หลังจากบ่าวชายที่อุตส่าห์มีน้ำใจเอ่ยคำอวยพรให้นางกลับไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวที่ก็กลับไปเช่นกัน ที่หน้าประตูจวนนั้นมีเพียงเพ่ยอันยืนอยู่เพียงผู้เดียว ในลานหน้าบ้านนั้นว่างเปล่าไม่มีผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว ตรงหน้าของนางคือเรือนขนาดเล็กเป็นเรือนแถวยาวคงจะมีห้องอยู่เพียงไม่กี่ห้องและมองไปเห็นเรือนเล็กที่ปลูกติดกันนั่นน่าจะเป็นโรงครัว เพราะที่ด้านหน้าเรือนมีโอ่งน้ำขนาดใหญ่สามโอ่งตั้งเรียงรายอยู่และมีชั้นวางของอยู่ใกล้ๆกัน
ในลานกว้างมีต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากอยู่สามต้นปลูกอยู่ในลานหน้าเรือน และมีกระถางต้นไม้เรียงรายอยู่หลายกระถางแต่ต้นไม้ในนั้นล้วนเหี่ยวแห้งเหมือนไม่มีคนรดน้ำมานานแล้ว มีอ่างบัวขนาดไม่ใหญ่มากสองอ่างที่ใต้ชายคาเรือนแต่ในอ่างบัวไม่มีน้ำสักหยดในอ่างนั้นก็แห้งผากมีแต่ซากต้นไม้แห้งอยู่ในนั้น
นางหันไปรอบๆก็ไม่พบใครสักคน จึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปที่ห้องใกล้กับโรงครัวแล้วเปิดประตูออกมองเข้าไปพบว่ามันเป็นห้องว่างเปล่า มีเตียงไม้ขนาดกลางวางอยู่ริมผนัง มีชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้เก่าๆ อยู่หนึ่งชุด มีโต๊ะเครื่องแป้งที่เก่าพอๆกับเครื่องเรือนทุกอย่างในห้อง แต่มันก็พอใช้งานได้ ในห้องนี้มีฝุ่นจับหนามาก คงจะต้องทำความสะอาดเสียแล้ว
เพ่ยอันวางหีบใบเล็กที่นางยกมาด้วยนั้น ลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเดินไปลากหีบใบใหญ่ที่มีข้าวของๆนางที่ขนมาจากเรือนเล็กของมารดา เป็นจำพวกอาภรณ์ของนางและเครื่องใช้ส่วนตัว และมีกล่องใบเล็กที่นางใช้ใส่จำพวกเครื่องเย็บปักถักร้อยที่นางใช้ทำงานที่รับมาจากร้านอาภรณ์ในตลาดเพื่อช่วยมารดาทำงานอีกแรง นางเดินไปปิดประตูหน้าห้อง แล้ว กลับมาเปิดฝาหีบออกกว้าง แล้วหยิบอาภรณ์ที่เก่ามากมาผลัดเปลี่ยนเพื่อจะลงมือสำรวจเรือนนี้และลงมือทำความสะอาดห้องที่จะใช้นอนในคืนนี้
เมื่อเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อยแล้ว นางคิดว่าต้องเดินสำรวจเรือนเสียก่อนเพื่อตรวจดูว่ามีผู้ใดอยู่ในจวนนี้อีกบ้าง เท่าที่มองดูรอบๆ จวนนี้แม้จะเก่าแก่ แต่ก็ยังดูแข็งแรงกว่าเรือนเล็กท้ายจวนที่นางกับมารดาพักด้วยกันเสียอีก มันกว้างกว่าเป็นสัดส่วนกว่า มีบริเวณของตนเอง ไม่ต้องคอยถางหญ้ารอบๆเรือนอีกด้วยเพราะมันถมดินอัดแน่นจนแทบไม่มีต้นหญ้าขึ้นเลยด้วยซ้ำ บางส่วนปูด้วยพื้นหินเพราะฉะนั้นตัดปัญหาเรื่องต้องคอยถางหญ้าไปเลย
แค่เพียงคอยกวาดถูในเรือนและกวาดใบไม้เล็กน้อย และเอาไว้กวาดที่ทำจากต้นหญ้าแห้งกวาดฝุ่นที่ทางเดินรอบเรือนเพียงเท่านี้ ก็เสร็จสิ้นแล้ว ที่นางคิดเช่นนี้เพราะเคยชินที่จะต้องทำงานบ้านเองทุกอย่าง แม้แต่ถางหญ้าก็ยังต้องทำเอง ที่เรือนไม่มีสาวใช้และไม่มีบ่าวคนไหนมารับใช้พวกนางสองแม่ลูก แม้มารดาจะเป็นอนุของเจ้าของจวนก็ไม่มีสิทธิ์นั้น
พวกนางสองแม่ลูกใช้ชีวิตดังเช่นสาวใช้คนหนึ่ง แต่ก็ยังดีที่ไม่ต้องไปรับใช้ใคร เพียงดูแลแค่ตนเองกันเท่านั้นและทำงานหาเลี้ยงตนเอง แค่อาศัยซุกหัวนอนที่จวนนั้นเพียงเท่านั้น และบัดนี้เพ่ยอิงก็คิดว่าชีวิตคงจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเพราะตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในเรือนนี้ก็ไม่พบใครสักคน นั่นแปลว่าที่นี่ไม่มีสาวใช้เช่นกัน และไม่มีบ่าวชายสักคนอีกด้วย
เมื่อเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดที่พร้อมจะทำความสะอาดห้องแล้ว ก็เดินออกมาจากห้องแล้วเปิดประตูห้องถัดไปเพื่อสำรวจพบว่าในห้องนี้มีข้าวของๆวางอยู่ มีหีบใส่อาภรณ์และเหมือนมีข้าวของเครื่องใช้ของเด็กอีกด้วย แต่ก็ยังไม่พบใคร นางจึงเดินออกมาแล้วเดินต่อไปอีกห้องหนึ่งนางเปิดประตูเข้าไปก็พบกับชายคนหนึ่ง ร่างผอมสูงผมยาวสยายเขาสวมชุดสีขาวที่เป็นชุดตัวในสำหรับใส่นอน ร่างผอมบางนั้นเอนกายพิงหัวเตียงอยู่และมีเด็กหญิงคนหนึ่งวัยประมาณห้าขวบนั่งอยู่บนเตียงกับเขาด้วย เขาหันมาจ้องมองนางนิ่ง แล้วก็เอ่ยว่า
“ เจ้าคือบุตรสาวสกุลหยูที่แต่งงานเข้ามาวันนี้ใช่หรือไม่ ” เพ่ยอันพยักหน้า “ ใช่ข้าเพิ่งแต่งงานเข้ามาวันนี้ ท่านคือผู้ใดกัน ” คิ้วเข้มนั้นขมวดมุ่น สีผิวเผือดของเขาที่ตัดกับคิ้วเข้มยิ่งดูเหมือนเขาเจ็บป่วยมาก ริมฝีปากหยักหนายกขึ้นนิดๆ “ ข้าก็คือสามีของเจ้าไงเล่า ข้าคืออ๋องอี้เหวินและนี่บุตรสาวของข้าลี่หลิน ” เพ่ยอันยิ้มให้เด็กน้อยอย่างเป็นมิตร “ ท่านเดินไม่ได้หรือ ” นางจ้องมองที่ขาที่ดูเหมือนลีบลงไปของเขา
“ ใช่ข้าเดินไม่ได้ และเสียใจด้วยเจ้าได้แต่งงานกับคนพิการแถมยังยากจนอีกด้วย ผิดหวังหรือไม่เล่า แต่ข้าก็รู้อยู่แล้ว ว่าเจ้าสาวที่เบื้องบนส่งมาก็เพื่อดูแคลนข้า ว่าข้าไม่มีหญิงใดอยากจะแต่งงานด้วย เพราะเป็นอ๋องตกยากไร้อำนาจและไม่มีสมบัติใดๆ ถึงได้จงใจส่งบุตรขุนนางที่ต่ำต้อยมาให้กับข้า " ริมฝีปากของเขาบิดเบ้เหมือนสมเพชกับชีวิตที่ตกต่ำของตนเอง
“ ท่านไม่ได้เป็นผู้เดียวที่ตกยากและต่ำต้อยหรอกนะ มีคนอีกมากมายที่ชีวิตแร้นแค้นและเจ็บปวด แต่เราต้องอยู่กับมันให้ได้ ไม่มีใครได้ทุกอย่างที่อยากได้หรอก หากท่านคิดได้ท่านจะเป็นทุกข์น้อยลง ” เพ่ยอันเอ่ยขึ้น เพราะนางนั้นอยู่กับความต่ำต้อยยากไร้มาทั้งชีวิต ในขณะที่บรรดาพี่น้องของนางนั้นสุขสบาย ไม่เคยต้องยากลำบากใดๆ นางได้แค่เพียงมองพวกเขาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแต่นางนั้นยากไร้ลำบากต้องปากกัดตีนถีบแม้อยู่ในจวนของบิดาตนเอง ต้องช่วยมารดาทำงานหนักเพราะค่าแรงที่ได้รับไม่ได้มากมายอะไร เพื่อให้เพียงพอก็ต้องเร่งทำงานให้มากขึ้นเท่านั้น มือของมารดานั้นทั้งแข็งและสากเพราะไม่เคยได้รับความสบายเมื่ออยู่ในจวนของบิดา เป็นอนุที่ลำบากมากเท่าที่นางเคยเห็นเมื่อเปรียบเทียบกับจวนอื่นๆ
หึ !! อ๋องหนุ่มคำรามในลำคออย่างไม่อยากจะเชื่อถือนัก เขายังไม่ไว้ใจนางเพราะไม่แน่ใจว่านางเป็นคนเช่นไร และคนที่ส่งมานั้นมีจุดมุ่งหมายอื่นอีกหรือไม่นอกจากต้องการหยามเขา “ ท่านคือใครกัน ” เด็กน้อยเอ่ยถามออกมาในที่สุด นางจ้องตาแป๋วมาที่ร่างของเพ่ยอัน “ ข้าคือท่านน้า จะมาอยู่ที่นี่กับเจ้าด้วย จะได้หรือไม่ ” เด็กน้อยไม่ตอบแต่นางหันไปจ้องใบหน้าของบิดาตนเอง " เจ้าก็นอนที่ห้องติดกับครัวก็แล้วกัน ส่วนข้าจะนอนกับบุตรของข้าในห้องนี้ ห้องติดๆกันนี้เดิมทีจะให้บุตรสาวของข้านอน แต่นางยังเล็กนักกลางคืนนางร้องไห้และข้าก็ขาไม่ดี กว่าจะลงจากเตียงไปหานางได้นั้นมันลำบาก เขามองไปที่รถเข็นไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก ทำให้เพ่ยอันมองตามไปก็เห็นเป็นรถเข็นไม้ที่ค่อนข้างแข็งแรงไม่น้อย และสภาพยังใหม่อยู่มาก
“ ก่อนอื่นข้าจะไปสำรวจในครัวก่อนก็แล้วกันนะว่ามีอะไรกินบ้าง แล้วจะลงมือทำความสะอาดห้องพักของข้าก่อน พวกท่านกินอะไรกันหรือยัง ” ชายร่างผอมส่ายหน้า “ ยัง วันนี้ข้ายังไม่ได้ลงจากเตียงเลย ” เพ่ยอันจ้องมองบนเตียงของเขาพบว่าเขาน่าจะยังไม่ได้อาบน้ำและบุตรสาวของเขาก็มอมแมมพอกัน เพราะคนขาเจ็บคงจะลุกจากเตียงลำบากมาก“ ข้าจะพยุงท่านไปเข้าห้องน้ำและอาบน้ำให้สะอาดก่อนนะ แล้วจะอาบน้ำให้เด็กน้อยคนนี้ เจ้าชื่อว่าลี่หลิน น้าเรียกเจ้าว่าอาหลินก็แล้วกันนะ จะได้เรียกง่ายๆ ดีไหมจ๊ะ ” นางหันไปพูดกับเด็กน้อยที่ดวงตากลมโตจ้องมองนางตาแป๋วแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ อาหลินจะตามไปด้วยกันก็ได้นะ น้าจะได้อาบน้ำให้เจ้าพร้อมกับท่านพ่อเลย ” เพ่ยอันพับแขนเสื้อของตนเองแล้วผูกเอาไว้ วันนี้คงจะเหนื่อยแน่ งานยังมีให้ทำอีกมากมาย นางเข็นรถเข็นไม้ไปจนชิดกับเตียงหลังใหญ่ของเขา แล้วค่อยๆพยุงเขาขยับมานั่งบนรถเข็นของตนเองจนได้ ขาของเขาน่าจะหักหลายที่ มันคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด “ ท่านยังเจ็บอยู่ไหม ” ชายหนุ่มพยักหน้า“ เจ็บอยู่ คิดว่ากระดูกคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด แต่แผลนั้นหายแล้ว ไม่ต้องล้างแผลแล้ว ” เขาบอกขณะที่เพ่ยอันจัดท่
เมื่อข้าวสุกและอาหารก็เสร็จแล้ว เพ่ยอันก็ตักข้าวใส่ในจานสองจานและถ้วยใบเล็กสำหรับเด็ก แล้วตักไข่เป็นสามส่วน เอาชิ้นใหญ่สุดให้กับพ่อเด็ก แล้วตักชิ้นเล็กใส่ลงมาชามใบเล็กนั้น แล้วเดินถือชามใบเล็กออกไปส่งให้กับเด็กน้อยที่รอคอยอยู่ด้วยความหิว เด็กหญิงรับชามข้าวไปอย่างยินดีแล้วลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อยส่วนเพ่ยอันเดินไปหาพ่อเด็กที่บัดนี้ห่มผ้าที่นางพาดเอาไว้ให้แล้ว และกำลังพยายามเข็นรถไปที่ห้องนอนของตนเอง “ ข้าช่วยท่านเข็นดีกว่ามือจะได้ไม่เปื้อน ” แล้วนางก็เดินตรงไปช่วยเข็นรถนั้นตรงไปที่หน้าห้องของเด็กหญิงตอนนี้แดดยังร่มเพราะชายคาของเรือนนี้ก็กว้างพอสมควร กว่าแดดจะส่องมาที่บริเวณระเบียงหน้าเรือนก็คงจะเป็นช่วงบ่ายคล้อยแล้ว “ ท่านนั่งอยู่ที่นี่นะ ข้าจะไปหยิบชามข้าวมาให้ ” แล้วเพ่ยอันก็เดินกลับไปในครัวแล้วยกจานข้าวมาส่งให้เขา อ๋องหนุ่มรับเอาไว้ แล้วจ้องมองใบหน้าหวานของเมียหมาดๆ ที่เพิ่งแต่งงานกันโดยราชโองการที่คนออกคำสั่งนั้นต้องการหยามหน้าเชาโดยการให้แต่งงานกับบุตรีของขุนนางที่ต่ำต้อยและไม่มีความสำคัญใด ไม่มีความสามารถโดดเด่น ที่ขึ้นมาเป็นขุนนางระดับนี้ได้ก็เพราะการหนุนหลังของครอบครัวเ
เพ่ยอันซื้อผลไม้เชื่อมที่นางชอบและขนมแห้งไปอย่างละโหล และแวะซื้อขนมหวานไปหนึ่งชั่งและถังหูลู่สองไม้ เอากลับไปฝากอาหลินสาวน้อยที่คงจะตั้งตารอขนมอยู่ที่จวน แล้วก็เข้าร้านเครื่องประทินผิวเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวของตนเองและซื้อสบู่ที่ชนิดดีหน่อยกลับไปหนึ่งห่อ จะนำไปให้สามีในนามและอาหลินใช้ เพราะสบู่ที่มีอยู่ที่จวนนั้นเหม็นหืนมาก นางแวะร้านเครื่องนอนซื้อผ้าผวยใหม่ห้าผืนและผ้าปูนอนใหม่สามชุด หมอนใหม่สามอัน แล้วบอกที่อยู่กับเจ้าของร้านให้นำไปส่งที่จวน จากนั้น เพ่ยอันก็ให้นำสินค้าทุกอย่างที่นางซื้อยกเว้นเครื่องนอนไปส่งที่ร้านข้าวสาร เมื่อเดินไปถึงร้านก็ไปบอกกับเถ้าแก่ที่โต๊ะบัญชีของเขา “ เถ้าแก่เจ้าคะ ช่วยนำของทั้งหมดของข้าไปส่งที่จวนได้หรือไม่ จะคิดค่าจ้างเพิ่มก็ได้นะเจ้าคะ เพราะข้าซื้อของอื่นมาเพิ่มอีกหลายอย่าง ” เถ้าแก่จ้องมองของที่วางอยู่หน้าร้าน “ ไม่เป็นไรหรอกแม่นางน้อย ข้าจะให้คนไปส่งให้ที่จวนพร้อมกันหมดนี่แหละ ไม่คิดค่าจ้างเพิ่ม ขอเพียงวันหน้ามาอุดหนุนข้าวสารและของอื่นๆของข้าบ้างเท่านั้น ” เพ่ยอันยิ้มอย่างยินดี “ ขอบคุณเถ้าแก่มากเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าขอซื้อแป้งซาลาเปาเพิ่มอีกสามชั่
ที่ตำหนักอ๋องอิ้น เขาได้ข่าวเรื่องที่ฮ่องเต้ไม่วางใจอ๋องอี้เหวินจนริบบรรดาศักดิ์และทรัพย์สินของเขาจนหมด แล้วส่งไปอยู่ที่จวนร้างท้ายตลาดที่เป็นหนึ่งในทรัพย์สินเดิมของมารดาของเขาที่เปิดทิ้งเอาไว้นานแล้ว ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ แถมเขายังขาหักอีกด้วยอ๋องอิ้นนับเป็นญาติของเขา แต่ได้แยกมาปกครองเมืองอีกเมืองหนึ่งห่างไกลจากเมืองหลวงพอสมควร เมื่อได้ยินข่าวของหลานชายก็ไม่สบายใจนัก เพราะเคยได้สัญญากับบิดาของเขาเอาไว้นานมาแล้ว ว่าจะดูแลหลานชาย แต่เมื่อเห็นอ๋องอี้เหวินนั้นมีฝีมือและเก่งการทหารไม่น้อย และมีความภักดีต่อราชวงศ์เป็นอย่างมาก เขาไม่น่าจะต้องมาตกยากเช่นนี้เลย หากฮ่องเต้นั้นมีความยุติธรรมมากกว่านี้ ไม่หูเบาเชื่อคนถ่อยเป่าหู จนทำให้คนดีได้ผลตอบแทนจากการทำความดีเช่นนี้ เขาขบคิดหาหนทางช่วยเหลือหลานชายขณะนั้นท่านหญิงอวี้ซางก็เดินเข้ามาในห้องหนังสือของบิดา “ ท่านพ่อเพคะ ได้ยินเรื่องของพี่อี้เหวินแล้วหรือไม่ ข้าเป็นห่วงนัก อยากจะไปพบเขา ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นเช่นไรบ้าง ” ท่านหญิงอวี้ชางที่เคยหลงรักอ๋องอี้เหวินเอ่ยขึ้น นางเคยหลงรักเขาแต่งมีเหตุให้ต้องพรากจากกันเพราะเขาได้รับราชโองการแต่งงานกับบุตร
หลายวันต่อมาเมื่อจัดการบ้านเรือนให้น่าอยู่ขึ้นและสะอาดสะอ้านไม่มีกลิ่นเหม็นสาปแล้ว เพ่ยอันก็ยังไม่ได้ไปรับงานมาทำเพราะยังจัดการทุกอย่างในเรือนยังไม่เรียบร้อย นางคิดว่าวันนี้จะไปฝากจดหมายถึงท่านแม่ที่ร้านอาภรณ์และจะไปตามท่านหมอมาตรวจอาการของอ๋องหนุ่มเผื่อจะมีทางรักษาให้เขากลับมาเดินไปเป็นปกติ เพราะนางถามไถ่เขาแล้วเเขาบอกว่าไม่ได้กินยามานานแล้ว เพราะยาหมดและไม่มีคนดูแลคอยจัดหาให้ ทำให้เพ่ยอันสะท้อนใจไม่น้อย อ๋องหนุ่มเหมือนถูกปล่อยเกาะ ตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่ไม่คนมาหาเขาเลยแม้แต่คนเดียว ก็คงจะเป็นอย่างที่คนที่รับจ้างดูแลเขาบอกนั่นแหละ ว่าหลังจากให้ค่าจ้างเอาไว้แค่จำนวนหนึ่งคนผู้นั้นก็หายไปเลยไม่เคยกลับมาที่จวนนี้อีก เมื่อทำงานบ้านในช่วงเช้าเสร็จแล้ว เพ่ยอันก็หยิบจดหมายเหน็บเอาไว้ที่เอวแล้วก็เดินออกไปจากจวน ตรงไปที่ตลาดเพื่อไปที่ร้านอาภรณ์ที่เคยรับงานไปทำที่บ้าน เมื่อถึงร้านนางก็พบกับพี่สาวคนละแม่ที่ปากทางเข้าร้านพอดี นางคงจะมาหาซื้ออาภรณ์เพราะเห็นสาวใช้ของนางถือห่อของตามนางออกมาด้วย “ เป็นอย่างไรพระชายา แต่งงานไปแล้วสุขสบายขึ้นหรือไม่ แต่ข้าว่าอย่างเจ้าแค่จวนร้างหลังนั้นก็คงจะหรูหราแล้
นับจากเพ่ยอันไปตามท่านหมอมาตรวจอาการของเขาและจัดยาให้เขาดื่มนั้น อ๋องหนุ่มอาการดีขึ้นมาก เขารู้สึกว่ากระดูกสมานกันได้ดีขึ้น จนเขาค่อยขยับกายลงมาเดินที่ข้างเตียงได้บ้างแล้ว อ๋องหนุ่มดีใจมาก บาดแผลด้านนอกหายสนิทแล้วเหลือรอยแผลเป็นเป็นแนวยาวแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดนัก เหลือเพียงรอให้กระดูกสมานดีขึ้นเขาก็คงจะกลับมาเดินได้เช่นเดิมแล้ว พอหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว อ๋องหนุ่มก็มักจะออกมาหัดเดินเล่นข้างนอก เขาฟันไม้ไผ่ข้างกำแพงหลังบ้านที่ขึ้นเป็นกออยู่มานั่งเหลาและทำเป็นไม้เท้า ตอนนี้เขาไม่ต้องนั่งรถเข็นแล้ว ใช้ไม้เท้าเดินแทน โดยมีบุตรสาวที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจที่บิดาเดินได้แล้ว และนางมักจะเดินตามบิดาไปด้วยเวลาเขาหัดเดิน หรือไม่ก็วิ่งเล่นอยู่ที่ลานกว้างหน้าเรือน ตอนนี้นางมีของเล่นหลายชิ้นแล้วเพราะท่านน้าเพ่ยอันไปซื้อมาให้ที่ตลาด นางมักจะนั่งเล่นที่หน้าระเบียงเรือน ขณะที่บิดาของนางก็มานั่งเล่นและจิบน้ำชาที่หน้าระเบียงเรือนด้วย เขาไม่ต้องใช้รถเข็นนั่นแล้ว เพ่ยอันจึงได้เข็นมันไปเก็บไว้ในห้องเก็บของด้านหลัง ขณะที่เพ่ยกันกำลังตากหมูที่นางหั่นเป็นชิ้นขนาดไม่ใหญ่และหมักด้วยซีอี๊วกับน้ำตาลและใส่เกลือไ
อนุลิ่วกับเพ่ยอันไปซื้อผ้าพับที่ตลาดมาช่วยกันเย็บเสื้อผ้าเนื้อหยาบราคาถูกเอาไปวางขายตอนเช้า โดยอนุลิ่วเป็นคนนำอาภรณ์ที่ช่วยกันเย็บไปขายหลังจากกลับมานางก็มักจะหาซื้อข้าวของที่ตลาดกลับมาด้วย โดยเพ่ยอันเป็นคนหุงหาอาหารเอาไว้ ดูแลอาบน้ำให้กับอาหลินและจัดการเรื่องอาหารเช้าให้กับสองพ่อลูก อ๋องหนุ่มตอนนี้เดินเหินได้ดีขึ้นมากแล้ว เขาไม่ได้ใช้ไม้เท้าแล้ว และพยายามฝึกหัดเดินอยู่แทบทุกวัน เขาพยายามฝึกยุทธ์ง่ายๆ เพื่อจะให้ร่างกายแข็งแรงเร็วขึ้น จะได้หาอะไรทำเพื่อช่วยงานทั้งภรรยาและแม่ยายของเขาบ้าง เขาเห็นสองแม่ลูกนั่นทำงานกันมือเป็นระวิง ขยันขันแข็งทำงานบ้าน ทำอาหาร และยังเย็บอาภรณ์ไปขายที่ตลาดอีกด้วย เขาเห็นทั้งสองมือไม่ว่างเลย เหมือนจะหางานทำกันอยู่ตลอด โดยมีอาหลินนั้นบางทีก็ไปนั่นเล่นกับพวกนางที่ห้องที่พวกนางใช้ทำงานกัน ทุกคนในจวนก็พอมีความสุข เขามีความสุขสบายใจมากกว่าสมัยที่ยังเป็นอ๋องเสียอีก เพราะตอนนี้ไม่ต้องได้รับผิดชอบอะไรแล้ว นอกจากจะมองหาอาชีพเอาไว้เลี้ยงครอบครัวเล็กๆ ของเขา บัดนี้ในใจของอ๋องหนุ่มนั้นยอมรับเพ่ยอันเป็นภรรยา เพราะเขาแอบเฝ้ามองนางตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ นางเป็นหญิงที่ดี
เพ่ยอันที่กำลังตกตะลึงงันอ้าปากค้างกับการกระทำของสามีในนามนั้น จึงทำให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของคนที่นางกำลังยืนเงยหน้าจ้องมองเขา สอดเข้าในปากอวบอิ่มของนางแล้วควานหาลิ้นเล็กของนางจนพบ แล้วเข้าเกี่ยวพันมันอย่างดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเร่าร้อน เขาทั้งจูบทั้งดูดลิ้นของนางจนเพ่ยอันเคลิบเคลิ้มไปกับจุบพิตที่แทบจะสูบวิญญาณนั้น ตัวของนางอ่อนระทวยพิงอกแกร่งของสามีในช่องท้องเหมือนมีผีเสื้อกระพือปีกนับร้อยนับพัน จูบผู้ชายเป็นเช่นนี้หรือ เพ่ยอันไม่เคยใกล้ชิดกับบุรุษจนถึงขนาดนี้มาก่อน แต่กลับมาเสียจูบแรกให้กับคนที่กำลังตักตวงความหวานในปากอวบอิ่มของตนเอง เพ่ยอันเคลิบเคลิ้มไปหมด ร่างกายอ่อนระทวยจนยอมให้เขาจูบจนพอใจ ริมฝีปากร้อนรุ่มนั้นเมื่อถอนจูบที่เขาจูบนางจนพอใจแล้ว ก็ไล้เลียใบหน้าหวานและใบหูเล็กของนางจนร่างอวบครวญครางกระเส่า“ อ๊าา อ๊าา อ๊ะ อ๊า อ๊า ” เขาไล้เลียจนมาถึงร่องอกอวบที่เขามองเห็นรำไร มือหนาถอดผ้าคาดเอวของนางออกจนหลุดลุ่ย เมื่อเสื้อผ้าเนื้อหยาบหลุดออกด้วยมือหนาของเขาที่แหวกมันจนพ้นอกอวบขาวผ่อง อกของนางอวบใหญ่ยิ่งนัก แถมนางยังไม่ใส่เอี๊ยมด้้านใน เพราะเพิ่งอาบน้ำมาเมื่อสาปเสื้ออ้าออก
บทส่งท้าย เรื่องชีวิตรักของคุณชายหวู่เฉิงหว่าน นั้นอาภัพรักจริงหรือไม่ …..คุณชายหวู่เฉิ่งหว่านผู้ช้ำรัก หลังจากที่เขากลับมายังเมืองชานตง และได้เข้าไปที่ร้านอาภรณ์พบกับมารดาของเพ่ยอัน และได้รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเพ่ยกันกลับไปคืนดีกับสามีของนางแล้ว และพวกเขากำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และนางนั้นได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋องอี้เหวิน และอีกไม่นานมารดาของนางที่ดูแลร้านให้เขาอยู่ในขณะนี้ก็จะขอลาออก เพื่อย้ายไปอยู่กับบุตรสาวที่ตำหนักของท่านอ๋อง เพราะเพ่ยอันตั้งครรภ์ตั้งแต่อยู่ที่ร้านนี้แล้ว แต่นางไม่ได้บอกผู้ใด จนเมื่อคืนดีกับสามีนางถึงได้บอกกับทุกคนว่านางตั้งครรภ์บุตรของท่านอ๋องอี้เหวินแล้ว เป็นอันว่าหนทางรักของเขากับเพ่ยอันสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ความหวังของเขาที่จะรับนางเป็นอนุนั้นเป็นหมันลงอีกครั้ง แต่อีกใจนั้นเขาก็ยินดีกับนางด้วย นางนั้นมีวาสนาได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง จะมามัวอยากจะฉุดรั้งนางเอาไว้กับเขาและมอบเพียงตำแหน่งอนุให้กับนางนั้น ดูจะเป็นการเห็นแก่ตัวไม่น้อย คุณชายหนุ่มรับปากกับมารดาของเพ่ยอันว่าจะหาคนมาดูแลร้านนี้แทนนาง และมารดาของเพ่ยอันนั้นก็แสนจะดี นางบอกว่าจะอยู่ดูแลร้
“ อ๊าย อ๊ายย อ๊ะ อ๊ะ อย่านะ อย่านะ อ๊าย ” อดีตชายาที่กำลังจะต้องหวนคืนกลับมาดิ้นรนส่ายร่างไปมา นางแอ่นอกจนโค้งขึ้นหาปากหนานั่น อ๋องหนุ่มยิ่งดูดดึงนางยิ่งขึ้น เขาทั้งเลียทั้งดูดดื่มมัน จนร่างบางครวญครางกระเส่าอย่างทนต่อไปไม่ไหวมือหนาของเขาควานลงไปในชุดกระโปรงของนางจนพบเนินอวบใหญ่เต็มมือของเขา แล้วตรงเข้าขยำมันเบาๆ บีบเค้นคลึงไปมา นิ้วแกร่งก็สอดเข้าไปควานในร่องอวบนั้น นิ้วแกร่งสอดเข้าไปในร่องอวบนั้นช้าๆ จนมันมิดลำกาย เพ่ยอันกรีดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดเพราะนางนั้นแม้จะเคยเริงรักกับเขามาแล้ว แต่ก็ห่างกายกันไปนาน จึงยังทั้งเจ็บทั้งแสบไม่น้อย อ๋องหนุ่มประกบจูบนางทันทีอย่างดูดดื่ม เขาวนเวียนจูบนางจนเคลิบเคลิ้ม มือด้านล่างก็ชักเข้าสุดออกสุด จากที่เป็นจังหวะช้าๆก็เร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกระแทกนางอย่างรัวเร็ว “ อ๊าย อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ” สะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งหลายๆครั้ง น้ำหวานของนางซึมออกมาเปื้อนมือของเขา ร่างบางหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย อ๋องหนุ่มปลดสายคาดเอวของเขาออก แล้วดึงรั้งกางเกงเอารูดของเขาลงไปจนพ้นหัวเข่า เพื่อปลดปล่อยลำกายอวบใหญ่่ออกมา มันพรักพร้อมเมื่อเห็นเมียรักส่า
ส่วนอ๋องหนุ่มทำเป็นยังไม่ฟื้นแต่ก็แอบมองชายาของตนเองเวลาที่นางเผลอ เขาไม่อยากจะหายเร็วจนเกินไป อยากจะแสร้งทำเป็นเจ็บป่วยและอ้อนนางอยู่ที่นี่จนกว่านางจะหายโกรธและยอมกลับตำหนักไปกับเขา ก่อนมาเขาขอให้ฮ่องเต้ที่เป็นพี่ชายต่างมารดาของเขาดูแลท่านหญิงน้อยให้เขาแล้วจึงไม่ต้องเป็นห่วงบุตรสาว อ๋องหนุ่มแสร้งทำเป็นนอนสลบอยู่บนเตียงยังไม่ฟื้นทั้งที่จริงเขาฟื้นหลังจากที่ท่านหมอกลับไปเพียงแค่ครู่เดียว และเขารู้สึกว่าไม่ได้เจ็บปวดอะไรมาก เพียงแค่เขาอาจจะเคยมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะมาก่อนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ความจำเสื่อมและคงจะกระแทกถูกบาดแผลเก่าเข้า ทำให้เขาสลบไป แต่เขารู้สึกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก มีเพียงแค่แผลที่หัวและที่แขนซ้ายนิดหน่อยเท่านั้น หลังจากที่นอนไปหลายชั่วยามก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมากจนสามารถลุกขึ้นได้แล้ว แต่เขาเกรงชายาจะไล่ให้เขากลับไปเขาจึงทำเป็นยังไม่ฟื้น และเมื่อถึงเวลาค่ำคืน หลังจากที่มารดาของเพ่ยอันมาดูอาการท่านอ๋องก่อนที่นางจะเข้านอนในอีกห้องหนึ่งแล้ว เพ่ยอันจำต้องอยู่ดูแลเขาในห้องนี้เผื่อว่าเขาจะฟื้นขึ้นมานางจะได้ให้เขาดื่มยาที่ท่านหมอเจียดเอาไว้ให้เพ่ยอันเดินไปนอนที่ตั่งไม้ริมผนั
แต่นั่นเป็นเพียงความคิดของเพ่ยอันเพียงเท่านั้น อ๋องหนุ่มตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่มีทางยอมแพ้ เขาเช่าห้องแถวที่ว่างอยู่ตรงข้ามกับห้องแถวของนางเพื่อจับตาดูนางกับคุณชายหวู่และอาจจะมีบุรุษอีกหรือไม่ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่านางมีรักใหม่กับชายอื่น และนางคิดจะสวมหมวกเขียวให้เขาหรือไม่ ด้านฮ่องเต้ก็สถาปนาพระสนมเอกคือท่านหญิงอวี้ชางและย้ายนางมาอยู่ตำหนักใกล้ๆกันกับเขา โดยบิดาของนางตอนแรกก็ตกใจยิ่งนัก เพราะเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง แต่กลับกลายเป็นธิดาของเขาได้ดีกว่าเดิม นางกลายเป็นสนมเอกของฮ่องเต้และดูทั้งสองจะรักใคร่และหลงไหลกันมากอีกด้วย ท่านอ๋องอิ้นจึงไม่รื้อฟื้นเรื่องการแต่่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวินอีก เขาปล่อยผ่านมันไป เพราะเขาสมใจเรื่องธิดาแล้ว และนางทำท่าว่าจะได้ดีกว่าเดิม อีกไม่นานคงจะเลื่อนขัั้นขึ้นไปอีก เพราะเขาสังเกตุว่าฮ่องเต้ดูจะหลงไหลนางมาก หากนางตั้งครรภ์มังกรเขาก็สบายและนางเองก็สบาย เมื่อเสร็จพิธีการสถาปนาธิดาเขาก็เดินทางกลับไปยังเมืองที่ตนเองปกครองทันที เรื่องของท่านหญิงอวี้ชางก็จบลงโดยดี นางพอใจและหลงไหลฮ่องเต้หนุ่มมาก นางแทบจะลืมไปเลยว่านางเคยหลงรักท่านอ๋องอี้เหวิน เพราะนาง
อ๋องหนุ่มนั้นเมื่อไปราชการนอกเมือง เมื่อนั่งรถม้ากลับมากับคนสนิทคือเฉฺิินหมิ่นนั้น อยู่ๆ เขากลับฟื้นความทรงจำได้ และจดจำได้ว่าตนเองแต่งงานใหม่แล้ว และชายาคือหยูเพ่ยอัน เขารีบกลับไปที่จวนท้ายตลาด แต่ไม่พบใครที่นั่น และนางไม่ได้เขียนจดหมายทิ้งไว้เลย นางพวกนางพากันย้ายไปอยู่ที่ใด นางเก็บข้าวของๆนางและมารดาไปหมด พวกเขาค้นทุกอย่างในจวนแล้ว มีแต่ข้าวของๆ ท่านอ๋องและท่านหญิงน้อยที่เก็บเอาไว้ที่เดิม แต่ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของๆสองแม่ลูกเลย มีเพียงข้าวของที่พวกเขาซื้อหามาใช้และนางคงจะขนเอาไม่ได้ได้ จึงไม่ได้เก็บเอาไปด้วย อ๋องหนุ่มรู้สึกว่าความหวังว่าจะได้อยู่กันพร้อมหน้านั้นพังลงไปในพริบตา เมื่อพบว่าในจวนนั้นว่างเปล่าไม่มีร่างของเมียรักของเขาอยู่เลย “ ท่านอ๋องขอรับ พวกนางคงจะไปหลายวันแล้ว เพราะว่าฝุ่นเริ่มจะจับไปจนทั่ว ถ้าเช่นนั้นเรากลับกันก่อนดีหรือไม่ แล้วค่อยสืบหาพวกนางว่าย้ายไปอยู่ที่ใดกัน ” อ๋องหนุ่มนั่งนิ่งงัน เขานึกไม่ออกว่านางจะไปที่ใด และทำไมนางถึงไม่อยู่รอเขาที่นี่ หาเขาเสร็จภารกิจย่อมจะต้องกลับมารับนาง เฉินหมิ่นเห็นท่านอ๋องมีท่าทางเสียใจ เขาจึงได้สารภาพว่าเขาบอกกับพระชายาไปอย่า
แต่เมื่อค้นพบแล้วก็จะเก็บนางเอาไว้บำเรอรักเช่นนี้ แต่เขามิอาจยกนางเป็นฮ่องเอาได้ แต่เขาจะยกนางเป็นสนมเอกและท่านอ๋องอิ้นบิดาของนางก็คงจะพอใจที่นางจะแต่งเป็นเพียงชายาของอ๋องอี้เหวินน้องชายของเขา กับหญิงอื่น เขาแต่งกับพวกนางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นเพียงเท่านั้น และบางนางเขาก็แต่งเพื่อถ่วงดุลอำนาจของเขา และเพื่อความมั่นคงของแคว้นเพียงเท่านั้น เขาอยู่กับพวกนางเพราะหน้าที่ ดูแลพวกนางตามหน้าที่ของสวามี แต่กับท่านหญิงอวี้ชางสนมหมาด ๆ ผู้นี้ หญิงที่เขามองข้ามไม่เคยสนใจ เพราะเห็นว่านางจืดชืดจนเกินไป และทุกอย่างที่เขาทำลงไปในวันนี้ก็เพื่อน้องชายร่วมบิดา คืออ๋องอี้เหวินเท่านั้น แต่เขากลับพบว่า นางถูกอกถูกใจเขายิ่งนัก ฮ่องเต้หนุ่มโยกขย่มร่องอวบของนางสนมหมาด ๆ อย่างเร่าร้อน นางก็โยกสะโพกอวบรับลำกายแกร่งของเขา สองแขนเรียวก็ยกขึ้นโอบลำคอเขาเอาไว้ โน้มใบหน้าของเขาลงมาประกบจูบกันอย่างเต็มอกเต็มใจ ตอนนี้นางติดใจในรสรักของเขาไม่น้อย นางสุขสมเหลือเกิน “ พระองค์ หม่อมฉันจำได้แล้ว พระองค์คือองค์ฮ่องเต้ ใช่หรือไม่เพคะ ” อยู่ๆนางก็พลันนึกออกว่าเคยเห็นเขาที่ใด นางพบเขามาหลายครั้งแล้วนับ
เมื่อท่านหญิงอวี้ชางจิบน้ำชาไปถึงสามจอกแล้ว เพราะขนมมันแห้งติดคอนางจึงยิ่งดื่มชาไปอีก และแน่นอนว่าเสี้ยนหลันก็ยิ่งเทชาลงในถ้วยตรงหน้านางจนเต็มตลอดเวลา และเมื่อนางรู้สึกอิ่มตื้อแล้วจึงยกมือห้ามเสี้ยนหลัน “ พอแล้ว ข้าอิ่มมากแล้ว เจ้ามีอะไรทำก็ไปเถิด เดี๋ยวข้าจะไปหาท่านพี่ในห้องหนังสือ “ นางหันไปบอกเสี้ยนหลัน” ท่านหญิงเพคะ ข้าลืมบอกไปว่าท่านอ๋องออกไปข้างนอก ท่านได้โปรดนั่งรอสักครู่อีกไม่นานท่านอ๋องคงจะกลับมาเพคะ " นางรีีบบอกเพราะตามแผนการณ์ต้องรอให้ยาหมดฤทธิ์แล้วหลังจากนี้ก็สิ้นสุดหน้าที่ของนางแล้ว แค่เพียงเฝ่้าท่านหญิงให้อยู่ที่ตรงนี้จนกว่าย่าจะออกฤทธิ์และเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งท่านหญิงอวี้ชางก็รู้สึกว่าทั้งกายของนางร้อนรุ่มไปหมด ร้อนอย่างที่ไม่เคยมาก่อน นางรู้สึกว่าร่องอวบของนางนั้นมันมีน้ำบางอย่างไหลซึมออกมา นางนั่งบิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ขณะนั้นฮ่องเต้ที่วันนี้ไม่ได้สวมอาภรณ์ของตนเอง แต่เขาสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มเพียงตัวเดียวเดินออกมาจากห้องด้านหลังแล้วตรงไปช้อนอุ้มร่างอวบอิ่มของท่านหญิงอวี้ชางขึ้นแนบอก“ ท่านเป็นใคร ไม่นะ ไม่ ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ช่ว
ด้านอ๋องอี้เหวิน เขาอาการดีขึ้น บาดแผลที่ศีรษะก็หายดีแล้ว เขากำลังเดินเล่นอยู่หน้าเรือนหลักในตำหนักของตนเอง โดยมีบุตรสาวคือท่านหญิงน้อยลี่หลินวิ่งเล่นอยู่ไม่ไกลนัก เขาจ้องมองบุตรสาวของตนเอง แม้ขณะนี้เขาจะได้สถานะกลับคืนมาแล้ว มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมเช่นเดิม และมีบุตรสาวที่น่ารักที่เขาเลี้ยงดูนางมาตั้งแต่มารดาของนางเสียชีวิตไป แต่มันก็ยังรู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ยังไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์แต่เขานึกเท่าใดกลับยังนึกไม่ออกมาสิ่งใดกันที่เขาขาดไป อ๋องหนุ่มกลับมาอยู่ที่ตำหนักได้หลายวันแล้ว พักฟื้นจนร่างกายหายดี แต่เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตมันไม่เหมือนเดิมอย่างไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่นี่คือตำหนักของเขาที่อยู่มาตลอดและบุตรสาวที่เขาก็เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่มารดาของนางเสียชีวิตไปก็วิ่งเล่นอยู่ไม่ไกลจากเขานัก แล้วยังจะขาดสิ่งใดในชีวิตของเขาอีกเล่า เรื่องราชการเขาก็เพิ่งกลับไปประชุมขุนนางมาแค่สองครั้ง ตอนนี้ฮ่องเต้ยังให้เขาพักฟื้นร่างกายให้หายดีก่อน ไม่ต้องทำงานสิ่งใดที่หนักหนา เพราะเขาผ่านการบาดเจ็บหนักมาถึงสองครั้ง และช่วงนี้ก็ยังไม่มีเรื่องเร่งด่วนอันใด “ ท่านพ่อเพคะ เมื่อไหร่ท่านแม่กับท่านยายจ
ทั้งสองช่วยกันไปเก็บข้าวของๆอาหลินใส่ในหีบเอาไว้ทั้งหมดแล้วเลื่อนมันไปไว้ที่มุมห้อง เพราะเฉินหมิ่นอุ้มอาหลินไปไม่ได้เก็บข้าวของๆนางไปด้วยเลย ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเก็บข้าวของๆพวกเขาหรือไม่ อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมานางพบคุณชายหวู่เฉิงหว่านที่หน้าร้านขายอาภรณ์ของเขาโดยบังเอิญ “ ไม่ได้พบกันเสียนานนะ อันเอ๋อ เป็นอย่างไรบ้าง ข้าได้ยินมาว่าสามีของเจ้าเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักของเขาแล้วไม่ใช่หรือ เขาไม่ได้ให้เจ้าตามไปด้วยหรือไงกัน ” เขาจ้องมองเพ่ยอันอย่างงงงันยิ่งเห็นนางแต่งกายเหมือนเดิมด้วยอาภรณ์ราคาถูกไม่เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาของอ๋องอี้เหวินเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เขาตัดสินใจถามนางขึ้น เพราะเขาได้ยินข่าวว่าท่านอ๋องอี้เหวินได้คืนฐานะเดิมของเขาแล้วและยังได้ทรัพย์สมบัติของเขาคืนมาอีกด้วย จึงคิดว่าป่านนี้เพ่ยอันกับมารดาของนางคงจะย้ายไปอยู่ที่ตำหนักอ๋องแล้ว ยังนึกยินดีกับนางด้วย ไม่คิดว่าจะได้พบนางที่หน้าร้านของตนเองและนางยังแต่งกายเหมือนเดิมที่เขาเคยเห็นมาตลอดอีกด้วย“ เขาย้ายกลับไปแล้วเจ้าค่ะ แต่ข้ากับท่านแม่ไม่ได้ตามไปด้วย ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เขากำลังจะแต่งงานกับคนที่ฐานะเท่าเทียมกั