Share

บทที่ 3

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
“กบฏ ไม่ตายดี!”

“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”

ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...

ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดี

บัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้า

หันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”

นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”

นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้น

บ้านอื่นสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนปิดปากเงียบโดยพร้อมเพรียงกัน

นางหยางฟังไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดเรื่องใด แต่นางอ่านคำตำหนิและรังเกียจภายในสายตาของซูหัวหลินออก หดบ่าผอมบางไม่กล้าเปล่งเสียง ดึงลูกชายลูกสาวตัวน้อย ก้มหน้าออกแรงลากเกวียนอยู่ข้างหลัง

กู้หว่านเยว่อารมณ์ไม่ดีแล้ว “มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ก็โขกศีรษะตายไปเสียเลย ยามท่านอยู่ดีกินดีในจวนอ๋อง เหตุใดถึงไม่แม้แต่จะผายลมเล่า?”

ยามอ่านหนังสือก็รู้แล้วว่าสกุลซูไม่สามัคคีกัน คิดไม่ถึงเพียงถูกยึดทรัพย์ คนเหล่านี้ก็ไม่มีความอดทนหลงเหลือแล้ว

หวังจะประคับประคองช่วยเหลือกันกับคนเช่นนี้ระหว่างถูกเนรเทศ ยังมิสู้แตกหักไปเสียเลย

“เจ้าเจ้าเจ้า หลานสะใภ้ เหตุใดเจ้าพูดกับผู้อาวุโสเช่นนี้?”

ซูหัวหลินเห็นว่าบ้านสามไม่มีคน ถึงกล้าบ่นออกมา คิดไม่ถึงกู้หว่านเยว่ที่มีรูปร่างบอบบาง ถึงขั้นหาญกล้าทะเลาะกับเขา?

ยังอยากพูดอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าก็เคาะไม้เท้า โศกเศร้าเสียใจมาก “เงียบให้หมด ตกระกำลำบากแล้วครอบครัวก็ควรรวมใจเป็นหนึ่ง ใครยังทะเลาะกันข้าจะไม่ละเว้นแล้ว!”

บ้านมารดากู้หว่านเยว่คือจวนโหว นางยังมีประโยชน์

.......

ณ เนินเขาสิบลี้นอกเมือง

ภายใต้แสงตะวันแผดเผา คนหนึ่งกลุ่มเข็นเกวียนหนึ่งคันออกจากประตูเมืองอยู่ไกลๆ บ้างก็สวมชุดนักโทษ บ้างก็สวมเสื้อผ้าสกปรกมอมแมม สีหน้าด้านชา มีทั้งคนชราทั้งเด็ก คนกลุ่มนี้ก็คือสกุลซูทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ถูกเนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า

ที่แห่งนี้คือสถานที่ส่งตัวนักโทษถูกเนรเทศ มีญาติจำนวนมากมารวมกันอยู่ที่นี่เพื่อร่ำลา ในมือญาติล้วนถือห่อสัมภาระทั้งใหญ่ทั้งเล็ก หวังให้คนในครอบครัวดีขึ้นบ้างระหว่างเดินทาง

สำหรับเรื่องนี้นักการในศาลาว่าการยอมหลับตาข้างลืมตาข้าง

นักโทษที่ถูกเนรเทศล้วนเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวย แม้ถูกลงโทษทั้งตระกูล แต่มีญาติและสหายเดินทางมาหา พวกเขาสามารถอาศัยโอกาสนี้หาประโยชน์ให้ตนเองได้

สกุลซูเองก็มีญาติฝ่ายหญิงมาถึงไม่น้อยแล้ว

บ้านมารดาของบ้านใหญ่สกุลจิน และบ้านสี่สกุลหลิว ล้วนส่งอาหารและเสื้อผ้าบางส่วนมา

พี่ใหญ่บ้านมารดาของบ้านรองสกุลเฉียนยังเป็นขุนนางอยู่ในราชสำนัก แม้คนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ของที่ส่งมามากที่สุด สัมภาระราวๆ สี่ห้าห่อใหญ่ ไว้หน้านางเฉียนอย่างเพียงพอ แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็มองนางสูงขึ้นแวบหนึ่ง

มีเพียงบ้านสามโดดเดี่ยวอ้างว้าง ไม่มีใครมาเยี่ยมแม้แต่คนเดียว

“ฮึ นางหยางนั้นช่างเถอะ บิดามารดาพี่ชายนางล้วนตายทั้งหมดแล้ว แต่เกิดอันใดขึ้นกับหลานสะใภ้คนนี้ เป็นถึงคุณหนูจวนโหวเชียวนะ ถึงขั้นไม่มาบอกลาแม้แต่คนเดียว”

สายตาแต่ละคนล้วนตกลงบนตัวกู้หว่านเยว่ ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ขมวดคิ้ว

ทันใดนั้น นางจินเปิดปากตะโกนออกมา

“พวกเจ้าดู นั่นมิใช่รถม้าของจวนโหวหรือ?”

รถม้าของจวนโหวก็มาแล้ว นั่นต้องนำของมาไม่น้อยเป็นแน่ คิ้วของฮูหยินผู้เฒ่าคลายออกแล้ว

เพียงแต่รถม้าจอดอยู่ตรงหน้า คนบนรถม้ากลับไม่ทำแม้แต่ลงมา เพียงแหวกชายผ้าพูดอย่างเสแสร้ง

“หว่านเยว่เอ๋ย แต่งงานออกจากเรือนก็ต้องติดตามสามี บัดนี้เจ้าเป็นหญิงออกเรือนแล้ว ไม่เกี่ยวอันใดกับจวนโหวแม้แต่น้อย ข้าใจดีมีเมตตา เห็นแก่เจ้าที่เป็นบุตรีของท่านโหว นำของกินมาให้เล็กน้อย หวังว่าภายภาคหน้าเจ้าจะไม่กลับมาตอแย”

พูดจบ ยิ้มดูเบาทีหนึ่ง โยนหมั่นโถวสองสามลูกลงจากรถม้า

ทุกคนล้วนตะลึงงันอยู่กับที่ เห็นใจ เยาะหยัน สายตาหลากอารมณ์ล้วนตกลงบนตัวกู้หว่านเยว่

กู้หว่านเยว่เตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว สีหน้ากลับเรียบเฉยมาก นางจำได้ว่านี่ก็คืออนุที่คอยเป่าหูบิดาชั่ว ยิ้มเย็นทีหนึ่ง ทันใดนั้นเบี่ยงตัวขึ้นไปลากนางลงจากรถม้า

ถัดมาปลดปิ่นทอง กำไลหยก ต่างหูทับทิมออกจากตัวนางอย่างว่องไว...

ฝ่ายอนุร้องอุทานเสียงหลง “นางแพศยากู้หว่านเยว่ เจ้ากล้าแย่งของของข้าอย่างนั้นหรือ?!”

กู้หว่านเยว่ตบนางหนึ่งฉาด ตบจนนางเงียบเสียงลงไป

“อนุก็คือนางแพศยา เจ้าต่างหากเป็นนางแพศยา ของเหล่านี้ล้วนใช้สินเดิมของท่านแม่ข้าซื้อมา ข้าเพียงนำกลับมาก็เท่านั้นและกลับไปบอกท่านโหวของเจ้าด้วยว่า นับแต่นี้ไป ข้าและจวนโหวไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตัดขาดความสัมพันธ์ใช่หรือไม่ นางแทบทนรอไม่ไหวแล้ว!

เงินทองของมีค่าของจวนโหวล้วนอยู่ในมือนาง ใครมีชีวิตดีกว่ายังต้องรอดู

“เจ้าเจ้าเจ้า เจ้าเสียสติไปแล้ว!” อนุเห็นกู้หว่านเยว่กำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ แม้เป้าหมายสำเร็จแล้ว แต่กลับโมโหจนกระอักเลือด หนีตะลีตะลานจากไป

“หลานสะใภ้ สะใภ้ไม่มีไร้มารดาก็เท่ากับไร้ที่พึ่ง ภายภาคหน้าเจ้าก็ลำบากแล้วล่ะ” นางหลิวบ้านสี่พูดประชด

ยังหลงคิดว่าจวนโหวนำของกินมาให้เสียอีก ปรากฏว่า...ฮึ!

ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็มิอาจข่มตนได้แล้ว ถลึงตาใส่กู้หว่านเยว่แวบหนึ่ง

นางจินมีสีหน้ารู้สึกผิด หากมิใช่นางร้องตะโกนเสียงดัง ทุกคนก็คงไม่หันมาสนใจ นางพูดตะกุกตะกัก “หลานสะใภ้ ข้าขอโทษ...”

ยังไม่รอให้นางพูดจนจบ พี่ใหญ่ซูหัวหยางก็ถลึงตาใส่นางสีหน้าบึ้งตึงหนึ่งปราด “อย่าไปทำเรื่องน่าอับอายขายหน้าที่นั่น รีบมาถือของ บ้านมารดาส่งของมาเพียงเท่านี้ แต่งกับเจ้าโดยเสียเปล่าจริงๆ”

นางจินฝืนส่งยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ออกมา หดบ่าเดินตามไป ซูหรานหร่านมองกู้หว่านเยว่อย่างเห็นใจแวบหนึ่ง แต่ไม่กล้าพูดปลอบ วิ่งเหยาะๆ ไปช่วยมารดาถือของ

ผิดกับนางหยางที่ถูมือแล้วถูมืออีก หยิบหมั่นโถวบนพื้นขึ้นมา มองนางอย่างระแวดระวัง “หว่านเยว่ อย่า อย่าเสียใจ...”

กู้หว่านเยว่รู้สึกอบอุ่นในใจ แม่สามีโง่สติไม่ดี จิตใจกลับดีมาก

“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไร ข้าไปดูบาดแผลของท่านพี่ก่อนนะเจ้าคะ”

ซูจิ่งสิงเข้าวังถูกสั่งโบย ลงโทษโบยนี้มิได้ตีที่บั้นท้าย แต่ตีที่กระดูกสันหลังส่วนเอว ส่งผลให้พิการได้

ดังนั้นเขาขยับไม่ได้แล้ว ทำได้เพียงนอนบนกระดานไม้บนเกวียน

กู้หว่านเยว่เองก็คร้านจะเสแสร้ง หยิบยาจินชวงรักษาแผลออกมาหนึ่งขวด โรยลงบนบาดแผลของเขา

ซูจิ่งสิงลืมตาขึ้นมาในทันใด

แหม ชายคนนี้สัญชาตญาณแข็งแกร่งมากทีเดียว

“ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องกลัว ข้ามาเพื่อใส่ยาให้ท่าน”

ซูจิ่งสิงเห็นว่าเป็นนางก็วางใจแล้ว ถ้อยคำเมื่อครู่ของคนจวนโหว เขาเองก็ได้ยินแล้ว สายตาเผยแววรู้สึกผิด

“ขอโทษ ทำเจ้าเดือดร้อนแล้ว”

เดือดร้อน? ไม่จำเป็น จวนโหวอยากเตะนางออกมาตั้งแต่แรกแล้ว

ทว่าตอนนี้กู้หว่านเยว่ไม่อยากพูด นางตรวจอาการบาดเจ็บของซูจิ่งสิงอย่างตั้งใจ

แย่แล้ว บาดแผลนี้ร้ายแรงกว่าที่นางคิดไว้ กระดูกสันหลังส่วนเอวล้วนหักอย่างสมบูรณ์ ภายภาคหน้าไม่ต้องพูดเรื่องอย่างว่า แม้แต่ยืนก็ลำบาก...

ฮ่องเต้ชั่วคนนี้ นี่คือความสุขอีกครึ่งชีวิตของนางเชียวนะ บัดนี้หนีไปยังทันหรือไม่?

สายตาซูจิ่งสิงซับซ้อน “ข้ายังสามารถลุกขึ้นได้หรือไม่?”

สีหน้ากู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์ “พูดยาก”

หากมีอาคารทางการแพทย์ ก็สามารถรักษาได้

“ติ๊ง ระบบเชื่อมต่อกับเจ้าของร่างสำเร็จ ยินดีกับเจ้าของร่าง เปิดใช้งานอาคารทางการแพทย์ที่เพิ่งสร้างใหม่สำเร็จแล้ว”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (9)
goodnovel comment avatar
วีระวุฒิ ประจันบาน
น่าติดตามมาก
goodnovel comment avatar
อนงนารถ บุญทวี
ติดตามต่อคะ
goodnovel comment avatar
Charnyuth Techa
ขยายตัวอักษรให้หน่อยครับ อายุมากแล้วอ่านตัวเล็กลำบากครับ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 4

    เสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นภายในสมอง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจแทบแย่“เจ้าเป็นใคร?”“สวัสดีเจ้านาย ข้าเป็นผู้ดูแลระบบมิติ รับผิดชอบตอบปัญหาที่ท่านสงสัยโดยเฉพาะ”มิติคือพลังวิเศษที่นางมีตั้งแต่ชาติก่อน ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้ดูแลระบบอันใด“ก่อนนี้เจ้านายอยู่ในขั้นเริ่มต้น จึงไม่ได้เปิดใช้งานฟังก์ชันของระบบ แต่อิงตามการกักตุนสินค้าเต็มพื้นที่ของท่านในวันนี้ มิติได้เปิดใช้งานผู้ดูแลระบบและอาคารทางการแพทย์ให้ท่านแล้ว”กู้หว่านเยว่หลับตาลง เพียงนึกคิดก็เข้าสู่มิติได้แล้ว ดังคาด ภายในพื้นที่กักตุนสินค้า นอกจากสิ่งของที่นางเก็บมา ก็มีอาคารทางการแพทย์เครื่องมือล้ำสมัยหลังหนึ่งทว่า เหตุใดเป็นอาคารทางการแพทย์เล่า?“ซูจิ่งสิงต้องการอาคารทางการแพทย์ เจ้าก็เปิดการใช้งานอาคารทางการแพทย์ ตกลงเจ้าของร่างคือข้าหรือซูจิ่งสิงกันแน่?”กู้หว่านเยว่ไม่สบอารมณ์อย่างมากในใจ“...” ผู้ดูแลระบบแกล้งตายไปแล้วกู้หว่านเยว่ทำเพียงสำรวจการเปลี่ยนแปลงภายในมิติ นอกจากอาคารทางการแพทย์ นางยังพบหน้าจอคล้ายศูนย์ควบคุมทำนองนั้นเพิ่มขึ้นมาในระบบอย่างหนึ่ง ข้างบนเขียนการเปิดใช้งานอาคารใหม่หลากหลายแบบอ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 5

    มีนางเป็นตัวอย่าง ทุกคนล้มเลิกความคิดแล้ว แต่ละคนกัดฟันเดินไปข้างหน้าเดินออกมาอีกราวห้าลี้ กู้หว่านเยว่เห็นนางหยางเหนื่อยจนคล้ายลาแก่ ต้องการขยับขึ้นไปช่วย แต่กลับถูกนางปฏิเสธ “หว่านเยว่ เจ้า เจ้าเหนื่อย ข้าเข็น...”“ใช่แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเพิ่งแต่งเข้ามาก็ต้องถูกเนรเทศไปกับพวกเรา จะยังให้ท่านลำบากอีกได้เยี่ยงไร” ซูจื่อชิงรู้ความ เรียกซูจิ่นเอ๋อร์น้องสาวมาช่วยเข็นด้วยกันใครรู้ซูจิ่นเอ๋อร์ตัวเล็กแต่อารมณ์ร้าย ใบหน้าเปี่ยมอารมณ์ไม่พอใจ “ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว เข็นไม่ไหว ก็ควรให้กู้หว่านเยว่เข็น ใครให้นางเป็นดาวหายนะทำให้พวกเราต้องถูกเนรเทศกันเล่า”“น้องหญิง เจ้าพูดส่งเดชอันใด เรื่องนี้ตำหนิพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้”ซูจื่อชิงโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เหตุใดน้องหญิงคิดเห็นเฉกเดียวกันกับบ้านเหล่านั้นได้เล่า?สีหน้าซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนไปแล้ว รู้สึกเกลียดกู้หว่านเยว่เพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งส่วนอยู่ภายในใจกู้หว่านเยว่คร้านจะตามใจอารมณ์ของคุณหนูใหญ่ “เจ้าเองก็รู้ว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเอ็นดูเจ้าที่สุด บัดนี้เขาหมดสติยังไม่ฟื้น ปรากฏว่าแม้แต่เข็นเกวียนของเขาสักเล็กน้อยเจ้าก็ไม่ยินดี ช่างเอ็นดูอย่างเสียเปล่า

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 6

    ซูจิ่งสิงไม่รู้ว่าตนตื่นตั้งแต่เมื่อไร“ดีเหลือเกิน พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”ซูจื่อชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกพี่ใหญ่ตื่นแล้ว ในที่สุดเรื่องพี่สะใภ้ใหญ่ก็มีกำลังหนุนแล้ว“พยุงข้าหน่อย” ซูจิ่งสิงยื่นมือออกมาอย่างอ่อนแรง พอนั่งพิงหัวเตียงได้แล้ว เขาก็มองดูกู้หว่านเยว่ที่ยืนอยู่คนเดียวด้วยสายตารู้สึกผิด“ขอโทษนะ”ไม่เพียงแต่ทำให้นางเดือดร้อน แต่ยังทำให้นางถูกตระกูลซูหยามเหยียดกู้หว่านเยว่สบตาเขา ตกตะลึงไปเล็กน้อยแล้วรีบร้อนพูดว่า “ไม่ต้องขอโทษข้าหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”ยิ่งไปกว่านั้น นางเองก็ไม่สนใจวาจาของพวกคนขยะแต่นางไม่คิดว่า ซูจิ่งสิงจะปกป้องนางทว่ากลับเป็นคนอื่นๆ ในห้องที่อดกลั้นไว้ไม่ไหว และไม่สนว่าบาดแผลของซูจิ่งสิงเป็นอย่างไร กระโจนเข้ามาถามว่า“จิ่งสิง เจ้าขอโทษนางมันหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าพวกเราเหล่าผู้เฒ่าทำผิดหรือ?”หากไม่หย่าภรรยา หรืออยากเห็นนางทำลายตระกูลหรือ?!“รีบหย่ากับนางเสีย ขอเพียงเจ้าหย่ากับนาง พวกเรายังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน”“...”ครอบครัวเดียวกัน?ฮะๆ... ช่างเป็นครอบครัวเดียวกันที่แสนประเสริฐยามเขายังเป็นเจิ้นเป่ยอ๋อง ไม่เ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 7

    เมื่อซูจิ่นเอ๋อกลับมา น้ำตาบนใบหน้าของนางก็เริ่มแห้ง มุมปากยังขดเม้มอย่างไม่ชอบใจอยู่เมื่อเดินผ่านกู้หว่านเยว่ นางจงใจแค่นเสียงตะคอก ก่นด่าไปหลายคำ“ดาวไม้กวาด[footnoteRef:1] บ่างช่างยุ สุนัขจิ้งจอก!” [1: หรือดาวหาง คติชนจีนบอกว่าดาวหางจะกวาดล้างผู้คน หากพบเห็น จะเกิดสงครามหรือภัยธรรมชาติ ส่วนความหมายของสมัยใหม่คือ เป็นคำสาปแช่งบุคคลที่จะนำภัยพิบัติหรือโชคร้ายมาสู่ตน มักใช้กับผู้หญิงเป็นหลัก] สุนัขจิ้งจอกนางยอมรับ แต่อีกสองคำนั้นนางไม่ยอมรับกู้หว่านเยว่เหลือบมองหญิงสาว ได้กลิ่นซาลาเปาเนื้อบนตัวของนางโชยมา พลันพูดเสียงดังว่า “ซูจิ่นเอ๋อ เหตุใดปากเจ้าจึงมันเยิ้มเช่นนั้น? เศษเนื้อเองก็ติดอยู่ที่ปาก เจ้าแอบไปกินซาลาเปาเนื้อลับหลังพวกเราหรือ?”“ไม่ ไม่ใช่เสียหน่อย!”ซูจินเอ๋อรู้สึกผิด รีบเช็ดมุมปากทันที สายตามองไปที่ซูจิ่งสิงและคนอื่นๆ โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะได้ยินกู่หว่านเยว่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา“เจ้าหลอกข้า?”ใบหน้าของซูจิ่นเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ นางกัดฟันแล้วพูดว่า“เจ้าบ่างช่างยุ รอก่อนเถอะ เจ้าจะได้มีความสุขเช่นนี้อีกไม่กี่วันแล้ว!”พี่หญิงซือซือรับปากกับนางแล้ว

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 8

    “นั่นน่ะสิ หัวหน้าใกล้จะหมดลมแล้ว นางยังพิรี้พิไรอยู่อีก”“รู้วิชาแพทย์อันใดกัน? ข้าว่านางเสแสร้งเสียมากกว่า” ชายคางแหลมคนหนึ่งกะพริบตาเล็กน้อย หยิบแส้ออกมา ตั้งใจฟาดไปที่กู้หว่านเยว่ทว่าจางเอ้อคว้าแส้ไว้ได้อย่างรวดเร็ว“เหล่าหลี ให้นางดูก่อนเถิด”เขารู้สึกว่ากู้หว่านเยว่ทำได้“นางยังเยาว์ถึงเพียงนี้ ทั้งยังเป็นอิสตรี จะรู้วิชาแพทย์ได้อย่างไร?” เหล่าหลี่ยังคงไม่ปล่อยมือกู้หว่านเยว่เลือกเซรุ่มที่ต้องการมาจากหอแห่งโอสถแล้ว เมื่อได้ยินคำเมื่อครู่ จึงมองไปหาและแดกดันว่า“เจ้ารีบห้ามข้าเช่นนี้ หรือว่าไม่อยากให้ข้ารักษาหัวหน้าของพวกเจ้าให้หายหรือ?”“เจ้า เจ้าเหลวไหล ข้าเปล่าเสียหน่อย!”เหล่าหลี่ที่ถูกคำพูดแทงก็โกรธมากเขาอายุมากกว่าซุนอู่ มีคุณสมบัติสูงกว่าซุนอู่ การคุ้มกันครั้งนี้ควรเป็นเขาที่เป็นหัวหน้า แต่เบื้องบนกลับมอบหมายงานนี้ไปให้ซุนอู่แทน...กู้หว่านเยว่มองเขาอย่างหยอกล้อ ไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับเขา ก่อนจะหยิบเข็มฉีดยาที่บรรจุเซรุ่มออกมาจากกระเป๋าสะพายหลังแล้วปักลงไปที่แขนของซุนอู่โดยไม่ลังเลการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เป็นวิธีล้างพิษที่มีประสิทธิภาพที่สุดจางเอ้อไม่เคยเห็

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 9

    “ทำไมเจ้ายังไม่นอน?” “เหตุใดท่านยังไม่นอน?”ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกันกู้หว่านเยว่เขย่างานเย็บปักในมือ “ข้าเอาผ้าขี้ริ้วมาเย็บเป็นถุงหอมเล็กๆ สักสองสามถุง แล้วจะใส่สมุนไพรป้องกันแมลงลงไปเจ้าค่ะ”ระหว่างทางเนรเทศ ผู้คนกินนอนในที่โล่ง งูเงี้ยวเขี้ยวขอมีให้ได้เห็นอยู่เรื่อยๆแมงป่องพิษวันนี้มันด้วยมิใช่หรือ?พกถุงหอมป้องกันแมลงไว้สักหน่อย จะได้ไม่โดนแมลงพิษกัดเอาพูดจบ กู้หว่านเยว่ก็ก้มหน้าเย็บถุงหอมต่อทว่าฝีมือการเรือนของนางไม่ค่อยดีนัก นางพลางเย็บพลางมุ่ยหน้า ราวกับว่ากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ไร้ทางแก้ซูจิ่งสิงมองแล้วก็อยากจะช่วยขึ้นมา“ข้าช่วยเจ้าเย็บดีกว่า”กู้หว่านเยว่ถามเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ “ท่านไม่กลัวอับอายหรือ?”นางคิดว่าหากเขากล้าแสดงสีหน้ารังเกียจ นางจะหันหลังจากไปแน่นอน“สิ่งนี้มีอะไรน่าอับอายกัน?” ซูจิ่งสิงพูดอย่างเถรตรง “ข้าได้แต่นอนอยู่บนรถเข็น ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ หากเรื่องเย็บปักเล็กน้อยเช่นนี้ยังรังเกียจ เช่นนั้นถึงจะเรียกว่าน่าอับอาย”อื้ม เป็นคำตอบที่สุภาพบุรุษมาก!เจอปัญหาไม่คิดกลัว กลัวเพียงยามบุรุษเจอปัญหาแล้วยังนอนอยู่บนเตียงทำตัวเป็นนายท่าน รังเกียจนั่น รั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 10

    นางผละตัวออกจากมือของพวกนางด้วยความรู้สึกไม่สบายตัว“ท่านย่า ป้าสะใภ้รอง ข้าต้องไปแล้วเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นท่านแม่จะโกรธเอาได้”เมื่อเห็นว่านางไม่เชื่อฟัง เฉียนซื่อก็เริ่มร้อนรน “แม่เจ้าเป็นแค่คนสมองทื่อคนหนึ่ง จะโกรธเกรี้ยวอะไรขึ้นมาได้?”ดวงตาของซูจิ่นเอ๋อเบิกกว้าง “ป้าสะใภ้รอง ท่านพูดถึงท่านแม่ข้าเช่นนั้นได้อย่างไร?”จิตใจของเฉียนซื่อถูกตีกระตุ้น พลันโพล่งออกมาว่า “แม่เจ้าเดิมทีก็ไม่สมประดี ยังห้ามไม่ให้คนพูดอีก ยังคิดว่าตัวเองเป็นมารดาอ๋อง ขนิษฐาอ๋องอยู่อีกหรือ?”“ท่าน……”ร่างกายของซูจิ่นเอ๋อสั่นเทา นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าป้าสะใภ้รองที่เคยดีกับนางถึงเพียงนั้น จะพูดออกมาเช่นนี้หันมาอีกด้าน ท่านย่าเองก็แสดงสีหน้าเย็นชาเช่นกัน สายตาที่มองนางเผยให้เห็นถึงความไม่อดทนซูจิ่นเอ๋อวิ่งหนีไปอย่างเศร้าใจกู้หว่านเยว่เพิ่งย้ายซาลาเปาเนื้อไปยังที่ที่ปลอดภัยที่อื่นเสร็จ ก็เห็นสีหน้าของซูจิ่นเอ๋อดูตื่นตระหนก“เจ้าเป็นอะไรไป?”แม้ว่าจะไม่อยากสนใจนางหนูนี่ แต่นางยังเล็กเพียงนี้ก็ต้องติดตามโดนเนรเทศ จึงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ออกมาสักคำซูจิ่นเอ๋อเม้มริมฝีปาก เหลือบมองกู่หว่านเยว่ ทันใดนั้นก็พ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 11

    กู้หว่านเยว่ไม่ได้ช่วยซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อเย็บถุงหอมบนเส้นทางการเนรเทศ ไม่มีคุณชายและคุณหนูผู้สูงส่ง ทุกคนต้องลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเองซูจื่อชิงรับถุงหอม จากนั้นไปขอคำแนะนำจากนางหยางซูจิ่นเอ๋อลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ด่าทออย่างรุนแรงอีกต่อไป หยิบเข็มและด้ายขึ้นมาลองเย็บดูทว่าดวงตาของนางกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่เป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เมื่อเห็นว่าขบวนยังพักอยู่ กู้หว่านเยว่หยิบผ้าขึ้นมาแล้วเดินไปที่ริมลำธาร จากนั้นก้มหน้าลงแล้วแอบหยิบยาสีฟันและแปรงสีฟันออกมาจากมิติเพื่อล้างหน้าแปรงฟันไม่แปรงฟันปากเปื้อนไปหมด นางทนไม่ได้ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือก็กำลังวักน้ำจากลำธารมาล้างหน้าเช่นกัน หางตาเหลือบไปเห็นกู้หว่านเยว่ล้างหน้าเสร็จแล้ว และกำลังจ้องมองผิวน้ำอย่างตั้งใจ ใจของนางก็เต้นแรงขึ้นมาอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ ย่องเข้าไปใกล้กู้หว่านเยว่จากด้านหลัง จากนั้นยื่นมือออกไปผลักอย่างรุนแรง“ว้าย!”เสียงกรีดร้องดังขึ้นกู้หว่านเยว่ที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของนางจากเงาสะท้อนในน้ำตั้งแต่แรกแล้วจึงหลบไปด้านข้าง ไม่ลังเลที่จะถีบหลี่ซือซือที่กำลังเซไปเซมาลงไปในน้ำ

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1612

    “กระหม่อมจะทำให้สุดความสามารถ จวบจนวันตาย”“ใครกำลังทำสุดความสามารถ จวบจนวันตายอยู่ตรงนี้หรือ”ด้านนอกมีเสียงหัวเราะอ่อนโยนดังขึ้น ต่อจากนั้นคือเสียงหัวเราะเฮฮาเว่ยเฉิงรีบลุกขึ้นแล้วเงยหน้ามอง พบว่าเป็นอวิ๋นมู่และมู่หรงฉางเล่อ“พวกท่านมาได้อย่างไร?”สายตาเขาประหลาดใจมู่หรงฉางเล่อยิ้มพร้อมแหย่เขา “ใต้เท้าเว่ย พวกเราไม่เหมือนท่านหรอกนะ มีจวนที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้ พวกเราจะมาขอพึ่งพิงอาศัย มาขออยู่ที่จวนของท่านอย่างไรละ”อวิ๋นมู่มีกิจการในเมืองหลวงไม่น้อย แต่ช่วงที่ผ่านมากิจการของเขาเกิดปัญหา บ้านทุกหลังล้วนถูกทำลายปิดตาย จนตอนนี้ยังซ่อมไม่แล้วเสร็จ“ไม่ทราบใต้เท้าเว่ยต้อนรับพวกเราหรือไม่”น้ำเสียงอวิ๋นมู่อ่อนโยน พร้อมเอ่ยแล้วยิ้ม“ย่อมยินดีแน่นอน” เว่ยเฉิงรีบกล่าว “เพียงแต่จวนแห่งนี้เพิ่งจะพระราชทานให้ข้าวันนี้ ภายในยังไม่มีเครื่องเรือนใดเลย”“เรื่องนี้ท่านยังไม่รีบขอบคุณคุณชายอวิ๋นอีก เขาได้สั่งให้คนขนเครื่องเรือนมาให้ท่านแล้วหนึ่งชุด”“เครื่องเรือนหรือ”เว่ยเฉิงมองไปข้างนอก ตอนนี้เพิ่งสังเกตเห็นรถม้าหลายคันที่จอดอยู่หน้าจวน บนรถม้าเหล่านั้นล้วนมีผ้าคลุม สิ่งที่เผยให้เห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1611

    ยามตะวันตกดินเว่ยเฉิงเดินกลับบ้านภายใต้แสงจันทร์ทางราชสำนักได้จัดบ้านพักไว้ให้เขาในเมืองหลวงแล้ว อีกทั้งยังส่งคนไปรับเจียงหรงกับยายเฒ่าอู๋และลูกที่เพิ่งคลอดมาที่นี่ตอนนี้ เขาถือกุญแจ ล่วงหน้าไปตรวจตราบ้านหลังนั้นก่อนต่างจากชาติที่แล้ว ตอนนั้นเพื่อดึงเขามาเป็นพรรคพวก เพื่อรักษาอำนาจราชสำนักใหม่ จึงจัดให้เขาอยู่ในถนนจูเชวี่ยที่ดีที่สุด พระราชทานให้เขาพักในจวนระดับจวนอ๋องจวนเว่ยเบื้องหน้าแห่งนี้ เป็นรูปแบบจวนสมุหราชเลขาธิการอย่างแท้จริงเว่ยเฉิงก้มมองกุญแจในมือแวบหนึ่ง“ท่านพ่อ ท่านคิดสิ่งใดอยู่หรือ?”เว่ยเสียวฉู่ดีใจมาทั้งวัน นางไปเข้าร่วมพิธีราชาภิเษก มีคนมากมายช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน!อาจารย์นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร มือถือพู่กันแดง เพียงเอ่ยอย่างแผ่วเบา ก็สามารถกำหนดให้คนเป็นหรือตาย ช่างเป็นขวัญใจของนาง!นางแต่งตั้งให้ท่านพ่อเป็นสมุหราชเลขาธิการได้ยินมาว่าสมุหราชเลขาธิการเป็นตำแหน่งขุนนางที่ใหญ่ที่สุด หลังเสร็จสิ้นพิธี มีคนมากมายมาประจบท่านพ่อแต่ดูเหมือนท่านพ่อจะไม่ดีใจ“เสียวฉู่”เว่ยเฉิงแบกเว่ยเสียวฉู่เดินเข้าไปในจวน “ยังจำที่พ่อเคยบอกเจ้า เรื่องความฝันก่อนหน้านี้

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1610

    มู่หรงถิงนับว่ามีชื่อเสียงฉาวโฉ่นับหมื่นปีแล้ว เรื่องลอบสังหารรัชทายาทจะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์“ส่งเข้าตำหนักเย็นเถอะ”ซูจิ่งสิงพูดเสียงเรียบเฉย “ฆ่าเขา นี่ง่ายเกินไปแล้ว ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานที่ตำหนักเย็นไปชั่วชีวิตเถอะ”“ความคิดนี้ไม่เลว”พรรคพวกของมู่หรงถิงล้วนถูกฆ่าจนหมดสิ้นแล้ว เขาเองก็ไม่สามารถก่อความวุ่นวายอันใดได้อีก ปล่อยให้เขาทุกข์ทรมานในอีกครึ่งชีวิตที่เหลือถึงจะทรมานที่สุด“หว่านเยว่ พรุ่งนี้ข้าเตรียมตกรางวัลขุนนางผู้มีคุณูปการ”ซูจิ่งสิงมองฎีกาในมือ“เดิมทีข้าอยากให้โจวเหล่ารับตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการ เพียงน่าเสียดายเขาพูดว่าเขาอายุมากแล้ว อยากกลับไปสอนหนังสือที่เจดีย์หนิงกู่”โจวเหล่าคือขุนนางเก่าแก่สามรัชสมัย มีเขาบัญชาการ เหล่าขุนนางไม่มีวันกล้าเหิมเกริม“โจวเหล่าอายุมากแล้วจริงๆครั้งนี้เขาเดินทางมาจากเจดีย์หนิงกู่ ขอยาจากข้าไปหลายครั้งให้เขาเกษียณกลับบ้านเกิดเลี้ยงดูยามชราเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่กลับมีคนผู้หนึ่งต้องการแนะนำ“ก่อตั้งราชสำนักใหม่ บ้านเมืองต้องฟื้นฟู ตำแหน่งสมุหราชเลขาธิการนี้ ข้ามีตัวเลือกคนหนึ่ง ท่านอยากฟังหรือไม่?”

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1609

    ลั่วยางพูดอย่างมีนัย “หากไม่อยากถอด ก็ได้”“ไม่ใช่ๆข้าถอดๆ ข้าจะถอดเดี๋ยวนี้เลย”เกาเจี้ยนยิ้มโง่งมเขาอยากถอดให้หมดเลยดีหรือไม่!เขารีบวางกระบี่ลง ถอดเกราะบนตัว ทั้งยังถอดเสื้อตัวใน ทำเสียจนลั่วยางรีบห้ามเขาไว้ หาไม่แล้วเขาจะถอดกางเกงอีกด้วย“เปลือยท่อนบนก็พอแล้ว ไม่ต้องถอดกางเกง”ใบหน้ารูปไข่ของลั่วยางแดงเรื่อคนผู้นี้จะต้องตั้งใจแน่ ทั้งๆ ที่บาดเจ็บครึ่งตัวบน จะถอดกางเกงทำอันใด“เจ้าพูดถูก” เกาเจี้ยนรู้สึกตัว ลูบศีรษะอย่างเก้อกระดาก “ขออภัยยางเอ๋อร์ ข้ามิได้ตั้งใจล่วงเกินเจ้า”สมองของเขานี้ เหตุใดมีแต่ขยะกันเล่า!“อย่าพูด”ลั่วยางตำหนิหนึ่งประโยค ใช้ก้านสำลีชุบน้ำยา ฆ่าเชื้อให้เขาเลือดบนบาดแผลแห้งแล้ว ถูกก้านสำลีสะกิดเล็กน้อยก็มีเลือดซึมออกมา หัวใจลั่วยางเกร็งขึ้นมา เปล่งเสียงนุ่มนวลโดยไม่รู้ตัว “เจ็บหรือไม่?”เกาเจี้ยนสบมองคนในดวงใจอย่างเคลิบเคลิ้ม ไฉนเลยจะรู้สึกเจ็บ“ไม่เจ็บๆ”เขารีบส่ายหน้าทำเสียจนลั่วยางหัวเราะออกมาอีกครั้งมู่หรงอวี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย เขามีชาติกำเนิดต่ำต้อย ถูกรังแกตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าทำเรื่องใดล้วนต้องใคร่ครวญข้อดีข้อเสียก่อน หนำซ้ำยังไม่ปล่อย

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1608

    ลั่วยางหัวเราะ “ท่านอยากพูดอันใด? ท่านพูดก่อนเถอะ”เกาเจี้ยนกระแอมทีหนึ่ง ใบหน้าภายใต้เกราะเขินอายเล็กน้อย“ข้าอยากถามเจ้าว่าช่วงนี้เจ้าสบายดีหรือไม่? ได้รับบาดเจ็บหรือไม่? ได้เผชิญหน้ากับอันตรายหรือไม่?”นางยิ้มพลางส่ายหน้า“ช่วงนี้ข้าสบายดีมากและปลอดภัยดี ไม่ได้พบอันตรายอันใด ของกินของใช้เองก็ดี ไม่พร่องไปแม้ผมเส้นเดียว”นางเอ่ยตอบชัดถ้อยชัดคำด้วยสีหน้าจริงจังเกาเจี้ยนถูกเสียงนุ่มนวลและสายตามุ่งมั่นของนางทำให้คล้อยตาม สายตาจับจ้องนาง ภายในก้นบึ้งของหัวใจอ่อนระทวยคล้ายถูกแสงแดดสาดส่องก็มิปานเขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก อยากวิ่งไปร้องตะโกนบนถนนใหญ่เสียให้ได้ลั่วยางตอบเขาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังตอบคำถามที่เขากังวลนี่หมายความว่าอันใด? เขารู้ดี“เช่น เช่นนั้นเจ้าเล่า? เมื่อครู่เจ้าอยากพูดอันใด?”เกาเจี้ยนมองทางลั่วยางลั่วยางหัวเราะ เดิมทีนางก็ยังลังเลอยู่ภายในใจ ทว่าได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของเกาเจี้ยน นางกลับไม่ว้าวุ่นใจแล้ว“นี่”นิ้วมือเรียวยาวยื่นออกไปชี้ที่แขนของเกาเจี้ยน“ท่านดูไหล่ของท่านได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลแล้วก็ไม่รู้สึกตัว”เกาเจี้ยนก้มหน้าพบว่าไหล่ของเขามีรอยเลือด น่า

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1607

    “เจ้าเก็บราชลัญจกรหยกนี้ไว้เถอะ”เห็นกู้หว่านเยว่จะปฏิเสธ ซูจิ่งพูดอย่างจริงจัง“มีเพียงเก็บไว้ที่เจ้า ข้าสบายใจที่สุด”“ก็ได้”เขาพูดถึงขั้นนี้แล้วกู้หว่านเยว่เองก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีก ทำได้เพียงรับราชลัญจกรหยกไว้“จะต้องแจ้งข่าวท่านพ่อท่านแม่ ยังมีพวกจื่อชิงอีกด้วย”เมืองหลวงถูกยึดแล้ว ถึงเวลาเขียนจดหมายกลับไปแจ้งว่าปลอดภัยดีซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่เขียนจดหมายของตนคนละฉบับและใส่ไว้ในซองจดหมายเร่งส่งไปยังเจดีย์หนิงกู่ที่ห่างออกไปหนึ่งพันสองร้อยลี้“ก็ไม่รู้ว่าจ้านจ้านจะเป็นเช่นไร”กู้หว่านเยว่ทอดถอนใจเบาๆนางรู้สึกผิดอยู่ภายในใจหลังคลอดจ้านจ้านแล้ว นางที่เป็นมารดาคนหนึ่งกลับอยู่ดูแลข้างกายลูกเพียงไม่กี่วันเท่านั้นนับๆ เวลาดูแล้ว บัดนี้จ้านจ้านกำลังฝึกพูด“วางใจได้ ลูกชายจะต้องอยู่อย่างดีแน่”ซูจิ่งสิงโอบกู้หว่านเยว่ วันนี้ก็คือพวกเขาหนึ่งครอบครัวสามคน“รอรับพวกเขากลับจากเจดีย์หนิงกู่แล้ว ก็สามารถได้พบลูกชายทุกวัน ถึงตอนนั้นค่อยๆ สร้างสายใยกับเขา”ซูจิ่งสิงปลอบ กู้หว่านเยว่พยักหน้าบัดนี้ทำได้เพียงเช่นนี้แล้ว“ใช่แล้ว ข้าต้องออกจากวังเที่ยวหนึ่ง”กู้หว่านเยว่พูด

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1606

    ตอนมู่หรงถิงถูกจับก็หาราชลัญจกรหยกบนตัวเขาไม่พบ“เจ้านำราชลัญจกรหยกไปไว้ที่ใด?”เกาเจี้ยนเค้นถามอย่างไม่เกรงใจมู่หรงถิงแหงนหน้าหัวเราะ“ราชลัญจกรหยกอยู่ที่ใด มีเพียงสวรรค์ล่วงรู้”ราชลัญจกรหยกหายไปเมื่อหนึ่งปีก่อน เขาส่งคนไปลอบตามหาอยู่นานก็ไร้ผล“ราชลัญจกรหยกหายไปแล้ว นี่จะทำเยี่ยงไร?”“ไม่มีราชลัญจกรหยกจะขึ้นครองราชย์บัลลังก์เยี่ยงไร?”ในราชสำนักต้าฉี ราชลัญจกรหยกหมายถึงอำนาจสูงสุด มีเพียงถือราชลัญจกรหยกไว้ในมือถึงจะมีความชอบธรรม ได้รับการยอมรับจากสวรรค์และรับสืบทอดทางประวัติศาสตร์“ฝ่าบาท ให้ข้าใช้ทัณฑ์ทรมานเค้นถามเขาเถอะว่าตกลงราชลัญจกรหยกอยู่ที่ใด?”เกาเจี้ยนขมวดคิ้วแน่น เงื้อหมัดขึ้นทางมู่หรงถิงเว่ยเฉิงเปล่งเสียงเครียด“ดูจากท่าทางของฉีอ๋องแล้ว เขาน่าจะไม่รู้ว่าราชลัญจกรหยกอยู่ที่ใด”เขามองทางซูจิ่งสิง“ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ข้ายังเคยได้ยินว่าราชลัญจกรหยกหายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกด้วยใช่ว่าฉีอ๋องจะพูดปด”พูดเช่นนี้แล้ว ก็คือมู่หรงถิงเองก็ไม่รู้ว่าราชลัญจกรหยกอยู่ที่ใด ทุกคนสบตากันแวบหนึ่ง สีหน้าว้าวุ่น“ฝ่าบาทนี่จะทำเยี่ยงไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”“พระองค์จะขึ้นครองราช

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1605

    เห็นได้ชัดว่ามู่หรงถิงจงใจยั่วยุซูจิ่งสิง“วางใจได้”ซูจิ่งสิงตบมือกู้หว่านเยว่อย่างนุ่มนวล บัดนี้เขามีภรรยา มีลูกชาย มีครอบครัว ไม่มีวันมุทะลุสุดโต่ง“ท่านอ๋อง”เกาเจี้ยนมารายงาน “วังหลวงถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว พวกกบฏที่ยังเหลืออยู่ถูกควบคุมไว้แล้วขอรับ”“ดี”สายตาซูจิ่งสิงทอประกายวูบหนึ่งหัวใจมู่หรงถิงแหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ความหวังสุดท้ายของเขาไม่หลงเหลือแล้ว วังหลวงถูกควบคุมไว้ได้ ซูจิ่งสิงชนะอย่างสมบูรณ์แล้ว“เราแพ้แล้ว”มู่หรงถิงทรุดลงในรถนักโทษ คล้ายแก่ขึ้นสิบปี“เราแพ้แล้วจริงๆ”“ไม่ได้แพ้ให้อดีตรัชทายาท กลับแพ้ให้ลูกชายของเขา”คนอื่นมองเขาด้วยสายตาหมิ่นแคลนแวบหนึ่งเขามีคุณสมบัติใดเทียบชั้นกับอดีตรัชทายาท?“ไป ไปตำหนักฉินเจิ้ง”ซูจิ่งสิงพาคนมุ่งหน้าไปยังตำหนักฉินเจิ้ง ที่แห่งนี้คือใจกลางแห่งอำนาจ สามารถขึ้นมายังที่แห่งนี้ได้ ก็หมายความว่าแผ่นดินถูกผลัดเปลี่ยนแล้วภายในตำหนักฉินเจิ้ง นางกำนัลและขันทีหนีไปตั้งนานแล้ว“ยังไม่เคยมาตำหนักฉินเจิ้งเลยนะ”เกาเจี้ยนกระซิบหนึ่งประโยค เขาเฝ้าอยู่ที่ชายแดนมาโดยตลอด ไม่มีแม้แต่โอกาสกลับมายังเมืองหลวง“น้องหญิง”ซูจิ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1604

    “พวกเราเป็นบ่าวปรนนิบัติข้างกายฝ่าบาท ล้วนเป็นคนที่ฝ่าบาทไว้ใจ รอเจิ้นเป่ยอ๋องขึ้นครองบัลลังก์แล้ว คนแรกที่จะฆ่าก็คือพวกเรา”นางกำนัลและขันทีสองสามคนกระซิบกระซาบกันด้วยใบหน้าว้าวุ่น“ไปๆ พวกเรารีบไปเถอะ”พวกเขาต่างพากันถือสัมภาระวิ่งออกไปทางประตูเมืองทว่าพวกเขายังไม่ทันออกจากวัง เสียงต่อสู้กันก็ดังขึ้นที่หน้าประตูวัง เป็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงนำคนบุกฝ่าเข้ามา“แย่แล้ว พวกเราหนีออกไปไม่ได้แล้ว”.......“ก็ไม่รู้ว่าต่อสู้กันเป็นเช่นไรแล้ว อยากออกไปช่วยเหลือเกิน”มู่หรงฉางเล่อพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งนางมีอุปนิสัยมุทะลุมาตั้งแต่เด็ก ไม่คุ้นชินกับการนั่งรอข่าวอยู่ที่เรือนในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ลั่วยางยืนสงบนิ่งที่ฝั่งหนึ่ง นางมองแสงเปลวเพลิงลอยพวยพุ่งข้างนอกเรือน“พี่หญิงหว่านเยว่พูดว่าให้พวกเรารออยู่ในเรือน ห้ามมิให้ออกไปเดินส่งเดช เช่นนั้นพวกเราก็ฟังพี่หญิงหว่านเยว่เถอะ”“เหตุใดเจ้าสงบนิ่งได้ถึงเพียงนี้?”มู่หรงฉางเล่อมองนางอย่างแปลกใจลั่วยางหัวเราะ“เพราะข้าและพี่หญิงหว่านเยว่รู้จักกันมานานมาแล้ว ในอดีตข้าและนางยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอีกด้วย ข้ารู้ว่าไม่ว่ายามใดนางก็

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status