“กบฏ ไม่ตายดี!”“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดีบัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้าหันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้นบ้านอื่นสบตากันแวบ
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นภายในสมอง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจแทบแย่“เจ้าเป็นใคร?”“สวัสดีเจ้านาย ข้าเป็นผู้ดูแลระบบมิติ รับผิดชอบตอบปัญหาที่ท่านสงสัยโดยเฉพาะ”มิติคือพลังวิเศษที่นางมีตั้งแต่ชาติก่อน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ดูแลระบบอันใด“ก่อนนี้เจ้านายอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบ แต่อิงตามการกักตุนสินค้าเต็มพื้นที่ของท่านในวันนี้ มิติได้เปิดใช้งานผู้ดูแลระบบและอาคารทางการแพทย์ให้ท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่หลับตาลง เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติได้แล้ว ดังคาด ภายในพื้นที่กักตุนสินค้า นอกจากสิ่งของที่นางเก็บมา ก็มีอาคารทางการแพทย์เครื่องมือล้ำสมัยหลังหนึ่งทว่า เหตุใดเป็นอาคารทางการแพทย์เล่า?“ซูจิ่งสิงต้องการอาคารทางการแพทย์ เจ้าก็เปิดการใช้งานอาคารทางการแพทย์ ตกลงเจ้าของร่างคือข้าหรือซูจิ่งสิงกันแน่?”กู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์อย่างมากในใจ“...” ผู้ดูแลระบบแกล้งตายไปแล้วกู้หว่านเยว่ทำเพียงสำรวจการเปลี่ยนแปลงภายในมิติ นอกจากอาคารทางการแพทย์ นางยังพบหน้าจอคล้ายศูนย์ควบคุมทำนองนั้นเพิ่มขึ้นมาในระบบอย่างหนึ่ง ข้างบนเขียนการเปิดใช้งานอาคารใหม่หลากหลายแบบอ
มีนางเป็นตัวอย่าง ทุกคนล้มเลิกความคิดแล้ว แต่ละคนกัดฟันเดินไปข้างหน้าเดินออกมาอีกราวห้าลี้ กู้หว่านเยว่เห็นนางหยางเหนื่อยจนคล้ายลาแก่ ต้องการขยับขึ้นไปช่วย แต่กลับถูกนางปฏิเสธ “หว่านเยว่ เจ้า เจ้าเหนื่อย ข้าเข็น...”“ใช่แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเพิ่งแต่งเข้ามาก็ต้องถูกเนรเทศไปกับพวกเรา จะยังให้ท่านลำบากอีกได้เยี่ยงไร” ซูจื่อชิงรู้ความ เรียกซูจิ่นเอ๋อร์น้องสาวมาช่วยเข็นด้วยกันใครรู้ซูจิ่นเอ๋อร์ตัวเล็กแต่อารมณ์ร้าย ใบหน้าเปี่ยมอารมณ์ไม่พอใจ “ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว เข็นไม่ไหว ก็ควรให้กู้หว่านเยว่เข็น ใครให้นางเป็นดาวหายนะทำให้พวกเราต้องถูกเนรเทศกันเล่า”“น้องหญิง เจ้าพูดส่งเดชอันใด เรื่องนี้ตำหนิพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้”ซูจื่อชิงโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เหตุใดน้องหญิงคิดเห็นเฉกเดียวกันกับบ้านเหล่านั้นได้เล่า?สีหน้าซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนไปแล้ว รู้สึกเกลียดกู้หว่านเยว่เพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งส่วนอยู่ภายในใจกู้หว่านเยว่คร้านจะตามใจอารมณ์ของคุณหนูใหญ่ “เจ้าเองก็รู้ว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเอ็นดูเจ้าที่สุด บัดนี้เขาหมดสติยังไม่ฟื้น ปรากฏว่าแม้แต่เข็นเกวียนของเขาสักเล็กน้อยเจ้าก็ไม่ยินดี ช่างเอ็นดูอย่างเสียเปล่า
ซูจิ่งสิงไม่รู้ว่าตนตื่นตั้งแต่เมื่อไร“ดีเหลือเกิน พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”ซูจื่อชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกพี่ใหญ่ตื่นแล้ว ในที่สุดเรื่องพี่สะใภ้ใหญ่ก็มีกำลังหนุนแล้ว“พยุงข้าหน่อย” ซูจิ่งสิงยื่นมือออกมาอย่างอ่อนแรง พอนั่งพิงหัวเตียงได้แล้ว เขาก็มองดูกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่คนเดียวด้วยสายตารู้สึกผิด“ขอโทษนะ”ไม่เพียงแต่ทำให้นางเดือดร้อน แต่ยังทำให้นางถูกตระกูลซูหยามเหยียดกู้หว่านเยว่สบตาเขา ตกตะลึงไปเล็กน้อยแล้วรีบร้อนพูดว่า “ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่สนใจวาจาของพวกคนขยะแต่นางไม่คิดว่า ซูจิ่งสิงจะปกป้องนางทว่ากลับเป็นคนอื่นๆ ในห้องที่อดกลั้นไว้ไม่ไหว และไม่สนว่าบาดแผลของซูจิ่งสิงเป็นอย่างไร กระโจนเข้ามาถามว่า“จิ่งสิง เจ้าขอโทษนางมันหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าพวกเราเหล่าผู้เฒ่าทำผิดหรือ?”หากไม่หย่าภรรยา หรืออยากเห็นนางทำลายตระกูลหรือ?!“รีบหย่ากับนางเสีย ขอเพียงเจ้าหย่ากับนาง พวกเรายังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน”“...”ครอบครัวเดียวกัน?ฮะๆ... ช่างเป็นครอบครัวเดียวกันที่แสนประเสริฐยามเขายังเป็นเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่เ
เมื่อซูจิ่นเอ๋อกลับมา น้ำตาบนใบหน้าของนางก็เริ่มแห้ง มุมปากยังขดเม้มอย่างไม่ชอบใจอยู่เมื่อเดินผ่านกู้หว่านเยว่ นางจงใจแค่นเสียงตะคอก ก่นด่าไปหลายคำ“ดาวไม้กวาด[footnoteRef:1] บ่างช่างยุ สุนัขจิ้งจอก!” [1: หรือดาวหาง คติชนจีนบอกว่าดาวหางจะกวาดล้างผู้คน หากพบเห็น จะเกิดสงครามหรือภัยธรรมชาติ ส่วนความหมายของสมัยใหม่คือ เป็นคำสาปแช่งบุคคลที่จะนำภัยพิบัติหรือโชคร้ายมาสู่ตน มักใช้กับผู้หญิงเป็นหลัก] สุนัขจิ้งจอกนางยอมรับ แต่อีกสองคำนั้นนางไม่ยอมรับกู้หว่านเยว่เหลือบมองหญิงสาว ได้กลิ่นซาลาเปาเนื้อบนตัวของนางโชยมา พลันพูดเสียงดังว่า “ซูจิ่นเอ๋อ เหตุใดปากเจ้าจึงมันเยิ้มเช่นนั้น? เศษเนื้อเองก็ติดอยู่ที่ปาก เจ้าแอบไปกินซาลาเปาเนื้อลับหลังพวกเราหรือ?”“ไม่ ไม่ใช่เสียหน่อย!”ซูจินเอ๋อรู้สึกผิด รีบเช็ดมุมปากทันที สายตามองไปที่ซูจิ่งสิงและคนอื่นๆ โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะได้ยินกู่หว่านเยว่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา“เจ้าหลอกข้า?”ใบหน้าของซูจิ่นเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ นางกัดฟันแล้วพูดว่า“เจ้าบ่างช่างยุ รอก่อนเถอะ เจ้าจะได้มีความสุขเช่นนี้อีกไม่กี่วันแล้ว!”พี่หญิงซือซือรับปากกับนางแล้ว
“นั่นน่ะสิ หัวหน้าใกล้จะหมดลมแล้ว นางยังพิรี้พิไรอยู่อีก”“รู้วิชาแพทย์อันใดกัน? ข้าว่านางเสแสร้งเสียมากกว่า” ชายคางแหลมคนหนึ่งกะพริบตาเล็กน้อย หยิบแส้ออกมา ตั้งใจฟาดไปที่กู้หว่านเยว่ทว่าจางเอ้อคว้าแส้ไว้ได้อย่างรวดเร็ว“เหล่าหลี ให้นางดูก่อนเถิด”เขารู้สึกว่ากู้หว่านเยว่ทำได้“นางยังเยาว์ถึงเพียงนี้ ทั้งยังเป็นอิสตรี จะรู้วิชาแพทย์ได้อย่างไร?” เหล่าหลี่ยังคงไม่ปล่อยมือกู้หว่านเยว่เลือกเซรุ่มที่ต้องการมาจากหอแห่งโอสถแล้ว เมื่อได้ยินคำเมื่อครู่ จึงมองไปหาและแดกดันว่า“เจ้ารีบห้ามข้าเช่นนี้ หรือว่าไม่อยากให้ข้ารักษาหัวหน้าของพวกเจ้าให้หายหรือ?”“เจ้า เจ้าเหลวไหล ข้าเปล่าเสียหน่อย!”เหล่าหลี่ที่ถูกคำพูดแทงก็โกรธมากเขาอายุมากกว่าซุนอู่ มีคุณสมบัติสูงกว่าซุนอู่ การคุ้มกันครั้งนี้ควรเป็นเขาที่เป็นหัวหน้า แต่เบื้องบนกลับมอบหมายงานนี้ไปให้ซุนอู่แทน...กู้หว่านเยว่มองเขาอย่างหยอกล้อ ไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับเขา ก่อนจะหยิบเข็มฉีดยาที่บรรจุเซรุ่มออกมาจากกระเป๋าสะพายหลังแล้วปักลงไปที่แขนของซุนอู่โดยไม่ลังเลการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เป็นวิธีล้างพิษที่มีประสิทธิภาพที่สุดจางเอ้อไม่เคยเห็
“ทำไมเจ้ายังไม่นอน?” “เหตุใดท่านยังไม่นอน?”ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกันกู้หว่านเยว่เขย่างานเย็บปักในมือ “ข้าเอาผ้าขี้ริ้วมาเย็บเป็นถุงหอมเล็กๆ สักสองสามถุง แล้วจะใส่สมุนไพรป้องกันแมลงลงไปเจ้าค่ะ”ระหว่างทางเนรเทศ ผู้คนกินนอนในที่โล่ง งูเงี้ยวเขี้ยวขอมีให้ได้เห็นอยู่เรื่อยๆแมงป่องพิษวันนี้มันด้วยมิใช่หรือ?พกถุงหอมป้องกันแมลงไว้สักหน่อย จะได้ไม่โดนแมลงพิษกัดเอาพูดจบ กู้หว่านเยว่ก็ก้มหน้าเย็บถุงหอมต่อทว่าฝีมือการเรือนของนางไม่ค่อยดีนัก นางพลางเย็บพลางมุ่ยหน้า ราวกับว่ากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ไร้ทางแก้ซูจิ่งสิงมองแล้วก็อยากจะช่วยขึ้นมา“ข้าช่วยเจ้าเย็บดีกว่า”กู้หว่านเยว่ถามเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ “ท่านไม่กลัวอับอายหรือ?”นางคิดว่าหากเขากล้าแสดงสีหน้ารังเกียจ นางจะหันหลังจากไปแน่นอน“สิ่งนี้มีอะไรน่าอับอายกัน?” ซูจิ่งสิงพูดอย่างเถรตรง “ข้าได้แต่นอนอยู่บนรถเข็น ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ หากเรื่องเย็บปักเล็กน้อยเช่นนี้ยังรังเกียจ เช่นนั้นถึงจะเรียกว่าน่าอับอาย”อื้ม เป็นคำตอบที่สุภาพบุรุษมาก!เจอปัญหาไม่คิดกลัว กลัวเพียงยามบุรุษเจอปัญหาแล้วยังนอนอยู่บนเตียงทำตัวเป็นนายท่าน รังเกียจนั่น รั
นางผละตัวออกจากมือของพวกนางด้วยความรู้สึกไม่สบายตัว“ท่านย่า ป้าสะใภ้รอง ข้าต้องไปแล้วเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นท่านแม่จะโกรธเอาได้”เมื่อเห็นว่านางไม่เชื่อฟัง เฉียนซื่อก็เริ่มร้อนรน “แม่เจ้าเป็นแค่คนสมองทื่อคนหนึ่ง จะโกรธเกรี้ยวอะไรขึ้นมาได้?”ดวงตาของซูจิ่นเอ๋อเบิกกว้าง “ป้าสะใภ้รอง ท่านพูดถึงท่านแม่ข้าเช่นนั้นได้อย่างไร?”จิตใจของเฉียนซื่อถูกตีกระตุ้น พลันโพล่งออกมาว่า “แม่เจ้าเดิมทีก็ไม่สมประดี ยังห้ามไม่ให้คนพูดอีก ยังคิดว่าตัวเองเป็นมารดาอ๋อง ขนิษฐาอ๋องอยู่อีกหรือ?”“ท่าน……”ร่างกายของซูจิ่นเอ๋อสั่นเทา นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าป้าสะใภ้รองที่เคยดีกับนางถึงเพียงนั้น จะพูดออกมาเช่นนี้หันมาอีกด้าน ท่านย่าเองก็แสดงสีหน้าเย็นชาเช่นกัน สายตาที่มองนางเผยให้เห็นถึงความไม่อดทนซูจิ่นเอ๋อวิ่งหนีไปอย่างเศร้าใจกู้หว่านเยว่เพิ่งย้ายซาลาเปาเนื้อไปยังที่ที่ปลอดภัยที่อื่นเสร็จ ก็เห็นสีหน้าของซูจิ่นเอ๋อดูตื่นตระหนก“เจ้าเป็นอะไรไป?”แม้ว่าจะไม่อยากสนใจนางหนูนี่ แต่นางยังเล็กเพียงนี้ก็ต้องติดตามโดนเนรเทศ จึงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ออกมาสักคำซูจิ่นเอ๋อเม้มริมฝีปาก เหลือบมองกู่หว่านเยว่ ทันใดนั้นก็พ
“ขออภัยพระชายา ข้าขอตัวก่อน”เขาแทบจะเผ่นหนีไปเลย ทำให้เซี่ยเหอมีความมั่นใจ พูดจาน้ำเสียงก็แข็งกร้าวขึ้น“พระชายา ข้ารู้ว่าท่านกับชิงหลานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพียงแต่ว่า ข้าและพี่ใหญ่เฉิงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันแล้วในอนาคตเขาจำเป็นต้องแต่งงานกับข้า หวังว่าท่านจะช่วยเตือนคุณหนูชิงหลาน อย่าให้นางมาทำลายพวกเรา”เซี่ยเหอ พูดจาประชดประชัน ทำให้ชิงหลานโมโหอย่างมาก“เรื่องของพวกเจ้า เกี่ยวอะไรกับฮูหยินของพวกเราด้วย?”กู้หว่านเยว่กลับไม่โกรธ มองนางพลางยิ้มอย่างคลุมเครือ “ใครทำลายใครกันแน่?”สีหน้าของเซี่ยเหอเปลี่ยนไป นางไม่ได้อะไรดี ๆ เลยเมื่ออยู่ต่อหน้ากู้หว่านเยว่“ขอตัวลาก่อน”“เซี่ยเหอผู้นี้ ตอนแรกก็แสร้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ แต่พอได้ขึ้นเตียงกับคุณชายเฉิงแล้ว ก็เผยธาตุแท้ออกมา”ชิงเหลียนบ่นพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง โชคดีที่หงเจาไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นหมัดหนัก ๆ คงพุ่งออกไปแล้ว“ไม่ต้องสนใจนาง” กู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“นางใช้วิธีแบบนี้เพื่อยกฐานะตัวเอง ต่อไปก็คงได้รับผลกรรมแน่นอน”เฉิงเซวียนก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ต่อให้เขาโง่ แต่คนตระกูลเฉิงจะโง่หรือ?ใน
กู้หว่านเยว่อยู่ในมิติเป็นเวลาสามชั่วยาม ในที่สุดก็ปรุงยาเสร็จสิ้น“หากมิใช่เพราะน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์อัปเกรด ทำให้สมุนไพรเติบโตอย่างรวดเร็ว คงไม่อาจปรุงยาลูกกลอนเม็ดนี้ได้จริง ๆ ”หลังจากใส่ยาลูกกลอนสีแดงลงในขวดหยกแล้ว กู้หว่านเยว่ก็ออกมาจากมิติ“น้องหญิง”ซูจิ่งสิงที่อยู่นอกประตูได้ยินเสียง จึงเรียกเบา ๆ กู้หว่านเยว่ที่อารมณ์ดีเอ่ยขึ้น“เปิดประตูเถิด ปรุงยาแก้พิษเสร็จแล้ว”“ได้”ซูจิ่งสิงเปิดประตู ใบหน้าเผยความห่วงใย “เหนื่อยมากหรือไม่?”“ไม่เท่าไร”กู้หว่านเยว่ชื่นชอบในวิชาแพทย์ ความรู้สึกประสบความสำเร็จจากการปรุงยาช่วยกลบความเหนื่อยล้า“ไปหาเทียนซิงเยว่ก่อน”ยานี้เก็บไว้ได้ไม่นานนัก กู้หว่านเยว่มาถึงห้องของเทียนซิงเยว่ แล้วมอบยาลูกกลอนให้กับนาง“กินกับน้ำอุ่น หลังจากกินแล้วอาจจะง่วงนิดหน่อย ท่านก็นอนพักผ่อนสักหน่อย”“ขอบคุณมาก”เทียนซิงเยว่รับขวดยาด้วยมือทั้งสองข้างอย่างระมัดระวัง ยานี้มีค่ามากสำหรับนางไป๋โม่อวี่ยังไม่กลับมา กู้หว่านเยว่จึงตัดสินใจไปทานข้าวก่อนยุ่งมาทั้งวันแล้ว นางยังไม่ได้ทานข้าวเลย“ในหม้อมีกับข้าวร้อน ๆ แล้ว” เป็นของที่หลี่หรงหรงทำขึ้นมาใหม่ ฝีมื
เทียนซิงเยว่ยิ้มเล็กน้อย “ข้ารักเขา ดังนั้นข้าจึงเชื่อว่าเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งข้า เช่นเดียวกัน เขาก็รู้สึกเช่นนี้ต่อข้า”เฉิงเซวียนสะดุ้งเล็กน้อย “ข้า...”เขาอยากจะบอกว่าตัวเองมีคนที่ชอบ แต่พอนึกขึ้นได้ เขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้เชื่อใจน้องหญิงอย่างเต็มที่วันนั้น เขาเข้าข้างเซี่ยเหอโดยไม่ได้แยกแยะถูกผิด และยังทะเลาะกับน้องหญิงเพราะเซี่ยเหออีก“หลังจากที่ชิงหลานกลับมา ดูเหมือนเจ้าจะไม่เคยถามสักคำว่านางไปเจออะไรมาบ้างในช่วงที่หายตัวไป?”กู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา คนผู้นี้ช่างรู้ตัวช้าจริง ๆ เพิ่งจะมาคิดได้เอาป่านนี้เฉิงเซวียนเข้าใจขึ้นมาทันที สีหน้าแดงก่ำ “เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมันมากมายเหลือเกิน...”เขาไม่ใช่ไม่อยากถาม เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสได้ถามเท่านั้น“น้องหญิง”เขาเงยหน้าขึ้น เห็นเนี่ยชิงหลานยืนอยู่ที่หน้าประตูพอดี มองเขาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง“พี่หญิงหว่านเยว่ ข้าวเสร็จแล้ว”เนี่ยชิงหลานพูดจบประโยคนี้ก็หันหลังเดินจากไป ทำให้เฉิงเซวียนตกใจจนต้องรีบวิ่งตามไป“น้องหญิงฟังข้าอธิบายก่อน เรื่องวันนั้นมันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดจริง ๆ ”เสียงของทั้งสองคนค่อย
ถึงแม้ไป๋โม่อวี่จะบอกกับนางหลายครั้งแล้วว่าเขาไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของนางเลยแต่ทุกครั้งที่นางเห็นหญิงชราที่ดูซูบผอมในกระจก ก็ยังคงรู้สึกว่าตัวเองน่าเกลียดเกินไป ไม่คู่ควรกับชายหนุ่มที่ดีที่สุดในใจของนาง“ข้ามียาสมุนไพรชนิดหนึ่ง”ในที่สุดกู้หว่านเยว่ก็รู้สึกสงสารขึ้นมาเล็กน้อย“ถึงแม้จะไม่สามารถแก้พิษของท่านได้ แต่สามารถทำให้ใบหน้าของท่านกลับคืนสู่สภาพเดิมได้”สมุนไพรชนิดนี้ นางพบตอนที่อยู่ในถ้ำ ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีเช่นกัน“จริงหรือ?”เทียนซิงเยว่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แม้ว่านางจะไม่เคยเสียใจที่ตอนนั้นใบหน้าของตนเองถูกทำลายเพื่อตามหายาให้กับไป๋โม่อวี่แต่นางก็มักจะคิดอยู่เสมอว่า หากใบหน้าของนางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เช่นนั้นคงจะดีไม่น้อย“พระชายา โปรดมอบยาให้ด้วยเถิด”นางรู้ดีว่าในมือของนางไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้อีกฝ่ายซาบซึ้งได้ ทำได้เพียงเอ่ยคำขอร้องเท่านั้น“ข้าหวังว่าภาพสุดท้ายที่ข้าจะทิ้งไว้ให้อาโม่ จะเป็นภาพที่งดงามสมบูรณ์แบบ”“ซิงเยว่”ไป๋โม่อวี่ก็เข้าใจดีว่าตนเองได้มอบชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ออกไปแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะนำมาแลกเปลี่ยนกับกู้หว่านเยว่ได้อีกเพื่อให้บรรลุเ
“ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์?”ดวงตาของกู้หว่านเยว่เป็นประกาย ก่อนหน้านี้อ๋องหกเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนเงื่อนไขกับนาง ก็มอบชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ชิ้นหนึ่งให้กับนางเช่นกัน ชิ้นส่วนนั้นนางเก็บไว้ในมิติมาโดยตลอดเท่าที่นางรู้ ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ที่อ๋องหกมอบให้แก่นางก็น่าจะเป็นของราชวงศ์ตงโจวเช่นกัน หรือว่าชิ้นส่วนที่ทั้งสองคนหยิบออกมานั้นจะเป็นแผนที่ขุมทรัพย์เดียวกัน?“ท่านเอาชิ้นส่วนนั้นออกมาให้ข้าดูหน่อย”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างรีบร้อน“วางใจได้ หากสิ่งของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ข้าต้องการจริง ๆ ข้าจะไม่คืนคำแน่นอน”“ตกลง”ไป๋โม่อวี่พยักหน้า บอกตำแหน่งของชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ให้กับพวกเขา“หลังจากได้ชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์มาแล้ว ด้วยประสบการณ์การดูสมบัติของข้ามาหลายปี จึงตัดสินได้ว่าแผนที่ขุมทรัพย์นี้ต้องมีมูลค่ามหาศาล ดังนั้นข้าจึงเย็บมันไว้ที่ด้านในของเสื้อผ้า”ไป๋โม่อวี่ชี้ไปที่ตำแหน่งหนึ่งบนร่างกายของเขา ซูจิ่งสิงเหลือบมองเขา แล้วเอ่ยกับกู้หว่านเยว่“น้องหญิงเจ้าหันหลังไปก่อน ข้าจะไปเอาชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ออกมาให้”เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเย็บชิ้นส่วนแผนที่ขุมทรัพย์ไว้ในเสื้อตัวใน
ไม่รู้ว่าเขาเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน จู่ ๆ ก็ลงมือกับกู้หว่านเยว่ซูจิ่งสิงคอยปกป้องกู้หว่านเยว่อยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา เมื่อเห็นดังนั้นจึงเตะเขาจนกระเด็นออกไป จากนั้นก็เผยเจตนาสังหาร หยิบกระบี่ยาวข้างกายขึ้นมาแล้วเดินไปหาเขาคนผู้นี้ช่างไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลยจริง ๆ น้องหญิงของเขาเต็มใจยื่นมือช่วยเหลือคนรักของเขา ก็ถือว่าดีมากแล้วเขากล้าดีอย่างไรถึงได้ลงมือ?“อย่าฆ่าเขา”เทียนซิงเยว่รีบขอร้อง มองซูจิ่งสิงด้วยสายตาอ้อนวอน“เขาแค่รู้เรื่องอาการป่วยของข้า จึงตื่นเต้นไปชั่วขณะ ไม่ได้มีเจตนาใด ๆ ขอร้องพวกท่านปล่อยเขาไปเถิด”“ท่านพี่ เก็บกระบี่เถิด”กู้หว่านเยว่เข้าใจความรู้สึกของไป๋โม่อวี่ ดังนั้นนางจึงไม่อยากจะถือสาเขาไม่มีใครที่รู้ว่าคนรักกำลังจะตายในอีกไม่ช้า แล้วสามารถทำใจให้สงบนิ่งได้“ขอบคุณมาก”เทียนซิงเยว่มองกู้หว่านเยว่ด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็รีบคลานไปหาไป๋โม่อวี่ซูจิ่งสิงเตะออกไปอย่างแรง ดังนั้นตอนนี้ไป๋โม่อวี่จึงแทบจะลุกไม่ขึ้น“อาโม่ ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ได้อยู่กับเจ้า ข้าก็มีความสุขมากแล้ว”นางจับมือทั้งสองข้างของเขาไว้“อย่าโทษผู้ใดเลย โรคของข้ารักษามานานหลายปี หมอ
“ซิงเยว่ จะ เจ้าเป็นอะไรไป?”“อึก!”เทียนซิงเยว่กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ทำให้เขาตกใจเสียจนแทบจะเป็นบ้าตั้งแต่ถูกจับมาจนถึงตอนนี้ เขามีท่าทีแข็งกร้าวมาตลอด แต่ในตอนนี้กลับวิงวอนกู้หว่านเยว่อย่างน่าเวทนา“ขอร้องล่ะ ไปตามหมอหน่อยเถิด”ไป๋โม่อวี่กอดเทียนซิงเยว่เอาไว้ เขารับไม่ได้หากต้องสูญเสียนางไปจริง ๆ “ขอเพียงท่านไปตามหมอ ไม่ว่าท่านต้องการทำอะไรข้าก็จะรับปาก ท่านต้องการเงิน หรือว่าต้องการตลาดมืด หรือแม้แต่ชีวิตของข้า ข้าก็จะให้ท่าน”“อาโม่...” เทียนซิงเยว่จับมือของไป๋โม่อวี่เอาไว้ “อย่าร้องไห้”“ไม่ได้ร้อง” ไป๋โม่อวี่หางตาแดงก่ำ น้ำตาไหลรินลงมาแล้ว เมื่อเห็นเทียนซิงเยว่กระอักเลือดออกมาคำโต หัวใจของเขาก็แตกสลายจนพูดอะไรไม่ออกกู้หว่านเยว่ถอนหายใจ “ช่างเถิด ข้าจะดูให้เอง”นางเป็นฝ่ายอธิบายขึ้นมาก่อน “ข้ามีความรู้ทางการแพทย์”ซูจิ่งสิงรู้ว่าน้องหญิงของเขาใจอ่อน จึงรีบอธิบายแทนว่า “ขาที่หักของข้า หว่านเยว่เป็นคนรักษาให้หายดี”“เร็วเข้า” ไป๋โม่อวี่ก็นึกขึ้นมาได้แล้วเช่นกัน เขาเคยส่งคนไปสืบเรื่องราวของสามีภรรยาคู่นี้ในรายงานที่ส่งกลับมานั้น มีการระบุว่ากู้หว่านเยว่เชี่ยวชาญด้
เฉิงเซวียนโกรธเสียจนหน้าแดงเส้นเลือดปูด “ท่านเป็นน้องสาวบุญธรรมของท่านตาของข้า!”สุดยอด กู้หว่านเยว่ที่กำลังยุ่งเรื่องชาวบ้านถึงกับมือสั่น ดวงตาเป็นประกายเรื่องใหญ่น่าดูเชียว!“น้องหญิง นั่งก่อน” ซูจิ่งสิงยกเก้าอี้มาให้ด้วยความเอาใจใส่ ภรรยาต้องสนใจเรื่องแบบนี้แน่ ๆ “พวกท่านทำอะไรท่านตาของข้า?”เฉิงเซวียนร้อนใจเล็กน้อย ไป๋โม่อวี่กล่าวอย่างดูถูก“แค่ข้ารับใช้คนหนึ่ง คู่ควรให้เราทำอะไรด้วยหรือ?”น้ำเสียงดูถูกของเขาทำให้เฉิงเซวียนโกรธ “ระวังปากหน่อย”“อาโม่ อย่าเอ่ยเช่นนั้น”เทียนซิงเยว่หลับตาลงด้วยความเจ็บปวด “ในเมื่อเจ้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าก็จะบอกเจ้า”แท้จริงแล้วเทียนซิงเยว่ผู้นี้ เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตลาดมืดเพียงเพราะเถ้าแก่เทียนคู่สามีภรรยาถูกศัตรูฆ่าตาย ก่อนสิ้นใจ ทั้งสองคนได้ฝากฝังเสี่ยวซิงเยว่ไว้กับเฉิงเย่ว์ผู้เป็นลูกน้อง และกำชับให้เขาดูแลตลาดมืดเป็นอย่างดีเฉิงเย่ว์เลี้ยงดูเทียนซิงเยว่ราวกับน้องสาวแท้ ๆ ทั้งเลี้ยงดูนางจนเติบใหญ่ และบริหารจัดการตลาดมืดไปพร้อมกันเพียงแค่รอให้นางเติบโตเป็นผู้ใหญ่และแต่งงาน ก็จะมอบตลาดมืดให้กับนางและสามีของนาง“แต่ข้ากลับรักอา
เขาเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน“ข้าอยากจะถามเรื่องเกี่ยวกับท่านตาของข้าในตอนนั้น”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด ตลอดทางที่นางและท่านพี่เดินทางจากเจดีย์หนิงกู่มาจนถึงเขาอินซาน เฉิงเซวียนก็ช่วยเหลือไว้ไม่น้อย หากไม่มีเขา พวกนางคงไม่สามารถปล้นคลังเก็บของทั้งแปดแห่งได้“ได้ เจ้ามากับข้า”เรื่องของความรู้สึกก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของความรู้สึก กู้หว่านเยว่ยังคงแยกแยะได้อย่างชัดเจนหลังจากที่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกลับมา ก็ขังไป๋โม่อวี่และเทียนซิงเยว่เอาไว้ในห้องมืด เวลานี้ทั้งสองคนได้สติขึ้นมาแล้วเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เดินเข้ามาจากข้างนอก ไป๋โม่อวี่ก็อดไม่ได้ที่จะด่าทอออกมา“ที่นี่มันที่ไหน? พวกท่านคนชั่วช้าพาข้ามาที่ไหนกัน?”“ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือว่าที่นี่คือที่ไหน? ที่นี่คือเรือนของเวินทิงอวิ๋นลูกน้องของท่านอย่างไรเล่า”กู้หว่านเยว่แสร้งหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น “ภายในเรือนของพวกเขามีสมบัติล้ำค่าอยู่ไม่น้อยเลย ท่านช่างใจกว้างยิ่งนัก ถึงกับมอบสมบัติมากมายให้กับลูกน้องคนหนึ่ง จนกระทั่งคลังเก็บของแทบไม่หมดแล้ว”สีหน้าของไป๋โม่อวี่เปลี่ยน เขาไม่เคยมอบสมบัติใด ๆ ให้กับเวินทิงอวิ๋นเลย ในเมื่ออีกฝ่ายแอบสะสม