ตระกูลหยูของหยูหลี่กงขุนนางขั้นสองได้รับราชโองการให้บุตรสาวของเขาแต่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวิน แต่แทนที่ตระกูล หยูจะดีใจที่บุตรสาวนั้นจะได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง กลับทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จำต้องน้อมรับราชโองการนั้นเอาไว้ หลังจากเฉากงกงเดินออกไปจากจวนตระกูลหยูแล้ว ฮูหยินใหญ่ก็หันไปพูดกับสามี
“ ท่านพี่เจ้าคะ ข้าไม่ยอมให้ลูกของเราแต่งงานกับอ๋องนั่นอย่างเด็ดขาด คนไม่มีอนาคตอย่างนั้นใครจะอยากส่งบุตรสาวไปเป็นภรรยาของเขากัน ” นายท่านหยูขุนนางการคลังขั้นสองนิ่งอึ้งไปเช่นกัน “ แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า ในเมื่อมันเป็นราชโองการที่ต้องให้บุตรสาวของข้าแต่งงานกับอ๋องผู้นั้นแล้วไปอยู่ที่จวนกับเขา ” ฮูหยินใหญ่ที่ไม่มีทางปล่อยให้บุตรสาวที่นางรักและเลี้ยงดูมาอย่างกับไข่ในหินแต่งงานไปกับคนพิการแถมยังไร้สิ้นยศถาบรรดาศักดิ์และทรัพย์สินเพราะถูกริบไปหมดแล้ว จึงได้ตัดสินใจเอ่ยว่า
“ ก็บุตรสาวของท่านพี่ไม่ได้มีแค่ลูกของเรานี่เจ้าคะ ยังมีเพ่ยอันอีกคน ถ้าเช่นนั้นให้นางแต่งงานกับอ๋องนั่นไปก็แล้วกัน ท่านพี่จะขัดข้องไหมเจ้าคะ “ นางหันไปจ้องมองสามี และแน่นอนว่านายท่านหยูหลี่กงที่ไม่เคยมีปากเสียงกับฮูหยินของตนเองมาตั้งนานแล้ว ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ” ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นก็จัดการไปเลยก็แล้วกัน ข้าไม่ขัดข้อง "
แล้วเขาก็เดินกลับเข้าเรือนไปอย่างไม่สนใจเรื่องเหล่านี้อีก เพราะเขาปัดความรับผิดชอบไปให้กับฮูหยินของตนเองแล้ว ว่าจะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่นาง จากนั้นเขาก็แต่งตัวออกจากจวนไปเพื่อโขลกหมากรุกกับสหายอย่างไม่ได้สนใจไยดีกับผู้อื่นเช่นเคย
แม้เพ่ยลี่กับเพ่ยอันจะเป็นบุตรสาวของเขาเช่นเดียวกัน แต่ด้วยเขามีบุตรสาวและบุตรชายหลายคนด้วยกัน และเป็นบุตรจากฮูหยินใหญ่ถึงสี่คน และเป็นของอนุอีกสามคน แต่นอกจากบุตรสาวสองคนแล้ว นอกนั้นเป็นบุตรชายทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นหากเพ่ยลี่เอ๋อบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ไม่แต่งงานไปตามราชโองการ ก็คงจะต้องปัดภาระนั้นมาให้กับหยูเพ่ยอันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนหยูเพ่ยอันนั้น เป็นบุตรของอนุที่เขาแทบจะลืมไปแล้วว่ามีนางอยู่ในจวน นางเป็นอนุคนแรกของเขา แต่ด้วยความที่ตอนที่ยังหนุ่มเขาเป็นชายเจ้าชู้มีฮูหยินใหญ่แล้วก็ยังมีอนุอีกหลายคน มีหญิงอุ่นเตียงอีกนับไม่ถ้วนจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำมีกี่คนเข้าไปแล้ว แต่ฮูหยินหยูนางฉลาดและร้ายกาจนางมีบุตรชายและบุตรสาวให้เขาถึงสี่คน จนสามีพอใจแล้วเพราะมีบุตรชายสืบสกุลที่เกิดจากนางที่เป็นบุตรขุนนางที่มีตำแหน่งใหญ่กว่าเขา สามารถเกื้อกูลเขาได้
และที่ผ่านมาด้วยอำนาจของบิดาของนาง ก็ทำให้เขาไต่เต้าจากขุนนางตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทั้งอำนาจครอบครัวเดิมและไม่มีเงินทองใด จากบัณฑิตยากจนที่สอบเข้ารับราชการได้ เป็นคนบ้านนอกโดยแท้ เขาแค่มีความทะเยอทะยานอยากจะเป็นใหญ่เป็นโตกับเขา เพื่อให้เป็นที่นับหน้าถือของคนในหมู่บ้านเล็กๆที่เป็นที่ตั้งของตระกูลหยูหรือบ้านหยูชาวบ้านธรรมดาๆ ที่สืบเชื้อสายกัันมาในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในเมืองที่แทบจะติดชายแดนแคว้นอื่น
เมื่อมีโอกาสได้เข้ารับราชการและพบรักกับบุตรีขุนนางใหญ่เขาก็จับนางเอาไว้มั่นเพื่อความก้าวหน้าและมันก็ช่วยส่งเสริมเขาได้จริงๆ จนมาถึงวันนี้ก็มาไกลเกินกว่าที่เขาคาดหมายเอาไว้แล้ว ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ฮูหยินของเขาแม้จะยึดอำนาจของเรือนหลังเอาไว้ เขาจะทำอะไรก็ต้องเกรงใจนาง ไม่ทำให้นางต้องขุ่นเคืองใจจนเกินไป แม้เขาจะเจ้าชู้และขอรับอนุเข้ามาในจวน และมีหญิงอุ่นเตียงบ้าง ฮูหยินหยูก็ทำเป็นมองไม่เห็นเสีย เพราะนางก็เริ่มอายุมากแล้ว แต่ก็ฉลาดและร้ายกาจเช่นเดิม ไม่เคยมีอนุใดจะได้สุขสบายและมีโอกาสขยับฐานะได้ในจวนหยูนี้
มีแต่อนุที่เมื่อพบความจริงว่าไม่มีทางที่ชีวิตจะดีไปกว่านี้ มีแต่จะถูกลืมเมื่อวันเวลาผ่านไป ก็ขอลากลับไปอยู่บ้านเดิม ก็ไม่มีผู้ใดขัดข้อง บางคนก็ได้เงินเล็กๆน้อยๆกลับไปตั้งตัว บางคนก็ไม่ได้อะไรเลย แล้วแต่ว่าฮูหยินใหญ่จะหมั่นไส้ใครมากน้อย บางคนก็เวทนาให้เงินทองติดตัวไป แต่ก็มีหลายคนที่แทบไม่ได้อะไรไปจากจวนตระกูลหยูเลย ส่วนมารดาของหยูเพ่ยอันมีบุตรกับนายท่านหยูจึงอยู่ที่นี่ได้ แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของสองแม่ลูกนั้นก็ไม่ได้สบายนัก
สองแม่ลูกนั้นไม่มีสาวใช้ของตนเอง ถูกให้ย้ายไปอยู่เรือนหลังเล็กที่ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา อยู่หลังจวนหยูที่ทุกคนในจวนแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ายังมีอนุลิ่วมารดาของเพ่ยอันอยู่ในเรือนเล็กหลังจวน แต่ก็ยังดีที่ฮูหยินใหญ่นั้นไม่ถึงกับเลวร้ายจนเกินไป นางก็ยังให้เบี้ยเลี้ยงเล็กน้อยเอาไว้ประทังชีวิตบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร อนุลิ่วนั้นต้องรับจ้างนำเสื้อผ้ามาเย็บที่เรือนโดยไปของานมาจากร้านอาภรณ์ในตลาดที่ต้องการลูกมือช่วยเย็บอาภรณ์ จึงทำให้สองแม่ลูกพอมีเงินทองใช้สอยอยู่บ้าง
ทั้งสองอยู่ในจวนก็ใช้ประตูเล็กเข้าออกเช่นเดียวกับพวกบ่าวไพร่ อนุลิ่วแทบจะลืมไปแล้วว่านางคือเมียคนหนึ่งของนายท่านหยู เพราะเขาไม่เคยมาหานางนานมาแล้ว แต่นางก็ไม่มีที่ไปและเป็นห่วงบุตรสาวคนเดียวไม่อยากให้นางต้องซัดเซพเนจรไปกับตนเองจึงทนอยู่ในจวนนี้ เพราะอย่างน้อยมันก็มีที่ซุกหัวนอนที่ไม่ต้องเสียค่าเช่า เพ่ยอันแทบจะไม่เคยเข้าไปในเรือนหลักเลย ไม่สนิทกับพี่น้องของตนเอง เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้นับญาติกับนาง ไม่เคยนับว่านางคือน้องสาว มีเพียงอาภรณ์เก่าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวเท่านั้นที่พวกเขาเอื้ออาทรโล๊ะมันมาให้ใช้ เพราะอย่างไรก็ต้องทิ้งมันไปอยู่แล้ว
ฮูหยินใหญ่ให้สาวใช้มาบอกกับอนุลิ่วเรื่องที่จะต้องให้เพ่ยอันแต่งงานไปกับท่านอ๋องอี้เหวินเพราะมีราชโองการมาเมื่อวานนี้ และในอีกสามวันจะส่งเพ่ยอันไปที่จวนของท่านอ๋องอี้เหวินที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเมือง สองแม่ลูกตกใจมากและร้องไห้กอดกันอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกเพ่ยอันจำต้องยอมแต่งงานไปกับใครก็ไม่รู้ที่นางไม่รู้จัก ก่อนวันแต่งงานสาวใช้นำชุดเจ้าสาวที่นับว่าเป็นชุดใหม่ที่สุดที่เพ่ยอันเคยมีมาให้นางที่เรือน กำชับว่าพรุ่งนี้ให้แต่งตัวแล้วออกไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวที่หน้าจวน แล้วสาวใช้เก่าแก่คนสนิทของฮูหยินหยูก็เดินจากไปทันที
“ อันเอ๋อ ไม่เป็นไรนะลูก ในเมื่อท่านพ่อให้เจ้าแต่งงานออกไปก็คงจะจำต้องแต่งยิ่งมันเป็นราชโองการจากฮ่องเต้ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ลูกแค่แต่งงานไปอยู่ที่จวนท่านอ๋องที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเมืองนี่เอง หากวันไหนคิดถึงแม่ก็มาเยีี่ยมได้ เราไม่ได้จากกันไปไกลมากนะลูก ”
อนุลิ่วผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวได้ฟังแต่ที่สาวใช้มาบอกว่ามีราชโองการให้เพ่ยอันแต่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวินในอีกสามวัน ไม่รู้ว่าที่จริงแล้วราชโองการนั้นไม่ได้บอกว่าต้องเป็นบุตรสาวคนใดของนายท่านหยูหลี่กง แต่ฮูหยินใหญ่กำชับสาวใช้และทุกคนที่รู้เรื่องนี้ไม่ให้บอกกับอนุลิ่วและเพ่ยอันว่าที่จริงแล้วในราชโองการไม่ได้บอกว่าต้องเป็นนาง แค่บอกว่าเป็นบุตรสาวของนายท่านหยูหลี่กงเพียงเท่านั้น
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องไปขึ้นเกี้ยวหน้าจวน อนุลิ่วเดินจูงบุตรสาวมาส่งขึ้นเกี้ยวที่หน้าประตูจวนตระกูลหยู โดยมีนายท่านหยูและฮูหยินรวมถึงบุตรสาวและบุตรชายบางคนมายืนอยู่ด้วย ที่จริงแล้วพวกเขามิได้คิดจะมายืนรอส่งเจ้าสาวที่เป็นบุตรสาวตระกูลหยูเช่นกัน แต่พวกเขามายืนรอดูเพื่อให้แน่ใจว่าเพ่ยอันขึ้นไปบนเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว และเกี้ยวนี้ทางวังหลวงส่งมาพร้อมกับสินสอดหนึ่งหีบเล็ก นับเป็นขบวนเจ้าสาวที่น่าอนาถใจไม่่น้อยขบวนเจ้าสาวที่ออกเดินทางมีเพียงเกี้ยวและบ่าวชายที่หาบสินสอดหีบเล็กใส่ตระกร้าสานใบใหญ่และอีกด้านของตระกร้าสานนั้นเป็นหีบใส่ข้าวของๆเจ้าสาว เดินตามขบวนเกี้ยวไปเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีคนติดตามเจ้าสาว ไม่มีสาวใช้แม้สักคนเดียวไปกับเกี้ยวด้วย สินเดิมของเจ้าสาวนั้นไม่มี สินสอดนั้นก็มีที่ทางวังหลวงจัดมาให้เพียงหีบเดียว ส่วนสินสอดของเจ้าบ่าวนั้นไม่มี และย่อมไม่มีเจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวด้วยเช่นกัน อนุลิ่วจ้องมองเกี้ยวเจ้าสาวอย่างสะท้อนใจ บุตรสาวของตนเป็นบุตรีขุนนาง มีราชโองการได้สมรสกับท่านอ๋องอี้เหวิน แต่ขบวนส่งเจ้าสาวกลับน่าอนาถเพียงนี้ ยิ่งกว่าที่นางเคยเห็นขบวนเจ้าสาวของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปในเมือง
หลังจากบ่าวชายที่อุตส่าห์มีน้ำใจเอ่ยคำอวยพรให้นางกลับไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวที่ก็กลับไปเช่นกัน ที่หน้าประตูจวนนั้นมีเพียงเพ่ยอันยืนอยู่เพียงผู้เดียว ในลานหน้าบ้านนั้นว่างเปล่าไม่มีผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว ตรงหน้าของนางคือเรือนขนาดเล็กเป็นเรือนแถวยาวคงจะมีห้องอยู่เพียงไม่กี่ห้องและมองไปเห็นเรือนเล็กที่ปลูกติดกันนั่นน่าจะเป็นโรงครัว เพราะที่ด้านหน้าเรือนมีโอ่งน้ำขนาดใหญ่สามโอ่งตั้งเรียงรายอยู่และมีชั้นวางของอยู่ใกล้ๆกันในลานกว้างมีต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากอยู่สามต้นปลูกอยู่ในลานหน้าเรือน และมีกระถางต้นไม้เรียงรายอยู่หลายกระถางแต่ต้นไม้ในนั้นล้วนเหี่ยวแห้งเหมือนไม่มีคนรดน้ำมานานแล้ว มีอ่างบัวขนาดไม่ใหญ่มากสองอ่างที่ใต้ชายคาเรือนแต่ในอ่างบัวไม่มีน้ำสักหยดในอ่างนั้นก็แห้งผากมีแต่ซากต้นไม้แห้งอยู่ในนั้นนางหันไปรอบๆก็ไม่พบใครสักคน จึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปที่ห้องใกล้กับโรงครัวแล้วเปิดประตูออกมองเข้าไปพบว่ามันเป็นห้องว่างเปล่า มีเตียงไม้ขนาดกลางวางอยู่ริมผนัง มีชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้เก่าๆ อยู่หนึ่งชุด มีโต๊ะเครื่องแป้งที่เก่าพอๆกับเครื่องเรือนทุกอย่างในห้อง แต่มันก็พอใช้งานได้ ในห้องนี้มีฝุ่นจับหนามาก คง
“ ก่อนอื่นข้าจะไปสำรวจในครัวก่อนก็แล้วกันนะว่ามีอะไรกินบ้าง แล้วจะลงมือทำความสะอาดห้องพักของข้าก่อน พวกท่านกินอะไรกันหรือยัง ” ชายร่างผอมส่ายหน้า “ ยัง วันนี้ข้ายังไม่ได้ลงจากเตียงเลย ” เพ่ยอันจ้องมองบนเตียงของเขาพบว่าเขาน่าจะยังไม่ได้อาบน้ำและบุตรสาวของเขาก็มอมแมมพอกัน เพราะคนขาเจ็บคงจะลุกจากเตียงลำบากมาก“ ข้าจะพยุงท่านไปเข้าห้องน้ำและอาบน้ำให้สะอาดก่อนนะ แล้วจะอาบน้ำให้เด็กน้อยคนนี้ เจ้าชื่อว่าลี่หลิน น้าเรียกเจ้าว่าอาหลินก็แล้วกันนะ จะได้เรียกง่ายๆ ดีไหมจ๊ะ ” นางหันไปพูดกับเด็กน้อยที่ดวงตากลมโตจ้องมองนางตาแป๋วแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ อาหลินจะตามไปด้วยกันก็ได้นะ น้าจะได้อาบน้ำให้เจ้าพร้อมกับท่านพ่อเลย ” เพ่ยอันพับแขนเสื้อของตนเองแล้วผูกเอาไว้ วันนี้คงจะเหนื่อยแน่ งานยังมีให้ทำอีกมากมาย นางเข็นรถเข็นไม้ไปจนชิดกับเตียงหลังใหญ่ของเขา แล้วค่อยๆพยุงเขาขยับมานั่งบนรถเข็นของตนเองจนได้ ขาของเขาน่าจะหักหลายที่ มันคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด “ ท่านยังเจ็บอยู่ไหม ” ชายหนุ่มพยักหน้า“ เจ็บอยู่ คิดว่ากระดูกคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด แต่แผลนั้นหายแล้ว ไม่ต้องล้างแผลแล้ว ” เขาบอกขณะที่เพ่ยอันจัดท่
เมื่อข้าวสุกและอาหารก็เสร็จแล้ว เพ่ยอันก็ตักข้าวใส่ในจานสองจานและถ้วยใบเล็กสำหรับเด็ก แล้วตักไข่เป็นสามส่วน เอาชิ้นใหญ่สุดให้กับพ่อเด็ก แล้วตักชิ้นเล็กใส่ลงมาชามใบเล็กนั้น แล้วเดินถือชามใบเล็กออกไปส่งให้กับเด็กน้อยที่รอคอยอยู่ด้วยความหิว เด็กหญิงรับชามข้าวไปอย่างยินดีแล้วลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อยส่วนเพ่ยอันเดินไปหาพ่อเด็กที่บัดนี้ห่มผ้าที่นางพาดเอาไว้ให้แล้ว และกำลังพยายามเข็นรถไปที่ห้องนอนของตนเอง “ ข้าช่วยท่านเข็นดีกว่ามือจะได้ไม่เปื้อน ” แล้วนางก็เดินตรงไปช่วยเข็นรถนั้นตรงไปที่หน้าห้องของเด็กหญิงตอนนี้แดดยังร่มเพราะชายคาของเรือนนี้ก็กว้างพอสมควร กว่าแดดจะส่องมาที่บริเวณระเบียงหน้าเรือนก็คงจะเป็นช่วงบ่ายคล้อยแล้ว “ ท่านนั่งอยู่ที่นี่นะ ข้าจะไปหยิบชามข้าวมาให้ ” แล้วเพ่ยอันก็เดินกลับไปในครัวแล้วยกจานข้าวมาส่งให้เขา อ๋องหนุ่มรับเอาไว้ แล้วจ้องมองใบหน้าหวานของเมียหมาดๆ ที่เพิ่งแต่งงานกันโดยราชโองการที่คนออกคำสั่งนั้นต้องการหยามหน้าเชาโดยการให้แต่งงานกับบุตรีของขุนนางที่ต่ำต้อยและไม่มีความสำคัญใด ไม่มีความสามารถโดดเด่น ที่ขึ้นมาเป็นขุนนางระดับนี้ได้ก็เพราะการหนุนหลังของครอบครัวเ
เมื่อข้าวสุกและอาหารก็เสร็จแล้ว เพ่ยอันก็ตักข้าวใส่ในจานสองจานและถ้วยใบเล็กสำหรับเด็ก แล้วตักไข่เป็นสามส่วน เอาชิ้นใหญ่สุดให้กับพ่อเด็ก แล้วตักชิ้นเล็กใส่ลงมาชามใบเล็กนั้น แล้วเดินถือชามใบเล็กออกไปส่งให้กับเด็กน้อยที่รอคอยอยู่ด้วยความหิว เด็กหญิงรับชามข้าวไปอย่างยินดีแล้วลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อยส่วนเพ่ยอันเดินไปหาพ่อเด็กที่บัดนี้ห่มผ้าที่นางพาดเอาไว้ให้แล้ว และกำลังพยายามเข็นรถไปที่ห้องนอนของตนเอง “ ข้าช่วยท่านเข็นดีกว่ามือจะได้ไม่เปื้อน ” แล้วนางก็เดินตรงไปช่วยเข็นรถนั้นตรงไปที่หน้าห้องของเด็กหญิงตอนนี้แดดยังร่มเพราะชายคาของเรือนนี้ก็กว้างพอสมควร กว่าแดดจะส่องมาที่บริเวณระเบียงหน้าเรือนก็คงจะเป็นช่วงบ่ายคล้อยแล้ว “ ท่านนั่งอยู่ที่นี่นะ ข้าจะไปหยิบชามข้าวมาให้ ” แล้วเพ่ยอันก็เดินกลับไปในครัวแล้วยกจานข้าวมาส่งให้เขา อ๋องหนุ่มรับเอาไว้ แล้วจ้องมองใบหน้าหวานของเมียหมาดๆ ที่เพิ่งแต่งงานกันโดยราชโองการที่คนออกคำสั่งนั้นต้องการหยามหน้าเชาโดยการให้แต่งงานกับบุตรีของขุนนางที่ต่ำต้อยและไม่มีความสำคัญใด ไม่มีความสามารถโดดเด่น ที่ขึ้นมาเป็นขุนนางระดับนี้ได้ก็เพราะการหนุนหลังของครอบครัวเ
“ ก่อนอื่นข้าจะไปสำรวจในครัวก่อนก็แล้วกันนะว่ามีอะไรกินบ้าง แล้วจะลงมือทำความสะอาดห้องพักของข้าก่อน พวกท่านกินอะไรกันหรือยัง ” ชายร่างผอมส่ายหน้า “ ยัง วันนี้ข้ายังไม่ได้ลงจากเตียงเลย ” เพ่ยอันจ้องมองบนเตียงของเขาพบว่าเขาน่าจะยังไม่ได้อาบน้ำและบุตรสาวของเขาก็มอมแมมพอกัน เพราะคนขาเจ็บคงจะลุกจากเตียงลำบากมาก“ ข้าจะพยุงท่านไปเข้าห้องน้ำและอาบน้ำให้สะอาดก่อนนะ แล้วจะอาบน้ำให้เด็กน้อยคนนี้ เจ้าชื่อว่าลี่หลิน น้าเรียกเจ้าว่าอาหลินก็แล้วกันนะ จะได้เรียกง่ายๆ ดีไหมจ๊ะ ” นางหันไปพูดกับเด็กน้อยที่ดวงตากลมโตจ้องมองนางตาแป๋วแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ อาหลินจะตามไปด้วยกันก็ได้นะ น้าจะได้อาบน้ำให้เจ้าพร้อมกับท่านพ่อเลย ” เพ่ยอันพับแขนเสื้อของตนเองแล้วผูกเอาไว้ วันนี้คงจะเหนื่อยแน่ งานยังมีให้ทำอีกมากมาย นางเข็นรถเข็นไม้ไปจนชิดกับเตียงหลังใหญ่ของเขา แล้วค่อยๆพยุงเขาขยับมานั่งบนรถเข็นของตนเองจนได้ ขาของเขาน่าจะหักหลายที่ มันคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด “ ท่านยังเจ็บอยู่ไหม ” ชายหนุ่มพยักหน้า“ เจ็บอยู่ คิดว่ากระดูกคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด แต่แผลนั้นหายแล้ว ไม่ต้องล้างแผลแล้ว ” เขาบอกขณะที่เพ่ยอันจัดท่
หลังจากบ่าวชายที่อุตส่าห์มีน้ำใจเอ่ยคำอวยพรให้นางกลับไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวที่ก็กลับไปเช่นกัน ที่หน้าประตูจวนนั้นมีเพียงเพ่ยอันยืนอยู่เพียงผู้เดียว ในลานหน้าบ้านนั้นว่างเปล่าไม่มีผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว ตรงหน้าของนางคือเรือนขนาดเล็กเป็นเรือนแถวยาวคงจะมีห้องอยู่เพียงไม่กี่ห้องและมองไปเห็นเรือนเล็กที่ปลูกติดกันนั่นน่าจะเป็นโรงครัว เพราะที่ด้านหน้าเรือนมีโอ่งน้ำขนาดใหญ่สามโอ่งตั้งเรียงรายอยู่และมีชั้นวางของอยู่ใกล้ๆกันในลานกว้างมีต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากอยู่สามต้นปลูกอยู่ในลานหน้าเรือน และมีกระถางต้นไม้เรียงรายอยู่หลายกระถางแต่ต้นไม้ในนั้นล้วนเหี่ยวแห้งเหมือนไม่มีคนรดน้ำมานานแล้ว มีอ่างบัวขนาดไม่ใหญ่มากสองอ่างที่ใต้ชายคาเรือนแต่ในอ่างบัวไม่มีน้ำสักหยดในอ่างนั้นก็แห้งผากมีแต่ซากต้นไม้แห้งอยู่ในนั้นนางหันไปรอบๆก็ไม่พบใครสักคน จึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปที่ห้องใกล้กับโรงครัวแล้วเปิดประตูออกมองเข้าไปพบว่ามันเป็นห้องว่างเปล่า มีเตียงไม้ขนาดกลางวางอยู่ริมผนัง มีชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้เก่าๆ อยู่หนึ่งชุด มีโต๊ะเครื่องแป้งที่เก่าพอๆกับเครื่องเรือนทุกอย่างในห้อง แต่มันก็พอใช้งานได้ ในห้องนี้มีฝุ่นจับหนามาก คง
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องไปขึ้นเกี้ยวหน้าจวน อนุลิ่วเดินจูงบุตรสาวมาส่งขึ้นเกี้ยวที่หน้าประตูจวนตระกูลหยู โดยมีนายท่านหยูและฮูหยินรวมถึงบุตรสาวและบุตรชายบางคนมายืนอยู่ด้วย ที่จริงแล้วพวกเขามิได้คิดจะมายืนรอส่งเจ้าสาวที่เป็นบุตรสาวตระกูลหยูเช่นกัน แต่พวกเขามายืนรอดูเพื่อให้แน่ใจว่าเพ่ยอันขึ้นไปบนเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว และเกี้ยวนี้ทางวังหลวงส่งมาพร้อมกับสินสอดหนึ่งหีบเล็ก นับเป็นขบวนเจ้าสาวที่น่าอนาถใจไม่่น้อยขบวนเจ้าสาวที่ออกเดินทางมีเพียงเกี้ยวและบ่าวชายที่หาบสินสอดหีบเล็กใส่ตระกร้าสานใบใหญ่และอีกด้านของตระกร้าสานนั้นเป็นหีบใส่ข้าวของๆเจ้าสาว เดินตามขบวนเกี้ยวไปเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีคนติดตามเจ้าสาว ไม่มีสาวใช้แม้สักคนเดียวไปกับเกี้ยวด้วย สินเดิมของเจ้าสาวนั้นไม่มี สินสอดนั้นก็มีที่ทางวังหลวงจัดมาให้เพียงหีบเดียว ส่วนสินสอดของเจ้าบ่าวนั้นไม่มี และย่อมไม่มีเจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวด้วยเช่นกัน อนุลิ่วจ้องมองเกี้ยวเจ้าสาวอย่างสะท้อนใจ บุตรสาวของตนเป็นบุตรีขุนนาง มีราชโองการได้สมรสกับท่านอ๋องอี้เหวิน แต่ขบวนส่งเจ้าสาวกลับน่าอนาถเพียงนี้ ยิ่งกว่าที่นางเคยเห็นขบวนเจ้าสาวของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปในเมือง
ตระกูลหยูของหยูหลี่กงขุนนางขั้นสองได้รับราชโองการให้บุตรสาวของเขาแต่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวิน แต่แทนที่ตระกูล หยูจะดีใจที่บุตรสาวนั้นจะได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง กลับทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จำต้องน้อมรับราชโองการนั้นเอาไว้ หลังจากเฉากงกงเดินออกไปจากจวนตระกูลหยูแล้ว ฮูหยินใหญ่ก็หันไปพูดกับสามี“ ท่านพี่เจ้าคะ ข้าไม่ยอมให้ลูกของเราแต่งงานกับอ๋องนั่นอย่างเด็ดขาด คนไม่มีอนาคตอย่างนั้นใครจะอยากส่งบุตรสาวไปเป็นภรรยาของเขากัน ” นายท่านหยูขุนนางการคลังขั้นสองนิ่งอึ้งไปเช่นกัน “ แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า ในเมื่อมันเป็นราชโองการที่ต้องให้บุตรสาวของข้าแต่งงานกับอ๋องผู้นั้นแล้วไปอยู่ที่จวนกับเขา ” ฮูหยินใหญ่ที่ไม่มีทางปล่อยให้บุตรสาวที่นางรักและเลี้ยงดูมาอย่างกับไข่ในหินแต่งงานไปกับคนพิการแถมยังไร้สิ้นยศถาบรรดาศักดิ์และทรัพย์สินเพราะถูกริบไปหมดแล้ว จึงได้ตัดสินใจเอ่ยว่า“ ก็บุตรสาวของท่านพี่ไม่ได้มีแค่ลูกของเรานี่เจ้าคะ ยังมีเพ่ยอันอีกคน ถ้าเช่นนั้นให้นางแต่งงานกับอ๋องนั่นไปก็แล้วกัน ท่านพี่จะขัดข้องไหมเจ้าคะ “ นางหันไปจ้องมองสามี และแน่นอนว่านายท่านหยูหลี่กงที่ไม่เคยมีปากเสียงกับฮูหยินของต