“อย่ากังวล พวกเขาไม่เป็นอะไร”กู้หว่านเยว่ไม่มีทางพูดหรอกว่าคนเหล่านั้นถูกทุบตี ในสายตาของนาง กลุ่มคนสกุลซูนั่นไม่มีค่าอะไร ซูหรานหร่านไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขาอีกต่อไปหลายคนเดินกลับไปด้วยกัน สุดท้ายก็พบซุนอู่ที่ออกมาตามหาคนพอดี“เกิดอะไรขึ้น?” ซุนอู่เดินขึ้นหน้ามาด้วยสีหน้าเย็นชาซูหรานหร่านตกใจกับความดุดันของซุนอู่ รีบบอกว่า “ท่านนักการซุน ข้าไม่ได้หนี ข้า...”“ถ้าเจ้าไม่ได้หนีเหตุใดกลางดึกถึงไม่เห็นแม้เงา?!”“พี่ใหญ่ซุน ใจเย็นก่อน”กู้หว่านเยว่ดึงเขาไปทางด้านหนึ่ง แล้วอธิบายความเป็นมาเป็นไปภายในภูเขาจำลองโดยละเอียดซุนอู่ฟังจบก็ขนหัวลุกไปเลย “เจ้าพูดจริงหรือ?”“เรื่องเหลวไหลเช่นนี้ยังโกหกได้อีกหรือ? คนคนนั้นได้ถูกส่งมอบให้หนานหยางอ๋องไปจัดการแล้ว”ซุนอู่รู้เช่นกันว่ากู้หว่านเยว่จิตใจสูงส่ง ไม่อาจโกหกเพื่อช่วยซูหรานหร่านให้พ้นผิด เขาสั่นสะท้านขึ้นมาทันที“บ้าบอชะมัด โหดเหี้ยมกันทั้งกลุ่ม!”กู้หว่านเยว่ช่วยอธิบาย “โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไร ซูหรานหร่านก็ไม่ได้ตั้งใจ เรื่องราวครั้งนี้อย่าตำหนินางอีกเลย”ซุนอู่พยักหน้า แสร้งทำเป็นโกรธพร้อมกับเอ่ยปากเตือนสองสามประโยค“ในเมื่อแ
ซูหัวหยางบ่นพึมพำกลับไป นางจินต้องการดูแลซูหรานหร่าน แต่กลับถูกซูหัวหยางดุด่าเป็นชุด จึงปาดน้ำตาจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์ส่วนซู่เช่อก็ถอนหายใจพลางเหลือบมองซูหรานหร่าน ก่อนออกไปเช่นกันท่าทีเย็นชาของคนในครอบครัว ทำให้ซูหรานหร่านรู้สึกใจหายจริง ๆ“ขุนพลหวัง ขอบคุณท่านที่พูดแทนข้าเมื่อครู่”“ไม่เป็นไร สมควรแล้ว ข้าเป็นคนเถรตรง เจ้าไม่หาว่าข้ายุ่มย่ามก็ดีแล้ว”หวังปี้มองหญิงสาวบอบบางตรงหน้า ความสงสารผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจซูหรานหร่านปาดน้ำตา พลางหันไปฉีกยิ้มให้กู้หว่านเยว่ ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าเวลาร้องไห้เสียอีก“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ากลับก่อนล่ะ”พูดจบ ก็เดินไปที่ข้างเตียงของตัวเอง หยิบเสื้อนวมขึ้นมาเย็บเงียบ ๆเมื่อเห็นซูจิ่นเอ๋อร์แอบสะกิดข้างตัวซูหรานหร่าน กู้หว่านเยว่ก็ไม่ได้เข้าไปปลอบใจ พลางหันไปพูดกับหวังปี้“นักโทษเนรเทศข้างบ้านกลุ่มนั้น รบกวนท่านช่วยไปเคาะเรียกสักหน่อย”“เรื่องเล็กน้อย”หวังปี้โบกมืออย่างไม่ใส่ใจทางด้านนี้หลังจากกู้หว่านเยว่เข้ามาในเรือน ก็หาสถานที่สำหรับปรุงยาถอนพิษ ใช้เวลาไปหลายชั่วยามจนในที่สุดก็ปรุงยาออกมาได้สำเร็จก่อนอื่นก็เข้าไปในมิติ โยนเข้าไปในหอแ
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเหาะหนี ประตูเรือนก็เปิดออกในทันใด คนชุดดำสองคนลากหลี่เฉินอันที่ถูกมัดแขนไพล่หลังออกมาเมื่อเห็นหลี่เฉินอันถูกปิดปาก พยายามดิ้นรนไม่หยุด กู้หว่านเยว่ก็กุมขมับ“อย่าเพิ่งไปช่วยเขา ให้เขาได้รับบทเรียนเสียบ้าง”“อืม”ซูจิ่งสิงก็พยักหน้าเช่นกัน เด็กหนุ่มผู้ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้ กล้าที่จะบุกเดี่ยวไปแก้แค้น“จะจัดการเขายังไงดี?” คนชุดดำคนหนึ่งในเรือนถามด้วยเสียงแหบพร่า“ฮูหยินใหญ่นับถือพุทธ อย่าฆ่าคนในวัด”“หลังเขามีทะเลสาบน้ำแข็งอยู่ โยนลงไปในทะเลสาบน้ำแข็งเถอะ”อีกคนกล่าวขึ้น ทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน ก่อนจะเหาะไปทางหลังเขาเมื่อมาถึงทะเลสาบน้ำแข็ง คนชุดดำคนหนึ่งก็มัดหลี่เฉินอันไว้กับก้อนหิน จากนั้นก็ผลักเขาลงไปในทะเลสาบน้ำแข็งพร้อมกับก้อนหิน“จุ๊ ๆ คราวที่แล้วปล่อยเด็กอย่างเจ้าให้หนีไป ยังจะกลับมาติดกับดักเอง รนหาที่ตายจริง ๆ”คนชุดดำทอดถอนใจออกมาอีกหลายคำ ดวงตาของหลี่เฉินโกรธแค้น ดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดก็ถูกน้ำหนักของหินดึงลงไปใต้น้ำเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทางรอด คนชุดดำทั้งสองก็หันหลังเดินจากไปทันทีที่หันไป ก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ข้างหลังพว
หากหลี่เฉินอันเลิกติดตามนางเพราะเรื่องนี้ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไรนางจะไม่ช่วยคนโง่เง่า“ก็ได้”ถ้าไม่ใช่เพราะกู้หว่านเยว่ ซูจิ่งสิงก็คงไม่ช่วยหลี่เฉินอันด้วยซ้ำ แน่นอนว่าต้องเชื่อฟังคำพูดของกู้หว่านเยว่อยู่แล้ว ก่อนจะจากไปกับนางในพื้นหิมะ หลี่เฉินอันกำหมัดทั้งสองแน่นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวทันทีที่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงกลับไปถึงหอนอนรวม เสี่ยวหรงก็ถือน้ำร้อนเข้ามา“ฮูหยินดื่มน้ำร้อน นายท่านดื่มน้ำร้อน” เมื่อเห็นทั้งสองยกไปแล้ว จึงถามด้วยความเกรงกลัว “คุณชายของข้าล่ะขอรับ?”กู้หว่านเยว่บอกเล่าเรื่องราวให้นางฟัง “ถ้าพรุ่งนี้ก่อนออกเดินทาง คุณชายของเจ้ายังไม่กลับมา เจ้าก็ไปตามหาเขาเถอะ”“เจ้าค่ะ” เสี่ยวหรงพยักหน้าช้า ๆ“หว่านเยว่ มานี่เร็วเข้า” นางหยางยื่นมือไปหากู้หว่านเยว่ “เข้ามาอยู่อุ่น ๆ”ทางเหนือหนาวอยู่แล้ว ตกกลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึง อุณหภูมิลดลงถึงลบสิบกว่าองศากู้หว่านเยว่กลับมาจากข้างนอกที่หนาวเหน็บ มือเท้าเย็นเฉียบไปหมด หลังจากที่เดินเข้าไปนางหยางก็ยื่นถุงน้ำร้อนมาให้ทันทีเมื่อเห็นกู้หว่านเยว่รับไปแล้ว จึงยื่นอีกถุงหนึ่งให้ซูจิ่งสิง“วิ่งวุ่นข้างนอกทั้งวัน ไปนอนก่อ
เมี่ยชิงหว่านรู้สึกหวั่น ๆ “พี่หว่านเยว่ ข้ามาเป็นเพื่อนท่านถึงตรงนี้ก็พอแล้ว ท่านเข้าไปคนเดียวเถิด”แม้ว่านางจะไม่ได้ขี้ขลาด แต่ก็เติบโตในชนบทมาตั้งแต่เด็กเรือนของหนานหยางอ๋องรายล้อมไปด้วยทหารแน่นหนา ทันทีที่มาถึง ทหารเหล่านั้นก็พากันมองมาที่พวกนางเมี่ยชิงหว่านไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัวในทันใดเมื่อคิดว่าต้องเดินเข้าไป เผชิญหน้ากับคนแปลกหน้ามากมาย สู้รออยู่หน้าประตูจะดีกว่ากู้หว่านเยว่เห็นดังนั้น ก็คิดว่าจะฉีดยาป้องกันให้เมี่ยชิงหว่านดีหรือไม่ ไม่อยากให้นางไม่รู้เรื่องอะไรเลย จึงเล่าเรื่องความเป็นไปได้ที่นางอาจเป็นธิดาของหนานหยางอ๋องให้ฟัง“เจ้าบอกว่าหนานหยางอ๋องมีธิดาที่สูญหายไป มีความเป็นไปได้สูงว่าข้าจะเป็นธิดาของเขาหรือ? ที่เจ้าพาข้ามาวันนี้ ก็เพื่อพามาพบครอบครัวงั้นหรือ?”เมี่ยชิงหว่านตกใจ แม้จะตกใจ แต่นางกลับรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้“ข้าจะเป็นธิดาของหนานหยางอ๋องได้อย่างไร? ในตัวข้าไม่มีหลักฐานยืนยันใด ๆ จากจวนหนานหยางอ๋องเลย”กู้หว่านเยว่พูดเรื่องที่นางมีหน้าตาละม้ายกับชายาหนานหยางอ๋องมาก“ในมือเจ้าไม่มีปานจุดหนึ่งหรือ? ถึงเวลาก็เอาปานนี
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะสมที่จะพาเมี่ยชิงหว่านเข้าไปแนะนำตัวกับครอบครัวแล้ว กู้หว่านเยว่พูดได้เพียงว่า“ข้าจะพาเจ้ากลับไปก่อน”ทั้งสองกลับมาถึงหอนอนรวม เมี่ยชิงหว่านทักทายคำหนึ่งแล้วไปเก็บข้าวของ ซูจิ่งสิงเห็นสีหน้าไม่ยินดีของพวกนาง ก็รู้แล้วว่าหนนี้ไม่ราบรื่น“ผิดพลาดหรือ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหัว พลางดึงซูจิ่งสิงไปทางด้านหนึ่ง“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฝ่ายหนานหยางอ๋องหาคุณหนูรองพบแล้ว”เรื่องนี้ทำให้ซูจิ่งสิงประหลาดใจมากกว่าเกิดความผิดพลาดเสียอีกจู่ ๆ คุณหนูรองที่หายตัวไปนานกว่าสิบปีก็มาหาถึงหน้าบ้าน ซ้ำยังอยู่ในภูเขาหิมะที่อยู่ห่างไกล แค่คิดก็รู้แล้วว่าไม่ปกติ“จากที่สมมติฐานของเจ้า ความสัมพันธ์ระหว่างเมี่ยชิงหว่านกับหนานหยางอ๋องมีความเกี่ยวข้องกันแปดถึงเก้าส่วน บนโลกนี้ไม่มีทางมีเรื่องบังเอิญเช่นนั้น คนของหนานหยางอ๋องส่วนใหญ่เป็นพวกจอมปลอม”กู้หว่านเยว่กล่าวอย่างครุ่นคิด“ข้ามีวิธีพิสูจน์ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดหรือไม่ แต่ว่า ต้องไปหาหนานหยางอ๋องอีกรอบ เพื่อให้ได้เห็นคุณหนูรองนั่น”...ทางด้านนี้ หนานหยางอ๋องกำลังนั่งอยู่หน้าเตียง จับมือเด็กสาวนางหนึ่งด้วยควา
เดิมทียังคิดว่าต้องยากลำบากพอสมควร กว่าจะได้รับความไว้วางใจจากชายชราผู้นี้ ไม่คิดว่าจะง่ายดายเช่นนี้ชื่อและสมญานามของคุณหนูสายตรงแห่งจวนหนานหยางอ๋องผู้มั่งคั่งล้นฟ้านี้ ก็คือของนางแล้ว!“คุณหนูรอง” ตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุดหนานหยางอ๋องเปลี่ยนชื่อให้นางแล้ว นามว่าฟู่ชิงทุกคนต่างยินดีปรีดาที่สองพ่อลูกได้หวนกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน มีเพียงหวังปี้ที่เห็นฟู่ชิงแล้วขัดหูขัดตา พลางบ่นพึมพำ“เคยคิดเสมอว่าคุณหนูรองเป็นเทพธิดาเช่นเดียวกับอดีตพระชายา ทว่า...เหตุใดนิสัยใจคอถึงหยาบคายนัก”เรื่องนี้ย่อมไม่กล้าพูดออกมาต่อหน้า ท่านอ๋องผู้เฒ่ากำลังปลื้มฟู่ชิง ได้ยินเข้าอาจจะถลกหนังเขาก็ได้เมื่อหันไปก็เห็นกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเข้ามา เลยรีบออกไปต้อนรับพวกเขา ได้เห็นมารยาร้อยเล่มเกวียนของฟู่ชิงที่นี่พอดี“พวกเจ้ามาจนได้ ช่วยข้าให้รอดพ้นจากหายนะ”กู้หว่านเยว่งุนงงไม่เข้าใจ “ศึกษาและผลิตยาถอนพิษเรียบร้อยแล้ว ข้าเอามาให้ท่านอ๋องเสวย ได้ยินมาว่าท่านอ๋องหาธิดาพบแล้ว โชคสองชั้นมาเยือนจริง ๆ”หนานหยางอ๋องได้ยินเสียงของกู้หว่านเยว่มาแต่ไกล จึงรีบพูดขึ้นว่า“แม่นางกู้ เจ้ามาได้เวลาพอดี มือและเท้าของชิ
ขุนพลหวัง ท่านเป็นอะไรไป เหตุใดสีหน้าถึงดูแย่เช่นนี้?”หวังปี้ยิ้มตอบว่า “ไม่มีอะไร แค่ทนเห็นท่าทางคุณหนูรองนั่นไม่ได้”เขาแค่ไม่เข้าใจ ยังนึกว่าคุณหนูรองโตแล้วไม่ใช่คนที่เหมือนเทพธิดา แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่กับคนเมื่อครู่นี้ เขาไม่คุ้นชินจริง ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทางที่ฟู่ชิงยิ้มให้หนานหยางอ๋อง มันไม่บริสุทธิ์ใสซื่อเลยสักนิด ในสายตาเต็มไปด้วยการคิดคำนวณน่าเสียดายที่ท่านอ๋องหลงใหลได้ปลื้ม คิดแต่ว่านางดี“ยังไงข้าก็รู้สึกว่า หญิงผู้นี้ไม่ใช่คุณหนูรองตัวจริง”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบสายตากันแวบหนึ่ง“คนที่สามารถทำให้ขุนพลหวังเกลียดชังได้มีไม่มากนัก เอาล่ะ พวกข้าได้ทิ้งยาถอนพิษไว้ให้แล้ว ก็ต้องกลับแล้วล่ะ หากมีเรื่องอะไร ท่านค่อยมาหาพวกข้าใหม่”“อืม”หวังปี้พยักหน้าทั้งสองเดินกลับไปตามทาง เมื่อซูจิ่งสิงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของกู้หว่านเยว่ ก็อดถามไม่ได้“ฟู่ชิงมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”“อืม”กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างมั่นใจ“ปานบนมือของฟู่ชิงเป็นของปลอม สักขึ้นมาทีหลัง”นอกจากเรื่องนี้ นางยังถอนเส้นผมของทั้งสอง วางไว้ในหอแห่งโอสถเพื่อทำการวิเคราะห์แล้วอีกสั
ดูท่าทางจะมีนิสัยหยาบช้า เป็นคนต่ำต้อย”กู้หว่านเยว่คิดถูก สวีซวี่รื่อผู้นี้อาฆาตพยาบาทเช่นนี้ หากสำนักเทียนจีตกอยู่ในกำมือของเขาจริง ๆ เกรงว่าต่อไปเขาจะต้องควบคุมสำนักเทียนจีให้มาสู้รบกับพวกเขาเป็นแน่แทนที่จะรอถึงวันนั้น ไม่สู้ชิงลงมือก่อน“ท่านพี่ ท่านรู้หรือไหมว่าสำนักเทียนจีอยู่แห่งหนไหน?”“สำนักเทียนจีห่างจากเราไม่ไกลนัก ออกเดินทางจากที่นี่ ใช้เวลาประมาณสามถึงห้าวันก็ถึงที่หมายแล้ว”เขาเข้าใจความหมายของกู้หว่านเยว่ในทันที“เจ้าคิดจะแทรกแซงการคัดเลือกเจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีด้วยใช่หรือไม่?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่ชอบล้างแค้นมาแต่ไหนแต่ไร หากผู้อื่นไม่ยั่วยุนาง นางก็ไม่มีทางยั่วยุผู้อื่นสวีซวี่รื่อผู้นี้กล้าส่งนักฆ่ามาฆ่านาง ก็อย่ามาโทษว่านางตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทำลายความปรารถนาของเขาก็แล้วกัน“ก็ดี แต่พวกเราจะบุ่มบ่ามบุกไปเช่นนี้ไม่ได้ ข้าจะให้คนไปตรวจสอบที่สำนักเทียนจีก่อน”“เรื่องนี้จะรีบไม่ได้ รอให้ท่านและไป๋หลี่ชิงซีเจอกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน”กู้หว่านเยว่โบกมือ นางไม่ใช่คนใจร้อนอีกอย่าง เจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีผู้นั้นก็แค่ล้มป่วย ตอนนี้ยังไม่ตายเสียหน่อยสองสามีภร
“เพราะอาการป่วยประหลาดของเขาสินะ”ซูจิ่งสิงไม่ได้ประหลาดใจนัก เห็นได้ชัดว่าเขาคาดเดาได้“เจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีป่วยหนัก บัดนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญในการเลือกเจ้าสำนักคนต่อไป แม้ว่าร่างกายของไป๋หลี่ชิงซีจะป่วยโรคประหลาด แต่ในฐานะที่เขาเป็นลูกศิษย์คนโตของเจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจี ความสามารถด้านวรรณกรรม ยุทธวิธีและสงครามย่อมเหนือกว่าทุกคน จึงย่อมคาดหวังว่าจะได้เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนจีคนต่อไป ไม่แปลกใจเลยที่บางคนเลือกช่วงเวลานี้เล่นงานเขา”ซูจิ่งสิงคว้ามือของนางไว้ และอธิบายถึงที่มาที่ไปให้นางฟังเบา ๆหลังจากกู้หว่านเยว่ได้ฟังก็เข้าใจทันที ว่าทำไมสวีซวี่รื่อผู้นั้นถึงกัดไป๋หลี่ชิงซีไม่ยอมปล่อย ทั้งยังแอบเข้ามาในโรงหมออีกด้วยคงอยากพิสูจน์ว่าการที่ไป๋หลี่ชิงซีมีก้อนเนื้อประหลาดนั้นทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงอยากรู้จริง ๆ ว่าบุรุษที่แบกเจ้าก้อนเนื้อประหลาดคนหนึ่งจะแบกรับตำแหน่งเจ้าสำนักคนต่อไปแห่งสำนักเทียนจีได้อย่างไร นี่อาจจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของสำนักเทียนจีไปเลยก็ได้ในขณะที่สองสามีภรรยากำลังพูดคุยกันนั้น หัวคิ้วของซูจิ่งสิงได้ขมวดเข้าหากัน“มีคนตามอยู่ด้านหลัง”สิ้นสุดเส
กระทั่งได้ยินหลี่เหมียนหยางกล่าวกับหมอหลินว่า “หมอหลิน หมอช่วยตรวจชีพจรให้ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าหน่อย ชีพจรความสุขของเขายังมีอยู่อีกหรือไม่?”หมอหลินถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “เจ้าไม่เชื่อใจแม่นางกู้ของพวกเรา นางตรวจอาการให้ศิษย์พี่ของเจ้าแล้ว ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน”“เหมียนหยาง!” ไป๋หลี่ชิงซีค่อนข้างอึดอัด “ไม่ต้องตรวจแล้ว ข้าเชื่อใจหมอเทวดากู้”“ศิษย์พี่ไป๋หลี่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ความหมายของข้าคือให้หมอคนอื่นมาตรวจจะได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น”ก็ได้ หลี่เหมียนหยางไม่รู้ว่าต้องอธิบายอย่างไร นางมักจะรู้สึกว่าอายุของกู้หว่านเยว่ยังน้อย กังวลว่าจะเกิดความผิดพลาด ดังนั้นจึงอยากให้หมอคนอื่นมาตรวจอีกครั้ง“ทักษะการแพทย์ของหมอเทวดากู้โดดเด่นยิ่งกว่าใคร อีกอย่างข้าเชื่อในความสามารถของนาง หากนางรักษาข้าไม่ได้ นางไม่มีทางปิดบังข้า”“อือ” หลี่เหมียนหยางรู้สึกอึดอัดใจ นางเองก็ทำเพื่อร่างกายของศิษย์พี่ คาดไม่ถึงว่าจะถูกศิษย์พี่ตำหนิเช่นนี้“แล้วเลือดในอ่างนั้นจะทำอย่างไร?”“เททิ้ง” เจ้าสิ่งนี้ทรมานเขามาหลายสิบปีแล้ว ทำให้เขาโดนผู้อื่นหัวเราะเยาะและโดนฉีกหน้ามามากพอแล้ว เขาไม่อยากเห็นมันอีก หลี
หลี่เหมียนหยางกล่าวถามด้วยความร้อนใจ กู้หว่านเยว่พยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถูกต้อง”นางเองก็ไม่อยากโกหกถึงอย่างไรของสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ออกมาจากในท้องของไป๋หลี่ชิงซี เพียงแต่ถูกยาพิษของปรมาจารย์แพทย์หลอมละลายกลายเป็นเลือด จนดูไม่ออกว่าเป็นสิ่งใดก็เท่านั้น“เยี่ยมไปเลย”หลี่เหมียนหยางคลี่ยิ้มอย่างตื่นเต้น นางดีใจแทนไป๋หลี่ชิงซีมีของสิ่งนี้อยู่คงจะพิสูจน์ได้แล้วว่าในท้องของไป๋หลี่ชิงซีเดิมทีไม่ใช่ก้อนเนื้อประหลาดระหว่างที่ดีใจนั้น นางได้เบิกตามองสวีซวี่รื่อ“สวีซวี่รื่อ เจ้ามาทำไม” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราด“ข้า ข้าเป็นห่วงศิษย์พี่ใหญ่”สวีซวี่รื่อหาข้ออ้างอย่างร้อนตัว แต่กลับถูกหลี่เหมียนหยางตัดบท“อย่ามาแสร้งเห็นอกเห็นใจหน่อยเลย หากไม่ใช่เพราะเจ้าส่งคนมายั่วยุศิษย์พี่ เขาจะกระอักเลือดหรือไม่?”นางกระชากสวีซวี่รื่อมาตรงหน้าอ่างไม้“เจ้าสงสัยว่าในท้องของศิษย์พี่มีก้อนเนื้อประหลาดไม่ใช่หรือ ตอนนี้เจ้าดูให้ชัด ๆ สิว่ามันคือสิ่งใด?”นางอยากจะกดหัวของสวีซวี่รื่อลงไปในอ่างไม้ด้วยซ้ำ เขาพยายามผลักออกอย่างตื่นตระหนก“ศิษย์น้องหลี่ เรามาเยี่ยมศิษย์พี่ใหญ่จริง ๆ ในเม
“ดูสิว่าพวกเขาจะทำอะไร”นางเอ่ยเสียงเบา ปรมาจารย์แพทย์รีบข่มอารมณ์ลงทันทีกระทั่งเห็นการเคลื่อนไหวตรงหน้าต่าง ดูเหมือนจะมีคนแอบดูสถานการณ์ด้านในผ่านช่องว่างของหน้าต่าง“คุณชาย ไม่มีใครเลยขอรับ”หนึ่งในบุคคลปริศนากล่าวเสียงต่ำ จากนั้นเงาดำสองร่างก็กระโดดเข้ามาจากหน้าต่างเป็นสวีซวี่รื่อ บุรุษผู้นี้แอบเข้ามาในโรงหมอ ข้างกายของเขาก็น่าจะเป็นลูกศิษย์ของสำนักเทียนจี“รีบหาของนั้นเร็วเข้า”เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นรออยู่ด้านนอกนานมากแล้ว ทันทีที่เข้ามาก็พุ่งหาเป้าหมายทันใด“ดูเหมือนจะอยู่ในอ่างไม้”ลูกศิษย์คนนั้นเดินมายังอ่างไม้ ใบหน้าของปรมาจารย์แพทย์เริ่มฉายแววลำพองใจ แต่เมื่อได้ยินลูกศิษย์ผู้นั้นก็พลันขมวดคิ้ว“เหม็นยิ่งนัก!”ในอ่างไม้มีเพียงเลือดที่มีกลิ่นเหม็นเน่า สวีซวี่รื่อเห็นแล้วแทบจะอาเจียนออกมาในทันที รีบโบกมือไล่กลิ่น“รีบไปหาตรงอื่นเถอะ”สวีซวี่รื่อกลัวว่ากู้หว่านเยว่จะกลับมาอีกครั้ง จึงต้องเร่งมือเป็นสองเท่า“ต้องหาก้อนเนื้อนั้นให้ได้ แล้วนำกลับไปให้คนของสำนักเทียนจีดู”ทั้งสองคนเปิดตู้ค้นหา กู้หว่านเยว่ได้ยินถึงตรงนี้แล้วก็รู้ทันทีว่าสวีซวี่รื่อคนนี้มาทำไมครั้นเห
“เด็กโง่”ปรมาจารย์แพทย์พุ่งเข้ามา เขารีบห้ามเลือดให้ไป๋หลี่ชิงซีอย่างเร่งด่วนแต่ก็ไม่สามารถห้ามได้ทั้งหมด“คุณชายไป๋หลี่เป็นอย่างไรบ้าง?”กู้หว่านเยว่กล่าวพลางรุดเข้ามาข้างเตียง จากนั้นก็เปิดเสื้อของเขา และตรวจร่างกายให้เขาหลี่เหมียนหยางอยากจะกล่าวบางอย่าง แต่สถานการณ์กำลังตึงเครียด จึงรีบปิดปากอีกครั้ง“เลือดออกในช่องท้อง ต้องรีบนำก้อนเนื้อนั้นออกมาโดยเร็วที่สุด”ปรมาจารย์แพทย์บอกผลตรวจของเขา ซึ่งเหมือนกับผลตรวจของกู้หว่านเยว่นางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “คงจะรอหลังจากนี้อีกเจ็ดแปดวันไม่ได้แล้ว ต้องเริ่มผ่าตัดตอนนี้”เดิมทีนางอยากให้ลั่วยางมาเรียนรู้ด้วย เนื่องจากเคยตกปากรับคำกับปรมาจารย์แพทย์ไปแล้ว กู้หว่านเยว่จะไม่พาใครเข้าไปในห้วงมิติ ต้องทำการผ่าตัดด้านนอกโชคดีที่ในตอนที่ออกมา กู้หว่านเยว่ได้ให้หงเจาเข้าไปหยิบกล่องยาในจวนกู้ออกมาด้วยทันทีที่นางพูดกับปรมาจารย์แพทย์จบ หงเจาก็มาถึงพอดี“ฮูหยิน กล่องยาของท่าน”“วางลงเถอะ”กู้หว่านเยว่เปิดกล่องยา ภายในกล่องยามีมีดผ่าตัดและอุปกรณ์ฆ่าเชื้อที่นางเตรียมเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว“ปรมาจารย์แพทย์เฒ่า วันนี้เกรงว่าต้องรบกวนท่านเป็นลู
กู้หว่านเยว่คอยอยู่เป็นเพื่อนไม่นาน ครั้นเห็นว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว จึงรีบกลับเข้ามาในงานเลี้ยง“หนึ่งคำนับฟ้าดิน”“สองคำนับพ่อแม่”“สามคำนับกันและกัน”เกาโจวและฮูหยินผู้เฒ่าเกาคลี่ยิ้มอย่างจริงใจ “ดี ๆ โจวเซิง ต่อไปนี้เจ้าต้องดีกับเสวี่ยเอ๋อร์ให้มาก ๆนะ!”ผู้เฒ่าทั้งสองได้รับซ่งเสวี่ยเป็นบุตรสาวบุญธรรมแล้ว บัดนี้ซ่งเสวี่ยก็คือลูกสะใภ้ของพวกเขา และเป็นบุตรสาวของพวกเขา หลังจากนี้ยังต้องอาศัยอยู่กับผู้เฒ่าทั้งสองคน“โปรดวางใจ ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่มีวันทำร้ายเสวี่ยเอ๋อร์!” ใบหน้าของโจวเซิงเปี่ยมไปด้วยความสุขผลการสอบเข้าชิงตำแหน่งขุนนางเขายังไม่ดีใจเท่าตอนนี้“ส่งตัวเข้าหอ” ทันทีที่สิ้นสุดเสียงของเจ้าพิธี บ่าวสาวได้ถูกส่งตัวเข้าหอ ทั้งจวนสกุลโจวพากันครึกครื้นยิ่งกว่าเดิม“น้องหญิง”จู่ ๆ ซูจิ่งสิงก็กุมมือของกู้หว่านเยว่ อาจจะเป็นเพราะดื่มสุราไปแล้วสองจอก แก้มของเขาถึงได้แดงระเรื่อ“ยังจำสิ่งที่ข้าเคยพูดกับเจ้าได้หรือไม่ ว่าข้าอยากจัดงานแต่งใหญ่โตให้เจ้า”กู้หว่านเยว่จำได้ในทันที นี่คือตอนที่พวกเขาสองคนกำลังตามหาสมุนไพรอยู่ในจวนหลงชวน ในงานแต่งของเหยาฮุ่ยซิน ซูจิ่งสิงเป็นฝ่ายเอ
หลังจากออกไป กู้หว่านเยว่ก็เกิดความวิตกกังวลซูจิ่งสิงพยักหน้า และถูปลายนิ้วพลางกล่าว “เขาและจิ่นเอ๋อร์ยังไม่เคยอยู่ด้วยกันเลย”“เพราะเหตุใด?”กู้หว่านเยว่ไม่กล้าเชื่อ เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้รักกันมากแต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้เข้าใจ บางทีอาจเป็นเพราะฟู่หลานเหิงรักซูจิ่นเอ๋อร์มาก ทนเห็นนางเดือดร้อนไม่ได้จึงไม่ยอมอยู่กับนาง เพราะกังวลเรื่องลูก“แต่น้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์นี้มีผลต่อร่างกายของเขา”กู้หว่านเยว่เองก็ไม่กล้ามั่นใจมากนัก นางจึงหาเวลาเข้าไปดูสัตว์น้ำแข็งภายในห้วงมิติแวบหนึ่งหากน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ช่วยอาการป่วยของฟู่หลานเหิงไม่ได้ นางก็ควรต้องพิจารณาเรื่องที่จะพาสัตว์น้ำแข็งไปให้ทูเจวี๋ยเพื่อตามหาดอกไม้น้ำแข็งนิลนางคงจะทนเห็นซูจิ่นเอ๋อร์กลายเป็นแม่หม้ายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้อีกทั้งฟู่หลานเหิงเองก็เป็นสหายที่ดีของพวกเขากู้หว่านเยว่เก็บความคิดนี้ไว้ในใจก่อน ทั้งสองคนกลับมาถึงจวน เวลาล่วงเลยผ่านไปไม่นานก็เข้าสู่วันมงคลสมรสของซ่งเสวี่ยเนื่องจากเป็นการแต่งงานครั้งที่สอง ซ่งเสวี่ยไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกิดเป็นคำครหา ในวันแต่งงาน กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงมาถึงง
ทางฝั่งของกู้หว่านเยว่ทันทีที่ลงมาจากหอ ก็เจอกับเกาเจี้ยนและลั่วยางที่ยืนอยู่ด้วยกันพอดี อย่าพูดเชียวว่าสองคนนี้ช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย“พระชายา”เกาเจี้ยนพุ่งเข้าไปกล่าวทักทายกู้หว่านเยว่ ร่างกายของเขาฟื้นตัวแทบจะสมบูรณ์แล้ว “อื้อ”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ลั่วยางกล่าวอย่างตื่นเต้น “พี่หญิงกู้ ท่านมาพอดี เกาเจี้ยนบอกว่าเจอหญ้าไป๋เซียงปรากฏอยู่บนภูเขาเทียนสุ่ย ข้าอยากไปดูเจ้าค่ะ”หญ้าไป๋เซียงอย่างนั้นหรือ ในห้วงมิติของนางมีเยอะแยะ“เจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนอย่างห่วงใย“หลังจากครึ่งเดือนไปแล้ว ต้องทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซี หากเจ้าอยากดู ก็รีบกลับมาก่อน”“พี่หญิงกู้ ท่านช่างแสนดียิ่งนัก”ลั่งยางซาบซึ้งใจมาก จริง ๆ แล้วนางกลัวว่าตัวเองจะพลาดวันที่กู้หว่านเยว่ทำการผ่าตัดให้ไป๋หลี่ชิงซีมาก ถึงอย่างไรนั้นก็เป็นโอกาสจะได้เรียนรู้อันหาได้ยากยิ่ง“วันนี้เราออกเดินทางกันเถอะ”เกาเจี้ยนเป็นฝ่ายกล่าวเอง บอกว่าจะรีบไปรีบกลับ“ได้โปรดพระชายาช่วยพูดกับท่านอ๋องให้ข้าสักหน่อย บอกว่าข้าไปภูเขาเทียนสุ่ยขอรับ”กู้หว่านเยว่คิดไม่ถึงว่าเขาเองก็อยากไป เกาเจี้ยนรีบอธิบาย “ลั่วยางไม่รู