เมื่อฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง ได้กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโชยมาที่จมูกฉันดิ้นอย่างอึดอัด แต่เหมือนจะทำให้หลินเผิงตกใจตื่น เขาลืมตาที่แดงก่ำ หลังจากเห็นฉันตื่น เขารีบกดกริ่งขอความช่วยเหลือ “ไม่เป็นไรนะ?”ฉันส่ายหน้า พยายามปกปิดความรู้สึกสับสน “ฉันไม่เป็นไร”ระหว่างที่พูด ฉันเอ่ยถาม “ซือเฟิงเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้เข้าคุกไปหรือยัง? แล้วซือซิ่วซิ่วเป็นยังไงบ้าง?”“ซือซิ่วซิ่วบาดเจ็บสาหัส เป็นอัมพาตท่อนล่าง ซือเฟิงขับรถชนสะพาน แขนของเขาบาดเจ็บ ถูกจับตัวไปแล้ว”“แต่ว่าเขากอดเธอเอาไว้แน่น เธอไม่ได้รับบาดเจ็บ”“เธอหมดสติเพราะตกใจมากเกินไป แล้วก็มีพวกบาดแผลถลอกเล็กน้อย”ฉันรู้สึกประหลาดใจมาก นึกไม่ถึงว่าเขาอยากตายด้วยการขับชนสะพาน แต่โชคดีที่เขารอดมาได้ จะได้รับบทลงโทษ ความจริงฉันเตรียมใจตายนานแล้ว หากสามารถพาปีศาจชั่วไปลงนรกได้ ถึงตายฉันก็ยินดีแต่ซือเฟิงล่ะ?ในใจเขาคิดว่ารักฉัน แต่การกระทำกับความคิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางทีในช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาอาจจะเพิ่งสำนึกได้“ซือเฟิงอยากเจอเธอ จะเจอหรือเปล่า?”“ไปเจอสักหน่อยเถอะ”หลินเผิงมองดูฉันอยู่สักพัก จึงได้พูดขึ้น“ก่อนหน้านี้เธอบอกฉันว่าอยา
“โอ๊ย...!”เจ็บ…ซือซิ่วซิ่วถือน้ำเดือดหนึ่งร้อยองศาราดลงบนมือของฉัน!ฉันถลึงดวงตากลมโตเพราะเจ็บปวดรวดร้าว จากนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังขึ้นทันที“ซือซิ่วซิ่ว...คุณหนูซือ ปล่อยฉันไปเถอะ...”“ขอร้องเธอละ...”ฉันอยากต่อต้าน แต่ถูกคนข้างหลังกดเอาไว้เมื่อเห็นคนสวมชุดกระโปรงสีแดงปรากฏตัวตรงหน้า ฉันขอร้องอ้อนวอนใบหน้าหมดจดของซือซิ่วซิ่วเจือด้วยเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งดังกระแทกเข้ามาในหูฉัน“แกเป็นคนชั้นต่ำที่ไม่มีใครเอา คู่ควรมาเทียบกับฉันเหรอ?”หลังจากเธอออกคำสั่ง น้ำร้อนถูกราดลงมาบนใบหน้าของฉันอีกครั้ง“พี่ซิ่วซิ่ว ดูหน้าของมันสิ เหมือนกุ้งมังกรเล็กลวกสุกหรือเปล่า?”เสียงหัวเราะลูกสมุนของซือซิ่วซิ่วดังเข้าหูฉัน จากนั้นได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของซือซิ่วซิ่วดังขึ้น“โจวผิง แกน่าจะขอบคุณฉันนะ คนชั้นต่ำอย่างแกไม่คู่ควรกับใบหน้าอย่างนี้!”ระหว่างที่พูด ซือซิ่วซิ่วเอามีดแหลมออกมาหนึ่งเล่ม แล้วกรีดลงบนใบหน้าของฉันไม่รู้เป็นเพราะอะไร อาจเพราะต้องการเอาชีวิตรอดหรือเพราะความเจ็บปวด จู่ ๆ ทำให้ฉันดิ้นรนจนหลุดจากการเกาะกุมฉันวิ่งหนีอย่างลนลาน ซือซิ่วซิ่วพาลูกสมุนของเธ
เมื่อฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง ฉันกลับตกอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น หรือว่าฉันทะลุมิติ?เมื่อคิดได้อย่างนั้น ฉันสบเข้ากับสายตาที่อ่อนโยนลึกซึ้งมากซือซิ่วซิ่ว?แม้จะดูเหนื่อยล้ามาก แต่ก็เต็มไปด้วยความรักของคนเป็นแม่ ทว่าใบหน้าคือใบหน้าของปีศาจอย่างซือซิ่วซิ่ว!“เด็กดี!เฮ้อ!แก้วตาดวงใจของแม่”ฉันมองหน้าซือซิ่วซิ่ว พร้อมกับเบิกตาโตคำพูดของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แต่ฉันเหมือนตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง ภาพที่ถูกทารุณกรรมในโรงเรียนฉายชัดในหัวฉันเหมือนหนังเรื่องหนึ่งฉันดิ้นรนสุดแรงในอ้อมกอดของเธอ มือน้อยที่อ้วนจ่ำม่ำจิ้มไปที่ดวงตาของเธอ แต่เพราะมือเล็กเกินไปจึงทำให้เอื้อมไม่ถึงซือซิ่วซิ่วตกใจที่ฉันดิ้นอย่างรุนแรง “ว๊าย ว๊าย! ไม่ต้องกลัวนะ เด็กดี”เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของซือซิ่วซิ่ว ทำให้ฉันมั่นใจอย่างหนึ่ง!ฉันเกิดใหม่แล้ว!เกิดใหม่เป็นลูกสาวของซือซิ่วซิ่ว!
“ลูกฉี่เหรอ?” เสียงหนักแน่นเสียงหนึ่งดังขึ้นใบหน้าของซือซิ่วซิ่วแดงระเรื่อทันที “ให้ฉันดูหน่อยค่ะ”จากนั้นเธอรีบถอดผ้าอ้อมสำเร็จรูปออกมาจากตัวฉันแล้วมองดูแวบหนึ่ง “ลูกไม่เป็นไรนี่ ไม่ได้ฉี่นะ!”“ว๊าย!”เธอกรีดร้องเสียงแหลม แล้วโยนฉันขึ้นไปบนเตียงผู้ป่วยฉันร้องไห้เสียงดังทันทีชายคนนั้นก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วอุ้มฉันเอาไว้ในอ้อมกอด จากนั้นปลอบเสียงค่อย “ไม่เป็นไรนะ...ไม่ร้อง ไม่ร้อง พ่ออยู่นี่”จากนั้นหันไปตะคอกอย่างโมโห “เธอโยนลูกได้ยังไง?”ซือซิ่วซิ่วชี้ไปที่หน้าตัวเอง “ลูก ลูกฉี่ใส่ฉัน!”“ลูกเป็นแค่เด็กเท่านั้น ควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอก็ควบคุมตัวเองไม่ได้เหรอ?”“เธอเป็นแบบนี้จะเป็นแม่คนได้ยังไง ลูกยังเล็ก ถ้าเธอโยนจนลูกเป็นอะไรจะทำยังไง? ฉันจะวางใจให้เธอเลี้ยงลูกได้ยังไง!”ซือซิ่วซิ่วรู้สึกรันทดเหลือเกิน “ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ!”ชายคนนั้นทำหน้าตึง แล้วพูดเสียงเย็นทันที “ตั้งแต่วันนี้ฉันจะอายัดบัตรของเธอ ช่วงนี้เธอไปเรียนรู้ให้ดีเถอะว่าจะอบรมเลี้ยงดูลูกยังไง! ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น วัน ๆ อย่าคิดแต่จะออกไปช็อปปิง”ฉันหันมองชายหน้าตึงคนนี้ แล้วหันมองซือซิ่วซิ่วที่รันทดจน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซือซิ่วซิ่วต้องใช้ชีวิตที่ ‘สวยงาม’ โดยการดูแลฉันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงขอเพียงเธออยากนอน ฉันจะร้องไห้เสียงดัง เธอเพิ่งกล่อมฉันอย่างเหน็ดเหนื่อยหนึ่งชั่วโมงถึงจะได้หลับไป สรุปฉันก็เริ่มร้องไห้อีกแล้วเมื่อเธอป้อนนม ฉันจะพ่นใส่หน้าเธอเพียงอย่างเดียวขอเพียงมีโอกาส ฉันจะดึงทึ้งผมของเธอ หรือเล่นใบหน้าของเธอเธอแทบบ้าเพราะการกระทำของฉัน แต่เดิมเธอคิดจะเอาใจสามีจะได้มีบัตรออกไปช็อปปิงแต่สุดท้ายกลับโยนฉันให้พี่เลี้ยงดูแลพอพี่เลี้ยงอุ้มฉันเอาไว้ในอ้อมกอด ฉันร้องไห้เสียงดังสนั่นไหวไหวทันที เสียงร้องแทบขาดใจทำให้คนทั้งคฤหาสน์ใจแทบสลายแม่สามีของเธอหรือคุณย่าของฉัน รีบมาตรงหน้าเธออย่างเอาเรื่อง พร้อมตำหนิ “ซือซิ่วซิ่ว! เธอเป็นแม่ประสาอะไร ไม่อยากเลี้ยงลูกแล้วใช่ไหม? ถ้าไม่อยากเลี้ยงลูกก็ไสหัวออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!”“เป็นคนไร้ประโยชน์ที่เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ !”ระหว่างที่ด่าทอ คุณย่าก็หันมาปลอบฉันด้วย หนำซ้ำฉันยังหยุดร้องไห้เพื่อให้ความร่วมมือฉันยิ้มอย่างได้ใจให้ซือซิ่วซิ่ว เธอตะลึงทันที “คุณแม่คะ! เธอ...เธอเป็นตัวประหลาดค่ะ!”คุณย่าขมวดคิ้วทันควัน “นี่เป็นลู
หลินเผิงเพิ่งกลับมาจากบริษัท เขาเพิ่งเปลี่ยนรองเท้าแตะ คุณย่าก็บอกเล่าการกระทำทุกอย่างของซือซิ่วซิ่วตอนได้ยินซือซิ่วซิ่วหาว่าฉันคือ ‘ตัวประหลาด’หลินเผิงหน้าตึงทันที “ผู้หญิงคนนี้!” เขาพูดอย่างโมโห จากนั้นรีบขึ้นไปชั้นบนทันทีฉันผิดหวังเล็กน้อย ไม่ได้เห็นสถานการณ์ต่อสู้จริงแล้วสิ!แต่ใครจะไปคิด คุณย่าอุ้มฉันตามไปติด ๆ หนำซ้ำยังใส่สีตีไข่ไปตลอดทางสมแล้วที่เป็นคุณย่าคนดีของฉัน!ตอนหลินเผิงถีบประตูให้เปิดออก ซือซิ่วซิ่วกำลังแต่งหน้าอยู่ในห้อง เธอสะดุ้งโหยงเพราะเสียงดังจากนั้นออดอ้อนหลินเผิงทั้งที่ขอบตาแดงก่ำ “ที่รัก กลับมาแล้วเหรอคะ!”น้ำเสียงของเธอฉอเลาะ แต่เมื่อเข้าคู่กับรอยฝ่ามือบนใบหน้า มันดูบาดตาเล็กน้อยฉันกำลังคิดในใจว่าคุณย่าก็ลงมือซะหนักเลยแต่คุณย่ากลับพูดอย่างโมโห “นังคนแพศยา ถึงกับใช้วิธีสกปรกแบบนี้ทำร้ายฉันเหรอ!”สีหน้าของหลินเผิงที่เริ่มใจอ่อนเปลี่ยนไปทันที คุณย่าอุ้มฉันแล้วพุ่งตัวเข้าไปหา จากนั้นตบหน้าซือซิ่วซิ่วซ้ายทีขวาทีหลินเผิงรีบเข้าไปห้ามคุณย่า “คุณแม่ อยู่ดี ๆ คุณแม่ตบซิ่วซิ่วทำไมครับ...”ขณะนี้ซือซิ่วซิ่วตะลึงอยู่ที่เดิมต่อมาได้ยินคุณย่าบอกว่า “ไอ
เห็นเพียงในมือคุณย่ามีเครื่องสำอางสีแดงติดมาด้วย!เขาตกใจ จากนั้นหันมองใบหน้าซือซิ่วซิ่ว ตอนนี้มันมีสีแดงสีขาวผสมปนเปกัน จนดูลายตาไปหมดฉันมองดูสีหน้าที่สลับซับเปลี่ยนของหลินเผิง แล้วคิดในใจ เครื่องสำอางของซือซิ่วซิ่วคุณภาพไม่ไหวเลย!คุณย่าเช็ดมือตัวเอง จากนั้นพูดอย่างไม่ใยดี “เอาวิธีที่ฉันเคยใช้มาต่อกรกับฉันเหรอ ไม่รู้จักดูซะบ้างว่าตัวเองอยู่ระดับไหน!”“ซือซิ่วซิ่ว!” หลินเผิงเดินเข้าไปอย่างโมโหสุดขีด เดิมทีเขารู้สึกผิดต่อซือซิ่วซิ่วบ้าง แต่หลังจากเหตุการณ์นี้ ความละอายใจของเขาหายไปจนหมด เขากระชากผมของซือซิ่วซิ่ว แล้วดึงให้เธอเงยหน้า จากนั้นพูดตักเตือน“ซือซิ่วซิ่ว! นับจากนี้เป็นต้นไปเธอต้องดูแลลูกให้ดี! อย่าก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก!”“ไม่อย่างนั้นฉันจะหย่ากับเธอ หลายปีมานี้เงินของตระกูลหลินที่เธอใช้ไปก็ต้องคืนมาให้หมด!”“เข้าใจหรือยัง?”ซือซิ่วซิ่วพยักหน้าอย่างเหม่อลอย หลินเผิงถึงได้รับฉันมาจากมือคุณย่า แล้วอุ้มฉันให้ซบลงกับบ่าของเขาฉันมองดูซือซิ่วซิ่ว ต่อมาเผยรอยยิ้มสะใจออกมาซือซิ่วซิ่วเงยหน้าพอดี เธอตกใจจนสะดุ้ง แล้วพึมพำ “เป็นตัวประหลาดจริง ๆ! ตัวประหลาด!”หลังจากวันนั้น
เวลาได้ผ่านไปอีกหลายเดือน ฉันเดินได้แล้ว กระทั่งสามารถพูดได้อย่างชัดเจนทุกคนในบ้านคิดว่าฉันเป็นอัจฉริยะแต่ฉันไม่ยอมเรียกคุณแม่ กระทั่งบางครั้งที่มีคนอยู่น้อย ฉันจะพูดเสียงต่ำ ‘แพศยา’ ‘คนเลว’ ‘คนหน้าด้าน’มีครั้งหนึ่ง ซือซิ่วซิ่วถูกฉันยั่วโมโหจนอยากโยนฉันลงไปจากชั้นบน แต่ถูกพี่เลี้ยงที่มือไวห้ามไว้ซะก่อนหลินเผิงนึกว่าซือซิ่วซิ่วเป็นบ้าไปแล้วแต่ฉันกลับเข้ากันได้ดีกับพวกพี่เลี้ยงของฉันหลังจากคุณย่าให้หมอจิตวิทยาสองสามคนมาตรวจดูอาการของซือซิ่วซิ่ว กลัวเธอจะทำร้ายฉันอีก เลยขังซือซิ่วซิ่วไว้ชั้นบนอาการทางจิตของซือซิ่วซิ่วแย่ลงเรื่อย ๆ ...หลายครั้งที่ได้ยินเธอร้องคำรามและก่นด่าเสียงดังในที่สุด ตอนงานวันเกิดครบรอบหนึ่งขวบของฉัน เธอได้รับอนุญาตให้ออกมาหลินเผิงกำชับเธอสารพัด เธอทำได้เพียงรับปากแต่ฉันเห็นความอำมหิตในดวงตาของเธอเธอต้องคิดหาวิธีแก้แค้นฉันแน่นอน!