นับจากเพ่ยอันไปตามท่านหมอมาตรวจอาการของเขาและจัดยาให้เขาดื่มนั้น อ๋องหนุ่มอาการดีขึ้นมาก เขารู้สึกว่ากระดูกสมานกันได้ดีขึ้น จนเขาค่อยขยับกายลงมาเดินที่ข้างเตียงได้บ้างแล้ว อ๋องหนุ่มดีใจมาก บาดแผลด้านนอกหายสนิทแล้วเหลือรอยแผลเป็นเป็นแนวยาวแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดนัก เหลือเพียงรอให้กระดูกสมานดีขึ้นเขาก็คงจะกลับมาเดินได้เช่นเดิมแล้ว พอหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว อ๋องหนุ่มก็มักจะออกมาหัดเดินเล่นข้างนอก เขาฟันไม้ไผ่ข้างกำแพงหลังบ้านที่ขึ้นเป็นกออยู่มานั่งเหลาและทำเป็นไม้เท้า ตอนนี้เขาไม่ต้องนั่งรถเข็นแล้ว ใช้ไม้เท้าเดินแทน โดยมีบุตรสาวที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจที่บิดาเดินได้แล้ว และนางมักจะเดินตามบิดาไปด้วยเวลาเขาหัดเดิน หรือไม่ก็วิ่งเล่นอยู่ที่ลานกว้างหน้าเรือน ตอนนี้นางมีของเล่นหลายชิ้นแล้วเพราะท่านน้าเพ่ยอันไปซื้อมาให้ที่ตลาด นางมักจะนั่งเล่นที่หน้าระเบียงเรือน ขณะที่บิดาของนางก็มานั่งเล่นและจิบน้ำชาที่หน้าระเบียงเรือนด้วย เขาไม่ต้องใช้รถเข็นนั่นแล้ว เพ่ยอันจึงได้เข็นมันไปเก็บไว้ในห้องเก็บของด้านหลัง ขณะที่เพ่ยกันกำลังตากหมูที่นางหั่นเป็นชิ้นขนาดไม่ใหญ่และหมักด้วยซีอี๊วกับน้ำตาลและใส่เกลือไ
อนุลิ่วกับเพ่ยอันไปซื้อผ้าพับที่ตลาดมาช่วยกันเย็บเสื้อผ้าเนื้อหยาบราคาถูกเอาไปวางขายตอนเช้า โดยอนุลิ่วเป็นคนนำอาภรณ์ที่ช่วยกันเย็บไปขายหลังจากกลับมานางก็มักจะหาซื้อข้าวของที่ตลาดกลับมาด้วย โดยเพ่ยอันเป็นคนหุงหาอาหารเอาไว้ ดูแลอาบน้ำให้กับอาหลินและจัดการเรื่องอาหารเช้าให้กับสองพ่อลูก อ๋องหนุ่มตอนนี้เดินเหินได้ดีขึ้นมากแล้ว เขาไม่ได้ใช้ไม้เท้าแล้ว และพยายามฝึกหัดเดินอยู่แทบทุกวัน เขาพยายามฝึกยุทธ์ง่ายๆ เพื่อจะให้ร่างกายแข็งแรงเร็วขึ้น จะได้หาอะไรทำเพื่อช่วยงานทั้งภรรยาและแม่ยายของเขาบ้าง เขาเห็นสองแม่ลูกนั่นทำงานกันมือเป็นระวิง ขยันขันแข็งทำงานบ้าน ทำอาหาร และยังเย็บอาภรณ์ไปขายที่ตลาดอีกด้วย เขาเห็นทั้งสองมือไม่ว่างเลย เหมือนจะหางานทำกันอยู่ตลอด โดยมีอาหลินนั้นบางทีก็ไปนั่นเล่นกับพวกนางที่ห้องที่พวกนางใช้ทำงานกัน ทุกคนในจวนก็พอมีความสุข เขามีความสุขสบายใจมากกว่าสมัยที่ยังเป็นอ๋องเสียอีก เพราะตอนนี้ไม่ต้องได้รับผิดชอบอะไรแล้ว นอกจากจะมองหาอาชีพเอาไว้เลี้ยงครอบครัวเล็กๆ ของเขา บัดนี้ในใจของอ๋องหนุ่มนั้นยอมรับเพ่ยอันเป็นภรรยา เพราะเขาแอบเฝ้ามองนางตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ นางเป็นหญิงที่ดี
เพ่ยอันที่กำลังตกตะลึงงันอ้าปากค้างกับการกระทำของสามีในนามนั้น จึงทำให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของคนที่นางกำลังยืนเงยหน้าจ้องมองเขา สอดเข้าในปากอวบอิ่มของนางแล้วควานหาลิ้นเล็กของนางจนพบ แล้วเข้าเกี่ยวพันมันอย่างดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเร่าร้อน เขาทั้งจูบทั้งดูดลิ้นของนางจนเพ่ยอันเคลิบเคลิ้มไปกับจุบพิตที่แทบจะสูบวิญญาณนั้น ตัวของนางอ่อนระทวยพิงอกแกร่งของสามีในช่องท้องเหมือนมีผีเสื้อกระพือปีกนับร้อยนับพัน จูบผู้ชายเป็นเช่นนี้หรือ เพ่ยอันไม่เคยใกล้ชิดกับบุรุษจนถึงขนาดนี้มาก่อน แต่กลับมาเสียจูบแรกให้กับคนที่กำลังตักตวงความหวานในปากอวบอิ่มของตนเอง เพ่ยอันเคลิบเคลิ้มไปหมด ร่างกายอ่อนระทวยจนยอมให้เขาจูบจนพอใจ ริมฝีปากร้อนรุ่มนั้นเมื่อถอนจูบที่เขาจูบนางจนพอใจแล้ว ก็ไล้เลียใบหน้าหวานและใบหูเล็กของนางจนร่างอวบครวญครางกระเส่า“ อ๊าา อ๊าา อ๊ะ อ๊า อ๊า ” เขาไล้เลียจนมาถึงร่องอกอวบที่เขามองเห็นรำไร มือหนาถอดผ้าคาดเอวของนางออกจนหลุดลุ่ย เมื่อเสื้อผ้าเนื้อหยาบหลุดออกด้วยมือหนาของเขาที่แหวกมันจนพ้นอกอวบขาวผ่อง อกของนางอวบใหญ่ยิ่งนัก แถมนางยังไม่ใส่เอี๊ยมด้้านใน เพราะเพิ่งอาบน้ำมาเมื่อสาปเสื้ออ้าออก
ขณะที่ครุ่นคิดเพ่ยอันก็ถูกลำกายอวบใหญ่ของสามีที่เรียกได้อย่างเต็มปากแล้วนั้น ทิ่มแทงเข้ามาไม่ยั้งและนางก็แอ่นร่องอวบรับเขาเป็นจังหวะเดียวกัน ปากก็ร้องครวญครางอย่างเสียวซ่านเหลือเกิน ทั้งสองเริงรักกันตั้งแต่หัวค่ำจนกระทั่งรุ่งสาง เพ่ยอันถูกเขาจัดการจนแทบไม่มีเวลาได้พักหายใจ เหมือนเขาหิวเขาโหยนางเป็นอย่างมาก“ ข้ารักเจ้าเพ่ยอัน เมียรัก เมียของข้า อย่าคิดมีใครอีก อ๊าา อ๊าา โอ้วววว โอ้วววว ” เขาทั้งร้องครวญครางทั้งสารภาพรักกับนางอย่างลุ่มหลง มือหนาลูบไล้ไปทุกส่วนในร่างอวบนั้น “ เมียจ๋า เราไปแช่น้ำร้อนด้วยกันไหมยอดรัก ” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากที่กระแทกนางจนเสร็จสมไปนับครั้งไม่ถ้วน“ มันหนาวหรือไม่เจ้าคะ แช่น้ำในตอนเช้าเช่นนี้ ” นางเอ่ยบอกเขา แต่ดวงตาคมที่มองสบตาของนางอย่างหวานฉ่ำนั้นมีประกายเจ้าเล่ห์นิดๆ “ บ่อน้ำร้อนมันอยู่ด้านหลังเรือน มีห้องสร้างคร่อมมันเอาไว้เจ้าคงจะยังไม่เห็น พี่จะพาไป ” เขากระซิบเบา ๆ ที่ริมใบหูเล็กแถมยังไล้เลียมันอีกด้วย “ ไม่เอาแล้ว ข้าเหนื่อยนะ ” นางตอบเบาๆอย่างอายๆ ขย่มนางแทบจะทั้งคืนแล้วยังมีแรงอีก ไหนบอกว่าเป็นคนป่วยอย่างไรเล่า ยังไม่ทันได้อ้าปากถามเขาเรืื่อง
ตระกูลหยูของหยูหลี่กงขุนนางขั้นสองได้รับราชโองการให้บุตรสาวของเขาแต่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวิน แต่แทนที่ตระกูล หยูจะดีใจที่บุตรสาวนั้นจะได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง กลับทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จำต้องน้อมรับราชโองการนั้นเอาไว้ หลังจากเฉากงกงเดินออกไปจากจวนตระกูลหยูแล้ว ฮูหยินใหญ่ก็หันไปพูดกับสามี“ ท่านพี่เจ้าคะ ข้าไม่ยอมให้ลูกของเราแต่งงานกับอ๋องนั่นอย่างเด็ดขาด คนไม่มีอนาคตอย่างนั้นใครจะอยากส่งบุตรสาวไปเป็นภรรยาของเขากัน ” นายท่านหยูขุนนางการคลังขั้นสองนิ่งอึ้งไปเช่นกัน “ แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า ในเมื่อมันเป็นราชโองการที่ต้องให้บุตรสาวของข้าแต่งงานกับอ๋องผู้นั้นแล้วไปอยู่ที่จวนกับเขา ” ฮูหยินใหญ่ที่ไม่มีทางปล่อยให้บุตรสาวที่นางรักและเลี้ยงดูมาอย่างกับไข่ในหินแต่งงานไปกับคนพิการแถมยังไร้สิ้นยศถาบรรดาศักดิ์และทรัพย์สินเพราะถูกริบไปหมดแล้ว จึงได้ตัดสินใจเอ่ยว่า“ ก็บุตรสาวของท่านพี่ไม่ได้มีแค่ลูกของเรานี่เจ้าคะ ยังมีเพ่ยอันอีกคน ถ้าเช่นนั้นให้นางแต่งงานกับอ๋องนั่นไปก็แล้วกัน ท่านพี่จะขัดข้องไหมเจ้าคะ “ นางหันไปจ้องมองสามี และแน่นอนว่านายท่านหยูหลี่กงที่ไม่เคยมีปากเสียงกับฮูหยินของต
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องไปขึ้นเกี้ยวหน้าจวน อนุลิ่วเดินจูงบุตรสาวมาส่งขึ้นเกี้ยวที่หน้าประตูจวนตระกูลหยู โดยมีนายท่านหยูและฮูหยินรวมถึงบุตรสาวและบุตรชายบางคนมายืนอยู่ด้วย ที่จริงแล้วพวกเขามิได้คิดจะมายืนรอส่งเจ้าสาวที่เป็นบุตรสาวตระกูลหยูเช่นกัน แต่พวกเขามายืนรอดูเพื่อให้แน่ใจว่าเพ่ยอันขึ้นไปบนเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว และเกี้ยวนี้ทางวังหลวงส่งมาพร้อมกับสินสอดหนึ่งหีบเล็ก นับเป็นขบวนเจ้าสาวที่น่าอนาถใจไม่่น้อยขบวนเจ้าสาวที่ออกเดินทางมีเพียงเกี้ยวและบ่าวชายที่หาบสินสอดหีบเล็กใส่ตระกร้าสานใบใหญ่และอีกด้านของตระกร้าสานนั้นเป็นหีบใส่ข้าวของๆเจ้าสาว เดินตามขบวนเกี้ยวไปเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีคนติดตามเจ้าสาว ไม่มีสาวใช้แม้สักคนเดียวไปกับเกี้ยวด้วย สินเดิมของเจ้าสาวนั้นไม่มี สินสอดนั้นก็มีที่ทางวังหลวงจัดมาให้เพียงหีบเดียว ส่วนสินสอดของเจ้าบ่าวนั้นไม่มี และย่อมไม่มีเจ้าบ่าวมารับเจ้าสาวด้วยเช่นกัน อนุลิ่วจ้องมองเกี้ยวเจ้าสาวอย่างสะท้อนใจ บุตรสาวของตนเป็นบุตรีขุนนาง มีราชโองการได้สมรสกับท่านอ๋องอี้เหวิน แต่ขบวนส่งเจ้าสาวกลับน่าอนาถเพียงนี้ ยิ่งกว่าที่นางเคยเห็นขบวนเจ้าสาวของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปในเมือง
หลังจากบ่าวชายที่อุตส่าห์มีน้ำใจเอ่ยคำอวยพรให้นางกลับไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวที่ก็กลับไปเช่นกัน ที่หน้าประตูจวนนั้นมีเพียงเพ่ยอันยืนอยู่เพียงผู้เดียว ในลานหน้าบ้านนั้นว่างเปล่าไม่มีผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว ตรงหน้าของนางคือเรือนขนาดเล็กเป็นเรือนแถวยาวคงจะมีห้องอยู่เพียงไม่กี่ห้องและมองไปเห็นเรือนเล็กที่ปลูกติดกันนั่นน่าจะเป็นโรงครัว เพราะที่ด้านหน้าเรือนมีโอ่งน้ำขนาดใหญ่สามโอ่งตั้งเรียงรายอยู่และมีชั้นวางของอยู่ใกล้ๆกันในลานกว้างมีต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่มากอยู่สามต้นปลูกอยู่ในลานหน้าเรือน และมีกระถางต้นไม้เรียงรายอยู่หลายกระถางแต่ต้นไม้ในนั้นล้วนเหี่ยวแห้งเหมือนไม่มีคนรดน้ำมานานแล้ว มีอ่างบัวขนาดไม่ใหญ่มากสองอ่างที่ใต้ชายคาเรือนแต่ในอ่างบัวไม่มีน้ำสักหยดในอ่างนั้นก็แห้งผากมีแต่ซากต้นไม้แห้งอยู่ในนั้นนางหันไปรอบๆก็ไม่พบใครสักคน จึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปที่ห้องใกล้กับโรงครัวแล้วเปิดประตูออกมองเข้าไปพบว่ามันเป็นห้องว่างเปล่า มีเตียงไม้ขนาดกลางวางอยู่ริมผนัง มีชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้เก่าๆ อยู่หนึ่งชุด มีโต๊ะเครื่องแป้งที่เก่าพอๆกับเครื่องเรือนทุกอย่างในห้อง แต่มันก็พอใช้งานได้ ในห้องนี้มีฝุ่นจับหนามาก คง
“ ก่อนอื่นข้าจะไปสำรวจในครัวก่อนก็แล้วกันนะว่ามีอะไรกินบ้าง แล้วจะลงมือทำความสะอาดห้องพักของข้าก่อน พวกท่านกินอะไรกันหรือยัง ” ชายร่างผอมส่ายหน้า “ ยัง วันนี้ข้ายังไม่ได้ลงจากเตียงเลย ” เพ่ยอันจ้องมองบนเตียงของเขาพบว่าเขาน่าจะยังไม่ได้อาบน้ำและบุตรสาวของเขาก็มอมแมมพอกัน เพราะคนขาเจ็บคงจะลุกจากเตียงลำบากมาก“ ข้าจะพยุงท่านไปเข้าห้องน้ำและอาบน้ำให้สะอาดก่อนนะ แล้วจะอาบน้ำให้เด็กน้อยคนนี้ เจ้าชื่อว่าลี่หลิน น้าเรียกเจ้าว่าอาหลินก็แล้วกันนะ จะได้เรียกง่ายๆ ดีไหมจ๊ะ ” นางหันไปพูดกับเด็กน้อยที่ดวงตากลมโตจ้องมองนางตาแป๋วแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ อาหลินจะตามไปด้วยกันก็ได้นะ น้าจะได้อาบน้ำให้เจ้าพร้อมกับท่านพ่อเลย ” เพ่ยอันพับแขนเสื้อของตนเองแล้วผูกเอาไว้ วันนี้คงจะเหนื่อยแน่ งานยังมีให้ทำอีกมากมาย นางเข็นรถเข็นไม้ไปจนชิดกับเตียงหลังใหญ่ของเขา แล้วค่อยๆพยุงเขาขยับมานั่งบนรถเข็นของตนเองจนได้ ขาของเขาน่าจะหักหลายที่ มันคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด “ ท่านยังเจ็บอยู่ไหม ” ชายหนุ่มพยักหน้า“ เจ็บอยู่ คิดว่ากระดูกคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด แต่แผลนั้นหายแล้ว ไม่ต้องล้างแผลแล้ว ” เขาบอกขณะที่เพ่ยอันจัดท่
ขณะที่ครุ่นคิดเพ่ยอันก็ถูกลำกายอวบใหญ่ของสามีที่เรียกได้อย่างเต็มปากแล้วนั้น ทิ่มแทงเข้ามาไม่ยั้งและนางก็แอ่นร่องอวบรับเขาเป็นจังหวะเดียวกัน ปากก็ร้องครวญครางอย่างเสียวซ่านเหลือเกิน ทั้งสองเริงรักกันตั้งแต่หัวค่ำจนกระทั่งรุ่งสาง เพ่ยอันถูกเขาจัดการจนแทบไม่มีเวลาได้พักหายใจ เหมือนเขาหิวเขาโหยนางเป็นอย่างมาก“ ข้ารักเจ้าเพ่ยอัน เมียรัก เมียของข้า อย่าคิดมีใครอีก อ๊าา อ๊าา โอ้วววว โอ้วววว ” เขาทั้งร้องครวญครางทั้งสารภาพรักกับนางอย่างลุ่มหลง มือหนาลูบไล้ไปทุกส่วนในร่างอวบนั้น “ เมียจ๋า เราไปแช่น้ำร้อนด้วยกันไหมยอดรัก ” เขาเอ่ยขึ้นหลังจากที่กระแทกนางจนเสร็จสมไปนับครั้งไม่ถ้วน“ มันหนาวหรือไม่เจ้าคะ แช่น้ำในตอนเช้าเช่นนี้ ” นางเอ่ยบอกเขา แต่ดวงตาคมที่มองสบตาของนางอย่างหวานฉ่ำนั้นมีประกายเจ้าเล่ห์นิดๆ “ บ่อน้ำร้อนมันอยู่ด้านหลังเรือน มีห้องสร้างคร่อมมันเอาไว้เจ้าคงจะยังไม่เห็น พี่จะพาไป ” เขากระซิบเบา ๆ ที่ริมใบหูเล็กแถมยังไล้เลียมันอีกด้วย “ ไม่เอาแล้ว ข้าเหนื่อยนะ ” นางตอบเบาๆอย่างอายๆ ขย่มนางแทบจะทั้งคืนแล้วยังมีแรงอีก ไหนบอกว่าเป็นคนป่วยอย่างไรเล่า ยังไม่ทันได้อ้าปากถามเขาเรืื่อง
เพ่ยอันที่กำลังตกตะลึงงันอ้าปากค้างกับการกระทำของสามีในนามนั้น จึงทำให้ลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของคนที่นางกำลังยืนเงยหน้าจ้องมองเขา สอดเข้าในปากอวบอิ่มของนางแล้วควานหาลิ้นเล็กของนางจนพบ แล้วเข้าเกี่ยวพันมันอย่างดูดดื่มขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเร่าร้อน เขาทั้งจูบทั้งดูดลิ้นของนางจนเพ่ยอันเคลิบเคลิ้มไปกับจุบพิตที่แทบจะสูบวิญญาณนั้น ตัวของนางอ่อนระทวยพิงอกแกร่งของสามีในช่องท้องเหมือนมีผีเสื้อกระพือปีกนับร้อยนับพัน จูบผู้ชายเป็นเช่นนี้หรือ เพ่ยอันไม่เคยใกล้ชิดกับบุรุษจนถึงขนาดนี้มาก่อน แต่กลับมาเสียจูบแรกให้กับคนที่กำลังตักตวงความหวานในปากอวบอิ่มของตนเอง เพ่ยอันเคลิบเคลิ้มไปหมด ร่างกายอ่อนระทวยจนยอมให้เขาจูบจนพอใจ ริมฝีปากร้อนรุ่มนั้นเมื่อถอนจูบที่เขาจูบนางจนพอใจแล้ว ก็ไล้เลียใบหน้าหวานและใบหูเล็กของนางจนร่างอวบครวญครางกระเส่า“ อ๊าา อ๊าา อ๊ะ อ๊า อ๊า ” เขาไล้เลียจนมาถึงร่องอกอวบที่เขามองเห็นรำไร มือหนาถอดผ้าคาดเอวของนางออกจนหลุดลุ่ย เมื่อเสื้อผ้าเนื้อหยาบหลุดออกด้วยมือหนาของเขาที่แหวกมันจนพ้นอกอวบขาวผ่อง อกของนางอวบใหญ่ยิ่งนัก แถมนางยังไม่ใส่เอี๊ยมด้้านใน เพราะเพิ่งอาบน้ำมาเมื่อสาปเสื้ออ้าออก
อนุลิ่วกับเพ่ยอันไปซื้อผ้าพับที่ตลาดมาช่วยกันเย็บเสื้อผ้าเนื้อหยาบราคาถูกเอาไปวางขายตอนเช้า โดยอนุลิ่วเป็นคนนำอาภรณ์ที่ช่วยกันเย็บไปขายหลังจากกลับมานางก็มักจะหาซื้อข้าวของที่ตลาดกลับมาด้วย โดยเพ่ยอันเป็นคนหุงหาอาหารเอาไว้ ดูแลอาบน้ำให้กับอาหลินและจัดการเรื่องอาหารเช้าให้กับสองพ่อลูก อ๋องหนุ่มตอนนี้เดินเหินได้ดีขึ้นมากแล้ว เขาไม่ได้ใช้ไม้เท้าแล้ว และพยายามฝึกหัดเดินอยู่แทบทุกวัน เขาพยายามฝึกยุทธ์ง่ายๆ เพื่อจะให้ร่างกายแข็งแรงเร็วขึ้น จะได้หาอะไรทำเพื่อช่วยงานทั้งภรรยาและแม่ยายของเขาบ้าง เขาเห็นสองแม่ลูกนั่นทำงานกันมือเป็นระวิง ขยันขันแข็งทำงานบ้าน ทำอาหาร และยังเย็บอาภรณ์ไปขายที่ตลาดอีกด้วย เขาเห็นทั้งสองมือไม่ว่างเลย เหมือนจะหางานทำกันอยู่ตลอด โดยมีอาหลินนั้นบางทีก็ไปนั่นเล่นกับพวกนางที่ห้องที่พวกนางใช้ทำงานกัน ทุกคนในจวนก็พอมีความสุข เขามีความสุขสบายใจมากกว่าสมัยที่ยังเป็นอ๋องเสียอีก เพราะตอนนี้ไม่ต้องได้รับผิดชอบอะไรแล้ว นอกจากจะมองหาอาชีพเอาไว้เลี้ยงครอบครัวเล็กๆ ของเขา บัดนี้ในใจของอ๋องหนุ่มนั้นยอมรับเพ่ยอันเป็นภรรยา เพราะเขาแอบเฝ้ามองนางตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ นางเป็นหญิงที่ดี
นับจากเพ่ยอันไปตามท่านหมอมาตรวจอาการของเขาและจัดยาให้เขาดื่มนั้น อ๋องหนุ่มอาการดีขึ้นมาก เขารู้สึกว่ากระดูกสมานกันได้ดีขึ้น จนเขาค่อยขยับกายลงมาเดินที่ข้างเตียงได้บ้างแล้ว อ๋องหนุ่มดีใจมาก บาดแผลด้านนอกหายสนิทแล้วเหลือรอยแผลเป็นเป็นแนวยาวแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดนัก เหลือเพียงรอให้กระดูกสมานดีขึ้นเขาก็คงจะกลับมาเดินได้เช่นเดิมแล้ว พอหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว อ๋องหนุ่มก็มักจะออกมาหัดเดินเล่นข้างนอก เขาฟันไม้ไผ่ข้างกำแพงหลังบ้านที่ขึ้นเป็นกออยู่มานั่งเหลาและทำเป็นไม้เท้า ตอนนี้เขาไม่ต้องนั่งรถเข็นแล้ว ใช้ไม้เท้าเดินแทน โดยมีบุตรสาวที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจที่บิดาเดินได้แล้ว และนางมักจะเดินตามบิดาไปด้วยเวลาเขาหัดเดิน หรือไม่ก็วิ่งเล่นอยู่ที่ลานกว้างหน้าเรือน ตอนนี้นางมีของเล่นหลายชิ้นแล้วเพราะท่านน้าเพ่ยอันไปซื้อมาให้ที่ตลาด นางมักจะนั่งเล่นที่หน้าระเบียงเรือน ขณะที่บิดาของนางก็มานั่งเล่นและจิบน้ำชาที่หน้าระเบียงเรือนด้วย เขาไม่ต้องใช้รถเข็นนั่นแล้ว เพ่ยอันจึงได้เข็นมันไปเก็บไว้ในห้องเก็บของด้านหลัง ขณะที่เพ่ยกันกำลังตากหมูที่นางหั่นเป็นชิ้นขนาดไม่ใหญ่และหมักด้วยซีอี๊วกับน้ำตาลและใส่เกลือไ
หลายวันต่อมาเมื่อจัดการบ้านเรือนให้น่าอยู่ขึ้นและสะอาดสะอ้านไม่มีกลิ่นเหม็นสาปแล้ว เพ่ยอันก็ยังไม่ได้ไปรับงานมาทำเพราะยังจัดการทุกอย่างในเรือนยังไม่เรียบร้อย นางคิดว่าวันนี้จะไปฝากจดหมายถึงท่านแม่ที่ร้านอาภรณ์และจะไปตามท่านหมอมาตรวจอาการของอ๋องหนุ่มเผื่อจะมีทางรักษาให้เขากลับมาเดินไปเป็นปกติ เพราะนางถามไถ่เขาแล้วเเขาบอกว่าไม่ได้กินยามานานแล้ว เพราะยาหมดและไม่มีคนดูแลคอยจัดหาให้ ทำให้เพ่ยอันสะท้อนใจไม่น้อย อ๋องหนุ่มเหมือนถูกปล่อยเกาะ ตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่ไม่คนมาหาเขาเลยแม้แต่คนเดียว ก็คงจะเป็นอย่างที่คนที่รับจ้างดูแลเขาบอกนั่นแหละ ว่าหลังจากให้ค่าจ้างเอาไว้แค่จำนวนหนึ่งคนผู้นั้นก็หายไปเลยไม่เคยกลับมาที่จวนนี้อีก เมื่อทำงานบ้านในช่วงเช้าเสร็จแล้ว เพ่ยอันก็หยิบจดหมายเหน็บเอาไว้ที่เอวแล้วก็เดินออกไปจากจวน ตรงไปที่ตลาดเพื่อไปที่ร้านอาภรณ์ที่เคยรับงานไปทำที่บ้าน เมื่อถึงร้านนางก็พบกับพี่สาวคนละแม่ที่ปากทางเข้าร้านพอดี นางคงจะมาหาซื้ออาภรณ์เพราะเห็นสาวใช้ของนางถือห่อของตามนางออกมาด้วย “ เป็นอย่างไรพระชายา แต่งงานไปแล้วสุขสบายขึ้นหรือไม่ แต่ข้าว่าอย่างเจ้าแค่จวนร้างหลังนั้นก็คงจะหรูหราแล้
ที่ตำหนักอ๋องอิ้น เขาได้ข่าวเรื่องที่ฮ่องเต้ไม่วางใจอ๋องอี้เหวินจนริบบรรดาศักดิ์และทรัพย์สินของเขาจนหมด แล้วส่งไปอยู่ที่จวนร้างท้ายตลาดที่เป็นหนึ่งในทรัพย์สินเดิมของมารดาของเขาที่เปิดทิ้งเอาไว้นานแล้ว ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ แถมเขายังขาหักอีกด้วยอ๋องอิ้นนับเป็นญาติของเขา แต่ได้แยกมาปกครองเมืองอีกเมืองหนึ่งห่างไกลจากเมืองหลวงพอสมควร เมื่อได้ยินข่าวของหลานชายก็ไม่สบายใจนัก เพราะเคยได้สัญญากับบิดาของเขาเอาไว้นานมาแล้ว ว่าจะดูแลหลานชาย แต่เมื่อเห็นอ๋องอี้เหวินนั้นมีฝีมือและเก่งการทหารไม่น้อย และมีความภักดีต่อราชวงศ์เป็นอย่างมาก เขาไม่น่าจะต้องมาตกยากเช่นนี้เลย หากฮ่องเต้นั้นมีความยุติธรรมมากกว่านี้ ไม่หูเบาเชื่อคนถ่อยเป่าหู จนทำให้คนดีได้ผลตอบแทนจากการทำความดีเช่นนี้ เขาขบคิดหาหนทางช่วยเหลือหลานชายขณะนั้นท่านหญิงอวี้ซางก็เดินเข้ามาในห้องหนังสือของบิดา “ ท่านพ่อเพคะ ได้ยินเรื่องของพี่อี้เหวินแล้วหรือไม่ ข้าเป็นห่วงนัก อยากจะไปพบเขา ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นเช่นไรบ้าง ” ท่านหญิงอวี้ชางที่เคยหลงรักอ๋องอี้เหวินเอ่ยขึ้น นางเคยหลงรักเขาแต่งมีเหตุให้ต้องพรากจากกันเพราะเขาได้รับราชโองการแต่งงานกับบุตร
เพ่ยอันซื้อผลไม้เชื่อมที่นางชอบและขนมแห้งไปอย่างละโหล และแวะซื้อขนมหวานไปหนึ่งชั่งและถังหูลู่สองไม้ เอากลับไปฝากอาหลินสาวน้อยที่คงจะตั้งตารอขนมอยู่ที่จวน แล้วก็เข้าร้านเครื่องประทินผิวเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวของตนเองและซื้อสบู่ที่ชนิดดีหน่อยกลับไปหนึ่งห่อ จะนำไปให้สามีในนามและอาหลินใช้ เพราะสบู่ที่มีอยู่ที่จวนนั้นเหม็นหืนมาก นางแวะร้านเครื่องนอนซื้อผ้าผวยใหม่ห้าผืนและผ้าปูนอนใหม่สามชุด หมอนใหม่สามอัน แล้วบอกที่อยู่กับเจ้าของร้านให้นำไปส่งที่จวน จากนั้น เพ่ยอันก็ให้นำสินค้าทุกอย่างที่นางซื้อยกเว้นเครื่องนอนไปส่งที่ร้านข้าวสาร เมื่อเดินไปถึงร้านก็ไปบอกกับเถ้าแก่ที่โต๊ะบัญชีของเขา “ เถ้าแก่เจ้าคะ ช่วยนำของทั้งหมดของข้าไปส่งที่จวนได้หรือไม่ จะคิดค่าจ้างเพิ่มก็ได้นะเจ้าคะ เพราะข้าซื้อของอื่นมาเพิ่มอีกหลายอย่าง ” เถ้าแก่จ้องมองของที่วางอยู่หน้าร้าน “ ไม่เป็นไรหรอกแม่นางน้อย ข้าจะให้คนไปส่งให้ที่จวนพร้อมกันหมดนี่แหละ ไม่คิดค่าจ้างเพิ่ม ขอเพียงวันหน้ามาอุดหนุนข้าวสารและของอื่นๆของข้าบ้างเท่านั้น ” เพ่ยอันยิ้มอย่างยินดี “ ขอบคุณเถ้าแก่มากเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าขอซื้อแป้งซาลาเปาเพิ่มอีกสามชั่
เมื่อข้าวสุกและอาหารก็เสร็จแล้ว เพ่ยอันก็ตักข้าวใส่ในจานสองจานและถ้วยใบเล็กสำหรับเด็ก แล้วตักไข่เป็นสามส่วน เอาชิ้นใหญ่สุดให้กับพ่อเด็ก แล้วตักชิ้นเล็กใส่ลงมาชามใบเล็กนั้น แล้วเดินถือชามใบเล็กออกไปส่งให้กับเด็กน้อยที่รอคอยอยู่ด้วยความหิว เด็กหญิงรับชามข้าวไปอย่างยินดีแล้วลงมือกินอย่างเอร็ดอร่อยส่วนเพ่ยอันเดินไปหาพ่อเด็กที่บัดนี้ห่มผ้าที่นางพาดเอาไว้ให้แล้ว และกำลังพยายามเข็นรถไปที่ห้องนอนของตนเอง “ ข้าช่วยท่านเข็นดีกว่ามือจะได้ไม่เปื้อน ” แล้วนางก็เดินตรงไปช่วยเข็นรถนั้นตรงไปที่หน้าห้องของเด็กหญิงตอนนี้แดดยังร่มเพราะชายคาของเรือนนี้ก็กว้างพอสมควร กว่าแดดจะส่องมาที่บริเวณระเบียงหน้าเรือนก็คงจะเป็นช่วงบ่ายคล้อยแล้ว “ ท่านนั่งอยู่ที่นี่นะ ข้าจะไปหยิบชามข้าวมาให้ ” แล้วเพ่ยอันก็เดินกลับไปในครัวแล้วยกจานข้าวมาส่งให้เขา อ๋องหนุ่มรับเอาไว้ แล้วจ้องมองใบหน้าหวานของเมียหมาดๆ ที่เพิ่งแต่งงานกันโดยราชโองการที่คนออกคำสั่งนั้นต้องการหยามหน้าเชาโดยการให้แต่งงานกับบุตรีของขุนนางที่ต่ำต้อยและไม่มีความสำคัญใด ไม่มีความสามารถโดดเด่น ที่ขึ้นมาเป็นขุนนางระดับนี้ได้ก็เพราะการหนุนหลังของครอบครัวเ
“ ก่อนอื่นข้าจะไปสำรวจในครัวก่อนก็แล้วกันนะว่ามีอะไรกินบ้าง แล้วจะลงมือทำความสะอาดห้องพักของข้าก่อน พวกท่านกินอะไรกันหรือยัง ” ชายร่างผอมส่ายหน้า “ ยัง วันนี้ข้ายังไม่ได้ลงจากเตียงเลย ” เพ่ยอันจ้องมองบนเตียงของเขาพบว่าเขาน่าจะยังไม่ได้อาบน้ำและบุตรสาวของเขาก็มอมแมมพอกัน เพราะคนขาเจ็บคงจะลุกจากเตียงลำบากมาก“ ข้าจะพยุงท่านไปเข้าห้องน้ำและอาบน้ำให้สะอาดก่อนนะ แล้วจะอาบน้ำให้เด็กน้อยคนนี้ เจ้าชื่อว่าลี่หลิน น้าเรียกเจ้าว่าอาหลินก็แล้วกันนะ จะได้เรียกง่ายๆ ดีไหมจ๊ะ ” นางหันไปพูดกับเด็กน้อยที่ดวงตากลมโตจ้องมองนางตาแป๋วแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ อาหลินจะตามไปด้วยกันก็ได้นะ น้าจะได้อาบน้ำให้เจ้าพร้อมกับท่านพ่อเลย ” เพ่ยอันพับแขนเสื้อของตนเองแล้วผูกเอาไว้ วันนี้คงจะเหนื่อยแน่ งานยังมีให้ทำอีกมากมาย นางเข็นรถเข็นไม้ไปจนชิดกับเตียงหลังใหญ่ของเขา แล้วค่อยๆพยุงเขาขยับมานั่งบนรถเข็นของตนเองจนได้ ขาของเขาน่าจะหักหลายที่ มันคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด “ ท่านยังเจ็บอยู่ไหม ” ชายหนุ่มพยักหน้า“ เจ็บอยู่ คิดว่ากระดูกคงจะยังไม่สมานกันทั้งหมด แต่แผลนั้นหายแล้ว ไม่ต้องล้างแผลแล้ว ” เขาบอกขณะที่เพ่ยอันจัดท่