หยางเพ่ยเพ่ยแพทย์ทหารจากศตวรรษที่21 เธอเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่ที่น่าแปลกคือทำไมเธอกลับฟื้นขึ้นมาได้ แถมยังกลายมาเป็นชายาเอกของท่านอ๋องจอมโหดที่ใครๆ ต่างรู้ว่าเขามีนางในดวงใจอยู่แล้วเนี่ยสิ
ดูเพิ่มเติมฝูเหวินตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนล้า นางหลับไม่ค่อยสนิทในคืนที่ผ่านมา เพราะมัวแต่คอยจัดแจงให้อิงหลัวไปสืบดูว่าอ๋องหมิงกลับถึงตำหนักใหญ่แล้วหรือยังเมื่อวานนางรอให้อ๋องหมิงมารับสำรับเย็นด้วยกันจนมืดค่ำแต่เขาก็ยังไม่กลับมา นางรอข่าวจากอิงหลัวไม่ไหวจึงหลับไปเสียก่อนฝูเหวินค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งเอนหลังพิงที่หัวเตียง นางรับน้ำชาจากอิงหลัวมาดื่ม"อิงหลัว เมื่อวานท่านอ๋องกลับถึงตำหนักยามใดหรือ ข้าทนรอฟังข่าวจากเจ้ามิไหว""ยามจื่อเจ้าค่ะ แต่…" อิงหลัวละล่ำละลัก มิรู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี"แต่อะไร""ท่านอ๋องมิได้บรรทมที่ตำหนักใหญ่เจ้าค่ะ"ฝูเหวินเมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไป แววตาบ่งบอกได้ถึงความกังวล"หากท่านอ๋องไม่ได้บรรทมที่ตำหนักใหญ่แล้วทรงไปบรรทมที่ใด"นางเอ่ยถามเสียงสั่น ในใจก็ขอว่าอย่าให้เป็นอย่างที่นางคิดเลย"เอ่อ…ทรงบรรทมที่ตำหนักจันทราเพคะ"
อ๋องหมิงประกบปากจูบดูดดึงริมฝีปากบางของเพ่ยเพ่ยอย่างเร่าร้อนและรุนแรง มือแกร่งของเขารวบข้อมือเล็กสองข้างของนางแล้วยึดมันไปไว้เหนือศรีษะด้วยมือเพียงข้างเดียว มืออีกข้างหนึ่งล้วงเข้ามาในสาบเสื้อของนางก่อนที่มือใหญ่จะขยำอกอวบเกินวัยของนางจนแทบแหลกคามือของเขา "อ๊ะ อย่านะ...อื้อ" เพ่ยเพ่ยอ้าปากร้อง แต่ยังไม่ทันได้มีโอกาสพูดอะไรออกมาลิ้นหนาของคนเอาแต่ใจก็สอดเข้ามาดูดดึงรุกไล้ไปกับลิ้นเล็กของนางอีกครั้ง เพ่ยเพ่ยสั่นไปทั้งตัว เขาแทบจะกลืนกินนางด้วยจูบอันเร่าร้อน สายตาคมร้ายกาจราวกับสุนัขที่เห็นเหยื่อชิ้นโต แววตาหื่นกระหายราวกับหิวโหยมาหลายเพลานั้นทำให้นางอดหวั่นใจไม่ได้ ลิ้นหนาแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นเรียวของนาง เขาพยายามต้อนนางให้จนมุม ในขณะที่ริมฝีปากและเรียวลิ้นของเขายังทำงานอยู่ มือหนาก็ลูบไล้ไปมาตามส่วนเว้าส่วมโค้งบนเรือนร่างของนางไม่หยุด สัมผัสจากมือของเขาสร้างความวาบหวามให้นางเป็นอย่างมาก "อื้อ" เพ่ยเพ่ยส่งเสียงครางประท้วงออกมาจากในลำคอ เขากำลังพยายามทำใ
เพ่ยเพ่ยได้หนังสือแพทย์ที่น่าสนใจมาสี่ห้าเล่มและเข็มเงินอีกหนึ่งชุด นางเคยศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์แพทย์แผนจีนและการฝังเข็มมาบ้างในชาติที่แล้ว ชาตินี้นางคงต้องรื้อฟื้นความจำ ปัดฝุ่นความรู้เก่าและศึกษาเพิ่มเติมสักเล็กน้อย เพ่ยเพ่ยรีบพาชิงชิงแอบกลับเข้าตำหนักทางประตูด้านหลัง ครั้งนี้นางจะไม่ยอมให้ใครจับได้อีก เมื่อกลับมาถึงตำหนักจันทราโดยปลอดภัยแล้วชิงชิงถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก "ไม่ทำเช่นนี้อีกแล้วนะเจ้าคะคุณหนู ข้าล่ะใจหายใจคว่ำ หากท่านอ๋องจับได้ขึ้นมาคุณหนูจะต้องโดนโทษหนักแน่เจ้าค่ะ" ชิงชิงสีหน้าเริ่มกลับมาดีขึ้นหลังจากที่ทำหน้าตาหดหู่มาตลอดช่วงบ่าย เพราะกลัวว่าอ๋องหมิงจะจับได้ "เอาเถอะๆ ข้าจะแอบออกไปให้น้อยลงหน่อยก็แล้วกัน ตอนนี้ข้ามีเรื่องให้ทำแก้เบื่อแล้ว คงจะไม่ได้ออกไปเดินเล่นอีกพักใหญ่" เพ่ยเพ่ยหยิบตำราหลายเล่มในมือขึ้นมาให้ชิงชิงดู "ดีแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูหิวหรือไม่เจ้าคะ ให้ข้าแจ้งคนครัวจัดสำรับเย็นเลยไหมเจ้าคะ" "ข้าอยากอาบน้ำเสียก่อนแล้วค่อยรับสำรับก็แล้วกั
อ๋องหมิงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฮ่องเต้ฟังอย่างไม่ปิดบังใดๆ ฮ่องเต้โมโหเป็นอย่างมากพาลไม่ชอบฝูเหวินมากขึ้นไปอีก "จะอย่างไรเจิ้นก็ไม่มีทางยอมให้ฝูเหวินขึ้นเป็นพระชายาเอกของเจ้าแน่นอน ถึงแม้จะไม่มีคุณหนูหยาง เจิ้นก็จะหาชายาใหม่มาแต่งให้เจ้า เจ้าอย่าได้คิดยกฝูเหวินขึ้นมาแทนที่นาง เจิ้นไม่เห็นความเหมาะสมใดๆ " เขารู้สึกไม่ถูกชะตากับฝูเหวินเท่าไหร่ แม้แต่องค์ไทเฮาเองก็เช่นกัน นางผูกติดชีวิตตนเองกับอ๋องหมิงมากเกินไป อีกทั้งร่างกายนางเองก็อ่อนแอ หมอหลวงที่เคยไปรักษานางเคยทูลเขาแล้วว่านางไม่สามารถมีบุตรได้และนางก็ไม่มีคุณสมบัติใดๆ ที่จะช่วยส่งเสริมอ๋องหมิงได้เลย นางไม่สามารถมีทายาทให้แก่ราชวงศ์ได้ยังมิเท่าไหร่ แต่จะให้พระอนุชาของเขาผูกชีวิตติดอยู่กับนางเพียงผู้เดียวเช่นนี้ก็คงจะเป็นไปมิได้ "พระองค์อย่าได้บังคับกันมากจนเกินไปนัก หากหมดธุระแล้วเปิ่นหวางขอทูลลา" อ๋องหมิงเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ ทำไมเสด็จพี่จะต้องบังคับเขาเรื่องนี้ด้วย หากไม่มีคุณหนูหยางก็จะยัดเยียดคนอื่นมาให้เขาอีกอย่างนั้นรึ ทำไมเขาจึงเลือกคู่ครองของตัวเอง
เพ่ยเพ่ยตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวจากฤทธิ์สุราที่ดื่มเข้าไปเมื่อวาน นางยังคงนั่งหลับตาอยู่บนเตียงด้วยความง่วงเต็มเปี่ยม เพ่ยเพ่ยตื่นได้สักพักแล้วเพราะชิงชิงเข้ามาปลุกก่อนหน้านี้ หากปล่อยให้นางตื่นเองอย่างไรก็คงไม่มีมีทางเป็นไปได้แน่ "คุณหนูรับน้ำชาสักหน่อยไหมเจ้าคะ จะได้สดชื่นขึ้นเจ้าค่ะ" ชิงชิงยกกาน้ำชาเข้ามา ก่อนจะรินน้ำชาเตรียมไว้ให้ผู้เป็นนาย "อืม ดีเหมือนกันชิงชิง" ชิงชิงส่งจอกชาให้เพ่ยเพ่ยแล้วจึงหันกลับไปจัดการเตรียมข้าวของไว้สำหรับเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เพ่ยเพ่ย เช้านี้เพ่ยเพ่ยนั่งเป็นหุ่นให้ชิงชิงจัดการทุกอย่างตามใจชอบ วันนี้ถือว่านางเป็นหุ่นที่ดีมากกว่าทุกวัน ชิงชิงเองก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะปกติแล้วเพ่ยเพ่ยจะคอยห้ามนู่นห้ามนี่ตลอดเวลาที่ชิงชิงโหมประโคมแต่งตัวและเครื่องประดับให้นาง เพ่ยเพ่ยมักจะบ่นเสมอว่านาง ‘หนักหัว’ หรือ ‘มันเยอะจนเกินไป ข้ามิใช่นางเอกงิ้ว’ แต่วันนี้นางไม่สามารถต่อสู้กับความง่วงได้ เพ่ยเพ่ยไร้ซึ่งแรงต่อต้านใดจ
ด้วยอารมณ์โกรธอ๋องหมิงเดินตรงดิ่งไปที่ห้องหนังสือและกระแทกปิดประตูเสียงดังลั่น พร้อมกับตะโกนสั่งองครักษ์คนสนิท"อย่าให้ผู้ใดมารบกวน!"เหลยคังที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูได้ยินเสียงดังโครมคราม เสียงของกระแทกบ้าง เสียงของแตกบ้างดังมาจากข้างในห้องอยู่เป็นระยะท่านอ๋องคงจะระบายอารมณ์อยู่เป็นแน่ ไม่ได้เห็นท่านอ๋องอารมณ์รุนแรงเช่นนี้มานานแล้ว พระชายาทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ถึงเพียงนี้อ๋องหมิงนั่งกอดอกทำหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงาน พยายามระงับอารมณ์ของตนเองไม่ให้เดือดดาลไปมากกว่านี้ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดีหยางเพ่ยเพ่ยเขาควรทำให้นางทุกข์ทรมานจนไม่สามารถทนอยู่ที่นี่ได้ หรือจะอ้างว่านางทำตัวไม่เหมาะสมแล้วขอให้เสด็จพี่ประทานหนังสือหย่าให้นางเสีย เขายอมแต่งงานกับนางตามราชโองการแล้วนี่ ก็มิใช่ว่าเสด็จพี่จะยกเลิกราชโองการไม่ได้ หากเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่านางประพฤติตัวไม่เหมาะสมหึ...ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าไปเสวยสุข สตรีร้ายกาจเช่นเจ้าควรได้รับบทเรียน ให้ทนทุกข์อยู่กับข้าเสียที่นี่ให้สาสมเสียก่อน เบื่องั้นรึ ดี! ให้นางทนเบื่ออยู
"พ่อบ้านหม่า เดี๋ยวข้าจะเดินไปส่งพระชายาที่ตำหนักของนางก่อนแล้วจึงจะไปพบท่านอ๋อง เจ้าแจ้งท่านอ๋องด้วยแล้วกันว่าข้ากำลังจะไปหา หากท่านอ๋องไม่ถามก็ไม่ต้องพูดเรื่องของพระชายาจะดีกว่า" "ขอรับท่านรองแม่ทัพ" พ่อบ้านรับคำแล้วจึงเดินเบี่ยงออกไปอีกทางเพื่อแจ้งแก่ผู้เป็นนาย แม้ในใจจะรู้สึกสงสัยอยู่ไม่น้อยเลยก็ตาม "เพ่ยเพ่ย เจ้าเดินไหวหรือไม่ อีกประเดี๋ยวก็ถึงตำหนักเจ้าแล้ว" "ไหวเจ้าค่ะ ข้าไหว เพ่ยไม่ได้มาว" หลิงฟงส่ายหน้าไปมา เจ้าก้อนซาลาเปาทำไมถึงได้เมาขนาดนี้กัน คงจะไม่เคยดื่มมาก่อนสิท่า กระดกจอกเหล้าตามพวกเขาเยี่ยงบุรุษ ไม่ประมาณตนเอาเสียเลย "คุณหนูรีบเดินเถอะเจ้าค่ะ เกิดท่านอ๋องมาเห็นเข้า พวกเราจะลำบากนะเจ้าคะ" ชิงชิงเอ่ยเร่งให้คุณหนูของนางให้ความร่วมมือ เพราะยามนี้นางทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงใส่คนช่วยพยุงทั้งสอง "ใครกลัวเจ้าอ๋องบ้านั่นกันฮะ! ลองเข้ามาใกล้ข้าสิ ข้าจะแทงให้พลุนทั้งตัวไปเล้ยยย ฮ่าๆ " เพ่ยเพ่ยทำไม้ทำมือเหมือนกำลังจ้วงแทงคนในกลางอากาศ
"เจ้ารู้จักพวกนางหรือ? " หยางเฟยเอ่ยถามไป๋หลิงฟง เพราะเห็นอยู่ว่าสหายของตนจ้องมองพวกนางไม่วางตา แถมยังยิ้มแปลกๆ ดูมีพิรุจนัก "เจ้าเรียกสองคนนั้นว่า 'พวกนาง' อย่างนั้นรึ" ไป๋หลิงฟงถามหยางเฟยเพื่อไขความกระจ่างให้กับการคาดคะเนของตน "ฮ่าๆ พวกนางเป็นสตรีจริงๆ สินะ ข้าก็ว่าข้ามองไม่ผิดแน่ ใบหน้าเรียวเล็ก รูปร่างก็บอบบางแต่กลับมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ท่าทางการเดินก็มิเหมือนบุรุษเลยสักนิด ดูขัดๆ อย่างไรมิรู้" "เจ้าจำนางไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอกหลิงฟง" "เจ้าถามเช่นนี้ หมายความว่าข้าเคยรู้จักนางมาก่อนอย่างนั้นรึ ทำไมข้ามิยักจะจำได้ว่าเคยรู้จักสตรีงดงามเช่นนี้เลย" ไป๋หลิงฟงขมวดคิ้ว พยายามคิดให้ออกว่าตนเคยรู้จักพวกนางด้วยหรือ "นั่นเพ่ยเพ่ยเจ้าก้อนซาลาเปาที่คอยวิ่งตามติดเจ้าตอนเด็กอย่างไรเล่า ใครจะไปคิดว่าโตขึ้นมาจะงดงามถึงเพียงนี้ใช่ไหมล่ะ" หยางเฟยพูดจบก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจในความงดงามของน้องสาวตัวเอง
เวลาล่วงเลยมาเดือนกว่าแล้วที่เพ่ยเพ่ยได้เข้ามาอยู่ในร่างใหม่นี้ ยามนี้ร่างกายเธอกลับมาแข็งแรงดีแล้ว มีเพียงรอยแผลตรงข้อมือและข้อเท้าที่ยังคงต้องใช้เวลาอีกนานกว่ารอยแผลจะไม่ปรากฏหรือบางทีอาจจะมีรอยจางๆ ให้เห็นไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ ตอนนี้เพ่ยเพ่ยเริ่มชินกับสภาพแวดล้อมและการใช้ชีวิตประจำวันที่นี่ รวมถึงนิสัยใจคอของชิงชิงบ้างแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอ๋องหมิงไม่เคยย่างกรายเข้ามาในตำหนักจันทราเลย ไม่แม้แต่กระทั่งจะมาเยี่ยมดูอาการป่วยของนางเลยสักนิด แต่นั่นคือสิ่งที่เพ่ยเพ่ยต้องการ นางไม่ได้อยากเจอเขาเสียหน่อย วันนี้อากาศดีกว่าทุกวันเพ่ยเพ่ยจึงได้ชวนชิงชิงให้ออกมาเดินเล่นที่สวนข้างตำหนักของนาง ไม่ไกลจากตำหนักมีบ่อน้ำขนาดกลาง ภายในบ่อน้ำมีปลามากมายแหวกว่ายไปมา ดูแล้วก็ทำให้สบายใจขึ้นมาบ้าง เพ่ยเพ่ยนั่งดูพวกมันแล้วปล่อยใจที่ว่างเปล่านึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายในอดีตจนไม่ได้สนใจรอบกาย "คนอย่างเจ้ามีเรื่องต้องทุกข์ใจอันใด" เพ่ยเพ่ยสะดุ้งตกใจเพราะเสียงที่ดังอยู่ใกล้ๆ
ในวันเกิดอายุครบสามสิบสิบปี 'หยางเพ่ยเพ่ย' แพทย์ทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เธอได้รับภารกิจให้เข้าช่วยเหลือเพื่อนทหารจากสังกัดเดียวกันที่พลาดพลั้งให้กับฝ่ายตรงข้ามระหว่างปฏิบัติหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บ ผู้ที่เธอต้องเข้าช่วยเหลือนั้นคือหนึ่งในเพื่อนสนิทที่ฝึกมาพร้อมกันตั้งแต่สมัยที่เริ่มเป็นทหาร ด้วยความร้อนใจและไม่ทันระมัดระวังเธอจึงถูกฝ่ายตรงข้ามยิงเข้า "ปัง!" ในชั่วพริบตากระสุนนั้นได้วิ่งทะลุผ่านขั้วหัวใจของเธอ เพ่ยเพ่ยรู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่สามารถจะบรรยายได้ เมื่อภาพตรงหน้าค่อยๆ เลือนรางลงจนทุกอย่างกลายเป็นสีขาวสว่างจ้า เพ่ยเพ่ยวรู้สึกว่าร่างของตัวเองนั้นเบาหวิวและกำลังล่องลอยไปตามคลื่นกระแสของอะไรสักอย่าง ความรู้สึกแบบนี้ช่างประหลาดเหลือเกิน "นี่เราตายไปแล้วหรอ" เสียงพึมพำแผ่วเบาเปล่งออกมาก่อนที่เธอจะลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นมาอย่างช้าๆ เพ่ยเพ่ยกวาดสายตามองไปรอบตัว เมื่อปรับสายตาที่พร่ามัวให้เริ่มคงที่ได้แล้วเธอก็ต้องรู้สึกประหลาดใจกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า บรรยากาศรอบตัวของเธอเหมือ
ความคิดเห็น