Share

บทที่ 10

Author: เย่ชิงขวง
กู้ชูหลันชะงักไป ไม่รู้จะโต้กลับอย่างไร

จะบอกว่านางจงใจไม่ปลุกตัวเอง แต่กลับมาสำนักบัณฑิตแต่เช้างั้นหรือ?

คำพูดแบบนั้น จะให้นางพูดออกไปได้อย่างไร

กู้ชูหน่วนยิ้มเอ่ย "อีกอย่างเจ้าไม่ได้อาบน้ำจุดธูปหอม ไม่ตามข้าไปไหว้พระขอบพระทัยฝ่าบาท ถึงได้จงใจว่าร้ายข้า"

"ข้า..."

ให้ตายสิ นางสารเลวนี้ ติดกับนางอีกจนได้

สีหน้าของกู้ชูหลันเปลี่ยนไปตามอารมณ์ ทว่าตัวนั้นกลับนั่งไม่ติดที่

เซียวอวี่เชียนหันไปหากู้ชูหน่วนแล้วยกนิ้วให้ เพราะกู้ชูหน่วนยืนอยู่ข้างเขา เขาจึงเอ่ยกระซิบ "สาวน้อย ไม่เจอกันวันเดียว ฝีปากเหนือชั้นยิ่งกว่าเดิมอีกนะ"

กู้ชูหน่วนกะพริบตาปริบๆ อย่างใสซื่อ ยกตำราขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเอง หันหน้ามายิ้มเอ่ยกับเซียวอวี่เชียน "ชมกันอีกแล้ว หากฝีปากไม่ดี ท่านจะมาสู่ขอหรือ"

"โครม..."

เซียวอวี่เชียนล้มลงในทันที สีหน้าพลันถมึงทึง

หญิงผู้นี้ เกิดปีลิงหรืออย่างไร ถึงได้เล่ห์เหลี่ยมปานนี้

นางรู้จักทำคำว่าจริงจังหรือไม่

ลองนึกว่าหากตัวเองแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์ ท่านพ่อคงตีเขาจนขาหัก

กู้ชูหลันนั่งข้างเจ๋ออ๋อง นางลอบมองกู้ชูหน่วน

ไม่ได้กลับบ้านไม่นาน น้องสามของนางเปลี่ยนไปยิ่งนัก

ก่อนหน้านี้นางแกล้งโง่ หรือว่า...

"หญิงอัปลักษณ์ แต่อวดดีจริงเชียว เจ้ามาสายเองแท้ๆ ทำเสียเหมือนอาจารย์จงใจกลั่นแกล้งเจ้าเสียอย่างนั้น"

คนพูดคือองค์หญิงตังตัง อายุราวสิบห้าสิบหกปี แม้ว่าจะยังเด็ก แต่หน้าตาใช้ได้ พอมองออกว่าวันหน้าต้องเป็นหญิงงามแน่นอน จากความดื้อรั้นบนใบหน้า มองปราดเดียวก็รู้ว่า ต้องเป็นองค์หญิงเอาแต่ใจ

อาจารย์สวีพยักหน้าเห็นด้วย "องค์หญิงตังตังพูดถูก"

กู้ชูหน่วนผายมือยักไหล่ "ข้าก็ไม่บอกว่าองค์หญิงพูดผิดนี่เจ้าคะ ข้าสำนึกผิดแล้วมิใช่หรือ ถึงได้หวังว่าอาจารย์จะให้โอกาสข้าได้กลับตัว"

หลอกใครกัน

ท่าทางโอหังนั่น เรียกว่าสำนึกผิดหรือ?

"ในเมื่อคุณหนูสามสำนึกผิด ทั้งยังเป็นความผิดครั้งแรก อาจารย์สวีให้โอกาสนางเถิดขอรับ"

ทันใดนั้น น้ำเสียงอ่อนโยนก็เอื้อนเอ่ยขึ้น เสียงนั้นก้องกังวาน ไพเราะเลยทีเดียว ได้ยินแล้วชวนให้รู้สึกสงบนิ่ง

กู้ชูหน่วนหันไปมอง ถึงได้พบว่าข้างอาจารย์สวีนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่

ชั่ววินาทีที่เห็นชายคนนั้น กู้ชูหน่วนก็ตกตะลึงในทันที

นี่มันผู้ชายอะไรกัน อบอุ่นดั่งแสงตะวัน สง่างามทว่าอ่อนน้อม รอบกายแผ่ซ่านไปด้วยกลิ่นอายของผู้คงแก่เรียน

เครื่องหน้าของเขาหล่อเหลา ราวกับเทพเซียนมาจุติ

เขาสวมชุดสีขาวพริ้วลม ดุจดั่งเทวดา เส้นผมสีดำหมึกถูกรวบไว้ด้านข้างด้วยเชือกขาวอย่างไม่ตั้งใจ ปล่อยให้เส้นผมดำขลับนั้นคลอเคลียลงมา

ยามลมพัดผ่าน เส้นผมปลิวไสว ยิ่งทำให้ดูงดงามไร้ปรุงแต่ง โดดเด่นกว่าใคร

กู้ชูหน่วนกล้ายืนยันได้เลยว่า นอกจากชายหนุ่มที่ถูกเธอข่มเหงในวันนั้นแล้ว ตั้งแต่เกิดมานี่คือหนุ่มหล่อที่หล่อที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น

"นี่ กู้ชูหน่วน เหตุใดถึงเอาแต่จ้องอาจารย์ซ่างกวานเช่นนั้น ข้าขอเตือนเจ้า หากเจ้ากล้ามองเขาอีก ระวังข้าจะควักลูกตาเจ้า" องค์หญิงตังตังโมโห

กู้ชูหน่วนเข้าใจแล้ว

องค์หญิงเอาแต่ใจนั่นชอบอาจารย์หนุ่มน้อยคนนี้สินะ

ตาแหลมไม่เบานี่

อย่างน้อยก็ดีกว่ากู้ชูหลันกับกู้ชูฉิงเยอะ

แม้เจ๋ออ๋องจะไม่ได้ขี้เหร่ แต่หากเทียบกับอาจารย์ซ่างกวานแล้ว ไม่รู้ว่าห่างกันกี่โยชน์

"องค์หญิง หากว่าตามอาวุโสแล้ว ข้าคือน้าสะใภ้ของท่าน พูดจากับน้าสะใภ้ ต้องระวังคำพูดนะเจ้าคะ"

"น้าสะใภ้อะไรกัน ข้าไม่มีน้าสะใภ้อัปลักษณ์เช่นเจ้าหรอก"

"ในสายตาของคนรัก ข้าย่อมงามดุจไซซี บางทีท่านก็ลองถามเสด็จน้าเทพสงครมดู คงชอบแบบข้านี่แหละ"

เงียบกริบ

ทั้งห้องเงียบสงัดไร้เสียง ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะมองกู้ชูหน่วน

ใต้ฟ้านี้ไม่มีผู้ใดกล้าหยิบยกหานอ๋องมาล้อเล่นหรอกนะ นางไม่กลัวว่าตายแล้วจะไม่เหลือศพให้ฝังหรือ?

เมื่ออาจารย์ซ่างกวานพูดเช่นนั้น อาจารย์สวีก็ไม่คิดกลั่นแกล้งกู้ชูหน่วนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้ลามปามไปถึงเทพสงครามด้วย

"เอาละๆ เรื่องนี้ให้จบเพียงเท่านี้ คุณหนูสามตระกูลกู้ ถือว่าเป็นความผิดครั้งแรกของเจ้า คราวนี้ข้าจะไม่เอาความ ครั้งหน้าห้ามมาสายอีกเด็ดขาด"

"เจ้าค่ะ"

"หาที่นั่งเอาเองก็แล้วกัน"

กู้ชูหน่วนกวาดสายตามอง

ข้างกู้ชูหลันกับกู้ชูอวิ๋นก็มีที่ว่างอยู่หรอก แต่ไม่อยากนั่งสักเท่าไร ที่นั่งด้านหน้านั้น นางก็ไม่กล้านั่ง จึงนั่งลงข้างเซียวอวี่เชียน

เซียวอวี่เชียนตกใจ "เจ้ามานั่งข้างข้าทำไม ข้างหน้ามีที่ตั้งเยอะแยะ"

ไม่ใช่ว่าหมายตาเขาจริงๆ หรอกนะ

"หากเจ้าอยากนั่งหน้า ก็ขยับขึ้นไปเองสิ"

ล้อเล่นหรือไง ข้างหน้ามีอาจารย์นั่งอยู่ตั้งสองคน ถ้าเธอนั่งข้างหน้าจะอู้ได้อย่างไร

"แต่ข้ามาก่อน" เซียวอวี่เชียนเถียง

"ใครสนว่าเจ้ามาก่อน อย่างไรเสียที่นั่งนี่ก็ไม่ใช่ของตระกูลเจ้าเสียหน่อย เจ้าไม่อยากนั่งกับข้า ก็ย้ายเองสิ"

โอ้โฮ

หญิงผู้นี้ หน้าไม่อายเสียจริง

นางคงถูกใจหน้าตา ฐานะ และความสามารถของเขาสินะ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน

"เมื่อครู่พวกเรากล่าวถึงสรรพสิ่ง มีเกิด มีรุ่งเรือง มีเสื่อมถอย เป็นธรรมดา ตอนนี้เรามาว่ากันต่อ..." อาจารย์สวีสอนหนังสือต่อ

"นี่ ชายงามที่นั่งข้างอาจารย์สวีคือใครกัน?" กู้ชูหน่วนใช้ศอกสะกิดเซียวอวี่เชียน ส่งเสียงคิกคัก

"ซ่างกวานฉู่อย่างไรเล่า อาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดในสำนักบัณฑิตหลวง ชาติตระกูลไม่รู้แน่ชัด รู้เพียงแค่ว่ารอบรู้รอบด้าน ได้ชื่อว่าเป็๋นหนึ่งในสี่อัจฉริยะทัดเทียมกับพี่ชายข้า"

"สี่อัจฉริยะ? อีกสองคนคือใคร?"

"ยัยขี้เหร่นี่ เจ้าล้อข้าเล่นหรือไร สี่อัจฉริยะผู้เลื่องชื่อคือใครบ้าง เจ้าไม่รู้เลยหรือ"

สวรรค์โปรดเมตตา เธอไม่รู้จริงๆ ในหัวเธอไม่มีความทรงจำเรื่องนี้เลย

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอถึงได้รู้สึกว่าความทรงจำบางส่วนของตัวเองหายไป

"แล้วทำไมอาจารย์ซ่างกวานถึงไม่สอน แต่ให้ตาเฒ่านั่นสอนคนเดียว?"

เซียวอวี่เชียนหัวเราะ "นี่เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้? ในห้องเรียนของสำนักบัณฑิตหลวง อย่างน้อยต้องมีอาจารย์สองคน คนหนึ่งเป็นผู้สอน อีกคนหนึ่งมาฟัง หากมีนักเรียนถาม แล้วอาจารย์ผู้สอนตอบไม่ได้ อาจารย์ผู้ฟังก็จะตอบแทน ยัยขี้เหร่ ก่อนมาเรียนที่สำนักบัณฑิตหลวง เจ้าไม่เคยรู้กฎระเบียบที่นี่เลยหรือ?"

"จะไปรู้ได้อย่างไรเล่า ที่แบบนี้ สักวันข้าจะยุบทิ้งให้หมด สำนักบัณฑิตควรเปิดให้กับราษฎรทั่วทั้งแคว้นต่างหาก มีที่ไหนให้แต่ลูกหลานขุนนางราชวงศ์เข้าเรียน"

"เงียบ พวกเจ้าสองคนสุมหัวคุยอะไรกัน?" อาจารย์สวีตะโกนลั่น

ในห้องมีเด็กไม่เอาอ่าวอย่างเซียวอวี่เชียนคนเดียวก็พอแล้ว ยามนี้มีคนมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก

กู้ชูหน่วนปิดปากอย่างเขินอาย ยกตำราขึ้นมาบังหน้าตัวเองแล้วอ้าปากหาว ยิ่งฟังอาจารย์สวีก็ยิ่งง่วง

เมื่อครู่ตอนที่เธอออกมาจากจวนอัครเสนาบดี เธอแวะร้านยาหลายแห่ง แต่ร้านไหนก็ไม่มียาที่เธออยากได้ ต่อให้มีอย่างน้อยก็ต้องใช้เงินหนึ่งร้อยตำลึงขึ้นไป

เธอต้องการตัวยาทั้งหมดสามสิบสองชนิด หนึ่งในนั้นมีหญ้าตี้อวี้และดอกเยียนหลัวที่หายากที่สุด ร้านยาในเมืองหลวงคงไม่มีขาย

กู้ชูหน่วนคิดหนัก ถ้าไม่มียา ต่อให้เธอเป็นหมอยอดฝีมือแค่ไหน ก็ไม่มีทางถอนพิษบนใบหน้านี้ได้

ส่วนตัวยาอื่น ต่อให้เธอจะไม่มีเงินซื้อ แต่ก็พอหาเองได้เพียงแค่ลำบากนิดหน่อย แต่หญ้าตี้อวี้กับดอกเยียนหลัวนี่สิ? ตัวยาสองชนิดนี้เหมือนจะหายากมากในแถบนี้

Related chapters

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 11

    เหอะ ตัวยาสามสิบสองชนิด แถมยังเติบโตในสภาพแวดล้อมต่างกันทั้งหมด กว่าเธอจะเก็บได้ทุกชนิด สู้หาเงินแล้วไปซื้อเอายังจะง่ายกว่าเสียงพูดของอาจารย์สวีเหมือนยานอนหลับ บวกกับตั้งแต่ข้ามกาลเวลามาก็ยังไม่เคยได้พักผ่อนเต็มที่ กู้ชูหน่วนจึงผล็อยหลับไปจนกระทั่งนางสะดุ้งตื่นเพราะเซียวอวี่เชียนสะกิดนางเงยหน้าพรวดขึ้น "เช้าแล้วหรือ?"อาจารย์สวีเดือดดาล "กู้ชูหน่วน เจ้ายังเห็นอาจารย์เฒ่าผู้นี้อยู่ในสายตาหรือไม่?"กู้ชูหน่วนเกาหูตาเฒ่านี่ อายุปูนนี้แล้วยังขี้โมโหอีกทุกคนในห้องเรียนต่างหัวเราะอย่างอดไม่ได้มาสายก็แล้วไป แต่ยังกล้าหลับในห้องเรียนอีกอาจารย์สวีขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ร้ายอยู่แล้ว"ที่นี่คือห้องเรียนแห่งสำนักบัณฑิตหลวง แผ่นดินนี้มีคนไม่รู้เท่าไหร่เฝ้าฝันอยากจะเข้ามาเรียน แต่เจ้า... เจ้ากลับหลับในห้องเรียน เจ้า...เจ้าอยากจะให้ข้าอกแตกตายหรืออย่างไร?"เซียวอวี่เชียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเขาควรจะดีใจ หรือว่าควรจะสงสารนางดี?ตอนกู้ชูหน่วนยังไม่มา คนที่ถูกอาจารย์ต้อนถามทุกครั้งคือเขา ตอนนี้เหมือนลมจะเปลี่ยนทิศเสียแล้ว ยัยขี้เหร่นี่ ไม่เอาอ่าวยิ่งกว่าเข้าเสียอีกอย่างมากเขาก

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 12

    ทุกคนล้วนแต่คาดไม่ถึงว่ากู้ชูหน่วนจะท่องได้ทุกคำ"เถาวัลย์พันเครือ เมล็ดพันธุ์แตกยอด ไกลบ้านยากเข็ญ ดวงใจระส่ำส่าย คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ ใยหนอสวรรค์! ใยทำเช่นนี้?"เฮือก...ทั้งห้องเรียนตกตะลึงนาง...นางท่องได้อย่างไร?บทกลอนของซูหลีสาบสูญไปแล้วมิใช่หรือ? พวกเขารู้แค่ครึ่งท่อนแรกเท่านั้นเองเฒ่าสวีตาค้างกู้ชูหลันกับกู้ชูอวิ๋นและคนอื่นๆ นิ่งอึ้งเจ๋ออ๋องมองกู้ชูหน่วนอย่างไม่เชื่อสายตาแม้แต่ซ่างกวานฉู่ข้างอาจารย์สวีที่ถือตำราอยู่ยังมือสั่น เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ ดวงตาอันงดงามคู่นั้นราวกับกำลังสำรวจกู้ชูหน่วนคนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภอย่างนั้นหรือนาง...รู้กลอนซูหลีได้อย่างไร"เถาวัลย์พันเครือ พืชพันธุ์ออกผล ไกลบ้านยากเข็ญ ดวงใจระส่ำส่าย คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ ใยหนอสวรรค์! ใยทำเช่นนี้?"สายตาแปลกประหลาดของทุกคนทำเอากู้ชูหน่วนหนังหัวชาดิกนี่ไม่ใช่กลอนของซูหลีหรือไงเธอไม่กล้าท่องวรรคที่สามแล้วทำได้เพียงเอ่ยอย่างเก้อเขิน "คือว่า...อาจารย์เจ้าคะ ข้าไปวิ่งห้าสิบรอบก็ได้ แต่กู้ชูหลันเป็นบัณฑิตผู้ติดตาม หากข้าต้องถูกทำโทษ นางมีเหตุผลอะไรจะไ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 13

    "เจ้าว่ามาได้เลย""เมื่อคืนข้านอนไม่ค่อยหลับ ประเดี๋ยวข้าอยากนอนสักงีบ ท่านห้ามลงโทษข้า""ได้ ไม่มีปัญหา"แม่เจ้า ตาเฒ่านี่ ใจเด็ดเสียจริง ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม?เมื่อมองไปที่อาจารย์ซ่างกวานแถวหน้าอีกครั้ง ถึงภายนอกเขาจะดูสงบนิ่ง อ่อนโยนดั่งสายลม แต่เธอรู้ดีว่าจังหวะลมหายใจของซ่างกวานฉู่ถี่รัวขึ้นหลายเท่า เห็นได้ชัดว่าเขาก็อยากฟังกลอนประโยคสุดท้ายเหมือนกันก็ได้ เห็นแก่หนุ่มหล่อ ท่องก็ได้"เถาวัลย์พันเครือ พืชพันธุ์สุกงอม ไกลบ้านยากเข็ญ ดวงใจระส่ำส่าย คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ ใยหนอสวรรค์! ใยทำเช่นนี้?""เยี่ยม... ยอดเยี่ยม... กลอนบทนี้ใช้วิธีซ้ำคำ สะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์ตัดพ้อที่แตกต่างกันสามแบบของตัวเอกต่อการล่มสลายของราชวงค์โจวอ๋อง""อาจารย์ ข้าหลับได้หรือยัง?""เจ้ารู้กลอนนี้ได้อย่างไร?""อ๋อ... บังเอิญเห็นในตำราโบราณเล่มหนึ่ง" เธอไม่ได้โง่เสียหน่อย จะบอกว่าแต่ก่อนเคยท่อนกลอนบทนี้ได้อย่างไร"ตำราโบราณเล่มใด อ่านได้ที่ไหน? ตำราสมัยก่อนมิได้สาบสูญไปหมดแล้วหรือ?""นานมากแล้ว จำไม่ได้ว่าอ่านเจอที่ไหน แต่มิใช่สำนวนต้นฉบับ มีคนแปลมาอีกทีเจ้าค่ะ"ทุกคนพลันกระจ่างแจ้ง

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 14

    "ไม่ได้ยินที่อาจารย์บอกว่าเป็นประโยคซ้ำคำหรือ?""ประโยคซ้ำคำคืออะไร?""…"กู้ชูหน่วนคิดว่าตัวเองโง่แล้ว แต่พอได้เจอกับเซียวอวี่เชียน เธอก็รู้แล้วว่าตัวเองเก่งแค่ไหน"ยัยขี้เหร่ คนเคย ห่วงหาข้า คนไกลว่า ข้านั้นโลภ แปลว่าอะไรหรือ?""ความหมายใกล้เคียงกับ คุ้นเคยเหมือนแปลกหน้า เพียงจอดรถม้าเหมือนดั่งสหายครั้งวันวาน""ยัยขี้เหร่ เจ้าช่วยพูดภาษาคนจะได้ไหม ข้าไม่เข้าใจ"กู้ชูหน่วนชะงักไป อธิบายอย่างไม่สบอารมณ์ "คนบางคนรู้จักกันมาทั้งชีวิต ทว่าไม่รู้แม้กระทั่งอีกฝ่ายเป็นคนเช่นไร คนบางคนเพิ่งเคยพบหน้า แต่กลับรู้ใจกัน คนไม่เข้าใจจะคบหาไปทำไม คนที่เข้าใจกันย่อมรู้ว่าเจ้ารักชังสิ่งใด"เซียวอวี่เชียนพลันกระจ่างแจ้ง "อ๋อ... พวกเราคืออย่างหลังสินะ""ผิด อย่างแรกต่างหาก"รอยยิ้มของเซียวอวี่เชียนชะงักไปหรือว่าพวกเขาไม่มีวาสนาต่อกันขนาดนั้น?คนที่ยังไม่ออกจากห้องเรียนได้ยินคำพูดของกู้ชูหน่วนเจ๋ออ๋องมองนางอย่างสงสัยไม่เจอกันเพียงไม่นาน เหตุใดนางถึงได้เปลี่ยไปเป็นคนละคน?คนไม่รู้หนังสือท่องกลอนคุ้นเคยเหมือนแปลกหน้า เพียงจอดรถม้าเหมือนดั่งสหายครั้งวันวานได้ด้วยหรือ?กู้ชูอวิ๋นประหลาดใจกั

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 15

    กู้ชูหน่วนจ้องมองใบหน้าบวมแดงของนาง เอ่ยประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายโกรธจนแทบบ้า "อืม คราวนี้ค่อยสมมาตรกันหน่อย"แค้นนัก...องค์หญิงตังตังเดือดจนอกแทบระเบิด แผดเสียงลั่น "มัวนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบจับตัวกู้ชูหน่วนอีก ข้าจะให้นางต้องร้องขอชีวิต ให้นางต้องนึกเสียใจที่เกิดมาไปตลอดชาติ"เหล่าองครักษ์ล้อมกู้ชูหน่วนเอาไว้ทุกคนเป็นห่วงกู้ชูหน่วนอย่างอดไม่ได้แต่กู้ชูหน่วนราวกับไม่สนใจ กลับกันยังยิ้มเอ่ยเสียงเนิบ "ข้าคือน้าสะใภ้ขององค์หญิง น้าสะใภ้จะสั่งสอนหลานสาวสักหน่อย ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว พวกเจ้ากล้าจับตัวข้าหรือ? ได้ เช่นนั้นเราไปหาท่านอ๋องเทพสงครามกัน แล้วนับญาติกันให้ชัดเจน"ท่านอ๋องเทพสงครามคือบุคคลต้องห้าม เหล่าองครักษ์ไม่กล้าขยับตัวยิ่งไปกว่านั้นกู้ชูหน่วนเน้นย้ำคำว่านับญาติ พวกเขาจะกล้าไปยุ่งเรื่องนับญาติในราชวงศ์ได้อย่างไรองค์หญิงตังตังกระทืบเท้าตึงตัง "กู้ชูหน่วน เจ้ามันหน้าไม่อาย เสด็จน้าข้าพูดเมื่อใดว่าจะแต่งงานกับเจ้า""แปลกนัก ราชโองการมิใช่เสด็จพี่ของเจ้าเป็นผู้รับสั่งหรอกหรือ? เทพสงครามจะไม่แต่งงานกับข้างั้นหรือ? เช่นนั้นก็ได้ เจ้าก็บอกให้เสด็จพี่ของเจ้ายกเลิกร

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 16

    "สองบวกสอง เท่ากับมิใช่สอง"ทุกคนปาดเหงื่อ นี่มันคำถามอะไร?เซียวอวี่เชียนไม่ยอม "นี่เจ้าเล่นคำนี่?""ข้าจะเล่นคำได้อย่างไร? คำถามทดสอบลูกพี่ทั้งทีต้องมีไหวพริบหน่อยมิใช่รึ? ที่ข้าตอนนี้กำลังทดสอบเจ้าอยู่นั้นเป็นการช่วยพัฒนาสมองนะ""ไม่สิๆ ต้องไม่ใช่แบบนั้น""ข้าถามเจ้า อาจารย์สวีมิใส่สองใช่หรือไม่?""ใช่สิ""เจ๋ออ๋องเองก็มิใช่สองใช่หรือไม่?""ใช่สิ""เช่นนั้นพวกเขารวมกัน มิใช่สองมิถูกหรือไม่?"แววตาของเจ๋ออ๋องเดือดพล่าน สะบัดแขนเสื้อเดินหนีไปหากมิใช่เขาถอนหมั้นโดยไม่มีเหตุผล คงไม่ถูกฮ่องเต้และเสด็จแม่ตำหนิ ทั้งยังถูกสั่งห้ามมิให้เขาก่อเรื่อง ไม่เช่นนั้นละก็ป่านนี้เขาคงตะเพิดนางไปแล้ว ไม่ปล่อยให้นางลอยหน้าลอยตาหรอกกู้ชูหลันชอบเจ๋ออ๋อง เหมือนเห็นดังนั้นจึงรีบตามไปเซียวอวี่เชียนมึนงงที่กู้ชูหน่วนพูดเหมือนจะไม่ผิด แต่ก็เหมือนจะผิด"คำถามที่สอง อาจารย์ซ่างกวานบวกเจ๋ออ๋องเป็นเท่าไหร่?""ฮะ... นี่มันคำถามอะไร""ก็คำถามนั่นแหละน่า"ชิวเอ๋อร์ป้องปากหัวเราะอย่างอดไม่ได้คุณหนูแกล้งคนเก่งนักนั่นไม่ใช่คำถามด้วยซ้ำ ท่านชายเซียวจะตอบได้อย่างไรเป็นไปตามคาด เซียวอวี่เชียนตอ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 17

    เซียวอวี่เชียนสะบัดแขนนางที่กอดคอออก ควักเงินห้าร้อยตำลึงออกมาจากอกเสื้อแล้วโยนให้ด้วยใบหน้าบึ้งตึงเอ่ยร้องทุกข์ "ห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเชียนเชียน พี่ใหญ่ข้ามีหน้ามีตาในสำนักบัณฑิตหลวง หากคนอื่นได้ยินเข้า จะเหมาะสมหรือ?""ไม่เรียกเสี่ยวเชียนเชียนก็ได้ เช่นนั้นเจ้าเอามาอีกห้าร้อยตำลึง"เซียวอวี่เชียนล้วงเงิน ก่อนจะเห็นเงินห้าร้อยตำลึงสุดท้ายที่มีติดตัวแล้วก็รู้สึกปวดใจกู้ชูหน่วนแย่งเงินมา นับเงินอย่างคล่องแคล่ว ยกยิ้มพึงพอใจ"เสี่ยวเชียนเชียนเป็นเด็กดีนัก วันหน้าพี่จะเอ็นดูเจ้าให้มาก""…"ไม่ใช่แค่เซียวอวี่เชียนที่ตกตะลึง แม้แต่ชิวเอ๋อร์ยังทำตัวไม่ถูกเอ็นดูเจ้าให้มาก?นางเป็นหญิง เหตุใดถึงกล้าพูดจาเช่นนี้ยิ่งเห็นท่าทียามเดินผิวปากออกไปอย่างลิงโลด พวกเขาก็ขนลุกชูชันไปทั้งตัวเซียวอวี่เชียนมุมปากกระตุก ตะโกนลั่นอย่างขุ่นเคือง "บอกแล้วอย่างไรเล่าว่าห้ามเรียกข้าว่าเสี่ยวเชียนเชียน""รู้แล้วน่า เสี่ยวเชียนเชียน"ให้ตายสิหญิงผู้นี้จงใจแกล้งเขาให้อกแตกตายสินะ?ชิวเอ๋อร์ปาดเหงื่อ รีบวิ่งตามติด"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่ท่านทำเกินไปหรือไม่ เพิ่งเข้าเรียนในสำนักบัณฑิตก็มีเรื่องกั

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 18

    หลังจากหญิงผู้นั้นทำให้เจ้านายต้องแปดเปื้อน อารมณ์ของเจ้านายก็ยิ่งแปรปรวน บ่าวที่คอยปรนนิบัติถูกตัดหัวไปแล้วไม่รู้กี่คนทว่าสูตรยาที่หญิงนางนั้นให้มาได้ผลดียิ่งนักอาการพิษกำเริบของเจ้านาย ตั้งแต่เริ่มใช้สูตรยาของนาง อาการกลับดีขึ้นมากจริงๆ ไม่ได้ทรมานเหมือนแต่ก่อนแล้วหากจับตัวหญิงนางนั้นมาได้ บางที่อาจจะรักษาพิษที่เจ้านายโดนได้หายขาด"นายท่าน เรื่องการแต่งงาน พวกเราจะล้มเลิกหรือไม่?"ได้ยินดังนั้น เย่จิ่งหานก็เผยยิ้มร้าย รอบกายแผ่นรังสีทรงอำนาจ ราวกับกษัตริย์จากสวรรค์ผู้ควบคุมทุกสรรพสิ่ง"กล้าเล่นงานข้า ย่อมรู้ว่าต้องต้านทานไฟโกรธของข้าได้"เอ่อ..แล้วเรื่องแต่งงานจะล้มเลิกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?ฮ่องเต้แสร้งไม่รู้ไม่เห็น ไม่กล้าแม้แต่จะมีเรื่องกับนายท่านด้วยอำนาจของนายท่าน เพียงแต่ขยับนิ้ว ก็สามารถทำให้พระองค์กลิ้งตกจากบัลลังก์ได้คุณหนูสามตระกูลกู้เป็นหญิงอัปลักษณ์ที่เลื่องชื่อไปทั่วแคว้นเย่ ให้นายท่านแต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์เช่นนั้น หากมิใช่หยามเกียรตินายท่านแล้วจะเรียกว่าอะไร?ชิงเฟิงคิดว่าเย่จิ่งหานต้องล้มการแต่งงานครั้งนี้แน่นอนคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทอดสายตามองไปทางที่กู้

Latest chapter

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 262

    เยี่ยเฟิงจัดใหม่อีกรอบ เพื่อให้ดูเป็นระเบียบมากขึ้น มุมปากยกขึ้นเบาๆ "ข้าก็คิดว่างามเช่นกัน""ที่จริงเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้าผู้นี้นั้นเลี้ยงง่ายนัก ผัดกับข้าวอะไรก็ได้มาอย่างสองอย่างก็พอแล้ว เจ้า..."กู้ชูหน่วนยังไม่ทันพูดจบ เยี่ยเฟิงเหลือบมองดูฟ้า ก่อนจะปิดฝาตระกร้าสำรับ ริมปีากแดงระเรื่องขยับเบาๆ "พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว จะไม่ทันกาลแล้ว รบกวนเจ้าหลีกทางหน่อย""ห้ะ..."กู้ชูหน่วนตะลึงงันกับข้าวพวกนี้ไม่ได้ให้นางหรอกหรือหรือว่าเขิน จึงจะส่งไปให้ที่ห้องนางอย่างนั้นหรือท่ามกลางความสงสัย เยี่ยเฟิงกลับมาอีกรอบ ก่อนจะปลดผ้าคลุมบนใบหน้าของตนเอง แล้วเอ่ยถาม "แม่นางกู้ สีหน้าข้าดูแย่หรือไม่""ไม่...ไม่หรอก" ก็แค่ตาบวมไปหน่อยก็เท่านั้น"ขอบใจ"เยี่ยเฟิงกล่าวขอบคุณ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากโรงเจไป เหลือเพียงกู้ชูหน่วนและฝูกวงที่กำลังมองหน้ากันตาปริบๆนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือเยี่ยเฟิงไม่เห็นว่านายหญิงอยู่ที่นี่หรอกหรือกู้ชูหน่วนกระแอมสองสามที "เยี่ยเฟิงหน้าบาง พวกเราต้องเข้าใจ ไป กลับห้องไปกินกับข้าวเจที่เยี่ยเฟิงทำกันเถอะ""ขอรับ"ทั้งสองคนเดินตามกันออกไปจากโรงเจ แต่พวกเข

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 261

    "ไม่ใช่ปัญหา จากที่นี่ไปเสี่ยวเหอชุน ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งก็ไม่พอ ไม่สู้อยู่ที่นี่ต่ออีกสักวันสองวัน"เอ๊ะ...ไม่ใช่ว่าเยี่ยเฟิงรีบอยากจะกลับไปที่สุดหรอกหรือเหตุใดถึงจะไม่กลับอีกแล้วล่ะต้องมีลับลมคมในเป็นแน่อีกทั้งต้องเป็นเรื่องใหญ่มากด้วย"เจ้า...คงจะไม่ได้คิดสั้นหรอกนะ..." กู้ชูหน่วนหยั่งเชิงเยี่ยเฟิงชะงัก จากนั้นเมื่อรู้ถึงความเป็นห่วงของกู้ชูหน่วน เขาก็เผยยิ้มอ่อนโยนที่เห็นได้ไม่บ่อยนักออกมา"วางใจเถอะ ข้าไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น อีกอย่าง...ข้ายังมีคนในครอบครัวให้ต้องดูเล" นอกจากท่านยาย ยังมีท่านพ่อท่านแม่ที่ล้วนแต่ต้องการการดูแลจากเขาทั้งสิ้นแม้เขาจะไม่สามารถเปิดเผยตัวคนกับท่านพ่อท่านแม่ได้ แต่เขาจะคอยอธิษฐานให้พวกเขาลับหลังอยู่เงียบๆกู้ชูหน่วนโล่งใจ "รีบบอกแต่แรกสิ เจ้าจะซื้อกับข้าวอะไรบ้าง ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่""ไม่ต้อง ข้าไปคนเดียวก็พอ อย่างไรก็ชินแล้ว""ได้ มีสิ่งใดต้องการให้ช่วยก็บอกได้เลย""อืม"แผ่นหลังผอมบางของเยี่ยเฟิงหายไปจากในวัด กู้ชูหน่วนลูบปลายคางพลางพึมพำกับตัวเอง "เสี่ยวฝูกวง เจ้ารู้สึกบ้างไหมว่าเยี่ยเฟิงมีบางอย่างไม่ปกติ""มีด้วยหรือ ข้าน้อย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 260

    กู้ชูหน่วนถือหญ้าตี้อวี้ไว้ในมือ แต่กลับไม่มีอารมณ์ที่จะฟื้นฟูใบหน้าเลยแม้แต่น้อย จึงโยนหญ้าตี้อวี้กลับเข้าไปในแหวนปริภูมิ แล้วไปที่ศาลาในวัดเพื่อปล่อยใจให้ว่างเปล่าเพียงลำพังฝูกวงไม่รู้ว่าปรากฏตัวข้างกายนางเมื่อใดและปลอบโยนว่า "นายหญิง คุณชายเยี่ยเฟิงจิตใจดี สวรรค์จะไม่ทอดทิ้งเขาแน่นอน"กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะข้ากำหนดชะตาของข้าเอง ไม่ใช่สวรรค์นางไม่เคยเชื่อสวรรค์หากสวรรค์มีตา ก็คงส่งคนที่รังแกเขาลงนรกไปนานแล้ว จะลอยหน้าลอยตาเช่นนี้ได้อย่างไร"ฝูกวง ช่วยข้าทำอะไรสักหน่อยได้หรือไม่""นายหญิงเชิญสั่ง ข้าจะทำทุกอย่าง""ช่วยข้าสืบประวัติของเยี่ยเฟิง ข้าอยากรู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาคือใคร" บางทีการพบพ่อแม่ที่แท้จริงอาจช่วยบรรเทาใจที่ปวดร้าวลงได้บ้าง"ขอรับ ข้าน้อยจะสืบหาประวัติของคุณชายเยี่ยให้ได้ และจะรีบมารายงานข่าวดีให้นายหญิงทราบ""ได้"เวลาผ่านไปหลายถ้วยน้ำชา ประตูห้องของเยี่ยเฟิงก็เปิดออกกู้ชูหน่วนส่งสายตาให้ฝูกวง เป็นสัญญาณให้ตามนางไปโดยเร็ว เพื่อหลบเลี่ยงไม่ให้เยี่ยเฟิงบังเอิญเจอพวกเขา ทำให้ศักดิ์ศรีของเขาถูกทำลายลงไปอีก เพราะตาของเขาบวมแดงมาก พวกเขาพยายามจะทำเป็นไม่ส

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 259

    เยี่ยเฟิงในใจมีความรู้สึกบางอย่างที่ร้องเรียกให้เขาไปปรากฏตัวแม้เขาจะกลัว ก็อยากเปิดเผยตัวตนแต่คำพูดของซิ่งเอ๋อร์ทำให้ขาที่ยกขึ้นมาแล้วก้าวออกไปไม่ได้อีกต่อไปองค์ชาย......องค์ชายแห่งแคว้นฉู่?แล้วนางก็คือ......ฮองเฮาแห่งแคว้นฉู่?ฮองเฮาฉู่เอ็ดว่า "ระวังจะมีคนได้ยิน""เหนียงเหนียงทรงระแวงมากเกินไป ที่นี่ไม่มีใครหรอก พวกเรามาไหว้พระที่วัดไป๋อวิ๋นทุกปีก็ไม่เคยเห็นคนร้ายเลยสักคน ที่นี่ดูแลดีมากเพคะ""ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรพูดจาไร้สาระ""เพคะๆ ๆ บ่าวพูดผิดไป แต่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งพระสนมนับสามพันคนไว้ประดับบารมี แต่ก็ไม่เคยทรงโปรดปรานพระสนมองค์ใดนอกจากพระองค์เลย พระองค์กับฮ่องเต้ทรงมีองค์ชายเพียงองค์เดียว พระองค์มีสถานะสูงส่งมาก สวรรค์จะไม่คุ้มครองพระองค์แล้วจะคุ้มครองใครเล่าเพคะ""ข้าเพียงเขาปลอดภัยและมีสุขภาพดีก็พอแล้ว ส่วนเขาจะเป็นองค์ชายที่สูงส่งที่สุดในแคว้นฉู่หรือไม่ ไม่สำคัญแล้ว" ฮองเฮาฉู่ปักธูปลงกระถาง แล้วถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าเยี่ยเฟิงพิงประตูอย่างไร้เรี่ยวแรง น้ำตาไหลอาบแก้มใบหน้าของเขาซีดเผือกทันทีองค์ชาย......สูงส่งมาก......แต่เขา......เขาก็แค่ของเล่นของนาย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 258

    ขณะที่เยี่ยเฟิงเดินมาถึงประตูวิหารใหญ่ ซิ่งเอ๋อร์และฮองเฮาฉู่ได้พูดคุยกัน ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ม่านตาหดเล็กลง ราวกับว่าเท้าของเขามีน้ำหนักเป็นพันชั่ง เขาจึงก้าวต่อไปไม่ได้"ฮูหยิน ท่านชายน้อยหายตัวไปนานหลายปีแล้ว แม้ว่ายามนี้เขาจะยืนอยู่ตรงหน้าท่าน ท่านก็อาจจะจำเขาไม่ได้ จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?""ยามนั้นที่ข้าคลอดบุตรยากและสลบไป ข้าเห็นดอกเหมยที่บริเวณไหล่ซ้ายด้านหลังของเขา ดอกเหมยที่กำลังเบ่งบาน ข้ายังคิดว่าทำไมเด็กชายถึงมีปานรูปดอกเหมยที่ไหล่ได้"ปาน......ดอกเหมย?เยี่ยเฟิงหายใจเร็วขึ้นเขาใช้ความพยายามอย่างมากจึงสามารถยืนอยู่หลังประตูได้ร่างกายเย็นเฉียบแนบชิดประตู ราวกับว่าหากไม่แนบชิดประตู เขาก็จะยืนไม่ไหวไหล่ซ้ายด้านหลังของเขา......ก็มีปานเป็นรูปดอกเหมยเช่นกัน และยังเป็นดอกที่กำลังเบ่งบาน......แม่เฒ่าบอกว่า ตั้งแต่เขาเกิดก็......มี......"แค่ปานรูปดอกท้อ จะสามารถระบุตัวท่านชายน้อยได้อย่างไร? แล้วหากมีคนปลอมตัวล่ะเจ้าคะ?""เป็นไปไม่ได้ ดอกเหมยดอกนั้นแตกต่างจากดอกเหมยอื่นๆ กลีบดอกน้อยกว่าดอกเหมยทั่วไปหนึ่งกลีบ นอกจากข้าและแม่นมแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องนี้

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 257

    เมื่อได้ยินคำพูดของสาวใช้ เยี่ยเฟิงหันมองเล็กน้อยฮูหยินผู้นั้นกับลูกชายแท้ๆ ถูกพรากจากกันมานานถึงสิบแปดปี และเขาก็พลัดพรากจากพ่อแม่แท้ๆ มาสิบแปดปี นางอาจเป็นแม่ของเขาใช่หรือไม่?เมื่อมองดูฮูหยินอีกครั้ง ท่าทางสง่างาม พูดจาไพเราะ แม้จะอายุมากแล้ว แต่ใบหน้าก็ดูแลอย่างดี ไม่เหมือนคนยากจนเลยฮูหยินสูงศักดิ์เช่นนี้ จะเป็นแม่แท้ๆ ของเขาได้อย่างไรกันเยี่ยเฟิงหัวเราะเสียงเบาเขาคงคิดถึงพ่อแม่จนเพี้ยนไปแล้วฮองเฮาฉู่ตาแดงก่ำ ความเศร้าโศกแวบผ่านไป "ยามนั้น ลูกชายคนเล็กของข้าหลินเอ๋อร์ถูกขโมยไปที่นอกเมืองชิงหง ราชครูบอกว่า หากอยากจะตามลูกชายคนเล็กกลับมา ก็ต้องมาไหว้พระที่วัดไป๋อวิ๋น ราชครูชำชองวิชาห้าธาตุแปดทิศ สามารถมองเห็นอดีตและอนาคตได้ เขาไม่โกหกข้าแน่นอน""แต่ท่านมาไหว้พระที่นี่ทุกปี และเมื่อก่อนก็มาสวดมนต์ที่วัดไป๋อวิ๋นทุกวัน ไม่ใช่ว่ายังหาเด็กชายคนนั้นไม่เจอหรอกหรือ"พอนึกถึงเรื่องในอดีต ซิ่งเอ๋อร์ก็ร้องไห้เมื่อเด็กน้อยถูกขโมยไป ฮองเฮาก็คิดถึงทุกวัน กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ในช่วงสิบปีแรก อยู่ที่วัดไป๋อวิ๋นสวดมนต์ทุกวัน เพื่อเพิ่มบุญให้กับท่านชายน้อย หวังว่าจะได้กลับมาเป็นครอบครัวก

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 256

    กู้ชูหน่วนพยักหน้าเบาๆ “เช่นนั้นไปพักที่วัดไป๋อวิ๋นก่อนก็แล้วกัน”กู้ชูหน่วนก็ไม่รู้จะปลอบเยี่ยเฟิงอย่างไรเรื่องแบบนี้ต้องให้เขาคิดเองนางก็ไม่ได้ตั้งใจจะเห็นฉากนั้น เป็นเรื่องบังเอิญล้วนๆเยี่ยเฟิงแม้จะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่นางก็รู้สึกได้เขามองนางเป็นเพื่อน และเพราะว่ามองนางเป็นเพื่อน จึงไม่อยากให้นางเห็นฉากที่น่าอับอายที่สุดของเขา“ร่างกายยังไหวหรือไม่? ห่กไม่ไหว เราพักที่นี่ก่อนก็ได้”“ไหว ไปกันเถอะ ประเดี๋ยวเหล่าทหารจะไล่ตามมา”เยี่ยเฟิงเดินนำไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่ปรากฏสีหน้าใดๆฝูกวงอธิบาย “วันนั้นในป่าไผ่ที่พลัดหลงกับนายหญิง พวกข้าเจอกับนายท่านของเผ่าหมอหลายคน พวกข้ายืนหยัดต่อสู้ไม่ไหว เยี่ยเฟิงขาช้าก็เลยถูกจับไป ข้าน้อยหานายหญิงไม่เจอ จึงแอบแฝงตัวเข้าไปในเผ่าหมอเพื่อไปช่วยเยี่ยเฟิง แต่ไม่นึกว่าจะเจอนายหญิงในเผ่าหมอ เรื่องต่อจากนั้น นายหญิงก็รู้แล้ว”“อืม ไปกันเถอะ”วัดไป๋อวิ๋น ที่นี่เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของวัดชิงหง มีผู้มาทำกราบไหว้ไม่ขาดสาย ภายในวัดมีสามเณรน้อยเดินไปมาให้เห็นกู้ชูหน่วนประนมมือด้วยท่าทางนอบน้อม "ท่านเณรน้อย ได้ยินมาว่าวัดไป๋อวิ๋นศักดิ์สิทธิ์มาก พ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 255

    เมื่อพลังของค่ายกลลดลง กู้ชูหน่วนจึงพบทางลับเข้าไปได้แต่ทางลับนี้กลับไม่ใช่ทางลับที่เพิ่งแยกจากหัวหน้าเผ่าหมอมานางรู้สึกสงสัยค่ายกลนี้แปลกประหลาดอะไรเช่นนี้?เมื่อครู่ยังป้องกันได้อย่างแน่นหนา ไม่มีที่ให้โจมตี แต่ยามนี้กลับกลายเป็นค่ายกลที่พุพังไปได้?มีใครมาช่วยนางทลายค่ายกลไปครึ่งหนึ่งหรือไม่?มีใครในเผ่าหมอช่วยนางทลายค่ายกลหรือไม่?หรือว่าจะเป็นอาโม่?"นายหญิง เราพบทางลับเข้าไปแล้ว ทำไมยังไม่รีบออกไป หรือว่าจะต้องตามหาอะไรอีกหรือ" ฝูกวงถามด้วยความมึนงงไม่ไกลนัก หัวหน้าเผ่าหมอยกมุมปากด้วยรอยยิ้มที่หยิ่งยโส แล้วยกมือขาวขึ้นเบาๆ ดมกลิ่นดอกไม้ในมือด้วยท่าทางกระหาย และเปล่งเสียงออกมาจากมุมปาก"โง่นัก นางกำลังตามหาข้าอยู่แน่นอน หากหาข้าไม่เจอ นางจะหนีไปได้อย่างไร"กู้ชูหน่วนกวาดตามองไปรอบๆ ที่นี่เงียบสงบ ไม่มีเงาของใครเลย แต่ไกลออกไปมีแสงไฟลุกโชน ไม่รู้ว่ามีทหารจำนวนเท่าใดกำลังตามล่าพวกนางอยู่นางเหลือบมองทางลับ แล้วมองไปยังแสงไฟที่อยู่ไกลออกไป กัดฟันแน่น "ไป"อาโม่เดินเล่นในเขาดูดวิญญาณราวกับเดินเล่นในสวนของตัวเอง คงจะรอนางไม่ไหวแล้วน่าจะจากไปแล้วแล้วนางก็รู้ทางลับหลาย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 254

    กู้ชูหน่วนเดินวนกลับมาอีกรอบนางเอามือลูบขมับที่ปวดตุบ แล้วเอ่ยออกมาเสียงเบาว่า "พวกเราติดอยู่ในค่ายกลแล้ว และเป้นค่ายกลที่ทรงพลังมากๆ ด้วย""นายหญิง ท่านมีวิธีทลายค่ายกลนี้หรือไม่"กู้ชูหน่วนส่ายศีรษะนางไม่เคยเห็นค่ายกลที่ซับซ้อนขนาดนี้มาก่อนในชีวิต หากจะให้ทลายคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามถึงห้าปี"หากทางลับออกไปไม่ได้ ข้าขออาสาคุ้มกันให้พวกเจ้าออกทางประตูใหญ่""ข้าจำได้ว่ามีทางลับหลายทาง ไปทางนี้กันก่อนดีกว่า แล้วค่อยออกทางประตูใหญ่""ได้"หัวหน้าเผ่าหมอถูกตบหน้าเข้าอย่างจังเซวี่ยซาก้มศีรษะลงต่ำ แทบอยากหายตัวไปเลยเสียประเดี๋ยวนี้เขาคิดว่าหัวหน้าเผ่าหมอจะโกรธ แต่กลับได้ยินเสียงของหัวหน้าเผ่าหมอที่เรียบเฉยดังขึ้น"ถูกต้องแล้ว ไปทางนี้แหละ เมื่อครู่ข้ารอนางอยู่ที่ทางลับนั่นเอง"เซวี่ยซา "เอิ่ม......""เซวี่ยซา ไปดูกันดีกว่า""ขอรับ"เซวี่ยซาเดินตามหัวหน้าเผ่าหมอ และตามพวกกู้ชูหน่วนติดๆทว่าพวกกู้ชูหน่วนเดินวนไปวนมา ราวกับอยู่ในเขาวงกตขนาดใหญ่ นางทำเครื่องหมายไว้ตลอดทาง แต่ก็ยังวนกลับมาอยู่ดี หากไม่ใช่เพราะพวกเขาเปิดทางให้ คงปะทะกับยามเฝ้าเวรไปแล้วเขาเตือนด้วยความระมัดร

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status