แชร์

ตอนที่ 4 เจ้าคือตัวนำโชค 1

ผู้เขียน: อันเข่อซิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-14 09:55:54

"ท่านพ่อ!! ท่านแม่รอพวกท่านจนอยู่ไม่เป็นสุข เหตุใดพวกท่านถึงไปนานเพียงนี้ล่ะขอรับ" หลี่เฉินบุตรชายคนเล็กวัยสี่ขวบรีบเดินออกมารับตรงถนนและพยายามช่วยลากรถด้วยพลังอันเต็มเปี่ยมของเขา แต่ทว่ารถลากกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย เมื่อหลี่หงเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มอ่อนให้กับบุตรชายคนเล็กที่มีน้ำใจอยากจะช่วยเหลือ แต่เขาตัวเล็กเกินไปจึงไม่สามารถช่วยได้ หลี่หงเลยบอกว่าหิวน้ำเขาจึงรีบวิ่งสับขาสั้น ๆ เข้าบ้านไปหาน้ำหาท่ามาให้ท่านพ่อด้วยความยินดี

"ชื่นใจนัก" เขาชมบุตรชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงอบอุ่น และส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู

"ท่านแม่ดูสิขอรับ เราได้ปลามาเยอะมากเลยขอรับ" บุตรชายคนโตถือพวงปลาที่ร้อยมาอย่างดิบดียกชูสูงขึ้นเหนือศีรษะด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง

"ได้มาจากที่ใดกันทำไมถึงได้เยอะเพียงนี้ แถมทุกตัวอวบอ้วนทั้งนั้น"

หลี่จงหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วบอกท่านแม่อย่างละเอียดว่าน้องรองเราเก่งกาจเพียงใด หวังลู่ยิ้มกว้างย่อตัวลงสวมกอดสาวน้อยที่สวมมงกุฎดอกหญ้าอย่างรักใคร่ ลูกสาวข้าคือตัวนำโชคจริง ๆ ทั้งแกงเห็ดที่อร่อยอีกทั้งลูกหนามที่หอมหวานก็ถูกนางค้นพบ ถ้าจะมีอะไรที่แปลกมากกว่านี้ข้าก็จะไม่สงสัยเลยที่นางทำได้ เพราะนางคือดวงใจของข้า

"ท่านแม่น้องรองบอกว่าจะทำอาหารเลิศรสให้เราได้ทานด้วยนะขอรับ"

"ดูเอาเถิด นางให้ข้ากับท่านพ่อช่วยเก็บยอดอ่อนของต้นไผ่มามากมายเลยนะขอรับ"

"ไหนบอกแม่ซิ เจ้าอยากทำอะไร เดี๋ยวแม่จะเป็นลูกมือช่วยเจ้าทำเอง" หวังลู่ยิ้มบาง ๆ พร้อมลุกขึ้นยืนหยิบปลาที่ร้อยเป็นพวงมาจากบุตรชาย แล้วมายืนข้างกายลูกสาวก่อนที่จะพานางเข้าบ้าน ดูจากเหงื่อที่ไหลอาบแก้มน้อย ๆ นางคงเหนื่อยล้าเอาการ นางหวังจึงพาบุตรสาวเข้าบ้านไปพักก่อน

"ข้าต้องใช้หน่อไม้กับเห็ดด้วย" นางดึงมือผู้เป็นมารดาให้หยุดเดิน แล้วชี้ไปบนรถลากที่มีของเต็มรถ

"เดี๋ยวพี่จะเอาไปให้ เจ้าตามท่านแม่เข้าไปบ้านไปก่อนเถิด"

หลี่จงเข้าใจว่าท่านแม่เป็นห่วงน้องรองที่พึ่งหายไข้ ถึงภายนอกนางจะดูปกติแต่รอยเขียวช้ำยังคงอยู่ภายใต้เสื้อผ้าอย่างเด่นชัด ถึงน้องรองจะไม่ได้พูดถึงมันอีกแต่ทุกคนก็ยังสลดใจกับเรื่องก่อนหน้าอยู่มาก

"ได้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยท่านแม่ล้าง และทำความสะอาดปลาพวกนี้รอนะเจ้าคะ"

หลี่หลิวที่ไม่สนใจความเหนื่อยล้าเท่าไหร่นักเพราะนางเริ่มหิวแล้ว จึงตามท่านแม่ไปล้างหน้าคลายร้อน และดื่มน้ำให้ชื่นใจแล้วจึงมาช่วยท่านแม่ทำครัว เมื่อขอดเกล็ดล้างข้างในพุงปลาเสร็จพี่ใหญ่ก็เอาหน่อไม้ และเห็ดมาให้ หลี่หลิวบอกท่านแม่ว่าต้องปลอกหน่อไม้เช่นไรหั่นแบบไหน แล้วตัวเองไปนั่งล้างเห็ดด้วยการใส่เกลือลงในน้ำไปเล็กน้อยดินโคลนที่ติดมาถึงจะหลุดออกได้โดยง่าย หลี่หลิวก่อไฟตั้งน้ำด้วยหม้อที่ใหญ่ที่สุด มันสามารถใส่น้ำได้มากกว่าสองลิตรเป็นหม้อเหล็กเก่าที่ยังใช้งานได้อยู่ถึงจะไม่มีฝาปิดก็ตาม ด้วยเครื่องปรุงตอนนี้ที่มีแต่เกลือถึงจะมีของที่น่าอร่อยเพียงใดแต่รสชาติคงมีแต่เค็มเพียงเท่านั้น เมื่อน้ำเริ่มเดือดแล้วหลี่หลิวใส่ปลาแล้วตามด้วยขิงที่หั่นเป็นแว่น ๆ เพื่อดับกลิ่นคาว จากนั้นใส่หน่อไม้ที่ท่านแม่หั่นตามด้วยเห็ดโคนและใส่เกลือปลายช้อน ด้วยความมันของปลาความหวานจากเห็ดก็จะได้รสชาติกลมกล่อม หวังลู่มองดูเด็กน้อยที่คอยจับนั่นนิดหยิบนี่หน่อยอย่างคล่องมือ และไม่ลืมที่จะเป็นลูกมือที่ดีคอยใส่โน่นนี่ตามที่ลูกสาวบอก เมื่อปลาสุกแล้วจนเริ่มมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ชวนให้น้ำลายสอ นางหวังก็อดไม่ได้ที่จะชิมรสชาติน้ำแกงอย่างพอใจ ลูกสาวข้าเก่งด้านการทำครัวตั้งแต่ยังเด็กถึงเพียงนี้ ในอนาคตหากแต่งงานออกเรือนครอบครัวนั้นจะต้องโชคดีเอามาก ๆ เป็นแน่

"หอมจังขอรับ" หลี่เฉินเดินตามกลิ่นจนมาถึงครัวเขาทำจมูกฟุดฟิดแล้วเอ่ยถามว่าทำอะไรถึงได้หอมถึงเพียงนี้

"แกงปลา ตอนนี้ทำเสร็จพอดีเจ้าไปเรียกท่านพ่อกับพี่ใหญ่ของเจ้ามากินได้แล้วล่ะ พวกเขาคงหิวมากแล้ว"

หวังลู่ได้ยินเสียงท้องร้องของหลี่หลิวก็คิดได้ว่านี่ก็บ่ายคล้อยแล้ว จึงรีบเตรียมถ้วยชามจัดวางบนโต๊ะไม้ไผ่อย่างรวดเร็ว ไม่นานนักสามคนพ่อลูกก็เดินมาพร้อมกัน พอล้างไม้ล้างมือเสร็จก็มานั่งโต๊ะอาหารกันอย่างพร้อมเพรียง

"ทานกันเถอะ" ท่านพ่อพูดจบทุกคนก็กินแกงปลาที่สดใหม่ แทบไม่มีใครปริปากเพราะต่างคนต่างกินอย่างเอร็ดอร่อย หวังลู่คอยตักอาหารเพิ่มให้ทุกคนจนอิ่มท้อง

เอิ้กกกก!!!

เสียงเรอของหลี่เฉินดังขึ้น ทำให้เกิดเสียงขบขันทุกคนกินอิ่มแล้วนางหวังเก็บถ้วยชาม ส่วนสองพ่อลูกไปช่วยกันทำรั้วบ้านอย่างขันแข็งโดยมีน้องรอง และน้องเล็กคอยให้กำลังใจ ไม้ไผ่ที่ยาวกว่าสิบเมตรถูกตัดออกเมตรครึ่ง และตัดทำเสาฝังดินอีกสองเมตร นำไม้ที่ตัดเมตรครึ่งมามัดด้วยเถาวัลย์บนกลางล่างเป็นแพรยาว โดยใช้ไม้ไผ่ยาวสองเมตรวางทาบบนล่างเป็นตัวยึดเพื่อเตรียมเอาไว้ผูกติดกับเสาไม้ไผ่ และมัดเรียงยาวกว่ายี่สิบอันนับเป็นหนึ่งแผ่น ทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนไม้หมดก็ค่ำมืด จึงได้แยกกันไปอาบน้ำข้างบ่อน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกาย อาหารค่ำก็เป็นปลาย่างเกลือ และแกงปลาที่เหลือจากตอนบ่าย เมื่อกินเสร็จก็แยกย้ายกันเข้านอน หลี่เฉินอยากเข้านอนกับท่านพ่อท่านแม่จึงได้แต่นั่งงอนตุ๊บป่อง เพราะหลี่หลิวบอกว่าอยากให้ท่านพ่อกับท่านแม่ได้พักผ่อน ส่วนเราสามพี่น้องควรนอนด้วยกัน เมื่อแบ่งห้องนอนกันเสร็จสับจึงแยกย้ายกันเข้านอน

"ลูกสาวเราช่างเป็นเด็กดีอะไรเช่นนี้นะ"

หลี่หงชมลูกสาวไม่ขาดปาก ตั้งแต่ความคิด การกระทำ ลูกสาวของเขานั้นช่างมีความสามารถยิ่งนัก บางทีหากเป็นนางอาจมีโอกาสเป็นข้าหลวงได้ แต่ติดตรงที่ว่าเขารับเฉพาะชายชาตรีเพียงเท่านั้น

"รู้แล้ว ๆ ท่านก็อย่าเอาแต่ชมบุตรสาวจนลืมบุตรชายเสียล่ะ เดี๋ยวพวกเขาจะน้อยใจเอาได้" หวังลู่ตระเตรียมหมอนมุ้งเสร็จก็ดับไฟพร้อมที่จะเข้านอน สองผัวเมียมอบความรักให้กันและกัน หลังจากห่างเหินมานานการได้บ้านใหม่นี่ช่างเป็นสิ่งที่ดียิ่งนัก

หลี่หลิวนอนตะแคงมองดูสองพี่น้องที่หลับใหลด้วยความเหนื่อยล้า แต่นางกลับคิดไม่ตกเพราะนางมาเพียงวันเดียวกับเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้มากมายถึงเพียงนี้ นางต้องวางแผนการใช้ชีวิตที่นี่ให้ดี ไม่เช่นนั้นความทุกข์ยากอาจมาถึงเข้าสักวัน พอคิดถึงความทุกข์ยากคงหนีไม่พ้นภัยแล้ง ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงน้ำหลากแต่ถ้าเข้าช่วงหน้าแล้งล่ะ ในยุคสมัยนี้ภัยแล้งชอบมาแบบเงียบ ๆ เสมอ การขุดบ่อน้ำไว้ และกักเก็บน้ำเป็นสิ่งที่ควรทำ รวมทั้งปลูกผักผลไม้ที่สามารถเก็บไว้ได้นาน ๆ เหมือนอย่างมันหวาน ใช่แล้ว…มันหวานข้าจะปลูกให้มากหน่อย แล้วทำการแปรรูปเป็นแป้งจะได้เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น แถมยังสามารถเอามาทำได้หลายเมนูอีกด้วย หรือจะทำไปขายคงได้ราคาดี ข้าวโพดก็น่าปลูกไว้แต่ที่สำคัญคงเป็นข้าว เอาล่ะทีนี้ก็ค่อย ๆ เริ่มทำการขุดบ่อหลังจากท่านพ่อทำรั้วกั้น และประตูบ้านเสร็จ ไม่รู้ว่าหลี่หลิวคิดเรื่องอะไรไปบ้างจนคล้อยหลับไป

"หนาวจัง" หลี่หลิวเอามือคว้านหาผ้าห่มแต่กลับไม่พบ พื้นหญ้านี่เย็นจริง ๆ เลยผ้าห่มข้าไปไหนล่ะเนี่ย

"พื้นหญ้า?" หลี่หลิวลืมตาตื่นด้วยความตกใจ แล้วพบว่าตนอยู่ในพื้นที่แปลกตา นางลุกขึ้นยืนเต็มตัวแล้วเดินเตร็ดเตร่ไปรอบ ๆ พบว่ามีบ่อน้ำตื้น ๆ เพียงหนึ่งบ่อ มันกว้างใหญ่ และสูงพอสมควรนอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรอีก

"ที่นี่คือที่ไหนกันล่ะเนี่ย ฉันเดินดูรอบ ๆ แล้ว แต่ก็ไม่มีอะไร แถมยังมีเหมือนกำแพงใส ๆ กั้นไว้อีก"

หลี่หลิวเดินลูบคลำหาทางออกจากกำแพงใสแต่ก็ไม่พบ ทำยังไงดีล่ะ หรือที่นี่คือที่กักขังดวงวิญญาณของฉัน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะได้ไปเกิดใหม่หรือเปล่า แล้วร่างของเด็กน้อยหลี่หลิวนั่นล่ะ บ้าไปแล้ว!!! ใช่ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เสี่ยวเหมยทุบกำแพงอย่างบ้าคลั่งแต่ก็ไม่เป็นผล กำแพงนี่เหมือนน้ำเลยพอทุบมันก็เด้งสู้มือแถมยังเย็นอีกด้วย

"ฉันต้องเจอกับอะไรแบบนี้ด้วยหรือ" เสี่ยวเหมยนั่งลงน้ำตาอาบแก้มแล้วมองไปที่เงาสะท้อนในกำแพงกั้น เห็นเด็กผู้หญิงนั่งกอดเข่าน้ำตาคลอเบ้าขอบตาแดงก่ำ พอเสี่ยวเหมยขยับภาพสะท้อนก็ขยับตามไปด้วย

"เอ๊ะ!! นี่ฉันยังอยู่ในร่างเด็กคนนั้นนี่" เสี่ยวเหมยปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นเดินสำรวจอีกที หากวินญาณออกจากร่างเด็กคนนั้น ฉันควรอยู่ในรูปลักษณ์เดิมสิ แต่นี่ฉันยังอยู่ในรูปลักษณ์เด็กคนนั้นอยู่เลย เสี่ยวเหมยหมดความอดทนกับการหาทางออกแล้วเพราะเธองมหาทางออกมามากกว่าหนึ่งชั่วโมงแต่ยังไม่เจอสักที

"เจ้ากำแพงบ้าปล่อยฉันออกไปนะ" หลี่หลิวกระวนกระวายใจแล้วนั่งแหมะลงกับพื้น กำหญ้าที่ค่อนข้างนุ่มนิ่มจนถอนมันขึ้นมาอย่างหมดหนทาง นางตะคอกใส่กำแพงใสจนคอสั่นด้วยความโกรธ เมื่อนางพูดจบหลี่หลิวก็ลุกขึ้นยืนเหงื่อแตกด้วยความหวาดกลัว

"เมื่อครู่นี้ข้าฝันหรือ มันสมจริงมากเลย" หลี่หลิวบ่นพึมพำในความมืด เพราะเมื่อครู่นางยังอยู่ในสถานที่แปลกตา และมีแสงแดดอ่อน ๆ อยู่เลย

"แล้วถ้าไม่ใช่ฝันล่ะ ข้าเข้าไปในนั้นได้อย่างไร" พอพูดจบนางก็กลับเข้าไปในกำแพงน้ำนั่นอีกครั้ง

"ข้าไม่ได้ฝันนี่ แล้วข้าเข้ามาได้ยังไงล่ะ" หลี่หลิวยืนคิดอยู่พักหนึ่งพอจับต้นชนปลายได้ ใช่ต้องเป็นมิติแน่ ๆ เมื่อรู้ว่ามันคืออะไรนางจึงเดินไปที่บ่อน้ำที่สูงประมาณหน้าอกแล้วลองใช้มือน้อย ๆ ที่เปื้อนเศษหญ้ามาปัดเช็ดออกที่เสื้อผ้า ก่อนจะใช้มือโอบอุ้มน้ำมาดื่มกิน

"หวานจังแถมยังสดชื่นด้วย ดีเลยถ้าภัยแล้งมาถึงอย่างน้อยข้าก็มีบ่อน้ำนี้ที่มีน้ำผุดออกมาเรื่อย ๆ ให้ได้ดื่มกินแล้ว" หลี่หลิวนั่งลงพิงบ่อน้ำ หากปลูกพืชผักในนี้ได้คงจะดีไม่น้อย

"ปล่อยข้าออกไป"

พอนางพูดจบก็ออกมาจากมิติได้ดั่งที่นางคาดการณ์ไว้ หลี่หลิวงมหาที่จุดไฟเมื่อเจอมันวางอยู่มุมห้องจึงดึงฝาปิดออก แล้วค่อย ๆ เป่าจนเกิดเปลวไฟจากนั้นก็จุดเชิงเทียนที่วางไว้ข้าง ๆ กัน เมื่อห้องมีแสงสว่างแล้วนางเดินไปที่หัวนอนซึ่งวางของใช้ไว้บางส่วน นางค่อย ๆ คลายปมผ้าที่มัดไว้ออกแล้วนำเมล็ดพันธุ์ออกมากำนึง ก่อนจะเอ่ยว่าพาข้าเข้าไปเบา ๆ

"เข้าออกแบบนี้จริง ๆ สินะ"

หลี่หลิวไม่รอช้าใช้มือเล็ก ๆ ดึงหญ้าออกเพื่อเปิดหน้าดินเล็กน้อย นางเอาเมล็ดพันธุ์ผักโรยลง และเอามือที่สะอาดวิดน้ำให้กระเด็นโดนตรงที่หว่านเมล็ดจนชุ่ม จากนั้นก็ค่อยออกไปจากมิติแล้วเป่าเทียนให้ดับก่อนจะนอนต่ออย่างอารมณ์ดี

ก๊อกแกก ๆ

เสียงท่านแม่ลุกขึ้นเข้าครัวแต่เช้ามืด หลี่หลิวลืมตาขึ้นมาแล้วรีบเข้ามิติไปด้วยความใคร่รู้ว่าข้างในนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นางเห็นเมล็ดพันธุ์ผักกาดขาวงอกออกมาแล้ว แถมมันยังสูงขึ้นมาหนึ่งนิ้ว นางใช้มือน้อย ๆ ปิดปากร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจ

"นี่สินะมิติที่ในนิยายเขาร่ำลือกัน สวรรค์ขอบคุณท่านที่พาข้ามาที่นี่ แถมยังให้ของดีกับข้าไว้ใช้อีกด้วย"

หลี่หลิวก้มกราบดินฟ้าอย่างซาบซึ้ง จากนั้นนางแยกต้นอ่อนออกจากกันเพื่อที่จะขุดหลุมปลูกผักให้เรียงสวย พอปลูกเสร็จนางรีบออกจากมิติแล้วแอบออกจากห้อง พลันมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครแล้วจึงหยิบขันน้ำเข้าไปด้านใน และตักราดน้ำให้ครบยี่สิบต้นจนเสร็จ

"โตเร็ว ๆ นะไว้ตอนเย็นข้าจะเข้ามารดน้ำให้อีกที" หลี่หลิวบอกลาต้นอ่อนผักกาดขาวแล้วเอาขันออกไปเก็บไว้ตามเดิม ก่อนจะเดินไปที่ครัวข้าง ๆ บ้านเพื่อหาท่านแม่

"ท่านแม่" หลี่หลิวส่งเสียงทักทายมารดา

"เจ้าตื่นแล้ว?"หวังลู่มองดูบุตรสาวที่ตื่นมาแล้วกระปรี้กระเปร่าแต่เช้า

"เจ้ายิ้มแบบนี้มีอะไรดี ๆ งั้นรึ"

"ข้าฝันดีเจ้าค่ะ"

"ที่แท้ก็ฝันดี มา ๆ นั่งตรงนี้มีปลาที่เหลืออยู่เจ้าอยากทำอะไรเป็นพิเศษหรือไม่"หวังลู่รู้ว่าลูกสาวชอบทำอาหารจึงได้ถามนางก่อนว่านางอยากทำอะไร

"ปลาหรือเจ้าคะ อืม..แกงข้าก็เบื่อแล้วย่างก็ย่างไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นทอดได้หรือไม่เจ้าคะ" หลี่หลิวทำท่าทางครุ่นคิดจนผู้เป็นมารดาอดขำไม่ได้จึงยิ้มออกมา ท่าทางของหลี่หลิวตอนนี้เหมือนผู้ใหญ่ในร่างเด็กอย่างไรอย่างนั้น แต่กลับทำให้ผู้เป็นแม่เอ็นดูนางมากขึ้น

"เจ้าอยากผัด หรือทอดก็ต้องรอพ่อเจ้าก่อน อีกประเดี๋ยวพ่อของเจ้าจะไปตลาดเช้าเพื่อซื้อข้าวสาร และเครื่องปรุง เจ้าอยากจะไปด้วยหรือไม่" หวังลู่มองบุตรสาวอย่างคาดหวัง เพราะนางเป็นคนคิดเมนูแปลก ๆ ในใจต้องมีของที่อยากได้อย่างแน่นอน

"ข้าอยากไปเจ้าค่ะ" หลี่หลิวรีบตอบรับคำชวนจากมารดาแล้วไปล้างหน้าล้างตาเตรียมพร้อมรอท่านพ่ออย่างใจจดใจจ่อ ไปตลาดเช้างั้นรึ ดีเหมือนกันจะได้ไปดูว่าที่ตลาดเขาขายอะไรบ้าง ครั้งหน้าจะได้ทำไปขายด้วยเสียเลย

"เจ้าก็จะไปกับพ่อด้วยงั้นรึ"

หลี่หงเตรียมตะกร้าสานไม้ไผ่ไปด้วยสองสามใบ พร้อมทั้งกระสอบป่านเพื่อไปใส่ข้าวสาร เห็นบุตรสาวนั่งรออยู่จึงเดินเอาหมวกสานให้นางใส่แล้วหยิบผ้าห่มที่พาดไว้แขนซ้ายมาคลุมตัวนางไว้ ก่อนจะอุ้มนางขึ้นนั่งรถลากที่ทำความสะอาดแล้ว

"ใส่เถอะ อากาศมันเย็น และอาจมีหมอกลงหนักก็เป็นได้ เมื่อคืนมีฝนตกปรอย ๆ ด้วยเจ้าต้องคลุมผ้าให้ดี"

"เจ้าค่ะท่านพ่อ" เมื่อหลี่หงใส่หมวกสาน และเสื้อคลุมพร้อมด้วยรองเท้าหนังแล้วจึงออกเดินทาง

"ไปดีมาดีนะ"

ท่านแม่ยืนโบกไม้โบกมือเพื่อส่งข้ากับท่านพ่อ ชีวิตแบบนี้เรียบง่ายเสียจริง เงียบสงบขาดก็แต่เพื่อนพ้องเท่านั้น แต่ไม่เป็นไรยังมีพี่ใหญ่ และน้องเล็กให้ได้พูดเล่นคลายเหงาอยู่บ้าง รถลากเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ท่านพ่อคอยถามข้าอยู่เป็นพัก ๆ ว่าอยากได้อะไรบ้าง วันนี้จะทำอะไรข้าเพียงแค่ตอบว่าต้องได้เห็นกับตาก่อนถึงจะรู้ว่าต้องการอะไร ส่วนวันนี้คงจะไปตกปลาหาผักป่ารอท่านพ่อกับพี่ชายที่จะไปตัดไม้ไผ่เพียงแค่นั้น ตลอดทางที่ผ่านมาถนนเต็มไปด้วยน้ำขัง ดีที่ทางเป็นหินขรุขระจึงไม่ทำให้ติดหล่มไปตามทาง ท่านพ่อเหนื่อยหอบระหว่างทางจึงล่าช้าไปบ้าง แต่พอมาถึงที่หมายข้าได้เห็นผู้คนวางของขายข้างทางบน ไม่ก็ขายบนรถลาก บ้างก็ยกโต๊ะตั้งจัดข้าวของ จะมีก็แค่ร้านค้าที่เปิดหน้าร้านขายของแค่ไม่กี่สิบเจ้าเท่านั้น นอกนั้นเป็นชาวบ้านที่นำของป่ามาขายช่างสมกับเป็นชนบทจริง ๆ

"เราไปซื้อข้าวกันเถอะ"

ท่านพ่อกล่าวแล้วเข็นรถลากไปหน้าร้านขายข้าวสาร ท่านพ่อซื้อข้าวสารมาสามสิบกิโล จากนั้นจึงพาข้าไปเลือกเครื่องปรุง ข้าได้เครื่องปรุงเช่นน้ำปลา ซอสถั่วเหลือง น้ำมัน เกลือ จริง ๆ แล้วอยากได้น้ำตาลอ้อยด้วยแต่ราคามันแพงมากจึงตัดใจไม่เอา แล้วไปซื้อเมล็ดพันธุ์ผักแทน

"พ่อเห็นเจ้ายืนจ้องน้ำตาลอ้อยอยู่นาน เหตุใดเจ้าถึงไม่ซื้อมันมาด้วยล่ะ" เมื่อเดินออกจากร้านขายน้ำตาลอ้อยท่านพ่อถามขึ้นอย่างสงสัย

"มันแพงเกินไปเจ้าค่ะ ท่านพ่อบอกข้าว่ามีเงินไม่มากข้ากลัวว่ามันจะไม่พอใช้ในภายหลัง ข้าไม่อยากได้มันแล้วเจ้าค่ะ"

เมื่อได้ฟังคำตอบของบุตรสาวหลี่หงตื้นตันใจที่มีลูกคอยคิดเผื่ออนาคตเช่นนี้ แต่ที่จริงแล้วน้ำตาลอ้อยนั้นพ่อซื้อให้เจ้าได้สบาย แต่ทว่าบุตรสาวพูดก็ถูกเราควรซื้อแต่สิ่งจำเป็นเท่านั้น นี่ลูกสาวข้ามีความคิดที่โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือเพราะเราอยู่กันอย่างอดอยากมานานนางจึงกลัวว่าจะกลับไปเป็นแบบนั้นอีก หลี่หงสลัดความคิดในหัวทิ้งไปแล้วช่วยบุตรสาวเลือกเมล็ดพันธุ์ผัก

"เจ้าเอาอะไรไปบ้างแล้ว" เขาเห็นบุตรสาวหยิบนั่นนี่ไปสี่ห้าอย่างจึงถามขึ้น

"ท่านพ่อ ข้าได้เมล็ดข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา มะเขือเทศ พริก ต้นหอม กระเทียม ข้ายังอยากได้ข่าตะไคร้ต้นมะกรูด รวมทั้งฟักทองอีกเจ้าค่ะ"

"ที่ว่ามาไปร้านฝั่งนั้นน่าจะมีต้นแก่ของมันที่ปลูกได้ ร้านข้าเล็ก ๆ มีเพียงสิบอย่างเท่านั้น แม่นางน้อยต้องการมากหรือไม่" เถ้าแก่เจ้าของร้านเมื่อได้ยินว่าเด็กน้อยอยากซื้อหลายอย่างในร้านตน จึงยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี

"ท่านพ่อข้าต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา กระเทียม ต้นหอมอย่างล่ะครึ่งโล และพริกมะเขือเทศอย่างล่ะร้อยเม็ดได้หรือไม่เจ้าคะ" หลี่หลิวช้อนสายตาขึ้นไปมองผู้เป็นพ่ออย่างคาดหวัง หากได้เมล็ดพันธุ์เหล่านี้นางจะแบ่งไปปลูกในมิติของนางด้วย

"เถ้าแก่ทั้งหมดมันราคาเท่าไหร่หรือขอรับ"

"ถ้าเท่าที่แม่นางน้อยบอกมาข้าจะคิดราคากันเองคือเก้าอีแปะก็แล้วกัน ข้าลดให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ ของบางอย่างนำเข้ามาจากประเทศอื่นเชียวนะ"

เถ้าแก่ตอบไปด้วยรอยยิ้ม แน่หน่ะสิเขาต้องได้กำไรอยู่แล้วมิเช่นนั้นจะนำมาขายทำไมกัน แต่ถ้าข้าปลูกแล้วเอามาขายล่ะก็กำไรคงมากมายทีเดียว เพราะนางเห็นแต่คนขายแค่เมล็ดพันธุ์แต่กลับไม่มีคนขายของพวกนี้เท่าไหร่นัก หลี่หงมองหน้าบุตรสาวเพื่อถามความเห็น หลี่หลิวพยักหน้าตอบรับเขาจึงตกลงซื้อมันทั้งที่ราคาแสนจะแพงกว่าข้าวเสียอีก ไม่ใช่ว่านางอยากช่วยข้าประหยัดเงินหรอกรึ มือที่ถือเงินอีแปะของเขาสั่นเล็กน้อย ไม่คิดว่าราคาของที่ลูกสาวอยากได้มันจะแพงเช่นนี้

"ท่านพ่อเราไปร้านนั้นกัน" เมื่อได้เมล็ดพันธุ์มาแล้วนางชี้ไปฝั่งตรงข้ามที่เถ้าแก่บอกให้ไปดู หลี่หงถึงกับปาดเหงื่อแต่เมื่อลูกสาวต้องการเขาจึงต้องตามใจนางเพื่อวัดดวงสักครา

"ข้าเอาอันนี้ อันนี้ อันนี้ด้วยแล้วก็อันนี้อีก" หลี่หลิวเห็นเมล็ดฟักทอง แตงโม แตงกวา ต้นมะกรูด รวมทั้งพวกขิง ข่า ตะไคร้ นางจึงเอามาพอสมควร ท่านพ่อแทบลมจับเพราะเกิดมาไม่เคยใช้เงินมากถึงเพียงนี้มาก่อน เจ้าของร้านห่อเมล็ดต่าง ๆ ใส่ห่อกระดาษให้ หลังจากมัดด้วยเชือกเสร็จก็ส่งให้แม่นางน้อยด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร แถมยังบอกวิธีปลูกว่าปลูกเช่นไรมันถึงจะรอด เมื่อหลี่หงรู้ว่าเมล็ดพันธุ์ที่นางซื้อมาอาจจะงอกหรือไม่งอกก็ได้ เขาแทบจะเข่าทรุด และได้แต่ยืนฝืนยิ้มแห้ง ๆ ข้าง ๆ บุตรสาว ส่วนเจ้าตัวได้ของที่ต้องการก็ยิ้มกริ่ม จากนั้นหลี่หลิวเลือกตุ่มน้ำขนาดกลางมาสามสี่ตุ่มแล้วให้คนงานช่วยยกขึ้นรถลาก อีกทั้งยังดูพวกหม้อ กระทะตะหลิว ขันน้ำ จนของแทบจะเต็มรถลากจึงบอกท่านพ่อว่าข้าพอแล้ว เมื่อได้ยินคำนั้นหลี่หงเหมือนได้ยินเสียงสวรรค์ เขาแทบอยากรีบอุ้มบุตรสาวขึ้นรถลากแล้วรีบเข็นออกไปด้วยความเร่งรีบ หลี่หลิวมองดูไหน้ำปลา ซอสถั่วเหลือง และน้ำมันที่วางเรียงกันโดยมีฟางข้าวมัดคล้องกันกระแทกด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข แตกต่างจากท่านพ่อของนางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก การที่พาบุตรสาวมาตลาดเช้าครั้งแรกเขาหมดไปมากกว่าห้าสิบอีแปะ นี่เขาสามารถใช้เงินจำนวนนี้ได้ตลอดทั้งปีเลยก็ว่าได้ คราวหน้าต้องไม่พานางมาด้วยอีกเป็นแน่เข็ดหลาบแล้วจริง ๆ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 5 เจ้าคือตัวนำโชค 2

    พอกลับถึงบ้านท่านแม่ออกจากครัวมาดูถึงกับอ้าปากค้างไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาอธิบาย จึงได้แต่ช่วยขนข้าวของลงจากรถลาก"เจ้าเอาตุ่มใส่น้ำมาทำอันใดมากมายถึงเพียงนี้" ท่านแม่ที่ช่วยท่านพ่อยกลงด้วยความหนักใจเอ็ดนางไปหนึ่งที นี่ต้องเสียเงินมากเป็นแน่ เงินที่ได้มาจากท่านปู่มิใช่พวกเจ้าสองคนพ่อลูกใช้กันหมดแล้วกระมัง"ข้าจะเอาไปใส่ปลาเจ้าค่ะ""ใส่ปลารึ""ใช่เจ้าค่ะ ตุ่มนี้จะเอาไว้ใส่น้ำในห้องครัวจะได้ใช้สอยสะดวกมากขึ้น ข้าเห็นท่านแม่ต้องใช้ถังไปตักน้ำมาวันล่ะหลาย ๆ ครั้ง หากมีตุ่มใส่น้ำเราก็แค่คอยเติมน้ำให้เต็มก็จะสะดวกเวลาใช้สอย อีกตุ่มเอาไว้ใส่ปลาเจ้าค่ะข้าจะตกปลาตัวเล็กมาด้วยแล้วเลี้ยงมันไว้ในตุ่มน้ำ พอขุดบ่อปลาเสร็จค่อยปล่อยมันลงบ่อ ส่วนอีกตุ่มข้าว่าจะทำห้องน้ำเจ้าค่ะ เพราะเรายังไม่มีห้องน้ำต้องอาบน้ำกลางแจ้งข้ารู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่นัก"เมื่อได้ยินคำตอบของบุตรสาวที่วางแผนอย่างดิบดีนางหวังได้แต่ยิ้มอ่อนให้บุตรสาว เข้าใจว่านางอยากช่วยให้แม่สบายขึ้นจึงตัดสินใจทำเช่นนี้ ถึงจะโมโหเพราะนางใช้จ่ายเกินตัวแต่ก็ต้องอมยิ้มกับความเอาใจใส่ของนาง ส่วนอีกตุ่มหลี่หลิวแอบเก็บเข้ามิติไปเรียบร้อยตั้งแต่อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 6 การค้าแบบใหม่

    ครอบครัวหลี่หลิวมาถึงตลาดยามเช้าได้จองพื้นที่เพื่อที่จะขายอาหาร พวกเขาจุดเตาตั้งกระทะ และจัดข้าวของวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบตรงพื้นริมถนนถัดจากร้านขายผักป่า ซึ่งน้ำมัน ซอสถั่วเหลือง กระเทียม ต้นหอมพร้อมกับเกลือได้ถูกเตรียมพร้อมมาอย่างดี ท่านพ่อนำกระบองคบเพลิงมาจุดแล้วตั้งไว้ไม่ห่างจากกระทะ เพื่อที่จะให้หลี่หลิวมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เขาถึงกับลงทุนเดินไปซื้อคบเพลิงนี้มา หลี่หลิวกล่าวขอบคุณท่านพ่อพร้อมด้วยรอยยิ้มอันแสนสดใสนางตักน้ำมันหนึ่งกระบวยใส่กระทะเหล็กขนาดใหญ่ พอเริ่มร้อนก็ใส่กระเทียมที่พึ่งทุบเจียวจนหอมได้ที่ ตามด้วยหน่อไม้ลงไปผัดให้เข้ากัน ทำให้เกิดเสียง ฉ่า ฉ่า ฉ่า กลิ่นหอมของกระเทียมกระตุ้นความหิวของผู้คนได้เป็นอย่างดี แม้แต่ครอบครัวของหลี่หลิวเองยังต้องกลืนน้ำลายไปตาม ๆ กัน เมื่อหน่อไม้เริ่มสุกได้ที่นางเติมน้ำลงเล็กน้อยใส่ซอสและเกลือ ก่อนจะผัดอีกครั้งชิมรสชาติแล้วใส่ต้นหอมซอยลงปิดท้ายกลิ่นหอมคั่วกระทะในยามเช้ามืดดึงดูดให้ผู้คนมายืนออกันอยู่หน้าร้านของหลี่หลิวมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทำอาหารเสร็จก็เป็นหน้าที่ท่านพ่อที่ต้องยกเทใส่หม้อเหล็กเป็นอันเสร็จสิ้น หลี่หลิวปาดเหงื่อที่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 7 พรุ่งนี้ไม่ขาย

    เมื่อเห็นทุกคนทำงานอย่างขยันขันแข็ง หลี่หลิวได้บอกทุกคนว่าพรุ่งนี้จะไม่ขายอาหารที่ตลาดเช้า เพราะว่าพรุ่งนี้จะไปดูม้ากับท่านพ่อ นางจึงไปเดินเล่นตรงคลองน้ำทางฝั่งตรงข้ามหน้าบ้าน สายตาของนางเหลือบไปเห็นหอยทากชนิดหนึ่งที่คนเรียกกันว่าหอยโข่ง นางรีบกลับเข้าไปในครัวแล้วตรงดิ่งมาที่คลองน้ำหน้าบ้าน พร้อมทั้งถังไม้ขนาดเล็กที่เหมาะมือ สังเกตลี่หลิวพับเสื้อแขนยาว และกางเกงขายาวขึ้นจนถึงข้อพับ จากนั้นถอดรองเท้าถุงเท้าออก และค่อย ๆ เดินลงคลองเล็กที่กว้างประมาณหนึ่งวา น้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อยสายนั้นเย็นมากจนนางสะดุ้ง แต่ในคลองน้ำขนาดเล็กที่ทอดยาวนั้นมีหอยทากเกาะตามต้นหญ้ายาวเป็นทาง หลี่หลิวงมหอยทากโดยการใช้เท้าน้อย ๆ ของนางค่อยคลำดูตามคลองน้ำ ส่วนหอยทากที่เกาะบนต้นหญ้านั้นเห็นได้ชัดเจน นางเดินตามคลองน้ำไปเรื่อย ๆ พอรู้ตัวอีกทีหอยทากที่เรียกกันว่าหอยโข่งก็เต็มถังไม้เสียแล้ว หลี่หลิวรีบตะโกนเรียกพี่ชายให้มาช่วยนางยกถังไม้ ส่วนตัวนางกระโดดขี่หลังพี่ชายเพราะรองเท้าของตนได้ถอดทิ้งไว้ตรงคลองหน้าบ้าน"เจ้าเก็บหอยทากพวกนี้มาทำไมกัน หอยทากเหล่านี้ชาวบ้านยังไม่ได้เก็บมาทุบทิ้ง เพราะหอยทากมันชอบกัดกินต้นข้าวในนา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 8 เจ้าบอกพี่ได้ไหม

    หลี่จงนอนไม่หลับกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งสางเขายังคงคิดไม่ตกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับน้องสาว ข้าเห็นเต็มตาทั้งสองข้าง และใช้มือคลำหาตอนที่นางหายไปหากนางหายไปนานกว่านั้นข้ากะว่าจะไปบอกท่านพ่อให้มาช่วยหาเสียแล้ว ทว่านางกลับมาอย่างปลอดภัย เมื่อเห็นน้องรองกลับมาเขาได้แต่นอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเสียด้วยซ้ำ นี่ข้ากำลังกลัวน้องสาวตัวเองอยู่งั้นหรือ หลี่จงลุกขึ้นนั่ง และเก็บที่นอนของตนเมื่อรู้ว่าฟ้าเริ่มสางแล้ว หลี่หลิวงัวเงียลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วหาวสองสามที พร้อมบิดขี้เกียจโดยยืดแขนทั้งสองข้าขึ้นเหนือศีรษะ"เจ้าบอกพี่ได้ไหมว่าเจ้าไปไหนมาเมื่อคืนนี้"หลี่หลิวที่บิดขี้เกียจอยู่ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหลบตาก้มต่ำมองเท้าตนเองแล้วรีบเก็บแขนลง เมื่อคืนพี่ชายตัวน้อยยังนอนไม่หลับงั้นรึทำเช่นไรดี หลี่หลิวเกิดความประหม่ากระอักกระอ่วนใจ ไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไรดีได้แต่เอามือเล็ก ๆ ที่วางไว้บนตักกำหมัดแน่นจนมือสั่น"เจ้าไม่ไว้ใจข้าที่เป็นพี่ชายของเจ้างั้นหรือ?" หลี่จงมองออกว่าน้องรองของตนมีเรื่องปิดบัง และไม่ยอมที่จะบอกตนจึงรู้สึกแน่นที่อกและจุกในใจ"พี่ใหญ่...ท่านเห็นด้วยหรือเจ้าคะ" ในท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 9 พวกอกตัญญู

    เมื่อรถม้าวิ่งผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหลี่หงรู้สึกเย็นหลังวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก รถลากวิ่งผ่านชุมชนออกมาทางไร่นาไม่นานก็ถึงกระท่อมปลายนาของพวกเขาหลี่หงกลั้นหายใจไปตั้งหลายครั้งเมื่อรถม้าวิ่งเข้าไปในเขตชุมชนยังดีที่ชาวบ้านไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ส่วนบ้านท่านย่าก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ทำให้เขาโล่งอกเป็นอย่างมาก"มากันแล้วรึ" หญิงวัยกลางคนตะเบ็งเสียงออกมาเมื่อเห็นรถม้าเข้ามาตรงลานบ้าน"ท่านแม่..." หลี่หงเรียกผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงกร่อย ๆ แล้วมองไปยังพี่สะใภ้ใหญ่ที่นั่งไขว่ห้างรอเขาอยู่ชายคาข้างบ้านด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว ตั้งแต่ที่ย้ายออกมาเขาใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างสงบสุขมาโดยตลอด ไม่คาดคิดมาก่อนว่าท่านแม่ และพี่สะใภ้ใหญ่จะบุกมาถึงที่กระท่อมซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเขาเช่นนี้หลี่หงมองไปยังภรรยาของเขาที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นหญ้าใบหน้างามดูหดหู่ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ นางคงถูกท่านย่าดุด่าไปไม่น้อยหลี่หงรีบกระโจนลงจากรถม้าแล้วรีบเดินไปพยุงภรรยาตนให้ลุกจากพื้นดิน ก่อนก้มหัวทำความเคารพให้ท่านแม่ของตนอย่างสุภาพ ถึงแม้ว่าท่านจะทำหน้าบูดบึ้งเพียงใดก็ตาม หลี่จงเห็นเช่นนั้นรีบกระโดดลงจากรถม้า และเดินไปลู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 10 ข้าสบายใจแบบนี้มากกว่า

    ตะวันคล้อยทุกคนกลับถึงบ้านหลังจากทำหน้าที่ของตนจนเสร็จ หลังจากนั้นก็ล้างเนื้อล้างตัว และกินข้าวปลากันก่อนจะแยกย้ายกันเข้าหลับนอนตอนกลางวันได้ทั้งปลา หน่อไม้ รวมทั้งหอยโข่งตัวอวบอ้วนที่พี่ใหญ่กับท่านแม่งมกลับมา แล้วต้มหั่นไว้รอจนเสร็จสรรพให้อย่างดิบดี หลี่หลิวเองก็คิดไว้แล้วว่าจะทอดปลาทั้งตัวไปขายเพิ่มอีกหนึ่งเมนู แล้วใช้ใบบัวที่นางเก็บมาใส่เป็นภาชนะแทนกระบอก เพราะกระบอกไม้ไผ่มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนักมันจึงไม่สามารถใส่ปลาที่มีขนาดครึ่งโลลงไปได้วันนี้ท่านแม่โชคดีมากเลยทีเดียว นางตกปลาครั้งแรกก็ได้ปลามามากกว่าสามสิบตัว หลี่หลิวได้นำปลามาปล่อยลงสระที่นางเอารากบัวมาปลูกไว้ แถมนางยังใส่น้ำในมิติลงไปมากกว่าครึ่งถัง หลังจากที่ใส่น้ำในมิติลงไปได้ไม่นานปรากฏว่าต้นบัวก็เริ่มออกยอดแตกกิ่งโผล่ใบมามากมาย แถมน้ำยังใสสะอาดไม่ขุ่นมัวเหมือนก่อนหน้านี้ พอนำปลาตัวเล็กที่ตกได้มาหกเจ็ดตัวเทลงไปในน้ำ พวกมันก็ว่ายวนไปมาสำรวจที่อยู่อาศัยใหม่ราวกับว่ามันชอบที่นี่เป็นอย่างมาก ท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียวของพวกมันทำให้หลี่หลิวภูมิใจไม่น้อย"ดูท่าพวกเจ้าจะรอดแล้วล่ะนะ อย่าลืมออกลูกหลานให้ข้าเยอะ ๆ หน่อยล่ะ" หลี่หลิว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 11 พี่ชายกางปีก

    ผู้ชายคนนี้พอฟื้นขึ้นมาก็ฉวยโอกาสหน้าม่อใส่น้องสาวข้า เขาช่างกล้าพูดหลอกล่อน้องสาวของข้า คงคิดว่าจะไม่มีใครได้ยินคำพูดเสเพลของเขาหรือเช่นไร หลี่จงอยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ เมื่อผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นกล้าที่จะขอหมั้นหมายกับน้องของเขา ทั้งที่พึ่งเจอกันครั้งแรกแท้ ๆ ยังมีคนหน้าไม่อายเช่นนี้อยู่อีกหรือ น้องข้าพึ่งจะหกขวบเศษ ๆ แต่เขากล้าที่จะคิดกับนางเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าต้องคอยจับตาดูเขาไว้ให้ดีเสียแล้ว"เจ้าคือ?" สือไท่มองไปยังเด็กหนุ่มที่ร่างผอมบางอย่างสงสัยทว่าหลี่จงกลับไม่ตอบเขาแม้แต่คำเดียว เขาลุกขึ้นด้วยใบหน้าขึงขัง คางน้อย ๆ ขบกรามเกร็งแน่น ดวงตาคมกริบปรากฏแววดุดัน เขาเดินเข้าห้องพักของตนไปโดยไม่พูดจากับข้าเลยสักคำสือไท่รับรู้ถึงความรู้สึกกดดันจากเด็กหนุ่มที่มันทะลักออกมาจนเขารู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว เด็กคนนี้แววตาน่ากลัวเสียจริง คราวหน้าข้าต้องมองให้ดีก่อนที่จะพูดคุยกับแม่นางน้อยคนนั้นเสียแล้ว"เจ้าอย่าได้ไว้ใจชายหนุ่มจากเมืองหลวงเชียวนะ" หลี่จงใบหน้าบึ้งตึงเดินเข้าห้องมาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก"ท่านหมายถึงชายหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บนั่นน่ะหรือ" หลี่หลิวมองแวบเดียวก็รู้ว่าท่านพี่โกรธเคือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 12 พวกเจ้าอย่าสร้างปัญหา

    หลี่ไช่หัวยืนดูอยู่พักหนึ่งก็ทนรอไม่ไหว จึงเดินอ้อมไปด้านหลังร้านที่ครอบครัวของหลี่หลิวกำลังตั้งแผงขายของอยู่ด้วยความหงุดหงิด มันจะอะไรกันนักกันหนาแค่จะเข้าไปดูสักหน่อยว่าพวกเขาขายอะไรกัน ทำมาเป็นต้องต่อแถวเรียงคิว เหตุใดเจ้ารองต้องทำให้เรื่องมันวุ่นวายด้วย"เจ้ารอง!!"ด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของหลี่ไช่หัวทำให้ครอบครัวของหลี่หงหันหลังกลับไปดูรวมทั้งสือไท่ ท่านย่าผู้นี้ไม่รู้เวล่ำเวลาเอาเสียเลย นางส่งเสียงดังกึกก้องเหมือนไปกินรังแตนมา จนลูกค้าที่มุงต่อแถวกันหันไปมองนางอย่างสงสัยว่ายายแก่นี่เป็นอันใด"ท่านแม่..." หลี่หง และหวังลู่ก้มหัวทำความเคารพนางอย่างจนใจ ท่านแม่จะพูดดีดีก็ได้เหตุใดต้องทำเสียงดังให้ผู้คนหันมาสนใจกันด้วยนะ หวังลู่ได้แต่คิดอย่างจนใจ"เหอะ! พวกเจ้าทำอะไรมาขายล่ะ เจ้าไม่คิดจะให้แม่ผู้แก่ชราคนนี้ได้กินบ้างหรือ" หลี่ไซ่หัวได้กลิ่นที่ชวนหิวจนท้องใส่ปั่นป่วนจึงตะเบ็งเสียงถามอย่างไม่พอใจนักเห็นข้าแล้วแทนที่จะเรียกข้า และรีบตักอาหารให้ แต่นี่อะไรทำมาเป็นตกใจเหมือนเห็นผี แถมสะใภ้รองหันมาทำเป็นก้มหัวให้หน่อยเดียวก็รีบหันกลับไป หรือนางไม่เห็นหัวหงอกหัวดำเช่นข้าอยู่ในสายตาของนา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15

บทล่าสุด

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 50 ไม่ใช่ความฝัน จบ

    "อ้าว....ยัยลูกคนนี้หนิ ถ้าไม่สบายทำไมไม่เข้าไปนอนในห้องนอนล่ะเนี่ย" หมิงหลิวมองไปที่ลูกสาวที่หลับไปทั้งแบบนั้น รองเท้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยนเลยแท้ ๆ สงสัยเสี่ยวเหมยจะถูกหัวหน้ากดดันมาอีกสิท่า เห้อ...สมัยนี้ทำงานมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ"แม่บอกแล้วว่าให้หาผู้ชายดี ๆ สักคนมาคอยดูแล ถ้าไปดูตัวตามที่แม่บอกแต่แรกคงจะไม่เป็นแบบนี้ ป่านนี้คงยิ้มหน้าบานเท่ากระด้งไม่ก็ออกไปเดทดูหนังผ่อนคลายแล้วซักหน่อยก็ยังดี" หมิงหลิวบ่นให้ลูกสาวหัวรั้นพร้อมทั้งเดินไปเอาผ้าห่มมาห่มตัวให้เสี่ยวเหมยวันนี้เป็นวันหยุดของเสี่ยวเหมยว่าแต่เสี่ยวเหมยไปไหนมากันแน่นะ ไหนว่าจะไปหาเพื่อนแล้วไหงถึงได้กลับมาอยู่ในสภาพแบบนี้กันหมิงหลิวส่ายหัวไปมาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ ถึงแบบนั้นแต่เธอก็เดินเข้าครัวไปต้มโจ๊กไว้รอให้หมิงเหมยที่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของเธอ"หมิงหลิวเอ้ย ทำไมเสี่ยวเหมยของเราถึงตัวร้อนแบบนี้ล่ะ"เสียงแหบชราของย่าหมิงดังมาจากห้องรับแขก ทำให้หมิงหลิวที่ทำโจ๊กอยู่ทำหน้างุนงง เมื่อกี้เสี่ยวเหมยยังไม่มีไข้นี่นาแล้วจู่ ๆ มีไข้ขึ้นมาเฉยเลยงั้นเหรอ หมิงหลิวปิดเตาเมื่อต้มโจ๊กเสร็จแล้วเธอก็เดินออกมาดู เห็นย่าหมิงกำลังเช็ดตัวให้เ

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 49 ข้าอยากมีเจ้าตัวเล็ก

    หลังจากวันที่สืออิงคลอดบุตร สือไท่ก็พาบ้านหลี่แวะไปเยี่ยมเยียนอยู่หลายครั้ง จนหลี่หลิวที่ไม่ค่อยไปไหนนักก็มักไปติดอยู่กับบ้านนั้นเข้าเสียแล้ว"วันนี้เจ้าจะไปหาสือต้าเหนิงอีกแล้วรึ ไหนเจ้าบอกว่าวันนี้จะทำสบู่ หรือว่าเจ้าเปลี่ยนใจไม่ทำแล้ว" หลี่จงเดินมารดน้ำผักยามเช้าแล้วถามไถ่ผู้เป็นน้องสาวขึ้นอย่างสงสัย"ข้าไปแค่ครู่เดียวเท่านั้น เดี๋ยวช่วงสายหน่อยข้าก็จะกลับมาทำงานเช่นเดิม""ในเมื่อเจ้าชอบเด็กถึงเพียงนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่มีให้เขาสักคนล่ะ""นี่ พี่ใหญ่...ข้าชอบเด็กก็จริง แต่ข้าก็ยังไม่อยากมีในเร็ว ๆ นี้หรอกนะ ข้ายังไม่พร้อมน่ะ""งั้นเจ้าก็อยู่บ้านบ้างสิ งานโรงเตี๊ยมเจ้าก็แทบจะโยนมาให้ข้าหมดแล้ว เจ้าหนิมันจริง ๆ เลยนะ""จะให้ข้าทำเช่นไรได้ เจ้าตัวเล็กนั่นน่ารักขนาดนั้น แถมแก้มน้อย ๆ ก็น่าหยิกน่าชังยิ่งนัก""น้องรอง...ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน นั่นไม่ใช่เจ้าเล็กของเรานะ ห้ามแม้แต่จะคิดที่จะไปหยิกแก้มเขาเชียวล่ะ""ข้ารู้หรอกน่า ชิ...ข้าล่ะเกลียดท่านจริง ๆ" หลี่จงส่ายหัว และยิ้มน้อย ๆ แล้วส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างรู้ทัน นางชอบหยิกแก้มนุ่ม ๆ ของเด็กเป็นที่สุด มีหรือข้าจะไม่รู้"เอาล่ะ หาก

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 48 สือต้าเหนิง

    ณ บ้านสือ....ยามอู่ ช่วงสิบเอ็ดโมงเช้าจนถึงเกือบบ่ายโมง"เร็วหน่อย ๆ นายหญิงจะคลอดแล้ว" ลุงชิงหัวพ่อบ้านวัยสี่สิบเอ็ดปีสามีของป้าชิงหร่วน ส่งเสียงบอกสาวใช้ในเรือนให้รีบไปเตรียมข้าวของตามที่หมอตำแยบอก"นายท่านขอรับ เดี๋ยวข้าส่งคนไปบอกนายน้อยดีหรือไม่ขอรับ"ลุงชิงหัวถามนายท่านของตนที่เดินวนไปมาอยู่หน้าห้องนอนหลายรอบอย่างตื่นเต้น"จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เขาพึ่งเข้าห้องหอไปเมื่อคืน แถมดูจากสภาพของเขาแล้วตอนนี้คงยังเมาค้างอยู่อย่างแน่นอน" ใบหน้าของสือหานปรากฎแววของความอดรนทนไม่ไหวขึ้นมาจาง ๆ"แต่อย่างน้อย เราควรไปแจ้งข่าวให้นายน้อยทราบสักหน่อยนะขอรับ" ลุงชิงหัวกล่าวทักท้วงนายท่านสือหานด้วยความห่วงใย"ข้าคิดว่าหากนายน้อยรู้เรื่องไม่ว่าจะเป็นเช่นไรเขาจะต้องรีบบึ่งมาที่นี่อย่างแน่นอนขอรับ""เอาตามที่ท่านเห็นสมควรเถอะ แค่นี้ข้าก็ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว"สือหานที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาดังออกมาจากด้านในเป็นพัก ๆ ทำให้เขาปวดใจจนยากที่จะอธิบาย ในตอนนี้เขาก็ไม่มีกระจิตกะใจไปสนใจเรื่องอื่นอีกแล้ว เขาได้แต่เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าห้องนอนอย่างร้อนใจ ใบหน้าของสือหานในยามนี้ปราศจากรอยยิ้มอันอบอุ่นมีแต่ค

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 47 ส่งตัวบ่าวสาว

    ยามไฮ่ สี่ทุ่มโดยประมาณ...."ท่านพี่… ข้าว่าน่าจะได้เวลาแล้วนะเจ้าคะ"สืออิงเรียกสามีของตนที่กำลังติดลมดื่มด่ำสุรากับเพื่อนฝูงจนลืมเวลาไป"ถึงเวลาแล้วรึ?" สือหานที่ใบหน้าแดงก่ำวางจอกสุราลง แล้วหันมาถามสืออิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ โดยมีป้าชิงหร่วนคอยนวดขาให้นางเพื่อคลายความเมื่อยล้า"เจ้าค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว หากรอนานกว่านี้อีก เจ้าลูกชายของท่านพี่คงหมดสภาพไปแล้วอย่างแน่นอน" สืออิงหันหน้าไปทางสือไท่ที่ร่ำสุรามงคลกับเพื่อนพ้อง จนตอนนี้เขาดูเมามายแถมสนุกสนานจนลืมไปแล้วว่าตนกำลังทำอะไรอยู่"เว่ยหนิง..."สือหานเรียกเว่ยหนิงที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ ที่เขาดื่มสุราไปเพียงเล็กน้อยแต่พอควร และคุยเล่นกับจางปิงกับครอบครัวอย่างสนุกสนาน ดูท่าทางแล้วพอถึงเวลาจริงจังกับเป็นเว่ยหนิงที่พึ่งพาได้มากที่สุด"เดี๋ยวพ่อมานะ เจ้าอยู่กับท่านแม่ และเล่นกับพี่ชายไปก่อน""ขอรับท่านพ่อ" เสียงเล็ก ๆ ของเด็กวัยสองขวบ ตอบรับผู้เป็นบิดา และหันไปเล่นกับพี่ชายที่เป็นบุตรชายของจางปิงต่อ เว่ยหนิงใช้มืออันหนาใหญ่ ยีหัวบุตรชายเบา ๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะของนายท่านสือหาน"นายท่าน"เว่ยหนิงลุกขึ้นยืนเต็มตัว เขาก้าวขาเพียงเล็กน้อยก็มาถึง

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 46 แต่งงาน

    "ตั้งใจทำงานกันหน่อย อีกเดี๋ยวพอลูกค้าเริ่มมาแล้วจะวุ่นวายกันไปใหญ่ ตรงนั้นน่ะดึงผ้าให้ตึงกว่านี้อีกหน่อยมันหย่อนจนเกินงามไปแล้ว" สืออิงที่นั่งเก้าอี้ใช้พัดที่ยังไม่กางออกชี้สั่งงานคนงานของตน และแม่บ้านที่นำมาด้วยให้ช่วยกันเร่งมือตั้งแต่เช้าตรู่ยิ่งนางได้เห็นท่าทีของสือไท่ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหนในตอนที่เขากลับไปถึงบ้าน นางยิ่งมีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น และยังหวังลึก ๆ ในใจว่านางยังจะทนไหวจนกว่าสือไท่จะตบแต่งจนเสร็จ สืออิงคอยบอกทารกในครรภ์อยู่เสมอว่าให้อดทนรอจนกว่าจะเสร็จงานแต่งของพี่ชายจึงค่อยออกมาพบเจอกัน เพราะนางอยากให้งานแต่งของสือไท่ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่มีที่ติ นางจึงต้องลากร่างกายที่เหมือนจะพร้อมคลอดทุกเมื่อออกมาเร่งจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย"พี่สืออิง ท่านไม่ต้องเร่งรีบไป ข้ารู้ว่าท่านอยากอยู่รอดูวันนั้นของสือไท่ด้วยตาของท่านเอง แต่หากท่านฝืนตัวเองมากเกินไปตัวท่านเองนั่นแหละจะลำบาก ดูเอาเถอะทั้งสือไท่ และหลี่หลิวต่างมาคอยดูแลคุมงานอย่างใกล้ชิดถึงเพียงนี้ ท่านก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะที่จะคอยตรวจตราพวกเขาอีกที"หลี่ลู่เห็นพี่สืออิงมานั่งคอยสอดส่องอย่างใกล้ชิด และออกคำสั่ง

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 45 จัดบ้าน

    หลังจากสร้างบ้านที่ท้ายสวนเสร็จหลี่หลิวก็พยุงท่านแม่ใหญ่อย่างสืออิงที่ท้องโตเต็มที่เดินตรวจตราดูความเรียบร้อยจนนางพอใจ หลี่ลู่เดินข้าง ๆ ตามมาพร้อมกับสือหาน และสือไท่ ก่อนจะพูดคุยเรื่องการจัดงานแต่งในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้าด้วยความกระตือรือร้น"เรื่องของแม่นางกงซูหนิงก็จบลงด้วยดี ต่อไปนี้ก็คงไม่มีอะไรมาคอยกวนใจหลี่หลิวอีกแล้วล่ะ" สือหานกล่าวพร้อมกับมองบ้านหลังที่ไม่เล็ก และไม่ใหญ่จนเกินไปอย่างพอใจ หลี่หลิวสร้างบ้านได้น่าอยู่ถึงเพียงนี้เชียวรึ ถึงข้าวจะของยังจัดการไม่เรียบร้อยดีเท่าไหร่นักแต่โดยรวมแล้วดูลงตัวเป็นอย่างมาก ถึงมันจะเรียบง่ายแต่ก็ดูเรียบหรูอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดเลยว่าบ้านธรรมดาหลังหนึ่งแต่ด้านในจะสามารถดูดีได้ถึงเพียงนี้"ตรงนี้ข้าจะเอาไว้ต้อนรับแขกเจ้าค่ะ"เมื่อเดินออกมาจากตัวบ้านที่สร้างเป็นเรือนหอ หลี่หลิวก็หันมาบอกว่าชายคาที่ยื่นออกไปนี้นางเตรียมไว้สำหรับรองรับแขก เพื่อว่าพวกท่านทั้งหมดมาเยี่ยมเยือนก็จะได้มานั่งพักชมวิวตรงจุดนี้ มันมีโต๊ะไม้ยาวที่สามารถรองรับผู้คนได้กว่าแปดถึงสิบคน ซึ่งหลี่หลิวมองเห็นว่าในอนาคตอาจจำเป็นต้องได้ใช้มันอย่างแน่นอน"เจ้าออกแบบบ้านหลังนี้ด้วย

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 44 ย่านเริงรมย์ 2

    "เจ้าอยากมาเป็นนางคณิกาที่นี่งั้นหรือ""ใช่เจ้าค่ะ"นายหญิงแห่งหอคณิกามองไปที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มของนางแล้วก็ต้องตกใจ แม่นางผู้นี้คือบุตรสาวของนายท่านกงเหวินผู้ที่เคยมีชื่อเสียงกว้างขวาง ถึงแม่นางกงจะงดงามไม่น้อยแต่ข้าก็ไม่สามารถรับคนที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เช่นนี้เข้ามาเพื่อทำให้หอคณิกาของข้าแปดเปื้อนได้ ถึงจะเสียดายใบหน้าที่งดงามของนางอยู่ไม่น้อยก็ตาม การไม่เข้าไปยุ่งกับคนเช่นนี้นั้นย่อมดีกว่าอย่างแน่นอน"ข้าดูจากใบหน้าของเจ้าก็พอใช้ได้ แต่ตอนนี้ข้ายังไม่รับนางคณิกาเพิ่มหรอกนะเจ้ากลับไปเสียเถอะ""ทำไมล่ะเจ้าคะข้า...ข้าสามารถเต้นรำ หรือทำงานอะไรก็ได้นะเจ้าคะ""เด็ก ๆ ส่งนางออกไปที""ขอรับนายหญิง""ไม่ต้อง ข้าออกไปเองได้"เมื่อกงซูหนิงเห็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าโหดเหี้ยมน่ากลัวเดินมาทางนาง นางที่นั่งคุกเข่าอยู่เมื่อครู่เพื่อที่จะอ้อนวอนนายหญิงจึงรีบลุกขึ้นเชิดหน้าหยิ่งทะนงตน กระทืบเท้าไปหนึ่งทีอย่างไม่พอใจแล้วหันหลังเดินออกไปจากหอคณิกาทันที"นายหญิงเจ้าคะ ท่านไม่เสียดายนางรึเจ้าคะ นานมากแล้วนะที่หอคณิกาของเราไม่มีนางคณิกาใหม่ ๆ มาบ้างเลย""เจ้าดูเอาเถอะ กิริยาเช่นนี้มีหรือจะรับแขกได้ หากรับมานา

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 43 ย่านเริงรมย์ 1

    "ปล่อยข้านะ อย่านะ!!"เสียงร้องของหญิงสาวดังออกมาจากมุมอับของกำแพง มีชายหนุ่มน้อยใหญ่สามสี่คนที่กำลังเมามายมารุมรังแกนาง"ปล่อยลูกสาวข้าไปเถอะนะ พวกเราเป็นแค่เพียงขอทานจน ๆ เพียงเท่านั้น ได้โปรดเถอะ" ชายชราผมขาวยกมืออ้อนวอนกลุ่มคนเมาที่พยายามจะมาลวนลามบุตรสาวของตน"เจ้าอยากได้เงินไม่ใช่หรือ ไปกับพวกข้าซะสิ ข้าจะให้เงินมากมายกับเจ้าเอง"ชายร่างท้วมผิวดำคล้ำพุงป่องพยายามล่อลวงนางด้วยการถือเงินอีแปะเป็นพวง ๆ เพื่อหวังจะหลอกล่อนาง"ข้าไม่เอา ๆ ปล่อยมือข้านะ""ปล่อยข้ากับบุตรสาวของข้าไปเถอะ""ใครจะอยากได้เจ้ากันล่ะ ข้าแค่ต้องการบุตรสาวของเจ้าเพียงเท่านั้น หลีกไปให้พ้น!!!" กลุ่มชายที่เมามายผลักดันชายชราออกไปด้วยเท้า จากนั้นใช้ผ้าออกมาเช็ดปัดเสื้อผ้าออกเหมือนกับว่ามันสกปรกมาก และน่าขยะแขยง"ทำอะไรกันน่ะ"เสียงกลุ่มคนของทางการดังขึ้นมาจากด้านหลังของชายหนุ่ม ทำให้พวกเขาสบถด่า แล้วรีบเอามือปิดใบหน้าก่อนจะรีบวิ่งออกไป"ท่านลุง แม่นาง ไม่เป็นไรใช่ไหม""ข้าไม่เป็นไร ข้าขอบคุณพวกเจ้ามาก ที่เข้ามาช่วยข้ากับบุตรสาวได้ทันเวลา ขอบคุณจริง ๆ ""ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ว่าแต่พวกท่านเคยเห็นแม่นางคนหนึ่งที่รูปร่าง

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 42 อย่าทำเลย

    "ท่านพี่ ท่านไปไหนมาหรือเจ้าคะ" เสิ่นเหนียงเหนียงถามสามีที่พึ่งกลับมาเอาตอนมืดค่ำ ยังดีที่รถม้ามีคบเพลิงจึงทำให้นางเบาใจลงมาบ้าง"ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่ไปช่วยคนมาน่ะ"หลี่จงมองไปทางหลี่หลิวที่ยืนอยู่ในมุมมืดเพราะว่าชายเสื้อและกระโปรงของนางเปื้อนไปด้วยเลือดมากกว่าเขาเสียอีก ยิ่งชุดที่นางสวมใส่อยู่นั้นเป็นสีอ่อนเท่าใด มันก็ยิ่งสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เขาจึงต้องชวนเมียรักเข้าไปในบ้าน แล้วไปนั่งที่โต๊ะใหญ่ตรงที่นั่งประจำพร้อมกับกินอาหารที่นางเตรียมเอาไว้ให้ หลี่หลิวเห็นเช่นนั้นนางจึงเดินเข้ามาแล้วขอไปอาบน้ำล้างตัวเสียก่อน หลี่หลิวใช้เวลาช่วงที่ไม่มีใครสังเกตเห็นรีบเดินขึ้นบ้านไปเอาชุดมาเปลี่ยนแล้วรีบไปล้างกลิ่นคาวที่ติดตัวนางออกด้วยสบู่กลิ่นกุหลาบที่นางใช้เป็นประจำ หลี่หลิวนำชุดที่เปื้อนเลือดมาซักด้วยสบู่จนหายคาวแต่ยังคงมีรอยเลือดที่ล้างไม่ออกอยู่บ้าง หลังจากแต่งตัวด้วยชุดใหม่เรียบร้อยแล้วจึงเดินออกจากห้องน้ำมาแล้วนำชุดไปตากหลังบ้าน"ท่านรีบไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวข้าจะเอาชุดนี้ไปซักให้ มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังกันนะ" แม่นางเสิ่นถามไถ่สามีจนรู้เรื่องของแม่นางกงที่มาทำงานได้เพียงสามเดือน โดย

DMCA.com Protection Status