"เจ้าว่ามาได้เลย""เมื่อคืนข้านอนไม่ค่อยหลับ ประเดี๋ยวข้าอยากนอนสักงีบ ท่านห้ามลงโทษข้า""ได้ ไม่มีปัญหา"แม่เจ้า ตาเฒ่านี่ ใจเด็ดเสียจริง ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม?เมื่อมองไปที่อาจารย์ซ่างกวานแถวหน้าอีกครั้ง ถึงภายนอกเขาจะดูสงบนิ่ง อ่อนโยนดั่งสายลม แต่เธอรู้ดีว่าจังหวะลมหายใจของซ่างกวานฉู่ถี่รัวขึ้นหลายเท่า เห็นได้ชัดว่าเขาก็อยากฟังกลอนประโยคสุดท้ายเหมือนกันก็ได้ เห็นแก่หนุ่มหล่อ ท่องก็ได้"เถาวัลย์พันเครือ พืชพันธุ์สุกงอม ไกลบ้านยากเข็ญ ดวงใจระส่ำส่าย คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ ใยหนอสวรรค์! ใยทำเช่นนี้?""เยี่ยม... ยอดเยี่ยม... กลอนบทนี้ใช้วิธีซ้ำคำ สะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์ตัดพ้อที่แตกต่างกันสามแบบของตัวเอกต่อการล่มสลายของราชวงค์โจวอ๋อง""อาจารย์ ข้าหลับได้หรือยัง?""เจ้ารู้กลอนนี้ได้อย่างไร?""อ๋อ... บังเอิญเห็นในตำราโบราณเล่มหนึ่ง" เธอไม่ได้โง่เสียหน่อย จะบอกว่าแต่ก่อนเคยท่อนกลอนบทนี้ได้อย่างไร"ตำราโบราณเล่มใด อ่านได้ที่ไหน? ตำราสมัยก่อนมิได้สาบสูญไปหมดแล้วหรือ?""นานมากแล้ว จำไม่ได้ว่าอ่านเจอที่ไหน แต่มิใช่สำนวนต้นฉบับ มีคนแปลมาอีกทีเจ้าค่ะ"ทุกคนพลันกระจ่างแจ้ง
"ไม่ได้ยินที่อาจารย์บอกว่าเป็นประโยคซ้ำคำหรือ?""ประโยคซ้ำคำคืออะไร?""…"กู้ชูหน่วนคิดว่าตัวเองโง่แล้ว แต่พอได้เจอกับเซียวอวี่เชียน เธอก็รู้แล้วว่าตัวเองเก่งแค่ไหน"ยัยขี้เหร่ คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ แปลว่าอะไรหรือ?""ความหมายใกล้เคียงกับ คุ้นเคยเหมือนแปลกหน้า เพียงจอดรถม้าเหมือนดั่งสหายครั้งวันวาน""ยัยขี้เหร่ เจ้าช่วยพูดภาษาคนจะได้ไหม ข้าไม่เข้าใจ"กู้ชูหน่วนชะงักไป อธิบายอย่างไม่สบอารมณ์ "คนบางคนรู้จักกันมาทั้งชีวิต ทว่าไม่รู้แม้กระทั่งอีกฝ่ายเป็นคนเช่นไร คนบางคนเพิ่งเคยพบหน้า แต่กลับรู้ใจกัน คนไม่เข้าใจจะคบหาไปทำไม คนที่เข้าใจกันย่อมรู้ว่าเจ้ารักชังสิ่งใด"เซียวอวี่เชียนพลันกระจ่างแจ้ง "อ๋อ... พวกเราคืออย่างหลังสินะ""ผิด อย่างแรกต่างหาก"รอยยิ้มของเซียวอวี่เชียนชะงักไปหรือว่าพวกเขาไม่มีวาสนาต่อกันขนาดนั้น?คนที่ยังไม่ออกจากห้องเรียนได้ยินคำพูดของกู้ชูหน่วนเจ๋ออ๋องมองนางอย่างสงสัยไม่เจอกันเพียงไม่นาน เหตุใดนางถึงได้เปลี่ยไปเป็นคนละคน?คนไม่รู้หนังสือท่องกลอนคุ้นเคยเหมือนแปลกหน้า เพียงจอดรถม้าเหมือนดั่งสหายครั้งวันวานได้ด้วยหรือ?กู้ชูอวิ๋นประหลาดใจกั
กู้ชูหน่วนจ้องมองใบหน้าบวมแดงของนาง เอ่ยประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายโกรธจนแทบบ้า "อืม คราวนี้ค่อยสมมาตรกันหน่อย"แค้นนัก...องค์หญิงตังตังเดือดจนอกแทบระเบิด แผดเสียงลั่น "มัวนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบจับตัวกู้ชูหน่วนอีก ข้าจะให้นางต้องร้องขอชีวิต ให้นางต้องนึกเสียใจที่เกิดมาไปตลอดชาติ"เหล่าองครักษ์ล้อมกู้ชูหน่วนเอาไว้ทุกคนเป็นห่วงกู้ชูหน่วนอย่างอดไม่ได้แต่กู้ชูหน่วนราวกับไม่สนใจ กลับกันยังยิ้มเอ่ยเสียงเนิบ "ข้าคือน้าสะใภ้ขององค์หญิง น้าสะใภ้จะสั่งสอนหลานสาวสักหน่อย ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว พวกเจ้ากล้าจับตัวข้าหรือ? ได้ เช่นนั้นเราไปหาท่านอ๋องเทพสงครามกัน แล้วนับญาติกันให้ชัดเจน"ท่านอ๋องเทพสงครามคือบุคคลต้องห้าม เหล่าองครักษ์ไม่กล้าขยับตัวยิ่งไปกว่านั้นกู้ชูหน่วนเน้นย้ำคำว่านับญาติ พวกเขาจะกล้าไปยุ่งเรื่องนับญาติในราชวงศ์ได้อย่างไรองค์หญิงตังตังกระทืบเท้าตึงตัง "กู้ชูหน่วน เจ้ามันหน้าไม่อาย เสด็จน้าข้าพูดเมื่อใดว่าจะแต่งงานกับเจ้า""แปลกนัก ราชโองการมิใช่เสด็จพี่ของเจ้าเป็นผู้รับสั่งหรอกหรือ? เทพสงครามจะไม่แต่งงานกับข้างั้นหรือ? เช่นนั้นก็ได้ เจ้าก็บอกให้เสด็จพี่ของเจ้ายกเลิกร
"สองบวกสอง เท่ากับมิใช่สอง"ทุกคนปาดเหงื่อ นี่มันคำถามอะไร?เซียวอวี่เชียนไม่ยอม "นี่เจ้าเล่นคำนี่?""ข้าจะเล่นคำได้อย่างไร? คำถามทดสอบลูกพี่ทั้งทีต้องมีไหวพริบหน่อยมิใช่รึ? ที่ข้าตอนนี้กำลังทดสอบเจ้าอยู่นั้นเป็นการช่วยพัฒนาสมองนะ""ไม่สิๆ ต้องไม่ใช่แบบนั้น""ข้าถามเจ้า อาจารย์สวีมิใส่สองใช่หรือไม่?""ใช่สิ""เจ๋ออ๋องเองก็มิใช่สองใช่หรือไม่?""ใช่สิ""เช่นนั้นพวกเขารวมกัน มิใช่สองมิถูกหรือไม่?"แววตาของเจ๋ออ๋องเดือดพล่าน สะบัดแขนเสื้อเดินหนีไปหากมิใช่เขาถอนหมั้นโดยไม่มีเหตุผล คงไม่ถูกฮ่องเต้และเสด็จแม่ตำหนิ ทั้งยังถูกสั่งห้ามมิให้เขาก่อเรื่อง ไม่เช่นนั้นละก็ป่านนี้เขาคงตะเพิดนางไปแล้ว ไม่ปล่อยให้นางลอยหน้าลอยตาหรอกกู้ชูหลันชอบเจ๋ออ๋อง เหมือนเห็นดังนั้นจึงรีบตามไปเซียวอวี่เชียนมึนงงที่กู้ชูหน่วนพูดเหมือนจะไม่ผิด แต่ก็เหมือนจะผิด"คำถามที่สอง อาจารย์ซ่างกวานบวกเจ๋ออ๋องเป็นเท่าไหร่?""ฮะ... นี่มันคำถามอะไร""ก็คำถามนั่นแหละน่า"ชิวเอ๋อร์ป้องปากหัวเราะอย่างอดไม่ได้คุณหนูแกล้งคนเก่งนักนั่นไม่ใช่คำถามด้วยซ้ำ ท่านชายเซียวจะตอบได้อย่างไรเป็นไปตามคาด เซียวอวี่เชียนตอ
เซียวอวี่เชียนสะบัดแขนนางที่กอดคอออก ควักเงินห้าร้อยตำลึงออกมาจากอกเสื้อแล้วโยนให้ด้วยใบหน้าบึ้งตึงเอ่ยร้องทุกข์ "ห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเชียนเชียน พี่ใหญ่ข้ามีหน้ามีตาในสำนักบัณฑิตหลวง หากคนอื่นได้ยินเข้า จะเหมาะสมหรือ?""ไม่เรียกเสี่ยวเชียนเชียนก็ได้ เช่นนั้นเจ้าเอามาอีกห้าร้อยตำลึง"เซียวอวี่เชียนล้วงเงิน ก่อนจะเห็นเงินห้าร้อยตำลึงสุดท้ายที่มีติดตัวแล้วก็รู้สึกปวดใจกู้ชูหน่วนแย่งเงินมา นับเงินอย่างคล่องแคล่ว ยกยิ้มพึงพอใจ"เสี่ยวเชียนเชียนเป็นเด็กดีนัก วันหน้าพี่จะเอ็นดูเจ้าให้มาก""…"ไม่ใช่แค่เซียวอวี่เชียนที่ตกตะลึง แม้แต่ชิวเอ๋อร์ยังทำตัวไม่ถูกเอ็นดูเจ้าให้มาก?นางเป็นหญิง เหตุใดถึงกล้าพูดจาเช่นนี้ยิ่งเห็นท่าทียามเดินผิวปากออกไปอย่างลิงโลด พวกเขาก็ขนลุกชูชันไปทั้งตัวเซียวอวี่เชียนมุมปากกระตุก ตะโกนลั่นอย่างขุ่นเคือง "บอกแล้วอย่างไรเล่าว่าห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเชียนเชียน""รู้แล้วน่า เสี่ยวเชียนเชียน"ให้ตายสิหญิงผู้นี้จงใจแกล้งเขาให้อกแตกตายสินะ?ชิวเอ๋อร์ปาดเหงื่อ รีบวิ่งตามติด"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่ท่านทำเกินไปหรือไม่ เพิ่งเข้าเรียนในสำนักบัณฑิตก็มีเรื่องกั
หลังจากหญิงผู้นั้นทำให้เจ้านายต้องแปดเปื้อน อารมณ์ของเจ้านายก็ยิ่งแปรปรวน บ่าวที่คอยปรนนิบัติถูกตัดหัวไปแล้วไม่รู้กี่คนทว่าสูตรยาที่หญิงนางนั้นให้มาได้ผลดียิ่งนักอาการพิษกำเริบของเจ้านาย ตั้งแต่เริ่มใช้สูตรยาของนาง อาการกลับดีขึ้นมากจริงๆ ไม่ได้ทรมานเหมือนแต่ก่อนแล้วหากจับตัวหญิงนางนั้นมาได้ บางที่อาจจะรักษาพิษที่เจ้านายโดนได้หายขาด"นายท่าน เรื่องการแต่งงาน พวกเราจะล้มเลิกหรือไม่?"ได้ยินดังนั้น เย่จิ่งหานก็เผยยิ้มร้าย รอบกายแผ่นรังสีทรงอำนาจ ราวกับกษัตริย์จากสวรรค์ผู้ควบคุมทุกสรรพสิ่ง"กล้าเล่นงานข้า ย่อมรู้ว่าต้องต้านทานไฟโกรธของข้าได้"เอ่อ..แล้วเรื่องแต่งงานจะล้มเลิกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?ฮ่องเต้แสร้งไม่รู้ไม่เห็น ไม่กล้าแม้แต่จะมีเรื่องกับนายท่านด้วยอำนาจของนายท่าน เพียงแต่ขยับนิ้ว ก็สามารถทำให้พระองค์กลิ้งตกจากบัลลังก์ได้คุณหนูสามตระกูลกู้เป็นหญิงอัปลักษณ์ที่เลื่องชื่อไปทั่วแคว้นเย่ ให้นายท่านแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์เช่นนั้น หากมิใช่หยามเกียรตินายท่านแล้วจะเรียกว่าอะไร?ชิงเฟิงคิดว่าเย่จิ่งหานต้องล้มการแต่งงานครั้งนี้แน่นอนคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทอดสายตามองไปทางที่กู้
"เอ่อ...จะให้ข้าเรียกยัยขี้เหร่ชื่อเสียงอื้อฉาวนั่นว่าพี่ใหญ่หรือ คงจะ...""พั๊วะ..."เซียวอวี่เชียนยกเท้าถีบอีกครั้ง เอ่ยเสียงเดือดดาล "ใครกล้าด่าว่านางโง่เง่า คอยดูข้าสั่งสอนเขา อีกอย่างบนโลกนี้มีเพียงข้าคนเดียวที่เรียกนางว่ายัยขี้เหร่ได้ หากพวกเจ้ากล้าดูหมิ่นนางอีก ระวังหัวเจ้าไว้"กู้ชูหน่วนมุมปากยกยิ้มดีใจนางกอดคอเพื่อนรัก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เสี่ยวเชียนเชียนเป็นเด็กดี รู้จักปกป้องพี่ใหญ่""ไปไกลๆ อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นคุณหนูตระกูลขุนนาง เกาะแกะข้าเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ""เซียวอวี่เชียน ในสายตาของเจ้าเคยมีเรื่องเหมาะสมด้วยหรือ"เซียวอวี่เชียนยอมรับ ว่าฝีปากของเขาเทียบกู้ชูหน่วนไม่ได้เลย ต่อปากต่อคำกับนาง แม้แต่คนตายยังฟื้นขึ้นมาเพราะโมโหเซียวอวี่เชียนสู้กู้ชูหน่วนไม่ไหว จึงทำได้เพียงระบายอารมณ์กับเหล่าคุณชาย"มัวนิ่งอะไรอยู่ รีบเรียกพี่ใหญ่สิ""เอ่อ..."เหล่าท่านชายหน้ามุ่ย มองเซียวอวี่เชียนด้วยสายตาอ้อนวอน แต่เซียวอวี่เชียนยังคงดึงดัน พวกเขาจึงต้องจำใจเรียก "ลูกพี่""ว่าไง"กู้ชูหน่วนขานรับอย่างไม่ถ่อมตัวเธอรู้ว่าเซียวอวี่เชียนปากร้ายแต่ใจดี เพราะเขากลัวว่าบรรดาคุณชา
เอ่อ...ทุกคนตามความคิดนางไม่ทันคนที่เข้ามาเรียนสำนักบัณฑิตหลวงได้ ยังสนใจเงินรางวัลอีกหรือ?เซียวอวี่เชียนบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ "หากเจ้าเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ ฮ่องเต้ต้องตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม" แค่เศษเงินก้นไห แต่คุณหนูสามสายหลักกลับตาลุกวาวหลิ่วเยว่ยิ้มเอ่ย "หากเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ คงเลื่องชื่อไปทั่วแน่"นางไม่ต้องการชื่อเสียงระบือไกล อยากได้แค่เงินเท่านั้น"หากชนะรอบตัดสินอีก ก็จะเป็นยอดอัจฉริยะชายและยอดอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่ง อาจารย์ซ่างกวานแห่งแคว้นเย่ของพวกเราคือผู้ชนะอันดับหนึ่งเมื่อครั้งก่อน หลายแคว้นหมายจะชิงตัวเขาไปใช้งาน แต่อาจารย์ซ่างกวานไม่อยากเป็นขุนนาง สุดท้ายแล้วจึงมาเป็นอาจารย์หนุ่มน้อยที่สำนักบัณฑิตหลวงของเรา เหอะๆ เจ้าไม่รู้อะไร ตอนนั้นหลายคนเสียดายมาก""อาจารย์ซ่างกวานได้รับขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสี่อัจฉริยะ แต่ในเมื่อมีสามอันดับแรก ก็ต้องมีใครสักคนเป็นหนึ่งจากการแข่งขันรอบสุดท้ายใช่หรือไม่?""แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะได้รับขนานนามว่าหนึ่งในสี่อัจฉริยะของแผ่นดินหรือ"กู้ชูหน่วนเข้าใจในทันใดดูท่าแล้วอาจารย์ซ่างกวานจะมีของดี"ว่าแต่ เทพหมากล้อมกับเซียนกวี
ชายแคระปากบอกว่าได้ แต่ดาบในมือกลับฟาดแรงขึ้นทุกที ร้องเสียงดังลั่นด้วยน้ำเสียงหยาบกร้าน“หนุ่มน้อย นางผู้นี้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าถึงได้ปกป้องนางด้วยชีวิตเช่นนี้?”เด็กหนุ่มไม่ตอบ เพียงแต่ตั้งสมาธิรับมือการต่อสู้แต่หญิงวัยกลางคนกลับหัวเราะคิกคักตอบว่า “เขาเป็นของข้า จะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับยัยขี้เหร่เล่า มากสุดก็แค่อยากได้กระดิ่งภินวิญญาณเท่านั้น”“ของที่พวกข้าเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานต้องการ เจ้าก็กล้าแย่ง? กล้ามากเลยนะ”"ปัง..."ดาบโจมตีไม่โดนเด็กหนุ่ม แต่กลับผ่ากำแพงดินหลังเด็กหนุ่มออกเป็นสองท่อน กำแพงดินที่แข็งแกร่งพังทลายลงจนเสียงดังกึกก้อง“เจ้าห้า หลังจากวันนี้ไป เขาอาจเป็นคนของพวกเราเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน เจ้าลงมือเบาหน่อย อย่าทำร้ายเขาจนพิการ”“รู้แล้ว รำคาญเสียจริง”กู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างๆ มองการต่อสู้ในสนามด้วยท่าทีผ่อนคลายชายแคระมีกำลังมาก มีพลังภายในแก่กล้า และลงมือด้วยกำลังอันป่าเถื่อน ส่วนเด็กหนุ่มกลับมีดวงตาเย็นชาและสงบนิ่ง มือเล็กยกขึ้นเบาๆ เสียงพิณกระทบกับดาบ ทุกครั้งที่พุ่งชนกัน ดาบราวกับวัวตกลงไปในทะเลโคลน อ่อนปวกเปียก ไม่ว่าจะฟาดอย่างไรก็ไม่โดนเด็กหนุ่
กู้ชูหน่วนและเด็กหนุ่มชุดดำถูกกลุ่มคนล้อมไว้ พูดให้ถูกคือ กู้ชูหน่วนถูกพวกเขาล้อมไว้ แต่เนื่องจากเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ นางจึงติดร่างแหไปด้วย พวกที่ล้อมพวกเขามีถึงหลายสิบคน ทุกคนสวมชุดดำปิดบังใบหน้า ถือเคียว และมีสายตาที่ไม่เป็นมิตรหัวหน้าคือชายแคระตัวเตี้ยกับหญิงวัยกลางคนผู้เย้ายวนหญิงวัยกลางคนผู้เย้ายวนส่งสายตามองเด็กหนุ่มอย่างเร้าร้อน "โอ้ หนุ่มน้อย แค่มองรูปร่างของเจ้า ข้าก็น้ำลายไหลแล้ว อยากจะให้เจ้าถอดหน้ากากออก แล้วให้ข้าได้ดูแลเจ้าดีหรือไม่""เจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซาน" เด็กหนุ่มค่อยๆ เอ่ย"เจ้าตาดีไม่เบา พวกเราหลบซ่อนอยู่ในเขาอินซานมานานหลายปี ไม่คิดว่าจะมีใครจำพวกเราได้""แล้วอีกสองคนล่ะ""แค่พวกเจ้าสองคน ไม่จำเป็นต้องใช้พวกเราทั้งสี่คนหรอก" ชายแคระแบกดาบใหญ่ ดาบนั้นสูงกว่าตัวเขา ทำให้ดูไม่สมส่วนเขาเสียงดัง หน้าตาอัปลักษ์ ตาโปน ราวกับเป็นดวงตาของปลาตาย แต่ร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวกู้ชูหน่วนพยายามค้นหาความทรงจำในสมองของนาง นางพอจะจำได้เลือนลางเจ็ดปีศาจแห่งเขาอินซานมีเจ็ดคน แต่ละคนวิทยายุทธเก่งกาจและโหดเหี้ยมมาก พวกเขาฆ่าคนเป็นว่าเล่น เมื่อหล
กู้ชูหน่วนเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านตีเหล็กกลางเมืองหลวง ริมฝีปากยกขึ้นยิ้มอย่างเกียจคร้านราวกับกำลังพูดกับตนเอง“คืนนี้มืดมิดเงียบสงบ ไม่มีใครอยู่รอบข้าง ใต้เท้าจะไม่ออกมา หรือว่าจะให้ข้าพากลับบ้านไปต้มหม้อไฟดี?”ในความมืดมิด ปรากฏเด็กหนุ่มสวมหน้ากากดำถือพิณเดินออกมาอย่างช้าๆ ร่างกายเปล่งประกายด้วยความเย็นชาเด็กหนุ่มวัยยังน้อย รูปร่างสูงโปร่งสมส่วน โดยเฉพาะชุดรัดรูปที่สวมใส่ ทำให้เห็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเขาอย่างชัดเจนหลังของเขาแบกพิณสีดำสนิท ดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่งท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมืดออกมาเพื่อลอบสังหาร แล้วยังแบกพิณมาด้วย คนผู้นี้ช่างมีรสนิยมจริงๆกู้ชูหน่วนพิจารณาเขาอย่างละเอียด รู้สึกว่าดูคุ้นตานางกะพริบตาปริบๆ ยิ้มเอ่ยว่า “หนุ่มน้อย รูปร่างดีจริงๆ ไม่รู้ว่าหน้าตาจะหล่อเหลาแค่ไหน หากว่าหล่อจริง ข้าอาจจะยอมให้จีบก็ได้นะ”เด็กหนุ่มหน้าตายเอ่ยเพียงประโยคเดียวว่า “ข้าต้องการเพียงกระดิ่งภินวิญญาณ”“เช่นนั้นเจ้าบอกข้าทีว่า เจ้าต้องการกระดิ่งภินวิญญาณไปทำไม หรือจะตอบว่ากระดิ่งภินวิญญาณนี้มีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้นะ หากคำตอบของเจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าจะมอบมันให้เจ้า”“ข้าต้องการเพียงแ
"ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง..."อาวุธลับฝังเข้าไปในผนัง ลึกเข้าไปในเนื้อไม้สามส่วน เซียวอวี่เชียนสะดุ้งจนคอหดอาวุธลับนี้ หากโดนคนเข้าล่ะก็ คงทะลุร่างแน่นอน"ใคร? ใครลอบโจมตี?" เซียวอวี่เชียนตะโกนลั่นสำนักบัณฑิตหลวงมียอดีมือคอยปกป้องจำนวนมากเช่นนี้ ยังมีคนแอบเข้ามาฆ่าคนได้อีกหรือ? ช่างจองหองเกินไปแล้วกู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว กำกระดิ่งภินวิญญาณในมือแน่นโดยไม่รู้ตัวนางแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและยิ้มเอ่ยว่า "ก็แค่พวกโจรขโมยชั้นต่ำ พวกเขาคงเห็นว่าข้าชนะการเดิมพันมามาก เลยเกิดความโลภน่ะ"เซียวอวี่เชียนแม้จะเจ้าสำราญไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้โง่อาวุธลับสามสิบแปดเล่มนั้นมาพร้อมกับกระบวนท่าสังหาร ผู้มาเยือนไม่ได้คิดจะปล่อยให้ยัยขี้เหร่มีชีวิตอยู่และที่นี่คือสำนักบัณฑิตหลวงแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วที่นี่จะดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า รอบๆ สำนักบัณฑิตหลวงมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่จำนวนมากเมื่อใดก็ตามที่มีคนคุกคามชีวิตนักเรียน เหล่าองครักษ์ลับก็จะออกมาปกป้องทันที"ยัยขี้เหร่ พวกโจรขโมยทั่วไปไม่มีวิทยายุทธตัวเบาที่เก่งกาจเพียงนี้หรอก ข้าว่าพวกเขาต้องการเอาชีวิตเจ้านะ""เอาชีวิตอะไรเล่า ข้าไม่ได้ล่วงเกินใครซัก
ทุกคนต่างถือว่ากระดิ่งภินวิญญาณเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่มีใครคิดจะทุบมัน แต่กู้ชูหน่วนกลับคิดนอกกรอบทุบไปหนึ่งทียังไม่แตกกู้ชูหน่วนจึงทุบซ้ำไปซ้ำมาหลายหน แต่ก็ยังไม่แตกจนสุดท้ายนางก็เหนื่อยหอบ"กระดิ่งอะไรเนี่ย แข็งมาก ทุบเท่าไหร่ก็ไม่แตกซักที"เมื่อการทุบกระดิ่งไม่ได้ผล กู้ชูหน่วนก็ลองใช้วิธีอื่นดู เผาด้วยไฟ ลวกด้วยน้ำ แช่ด้วยยา แต่ก็ไม่มีวิธีใดได้ผลกับกระดิ่งภินวิญญาณเลยสักวิธีเดียวไม่รู้ว่ากระดิ่งภินวิญญาณทำมาจากอะไร ถึงได้แข็งแกร่งทนทานขนาดนี้ ไม่ว่าจะใช้ดาบหรือหอกก็ทำอะไรไม่ได้แม้แต่หยกจันทร์เสี้ยว ไม่ว่าจะตรวจสอบอย่างไรก็หาคำตอบไม่ได้กู้ชูหน่วนเริ่มโมโห นางจึงหยิบอิฐขึ้นมา ตั้งใจจะทุบหยกจันทร์เสี้ยวเพื่อดูโครงสร้างภายในแต่หยกชิ้นนี้มีค่าถึงห้าสิบล้านตำลึง นางจึงลังเลใจ ทำให้มือที่ถืออิฐสั่นเทาหากไม่มีสิ่งใดอยู่ภายในหยก หรือหากหยกแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ เงินห้าสิบล้านตำลึงของนางก็จะสูญเปล่าขณะนี้กู้ชูหน่วนถึงได้เข้าใจว่ายามนั้นไทเฮาต้องรู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใด"ตุ้บ..."นางกัดฟัน ก่อนจะเหวี่ยงอิฐก้อนใหญ่ทุบลงไปบนหยกอย่างแรง จนหยกงดงามแตกละเอียดหยกจันทร์เสี้ยวแตกแล้ว
เซียวอวี่เชียนกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก “ในแคว้นเย่ของเรามีเขาสวินหลงแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีของวิเศษขั้นต่ำและขั้นกลางอยู่ไม่น้อย หากโชคดีอาจได้ของวิเศษขั้นสูงด้วย มุกอุ่นประภพของเจ้าสำนักก็ได้มาจากเขาสวินหลงนี่แหละ”"แล้วอย่างไรต่อ?"“ใครที่เข้าไปในนั้นแล้วหาสมบัติอะไรเจอ สมบัตินั้นก็จะเป็นของคนผู้นั้นแต่การจะได้สิทธิเข้าไปใเขาสวินหลงนั้นยากมาก แน่นอนว่า คนของสำนักบัณฑิตหลวงอย่างพวกเรามีสิทธิพิเศษที่จะได้เข้าไปก่อนอยู่แล้ว นี่แหละคือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หลายคนอยากเข้ามาเรียนในสำนักบัณฑิตหลวง”แม้เซียวอวี่เชียนจะพูดเพียงไม่กี่ประโยค แต่กู้ชูหน่วนก็พอจะเข้าใจว่างานสวินหลงไม่ง่ายอย่างที่คิดใครได้สมบัติไป สมบัติก็จะตกเป็นของคนผู้นั้น?แต่ก็ต้องรอดชีวิตออกมาจากการแข่งขันให้ได้เสียก่อนการเข่นฆ่าเพื่อแย่งชิงสมบัติก็เกิดขึ้นบ่อยครั้งของวิเศษราคาสูงอย่างนั้นหรือ?กู้ชูหน่วนลูบคางพลางเกิดความสนใจขึ้นมาหากล่าสมบัติแบบเดียวกับมุกอุ่นประภพได้ ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ก็สามารถใช้รักษาได้ ดูเหมือนจะดีไม่น้อยเลยหลังเลิกเรียน ทุกคนต่างแยกย้ายกันไป เหลือเพียงกู้ชูหน่วนกับเซียวอวี่เช
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้ชูหน่วนแทบอยากตบเขาให้ตายนางใช้หลักการของรูเล็กเป็นกระจก ส่องแสงจากระยะไกลไปยังช่องหน้าต่าง เซียวอวี่เชียนเพียงแค่วางหมากตามตำแหน่งของช่องหน้าต่าง ก็สามารถเอาชนะเทพหมากล้อมได้อย่างง่ายดายแต่เขากลับเดินพลาดได้แม้แต่ทำตามช่องหน้าต่างกู้ชูหน่วนสงสัยอย่างมากว่าเขาเข้าใจคณิตศาสตร์หรือไม่หากไม่ใช่เพราะนางฉลาดกว่าคนอื่น และวางแผนล่วงหน้าไว้หลายชั้นในการเดินหมากแต่ละครั้ง นางคงแพ้ไปแล้วครั้งนี้แม้จะชนะ แต่ก็ใช้เวลาของนางไปมากจนแทบทำให้สมองของนางหมดแรงไปด้วยหลิ่วเยว่และอวี๋ฮุยเข้ามาล้อมรอบ "พี่ใหญ่ วิชาหมากของพี่เก่งเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน"เซียวอวี่เชียนหัวเราะอย่างได้ใจ "ก็แค่วางหมาก ข้าหลับตาก็เอาชนะเทพหมากล้อมได้แล้ว"เทพหมากล้อมเดินออกมาด้วยสีหน้าห่อเหี่ยวแพ้ให้กับอาจารย์ก็ยังพอรับได้ แต่ทำไมถึงแพ้ให้กับเซียวอวี่เชียนหนุ่มเจ้าสำราญผู้นี้ด้วย?หรือว่าหมากของเขาจะแย่มากจริงๆ?วิชาหมากที่เคยภาคภูมิใจ ในสายตาของเทพหมากล้อมยามนี้กลายเป็นเรื่องตลกไปเสียแล้ว"ท่านอาจารย์..."กู้ชูหน่วนรีบห้ามไว้ "เจ้าแพ้แล้ว ฉะนั้นการเดิมพันของเราจึงมีผลตั้งแต่บัดนี้เป
ไทเฮาตกใจหน้าซีดเกือบล้มหน้าคว่ำ โชคดีที่มีขันทีคอยประคองไว้ใบหน้าของนางแดงบ้างซีดบ้าง ชั่วครู่ใหญ่ก็พูดไม่ออกสักคำองค์หญิงตังตังโกรธจัดตะโกนว่า “กู้ชูหน่วน เจ้าโกง! ข้าไม่ยอมรับผลการแข่งขันรอบนี้!”กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นงุนงง “ข้าโกงตรงไหน? ห้องนั้นมีคนของพวกท่านเฝ้าอยู่ตั้งหลายชั้น จะให้ข้าบินเข้าไปหรือ นอกจากเข้าห้องส้วม ข้าก็อยู่แต่ลานกว้างมาตลอด มีคนของสำนักบัณฑิตเห็นเต็มไปหมด ท่านคิดว่าข้ามีวิชาแปลงร่างที่จะไปสอนเซียวอวี่เชียนเล่นหมากล้อมได้รึอย่างไร”"เจ้า...""หรือว่าเมื่อพวกท่านแพ้แล้วจึงจะเบี้ยวหนี้? ไทเฮาทรงเป็นแม่ของปวงประชาทั้งแผ่นดิน ทรงเป็นแม่แห่งแคว้น บุคคลสำคัญอย่างท่านจะมาเบี้ยวหนี้ได้อย่างไร องค์หญิงตังตังกำลังใส่ร้ายป้ายสีท่าน มีเจตนาที่จะทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงนะเพคะ"กู้ชูหน่วนพูดรัวเร็วเป็นชุด คำพูดทุกคำล้วนเกี่ยวข้องกับความเห็นชอบของปวงประชาและแผ่นดิน ถึงแม้ว่าไทเฮาอยากจะกลับคำ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธได้ จึงจำต้องยอมแพ้ และตกลงที่จะมอบเงินห้าสิบล้านตำลึงให้แก่กู้ชูหน่วนองค์หญิงตังตังโกรธจนแทบหมดสติ "เสด็จแม่ นั่นเงินห้าสิบล้านตำลึงเชียวนะเพคะ เ
หลิ่วเยว่และอวี๋ฮุยหายใจออกยาวๆยังดี ยังดี น่าจะรักษาเงินห้าสิบล้านตำลึงไว้ได้เยี่ยเฟิงและเจ้าสำนักหันมองตำแหน่งที่กู้ชูหน่วนเคยยืนพร้อมกัน ยามนี้ที่นั่นไม่มีใครอยู่แล้วทั้งสองคนรู้ดีว่ากู้ชูหน่วนคงจะโกงแน่ แต่ก็ไม่รู้ว่านางโกงได้อย่างไร“คุณหนูสามอยู่ที่ใดกัน นางไปห้องส้วมทำไมนานขนาดนั้น”ไทเฮาแม้จะกังวลผลลัพธ์ แต่ก็ยังคงจับตามองกู้ชูหน่วนอยู่ตลอด เกรงว่ากู้ชูหน่วนจะโกงขันทีคนหนึ่งกระซิบข้างๆ ว่า “กราบทูลไทเฮา คุณหนูสามออกมาจากห้องส้วมก็มานั่งรออยู่ที่ประตู บอกว่าในห้องโถงมีคนมากเกินไป นางรู้สึกอึดอัด”“นางมีส่วนช่วยโกงหรือไม่”“น่าจะไม่พ่ะย่ะค่ะ บ่าวได้ทำตามคำสั่งของไทเฮา ไม่ให้คุณหนูสามเข้าใกล้ประตูบานนั้นเกินสองจั้ง และนอกประตูนั้นก็มีคนของเราแฝงตัวอยู่จำนวนมาก คุณหนูสามเข้าไปไม่ได้แน่นอน”“ตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง ดูสิว่านางมีการส่งข่าวอะไรเข้าไปหรือไม่”"พ่ะย่ะค่ะ"จิตใจของไทเฮาเริ่มไม่สงบ เพราะเทพหมากล้อมถอยหนีไม่หยุดและ...จากตำแหน่งของนาง สามารถมองเห็นฉากที่เซียวอวี่เชียนกำลังลงแข่งกับเทพหมากล้อมหมากได้อย่างชัดเจนเซียวอวี่เชียนดูสงบเยือกเย็น ใบหน้าเปี่ยมด้