ตระกูลหยูของหยูหลี่กงขุนนางขั้นสองได้รับราชโองการให้บุตรสาวของเขาแต่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวิน แต่แทนที่ตระกูล หยูจะดีใจที่บุตรสาวนั้นจะได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง กลับทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จำต้องน้อมรับราชโองการนั้นเอาไว้ หลังจากเฉากงกงเดินออกไปจากจวนตระกูลหยูแล้ว ฮูหยินใหญ่ก็หันไปพูดกับสามี“ ท่านพี่เจ้าคะ ข้าไม่ยอมให้ลูกของเราแต่งงานกับอ๋องนั่นอย่างเด็ดขาด คนไม่มีอนาคตอย่างนั้นใครจะอยากส่งบุตรสาวไปเป็นภรรยาของเขากัน ” นายท่านหยูขุนนางการคลังขั้นสองนิ่งอึ้งไปเช่นกัน “ แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า ในเมื่อมันเป็นราชโองการที่ต้องให้บุตรสาวของข้าแต่งงานกับอ๋องผู้นั้นแล้วไปอยู่ที่จวนกับเขา ” ฮูหยินใหญ่ที่ไม่มีทางปล่อยให้บุตรสาวที่นางรักและเลี้ยงดูมาอย่างกับไข่ในหินแต่งงานไปกับคนพิการแถมยังไร้สิ้นยศถาบรรดาศักดิ์และทรัพย์สินเพราะถูกริบไปหมดแล้ว จึงได้ตัดสินใจเอ่ยว่า“ ก็บุตรสาวของท่านพี่ไม่ได้มีแค่ลูกของเรานี่เจ้าคะ ยังมีเพ่ยอันอีกคน ถ้าเช่นนั้นให้นางแต่งงานกับอ๋องนั่นไปก็แล้วกัน ท่านพี่จะขัดข้องไหมเจ้าคะ “ นางหันไปจ้องมองสามี และแน่นอนว่านายท่านหยูหลี่กงที่ไม่เคยมีปากเสียงกับฮูหยินของต
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องไปขึ้นเกี้ยวหน้าจวน อนุลิ่วเดินจูงบุตรสาวมาส่งขึ้นเกี้ยวที่หน้าประตูจวนตระกูลหยู โดยมีนายท่านหยูและฮูหยินรวมถึงบุตรสาวและบุตรชายบางคนมายืนอยู่ด้วย ที่จริงแล้วพวกเขามิได้คิดจะมายืนรอส่งเจ้าสาวที่เป็นบุตรสาวตระกูลหยูเช่นกัน แต่พวกเขามายืนรอดูเพื่อให้แน่ใจว่าเพ่ยอันขึ้นไปบนเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว และเกี้ยวนี้ทางวังหลวงส่งมาพร้อมกับสินสอดหนึ่งหีบเล็ก นับเป็นขบวนเจ้าสาวที่น่าอนาถใจไม่่น้อยขบวนเจ้าสาวที่ออกเดินทางมีเพียงเกี้ยวและบ่าวชายที่หาบสินสอดหีบเล็กใส่ตระกร้าสานใบใหญ่และอีกด้านของตระกร้าสานนั้นเป็นหีบใส่ข้าวของๆเจ้าสาว เดินตามขบวนเกี้ยวไปเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีคนติดตามเจ้าสาว ไม่มีสาวใช้แม้สักคนเดียวไปกับเกี้ยวด้วย สินเดิมของเจ้าสาวนั้นไม่มี สินสอดนั้นก็มีที่ทางวังหลวงจัดมาให้เพียงหีบเดียว ส่วนสินสอดของเจ้าบ่าวนั้นไม่มี และย่อมไม่มีเจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวด้วยเช่นกัน อนุลิ่วจ้องมองเกี้ยวเจ้าสาวอย่างสะท้อนใจ บุตรสาวของตนเป็นบุตรีขุนนาง มีราชโองการได้สมรสกับท่านอ๋องอี้เหวิน แต่ขบวนส่งเจ้าสาวกลับน่าอนาถเพียงนี้ ยิ่งกว่าที่นางเคยเห็นขบวนเจ้าสาวของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปในเมือง
หลังจากบ่าวชายที่อุตส่าห์มีน้ำใจเอ่ยคำอวยพรให้นางกลับไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวที่ก็กลับไปเช่นกัน ที่หน้าประตูจวนนั้นมีเพียงเพ่ยอันยืนอยู่เพียงผู้เดียว ในลานหน้าบ้านนั้นว่างเปล่าไม่มีผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว ตรงหน้าของนางคือเรือนขนาดเล็กเป็นเรือนแถวยาวคงจะมีห้องอยู่เพียงไม่กี่ห้องและมองไปเห็นเรือนเล็กที่ปลูกติดกันนั่นน่าจะเป็นโรงครัว เพราะที่ด้านหน้าเรือนมีโอ่งน้ำขนาดใหญ่สามโอ่งตั้งเรียงรายอยู่และมีชั้นวางของอยู่ใกล้ๆกันในลานกว้างมีต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากอยู่สามต้นปลูกอยู่ในลานหน้าเรือน และมีกระถางต้นไม้เรียงรายอยู่หลายกระถางแต่ต้นไม้ในนั้นล้วนเหี่ยวแห้งเหมือนไม่มีคนรดน้ำมานานแล้ว มีอ่างบัวขนาดไม่ใหญ่มากสองอ่างที่ใต้ชายคาเรือนแต่ในอ่างบัวไม่มีน้ำสักหยดในอ่างนั้นก็แห้งผากมีแต่ซากต้นไม้แห้งอยู่ในนั้นนางหันไปรอบๆก็ไม่พบใครสักคน จึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปที่ห้องใกล้กับโรงครัวแล้วเปิดประตูออกมองเข้าไปพบว่ามันเป็นห้องว่างเปล่า มีเตียงไม้ขนาดกลางวางอยู่ริมผนัง มีชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้เก่าๆ อยู่หนึ่งชุด มีโต๊ะเครื่องแป้งที่เก่าพอๆกับเครื่องเรือนทุกอย่างในห้อง แต่มันก็พอใช้งานได้ ในห้องนี้มีฝุ่นจับหนามาก คง
“ ก่อนอื่นข้าจะไปสำรวจในครัวก่อนก็แล้วกันนะว่ามีอะไรกินบ้าง แล้วจะลงมือทำความสะอาดห้องพักของข้าก่อน พวกท่านกินอะไรกันหรือยัง ” ชายร่างผอมส่ายหน้า “ ยัง วันนี้ข้ายังไม่ได้ลงจากเตียงเลย ” เพ่ยอันจ้องมองบนเตียงของเขาพบว่าเขาน่าจะยังไม่ได้อาบน้ำและบุตรสาวของเขาก็มอมแมมพอกัน เพราะคนขาเจ็บคงจะลุกจากเตียงลำบากมาก“ ข้าจะพยุงท่านไปเข้าห้องน้ำและอาบน้ำให้สะอาดก่อนนะ แล้วจะอาบน้ำให้เด็กน้อยคนนี้ เจ้าชื่อว่าลี่หลิน น้าเรียกเจ้าว่าอาหลินก็แล้วกันนะ จะได้เรียกง่ายๆ ดีไหมจ๊ะ ” นางหันไปพูดกับเด็กน้อยที่ดวงตากลมโตจ้องมองนางตาแป๋วแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ อาหลินจะตามไปด้วยกันก็ได้นะ น้าจะได้อาบน้ำให้เจ้าพร้อมกับท่านพ่อเลย ” เพ่ยอันพับแขนเสื้อของตนเองแล้วผูกเอาไว้ วันนี้คงจะเหนื่อยแน่ งานยังมีให้ทำอีกมากมาย นางเข็นรถเข็นไม้ไปจนชิดกับเตียงหลังใหญ่ของเขา แล้วค่อยๆพยุงเขาขยับมานั่งบนรถเข็นของตนเองจนได้ ขาของเขาน่าจะหักหลายที่ มันคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด “ ท่านยังเจ็บอยู่ไหม ” ชายหนุ่มพยักหน้า“ เจ็บอยู่ คิดว่ากระดูกคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด แต่แผลนั้นหายแล้ว ไม่ต้องล้างแผลแล้ว ” เขาบอกขณะที่เพ่ยอันจัดท่
เมื่อข้าวสุกและอาหารก็เสร็จแล้ว เพ่ยอันก็ตักข้าวใส่ในจานสองจานและถ้วยใบเล็กสำหรับเด็ก แล้วตักไข่เป็นสามส่วน เอาชิ้นใหญ่สุดให้กับพ่อเด็ก แล้วตักชิ้นเล็กใส่ลงมาชามใบเล็กนั้น แล้วเดินถือชามใบเล็กออกไปส่งให้กับเด็กน้อยที่รอคอยอยู่ด้วยความหิว เด็กหญิงรับชามข้าวไปอย่างยินดีแล้วลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อยส่วนเพ่ยอันเดินไปหาพ่อเด็กที่บัดนี้ห่มผ้าที่นางพาดเอาไว้ให้แล้ว และกำลังพยายามเข็นรถไปที่ห้องนอนของตนเอง “ ข้าช่วยท่านเข็นดีกว่ามือจะได้ไม่เปื้อน ” แล้วนางก็เดินตรงไปช่วยเข็นรถนั้นตรงไปที่หน้าห้องของเด็กหญิงตอนนี้แดดยังร่มเพราะชายคาของเรือนนี้ก็กว้างพอสมควร กว่าแดดจะส่องมาที่บริเวณระเบียงหน้าเรือนก็คงจะเป็นช่วงบ่ายคล้อยแล้ว “ ท่านนั่งอยู่ที่นี่นะ ข้าจะไปหยิบชามข้าวมาให้ ” แล้วเพ่ยอันก็เดินกลับไปในครัวแล้วยกจานข้าวมาส่งให้เขา อ๋องหนุ่มรับเอาไว้ แล้วจ้องมองใบหน้าหวานของเมียหมาดๆ ที่เพิ่งแต่งงานกันโดยราชโองการที่คนออกคำสั่งนั้นต้องการหยามหน้าเชาโดยการให้แต่งงานกับบุตรีของขุนนางที่ต่ำต้อยและไม่มีความสำคัญใด ไม่มีความสามารถโดดเด่น ที่ขึ้นมาเป็นขุนนางระดับนี้ได้ก็เพราะการหนุนหลังของครอบครัวเ
เพ่ยอันซื้อผลไม้เชื่อมที่นางชอบและขนมแห้งไปอย่างละโหล และแวะซื้อขนมหวานไปหนึ่งชั่งและถังหูลู่สองไม้ เอากลับไปฝากอาหลินสาวน้อยที่คงจะตั้งตารอขนมอยู่ที่จวน แล้วก็เข้าร้านเครื่องประทินผิวเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวของตนเองและซื้อสบู่ที่ชนิดดีหน่อยกลับไปหนึ่งห่อ จะนำไปให้สามีในนามและอาหลินใช้ เพราะสบู่ที่มีอยู่ที่จวนนั้นเหม็นหืนมาก นางแวะร้านเครื่องนอนซื้อผ้าผวยใหม่ห้าผืนและผ้าปูนอนใหม่สามชุด หมอนใหม่สามอัน แล้วบอกที่อยู่กับเจ้าของร้านให้นำไปส่งที่จวน จากนั้น เพ่ยอันก็ให้นำสินค้าทุกอย่างที่นางซื้อยกเว้นเครื่องนอนไปส่งที่ร้านข้าวสาร เมื่อเดินไปถึงร้านก็ไปบอกกับเถ้าแก่ที่โต๊ะบัญชีของเขา “ เถ้าแก่เจ้าคะ ช่วยนำของทั้งหมดของข้าไปส่งที่จวนได้หรือไม่ จะคิดค่าจ้างเพิ่มก็ได้นะเจ้าคะ เพราะข้าซื้อของอื่นมาเพิ่มอีกหลายอย่าง ” เถ้าแก่จ้องมองของที่วางอยู่หน้าร้าน “ ไม่เป็นไรหรอกแม่นางน้อย ข้าจะให้คนไปส่งให้ที่จวนพร้อมกันหมดนี่แหละ ไม่คิดค่าจ้างเพิ่ม ขอเพียงวันหน้ามาอุดหนุนข้าวสารและของอื่นๆของข้าบ้างเท่านั้น ” เพ่ยอันยิ้มอย่างยินดี “ ขอบคุณเถ้าแก่มากเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าขอซื้อแป้งซาลาเปาเพิ่มอีกสามชั่
ที่ตำหนักอ๋องอิ้น เขาได้ข่าวเรื่องที่ฮ่องเต้ไม่วางใจอ๋องอี้เหวินจนริบบรรดาศักดิ์และทรัพย์สินของเขาจนหมด แล้วส่งไปอยู่ที่จวนร้างท้ายตลาดที่เป็นหนึ่งในทรัพย์สินเดิมของมารดาของเขาที่เปิดทิ้งเอาไว้นานแล้ว ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ แถมเขายังขาหักอีกด้วยอ๋องอิ้นนับเป็นญาติของเขา แต่ได้แยกมาปกครองเมืองอีกเมืองหนึ่งห่างไกลจากเมืองหลวงพอสมควร เมื่อได้ยินข่าวของหลานชายก็ไม่สบายใจนัก เพราะเคยได้สัญญากับบิดาของเขาเอาไว้นานมาแล้ว ว่าจะดูแลหลานชาย แต่เมื่อเห็นอ๋องอี้เหวินนั้นมีฝีมือและเก่งการทหารไม่น้อย และมีความภักดีต่อราชวงศ์เป็นอย่างมาก เขาไม่น่าจะต้องมาตกยากเช่นนี้เลย หากฮ่องเต้นั้นมีความยุติธรรมมากกว่านี้ ไม่หูเบาเชื่อคนถ่อยเป่าหู จนทำให้คนดีได้ผลตอบแทนจากการทำความดีเช่นนี้ เขาขบคิดหาหนทางช่วยเหลือหลานชายขณะนั้นท่านหญิงอวี้ซางก็เดินเข้ามาในห้องหนังสือของบิดา “ ท่านพ่อเพคะ ได้ยินเรื่องของพี่อี้เหวินแล้วหรือไม่ ข้าเป็นห่วงนัก อยากจะไปพบเขา ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นเช่นไรบ้าง ” ท่านหญิงอวี้ชางที่เคยหลงรักอ๋องอี้เหวินเอ่ยขึ้น นางเคยหลงรักเขาแต่งมีเหตุให้ต้องพรากจากกันเพราะเขาได้รับราชโองการแต่งงานกับบุตร
หลายวันต่อมาเมื่อจัดการบ้านเรือนให้น่าอยู่ขึ้นและสะอาดสะอ้านไม่มีกลิ่นเหม็นสาปแล้ว เพ่ยอันก็ยังไม่ได้ไปรับงานมาทำเพราะยังจัดการทุกอย่างในเรือนยังไม่เรียบร้อย นางคิดว่าวันนี้จะไปฝากจดหมายถึงท่านแม่ที่ร้านอาภรณ์และจะไปตามท่านหมอมาตรวจอาการของอ๋องหนุ่มเผื่อจะมีทางรักษาให้เขากลับมาเดินไปเป็นปกติ เพราะนางถามไถ่เขาแล้วเเขาบอกว่าไม่ได้กินยามานานแล้ว เพราะยาหมดและไม่มีคนดูแลคอยจัดหาให้ ทำให้เพ่ยอันสะท้อนใจไม่น้อย อ๋องหนุ่มเหมือนถูกปล่อยเกาะ ตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่ไม่คนมาหาเขาเลยแม้แต่คนเดียว ก็คงจะเป็นอย่างที่คนที่รับจ้างดูแลเขาบอกนั่นแหละ ว่าหลังจากให้ค่าจ้างเอาไว้แค่จำนวนหนึ่งคนผู้นั้นก็หายไปเลยไม่เคยกลับมาที่จวนนี้อีก เมื่อทำงานบ้านในช่วงเช้าเสร็จแล้ว เพ่ยอันก็หยิบจดหมายเหน็บเอาไว้ที่เอวแล้วก็เดินออกไปจากจวน ตรงไปที่ตลาดเพื่อไปที่ร้านอาภรณ์ที่เคยรับงานไปทำที่บ้าน เมื่อถึงร้านนางก็พบกับพี่สาวคนละแม่ที่ปากทางเข้าร้านพอดี นางคงจะมาหาซื้ออาภรณ์เพราะเห็นสาวใช้ของนางถือห่อของตามนางออกมาด้วย “ เป็นอย่างไรพระชายา แต่งงานไปแล้วสุขสบายขึ้นหรือไม่ แต่ข้าว่าอย่างเจ้าแค่จวนร้างหลังนั้นก็คงจะหรูหราแล้
บทส่งท้าย เรื่องชีวิตรักของคุณชายหวู่เฉิงหว่าน นั้นอาภัพรักจริงหรือไม่ …..คุณชายหวู่เฉิ่งหว่านผู้ช้ำรัก หลังจากที่เขากลับมายังเมืองชานตง และได้เข้าไปที่ร้านอาภรณ์พบกับมารดาของเพ่ยอัน และได้รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเพ่ยกันกลับไปคืนดีกับสามีของนางแล้ว และพวกเขากำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และนางนั้นได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋องอี้เหวิน และอีกไม่นานมารดาของนางที่ดูแลร้านให้เขาอยู่ในขณะนี้ก็จะขอลาออก เพื่อย้ายไปอยู่กับบุตรสาวที่ตำหนักของท่านอ๋อง เพราะเพ่ยอันตั้งครรภ์ตั้งแต่อยู่ที่ร้านนี้แล้ว แต่นางไม่ได้บอกผู้ใด จนเมื่อคืนดีกับสามีนางถึงได้บอกกับทุกคนว่านางตั้งครรภ์บุตรของท่านอ๋องอี้เหวินแล้ว เป็นอันว่าหนทางรักของเขากับเพ่ยอันสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ความหวังของเขาที่จะรับนางเป็นอนุนั้นเป็นหมันลงอีกครั้ง แต่อีกใจนั้นเขาก็ยินดีกับนางด้วย นางนั้นมีวาสนาได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง จะมามัวอยากจะฉุดรั้งนางเอาไว้กับเขาและมอบเพียงตำแหน่งอนุให้กับนางนั้น ดูจะเป็นการเห็นแก่ตัวไม่น้อย คุณชายหนุ่มรับปากกับมารดาของเพ่ยอันว่าจะหาคนมาดูแลร้านนี้แทนนาง และมารดาของเพ่ยอันนั้นก็แสนจะดี นางบอกว่าจะอยู่ดูแลร้
“ อ๊าย อ๊ายย อ๊ะ อ๊ะ อย่านะ อย่านะ อ๊าย ” อดีตชายาที่กำลังจะต้องหวนคืนกลับมาดิ้นรนส่ายร่างไปมา นางแอ่นอกจนโค้งขึ้นหาปากหนานั่น อ๋องหนุ่มยิ่งดูดดึงนางยิ่งขึ้น เขาทั้งเลียทั้งดูดดื่มมัน จนร่างบางครวญครางกระเส่าอย่างทนต่อไปไม่ไหวมือหนาของเขาควานลงไปในชุดกระโปรงของนางจนพบเนินอวบใหญ่เต็มมือของเขา แล้วตรงเข้าขยำมันเบาๆ บีบเค้นคลึงไปมา นิ้วแกร่งก็สอดเข้าไปควานในร่องอวบนั้น นิ้วแกร่งสอดเข้าไปในร่องอวบนั้นช้าๆ จนมันมิดลำกาย เพ่ยอันกรีดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดเพราะนางนั้นแม้จะเคยเริงรักกับเขามาแล้ว แต่ก็ห่างกายกันไปนาน จึงยังทั้งเจ็บทั้งแสบไม่น้อย อ๋องหนุ่มประกบจูบนางทันทีอย่างดูดดื่ม เขาวนเวียนจูบนางจนเคลิบเคลิ้ม มือด้านล่างก็ชักเข้าสุดออกสุด จากที่เป็นจังหวะช้าๆก็เร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกระแทกนางอย่างรัวเร็ว “ อ๊าย อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ” สะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งหลายๆครั้ง น้ำหวานของนางซึมออกมาเปื้อนมือของเขา ร่างบางหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย อ๋องหนุ่มปลดสายคาดเอวของเขาออก แล้วดึงรั้งกางเกงเอารูดของเขาลงไปจนพ้นหัวเข่า เพื่อปลดปล่อยลำกายอวบใหญ่่ออกมา มันพรักพร้อมเมื่อเห็นเมียรักส่า
ส่วนอ๋องหนุ่มทำเป็นยังไม่ฟื้นแต่ก็แอบมองชายาของตนเองเวลาที่นางเผลอ เขาไม่อยากจะหายเร็วจนเกินไป อยากจะแสร้งทำเป็นเจ็บป่วยและอ้อนนางอยู่ที่นี่จนกว่านางจะหายโกรธและยอมกลับตำหนักไปกับเขา ก่อนมาเขาขอให้ฮ่องเต้ที่เป็นพี่ชายต่างมารดาของเขาดูแลท่านหญิงน้อยให้เขาแล้วจึงไม่ต้องเป็นห่วงบุตรสาว อ๋องหนุ่มแสร้งทำเป็นนอนสลบอยู่บนเตียงยังไม่ฟื้นทั้งที่จริงเขาฟื้นหลังจากที่ท่านหมอกลับไปเพียงแค่ครู่เดียว และเขารู้สึกว่าไม่ได้เจ็บปวดอะไรมาก เพียงแค่เขาอาจจะเคยมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะมาก่อนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ความจำเสื่อมและคงจะกระแทกถูกบาดแผลเก่าเข้า ทำให้เขาสลบไป แต่เขารู้สึกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก มีเพียงแค่แผลที่หัวและที่แขนซ้ายนิดหน่อยเท่านั้น หลังจากที่นอนไปหลายชั่วยามก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมากจนสามารถลุกขึ้นได้แล้ว แต่เขาเกรงชายาจะไล่ให้เขากลับไปเขาจึงทำเป็นยังไม่ฟื้น และเมื่อถึงเวลาค่ำคืน หลังจากที่มารดาของเพ่ยอันมาดูอาการท่านอ๋องก่อนที่นางจะเข้านอนในอีกห้องหนึ่งแล้ว เพ่ยอันจำต้องอยู่ดูแลเขาในห้องนี้เผื่อว่าเขาจะฟื้นขึ้นมานางจะได้ให้เขาดื่มยาที่ท่านหมอเจียดเอาไว้ให้เพ่ยอันเดินไปนอนที่ตั่งไม้ริมผนั
แต่นั่นเป็นเพียงความคิดของเพ่ยอันเพียงเท่านั้น อ๋องหนุ่มตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่มีทางยอมแพ้ เขาเช่าห้องแถวที่ว่างอยู่ตรงข้ามกับห้องแถวของนางเพื่อจับตาดูนางกับคุณชายหวู่และอาจจะมีบุรุษอีกหรือไม่ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่านางมีรักใหม่กับชายอื่น และนางคิดจะสวมหมวกเขียวให้เขาหรือไม่ ด้านฮ่องเต้ก็สถาปนาพระสนมเอกคือท่านหญิงอวี้ชางและย้ายนางมาอยู่ตำหนักใกล้ๆกันกับเขา โดยบิดาของนางตอนแรกก็ตกใจยิ่งนัก เพราะเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง แต่กลับกลายเป็นธิดาของเขาได้ดีกว่าเดิม นางกลายเป็นสนมเอกของฮ่องเต้และดูทั้งสองจะรักใคร่และหลงไหลกันมากอีกด้วย ท่านอ๋องอิ้นจึงไม่รื้อฟื้นเรื่องการแต่่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวินอีก เขาปล่อยผ่านมันไป เพราะเขาสมใจเรื่องธิดาแล้ว และนางทำท่าว่าจะได้ดีกว่าเดิม อีกไม่นานคงจะเลื่อนขัั้นขึ้นไปอีก เพราะเขาสังเกตุว่าฮ่องเต้ดูจะหลงไหลนางมาก หากนางตั้งครรภ์มังกรเขาก็สบายและนางเองก็สบาย เมื่อเสร็จพิธีการสถาปนาธิดาเขาก็เดินทางกลับไปยังเมืองที่ตนเองปกครองทันที เรื่องของท่านหญิงอวี้ชางก็จบลงโดยดี นางพอใจและหลงไหลฮ่องเต้หนุ่มมาก นางแทบจะลืมไปเลยว่านางเคยหลงรักท่านอ๋องอี้เหวิน เพราะนาง
อ๋องหนุ่มนั้นเมื่อไปราชการนอกเมือง เมื่อนั่งรถม้ากลับมากับคนสนิทคือเฉฺิินหมิ่นนั้น อยู่ๆ เขากลับฟื้นความทรงจำได้ และจดจำได้ว่าตนเองแต่งงานใหม่แล้ว และชายาคือหยูเพ่ยอัน เขารีบกลับไปที่จวนท้ายตลาด แต่ไม่พบใครที่นั่น และนางไม่ได้เขียนจดหมายทิ้งไว้เลย นางพวกนางพากันย้ายไปอยู่ที่ใด นางเก็บข้าวของๆนางและมารดาไปหมด พวกเขาค้นทุกอย่างในจวนแล้ว มีแต่ข้าวของๆ ท่านอ๋องและท่านหญิงน้อยที่เก็บเอาไว้ที่เดิม แต่ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของๆสองแม่ลูกเลย มีเพียงข้าวของที่พวกเขาซื้อหามาใช้และนางคงจะขนเอาไม่ได้ได้ จึงไม่ได้เก็บเอาไปด้วย อ๋องหนุ่มรู้สึกว่าความหวังว่าจะได้อยู่กันพร้อมหน้านั้นพังลงไปในพริบตา เมื่อพบว่าในจวนนั้นว่างเปล่าไม่มีร่างของเมียรักของเขาอยู่เลย “ ท่านอ๋องขอรับ พวกนางคงจะไปหลายวันแล้ว เพราะว่าฝุ่นเริ่มจะจับไปจนทั่ว ถ้าเช่นนั้นเรากลับกันก่อนดีหรือไม่ แล้วค่อยสืบหาพวกนางว่าย้ายไปอยู่ที่ใดกัน ” อ๋องหนุ่มนั่งนิ่งงัน เขานึกไม่ออกว่านางจะไปที่ใด และทำไมนางถึงไม่อยู่รอเขาที่นี่ หาเขาเสร็จภารกิจย่อมจะต้องกลับมารับนาง เฉินหมิ่นเห็นท่านอ๋องมีท่าทางเสียใจ เขาจึงได้สารภาพว่าเขาบอกกับพระชายาไปอย่า
แต่เมื่อค้นพบแล้วก็จะเก็บนางเอาไว้บำเรอรักเช่นนี้ แต่เขามิอาจยกนางเป็นฮ่องเอาได้ แต่เขาจะยกนางเป็นสนมเอกและท่านอ๋องอิ้นบิดาของนางก็คงจะพอใจที่นางจะแต่งเป็นเพียงชายาของอ๋องอี้เหวินน้องชายของเขา กับหญิงอื่น เขาแต่งกับพวกนางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นเพียงเท่านั้น และบางนางเขาก็แต่งเพื่อถ่วงดุลอำนาจของเขา และเพื่อความมั่นคงของแคว้นเพียงเท่านั้น เขาอยู่กับพวกนางเพราะหน้าที่ ดูแลพวกนางตามหน้าที่ของสวามี แต่กับท่านหญิงอวี้ชางสนมหมาด ๆ ผู้นี้ หญิงที่เขามองข้ามไม่เคยสนใจ เพราะเห็นว่านางจืดชืดจนเกินไป และทุกอย่างที่เขาทำลงไปในวันนี้ก็เพื่อน้องชายร่วมบิดา คืออ๋องอี้เหวินเท่านั้น แต่เขากลับพบว่า นางถูกอกถูกใจเขายิ่งนัก ฮ่องเต้หนุ่มโยกขย่มร่องอวบของนางสนมหมาด ๆ อย่างเร่าร้อน นางก็โยกสะโพกอวบรับลำกายแกร่งของเขา สองแขนเรียวก็ยกขึ้นโอบลำคอเขาเอาไว้ โน้มใบหน้าของเขาลงมาประกบจูบกันอย่างเต็มอกเต็มใจ ตอนนี้นางติดใจในรสรักของเขาไม่น้อย นางสุขสมเหลือเกิน “ พระองค์ หม่อมฉันจำได้แล้ว พระองค์คือองค์ฮ่องเต้ ใช่หรือไม่เพคะ ” อยู่ๆนางก็พลันนึกออกว่าเคยเห็นเขาที่ใด นางพบเขามาหลายครั้งแล้วนับ
เมื่อท่านหญิงอวี้ชางจิบน้ำชาไปถึงสามจอกแล้ว เพราะขนมมันแห้งติดคอนางจึงยิ่งดื่มชาไปอีก และแน่นอนว่าเสี้ยนหลันก็ยิ่งเทชาลงในถ้วยตรงหน้านางจนเต็มตลอดเวลา และเมื่อนางรู้สึกอิ่มตื้อแล้วจึงยกมือห้ามเสี้ยนหลัน “ พอแล้ว ข้าอิ่มมากแล้ว เจ้ามีอะไรทำก็ไปเถิด เดี๋ยวข้าจะไปหาท่านพี่ในห้องหนังสือ “ นางหันไปบอกเสี้ยนหลัน” ท่านหญิงเพคะ ข้าลืมบอกไปว่าท่านอ๋องออกไปข้างนอก ท่านได้โปรดนั่งรอสักครู่อีกไม่นานท่านอ๋องคงจะกลับมาเพคะ " นางรีีบบอกเพราะตามแผนการณ์ต้องรอให้ยาหมดฤทธิ์แล้วหลังจากนี้ก็สิ้นสุดหน้าที่ของนางแล้ว แค่เพียงเฝ่้าท่านหญิงให้อยู่ที่ตรงนี้จนกว่าย่าจะออกฤทธิ์และเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งท่านหญิงอวี้ชางก็รู้สึกว่าทั้งกายของนางร้อนรุ่มไปหมด ร้อนอย่างที่ไม่เคยมาก่อน นางรู้สึกว่าร่องอวบของนางนั้นมันมีน้ำบางอย่างไหลซึมออกมา นางนั่งบิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ขณะนั้นฮ่องเต้ที่วันนี้ไม่ได้สวมอาภรณ์ของตนเอง แต่เขาสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มเพียงตัวเดียวเดินออกมาจากห้องด้านหลังแล้วตรงไปช้อนอุ้มร่างอวบอิ่มของท่านหญิงอวี้ชางขึ้นแนบอก“ ท่านเป็นใคร ไม่นะ ไม่ ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ช่ว
ด้านอ๋องอี้เหวิน เขาอาการดีขึ้น บาดแผลที่ศีรษะก็หายดีแล้ว เขากำลังเดินเล่นอยู่หน้าเรือนหลักในตำหนักของตนเอง โดยมีบุตรสาวคือท่านหญิงน้อยลี่หลินวิ่งเล่นอยู่ไม่ไกลนัก เขาจ้องมองบุตรสาวของตนเอง แม้ขณะนี้เขาจะได้สถานะกลับคืนมาแล้ว มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมเช่นเดิม และมีบุตรสาวที่น่ารักที่เขาเลี้ยงดูนางมาตั้งแต่มารดาของนางเสียชีวิตไป แต่มันก็ยังรู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ยังไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์แต่เขานึกเท่าใดกลับยังนึกไม่ออกมาสิ่งใดกันที่เขาขาดไป อ๋องหนุ่มกลับมาอยู่ที่ตำหนักได้หลายวันแล้ว พักฟื้นจนร่างกายหายดี แต่เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตมันไม่เหมือนเดิมอย่างไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่นี่คือตำหนักของเขาที่อยู่มาตลอดและบุตรสาวที่เขาก็เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่มารดาของนางเสียชีวิตไปก็วิ่งเล่นอยู่ไม่ไกลจากเขานัก แล้วยังจะขาดสิ่งใดในชีวิตของเขาอีกเล่า เรื่องราชการเขาก็เพิ่งกลับไปประชุมขุนนางมาแค่สองครั้ง ตอนนี้ฮ่องเต้ยังให้เขาพักฟื้นร่างกายให้หายดีก่อน ไม่ต้องทำงานสิ่งใดที่หนักหนา เพราะเขาผ่านการบาดเจ็บหนักมาถึงสองครั้ง และช่วงนี้ก็ยังไม่มีเรื่องเร่งด่วนอันใด “ ท่านพ่อเพคะ เมื่อไหร่ท่านแม่กับท่านยายจ
ทั้งสองช่วยกันไปเก็บข้าวของๆอาหลินใส่ในหีบเอาไว้ทั้งหมดแล้วเลื่อนมันไปไว้ที่มุมห้อง เพราะเฉินหมิ่นอุ้มอาหลินไปไม่ได้เก็บข้าวของๆนางไปด้วยเลย ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเก็บข้าวของๆพวกเขาหรือไม่ อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมานางพบคุณชายหวู่เฉิงหว่านที่หน้าร้านขายอาภรณ์ของเขาโดยบังเอิญ “ ไม่ได้พบกันเสียนานนะ อันเอ๋อ เป็นอย่างไรบ้าง ข้าได้ยินมาว่าสามีของเจ้าเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักของเขาแล้วไม่ใช่หรือ เขาไม่ได้ให้เจ้าตามไปด้วยหรือไงกัน ” เขาจ้องมองเพ่ยอันอย่างงงงันยิ่งเห็นนางแต่งกายเหมือนเดิมด้วยอาภรณ์ราคาถูกไม่เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาของอ๋องอี้เหวินเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เขาตัดสินใจถามนางขึ้น เพราะเขาได้ยินข่าวว่าท่านอ๋องอี้เหวินได้คืนฐานะเดิมของเขาแล้วและยังได้ทรัพย์สมบัติของเขาคืนมาอีกด้วย จึงคิดว่าป่านนี้เพ่ยอันกับมารดาของนางคงจะย้ายไปอยู่ที่ตำหนักอ๋องแล้ว ยังนึกยินดีกับนางด้วย ไม่คิดว่าจะได้พบนางที่หน้าร้านของตนเองและนางยังแต่งกายเหมือนเดิมที่เขาเคยเห็นมาตลอดอีกด้วย“ เขาย้ายกลับไปแล้วเจ้าค่ะ แต่ข้ากับท่านแม่ไม่ได้ตามไปด้วย ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เขากำลังจะแต่งงานกับคนที่ฐานะเท่าเทียมกั