Home / All / ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา / ตอนที่ 8 เจ้าบอกพี่ได้ไหม

Share

ตอนที่ 8 เจ้าบอกพี่ได้ไหม

last update Last Updated: 2024-12-15 11:21:46

หลี่จงนอนไม่หลับกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งสางเขายังคงคิดไม่ตกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับน้องสาว ข้าเห็นเต็มตาทั้งสองข้าง และใช้มือคลำหาตอนที่นางหายไปหากนางหายไปนานกว่านั้นข้ากะว่าจะไปบอกท่านพ่อให้มาช่วยหาเสียแล้ว ทว่านางกลับมาอย่างปลอดภัย เมื่อเห็นน้องรองกลับมาเขาได้แต่นอนตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเสียด้วยซ้ำ นี่ข้ากำลังกลัวน้องสาวตัวเองอยู่งั้นหรือ หลี่จงลุกขึ้นนั่ง และเก็บที่นอนของตนเมื่อรู้ว่าฟ้าเริ่มสางแล้ว หลี่หลิวงัวเงียลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วหาวสองสามที พร้อมบิดขี้เกียจโดยยืดแขนทั้งสองข้าขึ้นเหนือศีรษะ

"เจ้าบอกพี่ได้ไหมว่าเจ้าไปไหนมาเมื่อคืนนี้"

หลี่หลิวที่บิดขี้เกียจอยู่ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหลบตาก้มต่ำมองเท้าตนเองแล้วรีบเก็บแขนลง เมื่อคืนพี่ชายตัวน้อยยังนอนไม่หลับงั้นรึทำเช่นไรดี หลี่หลิวเกิดความประหม่ากระอักกระอ่วนใจ ไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไรดีได้แต่เอามือเล็ก ๆ ที่วางไว้บนตักกำหมัดแน่นจนมือสั่น

"เจ้าไม่ไว้ใจข้าที่เป็นพี่ชายของเจ้างั้นหรือ?" หลี่จงมองออกว่าน้องรองของตนมีเรื่องปิดบัง และไม่ยอมที่จะบอกตนจึงรู้สึกแน่นที่อกและจุกในใจ

"พี่ใหญ่...ท่านเห็นด้วยหรือเจ้าคะ" ในที่สุดหลี่หลิวก็ยอมปริปากออกมา แล้วเงยหน้ามองพี่ใหญ่ที่ขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้า สายตาคู่หนึ่งได้ผสานเข้ากับสายตาที่แหลมคมของหลี่จงพี่ชายคนโต

"อืม ข้าเห็นแล้ว" หลี่จงตอบกลับไปด้วยถ้อยคำที่เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความสงสัยอยู่มากมาย

"ท่าน ไม่กลัวข้ารึ" หลี่หลิวจ้องตาพี่ชายตัวน้อยด้วยสายตาระยิบระยับอย่างคาดหวัง ในเมื่อเขาเห็นข้าหายตัวได้เขาควรหวาดกลัวสิถึงจะถูก แต่นี่เขากลับมานั่งจับเข่าคุยกันกับข้าแบบนี้ เขาช่างเป็นเด็กน้อยที่กล้าหาญอะไรเช่นนี้นะ

"ข้ากลัว กลัวว่าเจ้าจะเป็นอะไรไป ห่วงว่าเจ้าจะบาดเจ็บตรงไหน และกังวลว่าเจ้าจะหายไปแล้วไม่กลับมา"

หลี่หลิวได้ฟังพี่ชายพูดออกมาเช่นนั้นก็น้ำตาคลอแท้ที่จริงแล้วท่านห่วงใยข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ คงเป็นเพราะข้าอยู่ในร่างของน้องสาวท่านท่านจึงคิดแบบนั้น หากรู้ว่าข้าเป็นคนอื่นไปท่านจะต้องเสียใจมาก ๆ เป็นแน่ที่รู้ว่าน้องแท้ ๆ ได้จากไปไม่หวนคืนอีกแล้ว ในเมื่อข้าก็กลับไปไม่ได้ข้าจะเป็นน้องที่ดีให้ท่านเอง หลี่หลิวกระโจนสวมกอดพี่ชายความด้วยรัก จากความรู้สึกลึก ๆ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ได้กลายเป็นครอบครัวที่แท้จริงของนางไปเสียแล้ว

"ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านเป็นกังวล จริง ๆ แล้วตั้งแต่ที่ข้าถูกท่านย่าทุบตีข้าก็ได้รับพรจากสวรรค์มา เมื่อข้าหายตัวไปข้าจะไปโผล่ในกำแพงน้ำ และในนั้นข้าก็ปลูกผักไว้หลายอย่างเลยด้วย"

"เจ้าเข้าไปในกำแพงน้ำอะไรนั่นได้อย่างไร" หลี่จงไม่ได้หัวเราะเพราะไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องตลก แต่เขากลับกลัวว่าหากน้องรองเข้าไปแล้วออกมาไม่ได้อีกจะทำเช่นไร

"ข้าแค่พูดว่า พาข้าเข้าไป ก็ได้แล้ว" พอหลี่หลิวพูดจบสองพี่น้องที่นั่งโอบกอดกันก็หลุดเข้ามิติไปทั้งอย่างนั้น

"ที่นี่หรือที่เจ้าบอกข้า" หลี่หลิวที่ก้มกอดพี่ชายจนไม่ทันได้สังเกตอะไรก็ถึงกับเบิกตากว้าง นี่ข้าพาคนอื่นเข้ามาได้ด้วยงั้นรึ!!

"พี่ใหญ่ ท่านเข้ามาได้อย่างไรหรือเจ้าคะ" หลี่หลิวรีบดีดตัวยืนขึ้นอย่างตกใจจนหัวน้อย ๆ ของนางเสยคางพี่ใหญ่เข้าอย่างจัง

"ซี๊ดดดด นี่เจ้าจะฆ่าข้าปิดปากหรือไงถึงได้ทำกับข้าเช่นนี้"

หลี่จงที่พูดจาทีเล่นทีจริงกับผู้เป็นน้องก่อนจะเอามือกุมคางที่รู้สึกเจ็บแปล๊บแปล๊บ พร้อมกับสำรวจมองซ้ายแลขวาเขาพบว่าที่นี่ฟ้าสว่างมาก แต่ข้างนอกกับยังมืดอยู่เลย

"ข้าไม่ทันระวัง พี่ชายท่านเจ็บมากไหมดื่มน้ำนี่ก่อนเถอะเจ้าค่ะ" หลี่หลิวเดินไปที่บ่อน้ำตักน้ำมาให้พี่ชายตัวน้อยที่นั่งกุมคางแล้วลูบไปมาอย่างน่าสงสารได้ดื่มกิน แต่ทว่าหลี่หลิวกลับไม่รู้เจ็บเลยสักนิดเดียว

"หวานจัง นี่น้ำอะไรรึ?" หลี่จงดื่มน้ำที่น้องสาวถือมาไปอึกนึง ด้วยความหวานนุ่มชุ่มใจ พอกินเข้าไปแล้วเขาค่อย ๆ หายเจ็บปวดไปในไม่ช้า นี่คงไม่ใช่น้ำวิเศษอะไรแบบนั้นหรอกใช่ไหม ความเหนื่อยล้าจากการอดหลับอดนอนก็ค่อย ๆ มลายหายไปกลายเป็นความกระฉับกระเฉงแทน

"ข้าก็ไม่รู้หรอก แต่กินได้นะ แถมรดน้ำผักก็ทำให้ผักโตไวขึ้นได้ด้วย" หลี่หลิวนั่งลูบคลำผักพวกนั้นอย่างกับว่าพวกมันเป็นของมีค่า

"ผักพวกนี้เจ้าพึ่งไปซื้อมาไม่กี่วันก่อนใช่หรือไม่" หลี่จงมองดูผักที่โตเต็มวัยพร้อมที่จะผลิดอกออกผลได้ในไม่ช้าด้วยความอยากรู้

"ใช่แล้วล่ะ ข้าซื้อมาพร้อมกับตุ่มน้ำนี่"

หลี่หลิวชี้ไปที่ตุ่มน้ำขนาดกลางข้าง ๆ กับบ่อน้ำ หลี่จงเดินไปดูที่ตุ่มน้ำปรากฏว่ามีน้ำอยู่ไม่มาก พอน้องสาวบอกว่านางพยายามจะตักน้ำใส่ให้เต็มเพื่อเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ท่านพี่ก็จะอาสาช่วย แต่นางบอกว่าอยู่นานกว่านี้ไม่ได้แล้วเดี๋ยวท่านพ่อจะรอนาน หลี่จงจึงบอกว่างั้นเราออกไปก่อนช่วงไหนว่างงานเขาจะมาช่วยตักน้ำใส่ตุ่มให้

"พาข้าออกไป" หลี่หลิวออกมาจากมิติแต่กลับไม่เห็นผู้เป็นพี่จึงรีบกลับเข้าไปข้างในอีกที นางสรุปได้ความว่า หากจะพาใครเข้าออกนางต้องแตะต้องตัว หรือสัมผัสคน ๆ นั้นด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะถูกทิ้งไว้ข้างในนั้นเหมือนกับพี่ชายตัวน้อยเอาได้

"เมื่อครู่ข้าใจหายใจคว่ำ นึกว่าข้าเข้าไปด้านในกำแพงน้ำได้แต่กลับออกมาไม่ได้เสียแล้ว" หลี่จงวางมือทาบหน้าอกทิ้งตัวนั่งลงหายใจถี่ด้วยความตกใจ

"ข้ารู้แล้ว ๆ คราวหน้าข้าจะจับมือท่านให้ดี ๆ" หลี่หลิวขำกลิ้งที่เห็นพี่ชายยืนหน้าเหวอหวาอยู่ข้างในมิติ พอออกมาได้เขาถึงกับเข่าทรุดเลยทีเดียว

"ยังดี ๆ ที่ข้าออกมาได้" หลี่จงหัวเราะในลำคอแห้ง ๆ พร้อมกับยิ้มแก้มปริ แล้วก็อดขำไม่ได้ว่าตนร้อนรนเพียงใดในข้างในนั้น

"พี่ใหญ่พวกท่านขำอะไรกันหรือ" หลี่เฉินขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่งทั้งที่ตายังปิดอยู่ ได้แต่เอ่ยถามอย่างสงสัยเหมือนคนละเมอ

"ข้าก็ขำที่เจ้านอนน้ำลายไหลเช่นนั้นไงล่ะ" หลี่หลิวหยอกล้อกับน้องเล็ก และคงยังกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง

"เอาเถอะ ๆ ไม่คุยกับเจ้าแล้ว รีบไปล้างหน้าล้างตากันได้แล้ว"

หลี่จงเห็นน้องสาวที่เส้นตื้นของตนไม่ยอมหยุดหัวเราะเสียทีจึงพูดตัดบทไปแล้วพาน้องเล็กเดินออกไปล้างหน้าล้างตา หลี่หลิวเห็นเช่นนั้นก็รู้ว่าตนทำเกิดกว่าเหตุ แต่จะทำเช่นไรได้ก็มันหยุดไม่ได้นี่เนาะ พอนางทำใจได้แล้วก็ตามออกไปล้างหน้าล้างตาทีหลัง ทว่าบนใบหน้านางยังมีความสุขหลงเหลืออยู่

"เล่นอะไรกันแต่เช้ามืดเช่นนี้ พ่อได้ยินเสียงดังมาถึงนี่เลย"

เมื่อเห็นเด็กน้อยทั้งสามเดินออกันมาหลี่หงจึงถามขึ้น

"ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ" หลี่หลิวคลี่ยิ้มบาง ๆ ด้วยใบหน้าเล็ก ๆ

"ดีแล้วดีแล้ว งั้นก็รีบไปหาข้าวปลากินกันเสีย กินเสร็จจะได้ไปในเมืองกัน" หวังลู่เตรียมน้ำ และอาหารใส่กระบอกเผื่อลูก ๆ จะหิวกระหายระหว่างทาง ท่านแม่ตื่นก่อนใครเตรียมอาหารเช้าจนเสร็จช่วงฟ้าสาง ทุกคนนั่งเก้าอี้กินข้าวจนอิ่ม ท่านแม่ยืนส่งหน้าบ้านเมื่อทั้งสี่พ่อลูกจากไปแล้วก็กลับไปเก็บโต๊ะล้างจาน

"น้ำในบ่อปลาของหลี่หลิวเริ่มเต็มสระแล้วตอนนางกลับมาคงดีใจไม่น้อย"

หวังลู่เดินดูรอบ ๆ บ้าน นางถางหญ้าที่ขึ้นใหม่เพราะได้น้ำฝนยามค่ำคืน ก่อนที่จะเริ่มทำแปลงผักทางด้านขวาข้าง ๆ บ้านที่มันว่างอยู่ให้กับลูกสาว ฝั่งทางด้านซ้ายหน้าบ้านมีแปลงมันหวานอยู่สองแปลงนางเดินดูก็รู้ว่ามันแก่ดีแล้ว ไว้ตอนเด็ก ๆ กลับมาค่อยรอขุดหัวมันพร้อมกันคงจะดีไม่น้อย นางหวังก้มหน้าก้มตาพรวนดินทำแปลงผักไปสามสี่แปลงที่ยาวกว่าสิบเมตร และกว้างมากกว่าหนึ่งวาเรียงกันสามสี่แถว นางมองดูผลงานที่ตนลงแรงไปอย่างพึงพอใจก่อนจะไปล้างมือล้างหน้า แล้วนั่งพักหน้าบ้านให้หายเหนื่อย หากว่าคิดที่จะปลูกผักที่ขาดไม่ได้เลยคงเป็นมูลสัตว์ นางหวังจำได้ว่าท่านป้าฉวีเลี้ยงควายไว้สองสามตัวเพื่อไถนา เอาไว้ค่อยไปขอซื้อมูลสัตว์จากพวกท่านสักหนึ่งคันรถลากมาเก็บไว้ให้บุตรสาว เพื่อที่นางจะได้เอาไว้ใช้ในภายหลัง

หลี่หลิวกับหลี่เฉินกระซิบกระซาบคุยกันเรื่องม้าที่วาดฝันไว้มาพักใหญ่ก่อนที่จะถึงในเมือง รอบนอกตัวเมืองนั้นเต็มไปด้วยบ้านปูนหลังใหญ่หลังเล็กสลับกันไปมา พอเข้าไปในใจกลางเมืองก็มีย่านค้าอยู่สองสามสาย ผู้คนที่อาศัยอยู่แถวใจกลางเมืองจะเป็นผู้ดีตีนแดงมีรากเหง้ามาจากตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงอีกที การเดินทางค่อนข้างติดขัดเล็กน้อยเมื่อเข้ามาในตรอกซอยย่านการค้า ท่านพ่อเดินเข็นรถลากไปแล้วแวะถามทางไปยังที่ค้าสัตว์ของเมืองเพื่อที่จะไปเลือกซื้อม้า ปรากฏว่าต้องเดินไปทางรอบเมืองตรงข้ามกับฝั่งทางเข้าซึ่งดูแล้วมันอีกไกลพอควร หลี่หลิวจึงขอให้ท่านพ่อพาไปเดินเลือกดูเครื่องปรุงใหม่ ๆ และผักผลไม้ด้วยสักหน่อย ค่อยไปเลือกดูม้าแล้วกลับบ้านทีเดียวเลย

"น้ำมันมะพร้าว กับน้ำมันมะกอก รวมทั้งน้ำมันกุหลาบนี่ข้าเอาอย่างล่ะขวด"

เมื่อเถ้าแก่บอกราคาที่ต้องจ่ายท่านพ่อก็ทุกข์ใจที่ต้องเสียมากกว่าสามร้อยอีแปะ ถึงจะได้เงินจากการขายอาหารเช้ามาบ้างแต่ก็ไม่มากถึงเพียงนี้ เรียกได้ว่าใบหน้าเขาตอนนี้หม่นหมองเอามาก ๆ เลยทีเดียว

หลี่หลิวมองไปรอบ ๆ หลายร้านกลับพบว่ายังไม่มีร้านไหนเลยที่ขายสบู่ หรือทำสบู่เหลวออกมาวางขาย อาบน้ำเสร็จก็ใช้เพียงน้ำมันหอมทาตามผิวเพื่อให้มีกลิ่นกาย หากอยากสะอาดหน่อยใช้กุหลาบหรือสมุนไพรแช่ตัวในน้ำอุ่นถึงจะดี ในชนชั้นกลาง และชนชั้นสูงทำกันเช่นนี้นี่ก็ถือว่าหรูหรามากแล้ว อย่าว่าแต่สบู่สักก้อนเลยแม้แต่ครีมทาผิวยังไม่มีเสียด้วยซ้ำ การจะบำรุงผิวหน้าทำได้แค่ใช้นมผสมไข่ขาวเพื่อให้ความชุ่มชื่นได้เพียงเท่านั้น เมื่อนางถามหลาย ๆ ร้านในการอาบน้ำล้างตัวส่วนใหญ่ก็จะตอบมาเป็นเสียงเดียวกัน มีเพียงดอกไม้แห้ง และน้ำมันหอมเท่านั้นที่ถือว่าขายดีเป็นที่สุด และราคามันก็ไม่ใช่เล่น ๆ ดูจากหน้าท่านพ่อที่ซีดเซียวนางก็พอจะเข้าใจแล้ว

หลี่หลิวเดินไปหยุดลงตรงหน้าร้านหินโม่แป้งท่านพ่อก็รู้ชะตากรรมของตนเองทันที ได้แต่ปาดเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลบากหน้าอย่างห่อเหี่ยว หลี่หลิวได้เครื่องโม่แป้งสมใจ และไปที่ร้านขายสมุนไพรต่อนางได้ขอซื้อต้นว่านหางจระเข้มาสองต้นในราคาห้าอีแปะ ขี้ผึ้งห้าสิบอีแปะ ขมิ้นอีกสิบอีแปะ แถมยังแวะซื้อต้นกุหลาบแดง และต้นมะพร้าวมาอีกอย่างละสามต้น พอถึงตอนนี้ท่านพ่อก็เริ่มอยู่ไม่สุขอีกต่อไป จึงรีบเร่งพานางไปดูม้าจะได้รีบกลับบ้านเสียที ตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่กระจิตกระใจที่จะไปเลือกม้าอีกแล้ว หากเป็นไปได้อยากจะลากพวกเด็ก ๆ กลับบ้านเสียตอนนี้เลยก็ว่าได้

"ท่านพ่อเราซื้อม้าตัวใหญ่เลยมิได้หรือขอรับ" หลี่เฉินใช้มือลูบม้าสีขาวตัวใหญ่ที่แลดูองอาจอย่างพึงพอใจ แต่ท่านพ่อกลับให้เลือกซื้อม้าตัวเล็กกว่าที่อายุได้เพียงสามปีเท่านั้น หลี่หลิวมองหน้ากันกับพี่ชายอย่างเข้าใจ หากอยากได้ม้าที่เชื่อฟัง และคุ้นเคยกับเราเราต้องค่อย ๆ เลี้ยง และทำความเข้าใจกับมันก่อนหากสักแต่จะซื้อไปแล้วเกิดมันพยศขึ้นมาเราจะควบคุมมันได้ลำบาก

"พี่ว่าเจ้าสองตัวนี้ดูดีทีเดียว" หลี่หลิวและพี่ใหญ่ ลูบคลำม้าสีน้ำตาลดำแดงที่ยืนคลอเคลียกับหลี่หลิวอยู่ไม่รู้ว่าใครปล่อยหลุดออกมา ปกติแล้วเขาต้องใส่ไว้ในคอกอย่างดีแล้วมัดเชือกไว้อย่างแน่นหนาไม่ใช่หรือ หลี่หลิวได้แต่คิดในใจ เพราะม้าที่ราคาแพงเช่นนี้ใครกันเล่าที่จะปล่อยให้พวกมันวิ่งพล่านไปมา

"เจ้าสองตัวนี้มาจากไหนหรือขอรับ ดูท่าทางมันชอบพี่รองมากเลยนะขอรับดู สิมันเลียมือของข้าด้วยล่ะ" ในที่สุดน้องเล็กก็หันมาให้ความสนใจกับม้าที่อายุน้อยเสียที จะว่าไปใครกันนะที่ปล่อยพวกมันออกมาเช่นนี้

"นั่นไง ข้าเจอแล้ว" ลูกน้องสองคนรีบวิ่งหน้าตั้งเมื่อรู้ว่าม้าที่หายไปถูกหาเจอแล้ว หากทำม้าหายสักตัวปีนั้นทั้งปีคงได้แต่ทำงานชดใช้หนี้แต่เพียงอย่างเดียว อย่าได้คาดหวังถึงเงินเก็บเงินใช้ภายในปีนั้นเลย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะใช้หนี้ครบเสียด้วยซ้ำ

"มันหลุดออกมาได้เช่นไร ไปเร็วรีบกลับเข้าไปที่คอกของเจ้า" ชายฉกรรจ์สองคนยกแส้ม้าขึ้นมาหวังจะหวดพวกมัน แต่ได้หลี่หลิวห้ามไว้

"หยุดมือเถอะท่านทั้งสอง ข้าสนใจม้าสองตัวนี้พอดีขอทราบรายละเอียดได้หรือไม่"

ม้าสองตัวเหมือนรู้งานมันรีบเดินไปหลบหลังหลี่หลิวและหลี่จง แต่ก็ใช่ว่ามันจะหลบพ้นเพราะพวกมันตัวโตอยู่มากพอควร มันชะเง้อคอออกมาคอดูสองชายฉกรรจ์อย่างหวาดกลัว สงสัยพวกมันคงโดนทำโทษอยู่บ่อยครั้งเพราะความซุกซนเป็นแน่

"แม่นางน้อยท่านสนใจม้าสองตัวนี้หรือขอรับ" เมื่อได้ยินว่ามีคนต้องการจะซื้อม้าของพวกเขา ท่าทีที่แข็งกร้าวเมื่อครู่ก็อันตรธานหายไป จะเหลืออยู่ก็เพียงแต่พ่อค้าใจดีที่คอยอธิบายให้ครอบครัวหลี่ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

"นี่คือม้าพันธุ์อารเบียน เป็นม้าเลือดร้อนที่มีถิ่นกำเนิดจากแหล่งพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง จึงทำให้ร่างกายกำยำ รูปร่างสูงโปร่ง อีกทั้งยังมีความแข็งแรงอีกด้วย เป็นพันธุ์ม้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เมื่อมันโตขึ้นสีของมันจะเข้มขึ้นอีกเล็กน้อย เหมาะแก่การเดินทางไกลแถมสามารถลากรถลากได้เป็นอย่างดีเลยล่ะขอรับ ท่านลูกค้านี่ตาถึงมากจริง ๆ นะขอรับ" ชายฉกรรจ์คนหนึ่ง วางมือประสานกันอย่างนอบน้อมได้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ ผิดกับรูปร่างที่กำยำแถมยังถ่อมตนมากเสียอีก

หลี่หงยืนฟังอยู่ครู่หนึ่งเห็นว่าบุตรสาวบุตรชายต่างเข้ากับมันได้ดีจึงตกลงซื้อมันมาในราคาสองตำลึงเงิน คราวนี้แข้งขาของเขาอ่อนแรงแล้วจริง ๆ โชคดีที่ม้าสองตัวนี้เคยฝึกลากรถมาบ้าง ทางร้านค้าสัตว์มาทำสัญญาซื้อขายเป็นที่เรียบร้อย และยังช่วยใส่รถลากเข้ากับม้าให้อีกด้วย

"เจ้าตัวเล็ก ข้าอายุมากกว่าเจ้าถึงเจ้าจะตัวโตสูงใหญ่กว่าข้าก็ตาม จากนี้ไปเจ้าต้องเชื่อฟังที่ข้า และท่านพ่อบอกเข้าใจใช่หรือไม่"

หลี่หลิวแอบเข้าไปในมิติแล้วตักน้ำใส่ขันมาให้พวกมันได้ดื่มกินก่อนออกเดินทาง และพูดกับพวกมันอย่างกับว่าพวกมันฟังรู้เรื่อง ทว่าพวกมันก็ได้แต่ร้อง ฮี่ ฮี่ ขานรับจนน่าเอ็นดู

"ว้าว พี่รองท่านทำเช่นไรม้าสองตัวนี้ถึงได้เชื่อฟังท่านพี่ได้กันล่ะขอรับ" หลี่หลิวคลี่ยิ้มแล้วเอามือน้อย ๆ ลูบหน้าม้าทั้งสองตัวก่อนจะขึ้นนั่งรถลาก ท่านพ่อเคยขับรถลากม้ามาบ้างแล้วจึงค่อย ๆ ดึงเชือกให้พวกมันเดินช้า ๆ ตามทาง และมุ่งหน้าไปประตูหลักที่พวกเขาผ่านมา ระหว่างออกจากเมืองมาม้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วเช่นนี้ไม่นานคงได้ถึงหมู่บ้านเป่ยหนาน ซึ่งเป็นเขตชุมชนที่หลี่หลิวอาศัยอยู่

"ท่านพ่อ ๆ เราต้องขับรถลากนี่ผ่านทางเข้าหมู่บ้านด้วยหรือขอรับ ถ้าหากท่านย่าผ่านมาเห็นเข้าเราจะโดนท่านย่าเอ็ดหรือไม่ที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย" หลี่เฉินนั่งข้างบิดาที่กำบังเหยียนม้าอยู่ถามขึ้นด้วยความสงสัย

"จะไปยากเย็นอะไรล่ะ พอผ่านชุมชนก็เร่งความเร็วหน่อยท่านย่าก็จะตามด่าไม่ทันแล้ว" หลี่หลิวนั่งอิงด้านซ้ายของรถลากแล้วคอยประคบประหงมขวดน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆ ของนาง และแสดงสีหน้าทะเล้นใส่เจ้าเล็กที่ใช้แขนกอดตัวท่านพ่อแล้วเอียงตัวกลับมาเพื่อฟังพี่รองตอบ เขาแลบลิ้นใส่พี่รองก่อนจะหันไปมองทางที่ม้าควบไป

"หึ แล้วถ้าท่านย่าออกมาหาเราที่กระท่อมล่ะจะทำเช่นไร" เจ้าตัวเล็กหมั่นไส้พี่สาวแต่ทำอันใดไม่ได้จึงถามคำถามที่ตอบยากหน่อยกับนาง เมื่อหลี่หงได้ยินเช่นนั้นก็คิดหนักเช่นกัน ทางที่ตัดผ่านไปยังกระท่อมได้ยังไงเสียก็ต้องผ่านหน้าบ้านท่านพ่อไปอยู่ดี ยังดีที่ตลาดเช้าไม่เจอพวกสะใภ้ใหญ่ไปจ่ายตลาดเลยสักครั้ง แต่หากท่านแม่จะไปที่กระท่อมจริงพวกเราลูกหลานก็ทำได้เพียงต้อนรับขับสู้เพียงเท่านั้น

"หากท่านย่ามาแล้วเจ้าจะต้องกลัวไปใย เงินนี่ท่านปู่เก็บเล็กผสมน้อยแถมยังมอบให้ท่านพ่อของเราด้วยตนเอง เราจะใช้สอยเช่นไรมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับครอบครัวนั้นอีกต่อไป เหมือนกันกับที่ลุงเล็กย้ายออกไปนั่นแหละ"

เมื่อได้ฟังเช่นนั้นหลี่หงก็ดึงสติตัวเองกลับมา เขารีบสลัดความคิดแง่ลบออกไปให้หมด มันจริงอย่างที่บุตรสาวของเขากล่าว ว่าเราย้ายออกมาแล้วจะใช้ชีวิตเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราถึงจะปวดใจมากที่เสียเงินไปมากกว่าสองตำลึงเงิน แต่นับประสาอะไรกับการเดินทางไปมาอยู่บ่อยครั้งมันก็คุ้มค่าที่ซื้อมาแล้ว

Related chapters

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 9 พวกอกตัญญู

    เมื่อรถม้าวิ่งผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหลี่หงรู้สึกเย็นหลังวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก รถลากวิ่งผ่านชุมชนออกมาทางไร่นาไม่นานก็ถึงกระท่อมปลายนาของพวกเขาหลี่หงกลั้นหายใจไปตั้งหลายครั้งเมื่อรถม้าวิ่งเข้าไปในเขตชุมชนยังดีที่ชาวบ้านไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ส่วนบ้านท่านย่าก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ทำให้เขาโล่งอกเป็นอย่างมาก"มากันแล้วรึ" หญิงวัยกลางคนตะเบ็งเสียงออกมาเมื่อเห็นรถม้าเข้ามาตรงลานบ้าน"ท่านแม่..." หลี่หงเรียกผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงกร่อย ๆ แล้วมองไปยังพี่สะใภ้ใหญ่ที่นั่งไขว่ห้างรอเขาอยู่ชายคาข้างบ้านด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว ตั้งแต่ที่ย้ายออกมาเขาใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างสงบสุขมาโดยตลอด ไม่คาดคิดมาก่อนว่าท่านแม่ และพี่สะใภ้ใหญ่จะบุกมาถึงที่กระท่อมซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเขาเช่นนี้หลี่หงมองไปยังภรรยาของเขาที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นหญ้าใบหน้างามดูหดหู่ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ นางคงถูกท่านย่าดุด่าไปไม่น้อยหลี่หงรีบกระโจนลงจากรถม้าแล้วรีบเดินไปพยุงภรรยาตนให้ลุกจากพื้นดิน ก่อนก้มหัวทำความเคารพให้ท่านแม่ของตนอย่างสุภาพ ถึงแม้ว่าท่านจะทำหน้าบูดบึ้งเพียงใดก็ตาม หลี่จงเห็นเช่นนั้นรีบกระโดดลงจากรถม้า และเดินไปลู

    Last Updated : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 10 ข้าสบายใจแบบนี้มากกว่า

    ตะวันคล้อยทุกคนกลับถึงบ้านหลังจากทำหน้าที่ของตนจนเสร็จ หลังจากนั้นก็ล้างเนื้อล้างตัว และกินข้าวปลากันก่อนจะแยกย้ายกันเข้าหลับนอนตอนกลางวันได้ทั้งปลา หน่อไม้ รวมทั้งหอยโข่งตัวอวบอ้วนที่พี่ใหญ่กับท่านแม่งมกลับมา แล้วต้มหั่นไว้รอจนเสร็จสรรพให้อย่างดิบดี หลี่หลิวเองก็คิดไว้แล้วว่าจะทอดปลาทั้งตัวไปขายเพิ่มอีกหนึ่งเมนู แล้วใช้ใบบัวที่นางเก็บมาใส่เป็นภาชนะแทนกระบอก เพราะกระบอกไม้ไผ่มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนักมันจึงไม่สามารถใส่ปลาที่มีขนาดครึ่งโลลงไปได้วันนี้ท่านแม่โชคดีมากเลยทีเดียว นางตกปลาครั้งแรกก็ได้ปลามามากกว่าสามสิบตัว หลี่หลิวได้นำปลามาปล่อยลงสระที่นางเอารากบัวมาปลูกไว้ แถมนางยังใส่น้ำในมิติลงไปมากกว่าครึ่งถัง หลังจากที่ใส่น้ำในมิติลงไปได้ไม่นานปรากฏว่าต้นบัวก็เริ่มออกยอดแตกกิ่งโผล่ใบมามากมาย แถมน้ำยังใสสะอาดไม่ขุ่นมัวเหมือนก่อนหน้านี้ พอนำปลาตัวเล็กที่ตกได้มาหกเจ็ดตัวเทลงไปในน้ำ พวกมันก็ว่ายวนไปมาสำรวจที่อยู่อาศัยใหม่ราวกับว่ามันชอบที่นี่เป็นอย่างมาก ท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียวของพวกมันทำให้หลี่หลิวภูมิใจไม่น้อย"ดูท่าพวกเจ้าจะรอดแล้วล่ะนะ อย่าลืมออกลูกหลานให้ข้าเยอะ ๆ หน่อยล่ะ" หลี่หลิว

    Last Updated : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 11 พี่ชายกางปีก

    ผู้ชายคนนี้พอฟื้นขึ้นมาก็ฉวยโอกาสหน้าม่อใส่น้องสาวข้า เขาช่างกล้าพูดหลอกล่อน้องสาวของข้า คงคิดว่าจะไม่มีใครได้ยินคำพูดเสเพลของเขาหรือเช่นไร หลี่จงอยากจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ เมื่อผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นกล้าที่จะขอหมั้นหมายกับน้องของเขา ทั้งที่พึ่งเจอกันครั้งแรกแท้ ๆ ยังมีคนหน้าไม่อายเช่นนี้อยู่อีกหรือ น้องข้าพึ่งจะหกขวบเศษ ๆ แต่เขากล้าที่จะคิดกับนางเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าต้องคอยจับตาดูเขาไว้ให้ดีเสียแล้ว"เจ้าคือ?" สือไท่มองไปยังเด็กหนุ่มที่ร่างผอมบางอย่างสงสัยทว่าหลี่จงกลับไม่ตอบเขาแม้แต่คำเดียว เขาลุกขึ้นด้วยใบหน้าขึงขัง คางน้อย ๆ ขบกรามเกร็งแน่น ดวงตาคมกริบปรากฏแววดุดัน เขาเดินเข้าห้องพักของตนไปโดยไม่พูดจากับข้าเลยสักคำสือไท่รับรู้ถึงความรู้สึกกดดันจากเด็กหนุ่มที่มันทะลักออกมาจนเขารู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว เด็กคนนี้แววตาน่ากลัวเสียจริง คราวหน้าข้าต้องมองให้ดีก่อนที่จะพูดคุยกับแม่นางน้อยคนนั้นเสียแล้ว"เจ้าอย่าได้ไว้ใจชายหนุ่มจากเมืองหลวงเชียวนะ" หลี่จงใบหน้าบึ้งตึงเดินเข้าห้องมาด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก"ท่านหมายถึงชายหนุ่มที่ได้รับบาดเจ็บนั่นน่ะหรือ" หลี่หลิวมองแวบเดียวก็รู้ว่าท่านพี่โกรธเคือ

    Last Updated : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 12 พวกเจ้าอย่าสร้างปัญหา

    หลี่ไช่หัวยืนดูอยู่พักหนึ่งก็ทนรอไม่ไหว จึงเดินอ้อมไปด้านหลังร้านที่ครอบครัวของหลี่หลิวกำลังตั้งแผงขายของอยู่ด้วยความหงุดหงิด มันจะอะไรกันนักกันหนาแค่จะเข้าไปดูสักหน่อยว่าพวกเขาขายอะไรกัน ทำมาเป็นต้องต่อแถวเรียงคิว เหตุใดเจ้ารองต้องทำให้เรื่องมันวุ่นวายด้วย"เจ้ารอง!!"ด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของหลี่ไช่หัวทำให้ครอบครัวของหลี่หงหันหลังกลับไปดูรวมทั้งสือไท่ ท่านย่าผู้นี้ไม่รู้เวล่ำเวลาเอาเสียเลย นางส่งเสียงดังกึกก้องเหมือนไปกินรังแตนมา จนลูกค้าที่มุงต่อแถวกันหันไปมองนางอย่างสงสัยว่ายายแก่นี่เป็นอันใด"ท่านแม่..." หลี่หง และหวังลู่ก้มหัวทำความเคารพนางอย่างจนใจ ท่านแม่จะพูดดีดีก็ได้เหตุใดต้องทำเสียงดังให้ผู้คนหันมาสนใจกันด้วยนะ หวังลู่ได้แต่คิดอย่างจนใจ"เหอะ! พวกเจ้าทำอะไรมาขายล่ะ เจ้าไม่คิดจะให้แม่ผู้แก่ชราคนนี้ได้กินบ้างหรือ" หลี่ไซ่หัวได้กลิ่นที่ชวนหิวจนท้องใส่ปั่นป่วนจึงตะเบ็งเสียงถามอย่างไม่พอใจนักเห็นข้าแล้วแทนที่จะเรียกข้า และรีบตักอาหารให้ แต่นี่อะไรทำมาเป็นตกใจเหมือนเห็นผี แถมสะใภ้รองหันมาทำเป็นก้มหัวให้หน่อยเดียวก็รีบหันกลับไป หรือนางไม่เห็นหัวหงอกหัวดำเช่นข้าอยู่ในสายตาของนา

    Last Updated : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 13 รูปลักษณ์ภายนอก

    เมื่อขนของขึ้นรถม้าหมดแล้วการเดินทางครั้งนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้นเสียที หลี่หง และครอบครัวกล่าวลาท่านลุงฉวี และไม่ลืมขอบคุณที่ท่านคอยช่วยเหลือนับตั้งแต่ที่พวกเขาได้ย้ายเข้ามาอยู่ในที่แห่งนี้ หลี่เฉินถึงกับน้ำตาคลอเมื่อต้องจากเพื่อน ๆ ไป เขาเพิ่งได้มีเพื่อนที่รู้ใจแต่ต้องล่ำลากันเสียแล้ว ทำให้ใบหน้าน้อย ๆ ของเขาดูเหงาหงอยอย่างชัดเจน"ไว้พวกข้าโตแล้ว จะต้องไปเที่ยวหาเจ้าอย่างแน่นอน" หลานคนโตของลุงฉวีปลอบใจหลี่เฉินจนเขายิ้มตาหยีน้ำตาคลอ แถมยังเกี่ยวก้อยสัญญาว่าจะเจอกันเมื่อโตขึ้น"ข้าไปก่อนนะ พวกเจ้ารับปากข้าแล้วต้องไปหาข้าให้ได้นะ"หลี่เฉินโบกมือลาเพื่อน ๆ แล้วตะโกนเสียงดังจนหลี่หลิวต้องเอามืออุดหูไว้ทั้งสองข้าง เสียงเล็ก ๆ ใส ๆ แหลม ๆ ของเด็กน้อยช่างทรงพลังยิ่งนัก ทำให้นางหวังที่ไม่ได้อุดหูบัดนี้ในหูได้ยินเสียงวิ้ง ๆ อยู่พักใหญ่ หลี่เฉินเกาะขอบรถม้ามองดูเพื่อนสองคนที่กระโดดโบกมือไปมาด้วยใจที่อ่อนแรง ทำให้ท่านแม่ที่นั่งอยู่บนรถม้าของเฟยอี้และเฟยเหยียนรู้สึกใจแป้วขึ้นมาด้วยเช่นกัน"เจ้าเลิกทำหน้าตาล่ะห้อยเสียที ข้าเห็นแล้วไม่เจริญหูเจริญตาเอาเสียเลย เราจะไปสร้างถิ่นฐานใหม่ไม่ได้ไปแล้วไปลับซะ

    Last Updated : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 14 ถึงเสียที

    เมื่อแสงแรกโผล่พ้นขอบฟ้าหลี่หลิวทำเนื้อผัดหน่อไม้ และผัดผักหนามใส่ไก่ ดีที่ตอนกลางวันนางแอบเอาของมาใส่ไว้ในมิติข้าวของทุกอย่างจึงยังสดใหม่ ข้าวสวยร้อน ๆ ที่พึ่งหุงจนขึ้นหม้อหอมตลบอบอวลไปทั่ว แถมกลิ่นอาหารที่หลี่หลิวทำนั้นมันช่างเย้ายวนใจ และกระตุ้นความหิวได้เป็นอย่างดี ข้าวถูกหุงเต็มหม้อใหญ่เพราะหลี่หลิวบอกว่าจะได้กินมื้อเที่ยงได้อย่างสะดวกขึ้น ถังไม้ที่นำมาด้วยมากกว่าสี่ถังถูกเติมเต็มด้วยข้าวไปแล้วหนึ่งถังใหญ่"ขอบคุณครอบครัวผู้ว่าจ้างมาก ๆ นะขอรับ สำหรับการดูแลพวกเรา และม้าสองตัวนี่" เฟยอี้กับเฟยเหยียนโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง"ท่านชอบก็ดีแล้ว อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องปกติที่สมควรทำมิใช่หรือ" หลี่หงยกมือห้ามปรามพวกเขาก่อนจะพูดไป มันเป็นเรื่องเล็กน้อยทั้งนั้น และมันก็เป็นสิ่งที่ดีที่พวกเขาได้กินอิ่มนอนหลับ เพราะนั่นยิ่งจะทำให้ครอบครัวของตนเดินทางได้เร็วยิ่งขึ้น"ยังไงพวกข้าก็ต้องขอบคุณจริง ๆ ที่ผ่านมาไม่เคยมีนายจ้างแบบพวกท่านเลยนะขอรับ" นายจ้างที่พวกเขาเคยรับงานที่ผ่านมาล้วนมีแต่รีบเร่งเดินทาง ส่วนเวลาพักผ่อนก็เป็นพวกเขาที่ต้องคอยผลัดเปลี่ยนกันเฝ้ายาม เรื่องอาหารการกินยิ่งแล้วไปกันใหญ่ วัน

    Last Updated : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 15 อาหารที่ถูกปาก

    บ่ายวันนี้แดดแก่ ๆ ช่างร้อนอบอ้าวเหลือเกินถ้าได้ฝนตกลงมาเวลานี้คงจะดีมากไม่น้อย คนงานจากร้านสือคงกับพี่น้องเฟย และครอบครัวของหลี่หลิวรีบเร่งช่วยกันทำความสะอาดบ้าน เพื่อให้พวกเขาได้มีที่พักในค่ำคืนนี้ พวกฝุ่นหยักไย่ที่หนาเตอะถูกปัดกวาดเช็ดถูจนสะอาดเอี่ยมอ่องทุกซอกทุกมุม แม้แต่ผ้าม่านที่นอนหมอนมุ้งที่เก่าและทรุดโทรมก็ถูกเก็บกวาดออกมาเผาทิ้งจนหมด โต๊ะเตียงนอนถูกนำมาจัดใส่เข้าใหม่เพื่อให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากขึ้น ประตูหน้าต่างทุกบานถูกเปิดออกเพื่อรับลม และแสงแดด อีกทั้งมันทั้งยังฆ่าเชื้อโรค และไรฝุ่นไปในตัว พอทำความสะอาดจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่หลิวไล่เดินดูตั้งแต่ชั้นบนลงมาชั้นล่าง ชั้นบนมีห้องขนาดใหญ่อยู่หนึ่งห้อง มีห้องเล็กอีกสองห้องมีขนาดความกว้างสิบเมตร ยาวสิบเมตร แต่ล่ะห้องมีหน้าต่างบานไม้ทุกห้อง และยังมีโต๊ะเตียงนอนที่กว้างขนาดหกฟุต มีห้องนั่งเล่นมุมระเบียงที่ยื่นออกมารับลมชมดาวที่กว้างห้าเมตรยาวเจ็ดเมตร ซึ่งอยู่ด้านหลังมันสามารถมองเห็นพื้นที่ทำการเกษตรได้เป็นอย่างดีห้องใหญ่สุดถูกมอบให้ท่านพ่อกับท่านแม่ซึ่งเมื่อเดินขึ้นบันไดมาจะพบเจอเป็นห้องแรก ห้องตรงกลางเป็นของพี่ใหญ่

    Last Updated : 2024-12-15
  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 16 ใช้ไม่ได้

    วันรุ่งขึ้นครอบครัวหลี่หลิวตื่นค่อนข้างสายเพราะที่นอนนุ่มนิ่ม และผ้าห่มที่เย็นสบาย ทำให้พวกเขาไม่อยากตื่น แต่เจ้าม้าตัวดีก็คอยส่งเสียงร้องเรียก ก่อนที่ตะวันจะขึ้นจนทำให้ทุกคนต้องตัดใจลุกออกจากที่นอนอย่างไม่ค่อยพอใจนัก"เดี๋ยวข้าไปดูเจ้าเสี่ยวเฮยกับเจ้าเสี่ยหวงเอง เจ้าไปคอยช่วยท่านแม่ในครัวเถอะ"หลี่หลิวเปิดประตูออกจากห้องมาก็เห็นพี่ชายกำลังปิดประตูห้องที่แง้มออกมาเล็กน้อย แล้วบอกให้นางไปช่วยงานครัวกับท่านแม่ ส่วนเขาจะไปดูเจ้าม้าที่ร้องเหมือนไก่เสียหน่อย ไม่รู้ว่าพวกมันจะรีบตื่นอะไรกันนักหนา"น้องเล็กล่ะ" หลี่หลิวถามหาเจ้าเล็กที่เริ่มจ้ำม่ำขึ้นทุกวัน แก้มแดงยุ้ย ๆ และผิวขาวเหลืองของเขาทำให้ใครที่ได้เห็นก็อยากจะสัมผัสความนุ่มละมุนของมัน"น้องเล็กของเราคงเพลียมาก ปล่อยเขานอนต่ออีกหน่อย นอนป่า นอนเขา มาหลายวันแล้วให้เขาได้พักอย่างเต็มที่เถอะนะ เขาจะได้มีแรงกลับมาวิ่งเล่น" พี่ใหญ่ตอบพร้อมกับอ้าปากหาวหวอด ๆ ทำให้หลี่หลิวที่มองเขาอยู่พลอยหาวตามจนน้ำตาเล็ดอันที่จริงข้าก็อยากพักเหมือนกันนะ เหตุใดข้าต้องมาเกิดเป็นพี่รองด้วย ข้าก็อยากเป็นน้องคนสุดท้องจะได้มีแต่พี่ ๆ คอยตามใจ หลี่หลิวที่เหนื่อยล้

    Last Updated : 2024-12-15

Latest chapter

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 50 ไม่ใช่ความฝัน จบ

    "อ้าว....ยัยลูกคนนี้หนิ ถ้าไม่สบายทำไมไม่เข้าไปนอนในห้องนอนล่ะเนี่ย" หมิงหลิวมองไปที่ลูกสาวที่หลับไปทั้งแบบนั้น รองเท้าก็ยังไม่ได้เปลี่ยนเลยแท้ ๆ สงสัยเสี่ยวเหมยจะถูกหัวหน้ากดดันมาอีกสิท่า เห้อ...สมัยนี้ทำงานมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ"แม่บอกแล้วว่าให้หาผู้ชายดี ๆ สักคนมาคอยดูแล ถ้าไปดูตัวตามที่แม่บอกแต่แรกคงจะไม่เป็นแบบนี้ ป่านนี้คงยิ้มหน้าบานเท่ากระด้งไม่ก็ออกไปเดทดูหนังผ่อนคลายแล้วซักหน่อยก็ยังดี" หมิงหลิวบ่นให้ลูกสาวหัวรั้นพร้อมทั้งเดินไปเอาผ้าห่มมาห่มตัวให้เสี่ยวเหมยวันนี้เป็นวันหยุดของเสี่ยวเหมยว่าแต่เสี่ยวเหมยไปไหนมากันแน่นะ ไหนว่าจะไปหาเพื่อนแล้วไหงถึงได้กลับมาอยู่ในสภาพแบบนี้กันหมิงหลิวส่ายหัวไปมาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ ถึงแบบนั้นแต่เธอก็เดินเข้าครัวไปต้มโจ๊กไว้รอให้หมิงเหมยที่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของเธอ"หมิงหลิวเอ้ย ทำไมเสี่ยวเหมยของเราถึงตัวร้อนแบบนี้ล่ะ"เสียงแหบชราของย่าหมิงดังมาจากห้องรับแขก ทำให้หมิงหลิวที่ทำโจ๊กอยู่ทำหน้างุนงง เมื่อกี้เสี่ยวเหมยยังไม่มีไข้นี่นาแล้วจู่ ๆ มีไข้ขึ้นมาเฉยเลยงั้นเหรอ หมิงหลิวปิดเตาเมื่อต้มโจ๊กเสร็จแล้วเธอก็เดินออกมาดู เห็นย่าหมิงกำลังเช็ดตัวให้เ

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 49 ข้าอยากมีเจ้าตัวเล็ก

    หลังจากวันที่สืออิงคลอดบุตร สือไท่ก็พาบ้านหลี่แวะไปเยี่ยมเยียนอยู่หลายครั้ง จนหลี่หลิวที่ไม่ค่อยไปไหนนักก็มักไปติดอยู่กับบ้านนั้นเข้าเสียแล้ว"วันนี้เจ้าจะไปหาสือต้าเหนิงอีกแล้วรึ ไหนเจ้าบอกว่าวันนี้จะทำสบู่ หรือว่าเจ้าเปลี่ยนใจไม่ทำแล้ว" หลี่จงเดินมารดน้ำผักยามเช้าแล้วถามไถ่ผู้เป็นน้องสาวขึ้นอย่างสงสัย"ข้าไปแค่ครู่เดียวเท่านั้น เดี๋ยวช่วงสายหน่อยข้าก็จะกลับมาทำงานเช่นเดิม""ในเมื่อเจ้าชอบเด็กถึงเพียงนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่มีให้เขาสักคนล่ะ""นี่ พี่ใหญ่...ข้าชอบเด็กก็จริง แต่ข้าก็ยังไม่อยากมีในเร็ว ๆ นี้หรอกนะ ข้ายังไม่พร้อมน่ะ""งั้นเจ้าก็อยู่บ้านบ้างสิ งานโรงเตี๊ยมเจ้าก็แทบจะโยนมาให้ข้าหมดแล้ว เจ้าหนิมันจริง ๆ เลยนะ""จะให้ข้าทำเช่นไรได้ เจ้าตัวเล็กนั่นน่ารักขนาดนั้น แถมแก้มน้อย ๆ ก็น่าหยิกน่าชังยิ่งนัก""น้องรอง...ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน นั่นไม่ใช่เจ้าเล็กของเรานะ ห้ามแม้แต่จะคิดที่จะไปหยิกแก้มเขาเชียวล่ะ""ข้ารู้หรอกน่า ชิ...ข้าล่ะเกลียดท่านจริง ๆ" หลี่จงส่ายหัว และยิ้มน้อย ๆ แล้วส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคออย่างรู้ทัน นางชอบหยิกแก้มนุ่ม ๆ ของเด็กเป็นที่สุด มีหรือข้าจะไม่รู้"เอาล่ะ หาก

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 48 สือต้าเหนิง

    ณ บ้านสือ....ยามอู่ ช่วงสิบเอ็ดโมงเช้าจนถึงเกือบบ่ายโมง"เร็วหน่อย ๆ นายหญิงจะคลอดแล้ว" ลุงชิงหัวพ่อบ้านวัยสี่สิบเอ็ดปีสามีของป้าชิงหร่วน ส่งเสียงบอกสาวใช้ในเรือนให้รีบไปเตรียมข้าวของตามที่หมอตำแยบอก"นายท่านขอรับ เดี๋ยวข้าส่งคนไปบอกนายน้อยดีหรือไม่ขอรับ"ลุงชิงหัวถามนายท่านของตนที่เดินวนไปมาอยู่หน้าห้องนอนหลายรอบอย่างตื่นเต้น"จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เขาพึ่งเข้าห้องหอไปเมื่อคืน แถมดูจากสภาพของเขาแล้วตอนนี้คงยังเมาค้างอยู่อย่างแน่นอน" ใบหน้าของสือหานปรากฎแววของความอดรนทนไม่ไหวขึ้นมาจาง ๆ"แต่อย่างน้อย เราควรไปแจ้งข่าวให้นายน้อยทราบสักหน่อยนะขอรับ" ลุงชิงหัวกล่าวทักท้วงนายท่านสือหานด้วยความห่วงใย"ข้าคิดว่าหากนายน้อยรู้เรื่องไม่ว่าจะเป็นเช่นไรเขาจะต้องรีบบึ่งมาที่นี่อย่างแน่นอนขอรับ""เอาตามที่ท่านเห็นสมควรเถอะ แค่นี้ข้าก็ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว"สือหานที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาดังออกมาจากด้านในเป็นพัก ๆ ทำให้เขาปวดใจจนยากที่จะอธิบาย ในตอนนี้เขาก็ไม่มีกระจิตกะใจไปสนใจเรื่องอื่นอีกแล้ว เขาได้แต่เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าห้องนอนอย่างร้อนใจ ใบหน้าของสือหานในยามนี้ปราศจากรอยยิ้มอันอบอุ่นมีแต่ค

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 47 ส่งตัวบ่าวสาว

    ยามไฮ่ สี่ทุ่มโดยประมาณ...."ท่านพี่… ข้าว่าน่าจะได้เวลาแล้วนะเจ้าคะ"สืออิงเรียกสามีของตนที่กำลังติดลมดื่มด่ำสุรากับเพื่อนฝูงจนลืมเวลาไป"ถึงเวลาแล้วรึ?" สือหานที่ใบหน้าแดงก่ำวางจอกสุราลง แล้วหันมาถามสืออิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ โดยมีป้าชิงหร่วนคอยนวดขาให้นางเพื่อคลายความเมื่อยล้า"เจ้าค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว หากรอนานกว่านี้อีก เจ้าลูกชายของท่านพี่คงหมดสภาพไปแล้วอย่างแน่นอน" สืออิงหันหน้าไปทางสือไท่ที่ร่ำสุรามงคลกับเพื่อนพ้อง จนตอนนี้เขาดูเมามายแถมสนุกสนานจนลืมไปแล้วว่าตนกำลังทำอะไรอยู่"เว่ยหนิง..."สือหานเรียกเว่ยหนิงที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ ที่เขาดื่มสุราไปเพียงเล็กน้อยแต่พอควร และคุยเล่นกับจางปิงกับครอบครัวอย่างสนุกสนาน ดูท่าทางแล้วพอถึงเวลาจริงจังกับเป็นเว่ยหนิงที่พึ่งพาได้มากที่สุด"เดี๋ยวพ่อมานะ เจ้าอยู่กับท่านแม่ และเล่นกับพี่ชายไปก่อน""ขอรับท่านพ่อ" เสียงเล็ก ๆ ของเด็กวัยสองขวบ ตอบรับผู้เป็นบิดา และหันไปเล่นกับพี่ชายที่เป็นบุตรชายของจางปิงต่อ เว่ยหนิงใช้มืออันหนาใหญ่ ยีหัวบุตรชายเบา ๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะของนายท่านสือหาน"นายท่าน"เว่ยหนิงลุกขึ้นยืนเต็มตัว เขาก้าวขาเพียงเล็กน้อยก็มาถึง

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 46 แต่งงาน

    "ตั้งใจทำงานกันหน่อย อีกเดี๋ยวพอลูกค้าเริ่มมาแล้วจะวุ่นวายกันไปใหญ่ ตรงนั้นน่ะดึงผ้าให้ตึงกว่านี้อีกหน่อยมันหย่อนจนเกินงามไปแล้ว" สืออิงที่นั่งเก้าอี้ใช้พัดที่ยังไม่กางออกชี้สั่งงานคนงานของตน และแม่บ้านที่นำมาด้วยให้ช่วยกันเร่งมือตั้งแต่เช้าตรู่ยิ่งนางได้เห็นท่าทีของสือไท่ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหนในตอนที่เขากลับไปถึงบ้าน นางยิ่งมีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น และยังหวังลึก ๆ ในใจว่านางยังจะทนไหวจนกว่าสือไท่จะตบแต่งจนเสร็จ สืออิงคอยบอกทารกในครรภ์อยู่เสมอว่าให้อดทนรอจนกว่าจะเสร็จงานแต่งของพี่ชายจึงค่อยออกมาพบเจอกัน เพราะนางอยากให้งานแต่งของสือไท่ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่มีที่ติ นางจึงต้องลากร่างกายที่เหมือนจะพร้อมคลอดทุกเมื่อออกมาเร่งจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อย"พี่สืออิง ท่านไม่ต้องเร่งรีบไป ข้ารู้ว่าท่านอยากอยู่รอดูวันนั้นของสือไท่ด้วยตาของท่านเอง แต่หากท่านฝืนตัวเองมากเกินไปตัวท่านเองนั่นแหละจะลำบาก ดูเอาเถอะทั้งสือไท่ และหลี่หลิวต่างมาคอยดูแลคุมงานอย่างใกล้ชิดถึงเพียงนี้ ท่านก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะที่จะคอยตรวจตราพวกเขาอีกที"หลี่ลู่เห็นพี่สืออิงมานั่งคอยสอดส่องอย่างใกล้ชิด และออกคำสั่ง

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 45 จัดบ้าน

    หลังจากสร้างบ้านที่ท้ายสวนเสร็จหลี่หลิวก็พยุงท่านแม่ใหญ่อย่างสืออิงที่ท้องโตเต็มที่เดินตรวจตราดูความเรียบร้อยจนนางพอใจ หลี่ลู่เดินข้าง ๆ ตามมาพร้อมกับสือหาน และสือไท่ ก่อนจะพูดคุยเรื่องการจัดงานแต่งในอีกไม่กี่สิบวันข้างหน้าด้วยความกระตือรือร้น"เรื่องของแม่นางกงซูหนิงก็จบลงด้วยดี ต่อไปนี้ก็คงไม่มีอะไรมาคอยกวนใจหลี่หลิวอีกแล้วล่ะ" สือหานกล่าวพร้อมกับมองบ้านหลังที่ไม่เล็ก และไม่ใหญ่จนเกินไปอย่างพอใจ หลี่หลิวสร้างบ้านได้น่าอยู่ถึงเพียงนี้เชียวรึ ถึงข้าวจะของยังจัดการไม่เรียบร้อยดีเท่าไหร่นักแต่โดยรวมแล้วดูลงตัวเป็นอย่างมาก ถึงมันจะเรียบง่ายแต่ก็ดูเรียบหรูอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดเลยว่าบ้านธรรมดาหลังหนึ่งแต่ด้านในจะสามารถดูดีได้ถึงเพียงนี้"ตรงนี้ข้าจะเอาไว้ต้อนรับแขกเจ้าค่ะ"เมื่อเดินออกมาจากตัวบ้านที่สร้างเป็นเรือนหอ หลี่หลิวก็หันมาบอกว่าชายคาที่ยื่นออกไปนี้นางเตรียมไว้สำหรับรองรับแขก เพื่อว่าพวกท่านทั้งหมดมาเยี่ยมเยือนก็จะได้มานั่งพักชมวิวตรงจุดนี้ มันมีโต๊ะไม้ยาวที่สามารถรองรับผู้คนได้กว่าแปดถึงสิบคน ซึ่งหลี่หลิวมองเห็นว่าในอนาคตอาจจำเป็นต้องได้ใช้มันอย่างแน่นอน"เจ้าออกแบบบ้านหลังนี้ด้วย

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 44 ย่านเริงรมย์ 2

    "เจ้าอยากมาเป็นนางคณิกาที่นี่งั้นหรือ""ใช่เจ้าค่ะ"นายหญิงแห่งหอคณิกามองไปที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มของนางแล้วก็ต้องตกใจ แม่นางผู้นี้คือบุตรสาวของนายท่านกงเหวินผู้ที่เคยมีชื่อเสียงกว้างขวาง ถึงแม่นางกงจะงดงามไม่น้อยแต่ข้าก็ไม่สามารถรับคนที่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เช่นนี้เข้ามาเพื่อทำให้หอคณิกาของข้าแปดเปื้อนได้ ถึงจะเสียดายใบหน้าที่งดงามของนางอยู่ไม่น้อยก็ตาม การไม่เข้าไปยุ่งกับคนเช่นนี้นั้นย่อมดีกว่าอย่างแน่นอน"ข้าดูจากใบหน้าของเจ้าก็พอใช้ได้ แต่ตอนนี้ข้ายังไม่รับนางคณิกาเพิ่มหรอกนะเจ้ากลับไปเสียเถอะ""ทำไมล่ะเจ้าคะข้า...ข้าสามารถเต้นรำ หรือทำงานอะไรก็ได้นะเจ้าคะ""เด็ก ๆ ส่งนางออกไปที""ขอรับนายหญิง""ไม่ต้อง ข้าออกไปเองได้"เมื่อกงซูหนิงเห็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าโหดเหี้ยมน่ากลัวเดินมาทางนาง นางที่นั่งคุกเข่าอยู่เมื่อครู่เพื่อที่จะอ้อนวอนนายหญิงจึงรีบลุกขึ้นเชิดหน้าหยิ่งทะนงตน กระทืบเท้าไปหนึ่งทีอย่างไม่พอใจแล้วหันหลังเดินออกไปจากหอคณิกาทันที"นายหญิงเจ้าคะ ท่านไม่เสียดายนางรึเจ้าคะ นานมากแล้วนะที่หอคณิกาของเราไม่มีนางคณิกาใหม่ ๆ มาบ้างเลย""เจ้าดูเอาเถอะ กิริยาเช่นนี้มีหรือจะรับแขกได้ หากรับมานา

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 43 ย่านเริงรมย์ 1

    "ปล่อยข้านะ อย่านะ!!"เสียงร้องของหญิงสาวดังออกมาจากมุมอับของกำแพง มีชายหนุ่มน้อยใหญ่สามสี่คนที่กำลังเมามายมารุมรังแกนาง"ปล่อยลูกสาวข้าไปเถอะนะ พวกเราเป็นแค่เพียงขอทานจน ๆ เพียงเท่านั้น ได้โปรดเถอะ" ชายชราผมขาวยกมืออ้อนวอนกลุ่มคนเมาที่พยายามจะมาลวนลามบุตรสาวของตน"เจ้าอยากได้เงินไม่ใช่หรือ ไปกับพวกข้าซะสิ ข้าจะให้เงินมากมายกับเจ้าเอง"ชายร่างท้วมผิวดำคล้ำพุงป่องพยายามล่อลวงนางด้วยการถือเงินอีแปะเป็นพวง ๆ เพื่อหวังจะหลอกล่อนาง"ข้าไม่เอา ๆ ปล่อยมือข้านะ""ปล่อยข้ากับบุตรสาวของข้าไปเถอะ""ใครจะอยากได้เจ้ากันล่ะ ข้าแค่ต้องการบุตรสาวของเจ้าเพียงเท่านั้น หลีกไปให้พ้น!!!" กลุ่มชายที่เมามายผลักดันชายชราออกไปด้วยเท้า จากนั้นใช้ผ้าออกมาเช็ดปัดเสื้อผ้าออกเหมือนกับว่ามันสกปรกมาก และน่าขยะแขยง"ทำอะไรกันน่ะ"เสียงกลุ่มคนของทางการดังขึ้นมาจากด้านหลังของชายหนุ่ม ทำให้พวกเขาสบถด่า แล้วรีบเอามือปิดใบหน้าก่อนจะรีบวิ่งออกไป"ท่านลุง แม่นาง ไม่เป็นไรใช่ไหม""ข้าไม่เป็นไร ข้าขอบคุณพวกเจ้ามาก ที่เข้ามาช่วยข้ากับบุตรสาวได้ทันเวลา ขอบคุณจริง ๆ ""ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ว่าแต่พวกท่านเคยเห็นแม่นางคนหนึ่งที่รูปร่าง

  • ฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา   ตอนที่ 42 อย่าทำเลย

    "ท่านพี่ ท่านไปไหนมาหรือเจ้าคะ" เสิ่นเหนียงเหนียงถามสามีที่พึ่งกลับมาเอาตอนมืดค่ำ ยังดีที่รถม้ามีคบเพลิงจึงทำให้นางเบาใจลงมาบ้าง"ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่ไปช่วยคนมาน่ะ"หลี่จงมองไปทางหลี่หลิวที่ยืนอยู่ในมุมมืดเพราะว่าชายเสื้อและกระโปรงของนางเปื้อนไปด้วยเลือดมากกว่าเขาเสียอีก ยิ่งชุดที่นางสวมใส่อยู่นั้นเป็นสีอ่อนเท่าใด มันก็ยิ่งสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เขาจึงต้องชวนเมียรักเข้าไปในบ้าน แล้วไปนั่งที่โต๊ะใหญ่ตรงที่นั่งประจำพร้อมกับกินอาหารที่นางเตรียมเอาไว้ให้ หลี่หลิวเห็นเช่นนั้นนางจึงเดินเข้ามาแล้วขอไปอาบน้ำล้างตัวเสียก่อน หลี่หลิวใช้เวลาช่วงที่ไม่มีใครสังเกตเห็นรีบเดินขึ้นบ้านไปเอาชุดมาเปลี่ยนแล้วรีบไปล้างกลิ่นคาวที่ติดตัวนางออกด้วยสบู่กลิ่นกุหลาบที่นางใช้เป็นประจำ หลี่หลิวนำชุดที่เปื้อนเลือดมาซักด้วยสบู่จนหายคาวแต่ยังคงมีรอยเลือดที่ล้างไม่ออกอยู่บ้าง หลังจากแต่งตัวด้วยชุดใหม่เรียบร้อยแล้วจึงเดินออกจากห้องน้ำมาแล้วนำชุดไปตากหลังบ้าน"ท่านรีบไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวข้าจะเอาชุดนี้ไปซักให้ มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังกันนะ" แม่นางเสิ่นถามไถ่สามีจนรู้เรื่องของแม่นางกงที่มาทำงานได้เพียงสามเดือน โดย

DMCA.com Protection Status