“ ข้ารักท่าน ” นางเอ่ยบอกเขาอย่างขวยเขิน ใบหน้าหล่อเหลาแดงระเรื่อเขาก้มลงหอมแก้มนวลของนางดังฟอดใหญ่ “ พี่ก็รักเจ้า เมียรักของพี่ ต่อไปนี้เราสามคนพ่อแม่ลูกจะเริ่มสร้างครอบครัวของเรานะเมียรัก ” เขาเอ่ยกับนางเบาๆ แล้วจูงมือเมียหมาดๆของเขาแล้วอุ้มนางส่งขึ้นบนขอบบ่อ แล้วก้าวตามขึ้นมา ทั้งสองสวมเสื้อคลุมจนเรียบร้อยแล้วก็พากันเดินออกมาจากเรือนเล็กที่สร้างคร่อมบ่อน้ำร้อนเอาไว้นั้น นางเองก็เคยเห็นเรือนเล็กนี้เหมือนกันแต่คิดว่าคงจะเป็นเรือนของพวกบ่าวไพร่ในอดีตและยังไม่คิดว่าจะใช้มันจึงได้เปิดเข้ามาสำรวจเพิ่งรู้ว่ามันคือบ่อน้ำร้อน อ๋องหนุ่มยกไม้ที่หนาขึ้นขัดดานเอาไว้ตามเดิมอย่างแน่นหนาเพราะในบ้านมีเด็กเกรงว่าบุตรสาวจะเล่นซนจนมาตกน้ำเข้าได้ บ่อนี้เป็นบ่อที่มีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยสร้างจวนนี้ใหม่ ตอนเป็นเด็กเขายังมาวิ่งเล่น จวนหลังนี้เป็นสมบัติของมารดาของเขา เป็นบ้านของอดีตท่านอาของมารดาของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว และไม่มีผู้สืบทอดจึงตกแก่มารดาของเขา หลังจากวันนั้นบรรยากาศในครอบครัวก็รื่นรมย์เหลือเกิน อ๋องหนุ่มอาการดีขึ้นจนเกือบหายเป็นปกติ เขาไปตัดต้นไผ่ที่หลังเรือนมาหลายลำ มาต่อเป็นโต๊ะกินข้าวเอาไ
วันนี้เพ่ยอันนำไก่ที่เฉินหมิ่นได้มาจากในป่ามาชำแหละและก็ล้างทำความสะอาดนางแบ่งบางส่วนทำน้ำแกงไก่และบางส่วนนางนำไปนึ่งและทำน้ำจิ้มให้กับพวกเขาเพราะท่านอ๋องและอาหมิ่นคงจะอยากร่ำสุรากันบ้าง นางซื้อสุรามาเก็บเอาไว้ให้กับพวกเขา หลายวันครั้งท่านอ๋องกับคนสนิทก็จะร่ำสุรากันหลังอาหารเย็นและนั่งพูดคุยกันอยู่ที่โต๊ะอาหารหน้าครัว ระหว่างที่สตรีในเรือนทะยอยไปอาบน้ำกัน โดยมีอาหลินถูกมารดาจับอาบน้ำก่อนแล้วห่มผ้าให้นางแล้วพาเปลี่ยนอาภรณ์รอท่านยายอาบน้ำเสร็จแล้วนางก็อยู่กับท่านยายในห้อง ส่วนเพ่ยอันจึงจะไปอาบน้ำหลังจากนางจัดการทำความสะอาดในครัวเรียบร้อยแล้ว เมื่ออาบน้ำแล้วหากสามียังนั่งคุยกับเฉินหมิ่นคนสนิทของเขาที่ด้านหน้าเรือน นางก็จะเข้าเข้าไปก่อน กิจวัตรของพวกเขาเป็นเช่นนี้ มันเรียบง่ายและความสุขมากสำหรับอ๋องหนุ่ม เขาแทบไม่อยากจะได้สิ่งใดที่เคยสูญเสียไปกลับคืนมา การมีชีวิตที่เรียบง่ายเช่นนี้ดีนัก ไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องอื่นใดนอกจากทำมาหากินเลี้ยงดูครอบครัวเล็กๆที่มีกันอยู่เพียงแค่นี้ วันหนึ่งหลังอาหารเช้าทุกคนก็นั่งทำงานกันที่หน้าเรือน อยู่ก็มีเสียงเคาะประตู เฉินหมิ่่นเดินไปเปิดประตูหน้าจวนก็พบก
เคราะห์ยังดีที่ตอนนี้ฐานะการเงินไม่ได้ลำบากจนเกิน นางมีเงินที่เก็บออมไว้ และจากรายได้ระยะหลังที่ช่วยกันทำมาหากินเก็บงำเงินเอาไว้พอใช้จ่าย หลังจากพวกเขาทั้งสองคนจากไป พวกนางมีกันแค่เพียงสามคนเท่านั้น การใช้จ่ายไม่ได้สิ้นเปลืองเพ่ยอันและมารดาแม้จะเป็นห่วงท่านอ๋องและเฉินหมิ่นมากเพียงใด แต่พวกนางก็ยังคงทำงานไปด้วย เพราะไม่อยากจะคิดมาก ยิ่งว่างมากก็ยิ่งคิดกังวลมาก แม้อาหลินจะคอยถามหาบิดาอยู่เรื่อยๆ พวกนางก็บอกไปแต่เพียงบิดาไปหาเงินมาใช้จ่ายในบ้าน อาหลินจึงได้เข้าใจ เพราะนางเคยเห็นอาหมิ่นไปหาเก็บของป่าบ่อยๆ นางจึงเข้าใจว่าพวกเขาไปด้วยกัน เฉินหมิ่นตัดสินใจบอกความจริงกับนางไปแม้ไม่อยากจะทำเช่นนี้เลย “ พระชายา ข้าน้อยจนใจจริงๆ ข้ามิอาจจะโกหกท่านได้ สู้บอกความจริงกับท่านไปเสียคงจะดีกว่า ท่านจะได้มีเวลาทำใจและไม่ต้องรอคอยท่านอ๋องให้เสียเวลาอีก ” เพ่ยอันและอดีตอนุลิ่วอึ้งงันไป เฉินหมิ่นคนสนิทของท่านอ๋องต้องการบอกอะไรกับพวกนาง" บัดนี้ท่านอ๋องได้คืนฐานันดรแล้ว แต่มิอาจจะกลับคืนมาที่จวนนี้ได้อีก เพราะเขากำลังจะแต่งงานกับท่านหญิงอวี้ชางด้วยเหตุจำเป็นบางอย่างเกี่ยวกับราชวงศ์ หากข้าบอกไปเกรงว่าพ
เฉินหมิ่นก็บอกแล้วว่าเขาจำนางไม่ได้ จำสิ่งที่ผ่านมาของพวกเขาไม่ได้เลย และนางก็ควรจะทำเช่นนั้น ลืมเขาไปเสียลืมว่าเคยรู้จักกัน และใช้ชีวิตของตนเองต่อไปให้ได้ โดยไม่มีเขาและอาหลินอยู่ในชีวิตของนางและมารดาอีก เหมือนพวกเขาไม่เคยมีอยู่จริงมันคงจะดีที่สุดกับความรู้สึกของนาง เพ่ยอันสรุปกับตนเอง และพยายามให้ตนเองเชื่อเช่นนั้นอย่างน้อยที่สุด นางทำเพื่อตัวเองจะได้ไม่ต้องเจ็บช้ำไปมากกว่านี้ นางค่อยๆพยุงร่างของตนเองลุกขึ้น แล้วเก็บข้าวของๆตนเองที่อยู่ในห้องของอดีตสามีรวบรวมเอามาไว้ที่ตรงกลางห้อง นางจะย้ายไปอยู่ห้องเดิมของตนเองเพื่อที่จะไม่ต้องจดจำว่าเคยอยู่กับเขาในห้องนี้ และไม่ต้องมีภาพจำของเขาว่าเคยอยู่ที่นี่ เมื่อเปิดประตูออกไปจากห้อง ก็พบมารดายืนรออยู่ “ อันเอ๋อ เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป หากเจ้าจะอยู่ที่นี่แม่ก็จะอยู่กับเจ้าหรือหากเจ้าไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้วแม่ก็พร้อมจะไปกับเจ้า ” นางเดินเข้ามาหาบุตรสาวแล้วโอบกอดนางเอาไว้แน่น อันเอ๋อกลั้นสะอื้นเอาไว้ นางไม่อยากจะร้องไห้ให้กับบุรุษผู้นั้นอีกแล้ว ต่อไปนี้นางจะลืมพวกเขาไปให้หมด ลืืมว่าเคยรู้จักกันและจะใช้ชีวิตต่อไปโดยมีแค่มารดาเท่านั้นที่อยู่เคียง
ทั้งสองช่วยกันไปเก็บข้าวของๆอาหลินใส่ในหีบเอาไว้ทั้งหมดแล้วเลื่อนมันไปไว้ที่มุมห้อง เพราะเฉินหมิ่นอุ้มอาหลินไปไม่ได้เก็บข้าวของๆนางไปด้วยเลย ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเก็บข้าวของๆพวกเขาหรือไม่ อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมานางพบคุณชายหวู่เฉิงหว่านที่หน้าร้านขายอาภรณ์ของเขาโดยบังเอิญ “ ไม่ได้พบกันเสียนานนะ อันเอ๋อ เป็นอย่างไรบ้าง ข้าได้ยินมาว่าสามีของเจ้าเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักของเขาแล้วไม่ใช่หรือ เขาไม่ได้ให้เจ้าตามไปด้วยหรือไงกัน ” เขาจ้องมองเพ่ยอันอย่างงงงันยิ่งเห็นนางแต่งกายเหมือนเดิมด้วยอาภรณ์ราคาถูกไม่เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาของอ๋องอี้เหวินเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เขาตัดสินใจถามนางขึ้น เพราะเขาได้ยินข่าวว่าท่านอ๋องอี้เหวินได้คืนฐานะเดิมของเขาแล้วและยังได้ทรัพย์สมบัติของเขาคืนมาอีกด้วย จึงคิดว่าป่านนี้เพ่ยอันกับมารดาของนางคงจะย้ายไปอยู่ที่ตำหนักอ๋องแล้ว ยังนึกยินดีกับนางด้วย ไม่คิดว่าจะได้พบนางที่หน้าร้านของตนเองและนางยังแต่งกายเหมือนเดิมที่เขาเคยเห็นมาตลอดอีกด้วย“ เขาย้ายกลับไปแล้วเจ้าค่ะ แต่ข้ากับท่านแม่ไม่ได้ตามไปด้วย ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เขากำลังจะแต่งงานกับคนที่ฐานะเท่าเทียมกั
ด้านอ๋องอี้เหวิน เขาอาการดีขึ้น บาดแผลที่ศีรษะก็หายดีแล้ว เขากำลังเดินเล่นอยู่หน้าเรือนหลักในตำหนักของตนเอง โดยมีบุตรสาวคือท่านหญิงน้อยลี่หลินวิ่งเล่นอยู่ไม่ไกลนัก เขาจ้องมองบุตรสาวของตนเอง แม้ขณะนี้เขาจะได้สถานะกลับคืนมาแล้ว มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมเช่นเดิม และมีบุตรสาวที่น่ารักที่เขาเลี้ยงดูนางมาตั้งแต่มารดาของนางเสียชีวิตไป แต่มันก็ยังรู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ยังไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์แต่เขานึกเท่าใดกลับยังนึกไม่ออกมาสิ่งใดกันที่เขาขาดไป อ๋องหนุ่มกลับมาอยู่ที่ตำหนักได้หลายวันแล้ว พักฟื้นจนร่างกายหายดี แต่เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตมันไม่เหมือนเดิมอย่างไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่นี่คือตำหนักของเขาที่อยู่มาตลอดและบุตรสาวที่เขาก็เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่มารดาของนางเสียชีวิตไปก็วิ่งเล่นอยู่ไม่ไกลจากเขานัก แล้วยังจะขาดสิ่งใดในชีวิตของเขาอีกเล่า เรื่องราชการเขาก็เพิ่งกลับไปประชุมขุนนางมาแค่สองครั้ง ตอนนี้ฮ่องเต้ยังให้เขาพักฟื้นร่างกายให้หายดีก่อน ไม่ต้องทำงานสิ่งใดที่หนักหนา เพราะเขาผ่านการบาดเจ็บหนักมาถึงสองครั้ง และช่วงนี้ก็ยังไม่มีเรื่องเร่งด่วนอันใด “ ท่านพ่อเพคะ เมื่อไหร่ท่านแม่กับท่านยายจ
เมื่อท่านหญิงอวี้ชางจิบน้ำชาไปถึงสามจอกแล้ว เพราะขนมมันแห้งติดคอนางจึงยิ่งดื่มชาไปอีก และแน่นอนว่าเสี้ยนหลันก็ยิ่งเทชาลงในถ้วยตรงหน้านางจนเต็มตลอดเวลา และเมื่อนางรู้สึกอิ่มตื้อแล้วจึงยกมือห้ามเสี้ยนหลัน “ พอแล้ว ข้าอิ่มมากแล้ว เจ้ามีอะไรทำก็ไปเถิด เดี๋ยวข้าจะไปหาท่านพี่ในห้องหนังสือ “ นางหันไปบอกเสี้ยนหลัน” ท่านหญิงเพคะ ข้าลืมบอกไปว่าท่านอ๋องออกไปข้างนอก ท่านได้โปรดนั่งรอสักครู่อีกไม่นานท่านอ๋องคงจะกลับมาเพคะ " นางรีีบบอกเพราะตามแผนการณ์ต้องรอให้ยาหมดฤทธิ์แล้วหลังจากนี้ก็สิ้นสุดหน้าที่ของนางแล้ว แค่เพียงเฝ่้าท่านหญิงให้อยู่ที่ตรงนี้จนกว่าย่าจะออกฤทธิ์และเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งท่านหญิงอวี้ชางก็รู้สึกว่าทั้งกายของนางร้อนรุ่มไปหมด ร้อนอย่างที่ไม่เคยมาก่อน นางรู้สึกว่าร่องอวบของนางนั้นมันมีน้ำบางอย่างไหลซึมออกมา นางนั่งบิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ขณะนั้นฮ่องเต้ที่วันนี้ไม่ได้สวมอาภรณ์ของตนเอง แต่เขาสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มเพียงตัวเดียวเดินออกมาจากห้องด้านหลังแล้วตรงไปช้อนอุ้มร่างอวบอิ่มของท่านหญิงอวี้ชางขึ้นแนบอก“ ท่านเป็นใคร ไม่นะ ไม่ ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ช่ว
แต่เมื่อค้นพบแล้วก็จะเก็บนางเอาไว้บำเรอรักเช่นนี้ แต่เขามิอาจยกนางเป็นฮ่องเอาได้ แต่เขาจะยกนางเป็นสนมเอกและท่านอ๋องอิ้นบิดาของนางก็คงจะพอใจที่นางจะแต่งเป็นเพียงชายาของอ๋องอี้เหวินน้องชายของเขา กับหญิงอื่น เขาแต่งกับพวกนางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นเพียงเท่านั้น และบางนางเขาก็แต่งเพื่อถ่วงดุลอำนาจของเขา และเพื่อความมั่นคงของแคว้นเพียงเท่านั้น เขาอยู่กับพวกนางเพราะหน้าที่ ดูแลพวกนางตามหน้าที่ของสวามี แต่กับท่านหญิงอวี้ชางสนมหมาด ๆ ผู้นี้ หญิงที่เขามองข้ามไม่เคยสนใจ เพราะเห็นว่านางจืดชืดจนเกินไป และทุกอย่างที่เขาทำลงไปในวันนี้ก็เพื่อน้องชายร่วมบิดา คืออ๋องอี้เหวินเท่านั้น แต่เขากลับพบว่า นางถูกอกถูกใจเขายิ่งนัก ฮ่องเต้หนุ่มโยกขย่มร่องอวบของนางสนมหมาด ๆ อย่างเร่าร้อน นางก็โยกสะโพกอวบรับลำกายแกร่งของเขา สองแขนเรียวก็ยกขึ้นโอบลำคอเขาเอาไว้ โน้มใบหน้าของเขาลงมาประกบจูบกันอย่างเต็มอกเต็มใจ ตอนนี้นางติดใจในรสรักของเขาไม่น้อย นางสุขสมเหลือเกิน “ พระองค์ หม่อมฉันจำได้แล้ว พระองค์คือองค์ฮ่องเต้ ใช่หรือไม่เพคะ ” อยู่ๆนางก็พลันนึกออกว่าเคยเห็นเขาที่ใด นางพบเขามาหลายครั้งแล้วนับ
บทส่งท้าย เรื่องชีวิตรักของคุณชายหวู่เฉิงหว่าน นั้นอาภัพรักจริงหรือไม่ …..คุณชายหวู่เฉิ่งหว่านผู้ช้ำรัก หลังจากที่เขากลับมายังเมืองชานตง และได้เข้าไปที่ร้านอาภรณ์พบกับมารดาของเพ่ยอัน และได้รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเพ่ยกันกลับไปคืนดีกับสามีของนางแล้ว และพวกเขากำลังจะแต่งงานกันอีกครั้ง และนางนั้นได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋องอี้เหวิน และอีกไม่นานมารดาของนางที่ดูแลร้านให้เขาอยู่ในขณะนี้ก็จะขอลาออก เพื่อย้ายไปอยู่กับบุตรสาวที่ตำหนักของท่านอ๋อง เพราะเพ่ยอันตั้งครรภ์ตั้งแต่อยู่ที่ร้านนี้แล้ว แต่นางไม่ได้บอกผู้ใด จนเมื่อคืนดีกับสามีนางถึงได้บอกกับทุกคนว่านางตั้งครรภ์บุตรของท่านอ๋องอี้เหวินแล้ว เป็นอันว่าหนทางรักของเขากับเพ่ยอันสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ความหวังของเขาที่จะรับนางเป็นอนุนั้นเป็นหมันลงอีกครั้ง แต่อีกใจนั้นเขาก็ยินดีกับนางด้วย นางนั้นมีวาสนาได้เป็นถึงพระชายาของท่านอ๋อง จะมามัวอยากจะฉุดรั้งนางเอาไว้กับเขาและมอบเพียงตำแหน่งอนุให้กับนางนั้น ดูจะเป็นการเห็นแก่ตัวไม่น้อย คุณชายหนุ่มรับปากกับมารดาของเพ่ยอันว่าจะหาคนมาดูแลร้านนี้แทนนาง และมารดาของเพ่ยอันนั้นก็แสนจะดี นางบอกว่าจะอยู่ดูแลร้
“ อ๊าย อ๊ายย อ๊ะ อ๊ะ อย่านะ อย่านะ อ๊าย ” อดีตชายาที่กำลังจะต้องหวนคืนกลับมาดิ้นรนส่ายร่างไปมา นางแอ่นอกจนโค้งขึ้นหาปากหนานั่น อ๋องหนุ่มยิ่งดูดดึงนางยิ่งขึ้น เขาทั้งเลียทั้งดูดดื่มมัน จนร่างบางครวญครางกระเส่าอย่างทนต่อไปไม่ไหวมือหนาของเขาควานลงไปในชุดกระโปรงของนางจนพบเนินอวบใหญ่เต็มมือของเขา แล้วตรงเข้าขยำมันเบาๆ บีบเค้นคลึงไปมา นิ้วแกร่งก็สอดเข้าไปควานในร่องอวบนั้น นิ้วแกร่งสอดเข้าไปในร่องอวบนั้นช้าๆ จนมันมิดลำกาย เพ่ยอันกรีดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดเพราะนางนั้นแม้จะเคยเริงรักกับเขามาแล้ว แต่ก็ห่างกายกันไปนาน จึงยังทั้งเจ็บทั้งแสบไม่น้อย อ๋องหนุ่มประกบจูบนางทันทีอย่างดูดดื่ม เขาวนเวียนจูบนางจนเคลิบเคลิ้ม มือด้านล่างก็ชักเข้าสุดออกสุด จากที่เป็นจังหวะช้าๆก็เร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกระแทกนางอย่างรัวเร็ว “ อ๊าย อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ ” สะโพกอวบของนางกระตุกเกร็งหลายๆครั้ง น้ำหวานของนางซึมออกมาเปื้อนมือของเขา ร่างบางหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย อ๋องหนุ่มปลดสายคาดเอวของเขาออก แล้วดึงรั้งกางเกงเอารูดของเขาลงไปจนพ้นหัวเข่า เพื่อปลดปล่อยลำกายอวบใหญ่่ออกมา มันพรักพร้อมเมื่อเห็นเมียรักส่า
ส่วนอ๋องหนุ่มทำเป็นยังไม่ฟื้นแต่ก็แอบมองชายาของตนเองเวลาที่นางเผลอ เขาไม่อยากจะหายเร็วจนเกินไป อยากจะแสร้งทำเป็นเจ็บป่วยและอ้อนนางอยู่ที่นี่จนกว่านางจะหายโกรธและยอมกลับตำหนักไปกับเขา ก่อนมาเขาขอให้ฮ่องเต้ที่เป็นพี่ชายต่างมารดาของเขาดูแลท่านหญิงน้อยให้เขาแล้วจึงไม่ต้องเป็นห่วงบุตรสาว อ๋องหนุ่มแสร้งทำเป็นนอนสลบอยู่บนเตียงยังไม่ฟื้นทั้งที่จริงเขาฟื้นหลังจากที่ท่านหมอกลับไปเพียงแค่ครู่เดียว และเขารู้สึกว่าไม่ได้เจ็บปวดอะไรมาก เพียงแค่เขาอาจจะเคยมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะมาก่อนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ความจำเสื่อมและคงจะกระแทกถูกบาดแผลเก่าเข้า ทำให้เขาสลบไป แต่เขารู้สึกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก มีเพียงแค่แผลที่หัวและที่แขนซ้ายนิดหน่อยเท่านั้น หลังจากที่นอนไปหลายชั่วยามก็รู้สึกว่าอาการดีขึ้นมากจนสามารถลุกขึ้นได้แล้ว แต่เขาเกรงชายาจะไล่ให้เขากลับไปเขาจึงทำเป็นยังไม่ฟื้น และเมื่อถึงเวลาค่ำคืน หลังจากที่มารดาของเพ่ยอันมาดูอาการท่านอ๋องก่อนที่นางจะเข้านอนในอีกห้องหนึ่งแล้ว เพ่ยอันจำต้องอยู่ดูแลเขาในห้องนี้เผื่อว่าเขาจะฟื้นขึ้นมานางจะได้ให้เขาดื่มยาที่ท่านหมอเจียดเอาไว้ให้เพ่ยอันเดินไปนอนที่ตั่งไม้ริมผนั
แต่นั่นเป็นเพียงความคิดของเพ่ยอันเพียงเท่านั้น อ๋องหนุ่มตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเขาจะไม่มีทางยอมแพ้ เขาเช่าห้องแถวที่ว่างอยู่ตรงข้ามกับห้องแถวของนางเพื่อจับตาดูนางกับคุณชายหวู่และอาจจะมีบุรุษอีกหรือไม่ เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่านางมีรักใหม่กับชายอื่น และนางคิดจะสวมหมวกเขียวให้เขาหรือไม่ ด้านฮ่องเต้ก็สถาปนาพระสนมเอกคือท่านหญิงอวี้ชางและย้ายนางมาอยู่ตำหนักใกล้ๆกันกับเขา โดยบิดาของนางตอนแรกก็ตกใจยิ่งนัก เพราะเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง แต่กลับกลายเป็นธิดาของเขาได้ดีกว่าเดิม นางกลายเป็นสนมเอกของฮ่องเต้และดูทั้งสองจะรักใคร่และหลงไหลกันมากอีกด้วย ท่านอ๋องอิ้นจึงไม่รื้อฟื้นเรื่องการแต่่งงานกับท่านอ๋องอี้เหวินอีก เขาปล่อยผ่านมันไป เพราะเขาสมใจเรื่องธิดาแล้ว และนางทำท่าว่าจะได้ดีกว่าเดิม อีกไม่นานคงจะเลื่อนขัั้นขึ้นไปอีก เพราะเขาสังเกตุว่าฮ่องเต้ดูจะหลงไหลนางมาก หากนางตั้งครรภ์มังกรเขาก็สบายและนางเองก็สบาย เมื่อเสร็จพิธีการสถาปนาธิดาเขาก็เดินทางกลับไปยังเมืองที่ตนเองปกครองทันที เรื่องของท่านหญิงอวี้ชางก็จบลงโดยดี นางพอใจและหลงไหลฮ่องเต้หนุ่มมาก นางแทบจะลืมไปเลยว่านางเคยหลงรักท่านอ๋องอี้เหวิน เพราะนาง
อ๋องหนุ่มนั้นเมื่อไปราชการนอกเมือง เมื่อนั่งรถม้ากลับมากับคนสนิทคือเฉฺิินหมิ่นนั้น อยู่ๆ เขากลับฟื้นความทรงจำได้ และจดจำได้ว่าตนเองแต่งงานใหม่แล้ว และชายาคือหยูเพ่ยอัน เขารีบกลับไปที่จวนท้ายตลาด แต่ไม่พบใครที่นั่น และนางไม่ได้เขียนจดหมายทิ้งไว้เลย นางพวกนางพากันย้ายไปอยู่ที่ใด นางเก็บข้าวของๆนางและมารดาไปหมด พวกเขาค้นทุกอย่างในจวนแล้ว มีแต่ข้าวของๆ ท่านอ๋องและท่านหญิงน้อยที่เก็บเอาไว้ที่เดิม แต่ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของๆสองแม่ลูกเลย มีเพียงข้าวของที่พวกเขาซื้อหามาใช้และนางคงจะขนเอาไม่ได้ได้ จึงไม่ได้เก็บเอาไปด้วย อ๋องหนุ่มรู้สึกว่าความหวังว่าจะได้อยู่กันพร้อมหน้านั้นพังลงไปในพริบตา เมื่อพบว่าในจวนนั้นว่างเปล่าไม่มีร่างของเมียรักของเขาอยู่เลย “ ท่านอ๋องขอรับ พวกนางคงจะไปหลายวันแล้ว เพราะว่าฝุ่นเริ่มจะจับไปจนทั่ว ถ้าเช่นนั้นเรากลับกันก่อนดีหรือไม่ แล้วค่อยสืบหาพวกนางว่าย้ายไปอยู่ที่ใดกัน ” อ๋องหนุ่มนั่งนิ่งงัน เขานึกไม่ออกว่านางจะไปที่ใด และทำไมนางถึงไม่อยู่รอเขาที่นี่ หาเขาเสร็จภารกิจย่อมจะต้องกลับมารับนาง เฉินหมิ่นเห็นท่านอ๋องมีท่าทางเสียใจ เขาจึงได้สารภาพว่าเขาบอกกับพระชายาไปอย่า
แต่เมื่อค้นพบแล้วก็จะเก็บนางเอาไว้บำเรอรักเช่นนี้ แต่เขามิอาจยกนางเป็นฮ่องเอาได้ แต่เขาจะยกนางเป็นสนมเอกและท่านอ๋องอิ้นบิดาของนางก็คงจะพอใจที่นางจะแต่งเป็นเพียงชายาของอ๋องอี้เหวินน้องชายของเขา กับหญิงอื่น เขาแต่งกับพวกนางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างแคว้นเพียงเท่านั้น และบางนางเขาก็แต่งเพื่อถ่วงดุลอำนาจของเขา และเพื่อความมั่นคงของแคว้นเพียงเท่านั้น เขาอยู่กับพวกนางเพราะหน้าที่ ดูแลพวกนางตามหน้าที่ของสวามี แต่กับท่านหญิงอวี้ชางสนมหมาด ๆ ผู้นี้ หญิงที่เขามองข้ามไม่เคยสนใจ เพราะเห็นว่านางจืดชืดจนเกินไป และทุกอย่างที่เขาทำลงไปในวันนี้ก็เพื่อน้องชายร่วมบิดา คืออ๋องอี้เหวินเท่านั้น แต่เขากลับพบว่า นางถูกอกถูกใจเขายิ่งนัก ฮ่องเต้หนุ่มโยกขย่มร่องอวบของนางสนมหมาด ๆ อย่างเร่าร้อน นางก็โยกสะโพกอวบรับลำกายแกร่งของเขา สองแขนเรียวก็ยกขึ้นโอบลำคอเขาเอาไว้ โน้มใบหน้าของเขาลงมาประกบจูบกันอย่างเต็มอกเต็มใจ ตอนนี้นางติดใจในรสรักของเขาไม่น้อย นางสุขสมเหลือเกิน “ พระองค์ หม่อมฉันจำได้แล้ว พระองค์คือองค์ฮ่องเต้ ใช่หรือไม่เพคะ ” อยู่ๆนางก็พลันนึกออกว่าเคยเห็นเขาที่ใด นางพบเขามาหลายครั้งแล้วนับ
เมื่อท่านหญิงอวี้ชางจิบน้ำชาไปถึงสามจอกแล้ว เพราะขนมมันแห้งติดคอนางจึงยิ่งดื่มชาไปอีก และแน่นอนว่าเสี้ยนหลันก็ยิ่งเทชาลงในถ้วยตรงหน้านางจนเต็มตลอดเวลา และเมื่อนางรู้สึกอิ่มตื้อแล้วจึงยกมือห้ามเสี้ยนหลัน “ พอแล้ว ข้าอิ่มมากแล้ว เจ้ามีอะไรทำก็ไปเถิด เดี๋ยวข้าจะไปหาท่านพี่ในห้องหนังสือ “ นางหันไปบอกเสี้ยนหลัน” ท่านหญิงเพคะ ข้าลืมบอกไปว่าท่านอ๋องออกไปข้างนอก ท่านได้โปรดนั่งรอสักครู่อีกไม่นานท่านอ๋องคงจะกลับมาเพคะ " นางรีีบบอกเพราะตามแผนการณ์ต้องรอให้ยาหมดฤทธิ์แล้วหลังจากนี้ก็สิ้นสุดหน้าที่ของนางแล้ว แค่เพียงเฝ่้าท่านหญิงให้อยู่ที่ตรงนี้จนกว่าย่าจะออกฤทธิ์และเมื่อผ่านไปครู่หนึ่งท่านหญิงอวี้ชางก็รู้สึกว่าทั้งกายของนางร้อนรุ่มไปหมด ร้อนอย่างที่ไม่เคยมาก่อน นางรู้สึกว่าร่องอวบของนางนั้นมันมีน้ำบางอย่างไหลซึมออกมา นางนั่งบิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ขณะนั้นฮ่องเต้ที่วันนี้ไม่ได้สวมอาภรณ์ของตนเอง แต่เขาสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มเพียงตัวเดียวเดินออกมาจากห้องด้านหลังแล้วตรงไปช้อนอุ้มร่างอวบอิ่มของท่านหญิงอวี้ชางขึ้นแนบอก“ ท่านเป็นใคร ไม่นะ ไม่ ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย ช่ว
ด้านอ๋องอี้เหวิน เขาอาการดีขึ้น บาดแผลที่ศีรษะก็หายดีแล้ว เขากำลังเดินเล่นอยู่หน้าเรือนหลักในตำหนักของตนเอง โดยมีบุตรสาวคือท่านหญิงน้อยลี่หลินวิ่งเล่นอยู่ไม่ไกลนัก เขาจ้องมองบุตรสาวของตนเอง แม้ขณะนี้เขาจะได้สถานะกลับคืนมาแล้ว มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมเช่นเดิม และมีบุตรสาวที่น่ารักที่เขาเลี้ยงดูนางมาตั้งแต่มารดาของนางเสียชีวิตไป แต่มันก็ยังรู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ยังไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์แต่เขานึกเท่าใดกลับยังนึกไม่ออกมาสิ่งใดกันที่เขาขาดไป อ๋องหนุ่มกลับมาอยู่ที่ตำหนักได้หลายวันแล้ว พักฟื้นจนร่างกายหายดี แต่เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตมันไม่เหมือนเดิมอย่างไรก็ไม่รู้ ทั้งๆที่นี่คือตำหนักของเขาที่อยู่มาตลอดและบุตรสาวที่เขาก็เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่มารดาของนางเสียชีวิตไปก็วิ่งเล่นอยู่ไม่ไกลจากเขานัก แล้วยังจะขาดสิ่งใดในชีวิตของเขาอีกเล่า เรื่องราชการเขาก็เพิ่งกลับไปประชุมขุนนางมาแค่สองครั้ง ตอนนี้ฮ่องเต้ยังให้เขาพักฟื้นร่างกายให้หายดีก่อน ไม่ต้องทำงานสิ่งใดที่หนักหนา เพราะเขาผ่านการบาดเจ็บหนักมาถึงสองครั้ง และช่วงนี้ก็ยังไม่มีเรื่องเร่งด่วนอันใด “ ท่านพ่อเพคะ เมื่อไหร่ท่านแม่กับท่านยายจ
ทั้งสองช่วยกันไปเก็บข้าวของๆอาหลินใส่ในหีบเอาไว้ทั้งหมดแล้วเลื่อนมันไปไว้ที่มุมห้อง เพราะเฉินหมิ่นอุ้มอาหลินไปไม่ได้เก็บข้าวของๆนางไปด้วยเลย ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเก็บข้าวของๆพวกเขาหรือไม่ อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมานางพบคุณชายหวู่เฉิงหว่านที่หน้าร้านขายอาภรณ์ของเขาโดยบังเอิญ “ ไม่ได้พบกันเสียนานนะ อันเอ๋อ เป็นอย่างไรบ้าง ข้าได้ยินมาว่าสามีของเจ้าเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักของเขาแล้วไม่ใช่หรือ เขาไม่ได้ให้เจ้าตามไปด้วยหรือไงกัน ” เขาจ้องมองเพ่ยอันอย่างงงงันยิ่งเห็นนางแต่งกายเหมือนเดิมด้วยอาภรณ์ราคาถูกไม่เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาของอ๋องอี้เหวินเลยแม้แต่น้อย นั่นทำให้เขาตัดสินใจถามนางขึ้น เพราะเขาได้ยินข่าวว่าท่านอ๋องอี้เหวินได้คืนฐานะเดิมของเขาแล้วและยังได้ทรัพย์สมบัติของเขาคืนมาอีกด้วย จึงคิดว่าป่านนี้เพ่ยอันกับมารดาของนางคงจะย้ายไปอยู่ที่ตำหนักอ๋องแล้ว ยังนึกยินดีกับนางด้วย ไม่คิดว่าจะได้พบนางที่หน้าร้านของตนเองและนางยังแต่งกายเหมือนเดิมที่เขาเคยเห็นมาตลอดอีกด้วย“ เขาย้ายกลับไปแล้วเจ้าค่ะ แต่ข้ากับท่านแม่ไม่ได้ตามไปด้วย ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เขากำลังจะแต่งงานกับคนที่ฐานะเท่าเทียมกั