"เจ้าว่ามาได้เลย""เมื่อคืนข้านอนไม่ค่อยหลับ ประเดี๋ยวข้าอยากนอนสักงีบ ท่านห้ามลงโทษข้า""ได้ ไม่มีปัญหา"แม่เจ้า ตาเฒ่านี่ ใจเด็ดเสียจริง ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม?เมื่อมองไปที่อาจารย์ซ่างกวานแถวหน้าอีกครั้ง ถึงภายนอกเขาจะดูสงบนิ่ง อ่อนโยนดั่งสายลม แต่เธอรู้ดีว่าจังหวะลมหายใจของซ่างกวานฉู่ถี่รัวขึ้นหลายเท่า เห็นได้ชัดว่าเขาก็อยากฟังกลอนประโยคสุดท้ายเหมือนกันก็ได้ เห็นแก่หนุ่มหล่อ ท่องก็ได้"เถาวัลย์พันเครือ พืชพันธุ์สุกงอม ไกลบ้านยากเข็ญ ดวงใจระส่ำส่าย คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ ใยหนอสวรรค์! ใยทำเช่นนี้?""เยี่ยม... ยอดเยี่ยม... กลอนบทนี้ใช้วิธีซ้ำคำ สะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์ตัดพ้อที่แตกต่างกันสามแบบของตัวเอกต่อการล่มสลายของราชวงค์โจวอ๋อง""อาจารย์ ข้าหลับได้หรือยัง?""เจ้ารู้กลอนนี้ได้อย่างไร?""อ๋อ... บังเอิญเห็นในตำราโบราณเล่มหนึ่ง" เธอไม่ได้โง่เสียหน่อย จะบอกว่าแต่ก่อนเคยท่อนกลอนบทนี้ได้อย่างไร"ตำราโบราณเล่มใด อ่านได้ที่ไหน? ตำราสมัยก่อนมิได้สาบสูญไปหมดแล้วหรือ?""นานมากแล้ว จำไม่ได้ว่าอ่านเจอที่ไหน แต่มิใช่สำนวนต้นฉบับ มีคนแปลมาอีกทีเจ้าค่ะ"ทุกคนพลันกระจ่างแจ้ง
"ไม่ได้ยินที่อาจารย์บอกว่าเป็นประโยคซ้ำคำหรือ?""ประโยคซ้ำคำคืออะไร?""…"กู้ชูหน่วนคิดว่าตัวเองโง่แล้ว แต่พอได้เจอกับเซียวอวี่เชียน เธอก็รู้แล้วว่าตัวเองเก่งแค่ไหน"ยัยขี้เหร่ คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ แปลว่าอะไรหรือ?""ความหมายใกล้เคียงกับ คุ้นเคยเหมือนแปลกหน้า เพียงจอดรถม้าเหมือนดั่งสหายครั้งวันวาน""ยัยขี้เหร่ เจ้าช่วยพูดภาษาคนจะได้ไหม ข้าไม่เข้าใจ"กู้ชูหน่วนชะงักไป อธิบายอย่างไม่สบอารมณ์ "คนบางคนรู้จักกันมาทั้งชีวิต ทว่าไม่รู้แม้กระทั่งอีกฝ่ายเป็นคนเช่นไร คนบางคนเพิ่งเคยพบหน้า แต่กลับรู้ใจกัน คนไม่เข้าใจจะคบหาไปทำไม คนที่เข้าใจกันย่อมรู้ว่าเจ้ารักชังสิ่งใด"เซียวอวี่เชียนพลันกระจ่างแจ้ง "อ๋อ... พวกเราคืออย่างหลังสินะ""ผิด อย่างแรกต่างหาก"รอยยิ้มของเซียวอวี่เชียนชะงักไปหรือว่าพวกเขาไม่มีวาสนาต่อกันขนาดนั้น?คนที่ยังไม่ออกจากห้องเรียนได้ยินคำพูดของกู้ชูหน่วนเจ๋ออ๋องมองนางอย่างสงสัยไม่เจอกันเพียงไม่นาน เหตุใดนางถึงได้เปลี่ยไปเป็นคนละคน?คนไม่รู้หนังสือท่องกลอนคุ้นเคยเหมือนแปลกหน้า เพียงจอดรถม้าเหมือนดั่งสหายครั้งวันวานได้ด้วยหรือ?กู้ชูอวิ๋นประหลาดใจกั
กู้ชูหน่วนจ้องมองใบหน้าบวมแดงของนาง เอ่ยประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายโกรธจนแทบบ้า "อืม คราวนี้ค่อยสมมาตรกันหน่อย"แค้นนัก...องค์หญิงตังตังเดือดจนอกแทบระเบิด แผดเสียงลั่น "มัวนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบจับตัวกู้ชูหน่วนอีก ข้าจะให้นางต้องร้องขอชีวิต ให้นางต้องนึกเสียใจที่เกิดมาไปตลอดชาติ"เหล่าองครักษ์ล้อมกู้ชูหน่วนเอาไว้ทุกคนเป็นห่วงกู้ชูหน่วนอย่างอดไม่ได้แต่กู้ชูหน่วนราวกับไม่สนใจ กลับกันยังยิ้มเอ่ยเสียงเนิบ "ข้าคือน้าสะใภ้ขององค์หญิง น้าสะใภ้จะสั่งสอนหลานสาวสักหน่อย ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว พวกเจ้ากล้าจับตัวข้าหรือ? ได้ เช่นนั้นเราไปหาท่านอ๋องเทพสงครามกัน แล้วนับญาติกันให้ชัดเจน"ท่านอ๋องเทพสงครามคือบุคคลต้องห้าม เหล่าองครักษ์ไม่กล้าขยับตัวยิ่งไปกว่านั้นกู้ชูหน่วนเน้นย้ำคำว่านับญาติ พวกเขาจะกล้าไปยุ่งเรื่องนับญาติในราชวงศ์ได้อย่างไรองค์หญิงตังตังกระทืบเท้าตึงตัง "กู้ชูหน่วน เจ้ามันหน้าไม่อาย เสด็จน้าข้าพูดเมื่อใดว่าจะแต่งงานกับเจ้า""แปลกนัก ราชโองการมิใช่เสด็จพี่ของเจ้าเป็นผู้รับสั่งหรอกหรือ? เทพสงครามจะไม่แต่งงานกับข้างั้นหรือ? เช่นนั้นก็ได้ เจ้าก็บอกให้เสด็จพี่ของเจ้ายกเลิกร
"สองบวกสอง เท่ากับมิใช่สอง"ทุกคนปาดเหงื่อ นี่มันคำถามอะไร?เซียวอวี่เชียนไม่ยอม "นี่เจ้าเล่นคำนี่?""ข้าจะเล่นคำได้อย่างไร? คำถามทดสอบลูกพี่ทั้งทีต้องมีไหวพริบหน่อยมิใช่รึ? ที่ข้าตอนนี้กำลังทดสอบเจ้าอยู่นั้นเป็นการช่วยพัฒนาสมองนะ""ไม่สิๆ ต้องไม่ใช่แบบนั้น""ข้าถามเจ้า อาจารย์สวีมิใส่สองใช่หรือไม่?""ใช่สิ""เจ๋ออ๋องเองก็มิใช่สองใช่หรือไม่?""ใช่สิ""เช่นนั้นพวกเขารวมกัน มิใช่สองมิถูกหรือไม่?"แววตาของเจ๋ออ๋องเดือดพล่าน สะบัดแขนเสื้อเดินหนีไปหากมิใช่เขาถอนหมั้นโดยไม่มีเหตุผล คงไม่ถูกฮ่องเต้และเสด็จแม่ตำหนิ ทั้งยังถูกสั่งห้ามมิให้เขาก่อเรื่อง ไม่เช่นนั้นละก็ป่านนี้เขาคงตะเพิดนางไปแล้ว ไม่ปล่อยให้นางลอยหน้าลอยตาหรอกกู้ชูหลันชอบเจ๋ออ๋อง เหมือนเห็นดังนั้นจึงรีบตามไปเซียวอวี่เชียนมึนงงที่กู้ชูหน่วนพูดเหมือนจะไม่ผิด แต่ก็เหมือนจะผิด"คำถามที่สอง อาจารย์ซ่างกวานบวกเจ๋ออ๋องเป็นเท่าไหร่?""ฮะ... นี่มันคำถามอะไร""ก็คำถามนั่นแหละน่า"ชิวเอ๋อร์ป้องปากหัวเราะอย่างอดไม่ได้คุณหนูแกล้งคนเก่งนักนั่นไม่ใช่คำถามด้วยซ้ำ ท่านชายเซียวจะตอบได้อย่างไรเป็นไปตามคาด เซียวอวี่เชียนตอ
เซียวอวี่เชียนสะบัดแขนนางที่กอดคอออก ควักเงินห้าร้อยตำลึงออกมาจากอกเสื้อแล้วโยนให้ด้วยใบหน้าบึ้งตึงเอ่ยร้องทุกข์ "ห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเชียนเชียน พี่ใหญ่ข้ามีหน้ามีตาในสำนักบัณฑิตหลวง หากคนอื่นได้ยินเข้า จะเหมาะสมหรือ?""ไม่เรียกเสี่ยวเชียนเชียนก็ได้ เช่นนั้นเจ้าเอามาอีกห้าร้อยตำลึง"เซียวอวี่เชียนล้วงเงิน ก่อนจะเห็นเงินห้าร้อยตำลึงสุดท้ายที่มีติดตัวแล้วก็รู้สึกปวดใจกู้ชูหน่วนแย่งเงินมา นับเงินอย่างคล่องแคล่ว ยกยิ้มพึงพอใจ"เสี่ยวเชียนเชียนเป็นเด็กดีนัก วันหน้าพี่จะเอ็นดูเจ้าให้มาก""…"ไม่ใช่แค่เซียวอวี่เชียนที่ตกตะลึง แม้แต่ชิวเอ๋อร์ยังทำตัวไม่ถูกเอ็นดูเจ้าให้มาก?นางเป็นหญิง เหตุใดถึงกล้าพูดจาเช่นนี้ยิ่งเห็นท่าทียามเดินผิวปากออกไปอย่างลิงโลด พวกเขาก็ขนลุกชูชันไปทั้งตัวเซียวอวี่เชียนมุมปากกระตุก ตะโกนลั่นอย่างขุ่นเคือง "บอกแล้วอย่างไรเล่าว่าห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเชียนเชียน""รู้แล้วน่า เสี่ยวเชียนเชียน"ให้ตายสิหญิงผู้นี้จงใจแกล้งเขาให้อกแตกตายสินะ?ชิวเอ๋อร์ปาดเหงื่อ รีบวิ่งตามติด"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่ท่านทำเกินไปหรือไม่ เพิ่งเข้าเรียนในสำนักบัณฑิตก็มีเรื่องกั
หลังจากหญิงผู้นั้นทำให้เจ้านายต้องแปดเปื้อน อารมณ์ของเจ้านายก็ยิ่งแปรปรวน บ่าวที่คอยปรนนิบัติถูกตัดหัวไปแล้วไม่รู้กี่คนทว่าสูตรยาที่หญิงนางนั้นให้มาได้ผลดียิ่งนักอาการพิษกำเริบของเจ้านาย ตั้งแต่เริ่มใช้สูตรยาของนาง อาการกลับดีขึ้นมากจริงๆ ไม่ได้ทรมานเหมือนแต่ก่อนแล้วหากจับตัวหญิงนางนั้นมาได้ บางที่อาจจะรักษาพิษที่เจ้านายโดนได้หายขาด"นายท่าน เรื่องการแต่งงาน พวกเราจะล้มเลิกหรือไม่?"ได้ยินดังนั้น เย่จิ่งหานก็เผยยิ้มร้าย รอบกายแผ่นรังสีทรงอำนาจ ราวกับกษัตริย์จากสวรรค์ผู้ควบคุมทุกสรรพสิ่ง"กล้าเล่นงานข้า ย่อมรู้ว่าต้องต้านทานไฟโกรธของข้าได้"เอ่อ..แล้วเรื่องแต่งงานจะล้มเลิกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?ฮ่องเต้แสร้งไม่รู้ไม่เห็น ไม่กล้าแม้แต่จะมีเรื่องกับนายท่านด้วยอำนาจของนายท่าน เพียงแต่ขยับนิ้ว ก็สามารถทำให้พระองค์กลิ้งตกจากบัลลังก์ได้คุณหนูสามตระกูลกู้เป็นหญิงอัปลักษณ์ที่เลื่องชื่อไปทั่วแคว้นเย่ ให้นายท่านแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์เช่นนั้น หากมิใช่หยามเกียรตินายท่านแล้วจะเรียกว่าอะไร?ชิงเฟิงคิดว่าเย่จิ่งหานต้องล้มการแต่งงานครั้งนี้แน่นอนคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทอดสายตามองไปทางที่กู้
"เอ่อ...จะให้ข้าเรียกยัยขี้เหร่ชื่อเสียงอื้อฉาวนั่นว่าพี่ใหญ่หรือ คงจะ...""พั๊วะ..."เซียวอวี่เชียนยกเท้าถีบอีกครั้ง เอ่ยเสียงเดือดดาล "ใครกล้าด่าว่านางโง่เง่า คอยดูข้าสั่งสอนเขา อีกอย่างบนโลกนี้มีเพียงข้าคนเดียวที่เรียกนางว่ายัยขี้เหร่ได้ หากพวกเจ้ากล้าดูหมิ่นนางอีก ระวังหัวเจ้าไว้"กู้ชูหน่วนมุมปากยกยิ้มดีใจนางกอดคอเพื่อนรัก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม "เสี่ยวเชียนเชียนเป็นเด็กดี รู้จักปกป้องพี่ใหญ่""ไปไกลๆ อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นคุณหนูตระกูลขุนนาง เกาะแกะข้าเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ""เซียวอวี่เชียน ในสายตาของเจ้าเคยมีเรื่องเหมาะสมด้วยหรือ"เซียวอวี่เชียนยอมรับ ว่าฝีปากของเขาเทียบกู้ชูหน่วนไม่ได้เลย ต่อปากต่อคำกับนาง แม้แต่คนตายยังฟื้นขึ้นมาเพราะโมโหเซียวอวี่เชียนสู้กู้ชูหน่วนไม่ไหว จึงทำได้เพียงระบายอารมณ์กับเหล่าคุณชาย"มัวนิ่งอะไรอยู่ รีบเรียกพี่ใหญ่สิ""เอ่อ..."เหล่าท่านชายหน้ามุ่ย มองเซียวอวี่เชียนด้วยสายตาอ้อนวอน แต่เซียวอวี่เชียนยังคงดึงดัน พวกเขาจึงต้องจำใจเรียก "ลูกพี่""ว่าไง"กู้ชูหน่วนขานรับอย่างไม่ถ่อมตัวเธอรู้ว่าเซียวอวี่เชียนปากร้ายแต่ใจดี เพราะเขากลัวว่าบรรดาคุณชา
เอ่อ...ทุกคนตามความคิดนางไม่ทันคนที่เข้ามาเรียนสำนักบัณฑิตหลวงได้ ยังสนใจเงินรางวัลอีกหรือ?เซียวอวี่เชียนบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ "หากเจ้าเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ ฮ่องเต้ต้องตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม" แค่เศษเงินก้นไห แต่คุณหนูสามสายหลักกลับตาลุกวาวหลิ่วเยว่ยิ้มเอ่ย "หากเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ คงเลื่องชื่อไปทั่วแน่"นางไม่ต้องการชื่อเสียงระบือไกล อยากได้แค่เงินเท่านั้น"หากชนะรอบตัดสินอีก ก็จะเป็นยอดอัจฉริยะชายและยอดอัจฉริยะหญิงอันดับหนึ่ง อาจารย์ซ่างกวานแห่งแคว้นเย่ของพวกเราคือผู้ชนะอันดับหนึ่งเมื่อครั้งก่อน หลายแคว้นหมายจะชิงตัวเขาไปใช้งาน แต่อาจารย์ซ่างกวานไม่อยากเป็นขุนนาง สุดท้ายแล้วจึงมาเป็นอาจารย์หนุ่มน้อยที่สำนักบัณฑิตหลวงของเรา เหอะๆ เจ้าไม่รู้อะไร ตอนนั้นหลายคนเสียดายมาก""อาจารย์ซ่างกวานได้รับขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสี่อัจฉริยะ แต่ในเมื่อมีสามอันดับแรก ก็ต้องมีใครสักคนเป็นหนึ่งจากการแข่งขันรอบสุดท้ายใช่หรือไม่?""แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะได้รับขนานนามว่าหนึ่งในสี่อัจฉริยะของแผ่นดินหรือ"กู้ชูหน่วนเข้าใจในทันใดดูท่าแล้วอาจารย์ซ่างกวานจะมีของดี"ว่าแต่ เทพหมากล้อมกับเซียนกวี
หากไม่พูดถึงอาจารย์ซ่างกวานก็แล้วไป แต่พอเอ่ยถึงเขา สีหน้าขององค์หญิงตังตังก็แย่ยิ่งไปกว่าเดิมกู้ชูหลันร้อนรน หากองค์หญิงจ่ายหนึ่งล้านตำลึงจริงๆ เช่นนั้นนางก็ต้องจ่ายสองแสนตำลึงเช่นกันหรือ?เมื่อคิดได้ดังนั้น กู้ชูหลันก็ยิ้มเย็นเอ่ย "เจ้ามิได้ใช้ความสามารถผ่านเข้ารอบเป็นสามอันดับแรก เดิมพันครั้งนี้เป็นโมฆะ""ลูกสาวอนุก็คือลูกสาวอนุ ไร้อารยะ น่ากลัวแท้""เจ้าด่าใคร ข้าไร้อารยะอย่างไร?" ต่อให้นางจะไร้อารยะแค่ไหน แต่ก็เหนือกว่ากู้ชูหน่วนหลายขุมก็แล้วกัน"ตอนพวกเราวางเดิมพัน ได้กำหนดหรือว่าห้ามใช้อาศัยดวง? ดูเหมือนว่าจะตัดสินกันที่แพ้ชนะเท่านั้นนะ?""แต่...""องค์หญิง คนชั่วบางคนแค่เงินน้อยนิด ก็ไม่ยอมจ่าย ข้าเชื่อว่าองค์หญิงอย่างท่าน คงไม่หน้าด้านหน้าทนเหมือนนางแน่นอน"องค์หญิงตังตังและกู้ชูหลันโมโหจนธาตุไฟแทบแตกกู้ชูหน่วนบีบให้พวกนางจ่ายเงินชัดๆ หากไม่จ่าย พวกนางก็จะเสียหน้าไม่เหลือชิ้นดีองค์หญิงตังตังกัดฟันกรอด "ข้ากล้าพนันก็กล้าเสีย ประเดี๋ยวให้บ่าวนำเงินหนึ่งล้านตำลึงมาส่งให้เจ้า" องค์หญิงตังตังกัดฟันจนปากสั่นยามพูดนั่นมันเงินหนึ่งล้านตำลึงเชียวนะ กลัวก็แต่จวนองค์หญิงมี
ทั้งห้องมีเพียงองค์หญิงตังตังและกู้ชูหลันที่ใบหน้าเหยเก เดิมที่การพนัยครั้งนี้พวกนางต้องชนะแน่นอน แต่ยามนี้กู้ชูหน่วนกลับโชคหล่นทับดอกไม้แดงอยู่ในมือนาง เช่นนั้นก็แปลว่านางคือคนที่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศเซียวอวี่เชียนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่กระนั้นก็ไม่อาจปกปิดความดีใจได้"ยัย...ยัยขี้เหร่ เสียงกลองหยุดแล้ว เจ้าชนะแล้ว"กู้ชูหน่วนก็เองก็คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้โชคจะหล่นทับเธอ เธอยังคิดอยู่เลยว่าการจะเข้ารอบชิงชนะเลิศให้ได้ คงต้องใช้เวลาสักหน่อยนอกจากอาจารย์ซ่างกวานแล้ว อาจารย์ทุกคนต่างมุมปากกระตุกหงึกยกตำแหน่งนี้ให้นาง เท่ากับดูหมิ่นทุกสรรพสิ่ง นางเป็นแค่คนไม่เอาถ่ายคนหนึ่ง จะสู้ยอดฝีมือจากแคว้นจ้าว แคว้นหวา หรือแคว้นฉู่"กู้ชูหน่วน คุณหนูสามตระกูลกู้ เข้ารอบชิงชนะเลิศโดยมิต้องผ่านการทดสอบ" ตาเฒ่าสวีพูดอย่างไม่เต็มใจองค์หญิงตังตังลุกพรวดขึ้นมาคนแรก "อาจารย์ เช่นนี้ไม่ยุติธรรม หากไม่ใช่เพราะเซียวอวี่เชียนยื้อดอกไม้เอาไว้นานขนาดนั้น เสียงกลองคงไม่หยุดที่กู้ชูหน่วนพอดี"กู้ชูหลันพยักหน้า "องค์หญิงพูกถูกต้องเจ้าค่ะ เซียวอวี่เชียนโกง ครั้งนี้ไม่นับ"หากกู้ชูหน่วนชนะ สองแสนตำลึงของนางก
"ใช่แล้ว""อาจารย์ เช่นนั้นพวกเราจะเลือกอย่างไร?"ทุกคนเตรียมตัวพร้อม อยากให้ข่าวดีเกิดขึ้นกับตัวเอง"ตีกลองส่งดอกไม้ พวกเราส่งต่อดอกไม้ทีละคน หากเสียงกลองหยุดแล้วดอกไม่อยู่ที่ใคร คนนั้นก็จะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ""นี่มันวัดดวงชัดๆ"พวกหลิ่วเยว่และเซียวอวี่เชียนต่างให้ความสนใจ"พี่ใหญ่ หากดอกไม่ส่งมาถึงพวกเราได้ พวกเราก็จะดังข้ามคืนเชียวนะ""เซียวอวี่เชียนเองก็ยิ้มหากได้ตำแหน่งคนที่สีมา ไม่แน่ว่าวันหน้าท่านพ่อจะไม่ด่าไม่ทุบตีเขาอีกไม่สิ...คนที่ต้องการตำแหน่งนี้มากที่สุดน่าจะเป็นกู้ชูหน่วนหากนางแพ้ เช่นนั้นแล้ว...สิ่งที่นางสูญเสียอาจจะเป็นชีวิตเซียวอวี่เชียนตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็จะแย่งชิงดอกไม้นั้นมาให้นางให้ได้ตีกลองส่งดอกไม้ได้เริ่มต้นขึ้น ฝ่ามือเรียวขาวของซ่างกวานฉู่หนิบดอกไม้สีแดงสดขึ้นมา เผนยิ้มสง่างาม "ส่งต่อตามลำดับ ไม่ว่าก็ห้ามเก็บดอกไม้ไว้กับตัว ไม่อยากนั้นจะถูกตัดสิทธิ์"ว่าจบเขาก็ส่งสัญญาณเมือน กู้ชูอวิ๋นรับต่อ ใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบนั้นแดงระเรื่อด้วยขณะเดียวกัน คนด้านล่งก็เริ่มตีกลอง เสียงกลองตึงตัง กู้ชูอวิ๋นเสียดายแต่ก็จำใจส่งต่อกู้ชูหลันกับองค์ห
วิชานี้มีอาจารย์มาหลายคน ผู้สอนคืออาจารย์สวี พอได้ยินเสียงบ่นของเขา กู้ชูหน่วนก็อ้าปากหาววอด ฟุบลงกับโต๊ะแล้วผล็อยหลับไป"ปึง..."ทันใดนั้นก็มีคนตบโต๊ะของเธออย่างแรงจนเธอสะดุ้งตื่น"ใครกันไร้คุณธรรมเสียจริง ตบโต๊ะข้าได้อย่างไร?" กู้ชูหน่วนยกหมัดสวน"พัวะ..."หมัดนั้นต่อยเข้าที่เบ้าตาขวาของอาจารย์สวี เจ็บจนเขาร้องโอดโอย ดวงตาบวมช้ำคล้ำเขียว"กู้ชูหน่วน สามหาวนัก กล้าต่อยแม้แต่อาจารย์ ข้า...ข้าจะทูลฝ่าบาท ให้ฝ่าบาทลงโทษเจ้า""โธ่ ที่แท้ก็อาจารย์สวีนี่เอง ท่านสอนหนังสืออยู่ดีๆ แล้วมาตบโต๊ะข้าทำไมกันเล่า เขากำลังฟันเห็นโจรป่า คิดว่าโจรป่าจะทำมิดีมิร้ายข้า ข้าถึงได้คิดว่าท่านเป็นโจรป่าอย่างไรเล่า?"อาจารย์สวีโมโหจนหายใจหอบ "หลับให้ห้องเรียน ยังจะมาเถียงอีก""เมื่อวานท่านรับปากเองแล้วนี่ ว่าอนุญาตให้ข้าหลับในคาบเรียนได้? หากท่านจะกราบทูลฝ่าบาท ข้าก็ไม่ติดใจ เอาเป็นว่าเมื่อวานท่านอนุญาตให้ข้าหลับเพื่อให้ข้าท่องกลอนซูหลีประโยคสุดท้าย คนได้ยินทั้งห้อง ท่านหนีไม่พ้นหรอก"อาจารย์ทุกคนหันไปทางอาจารย์สวี อาจารย์สวีตั้งรับไม่ไหว ทำได้เพียงตวาดลั่น "เกินกำลังที่ข้าจะสั่งสอน เกินกำลังที่ข้าจ
พวกหลิ่วเยว่เดินวนไปมาอย่างร้อนใจ "ลูกพี่ ท่านพนันด้วยมือและเท้าทั้งคู่เลยนะ พวกเราจะไม่เดิมพันได้อย่างไร""สองแสนตำลึงเชียวนะ เหตุใดไม่เดิมพัน?""นางเป็นแค่ลูกสาวอนุ จะมีเงินสองแสนตำลึงได้อย่างไร? ชนะแล้ว ก็ไม่ได้เงินอยู่ดี ถ้าแพ้แล้ว แต่ท่านถูกตัดมือตัดเท้าเลยนะ"กู้ชูหน่วนยกยิ้มก่อนจะเอ่ยในทันใด "น้องหา หลิ่วเยว่พูดมีเหตุผล หากเจ้าไม่มีเงินสองแสนขึ้นมา เช่นนั้นหากข้า...ชนะ ก็ไม่ได้เงินน่ะสิ? ข้าว่าเดิมพันครั้งนี้ถือว่าไม่เกิดขึ้นก็แล้วกัน"เมื่อครู่กู้ชูหลันยังสงสัยว่านางมีกลโกง แต่เห็นนางถอยเช่นนี้ จึงคิดว่าอีกฝ่ายกลัว รู้สึกมั่นใจอย่างบอกไม่ถูกนางล้วงตราประทับออกมาจากอกแล้ววางบนโต๊ะ "นี่คือสิ่งที่ท่านตามอบให้ข้า ด้วยตราประทับนี้ เจ้าจะครอบครองร้านค้าทั้งหมกหลายสิบแก่ง คงพอสองแสนตำลึงแล้วกระมัง?"กู้ชูหน่วนยิ้มร้ายประโยคนี้แหละที่รออยู่"ได้ เช่นนั้นก็ลงชื่อเป็นหลักฐาน"กู้ชูหน่วนและกู้ชูหลันลงนามในสัญญา ทุกคนต่างตกตะลึง"แม่เจ้า ที่ข้าเห็นคืออะไร... กู้ชูหลันมิใช่ลูกสาวอนุหรอกหรือ? เหตุใดนางถึงได้มีเงินเยอะขนาดนั้น""เหมือนท่านตาของนางจะเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองค้
"แต่ว่า...""ข้าว่าที่คุณหนูห้าพูดก็มีเหตุผล เดิมพันครานี้ ข้าต้องชนะแน่นอน มีอะไรต้องกลัวกัน"นางว่าพลางลงนามด้วยพู่กันกู้ชูหลันกลัวว่ากู้ชูหน่วนจะเปลี่ยนใจ จึงรีบเร่งให้นางลงนามเช่นกัน กู้ชูหน่วนจ้องพู่กันที่นางยื่นให้อยู่นาน สุดท้ายจึงเลือกประทับรอยนิ้วมือแทนทุกคนพากันหัวเราะ"แม้แต่ชื่อตัวเองนางยังเขียนไม่เป็น ยังคิดจะเข้ารอบชิงอีก ฝันกลางวันชัดๆ""นี่ หากต้องตกอยู่ในกำมือองค์หญิงตังตัง สู้ตายไปเสียยังจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องทรมาน"หลิ่วเยว่และพรรคพวกเตือนนางก็แล้วก็ไม่สำเร็จ ทำได้เพียงร้อนใจ แถมไม่รู้เพราะเหตุใดพี่ใหญ่เซียวอวี่เชียนดันมาสายอีกทุกคนต่างคิดว่ากู้ชูหน่วนแพ้แน่นอน มีเพียวกู้ชูอวิ๋นเท่านั้นที่นึกคลางแคลงใจนางเองก็ไม่ได้คิดจะห้ามองค์หญิงตังตังจริงๆ หรอก ก็แค่ทำพอเป็นพิธีองค์หญิงตังตังยิ้มลำพองใจ "หากเจ้าแพ้ละก็ ข้าจะตบหน้าเจ้าหน้าประตูสำนักบัณฑิตหลวงห้าร้อยครั้ง ข้าจะขังเจ้าในสังเวียนชนสัตว์ ให้เจ้าดวลกับสัตว์ป่า แล้วข้าก็จะ...""องค์หญิง รอท่านชนะก่อนแล้วค่อยพูดเรื่องพวกนั้นดีกว่า? หากท่านแพ้ขึ้นมา เดี๋ยวจะหน้าแตกเอา""ข้าจะแพ้ได้อย่างไร""เด็กดี เรียกน้
องค์หญิงตังตังเดินเข้ามาอย่างโดดเด่นดั่งเดือนท่ามกลางหมู่ดาว ตามหลังมามีทั้งกู้ชูหลันและกู้ชูอวิ๋นนางเอ่ยเหน็บแนม "ใครบางคนไม่ประมาณตน คิดว่าตัวเองจะชนะ ไม่ดูสภาพตัวเองเลย""เอ๊ะ นั่นมิใช่หลานสาวข้าหรอกหรือ อรุณสวัสดิ์ เจ้าก็มาลงเดิมพันว่าน้าสะใภ้จะชนะใช่หรือไม่""น้าสะใภ้อะไรเล่า เจ้ามีสิทธิอะไรมาเป็นน้าสะใภ้ข้า""แปลกนัก หรือว่าเทพสงครามมิใช่เสด็จน้าของเจ้า? เช่นนั้นก็ได้ ในเมื่อเทพสงครามไม่คู่ควรจะเป็นเสด็จน้าของเจ้า ก็คิดเสียว่าข้าไม่เคยพูด"องค์หญิงตังตังเลือดขึ้นหน้า "ข้าด่าเจ้า เกี่ยวอะไรกับเสด็จน้าของข้า?""ข้าเป็นคู่หมั้นของเขา ก็เหมือนคนๆ เดียวกัน หากข้าไม่คู่ควร เช่นนั้นแล้วเขาจะคู่ควรได้อย่างไร? เจ้าวางใจเถิด หากข้าได้พบเขา ข้าจะบอกเขาตามความจริง บอกว่าองค์หญิงตังตังพูดต่อหน้าทุกคนว่าเขาไม่คู่ควรจะเป็นเสด็จน้าของเจ้า"องค์หญิงตังตังแทบกระอักเลือด เหตุใดถึงไม่มีใครบอกเลยว่ากู้ชูหน่วนปากร้ายปานนี้?เมื่อวานถูกฉีกหน้ากลางที่สาธารณะ นางก็แทบทนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ยังมาดูแคลนนางต่อหน้าผู้คนอีก หากนางอดทนได้ อย่ามาเรียกนางว่าองค์หญิงตังตังเลยขณะที่กำลังระเบิดอารมณ์กลับเห็น
นางเป็นห่วงตัวเองเสียที่ไหน นางเป็นห่วงคุณหนูต่างหากถึงได้เสี่ยงหนีออกจากมาจากจวน ออกตามหาคุณหนู บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจวน "เรือถึงฝั่งแล้วค่อยเทียบท่า ทหารบุกมาค่อยรับมือ หากน้ำหลากย่อมมีดินสูบ" แม้ปากของกู้ชูหน่วนจะพูดว่าไม่ใส่ใจ แต่ในแววตานั้นมีความกระวนกระวายแฝงอยู่ตามที่เธอคาดการณ์ไว้ เซี่ยอวี่น่าจะตายอย่างเร็วคงเป็นตอนบ่ายวันนี้ แต่ทำไมถึงได้ตายตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้ว ในจวนมีคงมีคนอยากกำจัดมือเท้าของอี๋เหนียงห้าไปให้พ้นเสียทีโชดคีที่ชิวเอ๋อร์เป็นห่วงเธอ แล้วหนีออกมาก่อน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่คิดถึงผลที่ตามมาใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว นักเรียนสี่ห้าคนจับกลุ่มกันเดินเข้ามาในสำนักบัณฑิต กู้ชูหน่วนเอ่ยเสียงเรียบ "วันนี้เจ้าอยู่ที่สำนักบัณฑิตหลวงนี่แหละ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น"ชิวเอ๋อร์ร้องได้สะอื้นตอนกลางวันพวกนางยังพอซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้ แต่ประเด็นคือตอนกลางคืนเล่า?ชิวเอ๋อร์ไม่คิดจะถามต่อแล้ว กู้ชูหน่วนก็เดินเข้าไปเข้าไปยังชั้ยในสำนักบัณฑิตแบ่งเป็นขั้นในกับชั้นนอก บ่าวรับใช้อย่างพวกนางต้องรออยู่ชั้นนอกเท่านั้นตลอดทางที่กู้ชูหน่วนเดินผ่าน ทุกคนต่างมองนางด้วยสายตาแปลกประหลา
เลือดลมตีกลับ พิษแล่นเข้าสู่หัวใจ หากไม่ช่วยชีวิต เขานั้นตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย"ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้ถึงได้เจอเจ้าอยู่เรื่อย ช่างเถอะ เห็นแก่ที่แทะโลมเจ้าไป จะช่วยชีวิตเจ้าอีกสักครั้งก็ได้"กู้ชูหน่วนว่าพลางคุกเข่าลง จับชีพจรของเขา เพียงสัมผัสชีพจร สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนโดนพิษถึงสองชนิดเลยหรือ แถมยังเป็นพิษที่ร้ายแรงและโหดเหี้ยมที่สุดในโลกอีกต่างหากชนิดแรกคือพิษเหมันต์ พิษเหมันต์นี้คงจะติดตัวมาตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในท้องแม่ หลังจากคลอดออกมา ทุกวันที่สิบหน้าของเดือนเขาถึงต้องทรมานกับความเจ็บปวดที่คนทั่วไปไม่อาจต้านทานได้เมื่อพิษเหมันต์ออกฤทธิ์ เลือดที่ส่งไปยังอวัยวะภายในทั้งห้าและทวารทั้งหกจะแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง ทำในเขาหนาวเหน็บเหมือนตายทั้งเป็น แต่กลับตายไม่ได้อีกชนิดหนึ่งคือพิษมารทลโลหิต พิษนี้ร้ายแรงถึงชีวิต เมื่อออกฤทธิ์จะทะลวงเข้าไปถึงกระดูก ร่างทั้งร่างเหมือนถูกมดนับหมื่นรุมตอมกัด ประหนึ่งมีดนับพันทิ่มแทงเขาหมายจะใช้พิษเหมันต์และหมื่นบุปผายับยั้งพิษมารทลโลหิต เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองไว้ทว่าพิษทั้งสองชนิดนี้ไม่ถูกกัน ความเจ็บปวดท