พิษที่กินเข้าไปเป็นพิษร้ายแรงถึงขั้นคร่าชีวิต“เสี่ยวอู่ตายแล้ว เบาะแสสำคัญก็จบสิ้น”ท่านแม่ทัพหลี่พึมพำเบา ๆ แต่ทุกคนรู้แก่ใจดี คนที่วางยาพิษ มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นฮ่องเต้น้อยถึงอย่างไรนอกจากเขาแล้ว จะยังมีใครที่กล้าลงมือในราชวงศ์เช่นนี้กู้หว่านเยว่มองหนานหยางอ๋องด้วยความเป็นห่วง “ท่านอ๋อง ต่อไปท่านจะทำอย่างไร?”กู้หว่านเยว่คิดว่าอีกฝ่ายจะต้องวางแผนเอาไว้แล้ว ไม่เช่นนั้นก็อาจจะมีจุดจบแบบเดียวกับซูจิ่งสิงหนานหยางอ๋องกลับจมอยู่ในความคิดก่อนจะรีบส่ายหน้า“เรื่องนี้ ยังตัดสินว่าเป็นฝีมือของใครไม่ได้ ไว้ข้ากลับไป ข้าจะจัดการกับเรื่องนี้เอง”หากเป็นฝีมือของฮ่องเต้จริง ๆ .... หนานหยางอ๋องคงเจ็บปวดไม่น้อยดั่งคำกล่าวที่ว่า ฮ่องเต้สั่งให้ขุนนางตาย ขุนนางก็ต้องตายหนานหยางอ๋องคือขุนนางอาวุโส และมีความจงรักภักดีมากแทนที่จะบอกว่าเขาจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ สู้บอกว่าเขาจงรักภักดีต่อแผ่นดินต้าฉีดีกว่า“ตราบใดที่ประชาชนของลั่วอันอยู่กันอย่างสงบสุข ข้าจะยอมกล้ำกลืนฝืนทนลืมสิ้นความแค้น”หนานหยางอ๋องกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม กู้หว่านเยว่อดมองอีกฝ่ายไม่ได้คนคนนี้ใส่ใจประชาชนอย่างมากเ
“อย่ากังวล พวกเขาไม่เป็นอะไร”กู้หว่านเยว่ไม่มีทางพูดหรอกว่าคนเหล่านั้นถูกทุบตี ในสายตาของนาง กลุ่มคนสกุลซูนั่นไม่มีค่าอะไร ซูหรานหร่านไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขาอีกต่อไปหลายคนเดินกลับไปด้วยกัน สุดท้ายก็พบซุนอู่ที่ออกมาตามหาคนพอดี“เกิดอะไรขึ้น?” ซุนอู่เดินขึ้นหน้ามาด้วยสีหน้าเย็นชาซูหรานหร่านตกใจกับความดุดันของซุนอู่ รีบบอกว่า “ท่านนักการซุน ข้าไม่ได้หนี ข้า...”“ถ้าเจ้าไม่ได้หนีเหตุใดกลางดึกถึงไม่เห็นแม้เงา?!”“พี่ใหญ่ซุน ใจเย็นก่อน”กู้หว่านเยว่ดึงเขาไปทางด้านหนึ่ง แล้วอธิบายความเป็นมาเป็นไปภายในภูเขาจำลองโดยละเอียดซุนอู่ฟังจบก็ขนหัวลุกไปเลย “เจ้าพูดจริงหรือ?”“เรื่องเหลวไหลเช่นนี้ยังโกหกได้อีกหรือ? คนคนนั้นได้ถูกส่งมอบให้หนานหยางอ๋องไปจัดการแล้ว”ซุนอู่รู้เช่นกันว่ากู้หว่านเยว่จิตใจสูงส่ง ไม่อาจโกหกเพื่อช่วยซูหรานหร่านให้พ้นผิด เขาสั่นสะท้านขึ้นมาทันที“บ้าบอชะมัด โหดเหี้ยมกันทั้งกลุ่ม!”กู้หว่านเยว่ช่วยอธิบาย “โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร ซูหรานหร่านก็ไม่ได้ตั้งใจ เรื่องราวครั้งนี้อย่าตำหนินางอีกเลย”ซุนอู่พยักหน้า แสร้งทำเป็นโกรธพร้อมกับเอ่ยปากเตือนสองสามประโยค“ในเมื่อแ
ซูหัวหยางบ่นพึมพำกลับไป นางจินต้องการดูแลซูหรานหร่าน แต่กลับถูกซูหัวหยางดุด่าเป็นชุด จึงปาดน้ำตาจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์ส่วนซู่เช่อก็ถอนหายใจพลางเหลือบมองซูหรานหร่าน ก่อนออกไปเช่นกันท่าทีเย็นชาของคนในครอบครัว ทำให้ซูหรานหร่านรู้สึกใจหายจริง ๆ“ขุนพลหวัง ขอบคุณท่านที่พูดแทนข้าเมื่อครู่”“ไม่เป็นไร สมควรแล้ว ข้าเป็นคนเถรตรง เจ้าไม่หาว่าข้ายุ่มย่ามก็ดีแล้ว”หวังปี้มองหญิงสาวบอบบางตรงหน้า ความสงสารผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจซูหรานหร่านปาดน้ำตา พลางหันไปฉีกยิ้มให้กู้หว่านเยว่ ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าเวลาร้องไห้เสียอีก“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ากลับก่อนล่ะ”พูดจบ ก็เดินไปที่ข้างเตียงของตัวเอง หยิบเสื้อนวมขึ้นมาเย็บเงียบ ๆเมื่อเห็นซูจิ่นเอ๋อร์แอบสะกิดข้างตัวซูหรานหร่าน กู้หว่านเยว่ก็ไม่ได้เข้าไปปลอบใจ พลางหันไปพูดกับหวังปี้“นักโทษเนรเทศข้างบ้านกลุ่มนั้น รบกวนท่านช่วยไปเคาะเรียกสักหน่อย”“เรื่องเล็กน้อย”หวังปี้โบกมืออย่างไม่ใส่ใจทางด้านนี้หลังจากกู้หว่านเยว่เข้ามาในเรือน ก็หาสถานที่สำหรับปรุงยาถอนพิษ ใช้เวลาไปหลายชั่วยามจนในที่สุดก็ปรุงยาออกมาได้สำเร็จก่อนอื่นก็เข้าไปในมิติ โยนเข้าไปในหอแ
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเหาะหนี ประตูเรือนก็เปิดออกในทันใด คนชุดดำสองคนลากหลี่เฉินอันที่ถูกมัดแขนไพล่หลังออกมาเมื่อเห็นหลี่เฉินอันถูกปิดปาก พยายามดิ้นรนไม่หยุด กู้หว่านเยว่ก็กุมขมับ“อย่าเพิ่งไปช่วยเขา ให้เขาได้รับบทเรียนเสียบ้าง”“อืม”ซูจิ่งสิงก็พยักหน้าเช่นกัน เด็กหนุ่มผู้ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้ กล้าที่จะบุกเดี่ยวไปแก้แค้น“จะจัดการเขายังไงดี?” คนชุดดำคนหนึ่งในเรือนถามด้วยเสียงแหบพร่า“ฮูหยินใหญ่นับถือพุทธ อย่าฆ่าคนในวัด”“หลังเขามีทะเลสาบน้ำแข็งอยู่ โยนลงไปในทะเลสาบน้ำแข็งเถอะ”อีกคนกล่าวขึ้น ทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน ก่อนจะเหาะไปทางหลังเขาเมื่อมาถึงทะเลสาบน้ำแข็ง คนชุดดำคนหนึ่งก็มัดหลี่เฉินอันไว้กับก้อนหิน จากนั้นก็ผลักเขาลงไปในทะเลสาบน้ำแข็งพร้อมกับก้อนหิน“จุ๊ ๆ คราวที่แล้วปล่อยเด็กอย่างเจ้าให้หนีไป ยังจะกลับมาติดกับดักเอง รนหาที่ตายจริง ๆ”คนชุดดำทอดถอนใจออกมาอีกหลายคำ ดวงตาของหลี่เฉินโกรธแค้น ดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดก็ถูกน้ำหนักของหินดึงลงไปใต้น้ำเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทางรอด คนชุดดำทั้งสองก็หันหลังเดินจากไปทันทีที่หันไป ก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ข้างหลังพว
หากหลี่เฉินอันเลิกติดตามนางเพราะเรื่องนี้ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไรนางจะไม่ช่วยคนโง่เง่า“ก็ได้”ถ้าไม่ใช่เพราะกู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิงก็คงไม่ช่วยหลี่เฉินอันด้วยซ้ำ แน่นอนว่าต้องเชื่อฟังคำพูดของกู้หว่านเยว่อยู่แล้ว ก่อนจะจากไปกับนางในพื้นหิมะ หลี่เฉินอันกำหมัดทั้งสองแน่นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวทันทีที่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกลับไปถึงหอนอนรวม เสี่ยวหรงก็ถือน้ำร้อนเข้ามา“ฮูหยินดื่มน้ำร้อน นายท่านดื่มน้ำร้อน” เมื่อเห็นทั้งสองยกไปแล้ว จึงถามด้วยความเกรงกลัว “คุณชายของข้าล่ะขอรับ?”กู้หว่านเยว่บอกเล่าเรื่องราวให้นางฟัง “ถ้าพรุ่งนี้ก่อนออกเดินทาง คุณชายของเจ้ายังไม่กลับมา เจ้าก็ไปตามหาเขาเถอะ”“เจ้าค่ะ” เสี่ยวหรงพยักหน้าช้า ๆ“หว่านเยว่ มานี่เร็วเข้า” นางหยางยื่นมือไปหากู้หว่านเยว่ “เข้ามาอยู่อุ่น ๆ”ทางเหนือหนาวอยู่แล้ว ตกกลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึง อุณหภูมิลดลงถึงลบสิบกว่าองศากู้หว่านเยว่กลับมาจากข้างนอกที่หนาวเหน็บ มือเท้าเย็นเฉียบไปหมด หลังจากที่เดินเข้าไปนางหยางก็ยื่นถุงน้ำร้อนมาให้ทันทีเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่รับไปแล้ว จึงยื่นอีกถุงหนึ่งให้ซูจิ่งสิง“วิ่งวุ่นข้างนอกทั้งวัน ไปนอนก่อ
เมี่ยชิงหว่านรู้สึกหวั่น ๆ “พี่หว่านเยว่ ข้ามาเป็นเพื่อนท่านถึงตรงนี้ก็พอแล้ว ท่านเข้าไปคนเดียวเถิด”แม้ว่านางจะไม่ได้ขี้ขลาด แต่ก็เติบโตในชนบทมาตั้งแต่เด็กเรือนของหนานหยางอ๋องรายล้อมไปด้วยทหารแน่นหนา ทันทีที่มาถึง ทหารเหล่านั้นก็พากันมองมาที่พวกนางเมี่ยชิงหว่านไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวในทันใดเมื่อคิดว่าต้องเดินเข้าไป เผชิญหน้ากับคนแปลกหน้ามากมาย สู้รออยู่หน้าประตูจะดีกว่ากู้หว่านเยว่เห็นดังนั้น ก็คิดว่าจะฉีดยาป้องกันให้เมี่ยชิงหว่านดีหรือไม่ ไม่อยากให้นางไม่รู้เรื่องอะไรเลย จึงเล่าเรื่องความเป็นไปได้ที่นางอาจเป็นธิดาของหนานหยางอ๋องให้ฟัง“เจ้าบอกว่าหนานหยางอ๋องมีธิดาที่สูญหายไป มีความเป็นไปได้สูงว่าข้าจะเป็นธิดาของเขาหรือ? ที่เจ้าพาข้ามาวันนี้ ก็เพื่อพามาพบครอบครัวงั้นหรือ?”เมี่ยชิงหว่านตกใจ แม้จะตกใจ แต่นางกลับรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้“ข้าจะเป็นธิดาของหนานหยางอ๋องได้อย่างไร? ในตัวข้าไม่มีหลักฐานยืนยันใด ๆ จากจวนหนานหยางอ๋องเลย”กู้หว่านเยว่พูดเรื่องที่นางมีหน้าตาละม้ายกับชายาหนานหยางอ๋องมาก“ในมือเจ้าไม่มีปานจุดหนึ่งหรือ? ถึงเวลาก็เอาปานนี
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะสมที่จะพาเมี่ยชิงหว่านเข้าไปแนะนำตัวกับครอบครัวแล้ว กู้หว่านเยว่พูดได้เพียงว่า“ข้าจะพาเจ้ากลับไปก่อน”ทั้งสองกลับมาถึงหอนอนรวม เมี่ยชิงหว่านทักทายคำหนึ่งแล้วไปเก็บข้าวของ ซูจิ่งสิงเห็นสีหน้าไม่ยินดีของพวกนาง ก็รู้แล้วว่าหนนี้ไม่ราบรื่น“ผิดพลาดหรือ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหัว พลางดึงซูจิ่งสิงไปทางด้านหนึ่ง“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฝ่ายหนานหยางอ๋องหาคุณหนูรองพบแล้ว”เรื่องนี้ทำให้ซูจิ่งสิงประหลาดใจมากกว่าเกิดความผิดพลาดเสียอีกจู่ ๆ คุณหนูรองที่หายตัวไปนานกว่าสิบปีก็มาหาถึงหน้าบ้าน ซ้ำยังอยู่ในภูเขาหิมะที่อยู่ห่างไกล แค่คิดก็รู้แล้วว่าไม่ปกติ“จากที่สมมติฐานของเจ้า ความสัมพันธ์ระหว่างเมี่ยชิงหว่านกับหนานหยางอ๋องมีความเกี่ยวข้องกันแปดถึงเก้าส่วน บนโลกนี้ไม่มีทางมีเรื่องบังเอิญเช่นนั้น คนของหนานหยางอ๋องส่วนใหญ่เป็นพวกจอมปลอม”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างครุ่นคิด“ข้ามีวิธีพิสูจน์ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดหรือไม่ แต่ว่า ต้องไปหาหนานหยางอ๋องอีกรอบ เพื่อให้ได้เห็นคุณหนูรองนั่น”...ทางด้านนี้ หนานหยางอ๋องกำลังนั่งอยู่หน้าเตียง จับมือเด็กสาวนางหนึ่งด้วยควา
เดิมทียังคิดว่าต้องยากลำบากพอสมควร กว่าจะได้รับความไว้วางใจจากชายชราผู้นี้ ไม่คิดว่าจะง่ายดายเช่นนี้ชื่อและสมญานามของคุณหนูสายตรงแห่งจวนหนานหยางอ๋องผู้มั่งคั่งล้นฟ้านี้ ก็คือของนางแล้ว!“คุณหนูรอง” ตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุดหนานหยางอ๋องเปลี่ยนชื่อให้นางแล้ว นามว่าฟู่ชิงทุกคนต่างยินดีปรีดาที่สองพ่อลูกได้หวนกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน มีเพียงหวังปี้ที่เห็นฟู่ชิงแล้วขัดหูขัดตา พลางบ่นพึมพำ“เคยคิดเสมอว่าคุณหนูรองเป็นเทพธิดาเช่นเดียวกับอดีตพระชายา ทว่า...เหตุใดนิสัยใจคอถึงหยาบคายนัก”เรื่องนี้ย่อมไม่กล้าพูดออกมาต่อหน้า ท่านอ๋องผู้เฒ่ากำลังปลื้มฟู่ชิง ได้ยินเข้าอาจจะถลกหนังเขาก็ได้เมื่อหันไปก็เห็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเข้ามา เลยรีบออกไปต้อนรับพวกเขา ได้เห็นมารยาร้อยเล่มเกวียนของฟู่ชิงที่นี่พอดี“พวกเจ้ามาจนได้ ช่วยข้าให้รอดพ้นจากหายนะ”กู้หว่านเยว่งุนงงไม่เข้าใจ “ศึกษาและผลิตยาถอนพิษเรียบร้อยแล้ว ข้าเอามาให้ท่านอ๋องเสวย ได้ยินมาว่าท่านอ๋องหาธิดาพบแล้ว โชคสองชั้นมาเยือนจริง ๆ”หนานหยางอ๋องได้ยินเสียงของกู้หว่านเยว่มาแต่ไกล จึงรีบพูดขึ้นว่า“แม่นางกู้ เจ้ามาได้เวลาพอดี มือและเท้าของชิ
“บ่าวไปเดี๋ยวนี้เพคะ!”ชิงเหลียนหมุนกายวิ่งออกไปทันทีวันนี้คนที่เข้าเวรที่สำนักหมอนหลวงคือลั่วยางพอดี เมื่อเห็นชิงเหลียงมาเรียกคน คิดว่ากู้หว่านเยว่เป็นอะไรเสียอีก รีบคว้ากล่องยาตามออกไปทันทีหลังจากตามมาจึงจะรู้เรื่องของโจวเสี้ยนจากปากชิงเหลียน“นายท่านกับฮูหยินกำลังรู้สึกผิด ไม่ว่าจะส่งใครไป ท้ายที่สุดนี่ก็คือจุดจบของเรื่องนี้ ไม่มีใครถ้าคิดว่าองค์ชายหนานเจียงจะบ้าเช่นนี้หมอหญิงลั่ว หลังจากท่านเข้าไป ต้องเกลี้ยกล่อมฮูหยินดีๆ นะ”ลั่วยางพยักหน้า “น่าสงสารโจวฮูหยินมาก”“ก็นั่นน่ะสิ กว่าจะได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”เดิมทีสกุลโจวก็ไม่ชอบนางอยู่แล้ว ในที่สุดโจวเสี้ยนก็ได้แต่งงานกับนาง และมาซื้อบ้านอยู่ในเมืองหลวงวันดีๆ กำลังจะมาอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าเพิ่งแต่งงานได้หนึ่งเดือน ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ระหว่างที่ทั้งสองสนทนา ก็ได้มาถึงตำหนักข้างที่ให้โจวฮูหยินพักชั่วคราวแล้วหลังจากลั่วยางคำนับทั้งสอง ก็เข้าไปตรวจชีพจรให้โจวฮูหยิน“เสียใจมากเกินไป ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หม่อมฉันจ่ายยาก็ดีขึ้นเองเพคะ”ลั่วยางเขียนตำรับยาหนึ่งแผ่น ให้ผู้ช่วยไปเอายาที่สำนักหมอหลวง ผ่านไปครู่หนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?” กู้กว่านเยว่ถามชิงเหลียนคนหนักแน่น น้อยครั้งที่จะตื่นตระหนกเช่นนี้“องค์ชายสามของหนานเจียงเพคะ”นางกำหมัดแน่น โมโหจนยากจะควบคุมอารมณ์ “เขาเหิมเกริมเกินไปแล้ว เขา เขาฆ่าแม่ทัพโจวตายแล้ว!”“อะไรนะ?”สีหน้ากู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงเปลี่ยนฉับพลันโจวเสี้ยนเป็นคนไปต้อนรับทูตหนานเจียงหลังจากโจวเสี้ยนยอมจำนนที่ด่านหานกู่ ก็กลายเป็นขุนนางคนสำคัญของซูจิ่งสิง ทั้งสองคิดไม่ถึงว่าคนหนานเจียงจะใจกล้าถึงขั้นฆ่าเขา“ทำไมถึงฆ่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”สีหน้าซูจิ่งสิงขรึมลงโจวเสี้ยนอายุยังน้อย เพิ่งแต่งงานเดือนที่แล้วชิงเหลียนกล่าวตอบ “ข่าวที่ส่งกลับมาบอกว่าแม่ทัพโจวลวนลามสนมรักขององค์ชายสาม ด้วยความโกรธ องค์ชายสามจึง…ฆ่าเขา”นางหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกจากหน้าอก“ใช่แล้ว นี่คือหนังสือยอมรับผิดขององค์ชายสามหนานเจียง”สีหน้าซูจิ่งสิงดูน่าเกลียดมาก เขารับหนังสือยอมรับผิดมา ยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งบูดบึ้ง“เขาเขียนว่าอะไร?”“เจ้าดูสิ”กู้หว่านเยว่รับหนังสือยอมรับผิดมาจากมือซูจิ่งสิง หลังจากอ่านครู่หนึ่ง ไม่น่าแปลกใจที่ซูจิ่งสิงโกรธเช่นนี้ นางก็โมโหเช่นกันองค์ชายสามคนนี้แสร้งเขี
ทว่าท่าทีของซูจิ่งสิงแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยเห็นธัญพืชเช่นนี้มาก่อน“มองใบสีเขียวมรกตนี้ หรือว่าจะเป็นผัก?” ซูจิ่งสิงถามตอบด้วยตนเอง ทำเสียจนกู้หว่านเยว่หัวเราะดังลั่น“ของกินนี้เรียกว่ามันฝรั่ง อีกทั้งยังสามารถเรียกว่ามันฝรั่งหม่าหลิงได้อีกด้วย ใบของมันไม่ได้นำมากิน หัวมันฝรั่งโตที่รากต่างหากที่นำมากินเจ้าค่ะ” กู้หว่านเยว่อธิบายซูจิ่งสิงเข้าใจในทันใด “คล้ายมันเทศใช่หรือไม่?”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่ส่งจอบให้อันหนึ่ง“ท่านพี่ ท่านขุดออกมาดูเถอะ”“ได้”ซูจิ่งสิงรับจอบไป เดินมายังตำแหน่งใกล้ที่สุด ขุดดินอย่างระมัดระวัง จากนั้นดึงรากของมันฝรั่งออกมาปริมาณมันฝรั่งภายในมิติชวนให้คนตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นรูปร่างอ้วนกลมยังทำให้คนชอบมาก“รสชาติเจ้าสิ่งนี้เป็นเช่นไร?”ซูจิ่งสิงแปลกใจอยู่บ้าง เจ้าสิ่งที่เรียกว่า “มันฝรั่ง” นี้ เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยกินมาก่อนด้วยไม่รู้ว่าเทียบกับมันเทศที่คล้ายกันแล้วจะมีรสชาติเช่นไร“ไม่มีวันทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”กู้หว่านเยว่จูงซูจิ่งสิงมายังพื้นที่กว้างแห่งหนึ่งเพื่อแสดงรสชาติอร่อยที่สุดของมันฝรั่ง กู้หว่านเยว่ไม่ได้ใช้ครัวอ
“หนานเจียงส่งคนมาแล้ว?”ดวงตาเฟิ่งอู๋ชีเผยแววประหลาดใจ “ส่งใครมาหรือ?”“องค์ชายสามหนานเจียง” กู้หว่านเยว่พูดเฟิ่งอู๋ชีเผยสีหน้าเย้ยหยันตนเอง ก้มหน้าเล่นถ้วยชาบนโต๊ะ“เป็นเฟิ่งหวู่โจวนี่เอง”“เขาน่ะ มีความสัมพันธ์อันดีกับเสด็จพี่ใหญ่ของข้ามากที่สุด”ความเสียใจบนใบหน้าเขาสะท้อนออกอย่างชัดเจน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงล้วนสามารถรับรู้ได้ ทั้งคู่สบตากันแวบหนึ่งจึงเอ่ยถามไล่เรียง“เฟิ่งอู๋ชี พูดเช่นนี้อาจล่วงเกินท่านอยู่บ้าง แต่ตกลงสถานการณ์ที่หนานเจียงของท่านเป็นเช่นไรกันแน่?”เฟิ่งอู๋ชีเบือนหน้าหนี เขาถูกกระตุ้นให้นึกถึกเรื่องที่เสียใจจึงหลีกเลี่ยงคำถามของทั้งคู่“ข้าบอกพวกท่านได้เพียงว่าน้องสามของข้าท่านนี้ไม่มีอันใดน่ากลัว เขาเป็นสุนัขตัวหนึ่งของเฟิ่งหมิงกวง ขอเพียงพวกท่านจับเฟิ่งหมิงกวงไว้ได้อยู่หมัดก็เท่ากับจับเขาไว้ได้แล้ว”แม้ว่ากู้หว่านเยว่อยากสืบข่าวให้มากยิ่งกว่านี้ แต่เห็นว่าเฟิ่งอู๋ชีถูกพูดแทงใจ นางเองก็ไม่ได้ถามต่อ“ได้ ท่านพักผ่อนดีๆ พวกเราจะมาเยี่ยมท่านใหม่วันหลัง”นางลุกขึ้นบอกลา“น้อมส่งฝ่าบาท น้อมส่งฮองเฮา”เฟิ่งอู๋ชีอยากลุกขึ้นทำความเคารพ กลับถูกกู้หว่านเยว่
“คนที่ส่งมาคือใคร?”“องค์ชายสามของหนานเจียงพ่ะย่ะค่ะ”“องค์ชายสาม?”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากันแวบหนึ่ง หนานเจียงไม่ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอกมานานหลายปี พวกเขารู้เรื่องหนานเจียงน้อยมาก ย่อมไม่รู้จักองค์ชายสามคนนี้ดังนั้นสองคนจึงตัดสินใจไปสอบถามเฟิ่งอู๋ชีก่อน“ช่วงนี้ร่างกายของเฟิ่งอู๋ชีเป็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามชิงเหลียน ช่วงนี้เป็นนางเฝ้าเฟิ่งอู๋ชีอยู่ตลอด“หลังท่านมอบเลือดของเทพเต่าให้เขาแล้ว เขาปรุงสมุนไพรด้วยตนเองจึงดีกว่าแต่ก่อนมากเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่พยักหน้าได้รู้ว่าเลือดเต่าของเฟิ่งอู๋ชีถูกเฟิ่งหมิงกวงขโมยไป กู้หว่านเยว่ก็เข้าไปในมิติปรึกษากับเต่าทะเลยักษ์หนึ่งรอบ หวังว่าจะได้รับเลือดจากตัวมันอีกเล็กน้อยแน่นอน ภายในใจนางนับเต่าทะเลยักษ์เป็นสหายแล้วหากเต่าทะเลยักษ์ไม่ยอม นางย่อมไม่บังคับเต่าทะเลยักษ์ยอมรับกู้หว่านเยว่ในฐานะเจ้านายอย่างมาก ได้รู้ว่ากู้หว่านเยว่ทำเพื่อช่วยสหายของตนก็ยื่นกรงเล็บน้อยๆ ออกไปอย่างไม่ลังเล ให้กู้หว่านเยว่เจาะเลือดหลังกู้หว่านเยว่รับไปแล้วก็รีบไปหาเฟิ่งอู๋ชีและมอบเลือดเต่าทะเลให้เขาหลังจากนั้นเขาก็พักรักษาตัวภายในตำหนักแห่งหน
ตอนหวงจูเข้าวัง ใต้เท้าหวงและหวงฮูหยินคิดว่าลูกสาวจะไปเป็นสนมสรุปคือคนพลิกบทบาทไปในเวลาเพียงชั่วพริบตา กลายเป็นขุนนางคนสนิทของกู้หว่านเยว่เสียแล้วหวงจูสวมชุดแดงใส่หมวกขุนนางกลับบ้าน ทั้งสองคนยังตอบสนองไม่ทัน ตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่“ลูกสาว เจ้าไม่ได้เข้าวังไปเป็นสนมหรือ เหตุใดเป็นขุนนางแล้วเล่า?”ดูแล้วขุนนางนี้ ตำแหน่งไม่เล็กใต้เท้าหวงขยี้ตา เขายังไม่ตื่นหรือ?“ท่านพ่อ ท่านดูไม่ผิด บัดนี้ลูกรับราชการในราชสำนักเหมือนท่านแล้ว”หวงจูคลี่ยิ้มอย่างฉลาดหลักแหลม“ฮองเฮาแต่งตั้งลูกเป็นรองผู้คุมสอบขุนนางในครั้งนี้เจ้าค่ะ”สองผู้เฒ่าสกุลหวง ‘?’“นี่ตกลงเกิดอันใดขึ้นกันแน่?”ใต้เท้าหวงใกล้หมดสติเต็มที“ท่านพ่อ ฮองเฮาตัดสินใจเปิดการสอบพระราชทานของสตรีในปีนี้ ฮองเฮาถูกใจลูก ทำลายกฎเกณฑ์เป็นพิเศษ จัดการสอบพระราชทานในครั้งนี้ขึ้นเจ้าค่ะ”สีหน้าหวงจูเรียบเฉย กลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากภายในใจ ความหวังและความใฝ่ฝันของนางก็จะเป็นจริงแล้ว“จูเอ๋อร์”แววตาใต้เท้าหวงทอประกาย“เจ้าบอกพ่อ ตั้งแต่เข้าวัง เจ้าก็วางแผนไว้แล้วใช่หรือไม่?”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”หวงจูยกชาขึ้น พยักหน้าอย่างจริงจั
กู้หว่านเยว่โบกมือ เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายลุกขึ้น“กำลังจะกินมื้อเช้าพอดี”กู้หว่านเยว่ล้างหน้าบ้วนปากแล้วก็วางผ้าเช็ดหน้าไว้ที่ฝั่งหนึ่ง สั่งคนไปยกอาหาร“เจ้าเองก็ยังไม่ได้กินข้าวกระมัง? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็นั่งลงทางด้านข้าง กินไปด้วยพูดไปด้วยเถอะ”ท่าทีเป็นกันเองของนางทำให้หวงจูแปลกใจ แววตายามทอดมองนางเปี่ยมความชื่นชม“บ่าวขอบพระทัยฮองเฮามากเพคะ”ทั้งสองคนนั่งลงพร้อมกัน หวงจูกลับไม่กล้ากินจริง ที่ทำมากที่สุดคือปรนนิบัติกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่เองก็อยากฉวยโอกาสนี้ทดสอบหมิงจู ดูว่าตกลงนางมีความสามารถมากเพียงใด ปราฎว่าทดสอบดูแล้วพบว่าอีกฝ่ายมีความคิดล้ำสมัยอย่างแท้จริง“เจ้าอ่านหนังสือไม่น้อย”“หลังกินเสร็จแล้วเจ้าอย่าเพิ่งไป ข้าจะให้คนทดสอบเจ้า”นางกำลังขาดผู้อยู่ใต้อาณัติไว้ใช้งานดีหวงจูชะงักไป จากนั้นดีใจอย่างบ้าคลั่ง“บ่าวขอบพระทัยฮองเฮามากเพคะ”เรื่องนี้มีหวังแล้ว!“เจ้าไปเชิญใต้เท้าเว่ยเว่ยเฉิงมาสักเที่ยวหนึ่ง”กู้หว่านเยว่สั่งหงเจาหนึ่งประโยค“เพคะ”หงเจาพยักหน้า จากนั้นรีบออกไปตามคนรอจนกระทั่งกู้หว่านเยว่กินข้าวเรียบร้อยแล้ว เว่ยเฉิงก็เดินทางเข้ามาจากนอกวัง กำล
ชิงเหลียนมองออกไป แล้วรีบกราบทูลรายงานว่า “นี่คือคนที่สกุลหวงส่งเข้ามาเมื่อหลายวันก่อน บอกว่าเข้ามาดูแลท่านเป็นพิเศษ ข้าเห็นว่านางเป็นคนว่านอนสอนง่าย จึงพานางมาที่นี่เจ้าค่ะ”หวงจูรีบหมุนตัวกลับมา นางมองกู้หว่านเยว่อย่างชื่นชม ก่อนจะรีบก้มหน้าลง คุกเข่าตรงหน้าของกู้หว่านเยว่“ข้าหวงจู ขอคารวะพระมเหสี ขอให้พระมเหสีทรงมีอายุยืนยาวเป็นพัน ๆ ปี เป็น หมื่น ๆปี”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง“เจ้าคือบุตรสาวของใต้เท้าหวง”นางมีความประทับใจต่อขุนนางอย่างใต้เท้าหวง ทำไมนะหรือ? ไต้เท้าหวงผู้นี้มีตำแหน่งไม่ธรรมดา อีกทั้งยังยังเคยทำงานภายใต้การดูแลของมู่หรงถิงมาก่อนตามหลักแล้ว นางจะต้องสืบค้นอย่างแน่นอนทว่าหลังจากที่สืบค้นแล้ว พบว่าสกุลหวงไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ใต้เท้าหวงไม่ใช่ขุนนางทุจริต ดังนั้นจึงปล่อยผ่านไม่ได้สืบค้นตระกูลของพวกนาง ตอนนี้ใต้เท้าหวงยังคงดำรงตำแหน่งเดิม“พระมเหสีทรงความจำดียิ่งนัก ท่านพ่อของข้าคือจงเฉิงหวงเหรินในตอนนี้”กู้หว่านเยว่ครุ่นคิดใต้เท้าหวงไม่ใช่ขุนนางชั้นผู้น้อยในราชสำนัก บุตรสาวของเขาก็นับว่าสามารถขึ้นเป็นพระชายาของท่านอ๋องได้ เหตุใดถึงส่งนางมา
จงหลี่ไม่ไป ตัดสินใจว่าจะตายไปพร้อมกับพวกเขาทุกคนต่างก็ซาบซึ้งใจและลำบากใจในเวลาเดียวกัน“ฝ่าบาท”ชิงเยี่ยนน้ำตาไหลพราก นัยน์ตาของจงหลี่เลื่อนมาหยุดอยู่ที่เขา ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าและตบบ่าของเขาด้วยความเชื่อมั่น“ชิงเหยียน เจ้าไปเถอะเจ้าคือองครักษ์ของข้า คือคนที่ข้าเห็นการเติบโตและเป็นคนที่ข้าเชื่อใจที่สุดเจ้าจงนำอารยธรรมของเมืองตงโจวไปตามหาหว่านเยว่ที่ต้าฉี”ในใจของเขายังเป็นห่วงน้องสาว“หลังจากที่เจอหว่านเยว่แล้ว จำไว้ บอกนางจงใช้ชีวิตอยู่ในต้าฉีให้ดี ห้ามกลับมาเมืองตงโจวอีก”“ฝ่าบาท!”ชิงเยี่ยนแสดงสีหน้าตื่นตกใจ เขาคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าสุดท้ายแล้วคนที่ต้องจากไปคือตัวเอง“ไม่ ฝ่าบาท ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่กับท่าน”ชิงเยี่ยนแทบจะคุกเข่าร้องไห้ กอดขาของจงหลี่ไว้“ฝ่าบาท ท่านอย่าไล่ข้าเลยเขอรับ ให้ข้าอยู่ที่นี่ ข้าไม่อยากจากไปจริง ๆ”ฝ่าบาทมีพระคุณกับเขามากมายดั่งภูผา เขาจะทิ้งฝ่าบาท แล้วหนีเอาตัวรอดเพียงผู้เดียวได้อย่างไร?เขาทำไม่ได้ชิงเยี่ยนน้องไห้น้ำตานองหน้า ส่ายหัวปฏิเสธท่าเดียวจงหลี่ทอดถอนใจ แล้วประคองเขาขึ้นมา “ชิงเยี่ยน ทำไมข้าถึงต้องให้เจ้าไป? ประการแรกคื