แชร์

บทที่ 7

ผู้เขียน: เย่ชิงขวง
กู้ชูหยุน ลูกสาวที่สองของเขานั้นรอบรู้ศิลปะแขนงต่างๆ ทั้งฉิน หมากล้อม ตำรา วาดภาพ จึงถูกบังคับให้เรียนที่สำนักบัณฑิตหลวง จวบจนตอนนี้ขุนนางเล็กใหญ่ในราชสำนักยังคงอิจฉาเขา อัครเสนาบดีกู้เองภาคภูมิใจเไปได้อีกนาน

แต่ว่า...

ลูกสาวคนที่สามของเขา ไม่รู้หนังสือแม้สักแต่ หากเข้าเรียนในสำนักบัณฑิตหลวงท่ามกลางเหล่าปัญญาชนมากมาย คงเสียหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังหน้าตาขี้อัปลักษณ์ชวนอาเจียน

เมื่อมีราชโองการ นางจึงเป็นหานเฟยโดยสมบูรณ์ ดังนั้นหากนางเสียหน้า ก็เท่ากับหานอ๋องเสียหน้าไปด้วย

หากอัครเสนาบดีกราบทูลฝ่าบาท ฝ่าบาทจะต้องพอพระทัยและสรรเสริญเขาอย่างมาก

แต่เขาก็เท่ากับตั้งตัวเป็นศัตรูกับหานอ๋องโดยสิ้นเชิง

อัครเสนาบดีกู้ถอนหายใจเบาๆ หวังว่าการเลือกข้างฝ่าบาทจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

“หากหลันเอ๋อร์ฉลาดได้เจ้าสักครึ่งหนึ่ง ก็คงไม่ต้องเสียความบริสุทธิ์”

อี๋เหนียงห้าซบใบหน้าเข้าหาอ้อมกอดของอัครเสนาบดีกู้ เอ่ยเสียงอ่อนหวาน “หลันเอ๋อร์ยังเด็ก คิดอะไรไม่รอบคอบ จึงถูกใส่ร้าย โชคดีที่รู้เรื่องนี้ไม่กี่คน หากปกปิดได้ดี เรื่องที่หลันเอ๋อร์เสียบริสุทธิ์ก็จะไม่มีผู้ใดรู้ ต่อจากนี้ไปข้าจะอบรมหลันเอ๋อร์ให้ดี ขอนายท่านโปรดอย่าได้หมดหวังในตัวนางเลย”

อัครเสนาบดีกู้กอดอี๋เหนียงห้าไว้แน่น ใจเต็มไปด้วยความกังวล

ไม่นานนัก จวนอัครเสนาบดีก็ได้รับราชโองการอีกหนึ่งฉบับ ใจความของราชโองการมีอยู่ว่า คุณหนูสามจะได้อภิเษกสมรสเป็นหานอ๋องเฟย จึงอนุญาตให้เข้าเรียนที่สำนักบัณฑิตหลวงเพื่อร่ำเรียน หมายมั่นว่าวันหน้าจะเป็นหานอ๋องเฟยที่รู้หนังสือมารยาทงาม และให้กู้ชูหลันคุณหนูห้าเข้าเรียนที่สำนักบัณฑิตหลวงด้วย

เมื่อได้รับราชโองการ จวนอัครเสนาบดีก็อลหม่านอีกครั้ง

ฮูหยินใหญ่หน้าเสีย ลูกสาวของนางกู้ชูหยุนได้เข้าศึกษาในสำนักบัณฑิตหลวงเป็นความภาคภูมิใจของนางมาตลอด แต่บัดนี้จวนอัครเสนาบดีกลับส่งคุณหนูไปอีกสองคน คุณค่าของลูกสาวนางจะไม่ลงหรือ

อี๋เหนียงห้าและกู้ชูหลันดีใจสุดขีด อี๋เหนียงห้ายิ่งมั่นใจว่าการเลือกข้างฝ่าบาทนั้นถูกต้อง

ณ เรือนอี๋เหนียงสาม คุณหนูเจ็ดกู้ชูฉิงโยนข้าวของจนแตกกระจาย ปากสบถด่าไม่หยุด

“กู้ชูอวิ๋นความสามารถโดดเด่น จึงได้รับอนุญาตให้เข้าศึกษาในสำนักบัณฑิตหลวง นั่นก็เรื่องหนึ่ง หากฝ่าบาทหมายจะดูหมิ่นหานอ๋อง จึงส่งนางสารเลวกู้ชูหน่วนนั่นเข้าสำนักบัณฑิตหลวงให้อับอายขายขี้หน้า ข้ายังพอยอมรับได้ แต่กู้ชูหลันมีสิทธิ์อะไรเข้าเรียนในสำนักบัณฑิตหลวง? นางเป็นแค่ลูกสาวอนุ แถมยังเป็นลูกสาวอนุที่เสียบริสุทธิ์แล้วอีกต่างหาก”

“จวนอัครเสนาบดีมีคุณหนูสี่คน ตอนนี้คนที่สอง คนที่สาม คนที่ห้าก็เข้าเรียนแล้ว เหลือข้าเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เข้า ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? อี๋เหนียง ข้าไม่ยอม”

ความชั่วร้ายเผยในแววตาของอี๋เหนียงสาม

ไม่เพียงแต่ที่กู้ชูอวิ๋นที่ไม่ยอม นางก็ไม่ยอมเช่นกัน

เพราะอี๋เหนียงห้ารูปโฉมคล้ายกับคู่หมั้นคู่หมายที่จากไปของนายท่าน จึงเป็นที่คนโปรดของนายท่าน ข่มเหงพวกนางมานานหลายปี

บัดนี้ กู้ชูหลันเสียความบริสุทธิ์แล้ว แต่ยังก็เหยียบย่ำพวกนางเหมือนเดิม

จะไม่มากเกินไปหน่อยหรือ นางจะคอยดู ว่าพวกนางจะจองหองไปได้ถึงเมื่อไร

อี๋เหนียงสามสบถ “ยิ่งไต่สูง ตกลงมายิ่งเจ็บหนัก รีบร้อนไปทำไม”

ในห้องเตาผิง

ชิวเอ๋อร์รีบดึงกู้ชูหน่วนให้ลุกจากเตียง

“คุณหนู ลุกขึ้นมาเถอะเจ้าคะ เช้านี้มีราชโองการมาแล้ว ทรงพระโปรดเกล้าให้คุณหนูเข้าเรียรที่สำนักบัณฑิตหลวง เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่นะเจ้าคะ มีคนไม่รู้เท่าไหร่อยากเข้าแต่เข้าไม่ได้”

กู้ชูหน่วนกลอกตา นอนหลับต่อ

เพิ่งจะหลุดพ้นจากมัธยมปลายสามปี มหาวิทยาลัยอีกสี่ปี จะให้เธอเรียนอีกหรือ ฟ้าช่วยผ่าเธอให้ตายที

ยิ่งไปกว่านั้น นี่มันเรียกว่าพระมหากรุณาธิคุณหรือ เรียกว่าดูหมิ่นเสียมากกว่า

“คุณหนู เหตุใดจึงนอนลงอีกล่ะเจ้าคะ จะสายอยู่แล้ว ไปเรียนสายตั้งแต่วันแรก อาจารย์จะไม่ประทับใจเอา ที่สำคัญคือ เจ๋ออ๋องก็เรียนยู่ที่สำนักบัณฑิตหลวงด้วย หากพวกท่านสองคนได้อยู่ใกล้ชิดกัน เจ๋ออ๋องอาจเปลี่ยนใจ ขอร้องฝ่าบาทยกเลิกการถอนหมั้นก็ได้”

กู้ชูหน่วนหมดคำจะพูด

ราชโองการถอนหมั้นก็ออกมาแล้ว ราชโองการอภิเษกสมรสก็ออกแล้ว เจ๋ออ๋องจะเปลี่ยนใจได้หรือ

กู้ชูหน่วนเปลี่ยนท่าแล้วนอนต่อ

แต่ชิวเอ๋อร์ดึงนางขึ้นอย่างไม่ลดละ จนนางนอนต่อไม่ไหว

“ข้าบอกแล้ว ให้ข้านอนต่ออีกสักหน่อย ข้าง่วงมาก”

ให้ตายเถอะ กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับชายหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ทั้งคืน ตอนนี้ขาสองข้าของเธอยังปวดเมื่อยไหมหายเลย

ชิวเอ๋อร์เอ่ยเสียงจริงจัง ไม่สนใจว่านางจะโกรธหรือไม่ เอ่ยตามตรง “ไม่ได้เจ้าค่ะ ฝ่าบาทให้คุณหนูห้าไปเรียนเป็นเพื่อนกับคุณหนู เข้าเรียนที่สำนักบัณฑิตหลวงด้วยกัน คุณหนูห้าชอบเจ๋ออ๋อง นางจะต้องพยายามฉอเลาะเจ๋ออ๋องแน่นอน เราจะยอมให้คุณหนูห้าแย่งเจ๋ออ๋องไปไม่ได้”

กู้ชูหน่วนปวดหัว

เจ๋ออ๋องอีกแล้ว เจ๋ออ๋องมีดีอะไร ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชิวเอ๋อร์ถึงได้ยึดติดกับเจ๋ออ๋องขนาดนี้

กู้ชูหน่วนปล่อยให้ชิวเอ๋อร์แต่งตัวให้ ส่วนตัวเองกัดหมั่นโถวในมือราวกับกำลังระบายอารมณ์

“คุณหนู เสร็จแล้วเจ้าค่ะ”

กู้ชูหน่วนมองกระจก ชิวเอ๋อร์ทำผมทรงสูงให้ สวยมากทีเดียว ผ้าคลุมหน้าสีขาวปกคลุมใบหน้าขี้เหร่ของนาง เผยให้เห็นเพียงดวงตาสุกใส

เมื่อมองลงมา ก็เห็นชุดใหม่ นางเอ่ยเย้ยหยัน “ในที่สุดจวนอัครเสนาบดีถึงกับยอมให้ชุดใหม่แล้วหรือ”

“ไม่ใช่เจ้าคะ ข้าทาสไปยืมเงินจากเพื่อนในจวน ซื้อชุดใหม่มาให้คุณหนู ถึงเนื้อผ้าจะไม่ดีเท่าคุณหนูห้า แต่ก็เป็นชุดใหม่ คุณหนูไปสำนักบัณฑิตหลวงจะได้สู้หน้าเขาได้”

“มือเจ้าเป็นอะไร?”

กู้ชูหน่วนจับมือชิวเอ๋อร์ แต่ก็พบว่าฝ่ามือของนางบวมแดง เหมือนถูกตี

ชิวเอ๋อร์รีบดึงมือกลับ ซ่อนไว้ข้างหลัง หัวเราะเจื่อน “ไม่มีอะไรหรอกเจ้าคะ แค่ทำงานแล้วบาดเจ็บเล็กน้อย”

“พูดความจริงมา”

กู้ชูหน่วนหน้าเคร่งขรึม รังสีน่าเกรงขามแผ่ซ่านออกมา จ้องมองชิวเอ๋อร์ ราวกับมองนางออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

ชิวเอ๋อร์หวาดกลัว ต่อหน้ากู้ชูหน่วน นางไม่กล้าโกหกแม้แต่คำเดียว

จึงทำได้เพียงสารภาพออกไป “ตอนไปซื้อชุดกลับมา เจอสาวใช้คนสนิทของอี๋เหนียงห้า นางบังคับให้ข้าส่งชุดให้นาง ข้าไม่ยอม จึง…จึงโดนลงโทษเล็กน้อยเจ้าค่ะ”

“ปึง…”

กู้ชูหน่วนโยนหมั่นโถวในมือทิ้ง เลือดขึ้นหน้า ก่อนจะหยิบไม้กลองวิ่งไปที่ลานบ้าน ตีกลองเสียงดังปึง ปึง ปึง

ชิวเอ๋อร์ตกใจ ร้อนรนจนแทบร้องไห้ “คุณหนู ไม่ชอบเนื้อผ้าของชุดที่ข้าทาสซื้อมาหรือเจ้าคะ หากท่านไม่พอใจ ข้าจะไปซื้อชุดที่ดีกว่ามาให้”

“คุณหนู อย่าตีอีกเลยเจ้าคะ ขึนตีต่อไป คนในจวนจะแตกตื่นเอานะเจ้าคะ”

“ตึง ตึง ตึง…”

กู้ชูหน่วนตีกลองเสียงดังสะท้าน ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด

คนในจวนต่างตื่นตกใจ

อี๋เหนียงห้าตะโกนด่า “กู้ชูหน่วน เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร ตีกลองอะไรแต่เช้า เจ้าไม่นอน แต่จะไม่ให้คนอื่นนอนเลยหรือ”

กู้ชูหน่วนทิ้งไม้กลองในมือ ง้างมือขึ้น ตบอี๋เหนียงห้าสองฉาด ทว่าเหมือนยังไม่สะใจ นางจึงง้างมือตบอีกสองฉาด

ฝ่ามือนั้นรุนแรง ใบหน้าของอี๋เหนียงห้าบวมแดงในทันใด รอยฝ่ามือสิบนิ้วเด่นชัด

เฮือก...

คนที่ง่วงนอนเมื่อครู่พลันตื่นเต็มตา เพราะฝ่ามือนั้น ความง่วงงุนก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 8

    คุณ...คุณหนูสาม... กล้าตบ...ตบหน้าอี๋เหนียงห้าเลยหรือ...แม่เจ้า พวกเขาไม่ได้ตาฟาดใช่ไหมอี๋เหนียงห้าเป็นถึงอนุคนโปรดของนายท่านเชียวนะอี๋เหนียงห้าโดนตบจนเห็นดาว เกือบเซล้ม นางกุมใบหน้าบวมแดงอย่างตกตะลึง ทุกคนต่างมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาดอี๋เหนียงห้าเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ตวาดลั่น "นี่เจ้ากล้าตบข้าหรือ?""ก็ตบเจ้าอย่างไรเล่า""สามหาว! สามหาว! ใครก็ได้ จับตัวคุณหนูสามเอาไว้ วันนี้ข้าจะสั่งสอนนางให้เข็ด""กล้าก็เข้ามา"กู้ชูหน่วนที่เคยอ่อนแอ กลับแผ่รังสีทรงอำนาจไปทั่วร่างแววตาของนางเย็นยะเยือก เย็นชาไร้ซึ่งตวามรู้สึก เมื่อถูกนางจ้องมอง เหล่าบ่าวรับใช้ตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ราวกับก้าวเท้าข้างหนึ่งลงนรกไปแล้วอย่างไรอย่างนั้นกู้ชูหน่วนเอ่ยเสียงเย็นชา "ท่านแม่ข้าคือน้องสาวบุญธรรมของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ได้รับแต่งตั้งเป็นองค์หญิงเจาหลิง ส่วนข้านั้นเป็นลูกสาวแท้ๆ ขององค์หญิง คุณหนูสามสายตรงแห่งจวนอัครเสนาบดี อี๋เหนียงห้าจะเทียบอันใดได้? ก็แค่อนุภรรยาชั้นต่ำในจวนอัครเสนาบดี อย่าว่าแต่ข้าตบเจ้าวันนี้เลย ต่อให้วันนี้ข้าฆ่าเจ้า ก็ไม่มีใครทำอะไรข้าได้"ตาลายทุกคนต่างตาลายหากการที่นางปฏ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 9

    ฮูหยินใหญ่หัวใจกระตุกวูบนางคิดบัญชีกับอี๋เหนียงห้าเสร็จแล้ว ก็หันมาคิดบัญชีกับนางงั้นหรือ?ฮูหยินใหญ่ส่งสายตาให้แม่นมผู้ดูแล ตวาดเสียงลั่น "เงินเดือนของคุณหนูสามเล่า เหตุใดนางถึงไม่ได้รับ? หรือว่าพวกเจ้าแอบยักยอก""ฮูหยินโปรดตรวจสอบ ต่อให้ข้าทาสจะใจกล้าเพียงใด ข้าทาสก็ไม่กล้ายักยอกเงินเดือนของคุณหนูสามหรอกเจ้าค่ะ ข้าทาสจะตรวจสอบให้แน่ชัดเจ้าค่ะ""แม่นมไป๋ต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วนละ ในเมื่อบัดนี้ข้าคือว่าที่พระชายาของเทพสงครามหานอ๋อง หากหานอ๋องรู้เข้าว่าพระชายาของเขาใช้ชีวิตอย่างลำบาก เกรงว่าเขาคงจะไม่พอใจนัก""เจ้าค่ะๆ..."คนทั้งจวนสีหน้าไม่สู้ดีนักยังไม่ทันได้เป็นหานอ๋องเฟย ก็เริ่มวางท่าเป็นหานอ๋องเฟยแล้ว ใครก็รู้ว่าหานอ๋องมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน หากหานอ๋องไม่อยู่แล้ว คอยดูซินางจะอวดดีเช่นนี้หรือไม่กู้ชูหน่วนกวาดตามองทุกคน ณ ที่นั้น ก่อนจะประกาศตนเสียงทรงอำนาจ "นับแต่วันนี้เป็นต้นไป หากผู้ใดกล้ารังแกชิวเอ๋อร์ ก็เท่ากับรังแกข้า แม้ในจวนนี้ข้าจะฐานะต่ำต้อยไปสักหน่อย แต่ข้าคิดว่าด้วยฐานะของธิดาแห่งองค์หญิงเจาหลิง หากจะสั่งประหารชีวิตใครสักคนคงพอมีอำนาจอยู่บ้าง"ทุกคนหวาดผวาตัวสั่

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 10

    กู้ชูหลันชะงักไป ไม่รู้จะโต้กลับอย่างไรจะบอกว่านางจงใจไม่ปลุกตัวเอง แต่กลับมาสำนักบัณฑิตแต่เช้างั้นหรือ?คำพูดแบบนั้น จะให้นางพูดออกไปได้อย่างไรกู้ชูหน่วนยิ้มเอ่ย "อีกอย่างเจ้าไม่ได้อาบน้ำจุดธูปหอม ไม่ตามข้าไปไหว้พระขอบพระทัยฝ่าบาท ถึงได้จงใจว่าร้ายข้า""ข้า..."ให้ตายสิ นางสารเลวนี้ ติดกับนางอีกจนได้สีหน้าของกู้ชูหลันเปลี่ยนไปตามอารมณ์ ทว่าตัวนั้นกลับนั่งไม่ติดที่เซียวอวี่เชียนหันไปหากู้ชูหน่วนแล้วยกนิ้วให้ เพราะกู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างเขา เขาจึงเอ่ยกระซิบ "สาวน้อย ไม่เจอกันวันเดียว ฝีปากเหนือชั้นยิ่งกว่าเดิมอีกนะ"กู้ชูหน่วนกะพริบตาปริบๆ อย่างใสซื่อ ยกตำราขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเอง หันหน้ามายิ้มเอ่ยกับเซียวอวี่เชียน "ชมกันอีกแล้ว หากฝีปากไม่ดี ท่านจะมาสู่ขอหรือ""โครม..."เซียวอวี่เชียนล้มลงในทันที สีหน้าพลันถมึงทึงหญิงผู้นี้ เกิดปีลิงหรืออย่างไร ถึงได้เล่ห์เหลี่ยมปานนี้นางรู้จักทำคำว่าจริงจังหรือไม่ลองนึกว่าหากตัวเองแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์ ท่านพ่อคงตีเขาจนขาหักกู้ชูหลันนั่งข้างเจ๋ออ๋อง นางลอบมองกู้ชูหน่วนไม่ได้กลับบ้านไม่นาน น้องสามของนางเปลี่ยนไปยิ่งนักก่อนหน้า

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 11

    เหอะ ตัวยาสามสิบสองชนิด แถมยังเติบโตในสภาพแวดล้อมต่างกันทั้งหมด กว่าเธอจะเก็บได้ทุกชนิด สู้หาเงินแล้วไปซื้อเอายังจะง่ายกว่าเสียงพูดของอาจารย์สวีเหมือนยานอนหลับ บวกกับตั้งแต่ข้ามกาลเวลามาก็ยังไม่เคยได้พักผ่อนเต็มที่ กู้ชูหน่วนจึงผล็อยหลับไปจนกระทั่งนางสะดุ้งตื่นเพราะเซียวอวี่เชียนสะกิดนางเงยหน้าพรวดขึ้น "เช้าแล้วหรือ?"อาจารย์สวีเดือดดาล "กู้ชูหน่วน เจ้ายังเห็นอาจารย์เฒ่าผู้นี้อยู่ในสายตาหรือไม่?"กู้ชูหน่วนเกาหูตาเฒ่านี่ อายุปูนนี้แล้วยังขี้โมโหอีกทุกคนในห้องเรียนต่างหัวเราะอย่างอดไม่ได้มาสายก็แล้วไป แต่ยังกล้าหลับในห้องเรียนอีกอาจารย์สวีขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ร้ายอยู่แล้ว"ที่นี่คือห้องเรียนแห่งสำนักบัณฑิตหลวง แผ่นดินนี้มีคนไม่รู้เท่าไหร่เฝ้าฝันอยากจะเข้ามาเรียน แต่เจ้า... เจ้ากลับหลับในห้องเรียน เจ้า...เจ้าอยากจะให้ข้าอกแตกตายหรืออย่างไร?"เซียวอวี่เชียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเขาควรจะดีใจ หรือว่าควรจะสงสารนางดี?ตอนกู้ชูหน่วนยังไม่มา คนที่ถูกอาจารย์ต้อนถามทุกครั้งคือเขา ตอนนี้เหมือนลมจะเปลี่ยนทิศเสียแล้ว ยัยขี้เหร่นี่ ไม่เอาอ่าวยิ่งกว่าเข้าเสียอีกอย่างมากเขาก

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 12

    ทุกคนล้วนแต่คาดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนจะท่องได้ทุกคำ"เถาวัลย์พันเครือ เมล็ดพันธุ์แตกยอด ไกลบ้านยากเข็ญ ดวงใจระส่ำส่าย คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ ใยหนอสวรรค์! ใยทำเช่นนี้?"เฮือก...ทั้งห้องเรียนตกตะลึงนาง...นางท่องได้อย่างไร?บทกลอนของซูหลีสาบสูญไปแล้วมิใช่หรือ? พวกเขารู้แค่ครึ่งท่อนแรกเท่านั้นเองเฒ่าสวีตาค้างกู้ชูหลันกับกู้ชูอวิ๋นและคนอื่นๆ นิ่งอึ้งเจ๋ออ๋องมองกู้ชูหน่วนอย่างไม่เชื่อสายตาแม้แต่ซ่างกวานฉู่ข้างอาจารย์สวีที่ถือตำราอยู่ยังมือสั่น เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ ดวงตาอันงดงามคู่นั้นราวกับกำลังสำรวจกู้ชูหน่วนคนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภอย่างนั้นหรือนาง...รู้กลอนซูหลีได้อย่างไร"เถาวัลย์พันเครือ พืชพันธุ์ออกผล ไกลบ้านยากเข็ญ ดวงใจระส่ำส่าย คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ ใยหนอสวรรค์! ใยทำเช่นนี้?"สายตาแปลกประหลาดของทุกคนทำเอากู้ชูหน่วนหนังหัวชาดิกนี่ไม่ใช่กลอนของซูหลีหรือไงเธอไม่กล้าท่องวรรคที่สามแล้วทำได้เพียงเอ่ยอย่างเก้อเขิน "คือว่า...อาจารย์เจ้าคะ ข้าไปวิ่งห้าสิบรอบก็ได้ แต่กู้ชูหลันเป็นบัณฑิตผู้ติดตาม หากข้าต้องถูกทำโทษ นางมีเหตุผลอะไรจะไ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 13

    "เจ้าว่ามาได้เลย""เมื่อคืนข้านอนไม่ค่อยหลับ ประเดี๋ยวข้าอยากนอนสักงีบ ท่านห้ามลงโทษข้า""ได้ ไม่มีปัญหา"แม่เจ้า ตาเฒ่านี่ ใจเด็ดเสียจริง ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม?เมื่อมองไปที่อาจารย์ซ่างกวานแถวหน้าอีกครั้ง ถึงภายนอกเขาจะดูสงบนิ่ง อ่อนโยนดั่งสายลม แต่เธอรู้ดีว่าจังหวะลมหายใจของซ่างกวานฉู่ถี่รัวขึ้นหลายเท่า เห็นได้ชัดว่าเขาก็อยากฟังกลอนประโยคสุดท้ายเหมือนกันก็ได้ เห็นแก่หนุ่มหล่อ ท่องก็ได้"เถาวัลย์พันเครือ พืชพันธุ์สุกงอม ไกลบ้านยากเข็ญ ดวงใจระส่ำส่าย คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ ใยหนอสวรรค์! ใยทำเช่นนี้?""เยี่ยม... ยอดเยี่ยม... กลอนบทนี้ใช้วิธีซ้ำคำ สะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์ตัดพ้อที่แตกต่างกันสามแบบของตัวเอกต่อการล่มสลายของราชวงค์โจวอ๋อง""อาจารย์ ข้าหลับได้หรือยัง?""เจ้ารู้กลอนนี้ได้อย่างไร?""อ๋อ... บังเอิญเห็นในตำราโบราณเล่มหนึ่ง" เธอไม่ได้โง่เสียหน่อย จะบอกว่าแต่ก่อนเคยท่อนกลอนบทนี้ได้อย่างไร"ตำราโบราณเล่มใด อ่านได้ที่ไหน? ตำราสมัยก่อนมิได้สาบสูญไปหมดแล้วหรือ?""นานมากแล้ว จำไม่ได้ว่าอ่านเจอที่ไหน แต่มิใช่สำนวนต้นฉบับ มีคนแปลมาอีกทีเจ้าค่ะ"ทุกคนพลันกระจ่างแจ้ง

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 14

    "ไม่ได้ยินที่อาจารย์บอกว่าเป็นประโยคซ้ำคำหรือ?""ประโยคซ้ำคำคืออะไร?""…"กู้ชูหน่วนคิดว่าตัวเองโง่แล้ว แต่พอได้เจอกับเซียวอวี่เชียน เธอก็รู้แล้วว่าตัวเองเก่งแค่ไหน"ยัยขี้เหร่ คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ แปลว่าอะไรหรือ?""ความหมายใกล้เคียงกับ คุ้นเคยเหมือนแปลกหน้า เพียงจอดรถม้าเหมือนดั่งสหายครั้งวันวาน""ยัยขี้เหร่ เจ้าช่วยพูดภาษาคนจะได้ไหม ข้าไม่เข้าใจ"กู้ชูหน่วนชะงักไป อธิบายอย่างไม่สบอารมณ์ "คนบางคนรู้จักกันมาทั้งชีวิต ทว่าไม่รู้แม้กระทั่งอีกฝ่ายเป็นคนเช่นไร คนบางคนเพิ่งเคยพบหน้า แต่กลับรู้ใจกัน คนไม่เข้าใจจะคบหาไปทำไม คนที่เข้าใจกันย่อมรู้ว่าเจ้ารักชังสิ่งใด"เซียวอวี่เชียนพลันกระจ่างแจ้ง "อ๋อ... พวกเราคืออย่างหลังสินะ""ผิด อย่างแรกต่างหาก"รอยยิ้มของเซียวอวี่เชียนชะงักไปหรือว่าพวกเขาไม่มีวาสนาต่อกันขนาดนั้น?คนที่ยังไม่ออกจากห้องเรียนได้ยินคำพูดของกู้ชูหน่วนเจ๋ออ๋องมองนางอย่างสงสัยไม่เจอกันเพียงไม่นาน เหตุใดนางถึงได้เปลี่ยไปเป็นคนละคน?คนไม่รู้หนังสือท่องกลอนคุ้นเคยเหมือนแปลกหน้า เพียงจอดรถม้าเหมือนดั่งสหายครั้งวันวานได้ด้วยหรือ?กู้ชูอวิ๋นประหลาดใจกั

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 15

    กู้ชูหน่วนจ้องมองใบหน้าบวมแดงของนาง เอ่ยประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายโกรธจนแทบบ้า "อืม คราวนี้ค่อยสมมาตรกันหน่อย"แค้นนัก...องค์หญิงตังตังเดือดจนอกแทบระเบิด แผดเสียงลั่น "มัวนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบจับตัวกู้ชูหน่วนอีก ข้าจะให้นางต้องร้องขอชีวิต ให้นางต้องนึกเสียใจที่เกิดมาไปตลอดชาติ"เหล่าองครักษ์ล้อมกู้ชูหน่วนเอาไว้ทุกคนเป็นห่วงกู้ชูหน่วนอย่างอดไม่ได้แต่กู้ชูหน่วนราวกับไม่สนใจ กลับกันยังยิ้มเอ่ยเสียงเนิบ "ข้าคือน้าสะใภ้ขององค์หญิง น้าสะใภ้จะสั่งสอนหลานสาวสักหน่อย ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว พวกเจ้ากล้าจับตัวข้าหรือ? ได้ เช่นนั้นเราไปหาท่านอ๋องเทพสงครามกัน แล้วนับญาติกันให้ชัดเจน"ท่านอ๋องเทพสงครามคือบุคคลต้องห้าม เหล่าองครักษ์ไม่กล้าขยับตัวยิ่งไปกว่านั้นกู้ชูหน่วนเน้นย้ำคำว่านับญาติ พวกเขาจะกล้าไปยุ่งเรื่องนับญาติในราชวงศ์ได้อย่างไรองค์หญิงตังตังกระทืบเท้าตึงตัง "กู้ชูหน่วน เจ้ามันหน้าไม่อาย เสด็จน้าข้าพูดเมื่อใดว่าจะแต่งงานกับเจ้า""แปลกนัก ราชโองการมิใช่เสด็จพี่ของเจ้าเป็นผู้รับสั่งหรอกหรือ? เทพสงครามจะไม่แต่งงานกับข้างั้นหรือ? เช่นนั้นก็ได้ เจ้าก็บอกให้เสด็จพี่ของเจ้ายกเลิกร

บทล่าสุด

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 258

    ขณะที่เยี่ยเฟิงเดินมาถึงประตูวิหารใหญ่ ซิ่งเอ๋อร์และฮองเฮาฉู่ได้พูดคุยกัน ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ม่านตาหดเล็กลง ราวกับว่าเท้าของเขามีน้ำหนักเป็นพันชั่ง เขาจึงก้าวต่อไปไม่ได้"ฮูหยิน ท่านชายน้อยหายตัวไปนานหลายปีแล้ว แม้ว่ายามนี้เขาจะยืนอยู่ตรงหน้าท่าน ท่านก็อาจจะจำเขาไม่ได้ จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?""ยามนั้นที่ข้าคลอดบุตรยากและสลบไป ข้าเห็นดอกเหมยที่บริเวณไหล่ซ้ายด้านหลังของเขา ดอกเหมยที่กำลังเบ่งบาน ข้ายังคิดว่าทำไมเด็กชายถึงมีปานรูปดอกเหมยที่ไหล่ได้"ปาน......ดอกเหมย?เยี่ยเฟิงหายใจเร็วขึ้นเขาใช้ความพยายามอย่างมากจึงสามารถยืนอยู่หลังประตูได้ร่างกายเย็นเฉียบแนบชิดประตู ราวกับว่าหากไม่แนบชิดประตู เขาก็จะยืนไม่ไหวไหล่ซ้ายด้านหลังของเขา......ก็มีปานเป็นรูปดอกเหมยเช่นกัน และยังเป็นดอกที่กำลังเบ่งบาน......แม่เฒ่าบอกว่า ตั้งแต่เขาเกิดก็......มี......"แค่ปานรูปดอกท้อ จะสามารถระบุตัวท่านชายน้อยได้อย่างไร? แล้วหากมีคนปลอมตัวล่ะเจ้าคะ?""เป็นไปไม่ได้ ดอกเหมยดอกนั้นแตกต่างจากดอกเหมยอื่นๆ กลีบดอกน้อยกว่าดอกเหมยทั่วไปหนึ่งกลีบ นอกจากข้าและแม่นมแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องนี้

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 257

    เมื่อได้ยินคำพูดของสาวใช้ เยี่ยเฟิงหันมองเล็กน้อยฮูหยินผู้นั้นกับลูกชายแท้ๆ ถูกพรากจากกันมานานถึงสิบแปดปี และเขาก็พลัดพรากจากพ่อแม่แท้ๆ มาสิบแปดปี นางอาจเป็นแม่ของเขาใช่หรือไม่?เมื่อมองดูฮูหยินอีกครั้ง ท่าทางสง่างาม พูดจาไพเราะ แม้จะอายุมากแล้ว แต่ใบหน้าก็ดูแลอย่างดี ไม่เหมือนคนยากจนเลยฮูหยินสูงศักดิ์เช่นนี้ จะเป็นแม่แท้ๆ ของเขาได้อย่างไรกันเยี่ยเฟิงหัวเราะเสียงเบาเขาคงคิดถึงพ่อแม่จนเพี้ยนไปแล้วฮองเฮาฉู่ตาแดงก่ำ ความเศร้าโศกแวบผ่านไป "ยามนั้น ลูกชายคนเล็กของข้าหลินเอ๋อร์ถูกขโมยไปที่นอกเมืองชิงหง ราชครูบอกว่า หากอยากจะตามลูกชายคนเล็กกลับมา ก็ต้องมาไหว้พระที่วัดไป๋อวิ๋น ราชครูชำชองวิชาห้าธาตุแปดทิศ สามารถมองเห็นอดีตและอนาคตได้ เขาไม่โกหกข้าแน่นอน""แต่ท่านมาไหว้พระที่นี่ทุกปี และเมื่อก่อนก็มาสวดมนต์ที่วัดไป๋อวิ๋นทุกวัน ไม่ใช่ว่ายังหาเด็กชายคนนั้นไม่เจอหรอกหรือ"พอนึกถึงเรื่องในอดีต ซิ่งเอ๋อร์ก็ร้องไห้เมื่อเด็กน้อยถูกขโมยไป ฮองเฮาก็คิดถึงทุกวัน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ในช่วงสิบปีแรก อยู่ที่วัดไป๋อวิ๋นสวดมนต์ทุกวัน เพื่อเพิ่มบุญให้กับท่านชายน้อย หวังว่าจะได้กลับมาเป็นครอบครัวก

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 256

    กู้ชูหน่วนพยักหน้าเบาๆ “เช่นนั้นไปพักที่วัดไป๋อวิ๋นก่อนก็แล้วกัน”กู้ชูหน่วนก็ไม่รู้จะปลอบเยี่ยเฟิงอย่างไรเรื่องแบบนี้ต้องให้เขาคิดเองนางก็ไม่ได้ตั้งใจจะเห็นฉากนั้น เป็นเรื่องบังเอิญล้วนๆเยี่ยเฟิงแม้จะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่นางก็รู้สึกได้เขามองนางเป็นเพื่อน และเพราะว่ามองนางเป็นเพื่อน จึงไม่อยากให้นางเห็นฉากที่น่าอับอายที่สุดของเขา“ร่างกายยังไหวหรือไม่? ห่กไม่ไหว เราพักที่นี่ก่อนก็ได้”“ไหว ไปกันเถอะ ประเดี๋ยวเหล่าทหารจะไล่ตามมา”เยี่ยเฟิงเดินนำไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่ปรากฏสีหน้าใดๆฝูกวงอธิบาย “วันนั้นในป่าไผ่ที่พลัดหลงกับนายหญิง พวกข้าเจอกับนายท่านของเผ่าหมอหลายคน พวกข้ายืนหยัดต่อสู้ไม่ไหว เยี่ยเฟิงขาช้าก็เลยถูกจับไป ข้าน้อยหานายหญิงไม่เจอ จึงแอบแฝงตัวเข้าไปในเผ่าหมอเพื่อไปช่วยเยี่ยเฟิง แต่ไม่นึกว่าจะเจอนายหญิงในเผ่าหมอ เรื่องต่อจากนั้น นายหญิงก็รู้แล้ว”“อืม ไปกันเถอะ”วัดไป๋อวิ๋น ที่นี่เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของวัดชิงหง มีผู้มาทำกราบไหว้ไม่ขาดสาย ภายในวัดมีสามเณรน้อยเดินไปมาให้เห็นกู้ชูหน่วนประนมมือด้วยท่าทางนอบน้อม "ท่านเณรน้อย ได้ยินมาว่าวัดไป๋อวิ๋นศักดิ์สิทธิ์มาก พ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 255

    เมื่อพลังของค่ายกลลดลง กู้ชูหน่วนจึงพบทางลับเข้าไปได้แต่ทางลับนี้กลับไม่ใช่ทางลับที่เพิ่งแยกจากหัวหน้าเผ่าหมอมานางรู้สึกสงสัยค่ายกลนี้แปลกประหลาดอะไรเช่นนี้?เมื่อครู่ยังป้องกันได้อย่างแน่นหนา ไม่มีที่ให้โจมตี แต่ยามนี้กลับกลายเป็นค่ายกลที่พุพังไปได้?มีใครมาช่วยนางทลายค่ายกลไปครึ่งหนึ่งหรือไม่?มีใครในเผ่าหมอช่วยนางทลายค่ายกลหรือไม่?หรือว่าจะเป็นอาโม่?"นายหญิง เราพบทางลับเข้าไปแล้ว ทำไมยังไม่รีบออกไป หรือว่าจะต้องตามหาอะไรอีกหรือ" ฝูกวงถามด้วยความมึนงงไม่ไกลนัก หัวหน้าเผ่าหมอยกมุมปากด้วยรอยยิ้มที่หยิ่งยโส แล้วยกมือขาวขึ้นเบาๆ ดมกลิ่นดอกไม้ในมือด้วยท่าทางกระหาย และเปล่งเสียงออกมาจากมุมปาก"โง่นัก นางกำลังตามหาข้าอยู่แน่นอน หากหาข้าไม่เจอ นางจะหนีไปได้อย่างไร"กู้ชูหน่วนกวาดตามองไปรอบๆ ที่นี่เงียบสงบ ไม่มีเงาของใครเลย แต่ไกลออกไปมีแสงไฟลุกโชน ไม่รู้ว่ามีทหารจำนวนเท่าใดกำลังตามล่าพวกนางอยู่นางเหลือบมองทางลับ แล้วมองไปยังแสงไฟที่อยู่ไกลออกไป กัดฟันแน่น "ไป"อาโม่เดินเล่นในเขาดูดวิญญาณราวกับเดินเล่นในสวนของตัวเอง คงจะรอนางไม่ไหวแล้วน่าจะจากไปแล้วแล้วนางก็รู้ทางลับหลาย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 254

    กู้ชูหน่วนเดินวนกลับมาอีกรอบนางเอามือลูบขมับที่ปวดตุบ แล้วเอ่ยออกมาเสียงเบาว่า "พวกเราติดอยู่ในค่ายกลแล้ว และเป้นค่ายกลที่ทรงพลังมากๆ ด้วย""นายหญิง ท่านมีวิธีทลายค่ายกลนี้หรือไม่"กู้ชูหน่วนส่ายศีรษะนางไม่เคยเห็นค่ายกลที่ซับซ้อนขนาดนี้มาก่อนในชีวิต หากจะให้ทลายคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปี"หากทางลับออกไปไม่ได้ ข้าขออาสาคุ้มกันให้พวกเจ้าออกทางประตูใหญ่""ข้าจำได้ว่ามีทางลับหลายทาง ไปทางนี้กันก่อนดีกว่า แล้วค่อยออกทางประตูใหญ่""ได้"หัวหน้าเผ่าหมอถูกตบหน้าเข้าอย่างจังเซวี่ยซาก้มศีรษะลงต่ำ แทบอยากหายตัวไปเลยเสียประเดี๋ยวนี้เขาคิดว่าหัวหน้าเผ่าหมอจะโกรธ แต่กลับได้ยินเสียงของหัวหน้าเผ่าหมอที่เรียบเฉยดังขึ้น"ถูกต้องแล้ว ไปทางนี้แหละ เมื่อครู่ข้ารอนางอยู่ที่ทางลับนั่นเอง"เซวี่ยซา "เอิ่ม......""เซวี่ยซา ไปดูกันดีกว่า""ขอรับ"เซวี่ยซาเดินตามหัวหน้าเผ่าหมอ และตามพวกกู้ชูหน่วนติดๆทว่าพวกกู้ชูหน่วนเดินวนไปวนมา ราวกับอยู่ในเขาวงกตขนาดใหญ่ นางทำเครื่องหมายไว้ตลอดทาง แต่ก็ยังวนกลับมาอยู่ดี หากไม่ใช่เพราะพวกเขาเปิดทางให้ คงปะทะกับยามเฝ้าเวรไปแล้วเขาเตือนด้วยความระมัดร

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 253

    เยี่ยเฟิงยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ก็ได้ยินเสียงดังปัง! โย่วหู้ฝ่าถอยหลังไปชนกับศาลาไม้ด้านนอกด้วยอย่างแรงจนทำให้ศาลาพังทลาย"เฮือก......"เขากระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ แล้วก็หายใจรวยรินฝูกวงยังคงสภาพสมบูรณ์ ดวงตาจ้องไปที่ลำคอของโย่วหู้ฝ่า ยืนมองลงมาจากที่สูงชัยชนะเป็นที่ประจักษ์เส้นประสาททั้งหมดของโย่วหู้ฝ่าได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดแปดจะมีพลังมากขนาดนี้"ข้าเป็นถึงโย่วหู้ฝ่าของหัวหน้าเผ่าหมอ เจ้ากล้าที่จะฆ่าข้า ก็เท่ากับว่าเจ้ามาขัดขวางเผ่าหมอทั้งเผ่า"ฝูกวงยิ้มเยาะ "สู้กันมานานขนาดนี้ มีคนจากเผ่าหมอมาช่วยเจ้าสักคนหรือไม่?"คำพูดประโยคนี้ทำให้โย่วหู้ฝ่าตระหนักขึ้นทันทีวังที่ปกป้องอย่างแน่นหนา ทำไมถึงไม่มีทหารเฝ้าสักคน?หัวใจของเขาเต้นถี่ขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ รู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูกทว่าสิ่งที่เขาไม่สามารถเชื่อได้ยิ่งกว่าก็คือกู้ชูหน่วนชักดาบอีกเล่มของฝูกวงออกมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาเย็นชาราวกับน้ำแข็งเผยให้เห็นความเย็นเยือกราวกับความตายนางเอ่ยย้ำทีละพยางค์ว่า "กล้าแตะต้องเยี่ยเฟิง เจ้าต้องพร้อมที่จะตาย"โย่วหู้ฝ่าพยายามจะขัดข

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 252

    ในห้องนอน เยี่ยเฟิงถูกกางแขนขามัดติดกับเตียง มือและเท้าถูกโซ่ตรึงไว้ เสื้อผ้าที่ขาดหลุดลุ่ยกระจายอยู่เต็มพื้นโย่วหู้ฝ่ากำลังจะทำตามอำเภอใจเยี่ยเฟิงพยายามดิ้นรน แต่ก็ทำไม่ได้ กลับยิ่งทำให้แผลฉีก เลือดไหลซึมออกมา"เพียะ......"โย่วหู้ฝ่าตบเยี่ยเฟิงด้วยฝ่ามือแล้วด่าทอ“ถุย มาทำเป็นสูงส่งอะไรห้ะ คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าเคยรับใช้นายท่านหลันอย่างไร ด้วยหน้าตาของเจ้า ข้ายอมลดตัวลงมา เจ้าก็ควรจะดีใจได้แล้ว”ประโยคนี้แทงใจเยี่ยเฟิงอย่างเจ็บปวดความทรงจำในอดีตพรั่งพรูเข้ามาในสมองราวกับคลื่นซัดสาดทุกฉากทุกตอนทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีค่าหากชีวิตเลือกได้ ใครจะอยากมีชีวิตแบบนี้ใครอยากอยู่ใต้อำนาจของคนอื่น และยอมรับชะตากรรมอย่างเต็มใจ“ไอ้ชาติชั่ว! แค่ดอกไม้ริมทาง ยังจะกล้าจ้องหน้าข้าอีก บอกให้รู้ไว้ว่าคืนนี้ผ่านไป ข้าจะให้เจ้าไปรับใช้ลูกน้องข้า เจ้าชอบทำเป็นสูงส่งนักใช่หรือไม่ ดูซิว่าเจ้าจะทำได้อีกนานแค่ไหน”โย่วหู้ฝ่าตบเยี่ยเฟิงไปอีกหลายครั้ง พร้อมกับคำด่าและเร่งความเร็วในการกระทำ"ติ๊ง......"น้ำตาหยดหนึ่งไหลอาบแก้มของเยี่ยเฟิง แผลบนร่างกายเจ็บปวดเพียงใดก็ไม่เท่ากับหัวใจท

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 251

    เซวี่ยซาตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาขบคิดอย่างหนัก แต่นึกไม่ออกว่าแม่นางกู้คล้ายกับเพื่อนเก่าคนไหนของนายท่านกันแน่เขาอยู่เคียงข้างนายท่านตั้งแต่เด็ก นายท่านดูเหมือนจะ......ไม่มีเพื่อนเลยสักคน......เซวี่ยซาก้มศีรษะลง ไม่กล้าเอ่ยคำใดและรอรับคำสั่งเงียบๆทว่าหัวหน้าเผ่าหมอกลับยังไม่ออกคำสั่ง เพียงแต่เเอ่ยกับตนเองเบาๆ ว่า "นางไม่เหมือนกับผู้หญิงคนนั้น นางกระฉับกระเฉงกว่ามาก ที่เหมือนกันก็คือ......ดวงตาคู่นั้น"ผู้หญิง?หรือว่าจะเป็นเจ้าสำนักซิวหลัว?นายท่านมิใช่สังหารนางไปแล้วรึ?เงียบอยู่นาน เซวี่ยซาจึงเอ่ยออกมาด้วยความระมัดระวังว่า “นายท่าน ท่านบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับเจ้าสำนักซิวหลัว และไปรักษาตัวที่ป่าไผ่ เรื่องนี้เป็นฝีมือของนายท่านชิ่งฮวาที่แพร่งพรายออกไป”“ผู้ที่เข้าร่วมก่อกบฏมีทั้งนายท่านชิ่งฮวา นายท่านดอกท้อ นายท่านทับทิม และนายท่านดอกบัว รวมถึงโย่วหู้ฝ่าด้วย ไม่ทราบว่านายท่านจะลงโทษพวกเขาอย่างไร”“พวกสวะ กล้าหักหลังนายท่าน ฆ่าทิ้งเสียเถอะ”“นายท่านทั้งสี่......ฆ่าหมดเลยหรือ?” เซวี่ยซาหายใจถี่ขึ้นสิบสองกองธงสังหารไปสี่ เช่นนั้นเผ่าหมอก็แทบต้องเปลี่ยนเลือดใหม่หมดเลย"ท่าน

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 250

    ทหารเวรยามทั้งสองตกใจมาก กำลังจะถามว่าเป็นใคร ก็เห็นหัวหน้าเผ่าหมอผู้สูงส่งยืนอยู่ตรงหน้าคนทั้งสองขาอ่อน คุกเข่าลงไปกับพื้นด้วยเสียงดังโครม ร่างกายสั่นเทาคล้ายใบไม้สั่นในตะแกรง พูดออกมาแต่ละคำก็สั่นจนฟันกระทบกัน"ข้า......ข้าน้อย......ขอคารวะท่านหัวหน้าเผ่าหมอ"หัวหน้าเผ่าหมอยืนหันหลังให้พวกเขา ด้วยท่าทางสง่างาม มองดูมือที่เรียวยาวและขาวดั่งหยกของตน เขายืนอยู่ที่นั่นเพียงแค่คนเดียว แต่กลับมีอำนาจอันน่าเกรงขามราวกับเทพเจ้าผู้สูงส่งที่ทำลายล้างทุกสิ่งได้ด้วยการดีดนิ้วหัวหน้าเผ่าหมอเอ่ยด้วยเสียงเกียจคร้านว่า "รู้หรือไม่ว่าพวกเจ้าทำความผิดอะไร?"เมื่อได้ยินคำถามนี้ ยามทั้งสองแทบตกใจจนฉี่ราดด้วยสถานะของหัวหน้าเผ่าหมอ คงไม่แม้แต่สนใจที่จะพูดคุยกับพวกเขา แต่วันนี้หัวหน้าเผ่าหมอเลือกที่จะพูดคุยกับพวกเขาไม่ ไม่ใช่พูดคุย แต่เป็นการซักถามพวกเขาคิดว่าอาจเป็นเพราะพวกเขาคุยเรื่องของโย่วหู้ฝ่าและหัวหน้าเผ่าหมอได้ยินเข้า?ยามคนแรกสั่นกลัวจนพูดไม่ออก "เพราะ......เพราะข้าพูดถึงโย่วหู้ฝ่า.....""ไม่ใช่" หัวหน้าเผ่าหมอให้คำตอบที่ไม่ค่อยพบเห็นนักด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขคนที่สองกลืนน้ำลาย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status