทรัพย์สินส่วนตัวออกไป ญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องเปลื้องผ้าตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเพื่อตรวจสอบหนึ่งรอบ!”“ไม่ได้!”สีหน้าเหล่าญาติฝ่ายหญิงทั้งโกรธทั้งอายฮูหยินผู้เฒ่าก่นด่าออกมา “เจียงเต๋อจื
“กบฏ ไม่ตายดี!”“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดีบัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้าหันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้นบ้านอื่นสบตากันแวบ
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นภายในสมอง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจแทบแย่“เจ้าเป็นใคร?”“สวัสดีเจ้านาย ข้าเป็นผู้ดูแลระบบมิติ รับผิดชอบตอบปัญหาที่ท่านสงสัยโดยเฉพาะ”มิติคือพลังวิเศษที่นางมีตั้งแต่ชาติก่อน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ดูแลระบบอันใด“ก่อนนี้เจ้านายอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบ แต่อิงตามการกักตุนสินค้าเต็มพื้นที่ของท่านในวันนี้ มิติได้เปิดใช้งานผู้ดูแลระบบและอาคารทางการแพทย์ให้ท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่หลับตาลง เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติได้แล้ว ดังคาด ภายในพื้นที่กักตุนสินค้า นอกจากสิ่งของที่นางเก็บมา ก็มีอาคารทางการแพทย์เครื่องมือล้ำสมัยหลังหนึ่งทว่า เหตุใดเป็นอาคารทางการแพทย์เล่า?“ซูจิ่งสิงต้องการอาคารทางการแพทย์ เจ้าก็เปิดการใช้งานอาคารทางการแพทย์ ตกลงเจ้าของร่างคือข้าหรือซูจิ่งสิงกันแน่?”กู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์อย่างมากในใจ“...” ผู้ดูแลระบบแกล้งตายไปแล้วกู้หว่านเยว่ทำเพียงสำรวจการเปลี่ยนแปลงภายในมิติ นอกจากอาคารทางการแพทย์ นางยังพบหน้าจอคล้ายศูนย์ควบคุมทำนองนั้นเพิ่มขึ้นมาในระบบอย่างหนึ่ง ข้างบนเขียนการเปิดใช้งานอาคารใหม่หลากหลายแบบอ
มีนางเป็นตัวอย่าง ทุกคนล้มเลิกความคิดแล้ว แต่ละคนกัดฟันเดินไปข้างหน้าเดินออกมาอีกราวห้าลี้ กู้หว่านเยว่เห็นนางหยางเหนื่อยจนคล้ายลาแก่ ต้องการขยับขึ้นไปช่วย แต่กลับถูกนางปฏิเสธ “หว่านเยว่ เจ้า เจ้าเหนื่อย ข้าเข็น...”“ใช่แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเพิ่งแต่งเข้ามาก็ต้องถูกเนรเทศไปกับพวกเรา จะยังให้ท่านลำบากอีกได้เยี่ยงไร” ซูจื่อชิงรู้ความ เรียกซูจิ่นเอ๋อร์น้องสาวมาช่วยเข็นด้วยกันใครรู้ซูจิ่นเอ๋อร์ตัวเล็กแต่อารมณ์ร้าย ใบหน้าเปี่ยมอารมณ์ไม่พอใจ “ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว เข็นไม่ไหว ก็ควรให้กู้หว่านเยว่เข็น ใครให้นางเป็นดาวหายนะทำให้พวกเราต้องถูกเนรเทศกันเล่า”“น้องหญิง เจ้าพูดส่งเดชอันใด เรื่องนี้ตำหนิพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้”ซูจื่อชิงโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เหตุใดน้องหญิงคิดเห็นเฉกเดียวกันกับบ้านเหล่านั้นได้เล่า?สีหน้าซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนไปแล้ว รู้สึกเกลียดกู้หว่านเยว่เพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งส่วนอยู่ภายในใจกู้หว่านเยว่คร้านจะตามใจอารมณ์ของคุณหนูใหญ่ “เจ้าเองก็รู้ว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเอ็นดูเจ้าที่สุด บัดนี้เขาหมดสติยังไม่ฟื้น ปรากฏว่าแม้แต่เข็นเกวียนของเขาสักเล็กน้อยเจ้าก็ไม่ยินดี ช่างเอ็นดูอย่างเสียเปล่า
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคิดจะสั่งอาหารตามรายการเมนู ปรากฏว่าครู่ต่อมา เจียงหรงก็เดินเข้ามาจากด้านนอก“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ”นางทำความเคารพทั้งสองคนกู้หว่านเยว่รู้สึกประหลาดใจ “พวกเราสองคนแต่งกายปลอมตัวมา เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะมา?”นางประคองเจียงหรงให้รีบลุกขึ้น เจียงหรงยิ้มอย่างขัดเขิน “เสี่ยวเอ้อร์ที่รับรองพวกท่านเข้ามารายงาน บอกว่ามีแขกสองท่านที่ท่าทางไม่ธรรมดามาถึงเพคะ หม่อมฉันจึงลองซักถามไปสองสามคำ ก็เดาได้ว่าเป็นฝ่าบาทและฮองเฮาเสด็จมาเพคะ”“ฉลาดจริง ๆ ”กู้หว่านเยว่กล่าวชื่นชมสมแล้วที่เป็นยอดภรรยาผู้มากความสามารถของท่านราชเลขาธิการ“ข้าและฝ่าบาทแต่งกายปลอมตัวออกมา ได้ยินว่าเจ้าเปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมือง จึงตั้งใจมาลองชิมดูว่ารสชาติอาหารเสฉวนของที่นี่เป็นต้นตำรับหรือไม่ ทำตัวตามสบายเถอะ อย่าให้ฐานะของพวกเรารั่วไหลออกไป ปฏิบัติต่อเราเหมือนแขกธรรมดาทั่วไปก็พอแล้ว”เจียงหรงพยักหน้า “นายท่าน ฮูหยิน วางใจเถิดเพคะ”นางสังเกตสีหน้าของทั้งสองคน “หากนายท่านและฮูหยินต้องการจะลองอาหารเสฉวน ลองชิมสักสองสามอย่างนี้ดูเพคะ ต้มเลือดเป็ดผ้าขี้ริ้ว ไก่ทอดผัดพริกเสฉวน
ตอนนั้นเถ้าแก่ให้นางพักอยู่ในคอกม้า ลูกของนางยังตัวร้อนเป็นไข้สูงกู้หว่านเยว่จำได้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางดูไม่เหมือนชาวต้าฉีหญิงสาวผู้นี้เป็นใครกันแน่?“หงเจา” หากเป็นพวกต้มตุ๋นหากินทั่วไป กู้หว่านเยว่ไม่เพียงแต่จะไม่ให้เงิน แต่ยังจะสั่งสอนบทเรียนให้ชุดใหญ่ แต่เวลานี้นางเปลี่ยนใจแล้ว โบกมือเรียกหงเจาให้เข้ามา“ฮูหยิน อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ บ่าวจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้”หงเจาถึงกับถกแขนเสื้อขึ้นแล้ว ตั้งใจจะไปโต้เถียงกับหญิงสาวผู้นั้นกู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นเบา ๆ “หยิบเศษเงินมาสักก้อน แล้วยื่นให้หญิงสาวผู้นั้น”“ฮูหยินเจ้าคะ?”“เร็วเข้า ทำตามที่ข้าบอกเถอะ”กู้หว่านเยว่ปล่อยม่านรถม้าลง ไม่ให้หญิงสาวผู้นั้นได้เห็นหน้าตาของนางแต่หญิงสาวผู้นั้นคงจะรู้สึกผิดอยู่ในใจ จึงยังคงหลับตาแน่น และไม่กล้ามองสอดส่ายไปยังบนรถม้า“เฮ้อ ฮูหยินช่างใจบุญเสียจริง”หงเจาถอนหายใจ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงทำเช่นนี้ แต่คำสั่งของฮูหยิน นางย่อมต้องฟัง ดังนั้นจึงหยุดโต้เถียงในทันที รีบล้วงหยิบเศษเงินหนึ่งตำลึงออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วโยนให้หญิงสาวผู้นั้น“เร็วเข้า ๆ ๆ เงินนี่ให้เจ้าแล้ว เอ
อวิ๋นมู่รับยาน้ำมาด้วยสองมือเขาร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด ร่างกายจึงเปราะบางอ่อนแอกว่าคนทั่วไป เคยมีหมอวินิจฉัยว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินยี่สิบห้าปีภายใต้การดูแลรักษาของกู้หว่านเยว่ สุขภาพของเขาก็ดีวันดีคืนอย่างเห็นได้ชัด“ฮองเฮา ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”สายตาของอวิ๋นมู่ฉายแววซาบซึ้งกู้หว่านเยว่มิใช่เป็นเพียงคนที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนเทพธิดาที่เขาเทิดทูนบูชาอยู่ในใจเขาคือสาวกผู้ภักดีของนาง“เรื่องดินปืน เจ้าจงฟังคำสั่งจากเกาเจี้ยน แม่ทัพใหญ่ในการโจมตีหนานเจียงครั้งนี้คือเขา”“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”อวิ๋นมู่พยักหน้า เขากับเกาเจี้ยนสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ดังนั้นการสื่อสารย่อมไม่มีอุปสรรคหลังจากปรึกษาหารือเรื่องดินปืนเสร็จแล้ว ทั้งสองก็ออกจากสกุลอวิ๋น ขึ้นรถม้าไปยังร้านอาหารที่เจียงหรงเปิดเพื่อรับประทานอาหาร“ปึง!”ทันใดนั้นก็มีเสียงกระแทกดังมาจากด้านหน้ารถม้ากู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกำลังพูดคุยกันอยู่ ก็พากันสะดุ้งตกใจกับเสียงนี้“นายท่าน ชนคนเข้าแล้วเจ้าค่ะ”น้ำเสียงตื่นตระหนกของหงเจาดังเข้ามา ทำให้ทั้งสองคนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเปิด
“ขอบพระทัยเสด็จพี่ใหญ่ ขอบพระทัยพี่สะใภ้ใหญ่ กระหม่อมจะรีบนำข่าวดีไปบอกชิงหว่านเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”ซูจื่อชิงดีใจยิ่งนัก รีบคุกเข่าลงโขกศีรษะไปยังทั้งสองคนเสียงดังตุบ ๆ จากนั้นก็ทำราวกับเด็กหนุ่มใจร้อนคนหนึ่ง วิ่งออกจากวังไปอย่างรวดเร็ว“ไม่ได้เรื่อง”ซูจิ่งสิงทนมองไม่ได้กู้หว่านเยว่กล่าวหยอกล้อ “ดูเหมือนว่าบางคนจะไม่ได้เรื่องยิ่งกว่าน้องชายของตนเองเสียอีก”“นั่นไม่ได้เรียกว่าไม่ได้เรื่อง นั่นเรียกว่าต่อหน้าน้องหญิง ต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา”ซูจิ่งสิงท่าทางดูจริงจังทั้งสองคนปรึกษาหารือเรื่องของซูจื่อชิงเสร็จแล้ว ก็หันมาปรึกษาหารือเรื่องการยกทัพไปปราบปรามหนานเจียงต่อ ในที่สุดสามีภรรยาทั้งสองคนก็ตัดสินใจตรงกันว่า การปราบปรามหนานเจียงนั้นต้องรวดเร็วและตัดสินผลแพ้ชนะให้เด็ดขาด“ส่งสาส์นประกาศศึกก่อน จากนั้นค่อยใช้ปืนใหญ่ ยิงถล่มหนานเจียงโดยตรง”ซูจิ่งสิงยกนิ้วโป้งขึ้นอย่างเงียบ ๆ “น้องหญิง วิธีการของเจ้าช่างหยาบและง่ายดายจริง ๆ ”“ก็ต้องรวดเร็วและเด็ดขาดสิ ข้าไม่อยากจะไปพัวพันกับชาวหนานเจียงนานเกินไป”กู้หว่านเยว่หันไปใส่ใจอีกเรื่องหนึ่ง“จริงสิ ทางด้านเฟิ่งอู๋ชีมีท่าทีอย่างไ
บัดนี้เขาตายแล้ว ไม่มีผู้ใดเห็นใจหรือสงสารเขาเลยแม้แต่คนเดียว ตรงกันข้าม ทุกคนต่างพากันปรบมือโห่ร้องยินดี พวกเขาชาวต้าฉีก็มีเลือดนักสู้เช่นกัน ถึงแม้จะไม่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดสงครามก็ตามแต่ชาวหนานเจียงข่มเหงเหยียบย่ำจนแทบจะขี้รดหัวอยู่แล้ว หากยังทนต่อไปอีก มิเท่ากับว่าเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวหรอกหรือ?การสังหารองค์ชายหนานเจียง เป็นการทวงคืนความยุติธรรมให้แก่เหล่าราษฎรผู้บริสุทธิ์ที่ล้มตายไป และยังเป็นการปลอบประโลมจิตใจของพวกเขาด้วยต่อให้ต้องทำสงคราม พวกเขาก็เข้าใจได้“เสด็จพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านตัดสินใจจะทำสงครามกับหนานเจียงจริง ๆ หรือ?”ซูจื่อชิงรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่เขาก็เข้าใจดีว่าสงครามครั้งนี้มิอาจหลีกเลี่ยงได้หนานเจียงรังแกกันเกินไปจริง ๆ แต่เวลานี้ท้องพระคลังว่างเปล่า เกรงว่าจะไม่มีกำลังพอที่จะสนับสนุนการทำสงครามอีกครั้ง“เรื่องท้องพระคลังไม่ต้องกังวล”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างใจเย็น “เมื่อถึงเวลา จะนำเงินจากคลังส่วนตัวของพวกเราไปสมทบเอง”อืม คลังส่วนตัวของนางนั้น มีเงินมากกว่าในท้องพระคลังทั้งหมดหลายสิบเท่าไม่จำเป็นต้องกลัวเลยสักนิด“พี่สะใภ้ใหญ่”ซูจื่อชิงถึ
ณ มุมหนึ่ง สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าโจวและนายท่านโจวเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนความแค้นที่พวกเขามีต่อเฟิ่งหวู่โจวนั้นท่วมท้นทว่าแม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่กล้าคิดที่จะลงมือสังหารเฟิ่งหวู่โจว“เหลียงถงอวี้ผู้นี้...” ฮูหยินผู้เฒ่าโจวนึกถึงเมื่อวานที่นางไปหยามเกียรติเหลียงถงอวี้ถึงที่ บนใบหน้าชราก็ปรากฏความละอายใจแวบหนึ่งนายท่านโจวก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน“สตรีหอคณิกา กลับมีความกล้าหาญถึงเพียงนี้”“เป็นพวกเราเองที่มองคนแค่เพียงภายนอก”คราวนี้ทั้งสองคนไม่ลังเล รีบวิ่งออกมาแล้วคุกเข่าลงข้างกายเหลียงถงอวี้“ฝ่าบาท ฮองเฮา ถงอวี้นางถูกความเจ็บปวดจากการสูญเสียสามีครอบงำทำให้ขาดสติ จึงได้สังหารองค์ชายสามแห่งหนานเจียงฝ่าบาทและฮองเฮาโปรดทรงเมตตา เห็นแก่หน้าบุตรชายของกระหม่อมที่ตายไปก่อนวัยอันควร ได้โปรดไว้ชีวิตเหลียงถงอวี้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เหลียงถงอวี้มองพวกเขาด้วยสายตาซับซ้อนกู้หว่านเยว่ยิ้มหากนางคิดจะลงโทษเหลียงถงอวี้จริง ๆ เมื่อครู่นางคงไม่ยืนดูอยู่เฉย ๆ แล้วปล่อยให้เฟิ่งหวู่โจวตายด้วยน้ำมือของนางไปต่อหน้าต่อตา“พวกท่านไม่โทษเหลียงถงอวี้แล้วหรือ?”สองผู้เฒ่าสกุลโจวสั่นสะท้านขึ้นมา ที
“คือเขา”แม่ทัพแห่งต้าฉีผู้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนั่นเฟิ่งหวู่โจวเห็นเขาแล้วรู้สึกขัดตา จึงหาโอกาสให้แมงป่องยักษ์ต่อยเขาด้วยพิษ จากนั้นก็ตัดศีรษะของเขาออกมา“เขาข่มขืนอนุภรรยาสุดที่รักของข้า ต่อให้ตายก็ยังน้อยไป!” แววตาของเฟิ่งหวู่โจววูบไหวเล็กน้อย ยืนกรานในข้ออ้างนี้อย่างหนักแน่น“เจ้าพูดจาเหลวไหล!”ร่างกายอันอ่อนแอบอบบางของเหลียงถงอวี้ พลันระเบิดพลังสายหนึ่งออกมา“สามีของข้าเป็นผู้มีคุณธรรม ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้เป็นอันขาด เจ้าชาวหนานเจียงไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ฆ่าสามีของข้าแล้ว ยังไม่กล้าเอ่ยความจริงออกมา ช่างไร้ยางอายสิ้นดี!”เฟิ่งหวู่โจวกระทืบเท้า “จะ เจ้า พูดจาเหลวไหล!”“บอกมา สามีข้าตายด้วยเหตุใดกันแน่ เขาไปล่วงเกินอะไรเจ้าตรงไหน เจ้าไม่เพียงแต่จะฆ่าเขา ยังต้องใส่ร้ายป้ายสีชื่อเสียงอันดีงามของเขาอีก?”เหลียงถงอวี้ก้าวเข้าไปหาเฟิ่งหวู่โจวทีละก้าว เห็นได้ชัดว่าใบหน้าดูอ่อนโยนบอบบาง แต่เวลานี้ ทั่วร่างกายกลับเต็มไปด้วยแรงกดดัน“หรือว่าท่านเทพธิดาไหมแห่งหนานเจียงของพวกเจ้า ก็เป็นเหมือนองค์ชายหนานเจียงผู้นี้ กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ ปากก็มีแต่คำโป้ปดเช่นนั้นหรือ?”“บังอาจ บัง
“พวกเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว”“นี่เป็นแมงป่องพิษที่หนานเจียงของเราใช้ความพยายามอย่างมากในการเพาะเลี้ยงออกมา พวกเจ้ากลับเผามันทั้งเช่นนี้ ต้องการเป็นศัตรูกับหนานเจียงของเราหรือ?”ในใจเฟิ่งหวู่โจวกำลังมีเลือดไหลแล้ว กู้หว่านเยว่หันกลับไปมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง“เจ้าพูดถูกแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ต้าฉีขอประกาศสงครามกับหนานเจียงอย่างเป็นทางการ”“อะไรนะ?”เฟิ่งหวู่โจวก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเรื่องราวจะบานปลายถึงขั้นนี้ คราวนี้ไปกันใหญ่แล้ว ต้าฉีโดนพวกเขายั่วจนโมโห จะเปิดศึกกับพวกเขา“พวกเจ้าเพิ่งจบสงครามไม่ใช่หรือ แคว้นของพวกเจ้าเกิดความอดอยากมากมายไม่ใช่หรือ? พวกเจ้าไม่ควรพักฟื้นหรือ? พวกเจ้าบุ่มบ่ามเปิดศึกกับพวกเรา รู้หรือไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร?”เฟิ่งหวู่โจวร้อนใจจนแสดงออกทางสีหน้าสามารถมองออกได้ว่าเขากำลังตื่นตระหนกจากสีหน้า“ผลที่ตามมาอะไร หนานเจียงของเจ้ากล้าฆ่าแม่ทัพต้าฉีของเรา ต้าฉีของเรายังต้องอดกลั้นอีกหรืออย่างไร?”กู้หว่านเยว่มองแมงป่องพิษที่อยู่ใจกลางท้องพระโรงแวบหนึ่ง ภายใต้การถูกไฟย่าง แมงป่องพิษตัวนั้นถูกย่างจนกลายเป็นสีเหลืองทองและกรอบแล้ว“ไปจูงสุนัขมา