"ไม่ได้ยินที่อาจารย์บอกว่าเป็นประโยคซ้ำคำหรือ?""ประโยคซ้ำคำคืออะไร?""…"กู้ชูหน่วนคิดว่าตัวเองโง่แล้ว แต่พอได้เจอกับเซียวอวี่เชียน เธอก็รู้แล้วว่าตัวเองเก่งแค่ไหน"ยัยขี้เหร่ คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ แปลว่าอะไรหรือ?""ความหมายใกล้เคียงกับ คุ้นเคยเหมือนแปลกหน้า เพียงจอดรถม้าเหมือนดั่งสหายครั้งวันวาน""ยัยขี้เหร่ เจ้าช่วยพูดภาษาคนจะได้ไหม ข้าไม่เข้าใจ"กู้ชูหน่วนชะงักไป อธิบายอย่างไม่สบอารมณ์ "คนบางคนรู้จักกันมาทั้งชีวิต ทว่าไม่รู้แม้กระทั่งอีกฝ่ายเป็นคนเช่นไร คนบางคนเพิ่งเคยพบหน้า แต่กลับรู้ใจกัน คนไม่เข้าใจจะคบหาไปทำไม คนที่เข้าใจกันย่อมรู้ว่าเจ้ารักชังสิ่งใด"เซียวอวี่เชียนพลันกระจ่างแจ้ง "อ๋อ... พวกเราคืออย่างหลังสินะ""ผิด อย่างแรกต่างหาก"รอยยิ้มของเซียวอวี่เชียนชะงักไปหรือว่าพวกเขาไม่มีวาสนาต่อกันขนาดนั้น?คนที่ยังไม่ออกจากห้องเรียนได้ยินคำพูดของกู้ชูหน่วนเจ๋ออ๋องมองนางอย่างสงสัยไม่เจอกันเพียงไม่นาน เหตุใดนางถึงได้เปลี่ยไปเป็นคนละคน?คนไม่รู้หนังสือท่องกลอนคุ้นเคยเหมือนแปลกหน้า เพียงจอดรถม้าเหมือนดั่งสหายครั้งวันวานได้ด้วยหรือ?กู้ชูอวิ๋นประหลาดใจกั
กู้ชูหน่วนจ้องมองใบหน้าบวมแดงของนาง เอ่ยประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายโกรธจนแทบบ้า "อืม คราวนี้ค่อยสมมาตรกันหน่อย"แค้นนัก...องค์หญิงตังตังเดือดจนอกแทบระเบิด แผดเสียงลั่น "มัวนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบจับตัวกู้ชูหน่วนอีก ข้าจะให้นางต้องร้องขอชีวิต ให้นางต้องนึกเสียใจที่เกิดมาไปตลอดชาติ"เหล่าองครักษ์ล้อมกู้ชูหน่วนเอาไว้ทุกคนเป็นห่วงกู้ชูหน่วนอย่างอดไม่ได้แต่กู้ชูหน่วนราวกับไม่สนใจ กลับกันยังยิ้มเอ่ยเสียงเนิบ "ข้าคือน้าสะใภ้ขององค์หญิง น้าสะใภ้จะสั่งสอนหลานสาวสักหน่อย ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว พวกเจ้ากล้าจับตัวข้าหรือ? ได้ เช่นนั้นเราไปหาท่านอ๋องเทพสงครามกัน แล้วนับญาติกันให้ชัดเจน"ท่านอ๋องเทพสงครามคือบุคคลต้องห้าม เหล่าองครักษ์ไม่กล้าขยับตัวยิ่งไปกว่านั้นกู้ชูหน่วนเน้นย้ำคำว่านับญาติ พวกเขาจะกล้าไปยุ่งเรื่องนับญาติในราชวงศ์ได้อย่างไรองค์หญิงตังตังกระทืบเท้าตึงตัง "กู้ชูหน่วน เจ้ามันหน้าไม่อาย เสด็จน้าข้าพูดเมื่อใดว่าจะแต่งงานกับเจ้า""แปลกนัก ราชโองการมิใช่เสด็จพี่ของเจ้าเป็นผู้รับสั่งหรอกหรือ? เทพสงครามจะไม่แต่งงานกับข้างั้นหรือ? เช่นนั้นก็ได้ เจ้าก็บอกให้เสด็จพี่ของเจ้ายกเลิกร
"สองบวกสอง เท่ากับมิใช่สอง"ทุกคนปาดเหงื่อ นี่มันคำถามอะไร?เซียวอวี่เชียนไม่ยอม "นี่เจ้าเล่นคำนี่?""ข้าจะเล่นคำได้อย่างไร? คำถามทดสอบลูกพี่ทั้งทีต้องมีไหวพริบหน่อยมิใช่รึ? ที่ข้าตอนนี้กำลังทดสอบเจ้าอยู่นั้นเป็นการช่วยพัฒนาสมองนะ""ไม่สิๆ ต้องไม่ใช่แบบนั้น""ข้าถามเจ้า อาจารย์สวีมิใส่สองใช่หรือไม่?""ใช่สิ""เจ๋ออ๋องเองก็มิใช่สองใช่หรือไม่?""ใช่สิ""เช่นนั้นพวกเขารวมกัน มิใช่สองมิถูกหรือไม่?"แววตาของเจ๋ออ๋องเดือดพล่าน สะบัดแขนเสื้อเดินหนีไปหากมิใช่เขาถอนหมั้นโดยไม่มีเหตุผล คงไม่ถูกฮ่องเต้และเสด็จแม่ตำหนิ ทั้งยังถูกสั่งห้ามมิให้เขาก่อเรื่อง ไม่เช่นนั้นละก็ป่านนี้เขาคงตะเพิดนางไปแล้ว ไม่ปล่อยให้นางลอยหน้าลอยตาหรอกกู้ชูหลันชอบเจ๋ออ๋อง เหมือนเห็นดังนั้นจึงรีบตามไปเซียวอวี่เชียนมึนงงที่กู้ชูหน่วนพูดเหมือนจะไม่ผิด แต่ก็เหมือนจะผิด"คำถามที่สอง อาจารย์ซ่างกวานบวกเจ๋ออ๋องเป็นเท่าไหร่?""ฮะ... นี่มันคำถามอะไร""ก็คำถามนั่นแหละน่า"ชิวเอ๋อร์ป้องปากหัวเราะอย่างอดไม่ได้คุณหนูแกล้งคนเก่งนักนั่นไม่ใช่คำถามด้วยซ้ำ ท่านชายเซียวจะตอบได้อย่างไรเป็นไปตามคาด เซียวอวี่เชียนตอ
เซียวอวี่เชียนสะบัดแขนนางที่กอดคอออก ควักเงินห้าร้อยตำลึงออกมาจากอกเสื้อแล้วโยนให้ด้วยใบหน้าบึ้งตึงเอ่ยร้องทุกข์ "ห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเชียนเชียน พี่ใหญ่ข้ามีหน้ามีตาในสำนักบัณฑิตหลวง หากคนอื่นได้ยินเข้า จะเหมาะสมหรือ?""ไม่เรียกเสี่ยวเชียนเชียนก็ได้ เช่นนั้นเจ้าเอามาอีกห้าร้อยตำลึง"เซียวอวี่เชียนล้วงเงิน ก่อนจะเห็นเงินห้าร้อยตำลึงสุดท้ายที่มีติดตัวแล้วก็รู้สึกปวดใจกู้ชูหน่วนแย่งเงินมา นับเงินอย่างคล่องแคล่ว ยกยิ้มพึงพอใจ"เสี่ยวเชียนเชียนเป็นเด็กดีนัก วันหน้าพี่จะเอ็นดูเจ้าให้มาก""…"ไม่ใช่แค่เซียวอวี่เชียนที่ตกตะลึง แม้แต่ชิวเอ๋อร์ยังทำตัวไม่ถูกเอ็นดูเจ้าให้มาก?นางเป็นหญิง เหตุใดถึงกล้าพูดจาเช่นนี้ยิ่งเห็นท่าทียามเดินผิวปากออกไปอย่างลิงโลด พวกเขาก็ขนลุกชูชันไปทั้งตัวเซียวอวี่เชียนมุมปากกระตุก ตะโกนลั่นอย่างขุ่นเคือง "บอกแล้วอย่างไรเล่าว่าห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเชียนเชียน""รู้แล้วน่า เสี่ยวเชียนเชียน"ให้ตายสิหญิงผู้นี้จงใจแกล้งเขาให้อกแตกตายสินะ?ชิวเอ๋อร์ปาดเหงื่อ รีบวิ่งตามติด"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่ท่านทำเกินไปหรือไม่ เพิ่งเข้าเรียนในสำนักบัณฑิตก็มีเรื่องกั
หลังจากหญิงผู้นั้นทำให้เจ้านายต้องแปดเปื้อน อารมณ์ของเจ้านายก็ยิ่งแปรปรวน บ่าวที่คอยปรนนิบัติถูกตัดหัวไปแล้วไม่รู้กี่คนทว่าสูตรยาที่หญิงนางนั้นให้มาได้ผลดียิ่งนักอาการพิษกำเริบของเจ้านาย ตั้งแต่เริ่มใช้สูตรยาของนาง อาการกลับดีขึ้นมากจริงๆ ไม่ได้ทรมานเหมือนแต่ก่อนแล้วหากจับตัวหญิงนางนั้นมาได้ บางที่อาจจะรักษาพิษที่เจ้านายโดนได้หายขาด"นายท่าน เรื่องการแต่งงาน พวกเราจะล้มเลิกหรือไม่?"ได้ยินดังนั้น เย่จิ่งหานก็เผยยิ้มร้าย รอบกายแผ่นรังสีทรงอำนาจ ราวกับกษัตริย์จากสวรรค์ผู้ควบคุมทุกสรรพสิ่ง"กล้าเล่นงานข้า ย่อมรู้ว่าต้องต้านทานไฟโกรธของข้าได้"เอ่อ..แล้วเรื่องแต่งงานจะล้มเลิกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?ฮ่องเต้แสร้งไม่รู้ไม่เห็น ไม่กล้าแม้แต่จะมีเรื่องกับนายท่านด้วยอำนาจของนายท่าน เพียงแต่ขยับนิ้ว ก็สามารถทำให้พระองค์กลิ้งตกจากบัลลังก์ได้คุณหนูสามตระกูลกู้เป็นหญิงอัปลักษณ์ที่เลื่องชื่อไปทั่วแคว้นเย่ ให้นายท่านแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์เช่นนั้น หากมิใช่หยามเกียรตินายท่านแล้วจะเรียกว่าอะไร?ชิงเฟิงคิดว่าเย่จิ่งหานต้องล้มการแต่งงานครั้งนี้แน่นอนคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทอดสายตามองไปทางที่กู้
"เอ่อ...จะให้ข้าเรียกยัยขี้เหร่ชื่อเสียงอื้อฉาวนั่นว่าพี่ใหญ่หรือ คงจะ...""พั๊วะ..."เซียวอวี่เชียนยกเท้าถีบอีกครั้ง เอ่ยเสียงเดือดดาล "ใครกล้าด่าว่านางโง่เง่า คอยดูข้าสั่งสอนเขา อีกอย่างบนโลกนี้มีเพียงข้าคนเดียวที่เรียกนางว่ายัยขี้เหร่ได้ หากพวกเจ้ากล้าดูหมิ่นนางอีก ระวังหัวเจ้าไว้"กู้ชูหน่วนมุมปากยกยิ้มดีใจนางกอดคอเพื่อนรัก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เสี่ยวเชียนเชียนเป็นเด็กดี รู้จักปกป้องพี่ใหญ่""ไปไกลๆ อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นคุณหนูตระกูลขุนนาง เกาะแกะข้าเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ""เซียวอวี่เชียน ในสายตาของเจ้าเคยมีเรื่องเหมาะสมด้วยหรือ"เซียวอวี่เชียนยอมรับ ว่าฝีปากของเขาเทียบกู้ชูหน่วนไม่ได้เลย ต่อปากต่อคำกับนาง แม้แต่คนตายยังฟื้นขึ้นมาเพราะโมโหเซียวอวี่เชียนสู้กู้ชูหน่วนไม่ไหว จึงทำได้เพียงระบายอารมณ์กับเหล่าคุณชาย"มัวนิ่งอะไรอยู่ รีบเรียกพี่ใหญ่สิ""เอ่อ..."เหล่าท่านชายหน้ามุ่ย มองเซียวอวี่เชียนด้วยสายตาอ้อนวอน แต่เซียวอวี่เชียนยังคงดึงดัน พวกเขาจึงต้องจำใจเรียก "ลูกพี่""ว่าไง"กู้ชูหน่วนขานรับอย่างไม่ถ่อมตัวเธอรู้ว่าเซียวอวี่เชียนปากร้ายแต่ใจดี เพราะเขากลัวว่าบรรดาคุณชา
เอ่อ...ทุกคนตามความคิดนางไม่ทันคนที่เข้ามาเรียนสำนักบัณฑิตหลวงได้ ยังสนใจเงินรางวัลอีกหรือ?เซียวอวี่เชียนบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ "หากเจ้าเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ ฮ่องเต้ต้องตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม" แค่เศษเงินก้นไห แต่คุณหนูสามสายหลักกลับตาลุกวาวหลิ่วเยว่ยิ้มเอ่ย "หากเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ คงเลื่องชื่อไปทั่วแน่"นางไม่ต้องการชื่อเสียงระบือไกล อยากได้แค่เงินเท่านั้น"หากชนะรอบตัดสินอีก ก็จะเป็นยอดอัจฉริยะชายและยอดอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่ง อาจารย์ซ่างกวานแห่งแคว้นเย่ของพวกเราคือผู้ชนะอันดับหนึ่งเมื่อครั้งก่อน หลายแคว้นหมายจะชิงตัวเขาไปใช้งาน แต่อาจารย์ซ่างกวานไม่อยากเป็นขุนนาง สุดท้ายแล้วจึงมาเป็นอาจารย์หนุ่มน้อยที่สำนักบัณฑิตหลวงของเรา เหอะๆ เจ้าไม่รู้อะไร ตอนนั้นหลายคนเสียดายมาก""อาจารย์ซ่างกวานได้รับขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสี่อัจฉริยะ แต่ในเมื่อมีสามอันดับแรก ก็ต้องมีใครสักคนเป็นหนึ่งจากการแข่งขันรอบสุดท้ายใช่หรือไม่?""แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะได้รับขนานนามว่าหนึ่งในสี่อัจฉริยะของแผ่นดินหรือ"กู้ชูหน่วนเข้าใจในทันใดดูท่าแล้วอาจารย์ซ่างกวานจะมีของดี"ว่าแต่ เทพหมากล้อมกับเซียนกวี
กู้ชูหน่วนตกตะลึง "หล่อเกินไปแล้วหรือเปล่า"เซียวอวี่เชียนไม่พอใจนัก "แล้วข้าไม่หล่อหรือ?""หล่อ เจ้าก็หล่อ แต่อาจารย์ของข้าหล่อกว่า""นี่ แม่นาง เจ้าคือหานอ๋องเฟยที่ฮ่องเต้วางตัวไว้ หากเทพสงครามรู้ว่าเจ้ามีใจให้ชายอื่น เจ้าไม่กล้วหัวหลุดออกจากบ่าหรือ""ใครๆ ก็ชอบสิ่งสวยงาม""…"ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เซียวอวี่เชียนถึงได้ไม่ชอบให้นางชื่นชมชายอื่น ในใจเจ็บแปลบ เหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่อก"คำนับอาจารย์..."ทุกคนยืนขึ้นทำความเคารพ เอ่ยเสียดังก้องกู้ชูหน่วนยืนขึ้นในทันใด คำนับตามทุกคน ทว่ากลับเห็นองค์หญิงตังตังวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน คลุมผ้าปกปิดใบหน้าเอาไว้ แฝงตัวกับเหล่านักเรียน แม้ว่ากำลังคำนับ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับแอบมองซ่างกวานฉู่ตาไม่กะพริบองค์หญิงเอาแต่ใจเพิ่งถูกเธอสั่งสอนไปเมื่อตอนเช้า ร้องห่มร้องไห้โวยวาย ตอนนี้กลับมาแล้วหรือ?นางชอบอาจารย์ซ่างกวานขนาดนั้นเชียวกู้ชูหน่วนยกยิ้ม อีกฝ่ายกลับมาตัวเปล่า แสดงว่าเธอเดาถูก ฮ่องเต้ต้องการเล่นงานเทพสงคราม แต่เธอนั้นคือพระชายาที่ถูกวางตัวไว้ จึงไม่สามารถลงมือกับเธอได้ในตอนนี้ เพราะอย่างนั้นถึงองค์หญิงตังตังจะฟ้องอะไรก็ไร้ผล"นั่งเถิด
ครั้งนี้ นางใช้โชคเข้าปะทะชีพจรยุทธ ทุกครั้งที่ใกล้จะทะลวงชีพจรยุทธได้สำเร็จ นางจะคว้ายาชำระไขกระดูกจำนวนมากมากินเพื่อเพิ่มพลังงานเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่นางเพิ่งจะเปิดรอยแยกได้ ก็จะปิดลงทันที กู้ชูหน่วนไม่ยอมแพ้ นางทะลวงครั้งแล้วครั้งเล่าไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ ในที่สุดนางก็เปิดชีพจรยุทธได้สำเร็จ"เฮือก......"เลือดสดอีกคำไหลหยดออกมา คนอื่นทะลวงชีพจรยุทธแล้วจะรู้สึกสบายไปทั้งตัว มีพลังงานเต็มเปี่ยม แต่นางกลับเหมือนหนีความตายมาได้ และเกือบเอาชีวิตนางไปกู้ชูหน่วนคราบเลือดติดมุมปาก แต่นางก็แย้มรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมานางพยายามใช้โชคหมุนเวียนพลังงานภายในร่างกาย เปลวไฟกลุ่มหนึ่งในตันเถียนของนางกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และร่างกายของนางก็เบาขึ้นกว่าเดิมมากนางมีพลังภายในแล้ว...... แม้ว่าพลังภายในจะอ่อนแอมากก็ตาม......การเปิดชีพจรยุทธบ่งชี้ว่านางสามารถฝึกวิชายุทธได้แล้วกู้ชูหน่วนหายใจออกมายาวและเปิดตำรารวมสูตรปรุงยาอีกครั้งยายกระดับเป็นยาที่ช่วยเพิ่มพลังภายในอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านหนึ่งขั้นได้กู้ชูหน่วนรู้สึกสนใจขึ้นมา"ชิงเฟิง"ชิงเฟิงทำหน้าบูดบึ้ง "พระชาย
บ่าวรับใช้ในจวนอ๋องกำลังช่วยกันดับไฟ ผมของกู้ชูหน่วนถูกระเบิดจนยุ่งเหยิง ราวกับรังไก่ ชิงเฟิงจัดให้นางไปอยู่ในห้องที่ตกแต่งอย่างสวยงามอีกห้องหนึ่งภายในห้อง กู้ชูหน่วนมองกล่องยาชำระไขกระดูกขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งกังวลและโล่งใจกังวลคือยาชำระไขกระดูกยังห่างไกลจากผลลัพธ์ที่นางต้องการโล่งใจคือในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว"ชิวเอ๋อร์ ไปเฝ้าหน้าประตู ห้ามให้ใครเข้ามา รวมถึงท่านอ๋องด้วย""คุณหนู ท่านจะทำอะไรอีกแล้วหรือเจ้าคะ?"ชิวเอ๋อร์กลัวจนตัวสั่น ชีวิตของคุณหนูเกือบจะจบสิ้นแล้ว นางคงไม่คิดที่จะปรุงยาอีกแล้วใช่หรือไม่"เจ้ารู้อะไร รีบออกไปเถิด""แต่ว่า......"ก่อนที่ชิวเอ๋อร์จะพูดจบ กู้ชูหน่วนก็ผลักนางออกไป แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง หยิบยาชำระไขกระดูกในกล่องตรงหน้ามากินหนึ่งเม็ดความร้อนไหลขึ้นมาจากตันเถียน แต่ชีพจรยุทธไม่เปิดออกเสียทีกู้ชูหน่วนกินอีกหลายเม็ด ความร้อนในตันเถียนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เส้นลมปราณทั้งเจ็ดและแปดเส้นรู้สึกสบาย แต่ชีพจรยุทธยังคงไม่เปิดออกนางขมวดคิ้ว "ใช้สมุนไพรที่คล้ายกันมาทดแทน ผลลัพธ์ก็ยังแตกต่างกันมาก ยาชำระไขกระดูกนี้แย่เกินไป"กู้ชูหน่วนกัดฟัน กลืนยาชำระไขกระ
"พระชายา โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย ข้าน้อยก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น"เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนตั้งใจจะออกไป ชิงเฟิงก็ตกใจและเอ่ยว่า "พระชายา ท่านต้องการไปหายาใช่หรือไม่? หรือว่าท่านจะให้ใบสั่งยาแก่ข้าน้อย แล้วให้ข้าน้อยปหายามาให้""ก็ได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี""ขอรับ"ความเร็วของชิงเฟิงและคนอื่นๆ นั้นรวดเร็วมาก แต่หลังจากกลับมา คำตอบของพวกเขาก็เหมือนกับที่ชิวเอ๋อร์พูดไม่มีผิดเพี้ยน"พระชายา ข้าน้อยได้ไปหาหมอหลวงทุกคนในสำนักหมอหลวงแล้ว พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรในใบสั่งยาของท่านเลย และไม่สามารถหายาเหล่านั้นมาให้ท่านได้"ด้วยความกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะโกรธ ชิงเฟิงจึงหยุดชะงักแล้วเอ่ยต่อทันทีว่า "ข้าน้อยได้พาหมอหลวงจากสำนักหมอหลวง รวมถึงหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาด้วย พระชายาสามารถสอบถามพวกเขาได้โดยตรงเลย"เมื่อโบกมือ หมอจำนวนมากก็เดินเข้ามาทีละคน และทำความเคารพนาง "คารวะพระชายา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พันปี พันๆ ปี""พอเถอะ ข้าขอถามพวกท่าน พวกท่านไม่เคยได้ยินชื่อซานหลิง ซูเหอเซียง การบูร จริงๆ หรือ?""ทูลพระชายา พวกข้าประกอบอาชีพหมอมาหลายสิบปี บรรพบุรุษของพวกข้าก็เป็นหมอเช่นกัน พวกข้าไ
นิ้วเรียวสวยของกู้ชูหน่วนพลิกดูตำรารวมสูตรปรุงยาที่ขาดวิ่นอย่างต่อเนื่อง นางมองอย่างตั้งใจจนลืมตัว และไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่จวนหานอ๋องตั้งแต่เมื่อใด"เย่จิ่งหานล่ะ?" กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้นถามทันทีชิงเฟิงเม้มปาก การต่อสู้ดุเดือดขนาดนั้น พระชายาของเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่?"นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินมาชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียว นายท่านต่อสู้กับเขา และยามนี้ยังอยู่ในป่าไผ่ นายท่านให้ข้าพาพระชายากลับจวนก่อน""อย่างนั้นหรือ สามหมื่นล้านตำลึง ล่อตาล่อใจโจรจริง ๆ แผนที่ไข่มุกสีเขียวต้องได้รับการปกป้องอย่างดี อาจจะเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของจวนหานอ๋องก็ได้นะ" นายน้อยแห่งเผ่าเทียนเฝินบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? เย่จิ่งหานน่าจะรับมือได้เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนพูดเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง คิ้วเข้มของชิงเฟิงก็ขมวดแน่นสิ่งที่นางควรเป็นห่วงไม่ใช่นายท่านหรอกหรือ?"ข้าจะกลับไปศึกษาตำรารวมสูตรปรุงยา บอกบ่าวรับใช้ว่าห้ามใครรบกวนหากไม่มีคำสั่งจากข้า""ขอรับ"ภายในห้อง กู้ชูหน่วนจรดพู่กันเขียนตำรับยาหลายแผ่นอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้ชิวเอ๋อร์ "ไปร้านขายยา ซื้อยาตามตำรับที่ข้าให้มา กลับมามากหน่อย"
กู้ชูหน่วนรับจดหมายเชิญ แล้วเกี่ยวคางของนางอย่างเย้าแหย่ "เมื่อมีสาวงามมาเชิญ เราจะกล้าไม่มาได้อย่างไร วางใจได้ งานประมูลเฟิงเซียงสิ้นเดือนนี้ พวกเราจะไปให้ตรงเวลาแน่นอน""เช่นนั้น เสี่ยวลู่จะรอแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่งานประมูลเฟิงเซียง"หลังออกจากงานประมูลเฟิงเซียง เย่จิ่งหานก็ยังคงทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาระหว่างทางกลับ พวกเขานั่งรถม้าประจำตัวของเย่จิ่งหาน กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่ารถม้าทำจากวัสดุอะไร ภายนอกดูธรรมดา แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวางมาก สามารถดื่มชา เล่นหมากรุก หรือนอนพักผ่อนได้ อีกทั้งยังป้องกันลูกธนูพิษและอาวุธทุกชนิดได้ เมื่อสัมผัสกับรถม้า จะมีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้นตลอดทาง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ ไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดพื้นดินสั่นสะเทือนเป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่าข้างนอกต่อสู้กันดุเดือดเพียงใดกู้ชูหน่วนรู้ว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาเพื่อแย่งชิงแผนที่ไข่มุกสีเขียวของเย่จิ่งหานแต่เมื่อมองไปที่เย่จิ่งหาน เขานั่งจิบชาอ่านหนังสืออย่างสง่างามริมหน้าต่างรถม้า ราวกับไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ภายนอกกู้ชูหน่วนเปิดม่านรถม้าดู ข้างนอกมีแต่แ
อี้เฉินเฟยพิจารณาความหมายในคำพูดของกู้ชูหน่วนอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง ยิ้มอย่างอ่อนโยน "สุภาพบุรุษไม่แย่งชิงสิ่งที่ผู้อื่นชื่นชอบ ในเมื่อแขกชั้นล่างชื่นชอบแผนที่ไข่มุกสีเขียวขนาดนี้ ข้าก็จะไม่แย่งแล้ว"กู้ชูหน่วนลูบปลายคาง คำพูดนี้ฟังดูคุ้นหูเหลือเกิน?แต่อี้เฉินเฟยก็มีสมองขึ้นมาบ้างแล้วสามพันล้าน......จุ จุ จุทรัพย์สมบัติของเย่จิ่งหานถูกสูบไปหมดแล้วใช่หรือไม่"สามพันล้านครั้งที่หนึ่ง สามพันล้านครั้งที่สอง สามพันล้านครั้งที่สาม ขอแสดงความยินดีกับแขกผู้มีเกียรติหมายเลขยี่สิบเก้า ได้รับแผนที่ไข่มุกสีเขียวไปครอง"ทุกคนต่างมองเย่จิ่งหานด้วยความอิจฉาในหมู่พวกเขาบางคนเคยคิดที่จะแย่งชิง แต่ฝ่ายตรงข้ามคือเทพสงครามแห่งแคว้นเย่ พวกเขาจะแย่งชิงได้อย่างไร?เด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเสียดายแล้วเสียดายอีกสามพันล้านสูงเกินไป......น่าเสียดายที่อาจารย์อี้เตรียมการมานาน สุดท้ายก็ยังพลาดการประมูลเจ๋ออ๋องขมขื่นในใจ เดินออกงานประมูลอย่างอ้างว้างหางตาของซ่างกวานฉู่ฉายแววเย็นเยือก มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ายวนคนของเผ่าเทียนเฝินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ "ดำเนินการตามแผนเดิม ต้อง
"อะไรนะ เขาคือเทพสงคราม"ทุกคนต่างถอยหลังด้วยความหวาดกลัว พยายามรักษาระยะห่าง เพราะกลัวว่าเย่จิ่งหานจะลงมือกับพวกเขาหากเป็นคนอื่นที่เสนอราคานี้ พวกเขาคงจะประหลาดใจมาก แต่หากเป็นเทพสงครามที่เสนอราคา ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเพราะเทพสงครามคือบุคคลสำคัญของแคว้นเย่ ทั้งศักยภาพ ความมั่งคั่ง และอิทธิพลของเขายิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้เสียอีกเด็กรับใช้ของอี้เฉินเฟยเอ่ยว่า "อาจารย์อี้ เราจะเพิ่มราคาอีกหรือไม่?"อี้เฉินเฟยเงียบไป ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักมูลค่าอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงยกป้ายขึ้น "หนึ่งพันเจ็ดร้อยล้าน"อะไรนะ......คนในห้องหมายเลขเจ็ดเป็นใครกัน?เพิ่มราคาครั้งละสองร้อยล้านเงินในสายตาพวกเขาเป็นเพียงตัวเลขหรืออย่างไร?เจ๋ออ๋องโยนป้ายทิ้งอย่างหมดแรงจะประมูลไปทำไม ประมูลไปก็เปล่าประโยชน์เขาไม่สามารถประมูลได้แม้แต่เศษเสี้ยวของพวกเขาในชั่วพริบตา เจ๋ออ๋องรู้สึกว่าตนแตกต่างจากพวกเขาอย่างมาก"สองพันล้าน" เย่จิ่งหานเอ่ยชิงเฟิงเหงื่อออกที่ฝ่ามือแม้นายท่านจะมีทรัพย์สมบัติจำนวนมาก แต่การสูญเสียสองพันล้านในคราวเดียวก็ต้องทำให้บาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอนซ่างกวานฉู่หน้าตายไร้อารมณ์ มองไม่ออ
"ห้าร้อยห้าสิบล้านตำลึง" ซ่างกวานฉู่รีบตามมาติดๆการเพิ่มราคาเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น ยามนี้ผู้ที่เสนอราคาคือตัวเอกที่แท้จริงกู้ชูหน่วนรู้ว่าอี้เฉินเฟย ซ่างกวานฉู่ และเย่จิ่งหานจะต้องแข่งขันกันแล้ว แต่ไม่รู้ว่าสามยักษ์ใหญ่เหล่านี้ใครจะเหนือกว่ากัน"หกร้อยล้าน""หกร้อยห้าสิบล้าน""เจ็ดร้อยล้าน"ซี้ดดด......ทั้งงาน นอกจากอี้เฉินเฟยและซ่างกวานฉู่แล้ว ไม่มีใครกล้าเสนอราคาอีกเลยแม้ว่าพวกเขาจะอยากได้ไข่มุกสีเขียวมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถหาเงินมาได้มากขนาดนั้นกู้ชูหน่วนมองไปทางเย่จิ่งหานเจ้าคนนี้มองดูเฉยๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้เสนอราคาเลย หรือว่าเขาตั้งใจจะรอให้อี้เฉินเฟยกับซ่างกวานฉู่สู้กันเสร็จก่อนแล้วค่อยเสนอราคา?เจ็ดร้อยล้านตำลึง นี่ไม่ใช่จำนวนเงินเล็กๆ เลยนะคงจะเทียบเท่ากับเงินทั้งหมดในคลังหลวงกระมังอี้เฉินเฟยเป็นบุคคลสำคัญของแคว้นหวา ทั้งยังเป็นอาจารย์สามของสำนักหยู และยังมีอีกหลายตัวตนที่ไม่เปิดเผย เขามีเงินก็สมเหตุสมผลแต่ซ่างกวานฉู่มีอะไร เขาเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?หรือจะพูดว่าเขามีตัวตนลับหลังอีกมากแค่ไหนกันแน่"เจ็ดร้อยห้าสิบล้านตำลึง" อี
เสียงของพิธีกรเสี่ยวลู่ดังขึ้นอีกครั้ง"สินค้าชิ้นต่อไปที่จะประมูลคือของปิดการประมูลของเราในครั้งนี้ ยังคงเป็นแผนที่ แผนที่สมบูรณ์ ชื่อว่าแผนที่มังกรเขียว"ตู้ม......การประมูลก็ระเบิดขึ้นทันที"เจ้าพูดอะไรนะ แผนที่มังกรเขียว? เป็นแผนที่พบลูกแก้วมังกรสีเขียวใช่หรือไม่?""ใช่ ทุกคนคงรู้ดีว่าลูกแก้วมังกรหมายถึงอะไร มีลูกแก้วมังกรทั้งหมดเจ็ดลูกในโลก ได้แก่ แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน และม่วง หากต้องการค้นหาลูกแก้วมังกร ก็ต้องมีแผนที่""โอ้สวรรค์ ลูกแก้วมังกรในตำนาน รีบกลับไปรวบรวมเงิน แม้ว่าเจ้าจะขายทรัพย์สินทั้งหมดของเจ้า เจ้าก็ต้องรวบรวมเงินทั้งหมด""ท่านพ่อ การขายบ้านทันทีทำได้ยากมาก""เช่นนั้นก็เอาบ้านไปจำนองก่อน แล้วเอาเงินมา""อาฝู รีบกลับไปหาฮูหยินเร็ว และให้ฮูหยินรวบรวมเงินทั้งหมดในบ้านและให้ลูกชายข้าไปยืมเงินทุกที่ที่ทำได้ ยืมให้ได้มากที่สุด คราวนี้เราจะเสี่ยงชีวิตเพื่อประมูลแผนที่ไข่มุกสีเขียว""……"แขกทุกคนในงานประมูลแทบจะให้คนรับใช้กลับไปรวบรวมเงินแม้แต่อัครเสนาบดีกู้ที่ไม่อยากเข้าร่วมการประมูลต่อแล้ว ก็ยังหวั่นไหวอีกครั้งและให้กู้ชูอวิ๋นรีบกลับไป แม้ว่าจะต้อ